ไดอารี่ ชีวิต , ผี , วิญญาณ , พุทธศาสนา By Specialized

สถานที่แห่งที่ห้า ที่ได้เดินทางมาต่อก็คือ วัดดอยงำเมือง



วัดงำเมือง เป็นวัดที่เก่าแก่ที่มีความสำคัญเพราะเป็นที่ตั้งของกู่พญามังราย ตั้งอยุ่ถนนอาจอำนวย บ้านฮ่อมดอย (ชุมชนราชเดชดำรง) หมู่ที่1 ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย (อยู่ด้านหลังวัดพระแก้ว)

ประวัติ วัดงำเมือง สร้างเมื่อ พ.ศ.1860 วัดงำเมืองเดิมมีแต่ สถูป (กู่) บรรจุพระอัฐิของพญามังรายมหาราช สร้างโดยพญาไชยสงครามโอรสพญามังรายมหาราช ในพุทธศตวรรษที่ 19 หลังจากที่พญามังรายได้สวรรคตที่เมืองเชียงใหม่ ในปี พ.ศ.1860 พญาไชยสงครามพระราชโอรสได้ถวายพระเพลิงพระศพพญามังรายมหาราชแล้วพระองค์ทรงไม่โปรดเมืองเชียงใหม่ ได้กลับมาครองเมืองเชียงรายและอัญเชิญพระอัฐิของพญามังรายมาประดิษฐาน ณ ดอยแห่งนี้ ต่อมา พ.ศ. 2030 พระยาศรรัชฎาเงินทอง ได้มาบุรณะและสร้างวัดขึ้นให้ชื่อว่า "วัดงำเมือง" และใน พ.ศ. 2220 ได้มีการบูรณะเพิ่มเติมมีการสร้างวิหารและเสนาสนะในวัด โดยเจ้าฟ้ายอดงำเมืองโอรสเจ้าผู้ครองนครเชียงแสน ต่อมาวัดงำเมืองเริ่มชำรุดทรุดโทรมลงเพราะขาดการทำนุบำรุง

และได้ร่วม นำทรายมาก่อ พระเจดีย์ทราย กะเขาเช่นเคยครับ โมทนากาน


<!-- / message --><!-- attachments -->

 

สถานที่แห่งที่หก ที่ได้เดินทางมาแสวงบุญก็คือ วัดมิ่งเมือง ครับ



ประวัติ วัดมิ่งเมือง

ตั้งอยู่ถนนไตรรัตน์ ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ด้านข้างติดถนนบรรพปราการ ประวัติ วัดมิ่งเมือง ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ. 2513 เป็นวัด ไทใหญ่ สมัยก่อนมีชุมชนไทยใหญ่อยู่เรียกว่า วัดเงี้ยว หรือ วัดช้างมูบ (ช้างมอบ) การก่อสร้างตามชาวบ้านศรัทธาเล่าว่า ผู้สร้างวัดมิ่งเมือง ชื่อ ตะแม่ศรี มีศักดิ์เป็นมเหสีของพ่อขุนฯ เป็นชาวพม่า เวลานี้มีการบูรณะเจดีย์โบราณของวัด พบจารึกบนแผ่นเงินจารึกเป็นภาษาพม่า แปลออกมาเป็นผู้สร้างจากเจดีย์ โบราณในวัด ภาษายังมีปรากฏอยู่เป็นศิลปะผสมระหว่างพม่าและล้านนา

ที่สำคัญถ้าหากเป็นจริงอย่างจารึก วัดนี้ก็มีอายุเท่ากับเมืองเชียงราย และมีหลักฐานที่สำคัญหลายชิ้นที่บอกว่า เป็นวัดที่ชาวพม่าสร้างไว้ก่อน วัดมิ่งเมืองอยู่ติดกับประตุไก่ดำ เพี้ยนมาเป็นสี่แยกสะพานดำ หรือคนเมืองเชียงราย เรียกสี่แยกขัวดำ ส่วนหลักฐานอื่นถือว่าเป็น วัตถุโบราณของวัดมีบ่อน้ำโบราณ เรียกว่าบ่อน้ำช้างมูบ เป็นศิลปะแบบไทยใหญ่มีซุ้มครอบไว้บนหลังช้างหมอบ ชาวบ้านผ่านไปมาก็เรียกว่าช้างมูบ และเรียกชื่อวัดนี้ว่า “วัดจ้างมูบ”
<!-- / message --><!-- attachments -->

