คลังเรื่องเด่น
-
ขั้นตอนการไปพระนิพพาน
ขั้นตอนการไปพระนิพพาน โดย พระราชพรหมยาน หลวงพ่อวัดท่าซุง
ทรงความดี
1) ถ้าเราจะเป็นคนดี เราทำอย่างไร
อันดับแรก จิตจับ พรหมวิหาร 4 ไว้ก่อน คำว่า พรหมวิหาร 4 นี่ให้รักษาตามกำลัง ค่อย ๆ รักษาเรื่อย ๆ ไปจนมีกำลังเข้มข้นมาก เพราะว่า พรหมวิหาร 4 นี่เป็นศูนย์กลางของความดี คนที่มีพรหมวิหาร 4 อยู่นี่จะมีสมาธิดีเป็นปกติ
ศีล บริสุทธิ์ต้อง พรหมวิหาร 4
สมาธิ จะทรงตัวตั้งมั่นเพราะ พรหมวิหาร 4
ปัญญา กับ วิปัสสนาญาณ จะเข้มข้น ตัดกิเลสได้ง่ายเพราะ พรหมวิหาร 4
พรหมวิหาร 4 มีอะไร ที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำว่า เมื่อตื่นขึ้นตอนเช้า จิตใจคิดไว้เสมอ คิดว่าเราจะเป็นมิตรที่ดีของคนและสัตว์ทั่วโลก เราจะไม่เป็นศัตรูกับใคร จะไม่มีเวรมีภัยกับใคร นึกไปถึงคนต่าง ๆ ในโลก ว่าทุกคนก็ต้องการความสุข และทุกคนก็ต้องการความรัก เราจะรักเราจะสงสารคนทุกคนในโลก และสัตว์ทุกตัวในโลก
ถ้าท่านผู้ใดมีทุกข์ ถ้าไม่เป็นเหตุเกินวิสัยเราที่จะช่วยได้ เราจะช่วยให้เขามีความสุขมีจิตอ่อนโยนไม่อิจฉาริษยาใคร เมื่อใครได้ดีจะพลอยยินดีด้วย จิตจะเป็นสุขถ้าเกิดอะไรขึ้นมันเป็นเหตุสุดวิสัยที่เราจะสงเคราะห์ได้ หรือแก้ไขได้ เราจะวางเฉย... -
บัญชีนิพพาน สิ่งที่หลวงพ่อฤาษีไม่เคยรู้มาก่อน
วันนี้แปลกท่านพระยายมก็ดี นายบัญชีก็ดี ท่านมา
แต่งเต็มอัตราเลย ก่อนท่านมาขนลุกซู่ทั้งตัว
หลังจากนั้นแล้ว ก็เห็นนายบัญชีท่าน ก็เลยถามท่านว่า
"คนที่เจริญกรรมฐานนี่จะมีผลอันดับสูงสุดสักกี่คน?"
ท่านบอกว่า "นี่ท่านถามนิพพานใช่ไหม?"
บอก "ใช่" ท่านก็บอกว่า "บัญชีนิพพานไม่ได้อยู่
ที่ผม บัญชีมี ๓ บัญชี" เพิ่งรู้วันนี้ คือว่า
๑. บัญชีขึ้นๆ ลงๆ ได้แก่ นายบัญชีใหญ่ อยู่ที่พระยายม
ไปนรกก็ได้ ไปสวรรค์ก็ได้ ไปพรหมก็ได้ ใครจะ
ไปพรหมท่านก็รู้ พรหมโลกีย์นะ ผู้ทรงฌานโลกีย์
จะไปสวรรค์ท่านก็รู้ จะไปนรกท่านก็รู้ บัญชีเขามี
๒. บัญชีสวรรค์กับพรหมโดยเฉพาะ อยู่ที่ท่าน
ปัญจสิกขเทพบุตร เลขาพระอินทร์
๓. บัญชีนิพพาน อยู่ที่ท่านท้าวสหัมบดีพรหม
ท่านบอกว่า ถ้าบัญชีพระอริยเจ้าเบื้องสูง ต้องที่ผม
ใครจะไปนิพพานหรือไม่ อยู่บัญชีนั้น และใครที่เป็น
พระอริยเจ้าเบื้องสูงอยู่ในบัญชีนั้น
ความจริงเพิ่งรู้เหมือนกัน ไม่ใช่เห็นมาก่อน คือวันนี้แปลก
พระยายมก็ดี นายบัญชีก็ดี ท่านมาเต็มอัตราแต่งเต็มอัตราเลย
คือเครื่องแบบของเทวดากับพรหมมี ๓ ประเภทคือ
๑. ปล่อยตัวเหมือนกับมนุษย์ นุ่งกางเกงใส่เสื้อธรรมดา
บางทีก็ลืมใส่เสื้อบ้าง... -
เสียงธรรม อาฏานาฏิยะปะริตตัง
ตำนานพระปริตร : อาฏานาฏิยปริตร
บทขัดอาฏานาฏิยปริตร
องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาค ผู้เป็นมหาวีรบุรุษ ทรงแสดงพระปริตรใด เพื่อคุ้มกันพุทธบริษัททั้ง ๔ มิให้ถูกเบียดเบียน จากอมนุษย์ทั้งหลาย ที่ดุร้ายสันดานหยาบช้า ไม่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ซึ่งบัณฑิตทั้งหลายรับรองแล้วว่า เป็นศาสนาดีทุกเมื่อ ท่านผู้เจริญทั้งหลายพึงสวดพระปริตรนั้นเทอญ
ตำนาน
สมัยหนึ่งสมเด็จ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงเสด็จประทับอยู่ ณ ภูเขาคิชฌกูฎบรรพต ใกล้กรุงราชคฤห์มหานคร ในครั้งนั้น ท้าวจาตุมมหาราชทั้ง ๔ ซึ่งสถิตย์อยู่เหนือยอดเขายุคันธร ที่เรียกว่าชั้นจาตุมหาราชิกา อันเป็นชั้นต่ำกว่า สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ลงมาซึ่งเป็นที่สถิตย์ขององค์อินทราธิราช
พระอินทร์ ทรงมีเทวะพระบัญชาให้มหาราชทั้ง ๔ ทำหน้าที่เฝ้ารักษาประตูสวรรค์ในทิศทั้ง ๔ เพื่อป้องกันมิให้พวกอสูรมารบกวน โดยมี
ท้าวธตรฐ ผู้เป็นเจ้าแห่งพวกคนธรรพ์ รักษาทิศบูรพา
ท้าววิรุฬหก เป็นเจ้าแห่งกุมภัณฑ์ รักษาทิศทักษิณ
