คลังเรื่องเด่น
-
เพราะ”บารมีธรรมไม่เท่ากัน” หลวงพ่อลีจึงต้องแจ้งเหตุผลในการสอนญาติโยมให้เข้าใจในพระธรรมให้ผู้รู้เข้าใจ สาธุ!
เพราะ”บารมีธรรมไม่เท่ากัน” หลวงพ่อลีจึงต้องแจ้งเหตุผลในการสอนญาติโยมให้เข้าใจในพระธรรมให้ผู้รู้เข้าใจ สาธุ!
เรื่องเล่าค่อไปนี้เกิดจากการสนทนาธรรมของหลวงพ่อลี กับพระยาท่านหนึ่งในอดีต ในเรื่องที่ หลวงพ่อลีไปวุ่นวายกับญาติโยมมากไป เลยมีการติปนตำนินิดๆว่า ทำไมไม่สอนเฉพาะเรื่องไปเลย ท่านพ่อลีเลยตอบกลับไปด้วยเหตุผลที่ใครได้ฟังต้องบอกว่า จริง จริง ไม่อาจปฎิเสธได้โดยเหตุดังนี้
เมื่อเร็วๆ นี้ได้ไปพูดสนทนากับพระยา... มาแต่เราไม่กล้าไปรุนแรงกับเขานัก การติของเขาโดยสรุปก็คือเขาว่า
“ท่านอาจารย์มัวแต่ไปยุ่งกับญาติโยมมากเกินไปแล้ว การปฏิบัติเพื่อความพ้นทุกข์จะทำได้อย่างไร?”
เราพูดตอบก็อาศัยความจริงโดยชักแน่ว่า “เจ้าคุณว่ายังไง”
เขาตอบว่า “สอนให้ไปนิพพานซี อย่าไปยุ่งกับคนมากนัก”
หลวงพ่อเลยบอกว่า “อาตมาก็ชอบสอนคนให้ไปนิพพาน แต่มันยาก ชอบน่ะชอบ แต่อาตมาไม่เอา ถ้าเราเอาอย่างว่าเราจะบ้า! เจ้าคุณไปปลูกข้าว เมื่อมันได้ที่สุกเหลืองดีแล้ว จะเก็บเกี่ยวเอาแต่ข้าวสารมาอย่างเดียวได้ไหม? ไม่ต้องเอาอย่างอื่น? อาตมาเอาทุกอย่าง ใครจะว่าบ้าก็ช่างมัน หอบมันมาทั้งต้นเลย เพราะประโยชน์มันมีหลาย... -
ความอุดมสมบูรณ์ใต้ร่มพระบารมี!! ภาพหาชมยาก ในหลวงร.9 –ร.10 และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงเป็นขวัญกำลังใจแก่เกษตรกรเสมอมาจากอดีตสู่ปัจจุบัน
ความอุดมสมบูรณ์ใต้ร่มพระบารมี!! ภาพหาชมยาก ในหลวงร.9 –ร.10 และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงเป็นขวัญกำลังใจแก่เกษตรกรเสมอมาจากอดีตสู่ปัจจุบัน
พระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพระราชพิธี ๒ พิธีรวมกัน คือ
พระราชพิธี พืชมงคลอันเป็นพิธีสงฆ์อย่างหนึ่งซึ่งจะประกอบพระราชพิธีวันแรกในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม กับ พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญอันเป็นพิธีพราหมณ์ อย่างหนึ่ง ซึ่งจะประกอบพระราชพิธีในวันรุ่งขึ้น ณ มณฑลพิธีสนามหลวง
(ภาพเก่าจากเว็บ kapook)
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ได้พระราชทานพระบรมราชาธิบายไว้ในพระราชนิพนธ์เรื่อง พระราชพิธีสิบสองเดือน ว่า
“การแรกนาที่ต้องเป็นธุระของผู้ซึ่งเป็นใหญ่ในแผ่นดิน เป็นธรรมเนียมนิยมมีมาแต่โบราณ เช่น ในเมืองจีนสี่พันปีล่วงมาแล้ว พระเจ้าแผ่นดินก็ทรงลงไถนาเองเป็นคราวแรก พระมเหสีเลี้ยงตัวไหม ส่วนจดหมายเรื่องราวอันใดในประเทศสยามที่มีปรากฏอยู่ในการแรกนานี้ ก็มีอยู่เสมอเป็นนิจไม่มีเวลาว่างเว้น ด้วยการซึ่งเป็นใหญ่ในแผ่นดินลงมือทำเองเช่นนี้ ก็เพื่อจะให้เป็นตัวอย่างแก่ราษฎร ชักนำให้มีใจหมั่นในการที่จะทำนา... -
ไฉนเล่า จิตของผมจึงยังไม่พ้นจากอาสวะ
อนุรุทธสูตร
[๕๗๐] ครั้งนั้นแล ท่านพระอนุรุทธะได้เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่ อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระสารีบุตร ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไป แล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง แล้วกล่าวว่า ขอโอกาสเถิดท่านสารีบุตร ผมตรวจดูตลอดพันโลกด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ก็ผมปรารภ ความเพียรไม่ย่อหย่อน ตั้งสติไม่หลงลืม กายสงบระงับไม่ระส่ำระสาย จิตตั้งมั่น เป็นเอกัคคตา เออก็ไฉนเล่า จิตของผมจึงยังไม่พ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น
ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า ดูกรท่านอนุรุทธะ การที่ท่านคิดอย่างนี้ว่า เราตรวจ ดูตลอดพันโลก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ดังนี้ เป็นเพราะ มานะ ของท่าน
การที่ท่านคิดอย่างนี้ว่า ก็เราปรารภความเพียรไม่ย่อหย่อน ตั้งสติมั่นไม่หลงลืม กายสงบระงับไม่ระส่ำระสาย จิตตั้งมั่นเป็นเอกัคคตา ดังนี้ เป็นเพราะอุทธัจจะของท่าน
ถึงการที่ท่านคิดอย่างนี้ว่า เออก็ไฉนเล่า จิตของเรายังไม่พ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น ดังนี้ ก็เป็นเพราะกุกกุจจะของท่าน
เป็นความดีหนอ ท่านพระอนุรุทธะจงละธรรม ๓ อย่างนี้ ไม่ใส่ใจธรรม ๓ อย่างนี้ แล้วน้อมจิตไปในอมตธาตุ
ครั้งนั้นแล... -
สติสัมปชัญญะเป็นแม่แห่งธรรมทั้งปวง
สติสูตร
"ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสติสัมปชัญญะไม่มี หิริและโอตตัปปะ ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีสติและสัมปชัญญะวิบัติกำจัดเสียแล้ว เมื่อหิริและ โอตตัปปะไม่มี อินทรียสังวรชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีหิริและโอตตัปปะวิบัติกำจัด เสียแล้ว เมื่ออินทรียสังวรไม่มี ศีลชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีอินทรียสังวรวิบัติ กำจัดเสียแล้ว เมื่อศีลไม่มี สัมมาสมาธิชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีศีลวิบัติกำจัด เสียแล้ว เมื่อสัมมาสมาธิไม่มี ยถาภูตญาณทัสนะชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีสัมมาสมาธิวิบัติกำจัดเสียแล้ว เมื่อยถาภูตญาณทัสนะไม่มี นิพพิทาวิราคะชื่อว่ามีเหตุอัน บุคคลผู้มียถาภูตญาณทัสนะวิบัติกำจัดเสียแล้ว เมื่อนิพพิทาวิราคะไม่มี วิมุตติญาณทัสนะ ชื่อว่ามีเหตุอันบุคคลผู้มีนิพพิทาวิราคะวิบัติกำจัดเสียแล้ว เปรียบเหมือน ต้นไม้มีกิ่งและใบวิบัติแล้ว แม้กะเทาะของต้นไม้นั้น ย่อมไม่บริบูรณ์ แม้เปลือก แม้กระพี้ แม้แก่นของต้นไม้นั้นก็ย่อมไม่บริบูรณ์ ฉะนั้น ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เมื่อสติสัมปชัญญะมีอยู่ หิริและโอตตัปปะชื่อว่ามี เหตุสมบูรณ์ ย่อมมีแก่บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยสติและสัมปชัญญะ เมื่อหิริและ โอตตัปปะมีอยู่... -
ความดำรงมั่นไม่เสื่อมสูญ ไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม
โยนิโสมนสิการ
“ภิกษุทั้งหลาย เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยอยู่ ย่อมมีแสงอรุณขึ้นมาก่อน เป็นบุพนิมิต ฉันใด ความถึงพร้อมด้วยโยนิโสมนสิการ ก็เป็นตัวนำ เป็นบุพนิมิต แห่งการเกิดขึ้นของอารยอัษฎางคิกมรรค แก่ภิกษุ ฉันนั้น”
“เราไม่เล็งเห็นองค์ประกอบภายในอื่นแม้สักอย่างเดียว ที่มีประโยชน์มากสำหรับภิกษุผู้เป็นเสขะ เหมือนโยนิโสมนสิการ ภิกษุผู้มีโยนิโสมนสิการ ย่อมกำจัดอกุศลได้ และย่อมยังกุศลให้เกิดขึ้น”
“เราไม่เล็งเห็นธรรมอื่น แม้สักข้อหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุให้สัมมาทิฏฐิที่ยังไม่เกิดก็เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็เจริญยิ่งขึ้น เหมือนโยนิโสมนสิการเลย”
“เราไม่เล็งเห็นธรรมอื่น แม้สักข้อหนึ่ง ซึ่งจะเป็นเหตุให้ความสงสัยที่ยังไม่เกิด ก็ไม่เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ถูกขจัดเสียได้ เหมือนโยนิโสมนสิการเลย”
“โยนิโสมนสิการ ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ยิ่งใหญ่, เพื่อความดำรงมั่นไม่เสื่อมสูญ ไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม” ฯลฯ
http://www.84000.org/tipitaka/dic/d_item.php?i=2 -
วิธีการบนต่อท่านท้าวเวสสุวรรณ ให้ทำดังนี้
ท่านที่มีปัญหาในการใช้ชีวิต ซึ่งมีความติดขัดในหลายประการแก้ไขด้วยตนเองแล้วยังไม่ดีขึ้นสักที ให้ท่าน
ให้ท่านอาบน้ำ แต่งกายให้สะอาดสุภาพ จากนั้น ให้เข้าห้องพระ สมาทานศีล 5
จากนั้น จึงสวดมนต์ ตามที่ท่านเคยสวดไป พอสบายใจ
แล้วให้ท่าน เตรียมธูปสีแดงมา 9 ดอก
อย่าพึ่งจุดให้จุดตอนบนเสร็จ จากนั้น นะโมฯ 3 จบ
จานั้นสวดคาถาบูชาท้าวเวสสุวรรณ
อุตตะรัญจะ ทิสังราชา กุเวโร ตังปะสาสะติ ยักขานัญจะ อะธิปะติ มะหาราชา ยะสัสสิโส
ปุตตาปิตัสสะ พะหะโว อินทะนามา มะหัพพะลา กุเวโร สะหะปุตเตหิ สะทาโสตถิงกะโรตุโน
จากนั้นจึงบนด้วยการทำตามนี้
1. บนเรื่องการงาน ให้ท่าน บนด้วยสังฆทานหนึ่งชุด ในสังฆทานให้มีรองเท้าพระ 1 คู่ อาสนสงฆ์ 1 ผืน
2. บนเรื่องการเงิน ให้ท่านบนด้วย สังฆทานหนึ่งชุด ชำระหนี้สงฆ์ 30 บาท
3. บนเรื่องความรักครอบครัว ให้บนด้วยการถวายดอกกุหลาบแดง บูชาพระที่วัดไหนก็ได้ 9 ดอก
ถือศีลแปด 3 วัน 3 คืน
4. บนเรื่องความเจ็บป่วยและสุขภาพ ให้ท่านบนด้วยการ ถวายหนังสือมนต์พิธี 10 เล่ม
วัดไหนก็ได้ ปล่อยปลา 10 ตัว
5. บนเรื่องการเรียน ให้บนด้วยการถวายหนังสือมนต์พิธีวัดไหนก็ได้ 5 เล่ม
6.... -
เหตุที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้กำหนัดขัดเคือง และลุ่มหลง
เหตุที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้กำหนัดขัดเคือง และลุ่มหลง
พระนครสาวัตถี ฯลฯ
ครั้งนั้นแล ภิกษุรูปหนึ่ง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึง ที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มี พระภาคว่า ขอประทานวโรกาส พระเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาค ทรงแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์ โดยย่อ ที่ข้าพระองค์ฟังแล้ว พึงเป็นผู้ๆ เดียวหลีกออกจากหมู่ ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจมั่นคงอยู่เถิด.
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรภิกษุ บุคคลย่อมครุ่นคิดถึงสิ่งใด ย่อมถึงการนับเพราะสิ่ง
นั้น บุคคลย่อมไม่ครุ่นคิดถึงสิ่งใด ย่อมไม่ถึงการนับเพราะสิ่งนั้น.
ภิ. ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ข้าพระองค์เข้าใจแล้ว ข้าแต่พระสุคต ข้าพระองค์เข้าใจแล้ว.
พ. ดูกรภิกษุ ก็เธอเข้าใจเนื้อความแห่งคำที่เรากล่าว โดยย่อได้โดยพิสดารอย่างไร?
ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าบุคคลครุ่นคิดถึง รูป ย่อมถึงการนับเพราะ รูป นั้น. ถ้าครุ่นคิด ถึง เวทนา ฯลฯ ถ้าครุ่นคิดถึง สัญญา ฯลฯ ถ้าครุ่นคิดถึง สังขาร ฯลฯ ถ้าครุ่นคิดถึง วิญญาณ ย่อม ถึงการนับเพราะวิญญาณนั้น. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าบุคคลไม่ครุ่นคิดถึงรูป ก็ไม่ถึงการนับเพราะรูปนั้น... -
"เกิดมาเพราะกรรม"
"เกิดมาเพราะกรรม"
" .. "เราอยู่ด้วยกันอย่าไปถือว่าใครสูงใครต่ำนะ" ที่ว่าสูงนั้นต่ำนี้ ชั้นนั้นชั้นนี้ นี่เป็นสมมุติอันหนึ่งที่เรียกกัน ตั้งกันอย่างผิวเผินนะ ที่ลึกลับจริง ๆ "สัตว์โลกนี้เกิดมาเพราะอำนาจแห่งกรรมด้วยกัน"
เกิดมาแล้วถึงได้รู้ "เรามีกรรมได้เกิดมาฐานะเป็นอยางนี้ ๆ เบื้องหลังของเรามีความดีความชั่วหนุนมาอยู่แล้ว" ถ้ามีความชั่วหนุนมาเกิดที่ไหนก็เกิดในสถานที่ไม่พึงปรารถนานั่นแหละ "หากได้เกิดในที่เช่นนั้น เพราะเจ้าของสร้างแต่ความผิดหวัง ๆ ให้ผู้อื่นมากมาย" แล้วก็ย้อนมาหาเจ้าของให้เป็นความผิดหวังไปได้
"ถ้าเราสร้างความสมหวังให้ผู้อื่นช่วยเหลือกันตามกำลังของเรา ใครมีมากมีน้อยช่วยเหลือ นี่กลับมาช่วยเรานะ" ให้พากันจำไว้ วันนี้ไม่พูดอะไรมาก เอาละพอ .. "
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน -
เสียงพระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ วิปัสสนาจารย์สายหลวงปู่มั่น
พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ วิปัสสนาจารย์สายหลวงปู่มั่น
พระอาจารย์จวน054 สมาธิเพ็ชร
JchaiJane :- Published on Apr 4, 2014 -
พระพิฆเณศ : หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
พระพิฆเณศ เป็นมหาเทพชั้นผู้ใหญ่ที่สถิตย์อยู่บนสวรรค์ชั้นที่ 2 คือดาวดึงส์
การที่ท่านอยู่ชั้นที่ 2 ไม่ใช่ท่านมีบารมีน้อยกว่าเทพอื่นๆที่อยู่สวรรค์ชั้น 3 4 5 หรือ 6
แต่เพราะท่านมาทำหน้าที่เพื่อช่วยเหลือมนุษย์จึงมาอยู่ชั้นนี้ เพราะสวรรค์ชั้นที่ 1 และ 2
จะสามารถรับรู้ความเป็นไปของมนุษย์ได้สะดวกกว่า
พระพิฆเณศ เป็นชื่อตำแหน่งหนึ่งบนสวรรค์ อันที่จริงท่านไม่ได้มีหัวเป็นช้าง ท่านเป็นชายหนุ่ม รูปงามมาก วิมาณของท่านสวยงามตระการตา มีดาวระยิบระยับ และมีดอกดาวเรืองสีเหลืองรอบๆวิมาณ
และพระพิฆเณศที่เป็นรูปปั้นปางค์ต่างๆ หรือที่ถือดาบ หรือ ถืออาวุธ จริงๆแล้วท่านไม่ได้ใช้ดาบเลย เพราะไม่รู้จะไปสู้รบกับใครเพราะท่านมีจิตที่เมตตามาก
การบูชาท่านนั้น ไม่จำเป็นต้องบูชาด้วยสิ่งมีค่ามากมายหรือบูชาที่เคร่งครัดพิธีกรรมอะไรมาก
เช่นไม่จำเป็นต้องซื้อรูปปั้นท่านราคาแพงๆเพื่อมาบูชา เพียงมีรูปท่านไว้ หรือสัญลักษณ์ที่เป็นตัวแทนองค์ท่านก็พอแล้ว
ขอให้บูชาด้วยจิตที่ศรัทธา เพราะท่านรับรู้รับทราบวาระจิตของผู้คนได้ โดยเฉพาะผู้ที่ศรัทธาท่านอย่างแรงกล้า ท่านสามารถช่วยเหลือผู้นั้น ให้พบความสุข ความเจริญได้... -
"อธิษฐานช่วยคนอื่น"
พระอาจารย์ตอบเรื่อง "อธิษฐานช่วยคนอื่น"
ถาม : เราสามารถอธิษฐานช่วยคนอื่นได้ไหมคะ ?
ตอบ : ได้..ถ้าหากว่ากำลังบุญบารมีที่เราสั่งสมมาไปถึงระดับหนึ่ง จะเกิดฤทธิ์ที่เรียกว่า อธิษฐานฤทธิ์ และ บุญฤทธิ์ ๒ อย่างนี้สามารถช่วยคนได้
ถาม : ถ้ายังไม่ถึงก็ไม่ควรใช่ไหมคะ ?
ตอบ : ถ้ายังไม่ถึงระดับจริง ๆ จะช่วยก็ได้ แต่ก็ได้น้อย
ถาม : แม่เขาจะเป็นโรคที่รักษาไม่หาย หนูสวดมนต์หรือคนอื่นเขาจะทำบุญ...(ไม่ชัด) ?
ตอบ : ไม่เป็นไร ทุกครั้งก็บอกให้ท่านโมทนาบุญ และอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรของท่านด้วย ทำไปเรื่อย ๆ ทีละนิดทีละหน่อยดีกว่า ไม่ทำอะไรเลย
สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนเมษายน พุทธศักราช ๒๕๔๕
ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม -
พระอาจารย์เล็กเล่าเรื่อง "บุญฤทธิ์"
พระอาจารย์เล่าให้ฟังถึงเรื่องบุญฤทธิ์ว่า "ในธรรมบทได้กล่าวถึงเรื่องของบุญฤทธิ์ ไว้ดังนี้
วันหนึ่งพระยามารตั้งใจจะแกล้งไม่ให้คนได้ไปฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า จึงบันดาลให้เกิดพายุใหญ่ ไฟทั้งเชตวันมหาวิหารดับหมด และไฟทั้งกรุงสาวัตถีโดนพายุพัดดับหมด แล้วพระยามารจึงสำรวจดูว่า ยังมีไฟที่เหลือไม่ดับอีกหรือไม่ ?
ปรากฏว่ามีเทียนอยู่ดวงหนึ่ง ไม่ยอมดับ พระยามารก็แปลกใจ จึงบันดาลให้ลมแรงหนักยิ่งกว่าเดิม แต่ก็ไม่ดับอีก พระยามารจึงปลอมตัวเป็นมานพน้อยเข้าไปดู ไฟนั้นอยู่ที่กระต๊อบของหญิงชราผู้หนึ่ง ซึ่งอาศัยแสงเทียนกำลังชุนผ้าอยู่
พระยามารถามว่า "ยายทำอะไรอยู่ ?" ยายบอกว่า "ยายกำลังชุนผ้าอยู่ ยายมีอาชีพรับจ้างเย็บผ้า" พระยามารถามว่า "ยายต้องอาศัยแสงไฟนี้เย็บผ้าทุกวันหรือ ?"
ยายบอกว่า "ปกติยายก็เย็บผ้าแค่ตะวันตกดินเท่านั้นแหละ ยายไม่ได้มีเงินมากมายที่จะมาซื้อเทียน แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันฟังธรรม ยายจึงนึกตั้งใจจุดเทียนบูชาพระรัตนตรัย เพราะไม่มีโอกาสไปฟังธรรม แต่ขอบูชาพระรัตนตรัยนี้ด้วยแสงเทียนนี้ แล้วยายก็อาศัยแสงเทียนนี้เย็บผ้าไปด้วย"
ด้วยบุญฤทธิ์ตรงนั้น พระยามารหมดสิทธิ์ที่จะแกล้ง... -
ค่ำคืนมงคล!! วันเพ็ญพุธ ประเพณีตักบาตรเที่ยงคืนของภาคเหนือ ค่ำคืนที่พระอุปคุตจำแลงกายเป็นสามเณรออกมาโปรดสัตว์!!