 

ได้ร่วม สรงน้ำ พระพุทธรูปที่ตั้งอยู่ด้านหน้าโบสถ์ด้วยครับ



จากนั้นได้ทำบุญจำนวนหนึ่ง เพื่อร่วมหล่อ "หัวใจพระ" ครับ



พระเจดีย์ ภายใน วัดมิ่งเมือง



ร่วมเททรายสร้าง พระเจดีย์ทราย


<!-- / message --><!-- attachments -->

 

ใกล้ครบแล้วนะครับ แห่งที่เจ็ด ที่ได้มาแสวงบุญก็คือ วัดกลางเวียง ครับ



ประวัติ วัดกลางเวียง

วัดกลางเวียง คือวัดที่ตั้งอยู่ใจกลางเวียงเชียงราย มีเสาหลักเมืองเชียงรายตั้งอยู่ สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 1975 เดิมชาวบ้าน เรียกว่า วัดจั๋นตะโลก หรือ วัดจันทน์โลก เพราะในวัดเคยมีต้นจันทน์แดงขนาดใหญ่ขึ้นอยู่ ถือเป็นไม้มงคลใช้บูชาพระตามธรรมเนียมโบราณ จนกระทั่งเมื่อมีการรังวัดเมืองเชียงรายใหม่ และพบว่าวัดแห่งนี้อยู่ใจกลางเมืองพอดี จึงได้สถาปนาสะดือเวียง หรือ เสาหลักเมืองขึ้น

ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงราย ตรงสี่แยกระหว่าง ถ. อุตรกิจ ติดกับ ถ. รัตนาเขต ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย

ประวัติ วัดกลางเวียง คือวัดที่ตั้งอยู่ใจกลางเวียงเชียงราย มีเสาหลักเมืองเชียงรายตั้งอยู่ สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 1975 เดิมชาวบ้าน เรียกว่า วัดจั๋นตะโลก หรือ วัดจันทน์โลก เพราะในวัดเคยมีต้นจันทน์แดงขนาดใหญ่ขึ้นอยู่ ถือเป็นไม้มงคลใช้บูชาพระตามธรรมเนียมโบราณ จนกระทั่งเมื่อมีการรังวัดเมืองเชียงรายใหม่ และพบว่าวัดแห่งนี้อยู่ใจกลางเมืองพอดี จึงได้สถาปนาสะดือเวียง หรือ เสาหลักเมืองขึ้น พร้อมกับเปลี่ยนชื่อวัดเป็น วัดจันทน์โลกกลางเวียง แต่ในปี พ.ศ. 2446 เกิดพายุใหญ่พัดต้นจันทน์แดงหักโค่นลงมา พระอุโบสถและวิหารพังทลาย ต้องบูรณะใหม่ ชื่อวัดจึงเหลือเพียงวัดกลางเวียง ปัจจุบันเสาหลักเมืองเก่าได้ล้มไปนานแล้ว ในปี พ.ศ. 2535 จึงได้สร้างเสาหลักเมืองขึ้นมาใหม่ประดิษฐานอยู่ในมณฑปทรงฟักทองยอดแหลม บริเวณที่ตั้งเสาหลักเมืองเดิม ภายนอกมีรูปปั้นท้าวจตุโลกบาล ทำหน้าที่พิทักษ์สะดือเวียงตามคติความเชื่อของชาวล้านนา ส่วนตำแหน่งที่เคยมีต้นจันทน์แดงอยู่นั้น ปัจจุบันทางวัดได้สร้างเจดีย์ขึ้นรอบฐานมีช้างทรงเครื่องยืนราย ส่วนพระอุโบสถนั้นได้สร้างขึ้นใหม่ตามแบบสถาปัตยกรรมล้านนาประยุกต์

ได้ร่วมขนทรายเท พระเจดีย์ทราย ตามเดิม


<!-- / message --><!-- attachments -->

 