ท้าววิรูปักษ์ เป็นเจ้าแห่งนาคทั้งปวง รักษาทิศปัจจิมท้าวเวสวัน เป็นเจ้าแห่งยักษ์ รักษาทิศอุดร
ท้าวมหาราชทั้ง ๔ มีจิตเลื่อมใสศรัทธา ปรารถนาจะเกื้อกูลพระพุทธศาสนา... -
ใครมีวิธีแก้กรรมด่าพระด่าเจ้าบ้าง
คือผมเป็นคนหนึ่งที่เคารพและบูชาพระรัตนตรัยอย่างมาก แต่ทุกครั้งที่กราบบูชาหรือ มองพระพุทธรูป หรือทำอะไร ก็ตาม สมองมันก็ด่าว่า ต่าง ๆ มันคิดในใจนะ ไม่รู้จะทำอย่างงัยดี ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าไม่ดี มีใครว่ารู้วิธีแก้บ้าง จะทำอย่างไรดี วันไหนนั่งสมาธิก็สงบหน่อย วันไหนกิเลสฟู มันก็เริ่มอีกแล้ว รบกวนทุกท่านด้วยนครับ ใครรู้วิธีแก้ บอกหน่อยเถอะ ถือว่าเอาบุญ ผมไม่อยากตกนรก นะครับ ..........ขอสารภาพเลย. -
ชาวพุทธควรมีศรัทธา 4อย่าง
ตามคำสอนในพุทธศาสนา ชาวพุทธควรมีศรัทธา 4อย่าง
คือ
...........1. ตถาคตโพธิสัทธา เชื่อในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า คือ เชื่อว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้จริง เป็นผู้ประกอบด้วยพระปัญญาธิคุณ พระวิสุทะคุณ และ พระมหากรุราธิคุณ
............2. กัมมสัทธา เชื่อเรื่องกรรม คือ เชื่อว่ากรรมมีจริง
............3. วิปากสัทธา เชื่อเรื่องผลของกรรม คือ เชื่อว่ากรรมที่บุคคลทำไม่ว่าดีหรือชั่ว ย่อมให้ผลเสมอ
............4. กัมมัสสกตาสัทธา เชื่อว่าสัตว์มีกรรมเป็นของตน คือ เชื่อว่าผลที่เราได้รับเป็นผลแห่งการกระทำของเราเอง ซึ่งอาจจะเป็นกรรมที่ทำในปัจจุบันชาติหรืออดีตชาติ
...........หลายคนคิดว่ากฎแห่งกรรมไม่มีจริง จนถึงกับประชดประชันว่า ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป เห็นด้วยว่าคนทำกรรมชั่วได้รับผลเป็นคนร่ำรวย เป็นคนมีวาสนา มีคนเคารพยกย่อง ตรงข้ามกับคนที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ขยันขันแข็ง กลับต้องมีชีวิตที่ยากลำบากหรือคนทีททำงานไม่เป็น เลี่ยงงาน ประจบสอพลอกลับได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง...........กรรมให้ผลไม่เหมือนกัน ให้ผลทันเวลาและให้ผลระยะยาวต่อไป ฉะนั้นทุกคนจึงมีโอกาสรับกรรมไม่เหมือนกัน... -
"มีดหมอ"หลวงพ่อเดิม..วัดหนองโพ..อันดับ๑..ของวงการนักสะสม
"มีดหมอ" หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ อันดับ ๑ ของวงการนักสะสม
ปกติผมไม่ค่อยเก็บวัตถุมงคลประเภทเครื่องรางของขลัง แต่ มีดหมอหลวงพ่อเดิม ด้ามนี้ต้องเก็บไว้ เพราะหามานานมาก กว่าจะได้สักด้ามที่ถูกใจ ก็ด้ามนี้แหละ
มีดหมอ ด้ามนี้เป็นฝีมือการสร้างสรรค์ของ ช่างไข่ เป็นแบบมีดสองกษัตริย์ ลวดลายสกุลช่างเป็นมีดของหลวงพ่อเดิมโดยแท้
ตามประวัติ มีดหมอที่หลวงพ่อเดิมท่านสร้างไว้มี ๒ ขนาด มีดหมอขนาดใหญ่ เรียกว่า มีดควาญช้าง ขนาดเล็กลงมาเรียกว่า มีดหมอปากกา ใช้พกพาติดตัวได้
หลวงพ่อเดิม ท่านได้เริ่มสร้าง มีดหมอ มาตั้งแต่ปี ๒๔๕๖ บ้างก็ว่า สร้างราวๆ ปี ๒๔๖๐ ก็แล้วแต่ตำราแต่ละเล่มที่ค้นคว้าหาหลักฐานมาได้ คงไม่ได้ต่างกันมากนัก
ในสมัยแรกๆ ศิษย์แต่ละคนต่างว่าจ้างช่างทำกันเอง แล้วเอามาให้หลวงพ่อลงจารอักขระ และปลุกเสกให้ ต่อมามีคนสนใจมากขึ้น ทางวัดก็ได้ได้จ้างช่างชาวอำเภอพยุหะคีรี ให้ตีมีดส่งวัดโดยตรง
ช่างตีมีดมีหลายคน อาทิ ช่างไข่ ช่างฉิม ช่างสอน ช่างแม้น โดยจะเน้นแกะสลักใบมีด เป็นลายต่างๆ เช่น ลายเทพพนม ลายนาคเกี้ยว ลายน่องสิงห์ ลายกระหนกผีเสื้อ และ ลายเสมาใบโพธิ์ มีดหมอหลวงพ่อเดิม ที่ท่านสร้างนั้น... -
หลวงพ่อดู่ พรหมปัญโญ พระผู้เมตตาแห่งกรุงศรีอยุธยา
เมื่อหลายครูบาอาจารย์รับรองความเป็นไปของหลวงพ่อทวดและหลวงพ่อดู่
หลวงพ่อดู่ท่านเกี่ยวกับหลวงพ่อทวด สาเหตุที่บอกว่าเกี่ยวได้เต็มปากเนื่องจากได้รับรู้เกี่ยวกับเรื่องราวที่หลวงพ่อดู่เกี่ยวข้องกับหลวงพ่อทวดที่คนหลายคนได้ยินจากปากของหลวงพ่อดู่เอง
