WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อุตุฯ เตือน 15 จว.เหนือ-อีสานระวังภัยฝนตก-น้ำท่วม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>3 กันยายน 2555 19:22 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเตือน "ฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก" ฉบับที่ 14 ว่า ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลาง พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย ตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มของ จ.แม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ อุดรธานี สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี นครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี และสระบุรี ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ในช่วงวันที่ 3-6 กันยายนนี้ ไว้ด้วย

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แผ่นดินไหวขนาด 5.9 ริกเตอร์ ที่ฟิลิปปินส์</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>3 กันยายน 2555 18:16 น</TD></TR></TBODY></TABLE>สถาบันภูเขาไฟและแผ่นดินไหวฟิลิปปินส์ รายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 5.9 ริกเตอร์ ในทะเลแซมบาเลส ห่างไปทางตะวันตกของเมืองปาเลมบัง บนเกาะมินดาเนา ทางภาคใต้ของประเทศในวันนี้ แรงสั่นสะเทือนสามารถรู้สึกได้ในหลายเมืองใกล้เคียง แต่คาดว่าจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายรุนแรง
ทั้งนี้ เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาได้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้ต้องมีการประกาศเตือนภัยคลื่นสึนามิในทันที

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>นาซาอนุมัติ $1 แสนวิจัยเครื่องบินเร็วกว่าเสียงทรงดาวกระจาย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>3 กันยายน 2555 16:27 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=634><TBODY><TR><TD vAlign=top width=634 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เดลิเมล์ - องค์การนาซาอนุมัติเงิน 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นทุนในการพัฒนาอากาศยานรูปแบบใหม่ในคอนเส็ปต์ เครื่องบินความเร็วเหนือเสียง ที่มีรูปลักษณ์เหมือนดาวกระจายของนินจา

เครื่องบิน ซึ่งมีลักษณะเหมือนดาวกระจายของนินจา โดยมี 2 แฉกที่ยาวกว่า และอีก 2 แฉกที่สั้น นี้ถูกสร้างเพื่อให้สามารถเทคออฟจากพื้นดิน และเมื่อบินถึงระดับชั้นบรรยากาศที่มีความเร็วกว่าเสียง ก็สามารถเปลี่ยนโหมดให้บินขึ้นไปบนฟ้าได้สูงกว่าเครื่องบินปกติทั่วไป

ตามรายงานของเว็บไซต์เอนแกดเจ็ตระบุว่า เมื่อเครื่องบินพาณิชย์ทั่วไปจำเป็นต้องมีปีกยาวมาก เพื่อใช้ระยะปีกให้ได้โมเมนตัมเพียงพอในการพยุงตัวขึ้นจากพื้นดิน แต่ระยะปีกที่กว้างนี้ก็กลายเป็นตัวถ่วงเครื่องบินเมื่อบินด้วยความเร็วที่ไวกว่าเสียง

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=634><TBODY><TR><TD vAlign=top width=634 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> ดังนั้น เมื่อเครื่องบินดาวกระจายนี้บินถึงระดับชั้นบรรยากาศซูเปอร์โซนิกแล้ว ก็จะหมุนลำ 90 องศาเพื่อที่จะให้ตัวเครื่องยาวขึ้น และบางกว่าเมื่อตอนเทคออฟจากฐาน

เทคโนโลยีดังกล่าวนี้นำร่องโดย ดร.จา เกอเฉิง อาจารย์มหาวิทยาลัยไมอามี โดยมีวิดีโอสาธิตแนวคิดของการเปลี่ยนโหมดในระหว่างการบินด้วย

รายงานระบุว่า เงินทุน ที่นาซาอนุมัติก้อนนี้ จะทำให้ศาสตราจารย์จา และคณะผู้ช่วยของเขาดำเนินการค้นคว้าวิจัย รวมถึงการจำลองการบิน และทดลองอุโมงค์ลม

แม้ว่าเงินทุนก้อนนี้จะเป็นการสนนับสนุนส่งเสริมงานวิจัยดังกล่าวอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็คาดว่ายังต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีกว่าที่รูปแบบเครื่องบินเร็วเหนือเสียงรูปทรงดาวกระจายลำนี้จะกลายเป็นจริงขึ้นมา

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ผวาซ้ำ! แผ่นดินไหวเขย่าฟิลิปปินส์อีก 5.9 ทางใต้ของประเทศ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>3 กันยายน 2555 14:49 น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=250><TBODY><TR><TD vAlign=top width=250 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส)รายงานวันนี้(3)ว่าเกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลซึ่งสามารถวัดความรุนแรงได้ที่ระดับ 5.9 ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ ถือเป็นแผ่นดินไหวรุนแรงเป็นครั้งที่ 2 ของประเทศภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์

ข้อมูลของยูเอสจีเอสระบุว่า ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวใต้ทะเลครั้งนี้ อยู่ลึกลงไปราว 10.1 กิโลเมตรห่างจากเมืองบันโตกอน ไปทางตะวันตกราว 27 กิโลเมตร และห่างจากเมืองคาลามันซิง ในจังหวัดสุลต่าน คุดารัต ทางตอนใต้ของประเทศ ไปทางตะวันตก 29 กิโลเมตร ขณะที่ข้อมูลของทางการฟิลิปปินส์ระบุว่า เมืองคาลามันซิงมีประชากรอาศัยอยู่มากกว่า 44,000 คน

เบื้องต้น ยังไม่มีรายงานความเสียหายจากแผ่นดินไหวใต้ทะเลที่ฟิลิปปินส์ในครั้งนี้ แม้จะมีรายงานจากสื่อท้องถิ่นว่า พบแรงสั่นสะเทือนที่เมืองมากานอย ซึ่งอยู่ห่างจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวกว่า 80 กิโลเมตรด้วยเช่นกัน

เหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถือเป็นแผ่นดินไหวรุนแรงเป็นครั้งที่ 2 ภายในระยะเวลาไม่ถึงสัปดาห์ที่ฟิลิปปินส์ หลังจากที่เมื่อวันศุกร์ (31 สิงหาคม) ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวซึ่งวัดความรุนแรงได้ถึงระดับ 7.6 ที่นอกชายฝั่งจังหวัดซามาร์ ทางตอนกลางของประเทศ เป็นเหตุให้เกิดดินถล่มจนมีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บอีก 1 ราย และเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมาเกือบ 300 ครั้ง นอกจากนั้นยังมีการประกาศเตือนภัยสึนามิ แต่ก็ได้มีการยกเลิกในเวลาต่อมา