แหล่งที่แปด ทีได้มาแสวงบุญก็คือ วัดพระสิงห์ ครับ



ประวัติ วัดพระสิงห์

วัดพระสิงห์ เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ มีเนื้อที่ ๔ ไร่ ๒ งาน ๕๒ ตารางวา ตั้งอยู่ที่ถนนสิงหไคล ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย สันนิษฐานกันว่า น่าจะสร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช ๑๙๒๘ ในรัชสมัยของพระเจ้ามหาพรหม พระอนุชาของพระเจ้ากือนา เจ้าเมืองเชียงใหม่ ซึ่งมาครองเมืองเชียงรายระหว่างพุทธศักราช ๑๘๘๘ - ๑๙๔๓

ความสำคัญและความเป็นมา

สาเหตุที่วัดนี้ มีชื่อว่า “วัดพระสิงห์” นั้น น่าจะเป็นเพราะครั้งหนึ่ง เคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทย คือ พระพุทธสิหิงค์ หรือที่เรียกกันในชื่อสามัญว่า “พระสิงห์” ปัจจุบันวัดพระสิงห์เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธสิหิงค์ (หรือพระสิงห์) จำลองศิลปะเชียงแสน ปางมารวิชัย ชนิดสำริดปิดทอง หน้าตักกว้าง ๓๗ เซนติเมตร สูงทั้งฐาน ๖๖ เซนติเมตร

ตำนานพระสิงห์

พระพุทธสิหิงค์ หรือพระสิงห์ เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทยมาอย่างยาวนานมีหลักฐานปรากฏในสิหิงคนิทานบันทึกไว้ว่า สร้างขึ้นเมื่อราวพุทธศักราช ๗๐๐ ในประเทศลังกา และประดิษฐานอยู่ที่ลังกา ๑๑๕๐ ปี จากนั้นได้ถูกอัญเชิญมาประดิษฐานยังราชอาณาจักรไทยตามลำดับ ดังนี้

พ.ศ.๑๘๕๐ ประดิษฐานที่กรุงสุโขทัย ๗๐ ปี

พ.ศ.๑๙๒๐ ประดิษฐานที่พิษณุโลก ๕ ปี

พ.ศ.๑๙๒๕ ประดิษฐานที่กรุงศรีอยุธยา ๕ ปี

พ.ศ.๑๙๓๐ ประดิษฐานที่กำแพงเพชร ๑ ปี

พ.ศ.๑๙๓๑ ประดิษฐานที่เชียงราย ๒๐ ปี

พ.ศ.๑๙๕๐ ประดิษฐานที่เชียงใหม่ ๒๕๕ ปี

พ.ศ.๒๒๕๐ ประดิษฐานที่กรุงศรีอยุธยา ๑๐๕ ปี

พ.ศ.๒๓๑๐ ประดิษฐานที่เชียงใหม่ ๒๘ ปี

พ.ศ.๒๓๓๘ ประดิษฐานที่กรุงเทพฯ – ปัจจุบัน ประประธาน

พระประธานในพระอุโบสถวัดพระสิงห์ เป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนสิงห์หนึ่ง เนื้อสำริดปิดทอง ปางมารวิชัย สร้างในสมัยใดไม่ปรากฏ มีหน้าตักกว้าง ๒๐๔ เซนติเมตร สูงทั้งฐาน ๒๘๔ เซนติเมตร ที่ฐานมีอักษรล้านนาจารึกว่า "กุสลา ธมฺมา อกุสลา ธมฺมา อพยากตา ธมฺมา"



เจดีย์ทราย วัดพระสิงห์ แน่นอนได้ร่วมกันขนทรายมาเทเหมือนเดิม



ก่อนกลับได้ร่วมทำบุญ ตักบาตรพระอรหันต์ 108 ด้วยครับ สาธุ


<!-- / message --><!-- attachments -->

 

