คลังเรื่องเด่น
-
เมตตัญจะ สุดยอดพระคาถาเมตตามหานิยม สวดแล้วดีมีแต่คนรัก เทวดาปกปักษ์ ผีสางไม่กล้ากล้ำกราย!!
เมตตัญจะ สุดยอดพระคาถาเมตตามหานิยม สวดแล้วดีมีแต่คนรัก เทวดาปกปักษ์ ผีสางไม่กล้ากล้ำกราย!!
กรณียเมตตสูตร (บทเมตตัญจะ) สวดแล้วเทวดารักษา ภูตผีปีศาจไม่รบกวน
♦ นะโม 3 จบ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุท ธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุท ธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุท ธัสสะ
♦ บทขัดกะระณียะเมตตะสุตตัง
ยัสสานุภาวะโต ยักขา เนวะ ทัสเสนติ ภิงสะนังยัมหิ เจวานุยุญชันโต รัตตินทิวะมะตันทิโตสุขัง สุปะติ สุตโต จะ ปาปัง กิญจิ นะ ปัสสะติเอวะมาทิคุณูเปตัง ปะริตตันตัมภะณามะ เห ฯ
♦ กะระณียะเมตตะสุตตัง
กะระณียะมัตถะกุสะเลนะ ยันตัง สันตัง ปะทัง อะภิสะเมจจะสักโก อุชู จะ สุหุชู จะ สุวะโจ จัสสะ มุทุ อะนะติมานีสันตุสสะโก จะ สุภะโร จะ อัปปะกิจโจ จะ สัลละหุกะวุตติสันตินทริโย จะ นิปะโก จะ อัปปะคัพโภ กุเลสุ อะนะนุคิทโธนะ จะ ขุททัง สะมาจะเร กิญจิ เยนะ วิญญู ปะเร อุปะวะเทยยุงสุขิโน วา เขมิโน โหตุ สัพเพ สัตตา ภะวันตุ สุขิตัตตา
เย เกจิ ปาณะภูตัตถิ ตะสา วา ถาวะรา วา อะนะวะเสสาทีฆา วา เย มะหันตา วา มัชฌิยา รัสสะกา อะณุกะถูลาทิฏฐา วา เย จะ อะทิฏฐา เย จะ ทูเร วะสันติ... -
การใส่บาตรด้วยศรัทธาอันถูกต้องยังผลให้เป็นสุข
การใส่บาตรด้วยศรัทธาอันถูกต้องยังผลให้เป็นสุข
อานิสงส์แห่งการทำบุญใส่บาตรด้วยข้าวปลาอาหารแก่ภิกษุผู้ปฏิบัติชอบ เชื่อว่า จะทำให้มีกินมีใช้ไม่ขาดแคลนในทุกๆ ภพ ทุกๆ ชาติ แม้จะตายลงไปก็จะไม่อดอยากจะได้พบกับอาหารทานที่ได้เคยถวายเคยให้นั้นอยู่ตลอดกินไม่รู้จักหมด แม้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็จะเกิดมาอยู่ในครอบครัวที่อุดมสมบูรณ์พร้อมด้วยโภคทรัพย์และ อาหาร ชีวิตมีความสุข
ดังตัวอย่างที่ปรากฏในสมัยพุทธกาล
เรื่องที่จะนำมาถ่ายทอดไว้ ณ ที่นี้ก็เป็นตัวอย่างที่ดีตัวอย่างหนึ่งซึ่งครบอานิสงส์ด้วยเพราะปัจจัยบริบูรณ์อันได้แก่ วัตถุ เจตนา อาการแห่งการให้ผู้รับบริสุทธิ์ และมีความเป็นไปเพื่อส่วนรวมโดยสมบูรณ์
สมัยที่องค์สมเด็จพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ มีชายยากจนผู้หนึ่ง ซึ่งมีนามว่า “นายกากวฬิยะ”
นายคนนี้เกิดมาในตระกูลที่ยากจน เลี้ยงชีวิตอยู่ในโลกด้วยความยากลำบากต้องทำงานหนักตลอดทั้งวัน ไม่มีเวลาที่จะนึกถึงบุญกุศลสิ่งไรทั้งสิ้น วันหนึ่งภรรยาของเขาเตรียมต้มข้าวกับผักดองรวมกันเป็นข้าวยาคูเปรี้ยวเพื่อจะให้เขากินตามประสาคนจน
ในขณะนั้น พระมหากัสสปเถระสาวกองค์สำคัญแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า... -
วิธีใช้วัตถุมงคลให้เกิดประโยชน์สูงสุด - พระอาจารย์เล็ก วัดท่าขนุน
วิธีใช้วัตถุมงคลให้เกิดประโยชน์สูงสุด
วันนี้มีผู้ถามเกี่ยวกับเรื่องของการใช้เครื่องรางของขลังให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ซึ่งจะว่าไปแล้วในเรื่องของวัตถุมงคลหรือเครื่องรางของขลังนั้น โบราณาจารย์ท่านสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นการสอนให้เราปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา นั่นเอง
เพราะว่าการใช้วัตถุมงคลจะมีข้อห้ามข้อปฏิบัติต่าง ๆ ซึ่งสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นก็คือศีล มีคาถาในการอาราธนา นั่นคือการที่ให้เราสร้างสมาธิให้เกิดขึ้น ส่วนปัญญานั้น ถ้าเราเห็นทุกข์เห็นโทษว่า การดำรงชีวิตอยู่มีแต่โทษภัยที่น่ากลัว ทำให้เราหาวัตถุมงคลมาคุ้มครองตนเอง ขึ้นชื่อว่าการเกิดมาในโลกนี้ที่เต็มไปด้วยเภทภัยต่าง ๆ ไม่เป็นที่พึงปรารถนาของเราอีกแล้ว ถ้าหมดอายุขัยตายลงไปก็ดี หรือว่าเกิดอุบัติเหตุอันตรายใด ๆ ถึงแก่ชีวิตก็ดี เราขอไปอยู่ที่พระนิพพานแห่งเดียว ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ถือว่าท่านใช้ปัญญาในการใช้เครื่องรางของขลังหรือวัตถุมงคลด้วย
ส่วนตัวของอาตมาเองนั้นมักจะใช้ในลักษณะของการจับภาพวัตถุมงคลเป็นกสิณ ถ้าตามที่เคยทำมา เมื่อถึงเวลาก็จะตั้งรัตนบัลลังก์ขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า... -
ความมหัศจรรย์ของพระแก้วมรกต เทวดาช่วยกันสร้าง คำรับรองจากหลวงปู่มั่น พระแก้วมรกตอยู่ในประเทศใด จะส่งผลมงคลแบบนี้
ความมหัศจรรย์ของพระแก้วมรกต เทวดาช่วยกันสร้าง คำรับรองจากหลวงปู่มั่น พระแก้วมรกตอยู่ในประเทศใด จะส่งผลมงคลแบบนี้
คำบอกเล่าของหลวงปู่มั่น
เรื่องประวัติความเป็นมาของพระแก้วมรกต
เรื่องนี้อัตถุปปัตติเหตุเกิดขึ้นเมื่อครั้งพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต พักอยู่วัดป่าบ้านหนองผือ พระอุปัชฌาย์อุ่น (พระครูบริบาลสังฆกิจ (อุ่น อุตฺตโม) วัดอุดมรัตนาราม อำเภออากาศอำนวย จังหวัดสกลนคร) ได้ไปกราบนมัสการฟังเทศน์
หลังจากท่านอุปัชฌาย์อุ่นลาลงกุฏิไปแล้ว ท่านพระอาจารย์ได้ทำความสะอาด โดยนำผ้าสรงน้ำของท่านฯ มาเช็ดถู ผู้เล่า (หลวงตาทองคำ จารุวณฺโณ) เอาผ้าเช็ดพื้นเข้าไปช่วยทำความสะอาดด้วย เพราะเห็นว่าผ้ายังสะอาดอยู่ ท่านหันมาเห็นเข้า พูดว่า
“อะไรกัน นั่นรูปพระพุทธเจ้าแท้ๆ ยังเอาผ้าเช็ดพื้นมาถูได้”
ผู้เล่าสะดุ้งไปทั้งตัว เพราะความโง่เขลาปัญญาอ่อน ท่านฯ ก็เลยทำความสะอาดเอง เสร็จแล้วก็มีเพื่อนภิกษุทยอยกันขึ้นไป รวมทั้งท่านอาจารย์วิริยังค์ด้วย ท่านเลยเทศน์ถึงความมหัศจรรย์ของพระแก้วมรกต ท่านว่า
“พระแก้วมรกตประดิษฐานอยู่ในประเทศใด ประเทศนั้นจะไม่ว่างจากพระอริยบุคคล พระอริยบุคคลมีอยู่ในประเทศใด... -
มีวิธีสังเกตอย่างไรว่าท่านใดเป็นโพธิสัตว์ ? - ถามหลวงตาม้า
ถามหลวงตา
❓ มีวิธีสังเกตอย่างไรว่าท่านใดเป็นโพธิสัตว์ ?
