แตกกรุเสน่ห์!! (เมตตามหาเสน่ห์เชิญด้านในครับ)

ข้อมูลอาจารย์เอ็ม พุทธศาสตร์เพิ่มเติมครับ​

อาจารย์เอ็ม พุทธศาสตร์ ภูมิลำเนาเดิมของ อ.เอ็ม ท่านเป็นคนจังหวัดสุรินทร์ ปัจจุบันท่านอาศัยอยู่ที่ อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี ท่านให้ความสนใจในไสยเวทย์มายาวนาน โดยศึกษาสรรพวิชามาหลายแขนง โดยวิชาที่โดดเด่นของท่านจะเป็นไปในทางเสน่ห์ โชคลาภ ซึ่ง อ.เอ็ม ได้รับการถ่ายทอดจากครูบาอาจารย์หลายท่าน อันได้แก่ อ.ฤาษีคัมภีร์ แสนวัง (วิชาครูสักเสน่ห์แระเรียนวิชาเสน่ห์) , อ.ฤาษีนครมนต์ นามอ๋องแปด (วิชาครูผาแดง วิชาในดง เขากิเลนแระวิชาครูเสือสมิงสายพ่อใหญ่ทองสุก ก้อนบุญแระวิชาลงเสน่ห์อาถรรพ์ต่างๆ) , อ.ฤาษีมคธ (วิชาครูสักและวิชาอิสราม) , อ.ฤาษีอำนาจ ทองเจริญ (วิชาสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า) , อ.ฤาษีโสฬส (วิชาธรรมบรรลุ) , อ.อ้น พญาเหลือมทอง (วิชาสายเหนือ) วัตถุมงคลที่ อ.เอ็ม สร้างขึ้นมา มีทั้งพราย และ ว่าน ซึ่ง อ.เอ็ม ทำออกมาให้บูชาในราคาที่ไม่แพง ทำให้ลูกศิษย์สามารถนำไปใช้กันได้ แม้จะมีปัจจัยไม่มาก แต่ให้ผลเกินคาดกับลูกศิษย์และผู้ศรัทธาหลายๆคน เนื่องจาก อ.เอ็ม เป็นคนที่ค่อนข้างเก็บตัว และอยู่เบื้องหลังของการสร้างวัตถุมงคล ให้กับอาจารย์บางท่าน เลยทำให้ไม่ค่อยมีคนรู้จัก แต่ในด้านวิชาเสน่ห์โชคลาภ แระวิชาทางมหาขอรือวิชานะชูชกอ.เอ็ม ก็ไม่เป็นสองรองใคร เพราะท่านยังเคยร่วมสร้างร่วมเสก กับ อ.ซาอึ่ง เจ้าของขุนแผนพรายดีอันลือลั่น

ขอบคุณข้อมูลดีๆ และแนะนำอาจารย์เก่งๆมาด้วยนะครับ คุณอาทร

 

ปลัดหัวชะมด หากินเก่งเช้าัยันค่ำ​

วัดเขาแก้วชัยมงคล ​

เครื่องรางค้าขายอันดับหนึ่ง ทำไมถึงต้องทำเป็นหัวชะมด คำตอบมาจากอุปเทห์สมัยโบราณที่คนสมัยก่อนเห็นตัวชะมดเป็นสัตว์หากินเก่ง หากินคล่อง ไม่มีอด ส่วนใครจะหาคู่ ต้องการคู่ อยากได้คู่ครอง โบราณยังกล่าวอีกว่าชะมดหาคู่ครองเก่ง ฤดูครองรัก จะอยู่เป็นคู่ตลอดไป ไม่ยอมไปไหน

แต่อย่าเอาอย่างชะมดทั้งหมด ... หมดฤดูแล้ว ตัวเมียเลี้ยงลูกตัวเดียว มันบาปครับมันบาป

มีเครื่องรางชนิดหนึ่งที่สร้างมาแต่โบราณกาลปัจจุบันไม่พบเห็นบ่อยนัก เครื่องรางชนิดนี้อยู่กับใคร จะมีผลเป็นโดดๆ ขึ้นเหมือนมีตัวเชื่อกันว่าเยี่ยมยุทธทุกอย่าง มหานิยมมหาเสน่ห์เป็นยอด การทำมาหากินคล่องแคล่วว่องไว อุดมสมบูรณ์ การค้าขายดีเดินทางปลอดภัย กันเขี้ยวงา ยาสั่ง อสรพิษดีนักนั่นคือ “ หัวชะมด ” ด้วยความที่ชะมดเป็นสัตว์พิสดารอยู่อย่างเร้นลับเงียบสงบสุขุมรอบคอบ แต่เวลาทำอะไรจะว่องไว ต่อสู้ศัตรู ไม่ถอยหนีชะมดขี้อายแต่ขยายพันธุ์รวดเร็วมีสัญชาตญาณรู้ภัยที่จะมาถึงล่วงหน้าเหมือนมี “ เรด้า ” เสือ,สิงห์,หมาป่ายากที่จะฆ่าชะมดได้ คุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งที่ไม่มีใครมีคือเวลาชะมดไปไหนจะปล่อยสารประหลาดทิ้งไว้ตามต้นไม้จอมปลวกโบราณจะเรียกว่า “ ชะมดฝากรัก ” สารนี้มีความแปลกและอัศจรรย์มากเป็นกลิ่นเฉพาะตัว สัตว์อื่นมาเจอ “ ชะมดฝากรัก” หลงงงงวยเดินไปไหนไม่ถูก ทำให้สัตว์หลงป่า พรานหลงทิศกันมานักต่อนักแล้ว แม้แต่ตนเองยังตามเก็บ “ ชะมดฝากรัก ” นี้ไปทำสุดยอดหัวน้ำหอมชั้นเลิศที่มีราคาแพงเป็นหมื่นเป็นแสนมีกรุ่นรุนแรงหอมทวนลมไปทั้งหมู่บ้าน ถ้าอยู่ในห้องแอร์กลิ่นน้ำหอมชะมดฝากรักก็จะกลบกลิ่นอื่นๆ ทั้งหมดข่มจมูกทุกคน

ชะมดมีความพิเศษแปลกประหลาดโบราณจึงนิยม “ หัวชะมด ” เพื่ออานุภาพทางมหาเสน่ห์มหานิยม พกหัวชะมดจะค้าขายดีพิลึก (คนเก่าแก่รุ่นปู่ย่าเล่าสืบต่อกันมา)
อ้างอิงจาก ชะมดหลวงพ่อประเทือง

ี

รายการนี้บูชา่ที่ 800บาทครับ
​

 

ปิดรายการนี้ครับ
แม่กาหลง อ.เม้ง ​

แม่นางกาหลงนางไม้ผู้ใจดี มีเมตตา และมหาเสน่ห์ มหานิยมตามคติไทยโบราณ อาจารย์เม้ง ขุนแผน ท่านได้รับมอบท่อนไม้กาหลงตายพรายกายสิทธิ์มาจำนวนหนึ่งจากทางวัดกุฎีทอง จ.อยุธยาเมื่อต้นปี2555 ที่ผ่านมา ซึ่งตั้งแต่ที่ได้รับมาท่านอาจารย์เม้งก็ได้ประสบพบเหตุการณ์แปลกๆมาโดยตลอด ถึงกับเอ่ยปากกับศิษย์ที่ไปมาหาสู่ว่า แม่กาหลงต้นนี้มีบารมีมากนัก อาจารย์ท่านจึงติดต่อบอกกล่าวแม่กาหลงและขออนุญาตินำไม้ที่ได้มานั้นจัดสร้างเป็นรูปเคารพมงคลวัตถุ เพื่อให้แม่กาหลงท่านได้ไปสร้างบารมีช่วยเหลือผู้ที่บูชา โดยทำเป็นล๊อกเก็ตรูปเหมือนตามที่ท่านมาให้เห็น และลงยันต์กำกับเพิ่มอิทธิฤทธิ์ เพิ่มความแรง ด้านหลังฝังนกสาลิกาแม่กาหลงรังกำลังป้อนตระกรุดมหาเสน่ห์(ป้อนเหยื่อ) ซึ่งตัวนกสาริกาแกะมาจากไม้กาหลงรังตายพราย อุดด้วยผงเศษไม้กาหลงที่เหลือจากการแกะนกสาลิกาหลงรังและผงว่านศักดิ์สิทธิ์ แค่เพียงท่านรำลึกนึกถึงและขอบารมีให้แม่กาหลงท่านช่วยเหลือสิ่งใด ย่อมสำเร็จได้ดังใจปรารถนาไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม แต่เมื่อสำเร็จแล้วควรหมั่นทำบุญอุทิศให้ท่านบ้าง รับรองยิ่งดีขึ้นเป็นร้อยเท่าพันทวีอย่างแน่นอน

ปิดรายการนี้ครับ
​

3/5/

 

ล็อกเก็ตพระมหาฤๅษีโคบุตร อ.เม้ง​

ทางสำนักอาจารย์เม้ง ขุนแผน ได้จัดสร้างล๊อกเก็ตพระฤๅษีโคตบุตรขึ้นมาอีกรุ่น นับว่าเป็นรุ่นสองแล้วที่ทำการจัดสร้าง สืบเนื่องไปสิบปีก่อนหน้านี้ โดยยังคงเอกลักษณ์เดิมไว้แต่มีรังสรรค์ขึ้นมาใหม่ให้มีความสวยงามและอ่อนช้อยมากขึ้น โดยที่ด้านหน้าล๊อกเก็ตประกอบด้วย รูปบรมครูพระฤๅษีโคตบุตร นั่งประสาทพรด้วยการแบสองพระหัตถ์ออกด้านหน้าเฉกเช่นรูปลักษณ์ในรุ่นแรกที่สำนักได้ทำการจัดสร้างและเป็นเอกลักษณ์ของทางสำนัก โดยสื่อความหมายถึงการประสาทพรให้ผู้บูชาเกิดความเจริญรุ่งเรือง สมใจนึก เทวลักษณะเป็นบุรุษหนุ่มรูปงามทรงมุ่นผมแบบพราหมณ์ในชมพูทวีป ตรงพระอุระมีรูปค้างคาวซึ่งแทนความหมายของคำมงคลว่า “ฝู”ในภาษาจีน ซึ่งแปลว่า การเจริญด้วยอำนาจวาสนาบรรดาศักดิ์ พระวรกายทรงอาภรณ์เป็นมหาฤๅษี ประทับนั่งบนเพิงศิลา ด้านข้างประกอบด้วยกุมารน้อยน่ารักสองตน ตนหนึ่งเป็นเด็กน้อยไว้ผมจุก อีกตนหนึ่งเป็นเด็กน้อยไว้ผมเปีย เพื่อสื่อให้เห็นความหมายในด้านความรัก ความเมตตา ความไร้เดียงสา อีกทั้งท่านอาจารย์เม้ง ขุนแผน ยังได้ทำการปลุกเสก ลงวิชากุมารทองเจ้าจุก เจ้าเปียอันลือเลื่องของท่านให้กับกุมารน่ารักทั้งสองตนนี้ด้วย เพื่อให้ไปช่วยเป็นบริวารของปู่ คอยดลบันดาลให้ผู้บูชาบังเกิดโชคลาภ ค้าขายดี เสี่ยงโชคได้โชค ร่ำรวยถ้วนหน้าไปตามๆกัน ทั้งยังบันดาลให้เกิดเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์แก่คนทุกเพศ ทุกวัย