วัดสุดท้ายแล้วแห่งที่เก้าครับ วัดมุงเมือง

ภายในอุโบสถ วัดมุงเมือง พึ่งผ่าน พิธีสืบชะตา ไปเมื่อตอนเช้านี้เอง



ประวัติ โดยสังเขป

ตั้งอยู่ถนนอุตรกิจ หมู่ที่1 ตำบลเวียง อำเภอเมืองเชียงราย จังหวัดเชียงราย ประวัติ เป็นวัดที่มีพระพุทธรูปสองสี หรือ พระเจ้าสองสี องค์ศักดิ์สิทธิ์ของเมืองเชียงราย ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เครื่องบินทิ้งระเบิดเมืองเชียงรายบริเวณโดยรอบ ซึ่งเป็นตลาดสดแต่ภายในวัดปลอดภัย วัดมุงเมืองเป็นวัดสังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2382 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2409 ได้ประกอบพิธีผูกพันทธสีมาเมื่อ 13 มกราคม พ.ศ. 2510 สิ่งสำคัญภายในวัดมี พระเจดีย์ และ พระสังกัจจาย์

พระสังกัจจาย์ องค์ใหญ่ในวัด ได้สรงน้ำท่านด้วย น้ำอบ และ ร่วมขนทรายก่อ พระเจดีย์ทราย ที่ข้างโบสถ์เช่นเคย



จบแล้วครับ บุญที่ให้อนุโมทนาในวันนี้ ขอทุกท่านจงมีความสุขสวัสดี คล่องตัวทุกๆเรื่อง รวยชาตินี้ รวยซะให้เข็ด และสมหวังในทุกสิ่งที่ปราถนาเด้อ
<!-- / message --><!-- attachments -->

 

โอ๊ะ ขออภัย ผมลืมตอบพี่ ใน pm เรื่องที่พี่ฝากถามเรื่องทีดินแถวๆวัด ผมเรียนถามหลวงพ่อท่านแล้ว ท่านบอกว่าแถววัดไม่มีที่เหลือเลยครับ แต่อาจจะไปขอซื้อจากชาวบ้านที่ทำไร่อยู่อาจจะได้มังครับ ... ขออภัยนะคร้าบที่ตอบช้า(มากๆ) -/\-

 

<TABLE class=tborder id=post81198 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 width=175>Specialized<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_81198", true); </SCRIPT>
สมาชิกยอดฮิต (Boy)



วันที่สมัคร: Jun 2007
สถานที่: ชมรมพุทธ M.F.L.U
ข้อความ: 1,836 <!-- Start Post Thank You Hack -->
จำนวนครั้งที่ได้โมทนาบุญ: 7,949
ได้รับการอนุโมทนาบุญ 58,360 ครั้ง ใน 1,870 ข้อความ <!-- End Post Thank You Hack -->


</TD><TD class=alt1 id=td_post_81198><!-- icon and title --> ขอเชิญร่วมอนุโมทนาบุญ นมัสการพระพุทธบาทผาเรือ 03/พ.ค./2551
<HR style="COLOR: #cccccc" SIZE=1><!-- / icon and title --><!-- message -->วันนี้เป็นวันพระ !

ตื่นมาก็คิดอยู่ว่าเออ เรากำลังว่างๆหาอะไรที่มันเป็นบุญทำดีกว่าวันพระทั้งที นึกขึ้นได้ว่า ที่เชียงรายเรานี้ก็มี พระพุทธบาท อีกแห่งหนึ่งที่เราก็ยังไม่เคยไปเหมือนกัน แต่ว่าน้องในชมรมสองคนเคยไปมาแล้ว คิดเสร็จก็ออน msn หาน้องคนที่ว่าทันที ชวนมันนำทางไป พระบาทผาเรือ พอถามมัน มันดันบอกว่าลืมแล้วว่าไปทางไหน ป๊าดโถ่ ! น้องรัก เอาเป็นว่าคลำทางไปเท่าที่เอ็งจำได้แล้วกัน ...