>> จะทราบได้อย่างไรว่าจะ "ลา" หรือ "ไม่ลา" ?
>> ถ้าปรารถโพธิญาณในชาตินี้ พอมีกำลังแล้ว จะลาชาตินี้ได้หรือไม่ ?
▶ ฟังหัวข้อนี้ คลิก
- - - - -
●‿●คำถามต่างๆ เลือกฟังจากหัวข้อต่อไปนี้
- - - - - - - - - - - -
❓ Q1.ทำบุญชาติเดียว ใช้ได้เป็นอสงไขย ต้องทำอย่างไร? คลิก
- - - - - - - - - - - -
❓ Q2.คนที่ชีวิตติดขัดทุกด้าน หรือคนที่ป่วยเป็นโรคร้าย ต้องทำอย่างไร? คลิก
- - - - - - - - - - - -
❓ Q3.เรื่องไหนไม่ควรทุกข์ คลิก
- - - - - - - - - - - -
❓ Q4.สิ่งที่คุ้มครองเราจริงๆมีใครบ้าง คลิก
- - - - - - - - - - - -
❓ Q5.วิธีส่งวิญญาณที่ฆ่าตัวตาย,ถูกทำแท้ง และวิธีดูว่าเขาไปหรือยัง? คลิก
- - - - - - - - - - - -
❓ Q6.วิธีอธิษฐานให้บารมีหลวงปู่ดู่มาเต็มๆ ที่รูปลักษณ์ที่เราสร้าง คลิก
- - - - - - - - - - - -
❓ Q7.วิธีตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ ที่สูงที่สุดทำอย่างไร ? คลิก
- - - - - - - - - - - -
❓ Q8.สมาทานศีลแล้วกลัวทำผิด อพฺรหฺมจริยา... -
หลวงปู่หล้า!!! บอกวิธีกำหนดจุดหมายหลังความตายไว้ให้“เมื่อใกล้ความตาย ความคิดสุดท้ายจะเป็นตัวกำหนด”
หลวงปู่หล้า เขมปัตโต วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) จ.มุกดาหาร ได้เทศน์ให้ญาติโยมฟังไว้ว่า ตายคาภาวนายังดีกว่าตายคานึกถึงสิ่งของ เวลาเราจะตาย เรานึกถึงสิ่งของอันใด ใจขาดด้วย ก็ไปเป็นเขียดกะปาดบ้าง อยู่ตามรั้วอยู่ตามไร่ตามนา ถ้าเรานึกถึงหลานคนนั้นคนนี้ แล้วก็ใจขาดคาที่นั่น เราไปเกิดเป็นเป็ดเป็นไก่เขาหรือเป็นหลานเขา เวลาจะตายสำคัญ อสัญกรรม กรรมเมื่อจวนเจียน
เวลาใกล้จะตายเห็นแสงไฟ ปรากฏเห็นแสงไฟมา ยังไม่คิดไปทางอื่นแล้วก็เลยตายในขณะนั้นก็ไปเกิดในนรก
ถ้าเวลาใกล้จะตายปรากฏเห็นท่าน้ำหรือป่าไม้ แล้วก็สิ้นลมปราณในเวลานั้นยังไม่คิดไปทางอื่น ก็ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
เวลาใกล้จะตายปรากฏว่ามืดมนอนธกาล มองไม่เห็นอะไรเลยคล้ายๆว่ากลางคืน สิ้นลมปราณในขณะนั้นก็ไปเกิดเป็นเปรต
เวลาใกล้จะตาย ได้ปรากฏเห็นวิมานและปรากฏเห็นเทวบุตรเทวดา แล้วก็สิ้นลมปราณในขณะนั้น ก็ไปเป็นเทวบุตรเทวดาเป็นอินทร์เป็นพรหมอยู่ในสรวงสวรรค์หรือพรหมโลก
เวลาใกล้จะตาย ปรากฏเห็นครรภ์มารดา ก็ไปถือปฏิสนธิเกิดอีกในครรภ์
หัวใจหยุดเต้น แต่จิตไม่หยุดตาม!..."จิตสุดท้ายหลังตาย" หนทางสุดท้าย ที่จะนำไปสู่ภพภูมิที่ดี!... -
ทำบุญสังฆทานให้ได้บุญมาก บุญที่แท้เป็นอย่างไร
ทำบุญสังฆทานให้ได้บุญมาก
บุญที่แท้เป็นอย่างไร
คำว่าสังฆทานคือ ทานที่มอบให้แก่ หมู่สงฆ์เป็นส่วนรวม
นั่นคือความหมายแห่งสังฆทาน
ส่วนทานที่มอบให้แด่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งหรือคณะใดคณะหนึ่งนั้นไม่ใช่สังฆทาน แต่เป็น “ปาฏิปุคคลิกทาน”
แม้ทานนั้นจะมุ่งถวายเฉพาะเจาะจงแด่พระพุทธเจ้าก็ตาม พระพุทธองค์ก็ไม่ได้ตรัสยกย่องว่าเป็นทานที่เลิศไปกว่า สังฆทาน
สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าได้ประทับอยู่ที่พระวิหารของวัดนิโครธาราม เขตพระนครกบิลพัสดุ์
พระนางมหาปชาบดีโคตรมีซึ่งเป็นพระมาตุจฉาหรือพระแม่น้า ได้ทรงถือผ้าห่มคู่หนึ่งเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้ายังที่ประทับ แล้วได้กราบทูลพระพุทธองค์ว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ผ้าใหม่คู่นี้หม่อมฉันกรอด้ายทอเอง ตั้งใจอุทิศให้แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ขอพระผู้มีพระภาคทรงอาศัยความอนุเคราะห์โปรดรับผ้าใหม่ทั้งคู่ของหม่อมฉันด้วยเถิดฯ”
พระพุทธองค์เมื่อได้สดับรับฟังคำขอของพระแม่น้าจึงตรัสว่า
“ดูก่อนโคตมี พระนางจงถวายผ้าคู่นี้แด่สงฆ์เถิด เมื่อถวายสงฆ์แล้วจักเป็นอันพระนางที่ได้บูชาทั้งอาตมาภาพและเหล่าสงฆ์”
พระแม่น้าของพระองค์แม้จะกราบทูลขอถวายผ้าให้แด่พระพุทธเจ้าพระองค์เดียวแม้จะกล่าวถึง 3... -
แขวนพระกี่องค์ถึงจะดี ?