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ผู้ลี้ภัยโสมแดงเผยชาวเกาหลีเหนือได้ “กินโค้ก” นานนับสิบปีแล้ว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>3 กันยายน 2555 10:42 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=512><TBODY><TR><TD vAlign=top width=512 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>เครื่องดื่มโคคาโคลา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี - เครื่องดื่มโคคาโคลามีจำหน่ายตามตลาดเอกชนในเกาหลีเหนือมานานนับสิบปีแล้ว แม้ผู้ผลิตน้ำอัดลมชื่อดังของสหรัฐฯ จะไม่ได้เข้าไปดำเนินธุรกิจในรัฐโสมแดงก็ตาม ผู้ลี้ภัยเกาหลีเหนือเผยเมื่อวันเสาร์(1)

คลิปวิดีโอเครื่องดื่มโค้กกำลังถูกเสิร์ฟที่ร้านพิซซาแห่งหนึ่งในกรุงเปียงยางเรียกความสนใจได้ไม่น้อยจากผู้เข้าชมเว็บไซต์ยูทิวบ์

ผู้บริโภคชาวเกาหลีเหนือจะได้รับข้อมูลว่าเครื่องดื่มเหล่านี้เป็น “โค้กอิตาลี” แม้จะมีเครื่องหมายการค้าสีขาวและแดงเห็นอยู่ทนโท่ก็ตาม

ลี ซุก-ยอง ซึ่งหลบหนีมายังเกาหลีใต้ตั้งแต่ปี 2006 บอกว่า ผู้จัดจำหน่ายในจีนเริ่มส่งโค้กไปขายตามแนวชายแดนตั้งแต่ปี 2002 ซึ่งเป็นช่วงที่ตลาดกึ่งทุนนิยมเริ่มแพร่หลายในเกาหลีเหนือ

“ถ้าคุณมีเงินคุณสามารถซื้อโค้กได้ตามตลาดเอกชนในเมืองใหญ่ๆ แต่ราคาจะแพงมากเมื่อเทียบกับต่างประเทศ” ลีให้สัมภาษณ์

คิม ซุง-มิน อีกหนึ่งผู้ลี้ภัยที่มีชื่อเสียงบอกว่า ชาวเกาหลีเหนือเริ่มรู้จักโคคาโคลาตั้งแต่ปี 1989 ซึ่งกรุงเปียงยางเป็นเจ้าภาพจัดเทศกาลเยาวชนและนักศึกษาโลกครั้งที่ 13

“บุหรี่นอกอย่างมาร์ลโบโร หรือดันฮิลล์ ก็หาซื้อได้ตามร้านค้าเช่นกัน” คิมเผย

ในช่วงแรกๆ เครื่องดื่มโค้กจะมีวางจำหน่ายเฉพาะร้านขายสินค้าต่างประเทศในกรุงเปียงยาง เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่เข้าถึงเงินตราต่างประเทศ ซึ่งก็คือชนชั้นปกครองหรือชาวต่างชาติในเกาหลีเหนือนั่นเอง

คิมบอกว่า โค้กมีราคาแพงเกินกว่าที่ชาวบ้านทั่วไปจะซื้อหามาดื่มได้

ด้านโฆษกของโคคาโคลายืนยันกับหนังสือพิมพ์เทเลกราฟว่า “ยังไม่เคยขยายธุรกิจเข้าไปยังเกาหลีเหนือ”

“ผลิตภันฑ์ของเราที่วางจำหน่ายในตลาดเหล่านั้นถูกซื้อเข้าไปโดยกลุ่มบุคคลที่ 3 ที่ได้ไม่ได้รับอนุญาต และเครื่องดื่มโค้กถูกนำเข้าเกาหลีเหนือผ่านทางตลาดอื่นๆ”

“ยังไม่มีผู้แทนของโคคาโคลา ที่อยู่ระหว่างเจรจา หรือสำรวจหาช่องทางเข้าไปทำธุรกิจในเกาหลีเหนือ เพราะ โคคาโคลา จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับของสหรัฐฯ ว่าด้วยความสัมพันธ์กับประเทศดังกล่าว”
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้” ระงับความร่วมมือระหว่างกองทัพชั่วคราวหลังสัมพันธ์ตึงเครียด</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>3 กันยายน 2555 15:51 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=734><TBODY><TR><TD vAlign=top width=734 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>หมู่เกาะ "ทาเกชิมะ" หรือ "ด๊กโด" ในทะเลญี่ปุ่น ซึ่งทั้งโซลและโตเกียวต่างก็อ้างกรรมสิทธิ์ </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี/ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เกาหลีใต้และญี่ปุ่นระงับความร่วมมือระหว่างกองทัพเป็นการชั่วคราว หลังเกิดกรณีพิพาทหมู่เกาะในทะเลญี่ปุ่นซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเสื่อมถอย เจ้าหน้าที่กลาโหมเผยวันนี้(3)

ผู้บัญชาการกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศและทางเรือของญี่ปุ่นได้ยกเลิกแผนเดินทางเยือนเกาหลีใต้ ซึ่งเดิมมีกำหนดในวันนี้(3) ขณะที่กรุงโซลก็ยกเลิกการส่งผู้บัญชาการกองทัพเรือและกองทัพอากาศไปเยือนโตเกียวเช่นกัน โฆษกกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้แถลง

“คำสั่งดังกล่าวมีผลบังคับเพียงชั่วคราว เพื่อแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยังตึงเครียด”

ความบาดหมางครั้งล่าสุดระหว่างโสมขาวกับแดนปลาดิบเกิดจากการแย่งชิงอธิปไตยเหนือหมู่เกาะพิพาทในทะเลญี่ปุ่น (ทะเลตะวันออก) ซึ่งมีชื่อในภาษาเกาหลีว่า ด๊กโด ขณะที่ชาวญี่ปุ่นเรียกขานหมู่เกาะแห่งนี้ว่า ทาเกชิมะ

