ใครคือ ฅนขลัง คลังวิชา ตัวจริง

ในห้อง 'ร้องเรียนและปัญหา' ตั้งกระทู้โดย ยลไตรเพ็ชร, 28 มกราคม 2013.

  1. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    ขอบคุณพี่ครับ เรื่องข้อมูล คือพระอาหาร เปนพระพิมพ์สมเด็จ ที่ท่านทำไว้ ไม่เกิน16องค์น่ะครับ สำหรับศิษย์ใกล้ชิด น่าจะเปนศิษย์รุ่น อาจารย์ชม อาจารย์ปถม น่ะครับ ข้อมูลที่ได้มาคือ ข้าวก้นบาตร ผสมกับผงวิเศษ และอัญเชิญองค์ปรมาจารย์ใหญ่หลวงปู่ดำเสกในถ้ำ ผมทราบข้อมูลมาแค่นี้ครับ พี่เคยทราบข้อมูลเหล่านี้ไหมเลยสอบถามพี่ในช่วงแรก หนึ่งใน16องค์นี่รู้สึกอาจารย์ชม ท่านได้ไว้นะครับ
     
  2. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    พี่แขวนพระรุ่นสุดท้ายด้วยใช่ไหม อิทธิคุณเปนอย่างไรบ้างครับ ครบใช่ไหม รุ่นสุดท้ายหลวงปู่ดำเสกด้วยใช่ไหม หรือหลวงพ่ออภิชิโตเสกเองครับ สอบถามพี่ครับ ขอบคุณครับ
     
  3. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    ครับพี่ผมรู้สึกดีใจที่อย่างน้อยกระทู้นี้ยังมีผู้ที่ศรัทธา และระลึกถึงท่านอยู่ เพราะข้อมูลของท่านน้อยมากจริงๆ ยอมรับครับศรัทธาท่านมากจริงๆๆครับ ไปกราบรูปท่านที่วัดทอง อยู่เสมอทึ่งครับ กับการฝึกสมาธิอย่างหนักของท่านแบบเสี่ยงชีวิตจริงๆๆนี่ละครับของแท้ ผมขอรบกวนพี่ช่วยนำบันทึกของคนรุ่นก่อนที่บันทึกไว้มาลงเปนวิทยาทาน สำหรับผู้ที่เคารพศรัทธาได้ศึกษากันได้ไหมครับ ผมเห็นว่าน่าจะเปนประโยชน์ต่ออนุชนร่นหลัง ว่าอย่างน้อยยังมีพระสุปฏิปันโน ที่ปฏิบัติอย่างจริงจังรูปหนึ่งในเมืองไทยครับ
     
  4. ยลไตรเพ็ชร

    ยลไตรเพ็ชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2013
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +283


    ตอบคุณ ช.40

    ( ขอบคุณพี่ครับ เรื่องข้อมูล คือพระอาหาร เปนพระพิมพ์สมเด็จ ที่ท่านทำไว้ ไม่เกิน16องค์น่ะครับ สำหรับศิษย์ใกล้ชิด น่าจะเปนศิษย์รุ่น อาจารย์ชม อาจารย์ปถม น่ะครับ ข้อมูลที่ได้มาคือ ข้าวก้นบาตร ผสมกับผงวิเศษ และอัญเชิญองค์ปรมาจารย์ใหญ่หลวงปู่ดำเสกในถ้ำ ผมทราบข้อมูลมาแค่นี้ครับ พี่เคยทราบข้อมูลเหล่านี้ไหมเลยสอบถามพี่ในช่วงแรก หนึ่งใน16องค์นี่รู้สึกอาจารย์ชม ท่านได้ไว้นะครับ )




    ขอบคุณครับ ที่ให้รายละเอียดมา นึกได้แล้วว่าเป็นพระชุดแรกที่หลวงพ่อฯสร้างไว้ในสมัยหนุ่มๆ แต่ผมจะไม่ได้จำว่าเรียกว่า พระอาหาร เรื่องนี้ อ.ประถม เคยเขียนไว้นานมากแล้ว ไม่แน่ใจที่ว่าเสกกระทั่งพระบิน ภายหลังต้องเสกในมุ้งใช่หรือไม่ เท่าที่เคยคุยกับคุณลุงซึ่งเป็นศิษย์ใกล้ชิดของหลวงพ่อฯ เคยเล่าว่า พระบางรุ่นท่านกำหนดจิตในการบรรจุพลัง(เสก)มากเกินไปก็จะมีรอยร้าวที่องค์พระ จึงต้องหยุดเสก ภายหลังกำหนดได้พอดีก็จะไม่ร้าวอีก เคยมีเหมือนกันที่ศิษย์ฝากพระเลี่ยมทองพร้อมสร้อยทองคำมาให้หลวงพ่อเสก ปรากฏว่าเสกกระทั่งบินออกหายไป ไปตามก็ไม่พบ จึงต้องหาพระนำไปเลี่ยมทองแถมซื้อสร้อยทองมาใช้คืนศิษย์ ความจริงเรื่องอย่างนี้ใครได้ยินได้ฟังก็คงไม่เชื่อ แต่ผมเชื่อว่า ครูบาอาจารย์ในยุคก่อนๆ ทำกันได้หลายๆท่าน แต่ไม่มีใครเอามาบอกกล่าวกัน

    เรื่องพระเครื่องจะรุ่นไหนก็ตาม หากท่าน อ.ชม มีอยู่ ใครไปขอท่าน ท่านก็ให้(แม้มิใช่ให้ทุกคน) ท่าน อ.ชม ใจดีมากๆ เป็นครูบาอาจารย์ผู้มีศรัทธาสูง ท่านเคยถอดพระที่พกติดตัวอยู่ให้ผมหลายครั้ง แต่ผมไม่ยอมรับเอามาเลยสักครั้ง เพราะเห็นว่าไม่ควร จึงต้องแสวงหาเองสบายใจกว่า ดังนั้นเชื่อแน่ว่า พระ 1 ใน 16 องค์ที่ท่าน อ.ชมได้มา น่าจะตกทอดไปเป็นสมบัติของผู้อื่นนานแล้วครับ แล้วก็แนะนำว่าหากใครคิดจะดิ้นรนแสวงหาก็น่าจะเจ็บใจในภายหลังเสียมากกว่า หากไปได้องค์ที่ 17 มาแทน