แขวนพระกี่องค์ถึงจะดี ?
เรื่องของการห้อยพระหรือแขวนพระนั้น หลายคนคงยังสงสัยหรือยังคิดไม่ออกว่า ควรจะแขวนพระกี่องค์ถึงจะดีและมีการถกเถียงกันมาก ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีข้อห้ามแต่อย่างใด แต่มีเคล็ดและข้อแนะนำ ที่อยากให้ลองอ่านและพิจารณาดูว่าเราเหมาะกับการแขวนพระอย่างไร
- การแขวนพระนั้น เป็นการแขวนเพื่อเป็นพุทธานุสติ เพื่อระลึกถึงคำสอนของพระพุทธองค์ รวมถึงวัตรปฏิบัติที่ดีงามของครูบาอาจารย์ผู้เป็นเจ้าของหรือเป็นผู้สร้างพระเครื่องนั้นขึ้นมา ซึ่งหากมองกันให้ลึกซึ้งนั้น หลายท่านก็จะรู้เท่าทันถึงแห่งอนิจจังที่ซ่อนอยู่ว่า คนสร้างก็ตาย คนทำก็ตาย คนแขวนก็ต้องตาย แต่ความดี บุญกุศลและกรรมนั้นยังคงอยู่ตลอดไปกาลนาน
-คนที่ห้อยพระนั้น ต้องเป็นคนดีมีศีลธรรม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในองค์พระจะช่วยเมตตา แต่ท่านจะช่วยน้อยหรือมากอยู่ที่ตัวคนใส่ พระเครื่องหรือสิ่งของต่างๆที่เป็นมงคล ไม่มีการเสื่อมของดีนั้นไม่วันเสื่อมด้วยตัวเอง ส่วนผู้ใช้จะปฏิบัติดีปฏิบัติชอบหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เหมือนกับคำสวดที่ว่า นะโมฯ ซึ่งคำๆ นี้ไม่เคยเสื่อมแต่ผู้พูดปฏิบัติดีแค่ไหน การรักษาก็คือต้องสำรวม กาย วาจา ใจ... -
ขออโหสิกรรมกับเจ้ากรรมนายเวรให้เร็วขึ้นทำอย่างไร
ขออโหสิกรรมกับเจ้ากรรมนายเวรให้เร็วขึ้นทำอย่างไร
ชวนเจ้ากรรมนายเวรไปทำบุญ เพื่อให้อโหสิกรรมเร็วขึ้น เจ้ากรรมนายเวรนั้นมีจริงและเป็นอุปสรรคสำคัญที่จะทำให้เงินทองนั้นติดขัดอย่างหนัก เพราะเขาจะมาเอาคืนในสิ่งที่เราเคยทำกับเขา ทางที่ดีที่สุดก็คือ ต้องสำนึกอย่างจริงใจ ถึงแม้ว่าชาตินี้เราจะเป็นคนใหม่ ชื่อใหม่ไม่รู้ว่าเคยทำอะไรไปบ้าง แต่กรรมนั้นเกิดขึ้นไปแล้ว เราต้องรับผิดชอบ เคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์เรื่องการชวนเจ้ากรรมนายเวรไปทำบุญ เพื่อให้อโหสิกรรมเร็วขึ้นนั้นถือว่าเป็นช่องทางที่เจ้ากรรมนายเวรเขาชอบและให้อโหสิกรรมเราได้ง่าย
หลายๆ ท่านเมื่อเวลาจะสร้างบุญไปทำบุญบอกว่า ชอบชวนเจ้ากรรมนายเวรไปร่วมทำบุญด้วยแต่เริ่มไม่แน่ใจเพราะได้ยินมาว่า หากเจ้ากรรมนายเวรมีบุญเยอะๆ เขาจะยิ่งมีกำลังมากและจะทำร้ายเราได้มาก หรือการชวนเขาไปทำบุญเป็นเหมือนการบังคับกลายๆ ว่าให้เขาไปด้วย ถ้าเขายังรับไม่ได้ยังไม่อยากไปกับเรา หรือยังมีจิตอาฆาตแค้นแรงอยู่ ก็อาจจะส่งผลร้ายกับเราได้ เพราะมันยิ่งทำให้ไม่พอใจและอาฆาตแค้นเรามากยิ่งขึ้น
เมื่อได้ยินแบบนี้ก็อยากจะขอแนะนำสักเรื่องหนึ่งเพื่อให้ทุกคนเข้าใจอย่างถูกต้อง ถูกธรรม... -
แจ้งเตือนให้ระวังการเข้าวัดทำบุญ
ยกเลิกครับ -
หน้าที่ของพระยายมราช และพระกาล - ถามพระอาจาย์ เล็ก วัดท่าขนุน
หน้าที่ของพระยายมราช และพระกาล
ถาม : ..................
ตอบ : คนละอย่างกัน พระยายมราชท่านเป็นพรหม ไปทำหน้าที่นั้น จริง ๆ ก็คือว่า ไปเพื่อช่วยเขา ไม่ได้ไปเอาใครลงนรก ไปเพื่อช่วยคอยกันไม่ให้เขาลงนรก เนื่องจากว่าพรหม ประกอบด้วยพรหมวิหาร ๔ เป็นปกติอยู่แล้ว ท่านทำหน้าที่โดยยุติธรรม ท่านพยายามสอบถามทุกวิถีทางแล้ว ถ้าเรานึกความดีไม่ออก ก็จะถูกลงโทษตามความผิดที่ตนเองทำมา แต่ถ้าหากว่าเรานึกถึงความดีออกแม้แต่นิดเดียว ท่านจะส่งเราขึ้นสวรรค์ไปก่อนเลย ไปรับความดีของเราก่อน
ส่วนพระกาล ท่านเป็นเทวดา แต่ว่าในสมัยก่อนท่านชอบต้องการรู้เรื่องราววาระอะไรต่าง ๆ ของคนของสัตว์ทั้งหมด จนกระทั่งกลายเป็นว่า ท่านสามารถรู้วาระและเวลาการเกิดการตายของคนด้วย ท่านจะเป็นผู้ที่กำหนดว่าจะส่งรถทิพย์ไปรับใคร ตอนไหนเมื่อไร ในด้านของผู้ที่เขาทำความดีกันอย่างนี้นะ เพราะฉะนั้นเขาเลยเรียกท่านว่าพระกาล กาลมาจากกาละ แปลว่าเวลา เป็นผู้รู้เวลาของคนอื่นเขา คนละอย่างกัน
ถาม : ใช่พระกาลองค์นี้ที่ลพบุรีหรือเปล่าคะ ?
