ไสยศาสตร์ฉบับชาวบ้าน..มี.สาระ แบบกันเอง

จริงๆถ้าทุกท่านสังเกตุตัวเราให้ดีๆก็จะรู้ครับ..ว่ายอมรับในสมัยนี้เราเรียนปริยัติกันมาก.น่าจะมากเกินไปซะด้วยซ้ำครับ..คืออ่านมาก..เลยมีข้อสงสัยไปหมดทุกอย่าง..คนโบราณท่านไม่มี ทีวี อินเตอฯเนตแบบพวกเรา.เลยทำให้จิตไม่มีสัมผัสมาก..เมื่อผัสสะน้อย จิตย่อมไม่ลังเล สงสัย.มาก.แล้วเขา เชื่อมั่นจริงๆเพราะสมัยก่อนมันต้องใช้..ไปไหนมาไหนมีแต่ อันตรายรอบด้าน..

ดังนั้น..ถ้าใคร จะคิดมาฝึกฝนเรื่องนี้ขอ ตัดคำว่า ลังเลสงสัย เสียให้สิ้นก่อนครับ..ลงมือ ทำไปก่อน..คิดเสียว่า ไม่ได้ ลงทุนอะไร..อย่างน้อยๆก็ได้ สมาธิ..มันคงไม่ใช่ มิจฉาสมาธิ หรอกครับ เพราะเราพึ่งพาพุทธคุณ..

 

สวัสดีครับ คุณสวนพลูผมอยู่สิงห์บุรีครับ ที่รู้จักหลวงปู่จันทร์เพราะผมเป็นเหลนท่านครับ แม่ของคุณตาผมเป็นพี่สาวหลวงปู่ครับ ตาผมเรียกหลวงน้า พูดถึงหลวงปู่จันทร์มีคาถาของท่านมาฝากครับเป็นคาถากันงู กันอสรพิษ ใช้กับเชือกคาดของท่านหรือไม่มีเชือกคาดก็ใช้ใด้ครับ
นะหิจังงัง นะบังตัง นะบังจิตตังนะ
โมหิจังงัง โมบังตัง โมบังจิตตังโม
พุทหิจังงัง พุุทบังตัง พุทบังจิตตังพุท
ธาหิจังงัง ธาบังตัง ธาบังจิตตังธา
ยะหิจังงัง ยะบังตัง ยะบังจิตตังยะ
อิติปะระมัตตา นะกรืงสา อิติหยุดอยู่ มึงอย่าอ้าปากนะ อิตินะ
จดใด้ครับสอบถามหลวงตาที่สอนผมแล้ว อย่าลืมตั้งนะโมสามจบก่อนนะครับ ใครจะนำไปใช้ก็จุดธูปบอกหลวงปู่จันทร์ จันทโชติ วัดข่อยใต้ ลพบุรี สักหน่อยครับ

 

คำถามที่ดีครับ...คำว่า คาบ..คนโบราณ จะเน้นคำว่าคาบไว้มีความหมายดังนี้ครับ คาบ มาจากการกำหนดลมหายใจเข้า-ออกจนสงบนิ่งเกือบไม่มีลม..เมื่อภาวนาคาถานั้นจบเรียกว่า ๑ คาบ..คือภาวนาแบบไม่สนใจลม จิตไปจดจ่อที่ตัวคาถา..ฝึกครั้งแรกยากซั้กหน่อย..ถ้าบทยาว ยากไปอีก..บทสั้น แนะนำว่า ให้ใช้ เคล็ดการกลั้นลมให้ใจแล้วภาวนา..ใช้ได้เช่นกัน..คาบ นั้น จะเน้นการปลุกเสกวัตถุมงคล ครับ...เพราะจะต้องใช้สมาธิขั้นอุปจาระ..แต่ถ้า จบ ก็ จิตจ่อตัวคาถาหายใจเข้า-ออก ภาวนาปกติ แต่ ครูท่านเน้นว่่า เวลาใด ลม สูร-จันท์(เข้า-ออก)ติดขัด คือหายใจไม่สะดวก อย่าท่องบ่นมนต์คาถาเพราะจะไม่ ขลัง..ดังนั้น ขอให้ฝึก หายใจ ลึกๆแล้ว กลั้นไว้ นานๆ...ฝึกไปเรื่อยๆๆจะรู้ว่า ๑ อึดใจ นั้น คือ สมาธิ ครับ

 

ตามพี่ว่าครับ คาถาจะขลังข้อแรกเลยคือคนใช้ต้องเชื่อมั่นโดยไม่ลังเลสงสัยครับ

 

เริ่มจุดไหน วนให้มาจบจุดเดิมครับ..เรียกว่าจบครบ ครับ..เสกเสียก่อน ๓ คาบ ครับ...เวลาวนสีปากจะภาวนาด้วยหรือไม่ภาวนาก็ได้..