เจ้าหน้าที่กระทรวงเตือนว่า หากข้อพิพาททวีความรุนแรงยิ่งขึ้น อาจส่งผลกระทบถึงกิจกรรมแลกเปลี่ยนและความร่วมมืออื่นๆระหว่างกองทัพทั้ง 2 ชาติ

ความสัมพันธ์อันดีระหว่างญี่ปุ่นกับเกาหลีใต้เริ่มสั่นคลอน หลังจากประธานาธิบดี ลี เมียงบัค เดินทางไปเยือนหมู่เกาะด๊กโดอย่างเหนือความคาดหมาย เมื่อวันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้เดินทางไปถึงหมู่เกาะแห่งนี้

ลี ระบุว่า การเดินทางของเขามีจุดประสงค์เพื่อกดดันให้ญี่ปุ่นยอมชดเชยความเสียหายแก่สตรีเกาหลีที่ตกเป็นทาสบำเรอกามของทหารญี่ปุ่น ระหว่างที่คาบสมุทรเกาหลีตกอยู่ใต้อิทธิพลของจักรวรรดิญี่ปุ่น เมื่อช่วงปี 1910-1945

ไม่เพียงเท่านั้น ลี ยังสร้างความตะลึงพรึงเพริดแก่รัฐบาลโตเกียวโดยเรียกร้องให้สมเด็จพระจักรพรรดิอากิฮิโตะทรงขออภัยในความผิดครั้งอดีต หากทรงมีพระราชประสงค์ที่จะเสด็จฯเยือนแผ่นดินเกาหลีในอนาคต

โตเกียวตอบโต้ท่าทีแข็งกร้าวของ ลี โดยสั่งยกเลิกการประชุมรัฐมนตรีคลังญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในเดือนสิงหาคม และจะทบทวนข้อตกลงสวอปเงินตราต่างประเทศกับโซลด้วย

รัฐบาลญี่ปุ่นยังกล่าวเป็นนัยๆว่า อาจระงับโครงการรับซื้อพันธบัตรรัฐบาลเกาหลีใต้ ซึ่งเพิ่งบรรลุข้อตกลงกันไปเมื่อเดือนพฤษภาคมปีนี้

เกาหลีใต้ยืนกรานปฏิเสธข้อเสนอของญี่ปุ่นที่ต้องการให้นำประเด็นหมู่เกาะด๊กโด/ทาเกชิมะขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ไอซีเจ) โดยโฆษกกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้อ้างว่า หมู่เกาะแห่งนี้เป็นของเกาหลีใต้อย่างชัดแจ้ง “ทั้งในด้านประวัติศาสตร์, ภูมิศาสตร์ และกฎหมายระหว่างประเทศ”
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“เวิลด์ แบงก์”ชี้ราคาอาหารโลกพุ่งสูง ชี้สภาพอากาศเลวร้ายเป็นเหตุ พร้อมจวก “รบ.ปู” ทำกลไกราคาข้าวบิดเบี้ยว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>3 กันยายน 2555 12:53 น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=450><TBODY><TR><TD vAlign=top width=450 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ดัชนีราคาอาหารของธนาคารโลก ปรับตัวพุ่งสูงขึ้นกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แต่คาดว่าทั่วโลกยังคงมีปริมาณของเมล็ดพันธุ์พืชอาหารมากพอ ที่จะหล่อเลี้ยงประชากรโลกในปีนี้ได้ โดยอาจไม่เกิดเหตุจลาจลเพื่อแย่งชิงอาหารซ้ำรอยเช่นที่เคยเกิดใน ทวีปแอฟริกา อเมริกาใต้ และในภูมิภาคตะวันออกกลางเมื่อปี 2008 พร้อมระบุ นโยบายด้านราคาข้าวที่สูงเกินจริงของรัฐบาลไทยภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่สอดคล้องกับกลไกตลาด

รายงานของธนาคารโลก ซึ่งมีฐานอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐฯ และมีสมาชิกกว่า 188 ประเทศทั่วโลกระบุว่าราคาของพืชพันธุ์ธัญญาหารพุ่งสูงขึ้นแทบทุกชนิดคิดเป็นสัดส่วนราว 10 เปอร์เซ็นต์เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยราคาของข้าวโพด และข้าวสาลีในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 1 ใน 4 ขณะที่ราคาของถั่วเหลืองปรับตัวเพิ่มขึ้น 17 เปอร์เซ็นต์ มีเพียงข้าวเท่านั้นที่ราคาปรับตัวลดลงราว 4 เปอร์เซ็นต์

ข้อมูลของธนาคารโลกชี้ว่า สาเหตุหลักที่ทำให้ราคาสินค้าธัญพืชแทบทุกชนิดพุ่งสูงขึ้นในช่วงดังกล่าวเป็นเพราะภาวะภัยแล้งในหลายพื้นที่ทั่วโลกโดยเฉพาะในแถบภาคตะวันตกกลาง (มิดเวสต์) ของสหรัฐฯ ที่ถือได้ว่ามีความรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปีหรือครี่งศตวรรษ รวมถึงความเลวร้ายของสภาพอากาศในรัสเซียที่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในแหล่งปลูกธัญพืชที่สำคัญของโลก

ในส่วนของราคาข้าวนั้น รายงานของเวิลด์ แบงก์ระบุว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ข้าวเป็นพืชอาหารเพียงชนิดเดียวที่มีราคาตกลงในช่วงที่ผ่านมา เป็นเพราะผลผลิตจำนวนมหาศาลและนโยบายด้านราคาข้าวที่สูงเกินจริงสวนทางกับกลไกตลาดของรัฐบาลไทยภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมถึงวิกฤตหนี้สินและการเงินในกลุ่มยูโรโซนที่ทำให้ความต้องการสั่งซื้อข้าวลดน้อยลง