    ( พี่แขวนพระรุ่นสุดท้ายด้วยใช่ไหม อิทธิคุณเปนอย่างไรบ้างครับ ครบใช่ไหม รุ่นสุดท้ายหลวงปู่ดำเสกด้วยใช่ไหม หรือหลวงพ่ออภิชิโตเสกเองครับ สอบถามพี่ครับ ขอบคุณครับ )



    ผมพกพระเครื่องหลายอาจารย์ครับ มีพระผงรุ่นสุดท้ายที่ว่านี้ด้วย ที่พกพาอาราธนาติดตัวอยู่เป็นประจำก็มี พระผงเทพนิมิต ที่ท่าน อ.ชุมไชยคีรี อ.ฆราวาส สายเขาอ้อ สร้างในปี 2496 แล้วก็พระผงรุ่นสุดท้ายหลวงพ่อฯ ขึ้นอยู่กับโอกาสและสถานที่ ที่เราจะต้องไป ที่ถามว่าหลวงปู่ดำเสกด้วยหรือไม่ ผมเองคงตอบไม่ได้ แต่จากการอนุมานเชื่อกันว่า ในการอธิษฐานจิตปลุกเสกพระเครื่อง หลวงพ่อฯท่านต้องบอกกล่าวครูบาอาจารย์ของท่านแน่นอน ก็ต้องจินตนาการกันเองว่าอาจารย์จะมาคอยดูแลศิษย์รึไม่? ความจริงพลังงานที่หลวงพ่อฯอธิษฐานจิตบรรจุลงก็น่าจะเกินพอแล้ว เปรียบได้กับแบ็ตเตอรี่ สมมุติว่าอัดพลังได้เต็มที่ 100 เต็ม หากพยายามบรรจุให้เกิน 100 ไปเท่าใด ก็คงไม่ได้ใช้ประโยชน์ เพราะแบ็ตเตอรี่ รับไว้ไม่ได้

    ส่วนที่ถามถึง " อิทธิคุณ " เป็นอย่างไร คุณใช้คำได้ดีมากในคำนี้ครับ ส่วนใหญ่ไปเรียกตามๆกันว่า " พุทธคุณ " เพราะพุทธคุณนั้นว่ากันตามหลักแล้วมี 3 ประการ คือ พระมหากรุณาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ และ พระปัญญาคุณ แต่เราก็เรียกพุทธคุณกันมานานแล้ว ถึงเรียกไม่ถูกต้องตามหลัก แต่ก็เข้าใจกันว่าหมายถึงพลังคุณประโยชน์ที่ให้ผลแก่ผู้ที่พกพา

    สำหรับตัวผมเอง ไม่ได้สังเกตในเรื่องอื่นๆมากนัก เพียงแต่เวลาที่อาจมีอันตรายก็ผ่านมาได้เสมอๆ แต่ก็ไม่ได้ประมาท เพียงเท่านี้ก็พอแล้วสำหรับผม เพราะหากไม่มีตัวเราแล้ว สิ่งอื่นๆทั้งหมดก็คงไม่มีความหมาย

    บันทึกเก่าที่ถามมา แล้วจะนำ Link เมื่อหลายปีก่อนเกี่ยวกับเรื่องหลวงพ่อฯและหลวงปู่ดำที่เคยส่งไปใน FB ของคนขลังเมื่อปีที่แล้ว มาลงให้ดูครับ.
     
  5. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    ครับพี่ขอบคุณสำหรับข้อมูลนี้ครับ ขออนุญาติพี่ช่วยนำบันทึกหลวงพ่ออภิชิโตสมัยหนุ่มที่เรียนวิชามาลงให้ศึกษากันได้ไหมครับ รวมทั้งบันทึกเกี่ยวกับหลวงปู่ดำด้วย เพื่ออนุชนรุ่นหลังจะได้ทราบกันเปนวิทยาทานครับ มีภาพช่วงที่ท่านแปลงใบไม้ หรืออย่างอื่นก็ขออนุญาติพี่ลงเปนวิทยาทานด้วยนะครับ รับรองว่าไม่มี การนำไปก็อปหาผลประโยชน์เพื้อซื้อขาย อย่างที่ฅนขลัง ชั่ว ทำแน่ครับ ผมเชื่อว่าพวกเราเคารพหลวงพ่อด้วยหัวใจ ไม่ขายครูบาอาจารย์แน่นอนครับ ขอขอบคุณพี่ล่วงหน้าครับ ขอบคุณมาก
     
  6. ยลไตรเพ็ชร

    ยลไตรเพ็ชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2013
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +283


    เพื่อแสดงให้เห็นว่าเรื่องราวของหลวงพ่อฯ มีการบันทึกไว้บ้างบางส่วนนานมาแล้วจึงขอนำข้อความและ link ที่มาที่มีผู้นำมาลงไว้หลายปีก่อนในเว็บ pantip.com มาให้ทราบกัน


    16:38
    ขยาย
    แสดงภาพ
    Fluke Atbest
    ความคิดเห็นที่ 26

    ขอนำเรื่องหลวงพ่อดำ ที่เขียนโดยคุณดวงธรรม โชนเชิดประทีป เมื่อพ.ศ. ๒๕๐๗มาเล่าสู่กันฟัง
    เมื่อประมาณ ๗๒ ปีมาแล้ว [ ๓๐ปี(๒๕๐๗) + ๔๒ (๒๕๔๙)]