ด้านหลังตัวล๊อกเก็ตบรรจุด้วยมวลสารอาถรรพ์ทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์และอภินิหารชั้นเลิศได้แก่ ผงเทวบรมครูที่เหลือจากการบรรจุล๊อกเก็ตฤาษีโคตบุตรรุ่นแรกเมื่อเกือบ10ปีที่แล้วที่อ.เม้งท่านเก็บรักษาไว้ ผงยาวาสนาจินดามณีอันลือลั่นด้านอำนาจวาสนา ปลอดโรค ปลอดภัย ผงใบรักซ้อนมหาเสน่ห์ ซึ่งในตำราการทำวิชาอาถรรพ์ทางมหาเสน่ห์ เครื่องยาเสน่ห์ที่ขาดไม่ได้คือ ต้นรักซ้อน แต่ว่าต้นรักซ้อนที่ซ้อนกันถึงสามชั้น หรือที่เรียกได้ว่า รักซ้อนป่า นั้นหาได้ยากยิ่งนัก ในครั้งนี้ได้นำเอารักซ้อนป่าของแท้ล้านเปอร์เซ็นต์ โดยการพลีจากป่าอาถรรพ์มา ในช่วงยามดึกสงัด เพื่อให้รักซ้อนนั้นนอนเสียก่อน โดยถือเคล็ดว่าต้องเอามาในยามค่ำคืน เพราะรักซ้อนนั้นจะออกฤทธิ์ด้านการทำเสน่ห์ได้เต็มที่ที่สุดในยามค่ำคืน(โบราณจึงมักนำใบของรักซ้อนมาเขียนชื่อชายหญิงที่ต้องการแล้วเรียกจิตในยามค่ำคืน อันเป็นเวลาที่บุคคลเป้าหมายนอนหลับสลบไสล) ด้วยอาถรรพ์ของไม้ชนิดนี้จึงไม่นิยมทำการปลูกในบ้านเพราะเชื่อว่าจะทำให้พ่อบ้านแม่บ้านทะเลาะกัน เนื่องจากหญิงก็จะร่านรัก ชายก็จะร้อนสวาท กลายเป็นคนเจ้าชู้ไปโดยปริยาย เหมือนดังเช่น รักซ้อนซ่อนรักนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีผงว่านที่เน้นหนักเด่นด้านอิทธิคุณทางเมตตา มหาเสน่ห์อีกมากมายทั้ง ว่านดอกทอง น้ำมันว่านดอกทอง ว่านสาวหลง ว่านจูงนาง ว่านห้าร้อยนาง ฯลฯเป็นต้นและทุกองค์ยังได้ทำการทาจุณเจิมด้วยน้ำมันแสนเสน่หาอาลัยที่ท่านอ.เม้ง ขุนแผน ได้รวบรวมไว้มานานหลายปีอีกด้วย ซึ่งน้ำมันนี้อ.เม้ง กล่าวไว้เพียงสั้นๆๆว่า “แรงเรื่องเสน่ห์จนเอ็งต้องเหนื่อยเลยแหละ”

รายการสอบถามทาง PM ได้เลยครับ ​

 

เหรียญเจริญพรบนเนื้อทองแดง หลวงปู่บัว ถามโก วัดเกาะตะเคียน​

หมายเลข 6289 หลวงปู่บัว ถามโก หนึ่งพิธีที่ยิ่งใหญ่ กับวัตถุมงคลชุดนี้ที่หลวงปู่บัว อธิฐานจิตปลุกเสกเดี่ยวที่วัดพระแก้ว เหรียญนี้สวยแดงเดิม พร้อมกล่องเดิมครับ

รีบเก็บก่อนที่จะแพงนะครับ ***

สนใจรายการนี้สอบถามทาง PM ครับ​

5/0

 

พระกริ่ง ญสส. รุ่นทรงประทาน
พิธีอธิษฐานจิตเดี่ยว โดยหลวงปู่บัว วัดศรีบูรพาราม ***​

เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ปีนี้ทรงมีเจริญพระชันษาครบ ๑00 ปี ในวันที่ ๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ ในวาระอันเป็นมงคลยิ่ง เพื่อเป็นการถวายพระเกียรติ จึงได้มีการจัดสร้างสิ่งสักการะมงคลที่ระลึก พระกริ่ง ญ.สส. รุ่น “ ทรงประทาน “ ซึ่งพระองค์ทรงพระราชทานตราสัญลักษณ์ ญสส. มาประดิษฐานบนวัตถุมงคล

กริ่งทรงประทาน นำมาแบ่งจากชุดกรรมการ
องค์ที่แบ่ง เนื้อนวะก้นอุดผง ญสส.เงิน สร้าง 159 หมายเลข 91

ท่านใดสนใจวัตถุมงคลที่พระเดชพระคุณหลวงปู่บัว ถามโก วัดศรีบูรพาราม เมตตาอธิฐานจิต ลองนำองค์นี้ไปใช้ดูครับ

เปิดบูชาที่ 3,500 บาท เก็บก่อนแพงนะครับ​

 

บางขุนพรหม ปี 47 พิมพ์สมเด็จโตซุ้มระฆัง
มวลสารจัด สวยสมบูรณ์ พร้อมกล่องเดิมจากวัดครับ​

พระสมเด็จบางขุนพรหม ปี 2547 ที่สร้างครั้งนี้มีส่วนผสมของมวลสารศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะก้อนผงพระสมเด็จกรุใหม่ที่ขุดขึ้นมาเมื่อ พ.ศ. 2500 เป็นมวลสารหลักและก้อนผงวิเศษ 5 ประการของวัดระฆังฯที่ท่านเจ้าคุณพระเทพวิสุทธิเมธี เจ้าคณะภาค 11 เก็บรวบรวมไว้ โดยผสมกับผงอิฐฐานรองพระประธานในพระอุโบสถวัดระฆัง ฯ อายุกว่า 200 ปี ซึ่งเชื่อกันว่าพระเถระผู้ใหญ่ของวัดระฆังฯ โดยเฉพาะสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี) ประกอบพิธีอธิษฐานจิตในโบสถ์ อิฐฐานรองพระประธานย่อมได้รับการลงพลังจิตไปด้วย ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หาค่ามิได้ นอกจากนี้ยังมี พระบรมสารีริกธาตุ พระธาตุต่างๆ และวัตถุอาถรรพณ์ ผสมมากมาย ทั้งไม้มงคล ไม้กาฝาก ดินโป่ง และน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์จากวัดทั่วประเทศ

วัตถุประสงค์ในการจัดสร้างเพื่อนำรายได้ร่วมสร้างองค์จำลองท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ (โต) เพื่อประดิษฐานที่วัดตาลเจ็ดยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้กราบไหว้ และเป็นที่พึ่งทางใจ จึงได้ขออนุญาตจัดสร้างพระรุ่นนี้ขึ้น เพื่อจัดหารายได้ร่วมสมทบทุน ซึ่งจัดพิธีมหาพุทธาภิเษก และอาราธนาพระเกจิทั่วประเทศร่วมปลุกเสก ณ อุโบสถวัดใหม่อมตรส(บางขุนพรหม) เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2547 เวลา 18.19 น. โดยมีพระเทพวิสุทธิเมธี (เที่ยง) เจ้าคณะภาค 11 วัดระฆังฯ เมตตาเป็นประธานจุดเทียนชัย พร้อมพระเกจิดังอีก 9 รูป
1. หลวงปู่ทิม วัดพระขาว จ.พระนครศรีอยุธยา
2. หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม
3. หลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง จ.เพชรบุรี
4. หลวงพ่อทอง วัดจักรวรรดิ์ กทม.
5. หลวงพ่อสง่า วัดบ้านหม้อ จ.ราชบุรี
6. พระอาจารย์ไพโรจน์ วัดห้วยมงคล จ.ประจวบคีรีขันธ์
7. หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน จ.อยุธยา
8. พระ ดร.ปรีดา ธัมญาโณ วัดใหม่อมตรส กทม.
9. หลวงพ่อเทียม วัดใหม่อมตรส กทม.