อย่างไรก็ดี ธนาคารโลกเตือนว่า แม้ปริมาณพืชอาหารทั่วโลกในปีนี้ จะยังอยู่ในระดับที่เพียงพอหล่อเลี้ยงประชากรโลก และอาจไม่เกิดวิกฤตด้านอาหารเช่นเมื่อปี 2008 แต่ผลกระทบจากปรากฏการ์ “เอล นินโญ” ที่กำลังจะเริ่มชัดเจนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ อาจทำให้พืชผลทางการเกษตรทั่วโลกได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และจะผลักให้ราคาอาหารพุ่งสูงขึ้นจนกระทบกับวิถีชีวิตของผู้คนจำนวนมาก โดยภูมิภาคที่คาดว่าอาจได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์ดังกล่าวมากที่สุด คือ ออสเตรเลียที่อาจต้องเผชิญกับภัยแล้งรุนแรง และทวีปอเมริกาใต้ที่อาจต้องเผชิญภาวะน้ำท่วมที่รุนแรงกว่าทุกปีที่ผ่านมา

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>น้ำป่าซัดทางรถไฟสายเหนือพัง รฟท.ต้องขนผู้โดยสารขึ้นรถบัสข้าม จว.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>3 กันยายน 2555 20:05 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=center width=165 align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>อุตรดิตถ์ - สถานีรถไฟศิลาอาสน์ เร่งขนถ่ายผู้โดยสารรถไฟสายเหนือ ทั้งขาขึ้น-ขาล่อง ระหว่างแพร่-อุตรดิตถ์ ขึ้นรถบัสก่อนต่อรถไฟเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางต่อ หลังเส้นทางรถไฟถูกน้ำป่าซัดพัง พร้อมส่งเจ้าหน้าที่เร่งซ่อมแซม คาดใช้ได้ตามปกติเที่ยงคืนนี้(3 ก.ย.)

นายพูลสวัสดิ์ อุ่นเอมใจ นายสถานีรถไฟศิลาอาสน์ เปิดเผยว่า หลังจากเกิดน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมทางรถไฟ ทำให้ทางรถไฟสายเหนือไม่สามารถใช้การได้ เนื่องจากเส้นทางรถไฟระหว่างอุตรดิตถ์ - แพร่ ชำรุดระหว่างสถานีรถไฟปางต้นผึ้ง อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ ถึงสถานีรถไฟห้วยไร่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถให้บริการเดินรถสายเหนือ กรุงเทพฯ -เชียงใหม่ ทั้งขาขึ้น ขาล่องได้

ดังนั้นทางรถไฟศิลาอาสน์ ซึ่งเป็นสถานีที่อยู่รองลงมาจากจุดที่เส้นทางขาด จึงได้ทำการขนถ่ายผู้โดยสารที่เดินทางจาก กทม. มาถึงสถานีในตั้งแต่ 10.00 น.วันนี้ (3 ก.ย.55) ขึ้นรถบัสปรับอากาศ ที่เตรียมรถบัสปรับอากาศหลายสิบคันไว้รองรับผู้โดยสารที่มีประมาณ 250 คน ไปส่งยังสถานีจุดหมายปลายทางของผู้โดยสาร และขนถ่ายผู้โดยสารจากขบวนรถ กรุงเทพฯ-เด่นชัย อีก 400 คน ด้วยรถบัสปรับอากาศจำนวน 8 คัน และรับผู้โดยสารจากสถานีเด่นชัย จ.แพร่ มาขึ้นรถไฟต่อที่สถานีรถไฟศิลาอาสน์ เพื่อเดินทางต่อไปยังสถานีปลายทาง โดยทางการรถไฟได้จัดเตรียมอาหารกล่อง พร้อมน้ำดื่ม ให้กับผู้โดยสารทุกคน

นายสถานีรถไฟศิลาอาสน์ ได้กล่าวว่า อย่างไรก็ตามขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทยกำลังเร่งซ่อมเส้นทางดังกล่าว คาดว่า น่าจะสามารถใช้การได้ภายใน 24.00 น.ของคืนนี้ โดยทางการรถไฟแห่งประเทศไทย ขออภัยผู้โดยสารทุกท่านมาในโอกาสนี้ ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเหตุสุดวิสัย จากภัยธรรมชาติแ ต่ก็จะเร่งซ่อมทางให้แล้วเสร็จภายในคืนนี้ เพื่อให้สามารถเดินรถไฟ ได้ตามปกติ
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>น้ำป่าถล่มอุตรดิตถ์ซ้ำดินสไลด์จุดเสี่ยง-คอสะพานพัง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>3 กันยายน 2555 16:19 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top width=160 align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=1 vAlign=center width=165 align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD background=/images/linedot_vert3.gif width=4></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=7 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>อุตรดิตถ์ - น้ำป่าซัดอุตรดิตถ์อีกรอบ คราวนี้ระดับน้ำสูงถึง 1 เมตร ทำชาวบ้านขนของหนีน้ำกันวุ่น แถมเกิดดินสไลด์พื้นที่เสี่ยงภัยหลายจุด-คอสะพานตลิ่งพังเสียหาย เสี่ยงตัดเส้นทางเข้าออกของชาวบ้านที่มีเพียงช่องทางเดียวขาดสะบั้น เตือนเฝ้าระวังยาวถึง 6 กันยาฯ นี้

วันนี้ (3 ก.ย.) นายมงคล ขอร้อง ปลัดอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ฝ่ายป้องกัน พร้อมอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) เมืองอุตรดิตถ์ ได้ร่วมกันสำรวจความเสียหายในพื้นที่ ต.บ้านด่านนาขาม อ.เมืองอุตรดิตถ์ หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่เขาพลึง รอยต่อระหว่างเขต อ.เด่นชัย จ.แพร่ และ ต.บ้านด่านนาขาม และไหลบ่าลงมาสมทบกับลำห้วยแม่เฉย ไหลหลากเข้าท่วมบ้านไฮ่ฮ้า หมู่ 7 ราว 20 หลังคาเรือน ระดับน้ำสูง 1 เมตร

ชาวบ้านที่กำลังหุงหาอาหาร และเตรียมส่งลูกหลานไปโรงเรียนในช่วงเช้าต่างพากันขนของหนีน้ำกันโกลาหล ก่อนที่น้ำจะลดระดับลงในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา

นายมงคลกล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้รับแจ้งว่าบ้านหนองน้ำเขียว หมู่ 12 ต.บ้านด่านนาขาม ซึ่งอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยดินโคลนถล่มแห่งหนึ่งใน อ.เมืองอุตรดิตถ์ มีดินจากภูเขาสไลด์ลงมาทับเส้นทางเข้าออกระหว่างหมู่บ้านกับถนนสายหลัก 4 จุด ชาวบ้านต้องนำจอบเสียมมาขุดดินออกเพื่อเปิดทางให้รถยนต์รับส่งนักเรียนผ่านได้ จึงได้ประสานองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) บ้านด่านนาขาม นำเครื่องจักรมานำดินที่สไลด์ออกจากเส้นทาง พร้อมประกาศเตือนให้ประชาชนในหมู่บ้านเตรียมพร้อมอพยพตลอด 24 ชั่วโมง เพราะฝนจะตกต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 6 ก.ย. 55 นี้

“อีกจุดที่ต้องเฝ้าระวังคือ บ้านป่าว่าน หมู่ 13 เนื่องจากน้ำป่าที่ไหลมาจากบ้านไฮ่ฮ้า กับบ้านหนองน้ำเขียวไหลลงมาสมทบกันที่บ้านดังกล่าว และกัดเซาะตลิ่งคอสะพานข้ามหมู่บ้านที่มีเพียงแห่งเดียว หากสะพานดังกล่าวพังเสียหายก็จะทำให้หมู่บ้านถูกตัดขาดจากโลกภายนอกทันที ซึ่งได้ประสานให้หน่วยงานนำดินมาถมเพื่อไม่ให้ทรุดและเสียหายมากไปกว่านี้แล้ว พร้อมกับได้เตือนไปยังพื้นที่ตอนล่างคือ ต.น้ำริด และเขตเทศบาลตำบลบ้านด่านนาขามให้เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่งและน้ำป่าไหลหลากต่อไป” นายมงคลกล่าว

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สาธิตจุฬาฯศึกษาข้อดี-ข้อเสีย เลื่อนเปิดเทอม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>3 กันยายน 2555 15:11 น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right><TBODY><TR><TD width=5></TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR><TD vAlign=top width=400 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> สาธิต จุฬาฯ เล็งศึกษาดูข้อดี -ข้อเสีย ก่อนตัดสินใจควรเลื่อนเปิดเทอมตามมหาวิทยาลัย หวั่นกระทบการเรียนเพราะร.ร.สาธิตใช้หลักสูตรการเรียนเดียวกับ สพฐ. ด้าน เลขาธิการ กพฐ.ยันแนวทางเดิมไม่เลื่อนแต่หากที่ประชุมวันที่ 5 ก.ย.มีมติอย่างไรก็พร้อมทำตาม

เมื่อวันนี้ (3 ก.ย.) นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวถึงกรณีที่ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) มีมติเลื่อนเปิดภาคเรียน และเลื่อนปฏิทินการคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาในระบบกลางการรับนิสิต นักศึกษาหรือแอดมิสชั่นส์ ปีการศึกษา 2557 เพื่อให้สอดคล้องกับประเทศในกลุ่มอาเซียนและประเทศสากล ว่า ในส่วนของ สพฐ. ยังยืนยันเช่นเดิมว่าจะยังไม่เลื่อนเปิดภาคเรียนตามระดับอุดมศึกษาเพราะกำหนดการเปิดภาคเรียนของโรงเรียนสอดรับกับวิถีชีวิตของคนไทยอยู่แล้ว แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของระดับนโยบาย ซึ่งหากการประชุมหารือเกี่ยวกับการเลื่อนเปิดเทอมในวันที่ 5 กันยายนที่มี ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน มีมติออกมาเช่นไร สพฐ.ก็พร้อมปฏิบัติตาม

ด้าน ศ.ดร.ศิริชัย กาญจนวาสี คณบดีคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นว่าหากมีการเลื่อนเปิดเทอมก็ควรปรับให้สอดรับกันทั้งระบบ ตั้งแต่ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจนถึงระดับอุดมศึกษา ซึ่งในส่วนของโรงเรียนสาธิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตนได้มอบหมายให้รองคณบดีฝ่ายวิชาการ และผู้อำนวยการโรงเรียนสาธิต จุฬาฯ ไปศึกษาผลดี ผลเสีย รวมถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นเพื่อจะได้เป็นข้อมูลพิจารณาว่าจำเป็นที่โรงเรียนสาธิตจุฬาฯ จะต้องเลื่อนเปิดเทอมตามมหาวิทยาลัยหรือไม่ เนื่องจากโรงเรียนสาธิต ถือเป็นห้องแล็บขนาดใหญ่ของคณะครุศาสตร์ ดังนั้น การบริหารจัดการจึงต้องสอดคล้องกับมหาวิทยาลัย แต่ถ้าหากเลื่อนจริงก็จะมีปัญหาเพราะโรงเรียนสาธิตใช้หลักสูตรการเรียนการสอนหลักสูตรเดียวกับ สพฐ. อีกทั้งจะต้องส่งนักศึกษาไปฝึกงานในโรงเรียนสังกัด สพฐ.ด้วย ดังนั้นถ้าเปิด ปิดภาคเรียนไม่พร้อมกันจะทำให้เกิดปัญหาได้

“อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องทางนโยบายที่จะต้องพูดคุยกัน และการปรับเรื่องการศึกษาครั้งนี้จะต้องทำให้ระบบการศึกษามีเอกภาพและต้องไม่มีผลกระทบกับนักเรียน นักศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ซึ่งถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากให้เดินคนละครึ่งทาง และเป็นเรื่องระดับนโยบายที่ต้องหารือกันให้ได้ข้อสรุปให้เร็วที่สุด”ศ.ดร.ศิริชัย กล่าว

คณะบดีครุศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวถึงกรณีที่มหาวิทยาลัยราชภัฎทั้ง 40 แห่งจะไม่เลื่อนเปิดเทอมตามทปอ. โดยให้เหตุผลว่า จะกระทบต่อการฝึกงานของนักศึกษาในคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ที่ต้องไปฝึกงานในโรงเรียนสังกัดสพฐ.นั้น ว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ แต่ต่อไป หากจะให้การศึกษามีการพัฒนาเทียบเท่านานาชาติ ก็ต้องดูกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย เชื่อว่าต่อไปการศึกษาขั้นพื้นฐานก็คงต้องปรับ
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“เบอร์มิวดา” สามเหลี่ยมลึกลับที่สวยจับใจ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>3 กันยายน 2555 16:43 น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>บรรยากาศในเมืองแฮมิลตัน เมืองหลักของเกาะเบอร์มิวด้า</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> พื้นที่ดังกล่าวเป็นหนึ่งในเส้นทางเดินเรือที่หนาแน่นที่สุดในโลก มีทั้งเรือพาณิชย์ที่มุ่งหน้าไปยังเมืองท่าในทวีปอเมริกา ทวีปยุโรปและหมู่เกาะแคริบเบียน และเรือสำราญที่มักจะมุ่งหน้าไปกลับระหว่างฟลอริดากับแคริบเบียน รวมไปถึงเครื่องบินที่สัญจรไปมาบนอากาศ แต่ชื่อของสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าเป็นที่รู้จักขึ้นมาก็เนื่องจากเรือเดินสมุทรและเครื่องบินที่เดินทางผ่านมาบริเวณนี้มักจะหายสาบสูญไปโดยหาสาเหตุไม่ได้ อีกทั้งและไม่เคยมีใครพบซากยานพาหนะเหล่านั้นอีกเลย

นับตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1945 มาจนปัจจุบัน มีเครื่องบินและเรือเดินสมุทรจำนวนกว่า 100 ลำ และผู้คนอีกเป็นจำนวนมาก ที่หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยในพื้นที่สามเหลี่ยมเบอร์มิวดาแห่งนี้ โดยไม่มีซากศพ หรือเศษชิ้นส่วนใดๆ ของเรือหรือเครื่องบินให้เห็น น่าแปลกที่ว่าเครื่องบินที่หายสาบสูญไปหลายๆ ลำได้รายงานสภาพอากาศและทัศนวิสัยขณะบินว่าสงบแจ่มใสดี ไม่มีวี่แววของพายุใดๆ แต่แล้วอยู่ดีๆ เครื่องบินลำนั้นก็ขาดการติดต่อและหายไปอย่างไร้ร่องรอย หรือบางลำนักบินยังมีโอกาสส่งสัญญาณแจ้งข่าวผิดปกติมายังฐานปฏิบัติการได้ ซึ่งต่างก็แจ้งตรงกันหมดว่า ไม่สามารถควบคุมเครื่องยนต์ต่างๆ ได้ตามปกติ เข็มทิศประจำเครื่องจะหมุนจนไม่สามารถบอกทิศทางได้ ท้องฟ้ากลายเป็นสีเหลืองคล้ายหมอกหนาทึบ ท้องทะเลปั่นป่วน ทั้งที่วันนั้นเป็นวันที่อากาศแจ่มใสดี

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ถนน Front Street บรรยากาศน่าเดินเล่นชมเมือง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> ความลึกลับอันน่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้สามเหลี่ยมเบอร์มิวด้าถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “สามเหลี่ยมปีศาจ” (Devil Triangle) และมีผู้พยายามหาสาเหตุของการหายสาบสูญของเรือและเครื่องบินเหล่านี้ แต่ก็ไม่มีคำตอบที่แน่ชัด บ้างก็ว่าเกิดจากแก๊สมีเทนใต้ท้องทะเลปะทุเป็นฟองก๊าซขนาดยักษ์ แล้วแตกตัวเหนือผิวน้ำ ทำให้เรือและเครื่องบินเสียการควบคุม ก่อนจะจมดิ่งสู่ก้นทะเล

บ้างก็ว่าบริเวณสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านี้เป็นประตูข้ามไปอีกมิติหนึ่ง โดยเป็นจุดสมดุลของสนามแม่เหล็กไฟฟ้ากับพลังของสนามแห่งแรงโน้มถ่วง ซึ่งทำให้เกิดช่องว่างของอีกมิติหนึ่งในห้วงอวกาศของเวลา เรือและเครื่องบินที่แล่นผ่านมาในช่วงจังหวะเวลานั้นๆ จึงหายเข้าไปในอีกมิติหนึ่งและไม่สามารถกลับมาได้ และอีกหลายทฤษฎีที่มักมี UFO และมนุษย์ต่างดาวมาเกี่ยวข้องด้วย โดยว่ากันว่าสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้ายังเป็นสถานที่ซึ่งมีผู้พบเห็นจานบินบ่อยที่สุดและมากที่สุดในโลกอีกด้วย

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ทะเลสวยใสของเกาะเบอร์มิวด้า ที่ไม่มีภาพของสามเหลี่ยมปีศาจมาบดบัง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> แต่คำอธิบายที่เป็นไปได้มากที่สุดก็คือ บริเวณนี้เกิดพายุรุนแรงแบบปัจจุบันทันด่วนอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังเป็นบริเวณที่กระแสแม่เหล็กโลกอ่อนแรงกว่าบริเวณอื่นๆ ของโลก ทำให้เข็มทิศบอกทิศทางผิดพลาดจนเรือหรือเครื่องบินหลงทางไปเจอพายุพัดจนล่มลง และสาเหตุที่ไม่พบซากเรือหรือเครื่องบินก็เนื่องจากบริเวณนี้มีกระแสน้ำวนรุนแรง ทำให้ซากเหล่านั้นอยู่ห่างจากตำแหน่งที่จมไปนับร้อยกิโลเมตร แต่ปัจจุบันระบบนำทางของเรือและเครื่องบินได้พัฒนาขึ้นเป็นระบบ GPS ทำให้เดินทางได้ถูกต้องแม่นยำขึ้น และเมื่อเจอพายุกลางทะเลก็สามารถขอความช่วยเหลือได้ไวขึ้นด้วยการระบุตำแหน่งเรือด้วย GPS อุบัติเหตุอันลึกลับจึงไม่เกิดขึ้นบ่อยและน่าพิศวงเหมือนแต่ก่อน