    มีข่าวเล่าลือ แพร่สพัดกันทั่วไปว่า ผู้ใดที่ได้ทำบุญตักบาตรตอนเช้านั้น จงพิจารณาพระภิกษุที่กำลังรับบาตรให้ดี ถ้าผู้ใดพบพระภิกษุรูปนั้น มีชายจีวรเป็นสีดำสนิทอยู่ขนาดประมาณ หัวแม่มือ นั่นแหละเป็นเครื่องหมายบ่งแสดงให้ทราบได้ละว่า ท่านคือ หลวงพ่อดำ

    หลวงพ่อดำ เป็นพระภิกษุชรารูปหนึ่ง เป็นพระอรัญวาสี ชายชีวรของท่านเป็นสีดำสนิทอยู่ขนาดหัวแม่มือนั่นแหละเป็นเครื่องหมายของท่าน ข่าวโจทย์จันกันว่า ท่านมีวิชา "ย่นระยะทาง " ทุกเช้าท่านจะออกบิณฑบาต

    มีข่าวเสมอว่า บางวันมีผู้พบท่านบิณฑบาตอยู่ ณ จังหวัดลพบุรี บางคราวก็มาบิณฑบาต ที่จังหวัดพระนคร และจังหวัดต่าง ๆ อยู่เสมอทั้งนี้เพราะท่านมีวิชา "ย่นระยะทาง" หรือ "ล่องหน"

    ลูกศิษย์หลวงพ่อดำ

    ผู้ที่มีโอกาสพบหลวงพ่อดำ และได้เป็นถ่ายทอดวิชาการทางจิต ก็คือท่านอภิชิโตภิกขุแห่ง วัดลาดบัวขาว ถนนตก พระนคร

    เมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๔๘๕ ขณะที่ท่านอภิชิโตภิกขุ ยังเป็นสามเณรอยู่นั้น ได้เดินทางไป ณ จังหวัดนครปฐม ได้พบปะเพื่อนเด็ก ๆ รุ่นราวครางเดียวกัน ซึ่งเป็นลูกเจ้าของไร่ และชักชวนกันไปเที่ยวขุดมันขุดเผือกในไร่

    จู่ ๆ พระภิกุชรารูปหนึ่งก็มาปรากกตัวให้เห็น แล้วถามว่า จะขุดเอาอะไรกัน พระภิกษุรูปนั้นหัวเราะ แล้วกล่าวว่า เผือกมันมานั่นมันสุกดีแล้ว จะเอาไปต้มทำไม

    สามเณรและเพื่อน ๆ จึงปอกมันสำปะหลังขนาดใหญ่หัวหนึ่งดุ ปรากฏว่ามันสูกจริง ๆ ตามคำบอกของพระภิกษุชรารูปนัน และเมื่ลองขุดดูต่อไป ก็พบว่ามันเผือกแต่ละหัวที่ขุดขึ้นมาจากพื้นดิน เป็นเผือกสุกแล้วทุกหัว

    หลังจากนั้นพระภิกษุรูปนั้น หรือเรียกเสียเลยในที่นี้ว่า หลวงพ่อดำ ก็ได้อธิบายว่าเป็นเพราะอำนาจดวจจิต ดวงจิตที่ฝึกดีแล้วจะทำสิ่งมหัสจรรย์ได้ต่าง ๆ ถ้าเณรละเพื่อนไม่เชื่อก็ลองเอาท่อนไม่ทุบตีท่านแรง ๆ ดูก็ได้ ท่านไม่เจ็บไม่ปวดอะไรดอก

    สามเณรและเพื่อนใคร่จะทดลองดูให้ประจักษ์ตา หลวงพ่ดำจึงเปลื้องชีวรออก แล้วอนุญาตให้ลงมือทุบตี สามเณรและเพื่อน ๆ ได้ฉวยทิ่อนไม้ระดมกันทุบตีหลวงพ่อดำเป้นการใหญ่จนเหนื่อยหอบ แต่หลวงพ่อดำหาได้มีอาการเจ็บปวดอย่างใดไม่

    สามเณรและเพื่อน ๆ เมื่อเห็นอภินิหาร ของหลวงพ่อดำดังนั้น จึงก้มลงกราบขอสมาลาโทษแก่ท่าน

    หลวงพ่อดำจึงถามว่า เณรยากเรียนบ้างไหม ถ้าจะเรียนละก้อให้ไปพบท่านในป่ากาญจน์บุรี ตามวันกำหนดนัด ให้ไปคนเดียว อย่าเอาใครไปด้วยเป็นอันขาด

    ต่อจากนั้นทุก ๆ ปี สามเณรเมื่อเปลี่ยนภาวะเป็นพระภิกษุตามนามว่า ท่านอภิชิโตภิกขุก็ได้ไปเรียนวิชากับหลวงพ่อดำตลอดมา ตามสถานที่ต่าง ๆ กัน

    เช่นในป่าราชบุรี แม่ฮ่องสอน และจังหวัดอื่น ๆ ทั่วประเทส บางครั้งยังให้ไปพบในป่าเมืองร่างกูนประเทศพม่า หรือในป่าเมืองฮานอย ประเทศอินโดจีน เป็นต้น

    เมื่อท่านอภิชิโตภิกขุ ได้เรียนวิชากับหลวงพ่อดำมาหลายปี ท่านก็สามารถใช้อำนาจจิตที่ได้ฝึกมาถึงขั้นแล้ว ช่วยเหลือประชาชน รักษาโรคต่าง ๆ เช่น โรคฝี แผลต่าง ๆ โรคกระดูกหักเป็นต้น

    ส่วนทางด้านเมตตามหานิยม ท่านก็มีความสามารถใช้แผ่นทองคำเปลวปิดหน้าผาก แล้วใช้อำนาจดวงจิตบังคับให้แผ่นทองคำนั้น ชำแรกฝังเข่าไปในหน้าผากได้ โดยมิได้ใช้มือแตะตั้งแต่ประการใด