หลังจากนั้นได้นำไปให้หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร จ.นครราชสีมาปลุกเสกเดี่ยวอีกครั้ง

สำหรับวัตถุมงคลรุ่นนี้ถึงจะเป็นพระใหม่แต่ว่าพิธีการสร้างและเจตนาในการสร้างดี พิธีเข้มขลัง สำหรับสายตรงที่รักพระสมเด็จ และราคาไม่แพง มีความเชื่อและศรัทธา

รายการนี้เปิดที่ 699 ครับ​

 

รบกวนสอบถามคับ

ขอราคารายการนี้คับขอบคุณคับ

 

แจ้งทาง PM แล้วครับ ขอบคุณมากๆครับ

 

ปิดรายการเรียบร้อยแล้วครับ

นางพิมรุ่นอายุ88 พศ.2552 ไม้ยิงเลเซอร์

จัดทำฉลองอายุ ครบ 88 ปี หลวงปู่อั๊พ วัดท้องไทร ​

นางพิม แม่พิมพา ซึ่งแล้วแต่จะเรียก จะมีลักษณะเป็นผู้หญิงท้องพนมมือ ใส่ชฎา และที่สำคัญจะมี ไอ่ดื้อ หรือลูก มีขาโผล่ออกมาจากตัว โดยเฉพาะในพิมพ์สักของหลวงปู่แต่ก็มีเป็นมีลักษณะออกมาทั้งตัว เหมือนกัน แต่ที่สำคัญจักต้องเป็นรูปผู้หญิงท้อง พนมมือ ซึ่งเป็นเอกลักษณของยันต์นางพิม ของวัดท้องไทร นางพิมเป็นวิชาที่หลวงปู่เรียนมาจากเขมรหลวงปู่เล่าให้ฟังว่า เจ้าของวิชาเป็นคนธิเบต หรือ เนปาล แม่พิมพา" ตนนี้หลวงปู่อั๊บ ได้จัดสร้างขึ้นด้วยผงมวลสารอาถรรพ์ต่างๆ


" แม่พิมพา" ปลุกเสกให้เน้นหนักไปทางด้านหาเสน่ห์ขั้นสูง และสามารถกระซิบบอกโชค-บอกลาภได้ เมื่อได้โชคลาภตามที่ขอแล้วควรหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศล ไหว้พระ นั่งสมาธิ ให้แก่ "แม่พิมพา" ด้วย จะมีแต่โชคมีแต่ลาภครับ จะมีแต่ความเจริญในหน้าที่การงานอย่างแน่นอนครับ) ตามตำรับของหลวงปู่ "นางพิมพา" สามารถขอได้ทุกอย่าง ทุกเรื่อง เมื่อได้ตามที่ขอแล้วควรเซ่น ด้วยเหล้าขาว โดยนำเหล้าขาวมาหยดลงที่ "แม่พิมพา" เพื่อเป็นการเพิ่มความเฮี้ยน!!! และความแรง!!! (เห็นผลมาแล้ว จึงอยากแนะนำให้ใช้งานมากๆๆๆครับ)

และมีประสบการณ์สูงมากผู้ใดมีใจใฝ่ด้านเสี่ยงโชคทุกชนิด ควรมีไว้พกติดบูชาอย่างเป็นเนืองนิจ ทั้งผู้ที่นิยม และศรัทธา รวมไปถึงผู้นำ นักการปกครอง หรือ นักบริหารทุกระดับชั้น ข้าราชการทุกตำแหน่ง ทุกประเภทไม่ว่าชั้นผู้ใหญ่ ชั้นผู้น้อย นักพูด นักขาย นักเจรจา ดารา นักร้อง นักแสดง นักทำมาหากินทุกประเภท มนุษย์เงินเดือน นักการทหาร ตำรวจ พ่อค้า แม่ค้า ประชาชนทั่วไป ก็ไม่ควรพลาดเช่นกัน ควรมีไว้บูชาเป็นอย่างยิ่ง พุทธคุณแรงมหานิยมที่รุนแรงต่อเพศตรงามคาถา อุ กะ ปะ สะ หะ นะ พุท ครับ ท่อง 9 จบครับ

องค์นี้ขอท่านบ่อยๆ แล้วก็ไหว้ท่านด้วยเหล้าประจำครับ เนื้อไม้เลยแตกราน แต่ก็ดูเข้มขลังไปอีกแบบ

ปิดแล้วครับ

​

 

ปิดครับ​

นารายณ์แปลงรูป หลวงปู่กาหลง วัดเขาแหลม รุ่นไตรมาสปี 49 *** ​

เนื้อตะกั่ว เลี่ยมกันน้ำ สภาพสวย ปรอทบนผิวเดิมๆ

หลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้ว

พระเถราจารย์ผู้มีฤทธิ์อำนาจวาจาประกาศิตด้วยเขี้ยวแก้วกลางเพดานปาก พระเถราจารย์ที่มีบุญอำนาจวาสนา อาคมแก่กล้า ความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ วัดเขาแหลม อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว

พระผู้มีวัตรปฏิบัติเคร่งครัด 1 ปีสรงน้ำ 1 ครั้ง ลป.กาหลงท่านเล่าว่าเคยสิ้นลมหายใจมรณภาพมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยท้าววิษณุกรรมมารับ แต่โบสถ์วัดเขาแหลมหลังที่ 9 ยังสร้างไม่เสร็จจึงต่ออายุขัยให้

" ของ ๆ ฉัน ๆ ตั้งใจทำมากับมือต่อไปจะมีค่ายิ่งกว่าทองคำจะหายากยิ่งกว่าเพชร ถ้าฉันไม่แน่จริงคงสร้างโบสถ์ได้ไม่ถึง 8 หลัง หรอก" "ฉันทำเครื่องรางของขลังมาตั้งแต่ปี 2485 แต่ไม่เคยประกาศให้ใครรู้มีแต่บอกต่อกัน ถ้าไม่แน่จริงฉันคงสร้างโบสถ์ได้ไม่ถึง 8 หลังหรอก ขณะนี้กำลังสร้างหลังที่ 9" "วัตถุมงคลทุกอย่างที่ฉันสร้างจะไม่มีวัดเสื่อม " ส่วนหนึ่งในคำพูดของเกจิอาจารย์หนึ่งในมหาพิธี 25 พุทธศตวรรษปี 2500


“เขี้ยวแก้ว “ นับว่าเป็นของกายสิทธิ์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเฉพาะผู้มีบุญวาสนาบารมีสูงเท่านั้นและยังสามารถงอกสูงขึ้นและหดเข้าไปได้ด้วยแรงอธิษฐานของท่าน ซึ่งเขี้ยวแก้วนี้มีมาแต่เกิ เมื่อครั้งยังเด็กที่ปลายเขี้ยวมีลักษณะคล้ายรูปองค์พระนั่งสมาธิ แต่เมื่อท่านคิดว่าเป็นถึงรูปองค์พระไม่เหมาะสมที่จะอยู่ในปากเพราะต้องใช้ฟันบดเคี้ยวอาหาร จึงตั้งจิตอธิษฐานให้หลุดหายไปคงเหลือแต่เขี้ยวแก้วเสมือนหนุมานทหารเอกพระรามที่พระอิศวรได้ประทานกุณฑลขนเพชรเขี้ยวแก้วให้เป็นของวิเศษกายสิทธิ์เพื่อต่อสู้กับศัตรู
ท่านถือเพศพรหมจรรย์อุปสมบทตั้งแต่อายุ 20 ปี เป็นเวลากว่า 69 พรรษาในร่มกาสาวพัตร์ จึงได้มีโอกาสศึกษาวิชาอาคมปฏิบัติพระกัมมัฎฐานกับครูบาอาจารย์หลายท่าน เช่น หลวงพ่อเนียม วัดนาบุญ ปทุมธานี หลวงปู่ช้าง วัดเขียนเขต ปทุมธานี หลวงปู่ด๊วด วัดกลางคลอง 4 ปทุมธานี หลวงปู่ทา วัดพะเนียงแตก นครปฐม หลวงพ่อแข่ม วัดตาก้อง นครปฐม หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา หลวงพ่อทองศุข วัดโตนดหลวง เพชรบุรี หลวงปู่จันทร์ วัดนางหนู ลพบุรี เจ้าคุณพระอินทสมาจารย์(เงิน) วัดอินทรวิหาร กทม เจ้าคุณพระราชมงคลมุนี(สนธิ์) วัดสุทัศน์ กทม. และศึกษาสายวิชาหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า นับว่าท่านเป็นเกจิอาจารย์รุ่นเก่าที่เก่งกาจมานานเคยเข้าร่วมพิธีปลุกเสกครั้งยิ่งใหญ่ พิธี 25 พุทธศตวรรษ ณ สนามหลวง และพระวิหารหลวง วัดสุทัศน์ อีกทั้งยังสร้างผลงานฝากไว้ใน พุทธศาสนาโดยสร้างโบสถ์ไว้ถึง 8 หลัง 8 วัด เป็นพระภิกษุสงฆ์ที่ประพฤติดีปฏิบัติชอบมีอาคม แก่กล้ามีอำนาจวาสนาบารมี ความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้ประกอบด้วยคุณงามความดีเป็นเนื้อนาบุญแห่งพุทธศาสนาเป็นรอยอริยะที่ผู้มีไว้ครอบครองควรพิจารณาระลึกถึงความดี เดินตามรอยเส้นทางความถูกต้อง มีคุณธรรม ยึดมั่นในศีลในธรรมตามแบบอย่างท่านสืบไป

ปัจจัยที่ได้จากการเช่าบูชาวัตถุมงคลจะนำไปสร้างกุฎิหลังที่ 9 ให้แล้วเสร็จ และบริจาคให้กับวัด และโรงเรียนที่ยังขาดแคลนซึ่งท่านได้ปฏิบัติมาตลอดภายใต้ร่มกาสวาพัสตร์ 69 พรรษา

สำหรับเหรียญพระนารายณ์แปลงรูปนี้ ​

รูปยันต์ด้านหลังเป็นลายมหามงคลจักรวาล คือรูปยันต์พระนารายณ์ จากบทพระนารายณ์แปลงรูป เป็นพระยันต์สำคัญที่มีความศักดิ์สิทธิ์สูงส่ง หลวงปู่กาหลงอธิฐานจิตนาน 5 เดือนเต็ม ณ.วัดเขาแหลม และยังเข้าพิธีเทวาภิเษก และพิธีพุทธาภิเษกอีกที่วัดสุทัศน์... สำหรับจำนวนการสร้างมีดังนี้ 1. เนื้อเงิน สร้าง 499 เหรียญ 2. เนื้อนวโลหะ สร้าง 4,999 เหรียญ 3.เนื้อชินขอมโบราณพันปี สร้าง 4,999 เหรียญ 4.เนื้อทองแดง สร้าง 9,999 เหรียญ

ปิดรายการนี้ครับ​

 

ปิดรายการแล้วครับ
พระขุนแผนเสน่ห์พันพราย อ.ปุ้ม วัดศาลาแดง​

สำหรับขุนแผนเสน่ห์พันพราย ของพระอาจารย์ปุ้ม วัดศาลาแดง บรรจงสร้าง โดยยึดคติการสร้างจากผงอาถรรพณ์ธาตุขันธ์ของมนุษย์ ตามแนวทางของพ่อท่านเจิม วัดหอยราก นครศรีธรรมราช และ พ่อท่านฮา วัดท่าข้าม สงขลา หรือไกล้เคียงพระขุนแผนพรายกุมาร หลวงปู่ทิมวัดละหารไร่ ก็อาจได้