ค่ำคืนมงคล!! วันเพ็ญพุธ ประเพณีตักบาตรเที่ยงคืนของภาคเหนือ ค่ำคืนที่พระอุปคุตจำแลงกายเป็นสามเณรออกมาโปรดสัตว์!!
"วันเป็งปุ๊ด (เพ็ญพุธ)" หรือประเพณีตักบาตรเที่ยงคืน เป็นประเพณีของทางภาคเหนือ ในทุกปีที่มีวันขึ้น 15 ค่ำ ที่ตรงกับวันพุธโดยไม่เจาะจงว่าต้องอยู่ในเดือนใด พระภิกษุสามเณรทุกรูปจะออกบิณฑบาตในตอนเที่ยงคืน โดยมีความแตกต่างของการนับเวลาคือ ที่ จังหวัดเชียงใหม่ จะตักบาตรคืนวันอังคารหลังเวลา 00.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เข้าสู่วันพุธ ในขณะที่จังหวัดเชียงราย ลำปาง และแม่ฮ่องสอน จะใส่ตักบาตรในคืนวันพุธเวลา 24.00 น. เป็นต้นไป
บรรดาพุทธศาสนิกชนชาวเหนือจะเตรียมข้าวสารอาหารแห้งไว้คอยใส่บาตรตั้งแต่หลังเที่ยงคืน โดยจะไปคอยใส่บาตรที่หน้าบ้าน ตามถนนสายต่างๆ หรือตามแยกใกล้ชุมชน เป็นต้น
(ภาพจาก http://www.madchima.org)
ประเพณีตักบาตรเที่ยงคืน เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัด แต่เข้าใจว่าทางภาคเหนือคงรับเอามาจากประเทศพม่า มีความเชื่อว่า พระอุปคุตซึ่งเป็นภิกษุที่พระพุทธเจ้าทรงเป็นองค์อุปัชฌาย์ เมื่อสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ได้เสด็จลงไปจำศีลภาวนาอยู่ ณ สะดือทะเล
ในรอบ... -
แนวทางการปฏิบัติธรรม ของ ก เขาสวนหลวง
แนวทางการปฏิบัติธรรม ของ ก เขาสวนหลวง
ก. เขาสวนหลวง ๑๗ มีนาคม ๒๔๙๗
หมายเหตุ สรุปแนวทางการปฏิบัติธรรมนี้ ท่าน ก. เขาสวนหลวงได้เรียบเรียงเขียนขึ้นด้วยตนเอง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๗ เพื่อพิมพ์ในหนังสืออ่านใจตนเอง ท่าน ก. ได้สังเกตพิจารณา ศึกษา ค้นคว้า และปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าตามแนวนี้มาด้วยตนเอง และเป็นแนวทางที่ท่านได้ย้ำอธิบายแก่ผู้ปฏิบัติธรรม ณ เขาสวนหลวงเสมอมา
ผู้ปฏิบัติควรศึกษาให้เข้าใจเป็นลำดับไป ดังนี้
การศึกษาที่เรียนรู้ได้ง่าย ทำได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกกาล ทุกขณะได้ผลทันที ไม่ต้องรอรับผลข้างหน้า ก็คือ ศึกษาในห้องเรียน กล่าวคือในร่างกายยาววา หนาคืบ มีสัญญาใจครอง ในร่างกายนี้มีสิ่งที่น่าเรียนรู้ตั้งแต่ขั้นหยาบจนถึงขั้นละเอียด
ขั้นของการศึกษา
ก.เบื้องต้นให้รู้ว่า กายนี้ประกอบขึ้นด้วยธาตุต่างๆ ส่วนใหญ่ได้แก่ดิน น้ำ ลม ไฟ ส่วนย่อย ได้แก่ ส่วนที่จับติดอยู่กับส่วนใหญ่ เป็นต้นว่า สี กลิ่นลักษณะ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้มีลักษณะไม่คงทน ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เต็มไปด้วยของปฏิกูล พิจารณาให้ลึกจะเห็นว่าไม่มีอะไรเป็นแก่นสารมีแต่สภาพธรรมล้วนๆ ไม่มีภาวะที่ควรเรียกว่า “ตัวเรา... -
เหล่าเทวดา!!!ร่วมงานเผาสรีระ"หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน" ผิวกายงดงาม มองเห็นชัดเจน!! หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่า หลวงพ่อปานบอก?
เหล่าเทวดา!!!ร่วมงานเผาสรีระ"หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน" ผิวกายงดงาม มองเห็นชัดเจน!! หลวงพ่อฤาษีลิงดำเล่า หลวงพ่อปานบอก??
เทวดามางานเผาสรีระสังขาร หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน สุพรรณบุรี.
เรื่องนี้ เล่าโดยหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ
เมื่อคราวที่เผาหลวงพ่อโหน่ง คนทั้งวัดที่มาเผาจำนวนมากเหลือเกิน เต็มวัดเต็มวา เพราะมีคนเคารพนับถือมาก พากันเห็นเทวดากลางวัน เขาว่าอย่างนั้น
หลวงพ่อปานท่านก็ยิ้มแล้วบอกว่า ท่านเจ้าคุณตาฝาดไปละมั้ง อะไรกันเทวดาจะให้คนเห็น
พระยาพิศาลสารเกษตรท่านก็บอกว่า ไม่ใช่ผมเห็นคนเดียวนะครับ ถ้าใครเขามาเล่าให้ผมฟังน่ะผมไม่เชื่อเด็ดขาด แต่นี่ผมเห็นด้วยตาของตนเอง ลูกเมียผมเห็น คนที่เขาไปเห็นหมด
หลวงพ่อปานก็ถามว่า เทวดามีรูปร่างเป็นอย่างไร
พระยาพิศาลสารเกษตรก็บอกว่า รูปร่างสวยจริงๆ ครับเทวดา มีรูปร่างสะโอดสะอง มีรัศมีกายออกมา มีเครื่องประดับแพรวพราว
หลวงพ่อปานก็ถามว่า เห็นกี่องค์
พระยาพิศาลสารเกษตร ก็ตอบว่า เท่าที่เห็นประมาณ ๑๒ – ๑๓ องค์ มาลอยอยู่รอบเมรุที่จะเผาท่าน
แล้วท่านก็ถามว่า แล้วมีอะไรอีก
ท่านพระยาพิศาลสารเกษตร ก็บอกว่า ไม่มีอะไรอีก เห็นกันจนกว่าเวลาใกล้คํ่า... -
สาธุเหนือเกล้า!! "หลวงพ่อทองดี" พระอรหันต์ผู้บรรลุธรรม ขณะพลีร่างกายให้เสือแม่ลูกอ่อนกิน เหลือเพียงครึ่งท่อนกลายเป็นหิน เมื่อหลายร้อยปีก่อน.
สาธุเหนือเกล้า!! "หลวงพ่อทองดี" พระอรหันต์ผู้บรรลุธรรม ขณะพลีร่างกายให้เสือแม่ลูกอ่อนกิน เหลือเพียงครึ่งท่อนกลายเป็นหิน เมื่อหลายร้อยปีก่อน.