เตรียมตัวกันเสร็จได้คนไปด้วยกันรวมผมแค่ 3 คน เออลุยๆ ! ก็แวะเข้าไปที่ วัดป่าปฐมพุทธาราม กราบ หลวงพี่แจ็ค เสร็จคุยเรื่องที่จะไป พระพุทธบาทผาเรือ ได้รับทองคำเปลวจากหลวงพี่มากำหนึ่ง ขออนุโมทนากับหลวงพี่ด้วยครับ ถ้าไม่ได้ทองคำเปลวจากหลวงพี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปหาซื้อที่ไหน (นอกเมืองไม่มีร้านสังฆทาน)

ออกจาก วัดป่าปฐมฯ ประมาณบ่ายสอง ขับเรื่อยๆมาจนถึง อ.แม่จัน ก็ได้จอดรถแวะกราบนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ ณ ด่านตรวจของตำรวจทางหลวงที่ด่าน กิ่วทัพยั้ง กันก่อนเอาฤกษ์เอาชัยก่อนเดินทาง

เจ้าพ่อกิ่วทัพยั้ง


</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ศาลเจ้าพ่อกิ่วทัพยั้ง ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้ๆกัน ท่านศักดิ์สิทธิ์มาก ใครขับรถผ่านมาต้องกดแตร คารวะกันเป็นแถว สังเกตุดูมีคนนำ ไก่ มาบนท่านเยอะมาก



ศาลเจ้าพ่อกิ่วทัพยั้ง เมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ทหารไทยได้เดินทางมาพักทัพที่บริเวณศาลเจ้าพ่อกิ่วทัพยั้ง (ซึ่งเจ้าพ่อกิ่วทัพยั้ง ชื่อเดิมคือ พ่อปู่ทองคำ) เป็นทหารเสนารักษ์ในทับดังกล่าว และได้ต่อสู้กับข้าศึก จนได้รับบาดเจ็บ และได้เสียชีวิตลงในที่สุด ณ บริเวณสานป่ากิ่วทัพยั้ง ชาวบ้านจึงได้จัดตั้งบริเวณดังกล่าวเป็นศาลเจ้าพ่อกิ่วทัพยั้งตามชื่อกองทหารที่มาพักบริเวณกิ่วทัพยั้ง เพื่อเป็นเคารพบูชา สักการะของราษฎรในพื้นที่สืบต่อมา



จากนั้นได้สวดจักรพรรดิ และ สัพเพฯ ให้กับพ่อปู่และภพภูมิบริเวณนั้น รู้สึกหนักหัวขึ้นมาทันใด แหมแรงใช่เล่นนะพ่อ จากนั้นก็ได้ตั้งจิตอธิษฐานกล่าวต่อพ่อปู่ว่า ลูกและคณะ (3 คนเนี่ยล่ะ - -) จะเดินทางไปนมัสการ รอยพระพุทธบาทผาเรือ ขอพ่อปู่และบริวารได้โปรดช่วยปกปักรักษาให้เดินทางไปกลับโดยปลอดภัยและเดินทางไปถึง พระพุทธบาท ด้วยเทอญ สาตุ๊

 

จากนั้นก็ขับมอไซค์กันอย่างเมามันส์ท่ามกลางแดดร้อน (แน่สิบ่าย 3 โมงแล้วนิ) จนเกือบจะถอดใจแล้วว่า มันอยู่ที่ไหนหว่า เจ้าน้องที่มาด้วยกันนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้เล้ย โถ่ ปลาทองแท้น้องฉัน เตร็ดเตร่ ๆ จนชักจะถอดใจว่า เออวันนี้เราไปแวะเที่ยวไหว้พระธาตุแถวนี้สัก 2 แห่งแล้วกลับกันดีกว่า มองหน้าคนที่มาด้วยทั้ง 2 คนก็ทำหน้าเฉยๆ บอกว่า ก็เอาสิ/เอาไงก็ได้ ก็คิดว่าเออรอบหน้าค่อยมาหาใหม่แต่คิดไปคิดมาคิดว่าเราได้ตั้งจิตอธิษฐานไว้แล้วนี่ว่าจะมานมัสการ รอยพระพุทธบาท โธ่ ถอยไม่ได้ๆ สู้ๆ เดี๋ยวอาย พ่อปู่กิ่วทัพยั้ง หมด

ขับไปขับมา เจ้าน้องตัวดีบอกว่า เอ๊ะ ! นั่นใช่ พระสังกัจจายน์ ป่าว พี่บอย ? ถ้าใช่ก็ใกล้และด้วงจำได้ว่าผ่าน เออนั่นกว่าจะจำได้เล่นเอากันเกือบถอดใจนะน้อง