    ท่านอธิบายว่านอกจากทองคำเปลวแล้ว จะใช้แผ่นทองแท้ ๆ หรือแผ่นตะกรุดแทนก็ได้ แต่ตอนวัตถุเหล่านั้น แทรกลงไปในเนื้อ ก็อาจจะต้องรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง

    ในด้านคงกระพันชาตรี และความสามารถอื่น ๆ ท่านก็สามารถทำได้เช่น รูดโว่เผาไฟอมน้ำเดือด ร่างกานฟันแทงไม่เข้า เสโซ่ตรวน ซัดทรายเข้าตา เป็นต้น

    ท่านได้ถ่านทอดวิชาเหล่านี้ให้แก่ พ.ท. ชม สุคันธรัตน์ ซึ่งพ.อ. ชม สุคันธรัตน์ ได้แสดงให้ใคร ๆ เห็นทังทางโทรทัศน์และสมาคมต่าง ๆ มาแล้วจนเป็นที่เลื่องลือกันเอิกเกริกทั่วไป
    .

    ในด้านมหัศจรรย์นั้นเล่า ท่านอภิชิโตภิกขุก็กล่าว่าพอจะทำได้ เช่นทำใบไม้ให้กลายเป็นฟักแฟงแตงกวา ๆ ได้ แต่ท่านออกตัวว่ายังไม่ถึงขั้นสำเร็จ เพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นไปตามอำนาจจิตแล้ว ชั่วระยะหนึ่งก็เปลี่ยนแปลงกลับมาอยู่ในสภาพเดิม ยังไม่สามารถที่จะทำให้เป็นเช่นนั้นตลอดไป

    จากคำบอกเล่านี้ จึงมีผู้ขอให้ท่านอภิชิโตภิกขุ ทดลองทำให้ดู ท่านขอผลัดว่า จะต้องปรึกษาอาจารย์ของท่าน

    ///////////////////////////////////////////////////////////
    ปรากฏว่าหลวงพ่อดำอนุญาต

    //////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

    ได้ทำการทดลอง เมื่อวันอังคารที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๖ ต่อหน้านักหนังสือพิมพ์ซึ่งเตรียมถ่ายภาพยนตร์ และภาพ กับสักขีพยาน/////

    เช่นพระยาสารกิจพิลาศ นางแนบ มหารินานนท์ อาจารย์สอนอภิธรรม และนางบุญมี เมธากูร เจ้าของบทความเรื่อง “ความมหัสจรรย์ทางจิต” และบุคคลอื่น ๆ

    เริ่มกระทำเวลา ๑๘.๐๐ น. แสงสว่างไม่พอ ถ่ายได้แต่ภาพนิ่ง

    ท่านอภิชิโตภิกขุ ได้เข้านั่งกระทำสมาธิ โดยหันหลังให้คนดู ท่ กลัวจิตจะไม่เป็นสมาธิ
    //////////////////////////////////////////////////////////////วันนั้นท่านไม่สมารถทำสัตว์ใหญ่เช่นงูได้
    /////////////////////////////////////////


    ดังนั้นท่านจึงให้โยมคนหนึ่งไปเด็ดใบมะม่วงแห้งมาให้ท่าน ๒ ใบ ท่านจึงนำมาเด็ดออกครึ่งใบ แล้วกระทำสมิด้วยวิธีเดิม ประมาณ ๑๕ นาที ท่านก็หันกลับมาด้วยใบหน้าอันยิ้มแย้มเอ่ยว่า คราวนี้ทำสัตว์เล็กสำเร็จ แล้วสั่งให้หาเชือกมาเส้นหนึ่ง เมื่อได้เชือกมาแล้วจึงค่อย ๆ คลายมืออกแล้วผูกเชือกไว้

    ทุกคนที่ได้เห็นก็ต้องตกตะลึง เพราะใบมะม่วงแห้งนั้นได้กลายเป็นนกไปเสียแล้ว ซึ่งพิสูจน์ไม่ได้ว่ากลายเป็นนกได้เพราะเหตุใด

    นอกจากนั้นท่านอภิชิโตภิกขุยังได้เอาใบมะม่วงที่เหลืออีกหนึ่งใบมาทำด้วยวิธีเดิมสัก ๑๐ นาทีก็กลายเป็นนกไปอีกตัวหนึ่ง นำมาซึ่งความมหัสจรรย์เป็นยิ่งนัก

    ที่มา ดวงธรรม โชนเชิดประทีป , ๒๕๐๗, หลวงพ่อดำในอิทธิปาฏิหาริย์ เกจิอาจารย์ บรรณาคารจำหน่าย , พระนคร: โรงพิมพ์ประเสริฐอักษร หน้า๒๘๒ - หน้า๒๙๑

    จากคุณ : BAKER (CALAVERITE) - [ 13 พ.ย. 49 21:01:44 ]



    PANTIP.COM : Y4868898 @@..เรื่องเล่าจากกลางป่าลึก..@@ []


    PANTIP.COM : Y4868898 @@..เรื่องเล่าจากกลางป่าลึก..@@ []
    webcache.googleusercontent.com
    เรื่องราวทั้งหมด เป็นเรื่องเล่าของ พ.อ.ชม สุคันธรัต (จากหนังสือริ้วรอยเทพยดาเขียนโดย ดร.สุวินัย ภรณวิลัย )
     
  7. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    มีข้อมูลที่เป็นบันทึกรุ่นเก่า หรือหนังสือพิมพ์ที่ เคยนำข้อมูลหลวงพ่อสมัยหนุ่มมาลงน่ะครับมีไหมหรือรูปถ่ายท่านในอิริยาบทอื่นๆๆ ถ้ามีกรุณา นำมาลงเพื่อเปนวิทยาทานนะครับ ขอบพระคุณอย่างสูง
     