อาทิ
พวกเเกเดินข้ามไปข้ามมาจะข้ามหัวหลวงพ่อทวดเเล้วยังไม่รู้อีกเหรอ
พวกเเกนะรู้มั้ยว่าช้างยังรู้เลยว่าหลวงพ่อทวดคือใคร
มีคนบอกว่าข้าจะสำเร็จระหว่างต้นไม้สองต้น
เรื่องข้าบางทีมันพูดไปดีไม่ดีเขาจะไม่เชื่อจะพากันปรามาสเป็นบาปกรรมกันได้อย่าพูดไป
หลวงพ่อบุดดาพระอรหันต์เเห่งวัดกลางชูสีเจริญ
มาหาหลวงพ่อดู่เเล้วบอกว่า ที่คุณตั้งใจหนะสำเร็จเเน่ต่อไปคุณจะได้เป็นพระพุทธเจ้า
หลวงพ่อเกษม บอกว่า หลวงปู่ดู่เป็นพระใจเพชร
พ่อท่านจำเนียร เจ้าสำนักต้นเลียบที่ฝังรกหลวงพ่อทวดที่ล่วงลับเคยได้สัมผัสภาพเเละรูปเหมือนหลวงพ่อดู่ท่านกล่าวว่า
หลวงพ่อองค์นี้ต่อไปท่านจะเป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่าพระศรีอาริยเมตไตร
พ่อท่านนอง วัดทรายขาว ศิษย์ผู้น้องอาจารย์ทิม วัดช้างให้
ท่านกล่าวถึงหลวงพ่อดู่เมื่อมีคนเอารูปให้ท่านพิจารณา ว่า... -
ด่าหลวงพ่อ...(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
ด่าหลวงพ่อ...โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ
วันนี้มีคนมารายงานบอก มีคนหนึ่งเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อตายไปแล้วบอกว่าลำบาก เขาเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อ อีตอนลำบากนี้ไม่รู้ลำบากแบบไหนน่ะ ฉะนั้นพวกที่ได้มโนมยิทธิ ถ้าได้แล้วจริงๆ เขาเคยซักซ้อมแล้ว ทางที่ดีก็ไปเช็คบัญชีที่พระยายม ไปดูบัญชีด้วยนะ ว่าบัญชีเขาเขียนตัวสีอะไร ถ้าเขียนตัวสีแดงก็ดีใจได้เลยว่า ลงนรกแน่นอน ก็แก้ได้นะ วิธีแก้ก็อย่างที่เชียงรายเชียงใหม่ใช่ไหม คู่หูยกทรง (ทายก) นี่ บารมีเหมือนกัน เขาฉลาด เขาเป็นพระโพธิสัตว์ ฉลาดมาก จะแนะนำอะไรก็ตามต้องแนะนำอย่างย่อๆ หัวข้อเขารู้หมด เข้าใจหมด
แกบอกว่า แกรับตรงๆ คนตรงๆ แบบนั้นหายาก รับตรงๆ ว่าสมัยก่อนโน้นเคยด่าพระพุทธเจ้า เคยด่าหลวงพ่อ พี่สาวเลื่อมใสหลวงพ่อไปเล่าให้ฟังด่าหลวงพ่อต่อไป ใครเขาจะให้ทานหาว่าโง่เง่าเตาตุ่น แกรับ คนอย่างนี้หายาก เขารับจริงๆ และเวลาแรกเจริญมโมยิทธิไปพบแม่เขา ร้องให้ใหญ่ วันที่สองครูพาซ้อมๆ ตั้งแต่นิพพานถึงอเวจี คล่องขนาดนั้น เห็นอเวจี เห็นโลหกุมภีสดใสมาก ไฟแดงฉานหมดนะ
แล้วต่อมาในขั้นสุดท้ายตอนจะจบ ครูถามว่า ใครสงสัยอะไรบ้างให้ถาม... -
บุพกรรมที่ทำให้สัตว์โลกแตกต่างกัน
วัฏสงสาร หมายถึง การเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิต่างๆ ของสัตว์โลก
ด้วยอำนาจของกิเลส กรรม และวิบาก หมุนวนไปตามภพภูมิต่างๆ ๓๑ ภูมิ
แบ่งเป็น
๑. โลกเบื้องต่ำ ๔ ภูมิ ได้แก่ นรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉาน
๒. โลกเบื้องกลาง ๗ ภูมิ ได้แก่ มนุษย์โลก ๑ และเทวภูมิ ๖
๓. โลกเบื้องสูง ๒๐ ภูมิ ได้แก่ รูปพรหม ๑๖ อรูปพรหม ๔
ในอันดับแรกนี้จะนำสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดมานำเสนอก่อน คือ มนุษย์โลก
สัตว์ที่มาเกิดในโลกมนุษย์มี ๔ จำพวกคือ
๑. ผู้มืดมา แล้วมืดไป เป็นบุคคลที่เกิดในตระกูลต่ำ ยากจน ขัดสน ลำบาก
ฝืดเคืองอย่างมากในการหาเลี้ยงชีพ มีปัจจัย ๔ อย่างหยาบ เช่นอาหารน้อย
เครื่องนุ่งห่มเก่า ร่างกายมอซอ หม่นหมอง หรือเกิดมาพิการหูหนวก ตาบอด
อัตคัดในเรื่องที่อยู่อาศัย เช่นอยู่ในสลัม
เมื่อเกิดมาในสภาพนั้นแล้ว กลับประพฤติตนผิดศีลผิดธรรม เมื่อตายไปย่อม
เข้าถึงแดนอบายภูมิ มีนรก เปรต อสุรกาย และสัตว์เดรัจฉานเป็นต้น
๒. ผู้มืดมา แล้วสว่างไป เป็นบุคคลที่เกิดในตระกูลต่ำ ยากจน ขัดสน ลำบาก
ฝืดเคืองในการหาเลี้ยงชีพฯ แต่เขาเป็นคนมีศรัทธา ทำทานตามกำลัง
มีความอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่ รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา... -
ยังไม่แต่งงาน แต่นอกใจแฟน...บาปหรือเปล่า?