กรรมวิธีอาจแตกต่างกันตามมติที่ออกมาจากจิตสั่งและตำราระบุโดยอาศัยสาย ญาณขากธาตุขันธ์และญาณครูบารอาจารย์มาประสิทธิ์โดยตรง พระอาจารย์ปุ้ม เชื่อว่าในพวกธาตุขันธ์ของมนุษย์สัตว์ประเสริฐมีพลังแฝงในตัวเอง พลังเหล่านี้จะอยู่ในรูปความร้อนเตโชธาตุ มีพลังธาตุแฝงอยู่มากเป็นพิเศษ เมื่อเอามาประจุพลังพุทธคุณ ปลุกปั้นธาตุทั้งปวงให้เป็นตัวตนแล้วอัดพระเวทลงไป เท่านี้พลังมหาศาลก็เกิดขึ้นตามทฤษฎีลึกลับอำนาจแห่งจิตใจ

พระอาจารย์จำเนียร วัดถ้ำเสือ กระบี่ ท่านก็ไม่ปฏิเสธคตินี้ มิเช่นนั้น พระ 7 ป่าช้า ของท่านคงไม่เกิดขึ้น เล่าว่าเฮี้ยนนัก พระกรรมฐานท่านก็ไม่ทิ้งทางนี้เหมือนกัน กายมนุษย์เมื่อได้พลีมาแผ่เมตตาเป็นผงอาถรรพณ์ ก็นับว่าเป็นกุศลแล้ว และมันอาจเป็นความเชื่อของบางกลุ่มคนที่ชอบอะไรแรงๆขลังๆหรือเฮี้ยนๆก็ได้ อยู่ที่ความเชื่อ ทำถูกต้องแล้วสิ่งนี้ไม่มีอันตรายครูบาอาจารย์สายนี้ท่านบอกไว้ ตรงนี้ได้โปรดใช้ดุลพินิจด้วยนะครับ

จัดเป็นพระเนื้อผงทีไม่เหมือนวัตถุมงคลแขนงอื่น ในสายตำรับหลวงปูทิม วัดละหารไร่ ผงพรายกุมารนี้ต้องเป็นผู้มีอาคมขลัง จึงจะสร้างได้ และมีขั้นตอนที่ยุ่งยากมากกล่าวคือ ต้องหาศพหญิงตายทั้งกลมในวันเสาร์และกำหนดเผาในวันอังคาร จึงจะถูกต้องตามตำราและเมื่อเผาเรียบร้อยแล้วให้เอากะโหลกเด็กในท้องหญิง นั้นมาปลุกเสก ทำเป็นผงกุมาร ซึ่งจะต้องใช้วิชาอาคมและต้องมีจิตมั่นคงและแน่วแน่เท่านั้นถึงจะไม่มี อันตรายมากล้ำกราย หลังจากนั้นจึงมาทำพิธีขอขมาลาโทษบวงสรวงก่อนจึงจะนำมาใช้ให้เกิดเป็นเสน่ห์ เมตตาแคล้วคลาดคงกระพันชาตรี ขุนแผนของพระคุณเจ้าหลวงปู่ทิมนั้น นอกจากใช้ผงพรายกุมารแล้ว หลวงปู่ทิมยังได้นำผงเก่าที่เก็บสะสมไว้อีกหลายอย่างมาผสมเพื่อให้เกิดเมตตา มหานิยม และเพื่อความขลังความสักสิทธิ์อีกเป็นอันมาก ผงที่เอามาบทรวมกันได้แก่ ผงอิทธิเจ ผงปถมัง ผงพระไว ผงจินดามณี และยังมีผงว่านมหามงคลอีกเป็นจำนวนมาก ในครั้งแรกแม่พิมพ์ขุนแผนหลวงปู่ทิมได้สร้างจากบล็อคหินมีดโกน โดยแบ่งเป็นพิมพ์ใหญ่กับพิมพ์เล็ก เป็นรูป 5 เหลี่ยม หลวงปู่ทิมท่านให้ผงมาทีละกระป๋องนม ผสมทำพระลูกศิษย์ช่วยกันผสมผงกดพิมพ์เองเมื่อผงหมดก็ให้ผงมาใหม่
ส่วนพระของอาจารย์ปุ้ม ผสมแบบล้วนๆแต่ละครั้งจำเป็นต้องบวงสรวงบอกครู คือ หลวงตาเผือด ให้มาช่วยป้องกันสิ่งชั่วร้ายพระทุกองค์ ทั้งพิมพ์เล็กและพิมพ์ใหญ่ อาจารย์กดพิมพ์เองที่วัด

ตำราการสร้าง อาจารย์ยึดถือการสร้างพระสูตรสมเด็จบางขุนพรหม และสูตรของหลวงตาเผือด วัดมะกอก ผสมผงพุทธคุณจากพระเกจิอาจารย์ต่างๆนับพันชนิด เรียกว่า เอาพุทธคุณคุมผงอาถรรพณ์ ภูต ผีอาจเป็นเรื่องน่ากลัวแต่ผู้ที่เข้าถึงพลังอำนาจทางจิตใจได้แล้วย่อมสามารถ ใช้จิตแผ่นำทางวิญญาณสู่ทางสงบได้ ภูตผีบางตนก่อนหน้านี้สร้างกรรมชั่วไว้มาก ไม่ชอบสร้างบุญ ไม่ชอบปฏิบัติธรรม ตายไปแล้วก็ยังไม่อาจไปสู่ภพภูมิอื่นได้ เป็นวิญญาณพเนจร อดอยาก ต่างต้องการหาบุญมาเติมเต็มตัวเอง เพื่อจะได้สู่ภพที่ดีกว่านี้ตามวัฏจักรชีวิต สังขารของเขาหากได้มาทำประโยชน์ก็อาจเป็นทางช่วยให้ภูตผีเหล่านี้รับผลบุญ ให้เวลาการใช้กรรมสั้นลง บรรเทาลดลง ดังนั้นครูบาอาจารย์หลายท่านมีการนำผงอาถรรพณ์ น้ำมันสรีระ ไปสร้างเป็นเครื่องมงคล ตามความเชื่อของครูอาจารย์ท่านนั้นเอง
การนำผงอาถรรพณ์จากสรีระมนุษย์ มาสร้างเป็นเครื่องมงคลอัตลักษณะขององค์พระสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของการสืบทอดพระพุทธศาสนาเขาก็ได้บุญกุศลด้วย ทั้งนี้ต้องอาศัยเจตนาเป็นเครื่องชี้ทางซึ่งก็มีผู้แอบอ้างโฆษณาชวนให้เชื่อ ในเรื่องที่ไม่อาจเป็นไปได้เพียงเพื่อต้องการเงินทอง ไม่มีความละอาย ไม่กลัวบาปกรรม ผมก็เป็นบุคคลทั่วไปไม่มีจิตสัมผัสอะไร มองไม่เห็นเหมือนผู้ทรงวิชาหลายๆท่าน ผมเห็นคนมีอุปทานทางนี้ก็เยอะแยะ ซึ่งก็นับว่าน่ากลัวมากๆ แต่ผมเป็นเพียงผู้นำเสนอเรื่องราวแบบนี้เพื่อเป็นสีสันแก่ผู้สนใจ ขอเตือนว่าอย่าหลงทางแล้วกัน ยึดถือคุณพระพุทธเจ้าให้มากๆ ดังนั้นท่านที่สนใจในเครื่องรางเครื่องมงคลที่แปลกๆ อาทิ นำผงอาถรรพณ์ น้ำมันสรีระ มาสร้าง ก็ใคร่ขอให้ดูเจตนาเป็นเกณฑ์และผู้ที่สักการะเครื่องมงคลสายนี้ก็ควรหมั่น สวดมนต์กรวดน้ำไปให้ผู้ที่อยู่อีกภพหนึ่งด้วย อย่าได้ประมาท อย่าได้ละเลยจุดนี้ไป หากได้ทำก็เป็นบุญติดตัวไปด้วย

สำหรับมวลสารอาถรรพณ์ของอาจารย์ปุ้มนั้น ได้รับการแผ่เมตตาปลุกเสกจากพระสายกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริโต หลายสิบรูป แม้แต่หลวงปู่แผ้ว วัดกำแพงแสน ก็ปลุกเสกเป็นกรณีพิเศษด้วยพลังจิตแก่กล้า พร้อมชี้ชัดว่า “พระขุนแผนรุ่นนี้ อีก 2 ปีจะโด่งดัง บูชาให้ดีก็จะมีลาภเกิดขึ้นมากๆ” หลวงพ่อมงคล วัดมหาธาตุฯ ท่าพระจันทร์ การันตี เซ่นสรวงเขาให้ดีนะ จะเกิดผลดี ในเมื่อพระเกจิผู้ทรงอภิญญา ท่านรับรอง ผมก็พลางมั่นใจในพลัง

กายสังขารของมนุษย์ อาจเกิดจากการปรุงแต่ง ประกอบขึ้นมาหลายส่วน แต่ส่วนที่สำคัญนั่นคือวิญญาณ ที่หมายถึงจิตที่ทำหน้าที่รู้สึกสัมผัสได้ คนเราก็แค่นี้ เกิด แก่ เจ็บ ตาย จมสู่ดินเป็นปลายทางหากธาตุขันธ์มาเป็นเครื่องน้อมสักการะถึงองค์พระศาสดาผู้ประเสริฐ ก็ขออนุโมทนาบุญ ผมมองในแง่บุญกุศลไม่น่าใช่สิ่งเลวร้าย

ขุนแผนเสน่ห์พันพราย เสน่ห์แรงหอมหวนมหารัญจวนอย่างไรขอเชิญสัมผัสเองได้ที่อาจารย์ ปุ้ม โฆษการี
คงไม่มีเครื่องมงคลใดประเสริฐสุดช่วยเหลือเราได้ครอบจักรวาล สิ่งเดียวที่เรายึดถือได้นั้นคือ ธรรมปัญญา จากการเรียนรู้ ตริตรอง ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านอบรมสั่งสอน หากถามผมว่าเครื่องมงคลหลวงพ่อใด อาจารย์ใด ขลังสุดๆผมคงจะตอบกลับทันทีว่า คุณเชื่อถือของหลวงพ่อใด ของนั้นแหละดีเลิศที่สุดแล้ว เชื่อที่ใหนที่นั้นแหละดี ส่วนผมเอง ผมเชื่ออาจารย์ปุ้มครับ ควรใช้ความคิดวิเคราะห์ให้เยอะๆแล้วท่านจะได้อะไรดีๆผมก็พินิจพิเคราะห์ของผมเองเช่นกัน ขอหมายเหตุตรงพระขุนแผนเสน่ห์พันพราย ของพระอาจารย์ปุ้มไว้เพียงเท่านี้ครับ

ปิดรายการแล้วครับ​

 