  8. ยลไตรเพ็ชร

    ยลไตรเพ็ชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2013
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +283
    เรื่องเอกสารเก่า ที่มีรูปภาพหลวงพ่อกำลังแปลงใบไม้เป็นนกพร้อมทั้งเรื่องที่ลงในหนังสือพิมพ์นั้น คงต้องขอจากผู้ใหญ่ อาจต้องรอไปก่อนยังไม่ทราบว่าจะเป็นเมื่อใดครับ

    ตัวผมเองเคยเห็นเรื่องราวของหลวงพ่อฯในนิตยสารบางกอกไทม์ เป็นการเอาเรื่องมาระบุถึงซ้ำ น่าจะราวปี 251..ต้นๆ( น่าจะเป็น 2512 - 2514 ) ราวปี 2530 เคยไปเห็นเอกสารเก่านี้ที่หอสมุดแห่งชาติ ท่าวาสุกรี เอกสารเก่าและกรอบเหลืองมาแล้ว ภายหลังอีกสิบกว่าปี เข้าไปหาข้อมูลอีกครั้ง เอกสารนี้สูญหายไป สอบถามบรรณารักษ์ ในห้องเอกสาร แจ้งว่า หอสมุดแห่งชาติ มีผู้เข้ามาทั้งขโมยหนังสือออกไป ทั้งเอามีดคัตเตอร์ตัดหน้าหนังสือที่ต้องการออกไปจนเสียหาย เป็นจำนวนมาก เฉพาะที่ชำรุดเสียหายมีนับหมื่นฉบับ ( ที่หายลับไปไม่มีสำรองหรือสำเนาไว้ก็ไม่มีทางหามาทดแทนได้ )

    เรื่องที่นำมาให้เห็นจะสังเกตได้ว่า ที่มีผู้นำเรื่องราวต่างๆมาลงในสมัยหลังๆ มักมีความคลาดเคลื่อนไม่ตรงกันอยู่หลายแห่ง แต่เนื้อหาหลักใหญ่ๆอยู่ในเกณฑ์เดียวกัน ส่วนที่ไม่ตรงกันนั้น มีทั้งใช้วิธีสอบถามท่าน อ.ชม สุคันธรัต มาแล้วเข้าใจไม่ถูกต้องพอนำไปเขียนก็เป็นอีกแบบไป ในนิตยสารโลกทิพย์เอง ผู้เขียนได้นำบันทึกของท่าน อ.ชมฯ ไปลอกลงทั้งหมด โดยมิได้เรียบเรียงใหม่ ใครไปอ่านเข้าก็งงๆกัน เพราะท่านอ.ชมฯ เมื่อรับทราบเรื่องราวต่างๆจากหลวงพ่อฯก็ต้องใช้ความจำ (เนื่องจากไม่อนุญาตให้จด เป็นคล้ายการเรียนวิชาแบบโบราณ ที่เรียกว่า " มุขปาฐะ " ) เมื่อกลับมาถึงบ้านพักจึงค่อยนำมาบันทึกอีกครั้ง อาจมีความคลาดเคลื่อนได้บ้าง และบันทึกนั้นเมื่อรีบจดลง จึงไม่ได้เลือกหน้าที่เกี่ยวข้องกันเป็นหมวดหมู่ พอมีหน้ากระดาษว่างก็จดลงไปก่อน ดังนั้นมักจะเห็นในบันทึก จะมีลูกศรเพื่อบอกโยงเรื่องไว้ว่าให้ไปอ่านต่อหน้าที่เท่าใดอยู่หลายแห่ง ท่าน อ.ชม เคยอนุญาตให้ผมนำบันทึกไปเรียบเรียงใหม่(น่าจะราวปี 2539 - 40 ) แต่ก็ไม่ได้ทำกระทั่งบัดนี้

    อีกกรณีที่เนื้อหาต่างกันก็เป็นไปได้ว่าเกิดจากการรับฟังกันมาเป็นทอดๆ บางคนก็เสริมเติมแต่งไปตามความเห็นของตน พอมาลงไว้ก็เกิดความแปลกแตกต่างกันออกไปได้

    เรื่องภาพถ่ายที่ผมมีอยู่ก็ไม่ได้มากมายแต่อย่างใด น่าจะเป็นภาพที่ลงกันซ้ำๆมาแล้ว แล้วจะพิจารณาดูครับ
     
  9. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    ขอบพระคุณอย่างสูงครับ ขอกราบสักการะ หลวงพ่อผู้วิเศษและครูบาอาจารย์ในดงทุกองค์
     
  10. ยลไตรเพ็ชร

    ยลไตรเพ็ชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2013
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +283


    เรื่องราวที่หลวงพ่อสมัยยังเป็นเณร เพิ่งออกมาจากสถานที่ ที่ท่านไปฝึกมา( ที่เรียกกันว่า " ในดง " นั้น คำนี้ผู้ที่ไปเรียนวิชาต่างๆกับท่านอาจารย์ พันเอก ชม สุคันธรัต จะได้ยินอยู่เป็นประจำ เป็นการใช้คำสมมุติเพื่อเรียกแทนสถานที่ ที่หลวงพ่อได้เข้าไปฝึกมา เพราะสถานที่นั้นจะเรียกว่าอยู่ที่ใดก็ไม่เชิง ) เมื่อท่านฝึกออกมาใหม่ๆก็จะรู้สึกสนุกในการใช้อำนาจจิต ( บางคนเรียกว่า ร้อนวิชา ก็ได้ ) จึงได้ออกหาผู้ที่มีชื่อเสียงในด้านการใช้อำนาจจิต เพื่อทดสอบหรือเรียกว่า ประลอง กัน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มี หลวงปู่แช่ม วัดตาก้อง จ.นครปฐมอยู่ด้วย