ตอบ : ที่ลพบุรีนั่นเขาเรียกเจ้าพ่อพระกาฬ เจ้าพ่อพระกาฬที่ลพบุรีนั่นก็คือพระพรหมที่ชื่อว่า ท้าวมหาชมพู คนละองค์กัน... -
ต้องการเกิดทันศาสนาพระศรีอาริยเมตไตรย
เธอจงบอกเขาว่า "ถ้าต้องการเกิดทันศาสนาฉันและสำเร็จอรหัตผลในศาสนาฉัน ให้เขาทำตัวดังนี้"
๑. ตั้งใจรักษาศีล ๕ ให้บริสุทธิ์ ในระยะต้นมันจะมีพลั้งพลาดบ้าง เมื่อเผลอหรือว่าจำเป็นต้องทำ ทำไปแล้วก็พยายามกำหนดใจว่าจะไม่ทำอีก คิดบ่อยๆ คุมใจบ่อยๆ ไม่ช้าก็จะคุมได้เป็นปกติมีศีล ๕ ครบถ้วน
๒. จงเป็นคนมีเมตตาเป็นปกติ
๓. เจริญกายคตากรรมฐานเป็นปกติ
๔. เมื่อทำบุญหรือบูชาพระครั้งใด เมื่อเสร็จแล้วให้ตั้งใจอธิษฐานว่า "ด้วยอำนาจบุญบารมีที่บำเพ็ญนี้ ขอให้ข้าฯ ได้เกิดทันพระศรีอาริย์ขณะทรงประกาศพระศาสนา และเมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนาครั้งเดียว ขอให้สำเร็จพระอรหันต์ทันที"
ท่านว่า "ทำอย่างนี้เป็นปกติ เกิดทันแน่" อย่าตั้งใจให้เกิดทันอย่างเดียวจะไม่มีผล ควรอธิษฐานหวังมรรคผลพระนิพพานด้วยจะมีคุณกว่า เมื่อพูดจบท่านบอกว่า พวกที่กำลังฝึกกับท่านที่วัด ส่วนใหญ่เขาหวังเกิดทันศาสนาฉัน เธอลงไปช่วยบอกตามที่ฉันบอกนี้ด้วย และเขียนส่งข่าวบรรดาบริษัทของเธอด้วย เลยเขียนบอกมา
เมื่อเจรจากันสิ้นเรื่องนี้ ท่านก็พูดต่อไปว่า บริษัทของท่านส่วนใหญ่มารวมกันที่ดาวดึงส์ ความจริงมาดาวดึงส์นี้ดีมาก เพราะอยู่ในที่ตั้งพระจุฬามณีฯ... -
หากเจอวิบากกรรมหนักต้องเร่งสร้างพลังบุญอย่างไร
หากเจอวิบากกรรมหนักต้องเร่งสร้างพลังบุญอย่างไร
ตัวอย่างเคล็ดลับการเสริมสร้างพลังบุญเฉพาะเรื่อง
- กรณีที่มีวิบากกรรมหนัก ก็ต้องสร้างพลังบุญที่ยิ่งใหญ่ รุนแรง เพื่อทุเลาและแก้ไขวิบากกรรมนั้นด้วยอย่างทันท่วงที เช่น สร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่ (ถ้ากำลังในทรัพย์ปัจจัยไม่พอ ก็ให้หาเป็นเจ้าภาพร่วม ตามสถานที่ต่างๆ ที่มีการสร้าง ) สร้างวัด โบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ สถานปฏิบัติธรรม อุทิศตัวเข้าบวชในบวรพุทธศาสนา ถ้าเป็นหญิงก็ให้บวชชี (หากไม่สะดวก ก็บวชแบบชีพราหมณ์ก็ได้) ถือศีล ปฏิบัติธรรม การบวช หรือปฏิบัติธรรม ถ้าเป็นไปได้อย่างน้อย 9 วัน ขึ้นไป แล้วอุทิศไปให้เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้ต้องเกิดวิบากกรรมอันหนักนั้น ถ้าทำบุญใหญ่ ๆ ได้ หลายๆอย่าง และมากๆ ในห้วงเวลาเดียวกัน ก็จะยิ่งช่วยได้มาก การแก้ไขวิบากกรรมก็จะได้ผลเร็วยิ่งขึ้น
- สุขภาพไม่แข็งแรง เจ็บไข้ได้ป่วยอยู่บ่อย ๆ การปล่อยชีวิตสัตว์ ไถ่ชีวิตสัตว์ ถือว่าได้บุญ อันเนื่องมาจากการที่ได้ต่อชีวิตให้สัตว์ อานิสงส์จะทำให้มีอายุยืน สุขภาพแข็งแรง ช่วยคลายวิบากกรรมเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วย เคล็ดลับให้ได้บุญมากยิ่งๆ ขึ้น... -
ทำใจได้...หลวงพ่อจรัญ ฐิตธฺมโม
พระพุทธเจ้าทรงแสดงโลกธรรมว่า
จงอย่าหวั่นไหว จงทำใจให้ได้เมื่อมีทุกข์
คนที่ทำใจได้เมื่อมีทุกข์ เพราะมีสติควบคุม
ถ้าผู้ใดเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
จิตจะมั่นคง ช่วยตนเองได้ ทำใจได้
เราจะไม่เสียใจ ไม่น้อยใจต่อบุคคลใด
คนทำใจได้นั่นแหละ จะได้รับผลดี
มีสติเป็นอาวุธของตนเองตลอดไป"
คำสอน...หลวงพ่อจรัญ ฐิตธฺมโม
จากหนังสือพุทโธโลยี
ชุด ทางสายเอก เรื่อง ทำใจได้
http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=2820 -
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๕๗ เดือนมีนาคม ๒๕๖๐
กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๑๕๗
เดือนมีนาคม ๒๕๖๐
โดยพระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
วัดท่าขนุน อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
เล่มอื่น ๆ ตามไปอ่านได้ที่ http://www.watthakhanun.com/webboard/forumdisplay.php?f=60 -
เคล็ดการสวดอุณหิสวิชัยคาถาต่อชะตา(ของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี)
วันนี้มีคนถามผมว่าหากไม่มีทุนทรัพย์มากพอจะไปทำพิธีสะเดาะเคราะห์ ทำอย่างไร ผมก็เลยนึกถึงการสวดพระคาถาอุณฆิสวิชัยต่อชะตาขึ้นมาได้ แต่คงเป็นคนละฉบับๆแบบที่มีทั่วไป เพราะเป็นฉบับโบราณของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต ขั้นตอนมีดังนี้
๑.ชำระกายให้สะอาดก่อนสวด
๒.ให้จัดหิ้งพระหรือโต๊ะหมู่บูชาพระที่ห้เองพระหรือในบ้านให้เรียบร้อย จัดดอกไม้ใส่แจกัน และที่เชิงเทียนให้ปักเทียนสีผึ้งแท้หนักสองบาท ๑คู่ เตรียมธูปไว้ ๙ดอก
๓.ให้จุดธูปเทียน กล่าวคำบูชาพระรัตนตรัย ตามปกติ แล้วสวดมนต์บทพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ บทชินบัญชร เมื่อสวดเสร็จให้ตั้ง นโมสามจบ กล่าวรำลึกถึงสมเด็จโตดังนี้
อิติปิ โส ภะคะวา ราชาโต ท้าวเวสสุวัณโณ พะละสุขัง พรหมรังสี นามะโต อะระหัง พุทธะโต นะโมพุทธายะ
คาถาอาราธนาพระสมเด็จ
โอม ศรี ศรี พรหมรังสี นามเต มหาเถรานุสโต นะเมตตัง
สุขัง อันตรายัง วินาสสันติ ภวันตุเม ฯ กราบสามที
แล้วตั้งนโมสามจบกล่าวดังนี้