พระพุทธชินราช พิมพ์แต่งฉลุลอยองค์ รุ่นจอมราชันย์​

วัตถุประสงค์ เพื่อนำรายได้สร้างวัดใหม่ในการอุปถัมภ์ของวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร จังหวัดพิษณุโลก และสมทบทุนในโครงการเพชรยอดมงกุฎ แข่งขันทางวิชาการของนักเรียนทั่วประเทศ

มี 2 องค์ เนื้อเหลืองระฆังกับนาคครับ
แบ่งให้บูชาองค์ละ 1,500 บาท
ขอบคุณมากๆครับ​

 

เหรียญพัดยศ โบราณย้อนยุค
เนื้อระฆังชุบเงินโบราณ​

หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ( 27 มีนาคม พ.ศ. 2430 – 5 มีนาคม พ.ศ. 2524) ท่านเป็นอดีตเจ้าอาวาส วัดประดู่ฉิมพลี เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร หรือ จังหวัดธนบุรี ในอดีต เป็นพระคณาจารย์ที่รู้จักกันดี ด้วยวัตรอันปฏิบัติอันงดงามเป็นที่เคราพศรัทธาของชาวพุทธทุกชนชั้น ท่านถึงพร้อมด้วยบุญบารมีและอิทธิบารมี พระเครื่องของท่านมีปาฏิหาริย์ศักดิ์สิทธิ์ มีประสบการณ์เล่าขานมากมายจกเหนือจดใต้ทั่วประเทศไทย จนกลายเป็นพระหลักยอดนิยมของเมืองไทย [1] ท่านได้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลีเมื่อ(วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 - 5 มีนาคม พ.ศ. 2524) จนกระทั่งมรณภาพ รวมระยะเวลานานถึง 68 ปี ขณะนี้ พระครูวิโรจน์กิตติคุณ รักษาการเจ้าอาวาสมาจนถึงปัจจุบัน
หลวงปู่โต๊ะ
ประวัติหลวงปู่โต๊ะ พระราชสังวราภิมณฑ์ (โต๊ะ อินฺทสุวณฺโณ)

พระราชสังวราภิมณฑ์ หรือ ที่ชาวบ้านเรียกกันในนามที่รู้จักกันว่า หลวงปู่โต๊ะ ท่านเกิดเมื่อวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2430 ในแผ่นดินของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เป็นบุตรของนายลแย และนางทับ รัตนคอน มีพี่น้องอยู่ร่วมกัน 2 คน ซึ่งถึงแก่กรรมก่อนหลวงปู่ตั้งนานแล้ว ในวัยเด็ก เด็กชายโต๊ะ ได้เข้าเรียนวิชาอยู่ที่วัดเกาะแก้ว ใกล้บ้านเกิดของท่าน เมื่อมารดาถึงแก่กรรม พระภิกษุแก้ว เห็นความขยันหมั่นเพียรของเด็กชายโต๊ะ จึงได้พาเด็กชายโต๊ะ มาฝากอยู่กับพระอธิการสุข เจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลีในสมัยนั้น ส่วนนายเฉื่อยก็ไม่ได้ตามมาด้วย คงอยู่ที่วัดเกาะแก้วเหมือนเดิม ท่านได้มาเรียนหนังสืออยู่ที่วัดประดู่ฉิมพลีอยู่เป็นเวลาอยู่ 4 ปี ก็ได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 17 ปี เมื่อปี พ.ศ. 2447 โดยมีพระอธิการสุขเป็นอุปัชฌาย์ บรรพชาได้วันเดียวพระอธิการสุข ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์และผู้อุปการะของท่านก็ได้มรณภาพ นายคล้าย นางพันธ์ ซึ่งเป็นพี่ชายกับพี่สะใภ้ของพระอธิการสุข และมีบ้านอยู่ใกล้วัดประดู่ฉิมพลีจึงได้อุปาการะท่านต่อมา เมื่อบรรพชาแล้ว ท่านก็มาเรียนศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่ วัดประดู่ฉิมพลี
ซึ่งต่อมามีพระอธิการคำ เป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา พร้อมทั้งเรียนกรรมฐานกับพระอาจารย์พรหม วัดประดู่ฉิมพลีอีกท่านหนึ่งด้วย จนกระทั่งเมื่อมีอายุได้ 20 ปี สามเณรโต๊ะ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2450 ณ พัทธสีมา วัดประดู่ฉิมพลี โดยมีพระครูสมณธรรมสมาทาน (แสง) วัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูอักขรานุสิต (ผ่อง) วัดนวลนรดิศ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูธรรมวิรัต (เชย) วัดกำแพง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า อินทสุวัณโณ หลงจากนั้น ท่านได้เรียนศึกษาปฏิบัติคันทธุระ วิปัสสนาธุระ หลวงปู่โต๊ะ ท่านเป็นคนมีความเพียรพยายาม จนกระทั่งสอบได้นักธรรมชั้นตรี ต่อมาพระอธิการคำ ได้มรณภาพลง ทางคณะสงฆ์จึงได้แต่งตั้งท่านให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลีสืบต่อมาเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2456
ออกธุดงค์

ต่อมาหลวงปู่โต๊ะ ได้ออกธุดงค์จาริกไปทั้วทุกภาคในประเทศไทย ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ท่านได้ไปศึกษาพระปริยัติธรรม โดยได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ เรียนวิชาพุทธาคม และได้ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับ หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน และก็ได้ธุดงค์ไปยังภาคเหนือเพื่อศึกษาวิชากับพระอาจารย์อีกหลายท่าน และในขณะที่ท่านเดินธุดงค์ ท่านก็ได้เรียนวิปัสสนากรรมฐานกับ หลวงพ่อชุ่ม วัดราชสิทธาราม ส่วนสหธรรมิกของท่านที่มีชื่อเสียงได้แก่ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง หลวงพ่อกล้าย วัดหงส์รัตนาราม และต่อจากนั้น ท่านก็เดินทางไปยังภาคใต้ ไปที่จังหวัดปัตตานี และเมื่อหลวงปู่ท่านกลับมาที่ จังหวัดธนบุรี กลับมายังวัดประดู่ฉิมพลี ท่านก็ได้สร้างพระพุทธบาทจำลอง
ปฏิปทาและจริยาวัตร

หลวงปู่โต๊ะ ท่านเป็นคนที่มีศีลวัตรปฏิบัติอันงดงาม มีกริยามารยาทที่งดงาม มีความสุภาพอ่อนโยน มีความเมตตากรุณาต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด และสามารถล่วงรู้เหตุการณ์ในอนาคตได้ และท่านได้เคยเจอเกี่ยวกับโรคระบาด หลวงปู่ท่านเห็นคนหลายคนไม่สบาย ท่านก็รู้สึกไม่สบายใจ เพราะท่านเองก็เป็นโรคนี้ด้วยเหมือนกัน ท่านจึงตั้งจิตว่า หากท่านยังมีชีวิตอยู่ ขอให้ท่านจงหายจากโรคนี้ แต่ถ้า ท่านหมดบุญแล้ว ก็ขอให้ตายซะ ในตอนกลางคืน ท่านได้นิมิตว่า หลวงพ่อบ้านแหลมได้นำน้ำพระพุทธมนต์มาเจริญให้ ตื่นมาท่านก็มาเจริญน้ำพระพุทธมนต์ และสุดท้ายท่านก็หายจากโรคนี้
เบื้องปลายชีวิต

หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ท่านได้เริ่มอาพาธด้วยโรคชรา เนื่องจากว่า ตั้งแต่ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ มีผู้คนมานิมนต์ท่านให้ออกมาให้พร หรือ ขอความช่วยเหลือ ท่านจึงไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน สุขภาพท่านจึงไม่ค่อยแข็งแรง แต่ยังพอฉันอระไรได้มาก แม้จะรักษาอย่างดีเท่าใด แต่สุขภาพ กายสังขารของท่านก็ไม่อาจจะทนไหว ท่านได้อาพาธครั้งสุดท้ายเมื่อเดือน กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2524 และก่อนมรณภาพได้เพียง 7 วัน ท่านลุกจากเตียงไม่ได้เลย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2524 คณะลูกศิษย์ทีเป็นพยาบาล ได้มาถวายรังนกอีก แต่คราวนี้สังเกตได้ว่า แขนของท่าน บวม ท่านอยู่ได้จนกระทั่งเมื่อเวลา 9:55 น. ท่านได้ถึงแก่มรณภาพลงด้วยอาการสงบ รวมสิริอายุได้ 93 ปี 73 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดให้เชิญศพไปตั้งที่ศาลา 100 ปี วัดเบญจมบพิตร พระราชทานเกียรติยศศพเป็นพิเศษ เสมอพระราชาคณะชั้นธรรม พระราชทานโกศโถบรรจุศพ พร้อมฉัตรเบญจาเครื่องประกอบเกียรติยศครบทุกประการ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์แก่การศพโดยตลอด เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานในการทรงบำเพ็ญพระราชกุศล 7 วัน 50 วัน 100 วัน และตามโอกาสอันควรหลายวาระ

สอบถามทาง PM ครับ​

 

สนใจรายการไหน สอบถามได้เลยครับ​

ผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ทาง PM
หรือเบอร์โทร 084-162-2166 (กวาง)
หรือทางไลน์ แอคเข้ามาได้ที่ cwitapi

ขอบคุณครับ​

 

EK 6170 1948 9 TH คุณพิษณุ จรเข้บัว กรุงเทพ

 

ปิดแล้วครับ
ตะกรุดดอกไม้สวรรค์​

ตะกรุดดอกไม้สวรรค์ หลวงปู่กาหลง เขี้ยวแก้ว พระเถราจารย์ผู้มีฤทธิ์อำนาจประกาสิตด้วยเขี้ยวแก้วกลางเพดานปาก วัดเขาแหลม ต.วังทอง อ.วังสมบูรณ์ จ.สระแก้ว
ตะกรุดดอกไม้สวรรค์ ขนาด 1 นิ้ว มีพุทธาคุณเป็นเลิศทางด้านการค้าขาย ซึ่งผู้ใดประกอบกิจการค้าขายจะทำให้ขายดี ขายคล่อง
เป้นมหาโชค มหาลาภ ทำมาหากินคล่องเมตตามหานิยม ค้าขายดีมีกำไร เป็นที่นิยมชมชอบของบุคคลทั่วไป หากค้าขาย หรือติดต่อเจรจาธุรกิจหน้าที่การงาน ให้นำตะกรุดแช่ในขันหรือแก้ว แล้วภาวนาคาถานำน้ำพุทธมนต์มาประพรหมสินค้าก็ได้ พรมบุคคลก็ได้จะสมความปรารถนาทุกประการ ผู้ใดได้ทำอยู่เสมอจะบังเกิดลาภผลมากมายเป็นเศรษฐีดีนักแล เพราะยันต์นี้เปรียบเสมือนของดีจากเทพเจ้าที่ประทานมาจากสวรรค์ให้โชคลาภแก่มวลมนุษย์ประหนึ่งดอกไม้สวรรค์