    หลวงปู่แช่ม วัดตาก้องนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่า มีความเก่งฉกาจหลายด้าน เป็นผู้มีอาวุโสกว่าหลวงพ่ออภิชิโตอยู่หลายพรรษา ในเวลานั้นถ้าหากว่าครูบาอาจารย์ท่านใดไม่เก่งจริง หลวงพ่ออภิชิโตคงไม่ไปท้าประลองด้วย ( โดยความเห็นส่วนตัวของผม เชื่อว่าเพื่อเป็นการทดสอบและฝึกปรือจิตของท่านเอง หากว่าครูบาอาจารย์ท่านใดมีอำนาจจิตพิสดารกว่าในทางใด หลวงพ่อฯก็คงขอคำปรึกษาเพื่อพัฒนาการใช้อำนาจจิตของท่านเองด้วย ) และในเวลานั้น หลวงปู่แช่มเอง ท่านคงทราบดีว่าสามเณรอภิชิโตเป็นศิษย์ผู้ใด แต่เวลานั้น หลวงพ่อฯอาจยังไม่ทราบ ( ความเห็นส่วนตัวจากการรับฟังและประเมินของผม ) ดังนั้น หลวงปู่แช่มจึงไม่รับท้าจากหลวงพ่อฯ หลวงพ่อฯจึงแสดงฤทธิ์เข้าในเวลานั้น และความจริงหลังจากนั้น เวลาที่ศิษย์ได้ฟังและสอบถามเรื่องเหล่านี้จากปากหลวงพ่อฯ ท่านก็ยังพูดยกย่องหลวงปู่แช่มอยู่เสมอ เช่นเวลาที่หลวงปู่แช่มทำพิธีไหว้ครูประจำปีที่วัดตาก้องในสมัยนั้น ท่านมักจะเล่าให้ฟังเรื่องที่หลวงปู่แช่มแต่งแบบลิเกทั้งๆที่เป็นพระ ก็เพราะหลวงปู่แช่มบอกว่า ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งของหลวงปู่่เป็นลิเก เมื่อถึงเวลาไหว้ครู ท่านก็ต้องไหว้ครูลิเกของท่านด้วย นั่นเป็นเรื่องความรู้จักพระคุณครู ของหลวงปู่แช่ม ที่ยอมแม้กระทั่งต้องแต่งเป็นลิเก ทั้งๆที่ตนเองเป็นพระ ที่หลวงพ่อฯเล่ามานี้ก็เพราะท่านได้ไปร่วมงานไหว้ครูของหลวงปู่่แช่มด้วย ท่านเล่าไปให้ศิษย์ฟังก็หัวเราะไปด้วย ทั้งสองครูบาอาจารย์สนิทสนมกันยิ่ง และยังมีหลวงปู่โอภาสีอีกท่านหนึ่งที่หลวงพ่อฯสนิทสนมด้วยมาก

    เรื่องเกร็ดเล็กๆอีกหนึ่งอย่างเกี่ยวกับหลวงปู่แช่ม วัดตาก้องนั้น ท่านอาจารย์หมออภิชาติ ชินะโชติ อาจารย์ฆราวาสอีกท่านหนึ่ง ได้เล่าให้ผมฟังเองว่า สมัยที่ท่านอาจารย์หมอฯบวชเณร ก็บวชเป็นเณรศิษย์หลวงปู่แช่มนี่แหละ มีอยู่วันหนึ่งหลวงปู่แช่ม ได้ให้พระและเณรอีกหลายรูป รวมถึงท่านอาจารย์หมอฯขึ้นไปนั่งบนเกวียน ( ขออภัย จำสถานที่ไม่ได้ ) โดยที่เกวียนไม่ได้มีวัวหรือควายเทียมเกวียนแต่อย่างใด เมื่อนั่งเสร็จเรียบร้อย หลวงปู่ก็บังคับให้เกวียนลอยขึ้นจากพื้นแล้วแล่นไปในอากาศขึ้นไปบนเขา เป็นที่สนุกสนานแก่เณรเด็กๆทั้งหลายมาก ท่านอาจารย์หมอฯก็รู้จักหลวงพ่ออภิชิโตเช่นกัน และยอมรับว่าหลวงพ่อฯเป็นผู้มีอำนาจจิตสูงมาก
     
  11. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    ขอบคุณครับ มีอีกไหมครับ ข้อมูลที่หลวงพ่อสมัยเปนเณร กับ พระเกจิดังในอดีตยุคก่อน
     
  12. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    เรื่องหลวงพ่อแช่ม เคยทราบมาบ้างครับ ว่าตอนเปนเณร ท่านคงจะสำเร็จวิชาในดงมาพอตัวแล้วเพราะท่านเรียนโดยตรงจากหลวงปู่ใหญ่ ถึงขั้นท้าหลวงพ่อแช่ม ปีนขึ้นยอดพระปฐมเจดีย์แข่งกัน แล้วกระโดดลงมา หลวงพ่อแช่มเพียงชำเลืองมองเท่านั้น หลวงพ่อแช่มท่านเปนพระที่ไม่ประมาท เปนศิษย์หลวงปู่ขรัวขี้เถ้า พระในดงเช่นกัน คาดว่าหลวงพ่อสำเร็จวิชาตัวเบา เหาะเหิรเดินอากาศ มาแต่ครั้งเปนเพียงสามเณรแล้ว ยิ่งช่วงบั้นปลายจิตของท่านจะขนาดไหนกันล่ะครับ เราลองคิดดู
     
  13. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    ท่านกับสหายอีกสามคน ที่เรียนวิชาในดงมาด้วยกันใหม่ๆๆมักจะตะเวนไปตามงานพุทธาภิเษก แล้วขอเข้าร่วมพิธีเพื่อทดสอบสมาธิของพระแต่ละองค์ว่าเปนอย่างไร บ้างก็นั่งหลับ สัปหงกกันเสียส่วนใหญ่(หมายถึงเกจิ ที่เขาว่าเก่งนักเก่งหนาท่านลองหมด) มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ท่านรำคาญเป่าพรวดเดียว ไฟลุกตามสายสิญย์ไปเลย แต่ไม่ไหม้ พิธีเลิก ชาวบ้านแถวนั้นเก็บกันจนไม่เหลืออะไรในพิธีเลยนี่ละครับ ป่านนี้ท่านคงจะสำเร็จอรหันต์ในดงไปเรียบร้อยแล้วและอยู่กับครูบาอาจารย์ของท่าน
     