คาถาอุณหิสวิชัย(ของเก่า)ได้จากสมุดสมเด็จของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี
อัตถิ อุณหิสสะ วิชะโย ธัมโม โลเก อะนุตตะโร
สัพพะ สัตตะ... -
การอธิษฐานจิตลงสู่พระเครื่อง......โดยหลวงพ่อกัสสปมุนี
ข้าพเจ้าเคยกราบเรียนถามหลวงพ่อกัสสปมุนีว่า "พระเครื่องที่เราๆท่านๆนำมาเลี่ยมขึ้นคอนั้น เขามีวิธีกาปลุกเสกอย่างไรถึงได้มีพุทธคุณคุ้มครองได้" หลวงพ่อท่านจึงกรุณาเล่าให้ฟังประดับความรู้ว่า การเสกพระนั้นมีอยู่สองแบบ คือ แบบแรก ผู้เสกจะเสกด้วยคาถาอาคม มนตราต่างๆที่เรียนมา ประสิทธิลงในพระเครื่องนั้นๆ แบบนี้ถ้าผู้เสกเสื่อมฌาณไม่ว่าด้วยเหตุอันใดก็ตาม พระเครื่องนั้นก็มีอันเสื่อมไปด้วย แบบที่สอง ผู้เสกจะอธิษฐานจิตสู่พระเครื่องด้วยการเข้าฌาณอันพึงเกิดจากญาณสมาบัติที่ได้ มีการเข้าฌาณเดินหน้าถอยหลัง ซึ่งสุดวิสัยที่ข้าพเจ้าจะหยั่งถึงหรือจดจำได้ หลวงพ่อบอกอีกว่า การเสกแบบนี้จะไม่มีวันเสื่อมแล้ว นับวันพลังที่ได้รับการบรรจุลงในพระเครื่องนั้นจะเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ และหลวงพ่อได้ยกตัวอย่างพระเครื่องที่ได้รับการอธิษฐานจิตแบบนี้ เช่น พระสมเด็จ ของสมเด็จพระพุทธาจารย์(โต) แห่งวัดระฆังโฆษิตาราม หรือแม้แต่พระเครื่องหรือวัตถุมงคลต่างๆของหลวงพ่อกัสสปมุนีเอง ท่านก็ใช้วิธีอธิษฐานจิตแบบนี้เช่นเดียวกัน ดังนั้นหากจะพระสักองค์มาบูชาแทนสมเด็จวัดระฆังที่มีราคาสูงลิ่ว... -
"...หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เหาะไปบิณฑบาต..."
...เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พักภาวนาที่ถ้ำเชียงดาว อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
โดยหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตพักภาวนาอยู่ในถ้ำข้างบน พวกพระก็กระจายกันอยู่ที่ต่ำลงมาและออกไปอยู่ในสถานที่ใกล้เคียง อยู่ตามถ้ำผาปล่อง ถ้ำปากเปียง อยู่กระจายกันออกไป ทำตูบใครตูบมัน
โดยหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านอยู่ที่ถ้ำเชียงดาวเพียงองค์เดียว ท่านพักภาวนาอยู่ข้างบนโดยท่านจะไม่ลงมาข้างล่างเลย เว้นระยะห่าง ๔ - ๕ วันจึงจะลงมาร่วมฉันกับพระลูกศิษย์หนึ่งครั้ง ที่นี้ก็มีเสียงลือว่าหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านภาวนาโดยไม่ฉันอาหารตลอดเวลาที่อยู่ข้างบน พอลงมาจึงจะฉันเสียครั้งหนึ่ง เวลานั้นหลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ท่านยังหนุ่มยังแน่น ท่านมาพักภาวนาอยู่ที่นั่นด้วย หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ท่านไม่เชื่อว่าหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านอดข้าวในระหว่าง ๔ วัน ไม่ฉันข้าวไม่ลงมาร่วมฉันเลย
เมื่อหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ท่านไม่ลงมาติดต่อกันเป็นวันที่ ๕ แล้ว หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ท่านก็เลยแอบขึ้นไปตั้งแต่ตี ๔ โน่น ไปดูหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม ท่านคลานขึ้นไปในถ้ำ ไปนอนลี้ (แอบ) อยู่หมอบลี้อยู่... -
อารมณ์จิตที่ต้องการ(เบื้องต้น)
#อารมณ์จิตที่ต้องการ#(เบื้องต้น)
หลับตาก็ดี ลืมตาก็ดี เอาจิตเข้าไปคุมอารมณ์ของศีลให้ปกติอย่างนี้ชื่อว่าเราเป็นผู้ทรงสมาธิ ในสีลานุสสติกรรมฐาน เป็นตัวสมาธิ ที่พระพุทธเจ้าต้องการ
สมาธิลืมตานี่น่ะ พระพุทธเจ้าต้องการ เราให้จิตมันคุมอารมณ์อยู่อย่างนี้เป็นปกติ ขณะใดที่ยังมีความรู้สึกอยู่ ขณะนั้น จิตเราจะทรงศีลให้บริสุทธิ์อยู่เสมอ สติจะไม่ยอมปล่อยสิกขาบท
สัมปชัญญะจะรู้ตัว อาการที่แสดงมันออกทางกายและวาจา เพราะเป็นอารมณ์ของจิต อย่างนี้ชื่อว่าท่านมีสมาธิ ในสีลานุสสติกรรมฐานอย่างจริงจัง เมื่อจิตรักศีลเป็นปกติ ก็ชื่อว่า ท่านเป็นผู้เข้าถึงไตรสรณาคมน์
คนที่เข้าถึงไตรสรณคมน์ คำว่าคนนี่ หมายถึง พระถึงเณรหมด ท่านที่เข้าถึงไตรสรณคมน์ ชาตินี้ จิตมั่นอยู่ในไตรสรณคมน์ ชาตินี้เวลาที่ตายลงอบายภูมิไม่เป็น ถ้าเวลาตาย จิตอยู่ในไตรสรณาคมน์ ขั้นขณิกสมาธิ หรือ อุปจารสมาธิ ตายแล้วท่านเป็นเทวดาในชั้นกามาวจรสวรรค์
ถ้ากำลังใจของท่าน ตั้งมั่นอยู่ในศีลบริสุทธิ์ คิดว่าร่างกายจะตายก็ช่างมัน สิ่งที่เราต้องการก็คือศีลบริสุทธิ์ อย่างนี้ชื่อว่าเป็นผู้ทรงฌาน ก่อนจะตายจิตใจเป็นฌาน ตายแล้วท่านก็จะเป็นพรหม... -
อยู่ในกรอบของศีล ถูกมารชักจูงได้ยาก
✨ อยู่ในกรอบของศีล ถูกมารชักจูงได้ยาก ✨
มารอยู่ภพภูมิที่สูงกว่าเทวดาอีก พระพุทธเจ้าท่านจะจัดเอาไว้ว่า ✨ เทเวนะ วา มาเรนะ วา พรัหมมุนา วา ✨ เทวดาก็ดี มารก็ดี พรหมก็ดี ท่านจะเอ่ยชื่อมารในลักษณะสูงกว่าเทวดาอยู่ตลอด เพราะว่ามารจะอยู่ในสวรรค์ชั้นที่ ๖ เรียกว่า ปรนิมมิตวสวัสตี จะแบ่งเป็นสองเขต เขตหนึ่งเป็นเขตของเทวดา อีกเขตหนึ่งเป็นเขตของมารเขา
ถาม : เขามีหน้าที่คอยขวาง ?
ตอบ : นั่นเป็นงานเขา เหมือนกับงานของนักการเมือง แต่ไม่ใช่งานที่สร้างความเจริญ เป็นงานที่สร้างความล่มจม
ถาม : แล้วเราจะทราบได้อย่างว่า อันไหนคือมาร ?