อยากถามว่าถ้าคนที่เป็นแฟนกันหรือคนรักกัน แต่ยังไม่ได้แต่งงาน แล้วอีกฝ่ายเผลอใจไป ให้คนอื่น หรือถึงขึ้นร่วมประเวณี กรณีนี้ถือว่า ผิดมากและถือว่า ผลกรรมร้ายแรงไหม และถ้าหลังจากนั้นสำนึกได้และกลับตัวกลับใจแล้ว
ขอบคุณค่ะ -
พระพุทธรูปสำคัญอย่างไร
หากจะพิจารณาถึงความสำคัญของพระพุทธรูปว่า ว่าวัตถุเช่นนี้มีความสำคัญอย่างไร เหตุใดจึงต้องสร้างและดูแลกันอย่างดีตลอดเวลากว่า 2,000 ปี ก็จะเห็นความสำคัญได้ดังนี้
1.เป็นสิ่งแทนสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระพุทธรูปจะสร้างด้วย หิน ดิน ทราย หรือวัสดุอย่างใดๆ ก็ตามเมื่อเป็นรูปพระพุทธรูปขึ้นมาแล้ว ผู้คนก็พากันเคารพนับถือกราบไหว้โดยมิได้นึกถึงความเป็นวัสดุนั้นต่อไปอีก เพราะทั้งผู้สร้างและผู้พบเห็นต่างมีวัตถุประสงค์อย่างเดียวกันว่าจะให้เป็นรูปพระพุทธเจ้า พระพุทธรูปจึงเป็นสื่อความหมายให้ผู้คนได้คิดถึงพระพุทธเจ้าได้ดีที่สุด พระพุทธรูปจึงเป็นสิ่งแทนพระพุทธเจ้าได้ดีที่สุด
2.เป็นสิ่งอนุสรณ์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในบรรดาสิ่งที่ชาวพุทธกำหนดขึ้นเป็นสิ่งระลึกถึงพระพุทธเจ้า เช่น พระสถูปเจดีย์ พระแท่นใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ รอยพระพุทธบาท หรือแผ่นจารึกหัวข้อพุทธธรรม เมื่อเกิดพระพุทธรูปขึ้นมาแล้วปรากฏว่าพระพุทธรูปเป็นสิ่งอนุสรณ์ถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ดี และชัดเจนกว่าสิ่งใดๆ จึงมีการสร้างพระพุทธรูปเป็นพุทธสาวรีย์ที่ใดมีพระพุทธรูปชาวพุทธก็ปฏิบัติต่อรูปนั้นเสมือนว่าพระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่... -
กรรมที่ทำให้เป็นนายนิรยบาลโดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ
สนทนาสายลม 7
วันจันทร์ที่10 มีนาคม 2523
ญาติโยมถามว่าเดือนเมษาจะมาเมื่อไหร่ ก็ตอบว่า เฮ้ย วันเกิดท่านเจ้ากรมก็ควรจะแจกเหรียญวันเกิด ก็ควรจะแจกเหรียญวันเกิดด้วย ก็เลยยอมรับว่าเขาว่า แจกเท่าที่มีนะ มี 1เหรียญคนมาแสนคนก็แจกพอ ก็ถือเอาไว้เฉย (หัวเราะ) ใช่ไหม เป็นอันว่าวันนั้นเหนื่อยมาก เอ้ ญาติโยมพุทธบริษัทนั่งนิ่งสงบก็อยากจะนอนสักหน่อยก็ไม่ได้ไป ปรากฏท่านมากันเต็ม เอ้ คุยกันไปคุยกันมาท่านก็บอกว่า เออ วันนี้ จิตใจของเขาดีมาก แต่ความจริงละเอียดมีมาก ก็มีท่านที่มาใหม่ท่าน บางทีท่านก็ตั้งอารมณ์ไม่ถูกอยู่บ้างไม่กี่คน แค่คนสองคน ไม่ใช่ว่าทำถูกหรือทำผิดหรอกแต่ว่าอารมณ์นั้นยังไม่ทรงตัว นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แล้วก็มีอีกเรื่องหนึ่ง แล้วก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่คุยกันเป็นพิเศษ พอญาติโยมสงบปั๊บก็มีแขกพิเศษมาสองท่าน นั้นคือ ท่านพระยายมกับท่านนายบัญชีใหญ่ งัดบัญชีเล่มเบ้อเร่อเลย
ถาม ทำไมจะทวงหนี้หรือไง
ก็บอก เอ้าก็คุณบอกว่าเขามีก็บัญชีกัน ผมก็แบกบัญชีมา
แล้วถามท่านว่า ความจริงบัญชีมันมีไหม
ท่านบอก เทวดาไม่เจ๊กขายกระดาษ แหม พ่อค้าระยำจริงๆ ถ้าไปขายที่นั้นไม่รู้รวยก็ไม่รู้จักไปขาย... -
กายทิพย์ออกจากกายเนื้อโดยสติปัฏฐาน
พอดีมีประสบการณ์การถอดกายทิพย์อีกแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นกับผมโดยไม่เคยออกด้วยวิธีนี้มาก่อน จึงนำมาเล่าไว้เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ได้บ้างครับ
ผมขอออกตัวก่อนว่าไม่ใช่ผู้ชำนาญเรื่องนี้ เป็นแต่มีประสบการณ์เกิดขึ้น และผมก็เห็นอยู่ว่าสภาวะนี้อยู่ในกฏไตรลักษณ์ทั้งสิ้น มิใช่สรณะครับ
ปกติที่ผมออกจากกายเนื้อนั้นผมจะกำหนดจิตไว้ที่กึ่งกลางหน้าผากครับ
คืนวันที่ ๔ พค ๕๑ สี่วันที่ผ่านมา หลังจากสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิตามกิจวัตรประจำวันก่อนนอน
แต่วันนี้มีการกำหนดจิตเพิ่มกว่าเดิมหลังจากได้อ่านธรรมบรรยายของหลวงพ่อจรัญเรื่องการทำสติด้วยยุบหนอพองหนอ
พอเข้านอนผมได้กำหนดสติตามการยุบพองของท้องแบบแนบแน่นมากแทบไม่ให้คลาดจากอาการยุบพองเลย แล้วจึงหลับไปพร้อมพองยุบสุดท้าย
คืนนั้นไม่ได้เกิดการฝันเลยเหมือนปกติที่ผมนอนหลับจะไม่ค่อยฝัน
แต่พอใกล้รุ่งผมระลึกสติขึ้นมาเหมือนตื่นนอน แต่กลับปรากฏอาการซู่ ๆ ทางกายทั่วทั้งตัว จึงรู้ขึ้นมาว่ากายทิพย์กำลังจะออกจากร่าง
ผมจึงค่อย ๆ พยุงตัวให้ลุกขึ้นจากเตียง ก็พบว่ากายเนื้อยังนอนอยู่บนเตียง
แต่ใจไม่ได้นึกว่าอยากจะไปไหน ได้แต่น้อมเอาว่า เออ... -