  14. Williamboy

    Williamboy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +644
    ขอบคุณคุณ ช40เเละคุณยลไตรเพรชที่ว่าให้ข้อมูลนะครับ ผมเเขวนพระหลวงพ่อทุกวันเลยครับ รู้สึกมั่นใจทุกครั้งเมื่อมีท่านอยู่ด้วยครับ
     
  15. ยลไตรเพ็ชร

    ยลไตรเพ็ชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2013
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +283


    ครับคุณ Williamboy พระผงชุดนี้ผู้ขออนุญาตสร้างมีเจตนาบริสุทธิ์เพื่อนำปัจจัยจากการบูชาไปสร้างห้องน้ำถวายวัดบ้านเกิดของท่าน มวลสารเดิมๆไม่มีการเอาผงอื่นเข้ามาผสม และเป็นมวลสารที่ครูบาอาจารย์เก็บไว้เดิมนานมากแล้ว รวมทั้งผู้ใหญ่ที่เป็นศิษย์ที่มีชื่อเสียงในสังคมได้รวบรวมมาช่วยเมื่อทราบว่าหลวงพ่อฯท่านจะทำขึ้นในครั้งนั้น มั่นใจได้ว่าเนื้อหาดีจริงแน่นอน ผู้เสกมีระดับจิตสูง เท่ากับมีทั้งพระสมเด็จวัดระฆัง สมเด็จบางขุนพรหม และฯลฯที่เป็นที่ยอมรับกันในคุณภาพมาแต่ดั้งเดิมทั้งสิ้น ผมเองก็มั่นใจเช่นกัน เฉพาะเนื้อหาเหมือนติดตัวองค์เดียวแต่ได้รวมครูบาอาจารย์หลายๆองค์

    ส่วนคุณ ช.40 ครับเรื่องนั้นก็ได้ยินมาในลักษณะคล้ายกันอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ที่ผู้ใหญ่เล่าให้ฟังก็คือ ในงานเสกพระเครื่องของวัดหนึ่ง สมัยที่หลวงพ่อฯยังเป็นเณรอยู่ท่านได้รับมอบหมายจากหลวงปู่พลอยซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ให้ไปแทน โดยไปกับสหายของท่าน รวมเป็น 3 รูป ความที่เป็นเณร ดูอ่อนวัย พระผู้ใหญ่ก็เลยไม่ค่อยสนใจให้ความสำคัญ คิดว่าเป็นเณรอยู่ที่วัดนั้น ก็เลยใช้หลวงพ่อฯซึ่งเป็นเณรไปคอยต้มน้ำชงชาและยกน้ำให้ ทำให้รู้สึกว่าไม่ได้รับเกียรติเห็นเป็นเณรก็เลยเลือกปฏิบัติ ท่านก็เลยแสดงฤทธิ์ป่วนงานนั้นด้วยการเสกสายสิญจน์ทั้งม้วน แล้วโยนใส่เตาหลอมที่กำลังมีไฟลุกโชนอยู่
    ปรากฏว่าสายสิญจน์นั้นไม่ไหม้ไฟแต่อย่างใด ชาวบ้านเห็นจึงแห่กันเข้ามาขอของดีจากท่าน ท่านจึงบอกชาวบ้านว่าสายสิญจน์ที่เสกนั่นแหละเป็นของดี เอามือหยิบได้เลย ไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าให้ขลัง ต้องใช้วิธีแย่งกัน ชาวบ้านที่ได้ยินดังนั้น ด้วยความเชื่อมั่นท่าน ก็เอามือเข้าหยิบสายสิญจน์ปรากฏว่ามือไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย คนอื่นๆเห็นดังนั้นก็เลยเข้ารุมแย่งสายสิญจน์ม้วนนั้นกันชุลมุนวุ่นวาย กระทั่งล้มกระแทกเบ้าหลอมแตก โลหะหลอมเหลวกระเด็นไปถูกผู้ใดก็ไม่เกิดอันตราย สรุปว่างานวันนั้นก็พังกันไป
    ท่านและสหายก็เผ่นกลับจากงาน กลับมาถึงวัดไม่นานก็มีจดหมายร้องเรียนมายังหลวงปู่พลอย ก็ถูกหลวงปู่พลอยเรียกเข้าพบทั้ง 3 รูป และก็โดนตำหนิกันไปตามระเบียบ
     
  16. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    ครับพี่ดีครับ ถือว่าแชร์ประสบการณ์ซึ่งกันและกันครับ พวกเราต่างเคารพหลวงพ่อองค์เดียวกันครับ
     
  17. Williamboy

    Williamboy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +644
    คุณยลไตรเพชร พอทราบการสร้างพระผง สมเด็จเเดง สมเด็จเขียวบ้างมั้ยครับ จากกระทู้คุณหนุ่มเมืองเเกลงเคยบอกว่าเป็นพระในตำนานไปเเล้ว ถ้ามีข้อมูลมาเล่าให้ฟังด้วยนะครับ
     
  18. patzapon

    patzapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    145
    ค่าพลัง:
    +566
    ไม่ทราบว่า เรื่องราวของคนขลัง ไปถึงไหนแล้วครับ

    ใครไม่ดี เดี๋ยวก็จะแพ้ภัยไปเอง ครับ

    เผอิญมาเจอในกระทู้นี้

    ต้องขอขอบคุณคุณ Williamboy อีกครั้งครับ
     
  19. ยลไตรเพ็ชร

    ยลไตรเพ็ชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2013
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +283