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยนิยมมาเที่ยวที่เกาะแห่งนี้</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> แม้ชื่อของสามเหลี่ยมปีศาจจะยังไม่ลบเลือนหายไป แต่หมู่เกาะเบอร์มิวด้าก็ไม่ได้เป็นสถานที่ที่น่ากลัวแต่อย่างใด แต่กลับเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งหนึ่งของโลก โดยมี “แฮมิลตัน” (Hamilton) เป็นเมืองหลัก ตั้งอยู่บนเกาะเบอร์มิวด้า ซึ่งเป็นเกาะหลักและเกาะที่ใหญ่ที่สุด นอกจากนั้นยังมีเกาะอื่นๆ ที่สำคัญ ได้แก่ ซัมเมอร์เซ็ต ไอร์แลนด์ และเซนต์จอร์จ เป็นต้น ส่วนสภาพอากาศของเบอร์มิวด้าเป็นภูมิอากาศแบบกึ่งเขตร้อน มีแสงแดดตลอดปี ฤดูร้อนไม่ร้อนจัด ฤดูหนาวอากาศเย็นสบาย ทั้งยังมีชายหาดขาวสะอาด น้ำทะเลสวยใสจับใจ บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อย ในย่าน Front Street ที่อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือหลักของเมืองแฮมิลตันเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่มีความน่ารักด้วยอาคารสีพาสเทลสดใส เหมาะกับเมืองชายทะเล เป็นย่านที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเดินเล่นช้อปปิ้งกันมากที่สุด นับเป็นอีกหนึ่งเมืองน่าเที่ยวแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว

หมายเหตุ : ข้อมูลและภาพประกอบข่าวจากอินเตอร์เน็ต
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>บ้าดี! ถ่ายคลิปกลางตาพายุ “ไอแซค” </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>3 กันยายน 2555 02:05 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=600><TBODY><TR><TD vAlign=top width=600 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพจากคลิปที่ถ่ายในใจกลางตาพายุเฮอร์ริเคนไอแซค (ไลฟ์ไซน์)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> ฟังดูเป็นเรื่องบ้าดีเดือดสำหรับการเข้าไปยืนอยู่ใจกลางพายุ แต่ว่าที่ด็อกเตอร์ทางด้านอุตุนิยมวิทยาได้เข้าไปอยู่ในใจกลางพายุ “ไอแซค” พร้อมทั้งบันทึกวิดีโอเอาไว้

แพทริก มาร์ช (Patrick Marsh) ว่าที่ด็อกเตอร์ด้านอุตุนิยมวิทยาจากมหาวิทยาลัยโอกลาโฮมา (University of Oklahoma) ได้เข้าไปอยู่ในตาพายุเฮอร์ริเคนไอแซค (Hurricane Isaac) ซึ่งเป็นพายุรุนแรงระดับ 1 ที่ถล่มชายฝั่งอ่าวเม็กซิโก (Gulf Coast) ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

ภายในตาพายุนั้นดูเงียบสงบและภูมิประเทศสีเขียวยังคงอยู่เป็นปกติ มีเพียงเสียงแทรกจ้อกแจ้กของนกตอนท้ายคลิปมาทำลายความเงียบของบรรยากาศ ขณะที่รอบข้างรายล้อมด้วยท้องฟ้าทะมึนที่สร้างความเสียหายแก่ท้องที่ที่พายุพัดผ่าน ซึ่งมาร์ชได้บันทึกวิดีโอนี้ เมื่อเวลา 08.30 น.ของวันที่ 29 ส.ค.2012 ตามเวลาท้องถิ่น ที่เมืองฮูมา หลุยเซียนา ห่างจากนิวออร์ลีนส์ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ 80 กิโลเมตร

เขาบอกทางเว็บไซต์อาวเออร์อะเมซิงแพลเนต (OurAmazingPlanet) ว่า มีรายงานว่าประชาชนในนิวออร์ลีนส์ต้องได้รับการกู้ภัยโดยการตัดหลังคาบ้านแล้วนำออกมา ซึ่งเขาก็อยู่ไม่ไกลจากที่นั่นนัก และเขาได้ออกไปบันทึกสภาพใจกลางตาพายุพร้อมทั้งบันทึกข้อมูลเรดาร์ไว้ด้วย

มาร์ชได้ทำการวัดโครงสร้างและวิวัฒนาการของกำแพงตาพายุ (eyewall) พายุของเฮอร์ริเคนไอแซคอย่างละเอียด ซึ่งกำแพงตาพายุคือกำแพงเมฆที่หมุนควงอยู่รอบศูนย์กลาง และการบันทึกดังกล่าวก็เป็นส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยของมหาวิทยาลัยด้วย

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>


<IFRAME height=360 src="http://www.youtube.com/embed/YOBGx_S2_yw" frameBorder=0 width=640 allowfullscreen></IFRAME>



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เมื่อตอน 02.20 A.M ของบาหลี มีแผ่นดินไหว พอกระเทือนๆ

 

ไฟป่าพรุทะเลน้อยพัทลุงปะทุขึ้นอีก4จุด

ข่าวภูมิภาค วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ.2555 8:52น.



ไฟไหม้ป่าพรุทะเลน้อย พัทลุง ปะทุขึ้นอีก 4 จุด คาด ชาวบ้านไม่พอใจ หลังถูกตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ จึงแอบลักลอบเผา



สถานการณ์ไฟไหม้ป่าพรุในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง หลักจากที่เจ้าหน้าที่หน่วยเสือไฟ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าฯ ช่วยกันดับไฟจนสงบไปแล้ว มีเหลือเฉพาะ ไฟไหม้ตอไม้ในป่าพรุ ซึ่งอยู่ระหว่างสร้างแนวกันไฟ แต่ขณะเจ้าหน้าที่ประมาณ 300 คน เดินทางไปสร้างแนวป้องกันไฟไหม้ป่าพื้นที่ชุมน้ำโลก บริเวณควนขี้เสี้ยน ก็ได้เกิดไฟไหม้ป่าขึ้นมาอีกจำนวน 4 จุด คือ บริเวณป่าบ้านหัวป่าเขียว ป่าคลองยวน ป่าบ้านลาน และในพื้นที่สวนพฤกษศาสตร์พัทลุง