ตอบ : สร้างสติ สมาธิ ให้มาก ๆ ถ้าสติ สมาธิ ทรงตัว ปฏิบัติอยู่ในกรอบของศีล ตราบใดที่ยังไม่หลุดจากกรอบของศีล ตราบนั้นเขาจะชักจูงเราได้ยาก แค่มีศีล ๕ ที่มั่นคงก็พอแล้ว
ถ้าหากว่าเรามีศีล ๕ อยู่ ถึงเวลาเขาทำให้เราบันดาลโทสะ เรารู้ว่าเราเป็นผู้มีศีล เราก็ไม่ทำร้ายใคร ไม่ฆ่าใคร ถ้าหากว่าเขาทำให้เราเกิดความโลภ เราอยากได้ของสิ่งนั้นสิ่งนี้ เราก็หามาถูกต้องตามทำนองคลองธรรมโดยไม่ผิดศีล ถึงเวลาเขาตั้งใจให้เราไปแย่งคนรักคนอื่นเขา เราก็มีสติสัมปชัญญะอยู่ รู้อยู่ว่าสิ่งนั้นผิด... -
พระองค์ที่ ๑๐ สอนเรื่องคนเราก็เหมือนดอกบัว
✨ พระองค์ที่ ๑๐ สอนเรื่อง คนเราก็เหมือนดอกบัว ✨
เรื่องดอกบัว พระองค์ที่ ๑๐ ท่านเคยกล่าวเอาไว้ว่า "คนเราก็เหมือนกับดอกบัว เกิดขึ้นมาจากโคลนตม แล้วก็พยายามดิ้นรนจนพ้นน้ำ เมื่อเบ่งบานขึ้นมาก็กลายเป็นสิ่งที่เขานำไปบูชาพระ นำไปถวายพระ"
ท่านยังบอกต่อว่า "ลักษณะแบบนี้ก็เหมือนกับเราสร้างคุณค่าของตนเองให้มากขึ้น ให้มีความดีสูงขึ้น จนในที่สุดก็สามารถที่จะหลุดพ้นจากรากเหง้าดั้งเดิมของตัวเอง ไปสู่จุดมุ่งหมายซึ่งดีที่สุดเท่าที่จะพึงมีได้"
คนเราก็เหมือนกับดอกบัว ๔ เหล่า
๑. ดอกบัวเหล่าแรก เปรียบเหมือนกับพวก ✨ "อุคติตัญญู" ✨ ฟังธรรมแต่ห้วข้อก็สามารถเข้าใจได้ เพราะว่าสั่งสมปัญญาบารมีไว้มาก มีความเฉลียวฉลาดมาก เพราะฉะนั้น .. ท่านเปรียบเหมือนดอกบัวที่พ้นน้ำแล้ว พร้อมที่จะเบ่งบานทันทีที่กระทบกับแสงตะวัน
๒. ดอกบัวเหล่าที่ ๒ เปรียบบุคคลเป็น ✨ "วิปจิตัญญู" ✨ ท่านบอกว่าเหมือนดอกบัวที่ปริ่มน้ำ พร้อมที่จะโผล่ขึ้นมาเพื่อรับแสงอาทิตย์ในวันรุ่งขึ้น บุคคลประเภทนี้ฟังธรรมแล้ว ขยายความเล็กน้อยก็เข้าใจ
๓. ดอกบัวเหล่าที่ ๓ ท่านบอกว่า เปรียบเหมือนดอกบัวที่อยู่กลางน้ำ รอเวลาที่จะโผล่ขึ้นไปเบ่งบาน... -
"...ป่าหิมพานต์..."
"...ป่าหิมพานต์..."
“เมื่อขึ้นไปอยู่ริมน้ำแม่งัด บ้านช่อแล ได้ ๔-๕ ปี แต่อยู่บ้านแต วันหนึ่งนึกถึงตาผ้าขาวสุกว่า “เอ ตาเฒ่านี้จะไปเกิดที่ไหนแล้วหนอ เดี๋ยวนี้”
พอเรานึกได้เท่านั้น ก็มีเทวดา ๒ ตน ผู้ชายหนุ่มน้อยอายุ ๑๘-๑๙ ปี นั่งเครื่องยนต์รูปร่างคล้ายกับเรือสุพรรณหงส์มารับ
“นิมนต์พระผู้เป็นเจ้าเถ๊อะ จะพาไปหาตาผ้าขาวสุก อยู่ป่าหิมพานต์”
“จะนานไหม จะได้เอาผ้าครองไปด้วย”
“ไม่นานหรอก ตี ๔ ก็กลับมาแล้วครับ”
“เอ้า...ไปก็ไป”
พอเราพูดอย่างนี้ กายก็นั่งอยู่ ใจก็เดินขึ้นยนต์สุพรรณหงส์ จากนั้นก็ลอยไปตามอากาศ ช้าก็ได้เร็วก็ได้เหมือนกับคนเขารับรถ แต่ยนต์นี้ไมต้องขับ ไปได้เองตามอานุภาพของบุญ ลอยไปผ่านไปแม่ฮ่องสอน เข้าเขตพม่า เลยพม่าเข้าแคชเมียร์เข้าเขตภูเขาหิมะ เครื่องยนต์นั้นก็ลอยต่ำลงสูงกว่าปลายไม้นิดหน่อย เมื่อเข้าใกล้ที่อยู่ของพ่อขาวสุกแล้วก็ลงจอดยนต์ไว้ เดินเท้าเข้าไป มีหมู่เทวดามาต้อนรับ แล้วเดินกันเป็นกระบวนไป ลึกเข้าไปอีกก็มีพวกสัตว์ป่าหิมพานต์ รูปร่างเป็นตัวสัตว์ต่างๆ มาต้อนรับ สัตว์ที่เหมือนกับในเมืองมนุษย์ก็มี เช่น หมูป่า กวาง เก้ง เสือ ช้าง หมี ๔ เท้า ๒ เท้า เลื้อยคลานมีหมด... -
พระคาถาที่เป็น"หัวใจ"ของสายวิชา"หลวงปู่หงษ์" ขอพรก็ได้ เจริญกรรมฐานก็ดี เพราะแต่ละบทมีความหมายอันลึกซื้งแฝงอยู่!
พระคาถาที่เป็น"หัวใจ"ของสายวิชา"หลวงปู่หงษ์" ขอพรก็ได้ เจริญกรรมฐานก็ดี เพราะแต่ละบทมีความหมายอันลึกซื้งแฝงอยู่!