การทำบุญ ๗ อย่างวันตรุษสงกรานต์
ความเชื่อการทำบุญ ๗ อย่างวันตรุษสงกรานต์
คำว่า "ตรุษสงกรานต์" คือ วันแห่งความร่าเริงยินดี ที่ดวงอาทิตย์เคลื่อนจากราศีมีนเข้าสู่ราศีเมษ
หรือวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ไทยเดิมนั่นเอง ที่มักเรียกว่า วันมหาสงกรานต์
โดยกำหนดตามสุริยคติ เป็นวันที่ ๑๓ เมษายน วันที่ ๑๔ เมษายน เป็นวันเนา แปลว่าอยู่
เพราะเป็นช่วงที่ พระอาทิตย์โคจร อยู่ระหว่าง ๒ ราศี คือ ราศีมีน กับราศีเมษ
ดังนั้นวันเนาจึงอยู่ตรงกลางระหว่างวันมหาสงกรานต์ กับวันเถลิงศกจุลศักราช คือ วันที่ ๑๕ เมษายน
แม้ว่าปัจจุบันคนไทยจะหันไปยอมรับปีใหม่สากล คือ วันที่ ๓๑ ธันวาคม เป็นวันส่งท้ายปีเก่า
วันที่ ๑ มกราคม เป็นวันต้อนรับปีใหม่ ไปนานแล้วก็ตาม แต่ความสำคัญของวันมหาสงกรานต์
ที่เคยประกาศให้เป็นวันปีใหม่มาหลายสิบปี ตั้งแต่ปี ๒๔๓๒ และถูกยกเลิกไปแล้วในปี ๒๔๘๔
ก็ยังไม่เลือนรางจางหายไป ยังคงมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตของคนไทยมาจนถึงปัจจุบัน
อาจารย์ธรรมจักร สิงห์ทอง คณาจารย์สำนักพิมพ์เลี่ยงเชียง บอกว่า ในช่วงเทศกาลนี้มีการทำบุญ ๗ ประการ คือ
๑.การก่อและถวายพระเจดีย์ทราย
๒.การทำบุญตักบาตรอุทิศให้ญาติที่ตายแล้ว
๓.การบังสุกุลอัฐิ (กระดูก)... -
จะพูดลาของที่ถวายหน้าหิ้งอย่างไรและกินต่อได้มั้ย
----------------------
เพิ่งได้บูชาแม่นางกวัก แต่ยังสงสัยว่า เวลาถวายอาหารแล้ว จะเก็บลงจากหิ้งต้อ
งกล่าวลาอย่างไร และอาหารกับน้ำแดงที่ถวายไปนั้นต้องนำไปทิ้งหรือกินต่อ ถ้าต้องทิ้ง ต้องไปทิ้งยังไง สงสัยจริง ๆ ขอผู้รู้ช่วยแนะนำวิธีปฏิบัติด้วยค่ะ -
หลวงพ่อพระราชพรหมยานสรุปโพชฌงค์7
เรามาสรุปเรื่องมหาสติปัฏฐานสูตร ที่ศึกษามาแล้ว ว่าการปฏิบัติแบบไหนมันถึงจะได้มรรคผลโดยเร็ว เร็วหรือไม่เร็วก็ชื่อว่าเข้าถึงมรรคผล เมื่อก่อนนี้เราก็ว่ากันมาตั้งแต่ อานาปานุสสติกรรมฐาน นั่นเป็นการศึกษา แต่ถ้าจะปฏิบัติกันจริงๆ ละก็ ท่านจะต้องขึ้น โพชฌงค์ ๗ ก่อน ฉันไม่เหมือนชาวบ้านเขาแล้ว ถ้าเราจะเอามรรคผลกันจริงๆ ก็ต้องใช้โพชฌงค์ ๗ ก่อนอันดับแรก เพราะกำลังใจของเราต้องเข้าถึงโพชฌงค์ เราต้องมีโพชฌงค์ ๗ มาเป็นกำลังใจ อันดับแรกก่อนคือ
๑. ต้องเป็นคนมี สติ
๒. ธัมมวิจยะ ธัมมวิจยะนี่ใคร่ครวญธรรมะที่เราพึงปฏิบัติ และข้อวัตรปฏิบัติ
๓. วิริยะ มีความเพียรต่อสู้กับอุปสรรค
๔. มี ปีติ สร้างปีติ ความเอิบอิ่มใจให้ปรากฏกับใจ นี่หมายความว่า การปฏิบัติแบบนี้องค์สมเด็จพระชินสีห์บอกว่าถึงพระนิพพานแน่ อย่างเลวที่สุดเราก็ไปพักแค่สวรรค์ดีขึ้นไปหน่อยไปพักแค่พรหม ดีที่สุดเราถึงพระนิพพาน เรารู้ความจริงแบบนี้ ปีติ คือความอิ่มใจมันก็เกิด ก็คิดว่า เรานี่ยังไงๆ ก็ไม่ตกนรกแน่ ความภาคภูมิใจที่เกิดอย่างนี้เราเรียกว่าปีติ
๕. ปัสสัทธิ แปลว่าความสงบ สงบของปัสสัทธิ มีอยู่ ๒ จุด คือ สงบจากนิวรณ์และสงบจากกิเลส... -
แนะนำวิธีสนทนาธรรมต่อกันให้เกิดบุญ
แนะนำวิธีสนทนาธรรมต่อกันให้เกิดบุญ
สนทนาธรรมตามกาล
การพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดด้วยจิตเมตตา เป็นที่มาแห่งความเจริญก้าวหน้าของวิชาการทางโลกฉันใด การสนทนาธรรมตามกาลด้วยความเคารพในธรรม ก็ย่อมนำมาซึ่งสติปัญญาอันเป็นหนทางเพื่อความพ้นทุกข์ฉันนั้น
ทำไมจึงต้องสนทนาธรรมตามกาล ?
"ปญฺญา นารนํ รตนํ
ปัญญาเป็นรัตนะของคน"
นี่คือพุทธพจนะที่แสดงให้เห็นถึงคุณค่า ของปัญญา เพราะชีวิตคนนั้นมีปัญหามาก ปัญหาเหล่า นั้นล้วนต้องแก้ด้วยปัญญา ใครมีมากก็เหมือนมี แก้วสารพัดนึกไว้ในตัว ย่อมสามารถฝ่าฟันอุปสรรค ปัญหาต่าง ๆ ได้โดยง่าย
ปัญญาเกิดได้จาก 2 เหตุคือ
1. จากการฟังธรรมของกัลยาณมิตร ผู้มีปัญญารู้จริง
2. จากการพิจารณาไตร่ตรองโดยแยบคาย
วิธีลัดที่จะทำให้เกิดปัญญาอย่างรวด เร็ว คือ การสนทนาธรรมตามกาล ซึ่งเป็นการบังคับให้ ตนเองต้องทั้งฟังทั้งพูด ต้องเป็นนักฟังที่ ดี ฟังผู้อื่นพูดด้วยความตั้งใจ ฟังแล้วก็ต้อง พิจารณาไตร่ตรองโดยแยบคายตามไปทันที สงสัยอะไร ก็สามารถซักถามได้ นอกจากนั้นถ้าตนเองมี ความรู้ในธรรมะเรื่องใดก็นำมาพูดเล่าสู่ ให้ผู้อื่นฟังได้ด้วย
แต่ทั้งหมดนี้จะต้องทำอย่างระมัดระวัง... -
สร้างองค์ปฐมชีวิตนี้ไม่ตกนรกแน่นอนจริงหรือเปล่าครับ ?
ถาม : แล้วที่ผมเคยได้ยินมาครับว่า สร้างองค์ปฐมชีวิตนี้ไม่ตกนรกแน่นอนจริงหรือเปล่าครับ ?