หลวงพ่อทองดี ศรีสง่า พระกลายเป็นหิน ตั้งอยู่ที่ วัดเขาสมโภชน์ ต.บัวชุม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี
หลวงพ่อคง จตฺตมโล วัดเขาสมโภชน์ จ.ลพบุรีได้เห็นถ้ำอรหันต์แห่งนี้ทางนิมิต ซึ่งตอนนั้นหลวงพ่อคงอยู่ ที่จังหวัดสุรินทร์ ได้เห็นนิมิตถ้ำว่ามีพระอรหันต์ได้สละชีพเพื่อเป็นอาหารให้เสือแม่ลูกอ่อนจนเหลือร่างเพียงครึ่งเดียว ส่วนชื่อนั้น เป็นการตั้งภายหลัง ตามเรื่องราวที่พระสงฆ์ปฏิบัติดีบรรลุอรหันต์และสละชีวิตเป็นทาน จึงขนานนามว่า หลวงพ่อทองดี ส่วนที่เรียกถ้ำอรหันต์ เพราะว่าเป็นถ้ำที่มีพระมาบรรลุอรหันต์ที่นี่นั้นเอง
เมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว มีพระอรหันต์รูปหนึ่ง ได้สละร่างสังขารให้เสือแม่ลูกอ่อนกิน เหลืออยู่ครึ่งร่างแล้วกลายเป็นหิน อยู่ภายในถ้ำแห่งนี้ ประมาณ ปี2500 หลวงพ่อคง จตมโล ซึ่งขณะนั้นยังอยู่ที่ จ.ศรีสะเกษ ได้นิมิตเห็นญาณของพระรูปนี้จึงธุดงค์เดินทางมาตามนิมิต ก็ได้พบร่างท่านจริง ชื่อหลวงพ่อทองดี ศรีสว่าง หลังจากนั้นได้เจริญกรรมฐานบำเพ็ญเพียร อยู่ ณ ถ้ำแห่งนี้... -
"เพราะรักตนอย่างยิ่ง" : สมเด็จพระญาณสังวร
"เพราะรักตนอย่างยิ่ง"
" .. เพราะรักตนอย่างยิ่งนั่นเอง "จึงเป็นผู้ประพฤติดี ปฏิบัติดี เพื่อให้ตนเป็นคนดี" การสามารถรักษาจิตใจ รักษาวาจา รักษาการกระทำ ให้เป็นไปเพื่อไม่ก่อทุกข์โทษภัยแก่ผู้อื่น ไม่เรียกว่าเป็นการกระทำเพื่อผู้อื่น ไม่เรียกว่าเป็นการถือว่าผู้อื่นเป็นที่รักของตน แต่เป็นการทำเพื่อตัวเอง เป็นการถือว่าตนเป็นที่รักของตนอย่างยิ่ง ไม่มีความรักอื่นเสมอด้วยความรักตน
"ผู้ที่สามารถรักษากายวาจาใจตนให้ดีได้นั้นก็คือ ผู้ที่รักตนอย่างยิ่ง" นั่นเอง "เพราะรักตนอย่างยิ่งจึงประพฤติดี ปฏิบัติดี เพื่อให้ตนเป็นคนดี" ผู้ที่ถือเอาการได้มาด้วยวิธีต่าง ๆ ไม่เลือกสุจริต ทุจริต ไม่ใช่คนรักตนเอง "ผู้ที่มีวาจาหยาบคายก้าวร้าว ทิ่มแทงหลอกลวง ไม่ใช่คนที่รักตนเอง ไม่ใช่คนที่จะทำให้ตนเองสวัสดีได้"
ตรงกันข้าม "ที่ทำเช่นนั้นเป็นการไม่รักตนเอง แม้คนจะคิดว่าการที่ทำเพราะไม่รักผู้อื่นก็ตาม" แต่ความจริงแท้เป็นการไม่รักตน เป็นการทำให้ตนต่ำทราม "เมื่อจะคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่วเมื่อใด ขอให้นึกถึงตัวเอง นึกว่าตนเป็นที่รักของตน จึงไม่ควรทำลายตน" เหมือนตนเป็นที่รังเกียจเกลียดชังอย่างยิ่ง จนถึงต้องทำลายเสีย... -
"ความสุขแบบที่ไม่ต้องมีอะไร"
"ความสุขแบบที่ไม่ต้องมีอะไร"
ถ้าเราใช้พุทโธนี้มันก็จะว่าง จะเย็นจะสบาย ถ้าท่องที่เป็นเรื่องเป็นราว มันก็จะทำให้เกิดเรื่องราวภายในใจได้อยู่ ถ้าท่องในสิ่งที่ไม่มีเรื่อง มันก็จะไม่มีเรื่องปรากฏขึ้นมา ท่องพุทโธๆ ไปเวลาที่เราไม่ต้องใช้ความคิด ชีวิตเรานี้ไม่ได้คิดตลอด ไม่ต้องใช้ความคิดตลอดเวลา แต่เราคิดกันตลอดเวลา คิดกับเรื่องไร้สาระ คิดเรื่องเพ้อเจ้อ คิดกับเรื่องของกิเลสตัณหา ความโลภ ความอยากต่างๆ ที่มันไม่เป็นประโยชน์กับจิตใจ มีแต่จะทำให้จิตใจเราว้าวุ่นขุ่นมัว ทำให้จิตใจไม่สุข ไม่อิ่ม ไม่พอ ถ้าเรามีพุทโธๆ ไปนี้ ความคิดต่างๆ มันก็จะเกิดขึ้นมาไม่ได้ แล้วใจเราก็จะว่าง จะเย็นจะสบายมีความสุข เราหัดมาเจริญพุทโธกัน ถ้าใช้คำบริกรรมก็พุทโธ หรือใช้คำอื่นก็ได้ ธรรมโมก็ได้ สังโฆก็ได้ อย่างใดอย่างหนึ่งคอยกั้นเพื่อไม่ให้เกิดความคิดต่างๆ ขึ้นมา ความคิดของเราส่วนใหญ่มันเป็นความคิดไปในทางที่ทำให้เกิดอารมณ์ต่างๆ ที่ไม่ดี อารมณ์ทำให้เกิดอารมณ์ร้อนขึ้นมา โลภก็ร้อน โกรธก็ร้อน หลงก็ร้อน นานๆ เราจะคิดไปในทางที่ดีสักครั้งหนึ่ง ส่วนใหญ่จะคิดไปในทางที่ไม่ดี ทำให้เราหิว ทำให้เราอยาก ทำให้เรารำคาญ... -
"วันวิสาขบูชา" วันสำคัญสากลของโลก
วันวิสาขบูชา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6
วันวิสาขบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 เป็นวันคล้ายวันประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพานขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งสิ่งที่สำคัญยิ่งในการบังเกิดพระพุทธเจ้าในโลกก็คือ "ธรรมะ" ที่พระองค์ทรงตรัสรู้ อันเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ทรงเปรียบเสมือนบรมครูผู้มาสอน มาชี้แนะแก่มวลมนุษย์ มิฉะนั้นคนเราก็คงไม่รู้จักหนทางแห่งการปฏิบัติธรรมเพื่อล่วงพ้นความทุกข์ เป็นแน่แท้ และวันวิสาขบูชา นี้องค์การสหประชาชาติได้มีมติรับรองให้ เป็นวันสำคัญสากล เมื่อปี พ.ศ.2542
ความหมายของวันวิสาขบูชา
คำว่า วิสาขบูชา ย่อมาจากคำว่า "วิสาขปุรณมีบูชา" แปลว่า "การบูชาในวันเพ็ญเดือนวิสาขะ" ดังนั้น วิสาขบูชา จึงหมายถึง การบูชาในวันเพ็ญเดือน 6 การกำหนด วันวิสาขบูชา
วันวิสาขบูชา ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ตามปฏิทินจันทรคติของไทย ซึ่งมักจะตรงกับเดือนพฤษภาคม หรือมิถุนายน แต่ถ้าปีใดมีอธิกมาส คือ มีเดือน 8 สองหน ก็เลื่อนไปเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ กลางเดือน 7 หรือราวเดือนมิถุนายน