พระคาถาหัวใจในสายวิชาหลวงปู่หงษ์
“นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ ปะจะขะ นะเมติ” หรือ
“นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ นะเมติ ปะจะขะ”
นี้เป็นพระคาถาที่เราคงคุ้นเคยกันดี เพราะมักจะมีกำกับบนวัตถุมงคลของหลวงปู่แทบทุกชิ้น เหตุเพราะว่า พระคาถานี้เป็นคาถาที่สามารถใช้ ท่องเพื่อปลุกเสกสิ่งของก็ได้ ใช้เพื่อเป็นอารมณ์กรรมฐานก็ได้ หรือใช้สำหรับการขอพรต่างๆก็ได้ หลวงปู่ท่านว่าดี 108 ประการ
ตัวคาถาแต่ละบทนั้นมีความสำคัญอยู่ อย่างเช่น “นะโมพุทธายะ”
นั้นก็คือการระลึกถึงพระพุทธเจ้าทั้ง 5 พระองค์ ได้แก่ พระกกุสันธพุทธเจ้า, พระโกนาคมพุทธเจ้า, พระกัสสปพุทธเจ้า, พระโคตมพุทธเจ้าและพระเมตไตยพุทธเจ้า เมื่อตั้งต้นด้วยพระพุทธคุณแล้วอะไรๆก็ดีทั้งหมด
“นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ”
นั้นเป็นบทที่ใช้เสกของป้องกันอาวุธ กันปืน กันระเบิดหรือกันภัยต่างๆ สามารถภาวนาเป็นพุทธานุสติกรรมฐานก็ได้ เพราะการระลึกถึงพระพุทธเจ้าย่อมเป็นบุญแน่นอน ภาวนาบ่อยๆดีนักแล
“ปะจะขะ”
นั้นเป็นบทที่ใช้สำหรับ ขอพร ขอโชคลาภ... -
สาธุ! พลังบารมี "หลวงปู่หมุน ฐีตสีโล" ที่ "หลวงปู่หงษ์"ถึงกับพูดว่าในพิธีปลุกเสกให้หลวงปู่หมุนปลุกเสกคนเดียวก็พอแล้ว!
สาธุ! พลังบารมี "หลวงปู่หมุน ฐีตสีโล" ที่ "หลวงปู่หงษ์"ถึงกับพูดว่าในพิธีปลุกเสกให้หลวงปู่หมุนปลุกเสกคนเดียวก็พอแล้ว!
หนึ่งในครูบาอาจารย์ผู้ทรงตบะบารมี และมีจริยวัตรอันงดงาม ซึ่งเป็น นั้น ได้แก่ พระปรมาจารย์ อมตะเถระ ๕ แผ่นดิน “หลวงปู่หมุน ฐิตสีโล” ปัจจุบันพระเครื่องและเครื่องรางของขลังของท่านได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่ลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และแม้ว่าทท่านจะละสังขารไปหลายปีแล้วก็ตาม ปัจจุบันก็ยังมีลูกศิษย์ลูกหาที่หน้าใหม่ๆ ที่หันมาศรัทธา กราบไหว้ มากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่ทันได้พานพบกับหลวงปู่เลยในชีวิต แต่ความศรัทธานั้น เป็นสิ่งเชื่อมต่อครูบาอาจารย์อย่างดียิ่ง เมื่อศรัทธาขอบารมีหลวงปู่แล้ว หลวงปู่ท่านก็มีเมตตาช่วยเหลือจนปรากฏปาฏิหาริย์ อัศจรรย์ต่างๆ มากมาย
เมื่อมกราคม ปี 2552 ทางวัดป่าหนองหล่มได้จัดพิธีหล่อพระแก้วมรกตจำลอง เพื่อเป็นพระประธานได้นิมนต์หลวงปู่หมุน หลวงปู่หงษ์และคณาจารย์แถบปราจีนมานั่งปรก ปรากฏว่า ขณะที่หลวงปู่หมุนนั่งสมาธิบริกรรมอยู่นั้น ทางหลวงปู่หงษ์ได้มาถึงบริเวณพิธีช้ากว่ากำหนด แต่ไม่ยอมขึ้นสู่ธรรมาสน์เพื่อปลุกเสก โดยบอกกับทางเจ้าภาพว่า... -
ประสบการณ์และผลที่ได้จากการนั่งสมาธิ
ประสบการณ์การนั่งสมาธิ การปฏิบัติของผม เนื้อหาแบ่งเป็นหลายช่วง ตั้งแต่เริ่มต้น คนธรรมดา จนถึงมีฌานสมผัสโลกทิพย์ ช่วยเหลือคน ภาษาที่ใช้อาจมีไม่สุภาพ ไม่ถูกปรับแต่ง เพื่อให้เข้าใจอารมณ์ในช่วงนั้น เนื้อหาทั้งหมดอาจไม่ถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์เนื่องจากผ่านมานาน แต่เรื่องหลักทั้งหมดเกิดจากความจริงทั้งสิ้น การเล่าเรื่องเกิดขึ้นจากเทวดามาหาในสมาธิขอให้ข้าพเจ้าได้แบ่งปันเรื่องราวของตนเองขึ้น
เริ่มต้น ผมเกิดในครอบครัวฐานะที่มีปัญหาทางครอบครัว ทะเลาะกันเกือบทุกวัน เรื่องปัญหาหนี้สินและการใช้เงิน ผมทำทุกวิถีทางที่เป็นทางโลกเพื่อที่อยากให้บ้านสงบสุข หาเงินมาให้ไม่กี่วันหมด ทุกครั้งที่ยุ่งกับการเงินพ่อ แม่ ทำให้ทะเลาะกับพ่อ แม่ ทั้งสิ้น ไม่มีความสุข ผู้ใหญ่ไม่ฟังลูกสักนิด โดนเสมอว่า เป็นเด็กเป็นเล็กจะไปรู้อะไร แต่แล้วผมได้เหมือนเห็นแสงสว่าง เมื่อเจอธรรมมะที่ว่า “นั่งสมาธิเกิดปัญญา” ในเมื่อผมหาทางออกทางโลกไม่ได้ พยายามทุกวิถีทางจนเหนื่อย บางทีปัญญาผมอาจไม่ถึง ผมลองไปก็ไม่มีอะไรเสียหาย ช่วงนั้นผมคงคิดประมาณแบบนี้ ผมจึงเริ่มปฏิบัติอย่างจริงจังขึ้น ผมดูลมหายใจ เมื่อย เหนื่อย ท้อ... -
ผู้รู้ต้องลงมือปฏิบัติ : พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรํสี
ผู้ รู้ ต้ อ ง ล ง มื อ ป ฏิ บั ติ
พระครูเกษมธรรมทัต (พระอาจารย์สุรศักดิ์ เขมรฺสี)
สำนักปฏิบัติกรรมฐาน วัดมเหยงคณ์ จ.พระนครศรีอยุธยา
การที่จะทำให้จิตใจมีความรู้
เป็นผู้เห็นแจ้ง เป็นผู้ละกิเลสได้
ก็ต้องลงมือปฏิบัติ
ต้องเพียรพยายามปฏิบัติธรรม
จึงเป็นเรื่องของการลงมือกระทำ
เป็นเรื่องของการปฏิบัติธรรม
ไม่ใช่เรื่องของการอ่าน การฟัง การพูดไปเฉย ๆ
ธรรมะไม่ได้อยู่ในตำรา
ไม่ได้อยู่ในครูอาจารย์ ไม่ได้อยู่วัด
ไม่ได้อยู่ที่ไหนอื่น แต่อยู่ในตน
การรู้จักธรรมะ....ก็คือการรู้ในตนเอง
(ที่มา : ธรรมะแห่งความดับทุกข์ ดูความปรุงแต่ง
โดย เขมรฺสี ภิกขุ, พิมพ์ครั้งที่ ๖, พ.ศ. ๒๕๔๙, หน้า ๑๗)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=21397 -
ทำไม..ยิ่งทำบุญ ปฏิบัติธรรม ทำสมาธิก็เหมือน ยิ่งทุกข์ ??? โดยหลวงปู่หา สุภโร