 

เรื่องนี้ผมมีคาถาบทหนึ่งมายืนยันเรื่องนี้ครับ. คาถานี้ใครท่องอาจจะขำแต่อย่าดูถูกนะครับ..ถือว่า เผยแพร่เป็นวิทยาทาน..เป็คาถาพ่นตาแดงครับ..พ่อผมได้มาจากพระธุดงค์..สมัยก่อนตาแดงระบาดไม่มียาหยอดเหมือนสมัยนี้..ถ้าจะพ่นทำตามขั้นตอนดังนี้ ให้คนไข้ตักน้ำมาให้ ๑ ขันถ้ามาไม่ได้ให้คนอื่นตักแทนได้แต่คนในบ้านคนพ่นไม่ได้..เวลาจะพ่นให้พ่นเวลาตะวันจะตกดิน โพ้เพ้..นั่งหันหน้าไปทางทิศตะวันตก..หาแป้งเม็ดมาเม็ดนึง เขียนชื่อ(จริง/เล่นได้)..ตั้งนะโม ๓ จบ นามะนังสะมาโส ยุตตัดโถ ยุตตัดถัง แห่งนามะทั้งหลาย พระอาจารย์เจ้าพึงหมายให้ชื่อ..(ถึงตรงนี้เขียนชื่อลงไปที่หน้าแข้ง) พ่นให้หญิง เขียนหน้าแข้งซ้าย พ่นให้ชาย หน้าแข้งขวา...เอาน้ำมาอมไว้ในปากว่าคาถาบทนี้ครับ...
โอมกูจะพ่นตาแดง กูจะพ่นที่หน้าแข้งให้ไปแดงที่ปลายควย เพี้ยง สวาหะสวาหายฯ ว่า ๑ จบ พ่น ๑ ครั้ง(อมน้ำ๓ครั้ง)...ห้ามจดครับจำเอา.
เมื่อปีก่อนพ่อเป็นเองพ่นไม่ได้เดินไปหาหลวงตาที่วัดบอกหลวงตาพ่นตาแดงให้ผมหน่อย.เดวจะบอกคาถาให้.หลวงตาท่องแล้วหัวเราะก้ากกๆๆ โยม มันจะขลังรึนี่..แหม พ่นครั้งเดวหาย..คราวนี้ ญาติ หลวงตาเป็นมั่ง.พ่นหายไปทุกคน.เดวนี้ พ่น จนดังเลยครับ...

 

ผมขอถามเพิ่มเติม แบบยกตัวอย่างนะครับ ผมยังไม่ค่อยเข้าใจมากนัก ตัวอย่างน่าจะช่วยได้ เช่น สมมติว่า เราจะท่องคาถามงกุฎพระพุทธเจ้า ครับ และ อยากจะท่อง 3 คาบนะครับ ถ้าเป็นหลักที่พี่กล่าวในเบื้องต้น ผมจะต้อง (สูดหายใจเข้าแล้วกลั้นลมหายใจ) ท่อง "อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนา พุทธะตังโสอิ อิโสตัง พุทธะอิติปิ" (แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออก) เสร็จ 1 จบ = 1 คาบ แบบนี้ถูกต้องไหมครับ และถ้าผมจะท่อง 3 คาบ ก็ให้ทำแบบนี้เพิ่มอีก 2 ครั้ง ก็จะครบ 3 คาบ ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับพี่ รบกวนขอคำชี้แนะหน่อยนะครับ

 

ใช่ครับ..แต่ไม่ต้องสนใจขั้นตอนผ่อนลม สนใจแค่กลั้นลมแล้วว่าคาถาให้ถูกทุกตัว...แล้วจะหายใจออก อย่างไร ช่างมัน..แล้วกลั้นเข้าใหม่ ครับ..

 

ตำราโบราณว่าด้วย กามอิตถี (นำมาฝากครับ)