อย่างไรก็ตาม ในบางปีของบางประเทศอาจกำหนด วันวิสาขบูชา ไม่ตรงกับของไทย... -
‘ยูเอ็น-ยูเนสโก’ส่งสารวันวิสาขบูชาโลก ชวนชาวพุทธ’ร่วมฉลอง-มีน้ำหนึ่งใจเดียว’
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 8 พฤษภาคม ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) จัดประชุมวิชาการนานาชาติสมาคมมหาวิทยาลัยพระพุทธศาสนานานาชาติครั้งที่ 3 เนื่องในวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก ประจำปี 2560 ระหว่างวันที่ 6-8 พฤษภาคม ภายใต้หัวข้อ “สติ:วิถีปฏิบัติและวิถีแห่งการประยุกต์บนฐานแห่งความกรุณา”
โดยมีพระพรหมบัณฑิต อธิการบดี มจร กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ในฐานะประธานกรรมการบริหารสมาคมสภาสากลวันวิสาขบูชาโลก เป็นประธาน พร้อมด้วยประมุขสงฆ์ พระเถรานุเถระ ผู้นำชาวพุทธจากนานาชาติ นักวิชาการจำนวน 84 ประเทศ เข้าร่วมกว่า 1,000 คน
นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้แทนรัฐบาล กล่าวสุนทรพจน์ตอนหนึ่งว่า วันวิสาขบูชาเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญในพระชนม์ชีพของพระพุทธเจ้า เป็นวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน ตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์ได้ทรงสร้างคุณูปการแก่ชาวโลกเป็นอันมาก คำสอนของพระองค์ได้แผ่ขยายไปทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2542 จึงมีมติรับรองให้วันวิสาขบูชา... -
"วันวิสาขบูชา วันสันติภาพโลก"
"วันวิสาขบูชา วันสันติภาพโลก"
" .. ในพระบรมราโชวาทที่ "สมเด็จบรมบพิตรพระราชสมภารเจ้า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทาน ในพิธีเปิดการสัมมนาของสภายุวพุทธิกสมาคมแห่งชาติ" เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๕
มีความตอนหนึ่งว่า "พระพุทธศาสนานั้น ถ้าหมายถึงคำสั่งสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแท้ ๆ แล้ว ก็หาภัยอันตรายมิได้ ไม่มีผู้ใดหรือเหตุใด ๆ จะเบียดเบียนทำลายได้เลยเพราะคำสั่งสอนของพระบรมศาสดาเป็นธรรมะ คือหลักความจริงที่คงความจริงอยู่ตลอดกาล ทุกเมื่อ ไม่มีแปรผัน ดังนั้น การป้องกันภัยให้พระพุทธศาสนาก็ดี การทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาก็ดี พูดให้ตรงจึงน่าจะหมายถึงการป้องกันภัย ให้แก่พุทธบริษัท และการทำนุบำรุงพุทธบริษัท ยิ่งกว่าอื่น"
ทุกวันนี้ พระพุทธศาสนาได้ปรากฏความสำคัญยิ่ง ให้ประจักษ์ชัดเจนแก่โลก" จนกระทั่งสหประชาชาติ ในนามของโลก "ได้ประกาศให้วันวิสาขบูชา เป็นวันสันติภาพโลก" เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม พระพุทธศักราช ๒๕๔๒
วันประกาศนั้นให้ตรงกับ "วันขึ้น ๑๕ ค่ำเดือน ๖" หรือวันเดือนวิสาขะ "คือวันนั้น เป็นวันวิสาขบูชา วันเสด็จประสูติ ทรงตรัสรู้ และเสด็จดับขันธปรินิพพาน"... -
ครั้งหนึ่งในชีวิต!!! เป็นมงคลทีสูงสุด... สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10 ทรงนำสวดมนต์พร้อมกันทั่วประเทศ...มีบทสวดพระราชวังมาฝาก อยู่ที่ไหนก็สวดได้
ครั้งหนึ่งในชีวิต!!! เป็นมงคลทีสูงสุด... สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.10 ทรงนำสวดมนต์พร้อมกันทั่วประเทศ...มีบทสวดพระราชวังมาฝาก อยู่ที่ไหนก็สวดได้
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินทรงนำสวดมนต์เนื่องในวันวิสาขบูชา ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง ในวันพุธที่ 10 พฤษภาคม 2560 เวลา 17.30 น.
รัฐบาลขอเชิญชาวไทย ร่วมเฝ้ารับเสด็จ และขอเชิญชาวพุทธศาสนิกชนร่วมกันสวดมนต์พร้อมกันทั่วประเทศ ณ วัดใกล้บ้าน หรือ สามารถรับชมการถ่ายทอดสดได้จากโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย
-คำสวดสรรเสริญพระรัตนตรัยสำนักพระราชวัง-
๑.ให้นั่งคุกเข่าลงพร้อมกัน ประนมมือ
๒.ให้ผู้เป็นหัวหน้านำสวด และคนอื่นๆ ว่าตามดังต่อไปนี้ :-
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธังภะคะวันตังอะภิวาเทมิ(กราบ)
สวากขาโต ภะคะวะตาธัมโม ธัมมังนะมัสสามิ(กราบ)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆังนะมามิ(กราบ)
๓.ให้ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน ประนมมือ
๔.ให้ตั้งนะโม ๓ จบ สวดทำนองสังโยคหลวงไว้ระยะดังต่อไปนี้ :-
(นำ) นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต......(รับและสวดพร้อมกันต่อไป) อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ... -
น่าอัศจรรย์!! กำเนิดพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๔ เหตุการณ์การสำคัญในวันวิสาขบูชา "ทรงลอยถาดเสี่ยงพระบารมี" เกิดอัศจรรย์ถาดลอยทวนน้ำ!!
น่าอัศจรรย์!! กำเนิดพระพุทธเจ้าองค์ที่ ๔ เหตุการณ์การสำคัญในวันวิสาขบูชา "ทรงลอยถาดเสี่ยงพระบารมี" เกิดอัศจรรย์ถาดลอยทวนน้ำ!!