เห็นใครก็ไม่รู้ในเวปบอกว่า ถ้าเป็น พระสังกัจจายน์ ตรงหน้าผากท่านจะไม่มีจุดกลมๆ แต่ถ้าเป็น พระศรีอาริยเมตไตร จะมีจุดกลมๆบนหน้าผาก (อุณาโลมนั่นแหละ) องค์นี้มี อุณาโลม ด้วยสงสัยจะเป็น พระศรีฯ สาธุๆ
<!-- / message --><!-- attachments -->

 

หุ ไม่นึกว่าที่ห่างไกลบ้านเมืองจะมีวัดจีนใหญ่ๆแบบนี้ด้วย วัดนี้ชื่อ วัดหมื่นพุทธเมตตาคุณาราม ใหญ่มาก ยังกะวังหลวงในหนังจีนแน่ะ ไม่ได้แวะเข้าไป ไว้มีโอกาศค่อยแวะมาคราวหลัง หุหุ



พระศรีอาริยเมตไตร



ปล.เข้าใจผิดถูกอย่างไรใครรู้แก้ให้ด้วยครับผม<!-- / message --><!-- attachments -->

 

โอ๊ว ! ถึงซะที !



เข้ามาถึงก็เจอ พระพุทธรูปปางมารวิชัย ประทับอยู่บนก้อนหินใหญ่



ก้อนหินใหญ่อีกก้อนที่อยู่ในบริเวณนั้น รู้สึกจะลาดเอียงแปลกๆ เหมือน แท่นที่ประทับนั่ง !?

 

ถ่ายย้อนแสงเล่นๆเอาไปเป็นแบ็คกราวด์แล็ปทอป หุหุ

 

จะสังเกตุได้ว่าบริเวณนี้จะมีหินเยอะมากกระจายกันไปว่างๆวันหลังไว้มา ตามรอยพระพุทธบาท ดู

ถึงแล้ว !



ก้อนหินที่มี รอยพระพุทธบาท

 

ประวัติ พระพุทธบาทผาเรือ



Sub : Thai โดย Specialized

พรรษาที่ 15 (ใช่ป่าวหว่า) พระพุทธเจ้าได้เทศนาแก่เหล่าภิกษุทั้งหลายว่า เมื่อปฐมกัลป์นั้นน้ำในมหาสมุทธได้ไหลมาที่นี่ มี พระราชาอยู่องค์หนึ่ง นามว่า สิงหะราชา ได้เอาเรือมาจอดไว้ 1 คืน น้ำก็ลดลง(ไม่ได้แห้งหมด) พระองค์จึงได้ให้ข้าทาสบริวารรีบเอาเรือลงน้ำ แต่ว่าเรือเกิดแตกเป็น 3 ท่อน พระองค์จึงได้บอกให้เหล่าข้าทาสบริวารรีบหนีเอาตัวรอดตัวใครตัวมัน (ซะงั้น -_-") ส่วนพระองค์ก็ได้สิ้นพระชนม์ ณ ที่นั่นก็คือ บ้านค้างเรือ ณ ปัจจุบันนี้แล พระพุทธเจ้า ก็ได้ประทาน รอยพระพุทธบาท ข้างขวา ไว้ ณ ที่แห่งนี้ เพื่อให้หมู่คนและเทวดาได้มาสักการะบูชาต่อไป และ ณ ที่นี้ในอนาคตกาล จะชื่อว่า
พระบาทผาเรือ

คัดจากตำนาน โยนกนครไชยบุรีศรีช้างแสน (น่าจะเชียงแสน)

ปล.ขนาดเป็นคนเหนือแท้ๆยังแปลไม่ค่อยได้เลยครับผม ใครคล่องกว่าเชิญเด้อ

ปล.2. -พระพุทธเจ้าทำไมถึง ประทานพระบาท ไว้ผมก็ไม่ทราบในตำนานเขียนไว้ไม่ละเอียด แต่ก็เหมือนท่านพยากรณ์ไว้ว่าในอนาคตที่นี่จะชื่อว่า พระบาทผาเรือ นั่นเอง

 

พระพุทธบาทผาเรือ