    คุณ Williamboy สมเด็จแดง เท่าที่ทราบมีพิมพ์ใหญ่ พิมพ์คะแนน ( พิมพ์แบบเดียวกันกับพระคะแนนรุ่นสุดท้าย ) พิมพ์นางพญา ( แบบเดียวกับนางพญารุ่นสุดท้าย ) สร้างในราวปี 2493 ตามที่ทราบมาจากหลวงพี่พระมหาสงกรานต์ ส่วนคุณลุงที่ช่วยกดตัดพิมพ์จำปีไม่ได้ แต่บอกว่านานแล้ว ( ตอนนั้นคุณลุงก็อายุ 76 - 77 ปีแล้วครับ น่าจะนึกไม่ค่อยออก )

    หลวงพ่อฯเป็นผู้หาว่านด้วยตัวท่านเอง ดำเนินการเป็นการภายใน ไม่เอิกเกริก เนื้อพระจะค่อนข้างแน่น สร้างแจกศิษย์ ที่ได้รับไปเป็นข้าราชการตำรวจก็หลายท่าน สีของพระเกิดจากตัวว่านนั้น ไม่มีการใช้สีผสมแต่อย่างใด ประสบการณ์ที่ผมเคยคุยกับศิษย์ที่เป็นทหารไปรบในสงครามเวียดนาม ตอนวิ่งเข้าลุยกับข้าศึก ถูกปืนจากเวียดกงยิงเต็มหน้าอก กระเด็นหงายท้อง นอนจุกหายใจลำบากอยู่พักใหญ่ๆ พอคลำตัวเองก็พบรูกระสุนที่เสื้อ คิดว่าต้องตายแน่เพราะเสื้อเปียกชุ่มไปหมด นอนอยู่อีกพักก็เลยรู้ว่าที่เปียกชุ่มเสื้อเป็นเหงื่อตนเอง ไม่ใช่เลือดจากบาดแผลคมกระสุน ไม่มีกลิ่นคาวเลือด จึงลุกขึ้นเปิดเสื้อดู เห็นเป็นรอยไหม่อยู่แถวลิ้นปี่ ทุกวันนี้เสื้อตัวนี้ยังเก็บอยู่เป็นอนุสรณ์ครับ

    สมเด็จเขียว ก็เช่นกัน สร้างจากว่านที่หลวงพ่อฯหามาเองไม่ผสมสี แต่เคยเห็นเฉพาะพิมพ์ใหญ่เท่านั้น สร้างราวปี 2505 ที่ลพบุรี ส่วนใหญ่ทหารได้รับไป คุณลุงเล่าให้ฟังว่า พระที่หลวงพ่อฯเสก อย่างธรรมดาถ้าวางนอนอยู่ก็เสกกระทั่งลุกขึ้นได้เป็นปกติ ( เรื่องนี้บางท่านอ่านมาพบก็อาจคิดว่าเป็นนิยายหลอกขายของ แต่เรื่องจริงเป็นดังนั้น เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ส่วนคนที่แอบขายจะเอาไปต่อเติมเสริมแต่งหรือใส่สีตีไข่ให้เป็นนิยายเพื่อกระตุ้นความอยากให้ยอมจ่ายทรัพย์ก็ต้องมีแน่ เพราะเป็นเรื่องผลประโยชน์เข้ามาหาตนโดยตรง มีแต่จะปั่นราคาให้แพงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าเปรียบเป็นหุ้นก็เหมือนหุ้นที่มีพื้นฐานดี ยังไงก็มีอนาคต )

    ที่ว่าเป็นตำนานจะเรียกแบบนั้นก็ไม่ผิดครับ เรื่องราวของหลวงพ่อฯเปรียบเป็นตำนานไปแล้ว พระเครื่องของท่านมีอยู่หลายครั้ง แต่ละครั้งไม่ได้มากเหมือนที่นิยมทำกันอยู่ในปัจจุบัน เพราะทำแจก ไม่ได้จำหน่าย มีรุ่นสุดท้ายที่มีเจตนาหาทุนไปก่อสร้างห้องน้ำถวายวัด แต่เนื้อหาก็รวมระดับที่เป็นเอกทั้งสิ้น

    คุณ patzapon เรื่องราวของคนขลัง ผมได้รับเอกสาร,ภาพถ่าย คืนมาแล้ว แม้จะถูก copy ไปเรียบร้อยทั้งหมด ส่วนพระเครื่องและเครื่องรางขาดไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งคนขลังได้เป็นผู้คิดประเมินราคาเองในส่วนที่ขาดไปไม่ครบ ( เพราะเอาไปจำหน่ายแล้ว ) เป็นเวลากว่า 3 เดือนแล้ว ก็ยังไม่ได้ติดต่อเพื่อที่จะจัดการให้เรียบร้อย แล้วก็ยังเดินหน้าลงเรื่องราวต่อไปเพื่อหวังเป็นผู้รู้สำแดงต่อไปใน fb ก็เลยยิ่งเห็นธาตุแท้กันได้ชัดเจนแจ่มแจ้งว่าเป็น " คน " แบบไหน
     
  20. ช40

    ช40 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    217
    ค่าพลัง:
    +926
    สำหรับ รุ่นสุดท้ายศิษย์หรือคุณลุงที่กล่าวข้างต้น เคยเห็นหลวงพ่อเดินทะลุกำแพงวัดไปเอามวลสารว่านยาจากในดงและเดินทะลุกำแพงมาพร้อมมวลสาร เต็มมือท่านเพื่อสร้างรุ่นนี้ แค่นี้ก็สุดยอดแล้วสำหรับพระชุดนี้ ผมไม่เคยกลัวอะไรนะ ถ้ามีพระท่านอยู่ ทั้งการเสกก็พิสดาร ไฟดับทั้งวัด เรียกว่ารุ่นไฟดับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...