เมื่อเสวยมธุปายาสทั้ง ๔๙ ปั้นแล้ว พระบรมโพธิสัตว์ทรงถือถาดทองเสด็จไปสู่แม่น้ำเนรัญชรา ครั้นถึงหาดทรายชายน้ำพระองค์จึงประทับนั่งคุกพระชานุ คือ นั่งคุกเข่าพระหัตถ์ซ้ายยันที่พระเพลาเบื้องซ้ายเพื่อค้ำกายไว้มั่น พระหัตถ์ขวาทรงถือถาดยื่นออกไปข้างหน้าวางลงบนกระแสน้ำ ตั้งพระหฤทัยอธิษฐานเสี่ยงพระบารมีว่า
“ถ้าจะได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ ขอให้ถาดทองลอยทวนกระแสน้ำไปเถิด แม้นว่ามิได้สำเร็จสมประสงค์ขอให้ถาดลอยล่องไปตามกระแสน้ำ”
แล้วทรงปล่อยถาดทองให้หลุดจากพระหัตถ์
"ถาดทองลงสู่นาคพิภพ"
ในบัดนั้นถาดทองก็ได้เลื่อนลอยทวนกระแสชลทีขึ้นไปไกลประมาณ ๘๐ ศอก แล้วจมลงสู่นาคพิภพ กระทบกับถาดอันเป็นพุทธบริโภคแห่งพระพุทธเจ้าทั้ง ๓ ในอดีต ซึ่งในภัทรกัป คือ กัปอันเจริญ ได้แก่กัปปัจจุบันจะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้รวม ๕ พระองค์ได้แก่
๑. พระกกุสันธพุทธเจ้า
๒. พระโกนาคมนพุทธเจ้า
๓. พระกัสสปพุทธเจ้า
๔. พระโคตมหรือพระสมณโคดมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน)
๕.... -
วิธีเจริญจิตภาวนาตามแนวการสอนของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
วิธีเจริญจิตภาวนาตามแนวการสอนของ
หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
1. เริ่มต้นอิริยาบถที่สบาย
ยืน เดิน นั่ง นอน ได้ตามสะดวก ทำความรู้ตัวเต็มที่ และ รู้อยู่กับที่(รู้อยู่ในที) โดยไม่ต้องรู้อะไร หรือ รู้ตัว อย่างเดียว รักษาจิตเช่นนี้ไว้เรื่อย ๆ ให้ “รู้อยู่เฉย ๆ ” ไม่ต้องไปจำแนกแยกแยะ อย่าบังคับ อย่าพยายาม อย่าปล่อยล่องลอยตามยถากรรม เมื่อรักษาได้สักครู่ จิตจะคิดแส่ไปในอารมณ์ต่าง ๆ โดยไม่มีทางรู้ทันก่อน เป็นตามธรรมดาสำหรับผู้ฝึกใหม่ ต่อเมื่อจิตแล่นไป คิดไปในอารมณ์นั้น ๆ จนอิ่มแล้ว ก็จะรู้สึกตัวขึ้นมาเอง เมื่อรู้สึกตัวแล้วให้พิจารณาเปรียบเทียบสภาวะของตนเอง ระหว่างที่มีความรู้อยู่กับที่ และระหว่างที่จิตคิดไปในอารมณ์ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อเป็นอุบายสอนจิตให้จดจำ จากนั้น ค่อย ๆ รักษาจิตให้อยู่ในสภาวะรู้อยู่กับที่ต่อไป ครั้นพลั้งเผลอ รักษาไม่ดีพอ จิตก็จะแล่นไปเสวยอารมณ์ข้างนอกอีก จนอิ่มแล้ว ก็จะกลับรู้ตัว รู้ตัวแล้วก็พิจารณา และรักษาจิตต่อไป ด้วยอุบายอย่างนี้ ไม่นานนัก ก็จะสามารถควบคุมจิตได้ และบรรลุสมาธิในที่สุด และจะเป็นผู้ฉลาดใน “พฤติแห่งจิต” โดยไม่ต้องไปปรึกษาหารือใคร
ข้อห้าม... -
อย่าถือเอาคำตอบเป็นมาตรฐานร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้ง ๆ ที่ตนเองไม่ได้ตั้งคำถามที่เป็นมาตรฐาน
พระอาจารย์แนะนำว่า "อย่าถือเอาคำตอบเป็นมาตรฐานร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้ง ๆ ที่ตนเองไม่ได้ตั้งคำถามที่เป็นมาตรฐาน"
ในเรื่องของการปฏิบัติธรรม สภาพจิตยิ่งละเอียดจะยิ่งรู้เห็นโทษมากขึ้น จะพยายามปรับปรุง กาย วาจา ใจ ของตนเองให้ดีขึ้น จะพยายามไม่ให้เป็นทุกข์ เป็นโทษแก่คนอื่น
เรื่องเหล่านี้จะมาพร้อมกับกำลังใจที่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ บุคคลที่กำลังใจสูงย่อมเห็นโทษมากกว่าบุคคลที่กำลังใจต่ำ เหมือนกับบุคคลซึ่งอยู่ในที่สูงกว่า ย่อมมองได้ไกลกว่าบุคคลซึ่งอยู่ในที่ต่ำ
บางเรื่องที่ถามไป กำลังใจของคนถามไม่เท่ากัน ถ้าตอบชัด ๆ สำหรับคนหนึ่ง อีกคนหนึ่งไปคิดว่าเหมือนกันก็บรรลัยเลย หลายคนก็ไม่รู้หนักรู้เบา ถือเอาคำตอบเป็นมาตรฐานร้อยเปอร์เซ็นต์ทั้ง ๆ ที่ตนเองไม่ได้ตั้งคำถามที่เป็นมาตรฐาน ถึงเวลาได้รับคำตอบนั้นไปก็ถือว่ามาตรฐานนั้นถูก ดีไม่ดีก็เอาไปคัดง้างกับคนอื่นอีกด้วย
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เก็บตกจากบ้านเติมบุญ ต้นเดือนพฤษภาคม ๒๕๖๐
ที่มา : เว็บวัดท่าขนุนดอทคอม -
"ปัญญา กับความรู้คาดคะเน" : หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
"ปัญญา กับความรู้คาดคะเน"
" .. คนทั้งหลาย "รู้ธรรมทั้งหลายแล้วไม่พ้นทุกข์" ทั้งกลับเป็นเสี้ยนหนามยอกแทงตนและผู้อื่นเข้าด้วยซ้ำ "แต่พระพุทธเจ้าแลสาวกรู้ธรรมแล้วพ้นทุกข์ไปเลย พร้อม ๆ กับความรู้ธรรมเกิดขึ้น" เพราะเหตุใดระหว่างคนทั้งสองสามจำพวกนี้จึงต่างกันเล่า
ก็เพราะ "ความรู้เกิดจากปัจจุบันจิต อันกลายเป็นปัญญาไปในตัว กับความรู้คาดคะเน(สัญญา) มันต่างกันราวฟ้ากับแผ่นดินนั่นเอง" จึงสามารถแปรคนทั้งสองจำพวกให้ต่างกัน เหตุที่ความรู้ที่เป็นปัจจุบันจิตจะเกิดได้ ก็ต้องพิจารณาปัจจุบันธรรมคือกายกับจิตนี้เอง "เพราะกาย-จิต เป็นสถานที่สั่งสมกิเลสและเป็นสถานที่ถอดถอนกิเลสแลกองทุกข์ทั้งมวล"