ตะกรุดดอกไม้สวรรค์นี้ จัดสร้าง จำนวน 19,999 ดอก เพื่อให้ศิษย์ที่มีอาชีพค้าขาย นายหน้า หรือติดต่อเจรจาธุรกิจต่างๆ บูชาเพื่อความสำเร็จในอาชีพ โดยจัดสร้างด้วยแผ่นทองแดงขนาด 1*1.9 นิ้ว จารอักขระเลขยันต์ด้วยมือล้วนๆ ทั้งหน้าและหลัง ม้วนกลึงคลุกผงวิเศษลงรักปิดทองคำแท้ทั้งดอก ประทับด้วยนะเศรษฐี หลวงปู่กาหลงท่านประจุพุทธาคมทางโชคลาภมากกว่า 1 ปี และได้ประกอบพิธีพุทธาภิเษกต่างๆ เช่น พิธีครอบเศียรพระลักษณ์หน้าทอง 8-10 กค. 49 ,พิธี 5 ธันวามหาราช ,พิธีสุริยคลาส มีค.,พิธีเสาร์ 5 วัดสุทัศน์, พิธีพุทธาภิเษก วัดบุญรอด 1 เมย. 50,พิธีมหาพุทธาภิเษก-เทวาภิเษก วันไหว้ครู 19-21 พค.50

สภาพสวยสมบูรณ์ พร้อมซองและคาถาบูชา จากวัดครับ

ปิดแล้วครับ​

 

เบี้ยแก้จนกันภัย อุดผงชานหมากฝังตะกรุดเงินอุดปรอท
หลวงปู่หงษ์ วัดเพชรบุรี จ.สุรินทร์​

หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ต.ทุ่งสามน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ยอดพระเกจิอาจารย์ผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาบารมีแห่งแดนอีสาน หลวงปู่ท่านมีพระเวทวิทยาคมมีพลังจิตญานสูง วัตถุมงคลที่ท่านอธิษฐานจิตปลุกเสก ล้วนแล้วแต่ศักดิ์สิทธิ์เข้มขลัง ท่านมีบุญญาบารมีมากเป็นที่เคารพบูชา เป็นที่พึ่งของ ของเหล่าบรรดาศิษยานุศิษย์และประชาชนทั่วประเทศ เคยมีผู้สามารถสัมผัส และจับพลังจิตได้ลองสัมผัสพลังจิตวัตถุมงคลของหลวงปู่ หลายท่านบอกว่ามีพลังจิตสูงมาก ดังนั้นวัตถุมงคลของท่านจึงเป็นสุดยอดของดีที่ควรมีไว้บูชาเป็นอย่างยิ่ง

ในปี พ.ศ.2546 หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ ต.ทุ่งสามน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ท่านได้อนุญาตให้จัดสร้างวัตถุมงคล รุ่นโชคลาภมหาเศรษฐี ขึ้นเพื่อหารายได้ซ่อมแซมฝายกั้นน้ำของหลวงปู่หงษ์ซึ่งพังมาได้ 3 ปีแล้ว โดยหลวงปู่หงษ์ท่านได้เมตตาอธิษฐานจิตปลุกเสกเมื่อวันที่ 13 ก.ค.2546

เบี้ยแก้จนกันภัย อุดผงชานหมากฝังตะกรุดเงินอุดปรอท ไม่ใหญ่มากเหมาะสำหรับใช้บูชาติดตัว

แบ่งบูชาที่ 1,000 บาท ขอบคุณครับ​

 

ปิดรายการนี้แล้วครับ

หนังเสือเผ่น วัดบางพระ นครปฐม​

ไม่อยากเจ็บตัว แต่อยากมีเสือเผ่นไว้คุ้มกาย​

บารมี “หลวงพ่อเปิ่น” ช่วยคุ้มๆ แหวกอกสักยันต์ “เสือเผ่น” ก้องโลกา
ลูกศิษย์โชว์ทีเด็ดเป็นสมิงคำรามลั่น! พุทธคุณล้นฟ้า แคล้วคลาด หนังเหนียว

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน “ทีมงานนิตยสารเซียน” ทุกท่าน หลังทีมติดตามเสาะหาเรื่องราวลึกลับ ในมุมต่างๆ มาอย่างต่อเนื่อง ฉบับนี้ทีมงานดั้นด้นเดินทางไปยังสถานที่ๆ ได้รับการยอมรับอย่างมากด้านการ “สักยันต์” จากจังหวัดนครปฐม เชื่อเหลือเกินว่า ใครหลายคนคงชื่นชอบและสนใจในศาสตร์แขนงนี้ ที่เรียกได้ว่ามีทั้งเรื่องราวของศิลปะ และความเชื่อความศรัทธาในด้านพุทธาคม ที่อยู่คู่สังคมไทยมาแต่ครั้งโบราณกาล



“การสักยันต์” หาได้เป็นเพียงพิธีกรรมโบราณที่ต้องเฉิ่มเชย และบ่งบอกถึงวัฒนธรรมอันล้าหลังแต่อย่างใด เพราะเมื่อหันไปมองถึงประวัติสาสตร์ของมหาอำนาจทั่วโลก การสักยันต์ และอักขระต่างๆ ล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งของอารยะธรรมของมนุษย์มาแต่โบราณ ตั้งแต่ยุคชนเผ่ามายา อาณาจักรโรมัน หรืออียิปต์โบราณ แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนผ่านสู่ความเจริญรุ่งเรืองในปัจจุบัน อย่างน้อยที่สุดศาสตร์ของการสักต่างก็เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของผู้คนมาทุกยุคสมัย

โดยเฉพาะในหมู่ชายไทยชาตินักรบโบราณในครั้งที่ต้องออกทัพจับศึก การสักยันต์เปรียบดังสัญลักษณ์แห่งชัยชนะ ที่ปลุกเร้าความฮึกเหิมห้าวหาญในยามออกรบ ด้วยแรงศรัทธาอันแรงกล้าว่า การสักยันต์และเลขอักระของเหล่าพระอาจารย์บรรดาเกจิชื่อดัง จะส่งเสริมหนุนนำตนในด้านต่างๆ ทั้งทางด้านเมตตา มหานิยม อยู่ยงคงกระพัน หรือแคล้วคลาดจากเหตุเภทภัยอันตราย เป็นต้น

เมื่อเอ่ยถึงตำนาน การสักยันต์ “เสือเผ่น” ของหลวงพ่อเปิ่น เกจิอาจารย์ แห่งวัดบางพระ จ.นครปฐม น้อยคนนักที่จะไม่คุ้นหู โดยเฉพาะในรายชายไทยที่นิยมชมชอบในการลงอักขระ เลขยันต์ และ “หลวงพ่อเปิ่น” แห่งวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้รับการยอมรับเป็นต้นกำเนิดของตำหรับ “ยันต์” มหาเวท นี้

“พระอุดมประชานาถ” คือ ชื่อสมณะศักดิ์ชั้นสุดท้ายของ “หลวงพ่อเปิ่น ฐิตธัมโม” ก่อนที่ท่านจะละสังขาร นอกจากหลวงพ่อเปิ่น จะขึ้นชื่อว่าเป็นพระสงฆ์ที่มีความรู้แตกฉานในด้าน เวทอาคม ไสยเวท ที่ได้รับการประสิทธิ์ ประสาท จากบรรดาพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของเมืองไทยในอดีตแล้ว “หลวงพ่อเปิ่น” ยังเป็นพระนักปฏิบัติที่มีปฏิปทาสูงถึงว่ากันว่าท่านสามารถหยั่งรู้ขณะจิตของคนได้อย่างแม่นยำ

ทั้งหมดนี้ เป็นตำนานที่ถูกกล่าวขานสืบทอดกันมา มีลูกศิษย์ ลูกหา ผู้เคารพศรัทธาได้รวบรวมประวัติเรื่อง กฤษดาภินิหาร และเก็บบันทึกเอาไว้หลังจากที่ท่านมรณภาพลง เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ.2545 สิริอายุ 79 ปี

นอกจากเรื่องเล่าขานตำนานสืบมาแล้ว สิ่งที่สร้างความอัศจรรย์ใจให้กับพุทธศาสนิกชน ผู้มีความศรัทธาเลื่อมใสใน “หลวงพ่อเปิ่น” เป็นอย่างมาก เห็นจะเป็นกรณีที่ร่างกายของหลวงพ่อ ที่แม้ท่านจะละสังขารไปนานกว่า 10 ปีแล้ว แต่สังขารของท่านกลับไม่เน่าเปื่อย เหมือนดังปุถุชนทั่วๆ ไป ที่เมื่อเสียชีวิตร่างกาย ย่อมเปื่อยสลายไปตามธรรมชาติ

เมื่อความดังกล่าวทราบถึงประชานทั่วไปว่า ผู้คนจากทั่วสารทิศต่างหลั่งไหลเดินทางมาเคารพกราบไว้ ชื่นชมบารมีอย่างล้นหลาม ไม่ว่าจะเป็นชาวต่างชาติ ที่เดินทางข้ามน้ำ ข้ามทะเล มาสัมผัสความน่าอัศจรรย์ด้วยตนเองที่วัดบางพระแห่งนี้

“พระอุดมประชานาถ” หรือ “หลวงพ่อเปิ่น ฐิตธัมโม” มีชื่อเดิมว่า “เปิ่น ภู่ระหงษ์” ตามประวัติ ท่านเกิดวันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ.2466 เดือน 9 ปีกุน บ้านเลขที่ 4 หมู่ที่ 4 ตำบลบางแก้วฟ้า อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม เป็นบุตรคนที่ 5 จากจำนวนพี่น้องทั้งหมด 10 คน ของนายฟัก และนางยวง ภู่ระหงษ์