ตอบ : ถ้าไม่ทำอนันตริยกรรม คือกรรมหนักไม่สามารถแก้ไขได้ ๕ ประการตัวอย่างคือ ฆ่าพ่อ ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าถึงห้อพระโลหิต หรือยุสงฆ์ให้แตกกัน ถ้าไม่ได้ทำกรรมหนัก ๕ อย่างนี้ บุคคลที่ร่วมสร้างสมเด็จองค์ปฐม พระยายมท่านรับปากว่าจะพยายามประคับประคองกำลังใจให้นึกถึงด้านบุญให้ได้ คนที่ทำบุญนี้จะต้องนึกถึงด้านบุญก่อน
ถาม : นั่นน่ะซิครับ ถ้าอย่างนี้ตอนจะตายไม่คิดอะไรก็ ....?
ตอบ : ท่านจะบังคับให้คิด ถ้าไม่คิดก็ตีกบาล (หัวเราะ) ยังไงก็ต้องคิดดีให้ได้ เรื่องอำนาจของเทวดา ของพรหมเรื่องบังคับความคิดของเรานี่เป็นเรื่องที่หมูที่สุดของท่านเลย แต่เนื่องจากว่าท่านเองท่านจะไม่ยุ่งกับเราในสิ่งที่เกินกฏของกรรม เหตุที่ท่านรับปากได้เพราะว่าอานิสงส์ที่เราสร้างมันสูงมาก ในเมื่อมันสูงมากท่านก็สามารถจะช่วยได้หน่อย ยังไง ๆ ก็อย่าชั่วมากก็แล้วกัน
ถาม : การสร้างพระใหญ่นี่ระหว่างสมเด็จองค์ปฐมกับพระพุทธรูปองค์อื่นอานิสงส์จะเท่ากันหรือต่างกันครับ ?
ตอบ : มันก็จะหนักเบาไปตามบารมีของท่าน
ถาม :... -
" เมตตา แผ่ให้ได้ผล "
พุทธศาสตร์ศึกษาโดยวิธีอุปมาอุปมัย
เรื่อง "วิธีทำบุญให้ได้ผลที่สุด" (ตอนที่ ๕ การแผ่เมตตา)
พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์
ข้อปฏิบัติประการหนึ่งที่จะขาดไม่ได้ของผู้ที่ปฏิบัติธรรม หลังจากการสวดมนต์ภาวนา และปฏิบัติกัมมัฏฐานแล้ว คือ "การสวดแผ่เมตตา" ซึ่งมีบทสวดเป็นภาษาบาลีที่อ่านเป็นไทยได้ว่า "สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ สัพเพ สัตตา อัพยาปัชฌา โหนตุ สัพเพ สัตตา อะนีฆา โหนตุ สัพเพ สัตตา สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ" แปลเป็นไทยได้ว่า "สัตว์โลกทั้งหลายที่เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น จงอย่ามีเวรซึ่งกันและกันเลย จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด จงอย่าพยาบาท เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย จงอย่ามีความลำบาก จงอย่ามีความเดือดร้อน จงอย่ามีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย"
การสวดแผ่เมตตานี้เป็นบุญกิริยาอย่างหนึ่งจัดอยู่ในประเภท "การทำทาน" ดังที่ได้กล่าวไว้ในตอนที่ ๒ และเป็นกิจกรรมที่มีส่วนช่วยให้เจตสิกของท่านผู้นั้นได้รับการฝึกและพัฒนาเกิดเป็น "อัปปมัญญาเจตสิก" ที่เฝ้าคอยกระตุ้นจิตให้ระลึก มีอารมณ์มีความสงสารเห็นใจผู้ที่กำลังได้รับทุกข์เวทนา... -
เน้นหนักที่การปฏิบัติ - คำสอนหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ
หลวงปู่ดู่ท่านให้ความสำคัญอย่างมากในเรื่องของการปฏิบัติสมาธิภาวนา ท่านว่า "ถ้าไม่เอา (ปฏิบัติ) เป็นเถ้าเสียดีกว่า" ในสมัยก่อนเมื่อตอนที่ศาลาปฏิบัติธรรมหน้ากุฏิท่านยังสร้างไม่เสร็จนั้น ท่านก็เมตตาให้ใช้ห้องส่วนตัวที่ท่านใช้จำวัด เป็นที่รับรองสานุศิษย์ และผู้สนใจได้ใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม ซึ่งนับเป็นความเมตตาอย่างสูง
สำหรับผู้ที่ไปกราบนมัสการท่านบ่อยๆ หรือมีโอกาสได้ฟังท่านสนทนาธรรม ก็คงได้เห็นลีลาการสอนของท่าน ที่จะโน้มน้าวผู้ฟังให้วกเข้าสู่การปรับปรุงแก้ไขตนเอง เช่น ครั้งหนึ่งมีลูกศิษย์วิพากษ์วิจารณ์คนนั้นคนนี้ ให้ท่านฟังในเชิงว่ากล่าว ว่าเป็นต้นเหตุของปัญหาและความยุ่งยาก แทนที่ท่านจะเออออไปตาม อันจะทำให้เรื่องยิ่งบานปลายออกไป ท่านกลับปรามว่า "เรื่องของคนอื่น เราไปแก้เขาไม่ได้ ที่แก้ได้คือตัวเรา แก้ข้างนอกเป็นเรื่องโลก แต่แก้ที่ตัวเราเป็นเรื่องธรรม"
แม้ว่าหลวงปู่ดู่จะรับรองในความศักดิ์สิทธิ์ของพระเครื่องที่ท่านอธิษฐานจิตให้ แต่สิ่งที่ท่านยกไว้เหนือกว่านั้นก็คือ การปฏิบัติ ดังจะเห็นได้จากคำพูดของท่านที่ว่า "เอาของจริงดีกว่า พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สรณัง คัจฉามิ นี่แหละของแท้"... -
อรูปฌาณเป็นสัมมาสมาธิหรือไม่? ทำไมพระไตรปิฎกกล่าวถึงแต่รูปฌาณ...ขอความรู้ครับ
สัมมาสมาธิในอริยมรรคมีองค์ 8 ก็คือ ฌาน1-4 ทำไมอรูปฌานจึงไม่จัดอยู่ในหมวดของสัมมาสมาธิในอริยมรรคมีองค์ 8 ล่ะครับ -
พระบางรูปบรรลุอรหันต์ แต่ท่านพูดไม่เพราะ เพราะอุปนิสัย (เราควรระวังอย่าตำหนิท่าน)