ฉะนั้น เราควรตั้งจิตไว้โดยทำนองที่ว่า "ให้จิตอยู่กับกายจิตจริง ๆ จนเรียกปัจจุบันได้เต็มที่" แล้วกระแสของปัจจุบันจิตจะกระจายแสงสว่าง คือปัญญาออกตามอาการของกายแลอาการของจิตโดยรอบคอบ "จากนั้นก็จะได้เห็นทุกสิ่งทั้งที่เป็นคุณเป็นโทษ ปรากฏด้วยปัญญาอันชอบแท้" ตลอดกลางวัน กลางคืน ยืน เดิน นั่ง นอน จะเรียกว่าฟังธรรมทุกเวลาก็ได้ .. "
"ธัมมะในลิขิต"
หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน... -
มจร. มอบพระไตรปิฎกฉบับสากลหนึ่งเดียวของโลก รวมหลักธรรมคำสอนของพระบรมศาสดา ๓ นิกาย เถรวาท-มหายาน-วัชรยาน ไว้ในเล่มเดียว
มจร. มอบพระไตรปิฎกฉบับสากลหนึ่งเดียวของโลก รวมหลักธรรมคำสอนของพระบรมศาสดา ๓ นิกาย เถรวาท-มหายาน-วัชรยาน ไว้ในเล่มเดียว
มจร. มอบพระไตรปิฎกฉบับสากลหนึ่งเดียวของโลก รวมหลักธรรมคำสอนของพระบรมศาสดา ๓ นิกายหลักไว้ในเล่มเดียว ใช้เวลารวบรวมนานกว่า ๗ ปี ตีพิมพ์หนึ่งหมื่นเล่มกระจายทั่วโลก
พระพรหมบัณฑิต,ศ.ดร. อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลกรณราชวิทยาลัย ฐานะประธานสมาคมวิสาขบูชาโลก CBT เปิดเผยว่า ปัญหาอย่างหนึ่งในการเผยแพร่พระพุทธศาสนา คือ เรื่องของการรวบรวมหลักธรรมคำสอนของพระบรมศาสดา มีความแตกต่างกันทั้งลักษณะทางกายภาพ ภูมิศาสตร์ และที่สำคัญคือคำสอนของแต่ละศาสดานั้นมีรากเง้าไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นนิกาย เถรวาท มหายาน และวัชรยาน จึงมีการถกเถียง ไม่ยอมรับซึ่งกันและกัน
ที่ผ่านมามีการแปลคำสอนไปคนละทิศละทางตามความเชื่อ ที่แตกต่างกัน ขาดการจัดเรียงเป็นหมวดหมู่ ขาดการยอมรับซึ่งกันละกันไม่มีเอกภาพ
อธิการบดี มจร กล่าวต่อว่า เมื่อการประชุมสมัชชาศาสนาโลก ช่วง พ.ศ. ๒๕๕๓ ที่ประชุมจึงมีมติให้มีคณะทำงาน รวบรวมหลักธรรม คำสอน ขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละนิกาย ทั้ง ๓ นิกาย ได้แก่ เถรวาท มหายาน และวัชรยาน... -
รู้แล้วต้องทึ่ง!! สุดยอดอานิสงส์จากการฟัง "เทศน์มหาชาติ" ทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ได้รับถึง ๑๓ อานิสงส์ บุญใหญ่ พลาดไม่ได้ รู้แล้วรีบหาฟังเลย!! ...สาธุ
รู้แล้วต้องทึ่ง!! สุดยอดอานิสงส์จากการฟัง "เทศน์มหาชาติ" ทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ได้รับถึง ๑๓ อานิสงส์ บุญใหญ่ พลาดไม่ได้ รู้แล้วรีบหาฟังเลย!! ...สาธุ
การเทศน์มหาชาติ เทศน์มหาชาติ คือ เทศนาเวสสันดรชาดก เป็นบุญพิธีที่นิยมจัดให้มีกันมาแต่โบราณ ส่วนมากจัดให้มีในวัดเป็นหน้าที่ของชาวบ้านและวัดนั้น ๆ จะตกลงร่วมกันจัด ปกตินิยมให้มีหลังฤดูทอดกฐิน ผ่านไปแล้วจนตลอดฤดูเหมันต์ นิยมจัดเป็นงานสองวัน คือ วันเทศน์เวสสันดรชาดกทั้ง 13 กัณฑ์วันหนึ่ง และวันเทศน์จตุราริยสัจจกถา ท้ายเวสสันดรชาดกอีกวันหนึ่ง
วันแรกเริ่มงานด้วยพิธีทำบุญตักบาตรพระทั้งวัด หรือเลี้ยงพระตามจำนวนที่เห็นสมควร แล้วเริ่มเทศน์เวสสันดรชาดก ตามแบบเทศน์ต่อกันไปจนสุด 13 กัณฑ์ ถึงเวลากลางคืนบางแห่งจัดปีพาทย์ประโคมระหว่างกัณฑ์หนึ่ง ๆ ตลอดทั้ง 13 กัณฑ์ด้วย
วันรุ่งขึ้น ทำบุญเลี้ยงพระอีกแล้วมีเทศน์ จตุราริยสัจจกถาในระหว่างเพลจบแล้วเลี้ยงพระเพลเป็นอันเสร็จพิธี
โดยการฟังเทศน์ มหาชาติ นั้น มีอานิสงส์ ดังนี้ ...
1
1. กัณฑ์ทศพร
ผู้ ใดบูชากัณฑ์ทศพร ผู้นั้นจะได้รับทรัพย์สมบัติดังปรารถนา ถ้าเป็นสตรีจะได้สามีเป็นที่ชอบเนื้อ เจริญใจ... -
ทำบุญผสมความโกรธ ตายแล้วเป็นอสูรหน้ายุ่ง
*** ทำบุญผสมความโกรธ ตายแล้วเป็นอสูรหน้ายุ่ง ***
ผู้ถาม : “หลวงพ่อคะ เวลาคนเราทำบุญหน้าบูดหน้าบึ้งอารมณ์เสียนี่ ผลบุญที่ทำไปจะได้รับอย่างไรคะ”
หลวงพ่อ : คนหน้าบูดไม่มีนะ มันมีแต่ข้าวบูดขนมบูด หน้าอาจจะเปลี่ยนเป็นหน้าเบี้ยวหรือปากเบี้ยว ความจริงเขาบอกว่าถ้าทำบุญผสมโทสะ ใช่ไหม เรื่องนี้ฉันจะไปเจ๊งที่สมุทรสงคราม เรื่องมีอยู่ว่า ไปเทศน์ที่ วัดท้องคุ้ง อ.อัมพวา ไปเทศน์ที่นั่นก็มีโยมผู้ชายคนหนึ่งแกชอบมาถามปัญหา ถามปัญหาทุกครั้ง ก็เป็นปํญหาที่เราเข้าใจตอบได้ มาครั้งหลังฉันข้าวเพลอยู่ โยมก็บอกว่า พระเดชพระคุณทั้ง 3 องค์ครับ ตอนนั้นไปเทศน์ 3 ธรรมาสน์นะ เจ้าคุณธรรมบาล ด้วย มหาประยูร ด้วย แกบอกว่า อะไรที่ถามพระเดชพระคุณทั้ง 3 องค์ก็ตอบได้ แต่เที่ยวนี้ผมมีข้อข้องใจ ว่าคนที่ทำบุญไปแล้วไปเกิดเป็นเทวดามีหน้าตาสดชื่น มีวิมานอยู่ มีกายเป็นทิพย์ ถ้าไปเกิดในอบายภูมิก็มีหน้ายุ่งมีแต่ความทุกข์
อยากจะทราบว่าพวกอสูรมีวิมานอยู่เหมือนกัน มีร่างกายเป็นทิพย์เหมือนกัน แต่หน้ายุ่งๆ ทำบุญอะไรครับ เจ๊งเลย ตอบไม่ได้ ต่างคนต่างมอง ฉันก็เลยมองหน้าเจ้าคุณธรรมบาล ท่านเป็นอาวุโส เจ้าคุณธรรมบาลก็ส่ายหน้า...
หน้า 376 ของ 413