ในอดีตนครชัยศรีเป็นพื้นที่ทุรกันดาร มีสัตว์ป่า อสรพิษ และภูตผี วิญญาณร้ายมากมาย คนในพื้นที่จำต้องศึกษา วิชาอาคม ไสยเวท เอาไว้ป้องกันตัว ทำให้ “เด็กชายเปิ่น” จึงซึมซับเอาวิชาเวทอาคม โดยได้รับการถ่ายทอด จากพระภิกษุ ที่มาจำพรรษา ณ วัดบางพระ ซึ่งเป็นวัดใกล้บ้าน ซึ่งเป็นรากฐานของการศึกษาไสยเวท ของหลวงพ่อเปิ่น ฐิตธัมโม ความศรัทธาในศาสตร์ลี้ลับ ทำให้ท่านออกดั้นด้นฝึกปรือ “วิชาอาคม” ด้วยการฝากตัวเป็นศิษย์ เกจิอาจารย์ชื่อดัง ทั้งฝ่ายสงฆ์และฆราวาส ความมุ่งมั่นตั้งใจและใฝ่รู้ ทำให้ท่านแตกฉาน ด้านวิชาไสยเวท และมีอาคมแก่กล้าตั้งแต่ยังหนุ่ม

เมื่ออายุถึงเกณฑ์ต้องบวชเรียน นายเปิ่น ในวัย 21 ปี ได้ถวายตัวเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์ ที่วัดบางพระ ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้รับสมญานามว่า “พระฐิตคุโณ” นอกจากศึกษาพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดแล้ว ท่านยังขวนขวายศึกษาวิชาความรู้ต่างๆ จากพระอาจารย์อยู่เสมอ โดยเฉพาะในสายเวทอาคม ที่ได้รับการถ่ายทอดจาก หลวงปู่หิ่ม (พระอุปัชฌาย์), หลวงพ่อโอภาสี, หลวงพ่อแดงวัดทุ่งคอก และหลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน เป็นต้น นอกจากนี้ท่านยังเป็นหนึ่งในพระสงฆ์ที่เอกอุในด้านวิชาการแพทย์แผนไทยอีกด้วย

หลังปฏิบัติธรรมสั่งสมญาณบารมี กระทั่งแตกฉานทั้งในด้านกรรมฐาน และเวทอาคมแล้ว พระฐิตคุโณ กราบลาพระอาจารย์เพื่อปลีวิเวก โดยเดินธุดงค์ด้วยเท้าเปล่าขึ้นสู่ภาคเหนือก่อนจะล่องลงใต้ ท่ามกลางเส้นทางที่ยากลำบาก เต็มด้วยป่ารกชัฏ ท่านต้องเผชิญภัยอันตรายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ร้าย ผีป่า นางไม้ และที่ร้ายกว่าสิ่งใด คือ “เสือสมิง” สัตว์ภูตที่บำเพ็ญตบะแก่กล้าจนสามารถเนรมิตแปลงกายเป็นมนุษย์ได้

มีตำนานเล่าขานสืบต่อกันมาว่า ครั้งหนึ่งที่หลวงพ่อเปิ่นเดินธุดงค์ ผ่านบริเวณเทือกเขาตะนาวศรี แถบชายแดนไทย-พม่า ในคืนหนึ่ง ขณะที่ท่านกำลังนั่งทำสมาธิกรรมฐาน ระหว่างที่จิตกำลังนิ่งอยู่นั้น มีสมิงภูตตบะแก่กล้า ต้องการจะทดสอบท่าน และมาปรากฏตัวต่อหน้าในระยะประชิดห่างไม่เกิน 4 เมตร พร้อมกระโจนเข้าทำร้ายทุกช่วงขณะ

ด้วยตบะญาณอันแก่กล้าของหลวงพ่อเปิ่น เมื่อทราบถึงภัยร้ายที่รออยู่เบื้องหน้า ท่านได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า หากไม่ใช่คู่เวรคู่กรรม ไม่พยาบาทคาดแค้นต่อกัน ขอให้ต่างฝ่ายต่างอยู่ เมื่อสมิงตนนั้นทราบถึงพลังจิตอันแน่วแน่ จึง “เผ่นหนี” หายเข้าป่าไป

จากตำนานดังกล่าว กลายมาเป็นต้นกำเนิด “ยันต์เสือเผ่น” ของหลวงพ่อเปิ่น ที่ถูกกล่าวขานว่า “มีพุทธาคม” สูงมาก มีพุทธคุณแคล้วคลาด มหาอำนาจ คงกระพัน ทั้งยังเชื่อว่ายันต์ชนิดนี้มีพลานุภาพ ผู้มีหน้าที่การงาน เป็นนักปกครอง ทหาร ตำรวจ ต่างให้ความเลื่อมใส ศรัทธา มาฝากตัวเป็นศิษย์ไม่ขาดสาย

อ.ปทุม โพธิสรรค์ อายุ 82 ปี เป็นบุคคลซึ่งถือได้ว่า มีความใกล้ชิด “หลวงพ่อเปิ่น” ได้กล่าวกับ “ทีมงานนิตยสารเซียน” ว่า แรกเริ่มเดิมที ตนบวชเรียนที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ก่อนจะลาสิกขา มาบรรจุเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนวัดบางพระ ที่ซึ่ง “หลวงพ่อเปิ่น” จำพรรษาอยู่ในยุคแรกๆ ทำให้มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับ “หลวงพ่อเปิ่น” อย่างมาก

หลวงพ่อเปิ่น จะเป็นพระที่มีเมตตาสูงมาก ใครมานิมนต์ไปที่ไหน ท่านก็จะรับกิจนิมนต์ โดยไม่แบ่งชั้นวรรณะ หรือหากต้องเดินทางข้ามจังหวัด ท่านก็ไม่เคยปริปากบ่น แม้ในช่วงที่ท่านอาพาธ หากไปไหว ท่านก็จะรับนิมนต์ทุกงาน ไม่ขัดศรัทธาญาติโยม

นอกจาก “หลวงพ่อเปิ่น” จะเป็นพระมีความเมตตาสูงแล้ว ท่านยังมีอภิญญา สามารถหยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า ซึ่งหลายครั้งตนประสบกับตัวเองมาแล้ว เช่น มีโยมคนหนึ่งเดินทางมากราบหลวงพ่อ เมื่อพบหน้า “หลวงพ่อเปิ่น” กล่าวทัก “โยม” ท่านนั้น ถึงสาเหตุการเดินทางมาได้อย่างแม่นยำ โยมท่านนั้น ถึงกับตะลึง ว่า “หลวงพ่อเปิ่น” สามารถรู้ถึงธุระที่ตนจะมาหาได้อย่างไร

หลายครั้งที่อยู่ๆ “หลวงพ่อ” จัดแจงครองจีวร ออกมาเหมือนนั่งรอใครอยู่ เมื่อลูกศิษย์ถามถึง ท่านจะบอกว่า วันนี้ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองจะเดินทางมาที่วัด แล้วเหตุการณ์ก็เป็นจริงดังที่หลวงพ่อท่านกล่าว

นอกจากนี้ ในส่วนของวัตถุมงคลนั้น หลวงพ่อเปิ่นได้เริ่มสร้างพระเครื่องและมงคลวัตถุชนิดต่างๆ เมื่อปีพ.ศ. 2523 เพื่อตอบแทนนำใจศิษยานุศิษย์ที่มาร่วมทำบุญ บริจาคทั้งทุนทรัพย์และแรงกายในการบูรณะฟื้นฟูวัดบางพระ กระทั่งจัดว่าเป็นหนึ่งในกรุพระยุคหลังๆ ที่เซียนจำนวนไม่น้อยใคร่ได้มาบูชา ประดับบารมี

สำหรับเรื่องราว “ยันต์เสือเผ่น” ของหลวงพ่อเปิ่น ที่ถูกนำไปใช้และเผยแพร่แบบผิดๆ นั้น อ.ปทุม อธิบายว่า ความจริงแล้ว “ยันต์เสือเผ่น” เป็นการส่งเสริมบารมี และแผ่เมตตาให้ “เสือ” จึงยอมหนีไป ไม่ใช่เพราะหลวงพ่อใช้เวทอาคมทำให้เสือเผ่นหนี ตามความเข้าใจของคนหลายๆ นอกจากนี้ยังเข้าใจอีกว่า “เมื่อสักยันต์เสือเผ่น” จะมีอำนาจในการปกครองคน ทำให้เกิดความเกรงกลัว เรื่องนี้คงไม่จริง แต่ขึ้นอยู่กับความเมตตามากกว่า

ทั้งนี้ “อ.ปทุม” ยังบอกอีกว่า คุณสมบัติของผู้ที่จะ “สักยันต์” กับหลวงพ่อเปิ่นนั้น จะต้องมาปฏิบัติธรรม ถือศีลอยู่ที่วัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อศึกษาอุปนิสัยใจคอ และให้รู้จักการถือศีลปฏิบัติธรรมเสียก่อน ใช่ว่ามาขอก็ให้สักกันไป

หลายคนเข้าใจว่า ผู้ที่มารับการสักยันต์ “เสือเผ่น” หรือยันต์ต่างๆ จากหลวงพ่อเปิ่น จะเป็นพวกนักเลง ตีหัวหมา ด่าแม่เจ๊กนั้น คงเป็นความเชื่อ ความเข้าใจที่ผิดๆ เพราะคนที่เดินทางมาสักยันต์ ที่วัดบางพระต้องถือศีล เป็นคนมีสัจจะ มีเมตตา ไม่ใช่ว่ามาสักยันต์แล้วจะไปเป็นนักเลงหัวไม้ หรือเป็นโจรได้

“ผู้รับการสักยันต์ จะต้องปฏิบัติตนให้อยู่ในศีล ในธรรม โดยเฉพาะศีล 5 นั้น ต้องถือให้ได้ เพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจ”

ในทางธรรมท่านได้ฝากปริศนาธรรมต่างๆ โดยการปฏิบัติ และสร้างสิ่งต่างๆ ให้เห็นทั้งรูปธรรม และนามธรรม หลายต่อหลายอย่างซึ่งปรากฏแก่ผู้ที่ใกล้ชิด อันพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่งได้ระลึกเสมอว่าสังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ได้ยังประโยชน์ตนประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้วยความ ไม่ประมาท ตามพระวาจาที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้ครั้งสุดท้าย

นอกจาก “ยันต์เสือเผ่น” แล้ว ตำนานการสักยันต์ของวัดบางพระที่รู้จักกันดีนั้น ยังมี ยันต์ชายธง, ยันต์พุฒซ้อน, ยันต์เก้ายอด, ยันต์แปดทิศ และยันต์เสือกั๊ก ซึ่งโดยหลักๆ แล้ว ผู้มาฝากตัวรับการสักยันต์จะต้องเริ่ม จากการสักยันต์เก้ายอด และยันต์แปดทิศ ซึ่งเปรียบดังยันต์ครู ก่อนจะสักยันต์ประเภทอื่น