พระบางรูป บรรลุธรรมะแล้ว แต่ท่านอาจพูดไม่เพราะ เป็นเพราะอุปนิสัยของท่าน อย่าคิดว่าท่าน
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕
ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
๖. ปิลินทวัจฉสูตร
[๗๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน ใกล้พระนครราชคฤห์ ก็สมัยนั้นแล
ท่านพระปิลินทวัจฉะย่อมร้องเรียกภิกษุทั้งหลายด้วยคำพูดว่าคนถ่อย ครั้งนั้นแล ภิกษุมากด้วยกัน เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่งอยู่ ณ ี่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ท่านพระปิลินทวัจฉะย่อม ร้องเรียกภิกษุทั้งหลายด้วยคำพูดว่าคนถ่อย ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุรูปหนึ่งว่า ดูกรภิกษุ เธอจงไปเรียกปิลินทวัจฉภิกษุมาตามคำของเราว่า ดูกรอาวุโสวัจฉะ พระศาสดารับสั่งให้หาท่าน
ภิกษุนั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้วเข้าไปหาท่านพระปิลินทวัจฉะถึงที่อยู่ ครั้นแล้วได้กล่าวกะท่านปิลินทวัจฉะว่าดูกรอาวุโส พระศาสดารับสั่งให้หาท่าน ท่านพระปิลินทวัจฉะรับคำภิกษุนั้นแล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ... -
วิธีการทรงฌานในพรหมวิหาร ๔
วิธีการทรงฌานในพรหมวิหาร ๔
ท่านโยคาวจรทั้งหลาย วันนี้บรรดาท่านทั้งหลายได้พากันสมาทานศีล สมาทานพระกรรมฐานแล้ว โปรดตั้งใจสดับเรื่องราวของพรหมวิหาร ๔ ต่อไป
สำหรับการเจริญพระกรรมฐานเพื่อหวังมรรคผล หรือว่าเพื่อฌานสมาบัติ หรือว่าเพียงแค่จิตสงบ ขอบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่าน อย่าลืมกฎสำคัญในพระพุทธศาสนาที่องค์สมเด็จพระบรมศาสดาทรงตรัสไว้
" บุคคลใดที่คล่องในอิทธิบาท ๔ หมายความว่าเป็นผู้มีความชำนาญในอิทธิบาท ๔
บุคคลนั้นจะทำอะไรก็ตามจะมีผลสำเร็จทุกอย่าง "
ฉะนั้น ขอท่านทั้งหลายที่ตั้งใจสร้างความดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งความดีที่ท่านทั้งหลายตั้งใจทำกัน นั่นก็คือ ความดีแห่งการหมดทุกข์ แต่ทว่า ท่านทั้งหลายจงอย่าลืมความรู้สึกของท่าน คือ สติสัมปชัญญะและปัญญา ก่อนที่จะพูดก่อนที่จะทำอะไร ใช้สติเป็นเครื่องระลึก ใช้สัมปชัญญะเป็นเครื่องรู้ตัว ใช้ปัญญาเป็นเครื่องพิจารณาเสียก่อน ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าแม้แต่การสอนพระกรรมฐาน เราสอนกันอยู่เป็นปกติ ฟังกันเป็นปกติ แต่ก็มีความรู้สึกอยู่ว่าบางท่านขาดสติสัมปชัญญะอยู่มาก และบางรายก็ไร้ทั้งสติสัมปชัญญะและก็ปัญญา อาการที่แสดงออกมาจากการพูดก็ดี จากการกระทำก็ดี... -
หลวงปู่คำคะนิงพบนางแบบลงนรก
หลวงปู่คำคะนิงเดินเที่ยวชมเมืองนรกต่อไป เห็นสถานที่แห่งหนึ่ง สว่างไสวรุ่งเรืองดุจแสงฟ้าแลบอยู่แปลบปลาบ เป็นยกพื้นเวทีกว้างคล้ายสะพานทอดยาวโค้งลงไปในสระน้ำอันกว้างใหญ่ สระน้ำนั้นลุกไหม้เป็นเปลวไฟแดงฉานโชติช่วง น่าสะพรึงกลัว ก็รู้ว่าเป็นขุมนรก
บนสะพานนั้นมีหญิงสาวรูปร่างอรชรสวยงามจำนวนมาก พากันเดินออกจากเวทีมีม่านผืนใหญ่มหึมา หญิงสาวเหล่านั้นแต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์สวยงาม เดินนวยนาดลงจากเวที ทอดแขนทอดขามาตามสะพาน
จ่ายมบาลอธิบายว่า มนุษย์ผู้หญิงเหล่านี้เป็นพวกนางงามนางแบบ กำลังเดินโชว์ร่างกายและเสื้อผ้า หลวงปู่คำคะนิงยืนงุนงงประหลาดใจยิ่ง
นางงาม นางแบบ เสื้อผ้าอาภรณ์อันสวยงามฉูดฉาดสะดุดตาเหล่านั้น เดินเรียงรายตามกันออกไปยืนอยู่กลางสะพาน แล้วเยื้องกรายเปลื้องเสื้อผ้าออกก่อน เหลือแต่ร่างเปลือยล่อนจ้อนอุจาดนัยน์ตา แต่ละนางร่างสวยงามด้วยส่วนสัดปานนางฟ้า
จากนั้นก็มีนกอินทรีตัวใหญ่บินมาจากไหนไม่รู้ นัยน์ตานกอินทรีแดงฉานพวยพุ่งออกมาเป็นเปลวไฟ มันบินมาตรงหน้าหญิงสาวแต่ละนางที่ยืนเปลือยกายอยู่
แล้วใช้จะงอยปากอันคมกริบจิกเข้าที่หน้าผากหญิงสาว กระชากทีเดียว... -
พระพุทธเจ้าทรงสอนเรื่องนิพพานอย่างไร (ค้นคว้าโดย มรว.เสริมศุขสวัสดิ์)
คำถาม เรื่องนิพพานสูญกับนิพพานไม่สูญ อีกเรื่องหนึ่งทุ่มเถียงกันมาก มีคนเขาว่าพระอรหันต์ หรือพระพุทธเจ้า เมื่อท่านนิพพานไปแล้วก็ไม่มีแล้ว จะเอามาพูดกันได้ยังไงว่า มาแสดงให้ปรากฏอีกได้