นายสมชาย สุวรรณชาติ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ต้องสั่งระดมกำลังแบ่งออกเป็น 4 ชุด ล่องเรือหางยาวไปขึ้นฝั่ง และใช้เครื่องฉีดน้ำแบบสะพายหลัง ฉีดน้ำดับไฟที่ไหม้อยู่ที่พื้น และได้สร้างแนวกันไฟรอบๆ พื้นที่ แต่ก็ยังไม่สามารถควบคุมไฟให้อยู่ในวงจำกัดได้ และจากการสำรวจพื้นที่ก็พบว่า จุดที่เกิดไฟไหม้ เป็นจุดที่ไฟเกิดขึ้นมาใหม่ อาจเกิดจากชาวบ้านไม่พอใจเจ้าหน้าที่ ที่เร่งตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ของผู้ถือครองที่ดิน และป่าที่ถูกไฟไหม้ระลอกนี้ บางแปลงเป็นป่าที่อยู่ระหว่างตรวจยึด จึงลักลอบเผาดังกล่าว

 

น้ำป่าเชี่ยวกราก ถล่ม2อำเภอลำปาง จมบาดาลเกือบ2เมตร



น้ำป่าเชี่ยวกรากไหลถล่ม 5 หมู่บ้าน ใน อ.แม่เมาะ ชาวบ้านกว่า 500 หลังคาเรือน ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ปริมาณน้ำสูงเฉลี่ยสูงกว่า 1 เมตร ทำให้มีบางส่วนต้องติดอยู่ภายใน ล่าสุดฝนตกหนักลงมาเพิ่ม เจ้าหน้าที่เร่งช่วย...

เมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ (4 ก.ย.) ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน ในพื้นที่ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ทำให้ 5 หมู่บ้าน ต.สบป้าด และ ต.แม่เมาะ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก มีบ้านเรือนราษฎรกว่า 500 หลังคาเรือน จมอยู่ในน้ำป่าระดับน้ำมีความสูง 50 ซม.-1.50 เมตร ประชาชนต้องขนย้ายทรัพย์สินมีค่าออกจากบ้านเรือน และขณะนี้ระดับน้ำป่าที่ไหลท่วมยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยในหลายพื้นที่มีน้ำป่าไหลเชี่ยวกรากอย่างมาก โดยถนนเข้า ต.สบป้าด ซึ่งเป็นถนนสายหลัก เข้า ต.สบป้าด ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านไปมาได้ ซึ่งขณะนี้ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.ลำปาง และทาง อ.แม่เมาะ ได้รุดออกตรวจสอบพื้นที่ประสบภัยเพื่อดูแลประชาชนผู้ประสบภัยแล้ว

ล่าสุด มีรายงานว่า ฝนได้เริ่มตกหนักลงมาเพิ่มเติม ทำให้ชาวบ้านผู้ประสบภัยกว่า 100 หลังคาเรือน ใน 6 หมู่บ้านได้เร่งขนย้ายทรัพย์สินมีค่าขึ้นที่สูง เนื่องจากเกรงว่าปริมาณน้ำป่าที่ไหลหลากและท่วมขังมานานกว่า 5 ชั่วโมง จะมีระดับเพิ่มสูงขึ้นอีก สำหรับสิ่งที่ทางชาวบ้านผู้ประสบภัย ต้องการขณะนี้คือเจ้าหน้าที่ ที่จะเข้ามาขนย้ายทรัพย์สิน รวมถึงอพยพประชาชนในพื้นที่ ที่กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก และยังคงมีระดับเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้ยายเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน เป็นวงกว้างมากยิ่งขึ้น โดยบางหลังคาเรือนถูกตัดออกจากโลกภายนอก เนื่องจากน้ำป่าได้ไหลท่วมในระดับที่สูงและเชี่ยวกราก รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านไปมาได้ ทำให้มีความชาวบ้าน ส่วนหนึ่งติดอยู่ภายใน.

โดย: ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์

4 กันยายน 2555, 09:48 น.

 

อิทธิฤทธิ์ไต้ฝุ่นโบลาเวน คร่า 48 ศพในเกาหลีเหนือ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 4 กันยายน 2555 00:01 น.


ภาพถ่ายจากดาวเทียมครั้งที่พายุโบลาเวนเข้าถล่มคาบสมุทรเกาหลี

เอเอฟพี - พายุไต้ฝุ่นรุนแรงลูกหนึ่งซึ่งพัดถล่มเกาหลีเหนือเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คร่าชีวิตประชาชนไป 48 คน มีผู้สูญหายและได้รับบาดเจ็บมากกว่า 50 คน สำนักงานข่าวแห่งรัฐรายงานวันจันทร์ (3)

ไต้ฝุ่นโบลาเวน ที่ซัดกระหน่ำคาบสมุทรเกาหลีเหนือเมื่อวันอังคารที่แล้ว (28 ส.ค.) สร้างความเสียหายและคร่าชีวิตพลเรือนไปจำนวนมากในทั้งสองเกาหลี

นอกเหนือจากยอดผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บข้างต้นแล้ว สำนักข่าวเกาหลีเหนือรายงานเพิ่มเติมว่า ในชาติคอมมิวนิสต์แห่งนี้ยังมีประชาชนอีก 21,180 คนต้องไร้ที่อยู่อาศัย หลังอิทธิพลของพายุได้ทำลาย หรือไม่ก็นำพาน้ำไหลบ่าเข้าท่วมบ้านเรือน 6,700 หลัง ต้นไม่มากกว่า 16,730 หักโค่น และก่อความเสียหายแก่โรงงานและอาคารราชการ 880 แห่ง

สำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือรายงานต่อว่า โบลาเวนยังทำลายพื้นที่การเพาะปลูกอย่างต่ำ 8,000 ไร่ ก่อความเสียหายแก่นาข้าวและอื่นๆ กว่า 7,250 ไร่ อย่างไรก็ตาม ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายเหล่านี้ยังเป็นเพียงตัวเลขของทางการที่ไม่ได้ผ่านการยืนยันจากผู้ตรวจสอบอิสระ

พายุโบลาเวนซัดถล่มชาติผู้ขัดสนแห่งนี้ ขณะที่เกาหลีเหนือยังคงอ่วมอรทัยในผลกระทบจากวิกฤตอุทกภัยในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ซึ่งมีผู้เสียชีวิตถึง 169 รายและสูญหายกว่า 400 คน