จุดกามของอิตถีเพศ..ท่านว่าชายใดรู้จุดกามที่เคลื่อนวนไปตามขึ้น-แรม ชายนัั้น เป็นที่หลงใหลของอิตถีเพศ ครับ..
ขึ้น ๑ ค่ำ - ต้นขา
๒ ค่ำ -ลูบสะดือ
๓ ค่ำ -ลูบท้องน้อย
๔ ค่ำ -ลูบจับนิ้วมือ
๕ ค่ำ - จับนม
๖ ค่ำ - คอหอย
๗ ค่ำ - แขนทั้งสอง
๘ ค่ำ ลูบขาทั้งสอง
๙ ค่ำ ริมฝีปาก
๑๐ ค่ำ ริมหัวใจ
๑๑ ค่ำ จับสะโพก
๑๒ ค่ำ หน้าผาก
๑๓ ค่ำ ลูบสีข้าง
๑๔ ค่ำ โยนี และสะโพก
๑๕ ค่ำ หูพก และต้นขา
ข้างแรม ๑ ค่ำ สะดือ
๒ ค่ำ หู ๒ ข้าง
๓ ค่ำ หัวเหน่าทั้งสอง
๔ ค่ำ ตา ทั้งสอง
๕ ค่ำ ปลายเท้า
๖ ค่ำ แข้ง ขา
๗ ๘ ๙ ค่ำ โยนี
๑๐-๑๕ ค่ำ หัวใจ(ถันด้านซ้าย)
สิทธิการิยะท่านว่า จะประกอบกามกิจใดๆ ให้เริ่มต้นจุดนั้นก่อนแล...
วันนี้..ขึ้น..๑๐ ค่ำ ครับ..เอ้า ท่านชายลองดู ๕๕๕

 

เข้ามาแอบอ่านแบบ งง งง ???

ตามประสาคนไม่ค่อยรู้เรื่องคาถาอาคมอะไรเลย


ปล.แถวบ้านผมก็พอมีอยู่บ้างครับ แต่เป็นทางเขมร เพราะว่าบ้านอยู่สุรินทร์

 

ดินแดนสุรินทร์นี่ มีชื่อเรื่องไสยศาสตร์นะครับ..แต่ เป็นแนว เขมรซะมาก..ไสยต่ำ อวิชชาก็มีมากเช่นกัน ครับ...จุดประสงค์การใช้..เน้นการทำลายกัน..ซึ่งคงจะเอาไว้กล่าวถึงในบทท้ายๆกันพอเป็นพิธี ครับ..
อ้อ..วิชาด้านพุทธคุณก็มีครับ..ไม่ใช่จะมี อวิชา อย่างเดียว..๕๕๕..ครูอาจารย์หลายท่านที่เก่งๆดังๆก็เยอะครับ..ที่ผมหมายถึงคำว่า เขมรน่ะ ส่วนใหญ่จะใช้ ไสยดำ..ชื่อเสียงจะออกแนวนั้น..

 

ผมขอแบ่งปันให้บ้างครับ
คาถานี้เป็นของหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ผมได้มาจากหนังสือเกิดใต้ดาวโจรของ คุณไพทูรย์ พันธ์เชื้องาม ลูกศิษย์หลวงพ่อเดิมที่ชะตาพลิกให้กลายเป็นโจร
เป็นคาถาปลุกอักขระเลขยันต์ และเครื่องรางพระเครื่องได้ทุกชนิด เอาของนั้นใส่มือเอาจิตตจับแล้วภาวนาคาถาไปจนเกิดปิติ อาการขนลุกขนพองหรืออย่างใดอย่างหนึ่ง(แล้วแต่ของสิ่งนั้น) แสดงว่าปลุกขึ้นแล้ว หากเป็นอัำกขระเลขยันต์ในกายให้เอาจิตไปจับตรงนั้น แล้วปลุกเอาเถิด
"พุทธะบูชา ธัมมะบูชา สังฆะบูชา ปาฏิหาริโย อักขะระยันตัง สันตัง วิกรึงคะเร"
ถ้ารีบใช้ หรือฉุกเฉินให้ใช้ย่อๆว่า "อักขะระยันตัง สันตัง วิกรึงคะเร"

 

ขอบคุณครับที่มาแบ่งปัน..ขอเสริมขยายความบทนี้หน่อยครับ..
บทนี้ถ้าจะเรียกเต็มก็คือบทปลุกเสกยันต์ อักขระ คาถา ครับ..
เพราะถ้าวัตถุมงคล โดยเฉพาะตระกุด ผ้ายันต์ จะต้องชักยันต์..หรือเขียนยันต์..เรียกว่ายันต์ (มีทั้ง ๓ ๔ มุม มากกว่า ๔ มุม.).เมื่อชักแล้วจะลงตัวคาถาเรียกว่า อักขระ..ถ้ามีตัวเลข เรียก เลขะ..เมื่อว่าคาถากำกับลงไปเรียว่าคาถา...ดังนั้น ถ้าจะปลุกยันต์ ก็จะว่า
อักขระยันตัง สันตัง วิกรึงคะเร ก็ได้ หรื ถ้าจะว่า ๓ จบ ให้ใช้ ทุติยัมปิ อักขระยันตัง สันตัง วิกรึงคะเร
ตะติยัมปิ อักขระยันตัง สันตัง วิกรึงคะเร ฯ ลงไปสำทับอีกทีครับ...ถ้าใครมีตระกุด ผ้ายันต์ ปลุกเองได้ ครับ..วันเสาร์ หรือ วันอังคาร จะดี ครับ..๒ วันนี้ เป็นวันเหมาะการปลุกเสกเลขยันต์ ภาษาไสยฯเรียกว่า วันทำของขึ้น (ยิ่ง อังคาร ๙ เสาร์ ๕ ยิ่งดีที่สุดครับ)