โยม : หลวงปู่ครับ ทำไมผมยิ่งทำบุญ ยิ่งปฏิบัติธรรม ยิ่งทำสมาธิก็เหมือน ยิ่งทุกข์เหลือเ กินครับ ทั้งปัญหาครอบครัว ปัญหาสุขภาพ ปัญหาการเงิน ไม่รู้อะไรประดังประเดเข้ามาตลอด ครับผมหลวงปู่
หลวงปู่ : เวลาคุณทำบุญ เวลาคุณปฏิบัติ มันกระทบกับเงิน ทองหรือเวลาปกติ ของคุณหรือเปล่า
โยม : เปล่าครับผม เวลาผมทำบุญผมก็ ไม่ได้ลำบาก เงินทองก็เป็นส่วนเหลือจากการเก็บการดูแลครอบครัวแล้ว การปฏิบัติของผม ก็กระทำโดยไม่กระทบกระเทือนใคร พ่อแม่ พี่น้องลูกเมียก็อนุโมทนา แต่มันก็มีปัญหาเรื่องอื่น ๆ เข้ามาไม่ขาด
หลวงปู่ : คุณ เวลาคุณปฏิบัติคุณก็ต้องการพระนิพพานใช่หรือเปล่า นิพพานก็ต้องหนีโลก ต้องเบื่อโลก ถ้ามันไม่มีปัญหาเข้ามาคุณจะหนีโลกได้อย่างไร ถ้าคุณยังหวังสุขในโลกนี้ นิพพานของคุณก็เป็นนิพพานหลอกตัวเองหล่ะสิ
โลกเป็นโรงเรียนที่ใหญ่ที่สุด " ปัญหาที่เข้ามาคือ บทเรียน มารทั้งหลายคือครูของเรา เมื่อคุณปฏิบัติสูงๆ ขึ้นไป ปัญหามันก็จะสูงขึ้นไปด้วย "
ปัญญาคุณแค่อนุบาล ปัญหามันก็อนุบาล บทเรียนก็อนุบาล ครูก็ครูสอนอนุบาล....แต่เมื่อคุณเรียนปริญญา ปัญญาระดับปริญญา ปัญหามันก็ต้องปริญญา บทเรียนก็บทเรียนปริญญา... -
จิตที่เป็นสมาธิแล้วไม่หลอกลวง
**** จิตที่เป็นสมาธิแล้วไม่หลอกลวง ****
______________________________________________
" .. "ปัญญาเกิดขึ้นได้เพราะอาศัยความสงบ" อาศัยการฟังธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าให้เข้าใจ แล้วก็ทำความสงบจิตให้เข้าถึงสมาธิ จิตถึงสมาธิแล้ว จะเห็นเรื่องการลวงของจิตด้วยตัวเองชัดเจนที่เดียว
"จิตที่เป็นสมาธิแล้วไม่หลอกลวง" เป็นจิตตรงไปตรงมา เข้าถึงสัจธรรม เห็นทุกข์เป็นทุกข์จริง ๆ เห็นความสงบเป็นสุขจริง ๆ เห็นความทะเยอทะยานดิ้นรนเป็นความเดือดร้อนแท้ทีเดียว .. "
-------------------------------------------------------------------------
หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
ปกิณกะเทศนา หน้า๕๕
#เผยแผ่เพื่อเป็นธรรมะทาน
https://www.facebook.com/palangjitt/ -
เล่าขานตำนานครูบาเจ้าศรีวิชัย อริยแห่งแดน ล้านนา
เล่าขานตำนานครูบาเจ้าศรีวิชัย อริยแห่งแดน ล้านนา ตอน ปฐมบทพระภิกษุนักบุญ
.. มีใครจะเชื่อหรือไม่ว่า
มีพระภิกษุธรรมดาๆ องค์หนึ่งซึ่งเข้าร่วมห่มผ้าเหลืองมาเป็นพระเข้าบวชเรียน จากสามเณรสู่พระภิกษุ และ ท้ายที่สุดก็สิ้นอายุขัยในผ้าเหลืองในระยะเวลา ๔๒ ปี โดยไม่เคยได้รับสมณศักดิ์ใดๆ ไม่ได้เป็นพระอุปัชฌาย์ ไม่เคยมีพัดยศ หรือตำแหน่งทางคณะสงฆ์ แต่ทว่า พระภิกษุรูปนี้กลับเป็นผู้สามารถทำให้วัดต่างๆ ที่เชียงใหม่ และลำพูนพัฒนาขึ้นมาใหม่เป็นจำนวนมากจนกระทั่งท่านได้รับการยกย่องว่า "เป็นนักบุญแห่งล้านนาไทย" ซึ่งทุกท่านที่เคยเดินทางสู่แผ่นดิน อาณาจักรลานนาไทยอันเก่าแก่ไม่ว่าจะเป็นเมืองเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย ฯลฯ จะไม่มีวันหนีพ้นนามของ ครูบาศรีวิชัย ได้เลย เพราะจังหวัดของหัวเมืองเหนือที่ได้เอ่ยมานี้ล้วนแต่มีผลงานของท่านปรากฏอยู่ทั้งนั้นตลอดชีวิตของท่านไม่เคยทำบาป สร้างแต่ความดีให้แก่สาธารณชน การถูกใส่ความที่ต้องรอนแรมลงมารับการสอบสวนที่กรุงเทพฯ ถึง ๒ ครั้งในชีวิต แต่ก็พ้นมลทินคือผลตอบแทนที่ท่านได้รับ
ย้อนเวลาหาอดีต
ขอย้อนหลังจากวันนี้ไปสู่เหตุการณ์เมื่อร่วมศตวรรษก่อน ณ วัดบ้านปาง... -
หลวงพ่อกลั่น ไขปริศนา “หลวงปู่ที่มารักษาไข้ให้หลวงปู่ดู่คือใคร?”
หลวงพ่อกลั่น ไขปริศนา “หลวงปู่ที่มารักษาไข้ให้หลวงปู่ดู่คือใคร?”
จากหนังสือ “ตามรอยหลวงปู่ใหญ่ พ.ศ. 2549” โดยคุณพรหมินทร์ อึ้งสกุลรัตน์
หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เป็นพระอริยสงฆ์อีกรูปหนึ่งที่เคยพบ หลวงปู่บรมครู “พระครูธรรมเทพโลกอุดร” ดังที่คุณวิรัตน์ โรจนจินดา ได้บันทึกไว้ดังนี้
“จากที่ข้าพเจ้าฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของท่าน ข้าพเจ้าก็ได้คอยรับใช้ท่านอยู่หลายปี หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ มีเมตตาเล่าเรื่องหลวงปู่ใหญ่ให้ข้าพเจ้าฟังว่า สมัยที่ท่านออกเดินธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพรนั้น วันหนึ่งในฤดูหนาว ท่านเดินทางไปถึงดงพญาเย็นแล้วเกิดเป็นไข้มาลาเรียอยู่ท่ามกลางป่าดงดิบ ท่านคิดว่าคงจะไม่รอดชีวิตแน่แล้ว แต่จู่ๆ ก็มีพระรูปร่างสูงใหญ่องค์หนึ่งเอายาเม็ดกลมๆ ปั้นเหมือนลูกกลอนมาให้ท่านฉัน 2 เม็ด เมื่อท่านฉันเสร็จแล้วปรากฏว่า อาการไข้กลับทุเลาลงอย่างน่าอัศจรรย์ พอท่านหาย พระรูปร่างสูงใหญ่องค์นั้นก็จากไป โดยที่ท่านไม่ทราบว่าพระองค์นั้นชื่ออะไร”
“ภายหลังที่หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ กลับมาอยุธยาก็ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ อาจารย์ของท่านฟัง หลวงพ่อกลั่นหัวเราะแล้วบอกว่า...
หน้า 389 ของ 413