คำตอบ เรื่องนิพพานนี้หลวงพ่อท่านก็เทศน์ก็สอนไว้แล้วว่า ไม่สูญ แต่ถ้าจะเอาหลักฐานจากพระไตรปิฎก จะค้นมาให้ดูก็ได้ พวกนิพพานสูญ ไม่รู้เขา ไปเอามาจากไหนกัน เห็นแต่อ้างว่า พระพุทธเจ้าท่านสอนว่า "นิพพานัง ปรมัง สุญญัง" เมื่อสูญก็แปลว่า หายไป ไม่มีแล้ว แต่พวกนี้แปลก ก็ที "นิพพานัง ปรมัง สุขขัง"
ไม่ยักยกมาพูด ได้กล่าวมาแล้วว่า พระพุทธเจ้า พูดไม่ผิด และ ค้านไม่ได้ แย้งกันเองก็ไม่ได้ ตามหลักก็ ต้องถือว่า เป็นเช่นนั้นทั้งคู่ สุญญัง ด้วย สุขขัง ด้วย
คำว่า สุญญัง นี้ หลายท่านแปลว่า ว่าง ไม่แปลว่า สูญหายไป ว่างจากกิเลสอย่างยิ่ง ลองค้นดูใจ ความเกี่ยว กับคำว่า ดับ ว่า สูญ นี้จะพบหลายแห่ง
เล่ม 1 หน้า 3
"เรากล่าวความขาดสูญแห่งราคะ โทสะ โมหะ" สูญ คือ หายไปขาดคือสิ้น ไม่มีทางเกิดอีก เช่นนี้กระมัง
เล่ม 11 หน้า 46
"พระผู้มีพระภาคนั้นเป็นผู้ดับแล้ว ย่อมแสดงธรรมเพื่อความดับ" ความดับในที่นี้จะแปลว่าสูญก็ไม่ได้... -
คาถาบูชาหลวงปู่ใหญ่พระครูธรรมเทพโลกอุดร
คาถาบูชาหลวงปู่ใหญ่พระครูธรรมเทพโลกอุดร
โย อะริโย มะหาเถโร อะระหัง อะภิญญาธะโร
ปะฎิสัมภิทัปปัตโต เตวิชโช พุทธะสาวะโก
พะหู เมตตาทิวาสะโน มะหาเถรานุสาสะโก
อะมะตัญเญวะ สุชีวะติ อะภินันที คุหาวะนัง
โส โลกุตตะโร นาโม อัมเหหิ อะภิปูชิโต
อิธะ ฐานูปะมาคัมมะ กุสะเล โน นิโยชะเย
ปุตตะเมวะ ปิยัง เทสี มัคคะผะลัง วะ เทสสะติ
ปะระมะสารีริกะธาตุ วะชิรัญจาปิวานิตัง
โส โลเก จะ อุปปันโน เอเกเนวะ หิตังกะโล
อะยัง โน โข ปุญญะลาโภ อัปปะมัตโต ภะเวตัพโพ
สาธุกันตัง อะนุกะริสสามะ ยัง วะเรนะ สุภาสิตัง
โลกุตตะโร จะ มะหาเถโร เทวะตานะระปูชิโน
โลกุตตะระคุณัง เอตัง อะหัง วันทามิ ตัง สะทา
มะหาเถรานุภาเวนะ สุขัง โสตถีภะวันตุเม -
หลวงปู่ดู่สอนศิษย์เรื่อง กรรมทางวาจา
หลวงปู่ดู่สอนศิษย์
หลวงปู่ท่านมักกล่าวถึงมงคลที่สำคัญที่ท่านอยากให้ลูกศิษย์ได้
นำไปปฏิบัติ คือ มงคล 38 ประการ มงคลที่ท่านพูดถึงบ่อย ๆ
นั่นคือ สัมมาวาจาชอบ คือ พูดแต่สิ่งที่เป็นมงคล
ท่านว่าคนส่วนมากมักสร้างกรรมทางวาจา เพราะกรรมนี้สร้างได้ง่าย
แต่เขาไม่รู้หรอกว่าผลของกรรม เมื่อส่งผลจะร้ายแรงเพียงไร
คำพูดนั้นสำคัญมาก บางคนพูดไม่ดีกับผู้อื่น
จนเป็นเหตุถึงโกรธเกลียดกันชั่วชีวิตก็มี
บางรายคำพูดเพียงไม่กี่คำ ก็ทำให้ไม่พูดกันไปหลายปี
คนส่วนมากที่ขึ้นโรงขึ้นศาล หรือทะเลาะกันจนไปถึงฆ่ากันตาย
ก็เพราะคำพูดที่ไม่ดีนี่แหละ
หลวงปู่ท่านสอนอยู่เสมอว่า อย่าไปพูดไม่ดีกับใครเขา
ถ้ามีคนมาว่าหรือด่าเราแต่เราไม่ว่าหรือด่าเขาตอบมันก็จะไม่มีเรื่องกัน
แต่ถ้าแกไปด่าเขาเมื่อไรนั่นแหละเรื่องใหญ่ ท่านสอนศิษย์เสมอว่า
อย่าไปพูดทำลายความหวังของใครเขา
เพราะนั้นอาจจะเป็นความหวังเดียวที่เขามีอยู่
ถ้าแกไปพูดเข้าเมื่อไหร่กรรมใหญ่จะตกแก่ตนเอง
ท่านบอกไว้อีกว่า คนที่ชอบด่าหรือใส่ร้ายผู้อื่นรวมไป
ถึงการพูดไม่ดีต่าง ๆ กับคนอื่นนั้น กรรมจะมาเร็วมาก
เขาผู้นั้นจะเป็นคนที่มีศัตรูทั้งภายนอกและภายใน
ไม่เป็นที่รักของคนทั่วไป... -
อานิสงส์ของการเพ่งกสิณ
อานิสงส์ของการเพ่งกสิณ
Advantage of Kasina's Meditation
การทำสมาธิด้วยวิธีเพ่งกสิณ ถือว่าเป็นกรรมฐานอันดับหนึ่งที่ให้จิตมีอานุภาพเกิดขึ้นมากมายยิ่งกว่ากรรมฐานอย่างอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องที่เกี่ยวอภิญญาอภินิหารทั้งหลาย ล้วนแต่เกิดขึ้นจากอำนาจของกสิณทั้งสิ้น ยกตัวอย่างอภิญญาที่เกิดขึ้นกับพระพุทธองค์และพระสาวกทั้งหลาย โดยมากจะเกิดด้วยอำนาจของกสิณ ทั้งที่เกิดขึ้นด้วยกสิณที่เจริญโดยตรงในชาตินี้ และทั้งที่เกิดโดยอ้อมจากกสิณในอดีตชาติส่งให้เกิดเมื่อบรรลุธรรมถึงที่สุดแล้ว ตามหลักฐานแล้วผู้เพ่งกสิณอย่างใดอย่างหนึ่งมามีอานิสงส์ที่จะได้จากการเพ่งกสิณหลายอย่างด้วยกัน คือ
อานิสงส์ข้อที่ 1 การเพ่งกสิณสามารถทำจิตให้เป็นสมาธิได้เร็ว และตั้งมั่นอยู่ได้นานกว่ากรรมฐานอื่น ๆ ทั้งหมด ทั้งนี้เพราะการเพ่งกสิณเป็นการฝึกจิตด้วยวิธีการใช้กสิณเป็นสื่อเพื่อดึงจิตให้จับอยู่กับกสิณนั้น ๆ และเมื่อจิตจับอยู่กับกสิณนั้นนานๆ จิตจะสามารถเก็บเอาภาพของกสิณนั้นเข้าไปไว้ในสัญญาของเราได้ ภาพที่จิตของเราเก็บเอามาจากกสิณนั้น เราเรียกว่า นิมิต (Mental Image) ซึ่งถ้าหากจิตเก็บไว้ได้ดีภาพนั้นจะชัดเจนมาก...
หน้า 410 ของ 412