 

​

 

โห โจทย์นี่ยาก แฮะ..เพราะเคยถามครูไว้บางบท..บทที่ว่านี้ มาจากบทไหนครับ..ที่มาที่ไปยังไงไหมครับ..
แต่ถ้า ถามว่า สตรี ใช้ได้ไหมในบทคาถาเมตตา ก้ได้ทุกบท ครับ..บทที่ผมลงไว้ก็ใช้ได้..เปลี่ยน อี เป็นไอ้..ก็จบ ครับ..

 

สำหรับเคล็ดของการใช้คาถานั้นอยู่ที่ แขนงวิชาครับ..อย่างผู้หญิงจะใช้คาถา ก็เปลี่ยนแค่ตัว คาถา..ส่วนการใช้สีผึ้งก็ต้อง เปลี่ยนทิศทาง ใช้กับชาย(เพศตรงข้าม)ต้องวนขวา ใช้กับหญิงด้วยกัน(เพศเดียวกัน)วนซ้าย..นี่คือ เคล็ด..ส่วนเคล็ดลับสุดๆนี่บอกไม่ได้..ในนี้ เอาไว้หลังไมค์..เดวเวปแตก ๕๕๕๕

 

ที่ผมใช้ทุกวันเลยคือ คาถาปลุกพระนั่นแหละครับ และก็คาถาอัญเชิญคุณพระเข้าตัว สวดจนขนลุก และกระแสจากพระเครื่องวิ่งจากมือที่พนมกุมพระเครื่องเข้าสู่ตัว อาการจะเย็นแบบขนลุก มีความเย็นวิ่งจากมือเข้าสู่ตัว ช่วงนี้อาศัยแค่นี้ครับ ใช้คุณพระเอา ทำไปเรื่อยๆนะครับ ตอนแรกจะยังไม่รู้สึกหรอก แต่ได้สวดทุกวัน ทำบ่อยๆ ไม่ลังเล ไม่สงสัย (ต้องงมงายด้วยนะ) เดี๋ยวจะรู้ได้ด้วยตัวเองครับ
แต่ก่อนเล่นมหาอุตม์ ว่าคาถาจนนิ่ง จิตนิ่ง ใจไม่รับอย่างอื่น ก็เลยหยิบมีดมารูดมือ ก็ไม่เข้านะครับ แต่ตอนนี้ไม่ได้เล่นแล้ว ก็คงจะไม่เหลือซาก เลือดกระฉูดแน่นอน ฮ่าๆๆ

ตามนี้ครับพี่.......เล่นแรกๆ ก็สนุกดี ยิ่งขลังยิ่งเล่น ยิ่งเล่นยิ่งขลัง แต่ผลที่ตามมา มันก็ไม่ใช่เรื่องดีทั้งหมด ผมคิดว่า บางส่วน มันเป็นการฝืนกรรม
อยู่ดีๆก็มาหา อยู่ดีๆก็วิ่งมาจับไม้จับมือ ถ้าภาวนาให้มันตลอด มันจะเป็นประมาณนี้ คิดดูเอา ถ้าเขามีแฟนแล้ว แล้วแฟนเขาหึงหวง มีปัญหาแน่ๆ

แต่สุดท้าย มันจะอีรุงตุงนัง ไปหมด บริหารชีวิตยากขึ้นไปอีก

 

ผมโพสแล้วข้อความหายไป งงแท้ครับ พิมพ์นานด้วย

 

แล้วจะหาคำตอบให้ครับ..คงไม่ยากเกินไป..

 

เรื่องนี้ต้องยอมรับครับว่าแถวนั้นเค้าเล่นกันอย่างนี้จริงๆครับ (สายดำ)
ซึ่งจริงๆสายดำผมไม่ค่อยรู้เรื่องหรอกครับ เคยแค่ได้ยินญาติพี่น้องเคยโดนกัน
สงสัยแถวบ้านคงจะมีอะไรดีมั้งครับเลยรอด ^___^(หรือว่าอีกอย่างก็ไมมีศัตรู)

โดยปกติผมชอบอรรถธรรมมากกว่า
แต่เรื่องต่างๆเหล่านี้ก็พอมีมาประดับควา่มรู้บ้างครับ
เพื่อเอาตัวรอดเป็นกรณีๆไป ^____^