และน่าอัศจรรย์ว่า เมื่อสักยันต์จนครบแล้ว ทั้งตำแหน่งเส้นสาย และลวดลายของยันต์ทั้งหมด จะร้อยเรียงกันอย่างสวยงามลงตัว เรียกได้ว่านอกจากพุทธาคมแล้ว การสักยันต์ของที่นี่ยังเป็น “ศาสตร์และศิลป์” ที่สอดประสานกันได้อย่างลงตัว

นอกจากนี้ ทุกๆ วันที่ 2 - 7 มีนาคมของทุกปี ทางวัดบางพระ อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม แห่งนี้ จะจัดพิธีกรรมกราบไหว้บูรพาจารย์ เพื่อให้ลูกศิษย์ ลูกหาได้มีโอกาส แสดงมุทิตาจิตต่อครูบาอาจารย์ ผู้ลงอักขระเลขยันต์อันเป็นมงคลอีกด้วย

บรรยากาศ “วันพิธีกรรมการไหว้ครู” จะมีศิษย์ยานุศิษย์ ทั้งชาวไทยและต่างประเทศจากทุกสารทิศ หลั่งไหลมาดุจสายน้ำ ที่แสดงให้เห็นถึงพลังแห่งศรัทธา ที่มีต่อ “หลวงพ่อเปิ่น” แม้ท่านจะละสังขารไปแล้ว
เพียงไม่กี่ชั่วโมง พื้นที่ลานหน้าวัดกว่า 10 ไร่ ถูกคลื่นมหาชนเรือนหมื่น ทะยานเข้าจับจองพื้นที่จนแน่นขนัด โดยศิษย์ที่เดินทางมาถึง จะต้องรับพานขันครู มาบูชาครู ตามสถานที่ๆ ทางวัดจัดไว้ ก่อนที่จะมารวมตัวกันที่บริเวณลานด้านหน้าวัดเพื่อประกอบพิธีกรรมไหว้ครู

ซึ่งจุดที่นำขันครูมากราบไหว้บูชาครู เป็นจุดแรกที่ “ทีมงานนิตยสารเซียน” ได้พบเข้ากับปรากฏการณ์ คนของขึ้น เช่น บางคนสักยันต์เสือเผ่น จะมีอาการของขึ้น ควบคุมตัวเองไม่อยู่ แสดงลักษณะท่าทางเหมือนเสือ ที่เข้ามาหมอบคารวะ ครูบาอาจารย์ไม่ผิดเพี้ยน ซึ่งภาพที่ปรากฏนั้น สร้างความตื่นตาตื่นใจแก่ผู้เข้าร่วมงาน รวมถึงผู้มาสังเกตการณ์ไม่น้อย

อ.ปทุม ผู้ศึกษาในทางธรรมและทางโลก และเป็นผู้ใกล้ชิด กับ “หลวงพ่อเปิ่น” กล่าวถึงการ “ของขึ้น” ว่า ในทางธรรมอาจจะมองได้ว่าเกิดจากการ ที่บุคคลหนึ่งมีความศรัทธา และเชื่อมั่นอย่างแรงกล้า ทำให้จิตไปติดอยู่กับวัตถุนั้นๆ จึงเกิดอาการของขึ้นอย่างที่เห็น

หลังจากที่ศิษย์ยานุศิษย์ “หลวงพ่อเปิ่น” นำขันครูมากราบไว้ครูบาอาจารย์เป็นที่เรียบร้อย สักครู่หนึ่งเจ้าอาวาส และคณะสงฆ์ จะเดินทางมาทำพิธีเปิดขันครู เพื่อกล่าวคำบูชาครู

เมื่อปี่กลองโมโหรี เริ่มโหมโรง บรรเลงปี่กลอง ปี่พาทย์ เริ่มบรรเลง เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณ ว่า “พิธีกรรมการไหว้ครู” กำลังจะเริ่มต้น ปรากฏการณ์ที่สร้างความตื่นตาตื่นใจพลันบังเกิดขึ้น เมื่อผู้ที่อยู่ในลานพิธีกรรม คนแล้วคนเล่าต่างมีอาการของขึ้น บ้างมีของเป็นลิงหนุมาน ก็จะกระโดดตีลังกา แสดงท่าทางราวกับองค์รักษ์ตัวเอกจากรามเกียรติ์ ทั้งที่ไม่เคยฝึกฝนวิชาโขนมาก่อน หรือบ้างก็วิ่งฝ่าฝูงชนที่แออัดจากบริเวณด้านหลังที่อยู่ห่างจากประรำพิธีร่วมๆ 100 เมตร มายังหน้าประรำพิธี ท่ามกลางแสงแดดยามเที่ยงที่แผดเผาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

แม้ทุกวันนี้ “หลวงพ่อเปิ่น” พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่ง จ.นครปฐม จะละสังขารไปแล้ว แต่สิ่งที่ทีมงานได้ประจักษ์ด้วยโสตสัมผัสคือ ความเคารพศรัทธา ที่ศิษยานุศิษย์มีต่อหลวงพ่อ และครูอาจารย์ที่รับสืบทอดวิชาสักอักระยันตรา ลงบนผิวเนื้อของพวกเขาอย่างไม่เสื่อมคลาย ทั้งยังเพิ่มจำนวนทบเท่าทวีคูณขึ้นทุกปี จากรุ่นแล้ว รุ่นเล่า กระทั่งกลายเป็นตำนานและต้นธารของการ “การสักยันต์เสือเผ่น” ที่คงอยู่คู่สังคมไทยมานาน

นอกจากเรื่องราวความเชื่อ และกฤษดาภินิหารแล้ว “หลวงพ่อเปิ่น” ยังเป็นพระสงฆ์ที่มีศีล และจริยวัตรอันงดงาม ในขณะที่ธาตุสี่ ขันธ์ห้ายังประชุมอยู่ ถือได้ว่าเป็นพระแท้ที่หาได้ยากในยุคสมัยนั้น นอกจากนี้ยังเป็นพระนักปฏิบัติ ที่สร้างคุณูปการต่อพุทธศาสนามาตลอดชีวิตของท่าน

วันที่หลวงพ่อเปิ่นละสังขาร ด้วยอายุ 79 ปี 54 พรรษา ยังความอาลัย เศร้าโศกเสียใจแก่ปุถุชนจิต กระนั้นการจากไปของท่าน ยังสะท้อนให้เห็นถึงมรณังสติแก่ศิษยานุศิษย์ คุณงามความดีที่ท่านได้กระทำไว้ต่อพระพุทธศาสนามากมาย และจะเป็นตำนานแห่งแผ่นดินธรรมไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม ทั้งยังเป็นเครื่องเตือนสติให้พุทธศาสนิกชนได้รู้จักและปฏิบัติสืบสานต่อไป

หลังพิธีกรรมไหว้ครูจบลง ทำเอาทีมงานมีอาการเหนื่อยแทนลูกศิษย์ ลูกหาที่มาร่วมพิธี เพราะแต่ละคนของขึ้นได้น่าตื่นตาตื่นใจอย่างมาก น่าแปลกที่ว่าหลังเสร็จสิ้นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาหาได้มีท่าทีหรืออาการเหนื่อยล้า อ่อนแรงแต่อย่างใด เรื่องแบบนี้ต้องเจอกับตัวเท่านั้นครับ ใครที่อยากมาสัมผัสตำนาน “ยันต์เสือเผ่น” หรือชมสังขารที่ไม่เน่าเปื่อยของหลวงพ่อเปิ่น เรียนเชิญได้ที่วัดบางพระ ต.บางแก้วฟ้า อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม

แผ่นหนังเสือ ยันต์เสือเผ่น เมื่อหลายปีก่อน ผมได้ไปเช่าที่วัดบางพระมาครับ ตอนนั้นผมตั้งใจชวนเพืิ่่อนไปกราบลป.อั๊บกับแม่พิมวัดท้องไทร เพื่อนเลยชวนว่าไหนๆมาแล้วไปวัดบางพระเลยไหม ไหว้ลพ.เปิ่นกัน ก็เลยได้ไปที่วัดด้วยครับ

พอไปถึงก็ไปเป่าทองกับเจ้าอาวาส เป่าเสร็จก็เดินไปที่ตู้วัตถุมงคล ถามเพื่อนว่า ลพ.ท่านดังเรื่องอะไร เพื่อนบอกว่าท่านดังเรื่องสักยันต์กับเสือ เลยเหวี่ยงสายตาไป แว่บแรกที่เห็นก็รู้เลยว่าต้องเช่าหนังเสือ ยันต์เสือเผ่นนี้ให้ได้

เสือเผ่น ไม่ใช่อำนาจทำให้เสือกลัว... แต่เป็นการแผร่เมตตาให้เสือเผ่นหนี
คนเราไม่ต้องให้เค้ากลัว แต่ให้เค้าเกรงในความดีของตนแลดี

ปิดรายการครับ
​

 

เสือหลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน ย้อนยุค​

วัดสว่างอารมณ์ ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ฉลองครบรอบ 100 ปี จัดพิธีมหาพุทธาภิเษก "เสือ" หลวงพ่อปาน รุ่นย้อนยุค ตามต้นตำรับการแกะ เขี้ยวเสือ เมื่อกว่า 100 ปีก่อน ของท่านปรมาจารย์ พระครูพิพัฒนิโรธกิจ หรือที่รู้จักกันดีในนาม หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งเมืองสมุทรปราการ ต้นกำเนิดตำนาน เขี้ยวเสือ ที่ได้รับการเคารพนับถือไปทั่วเมืองไทย
พิธีมหาพุทธาภิเษกจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 24 มกราคม 2552 เวลา 15.09 น. โดยมี พระเทพภาวนาวิกรม (เจ้าคุณธงชัย) วัดไตรมิตร กทม. เป็นประธานในพิธี พร้อมทั้งนิมนต์พระเกจิคณาจารย์ชื่อดัง 25 รูป จาก 25 จังหวัด นั่งปรกอธิษฐานจิตภายในอุโบสถ และรายรอบด้วยเจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ จากทั่วประเทศอีก 52 รูป ร่วมเจริญพระพุทธมนต์กำกับ เพื่อความเข้มขลัง ยิ่งใหญ่ อลังการ และเสริมสิริมงคลเป็นที่สุด
พิธีมหาพุทธาภิเษกในครั้งนี้ จัดยิ่งใหญ่เพื่อเป็นการร่วมรำลึกถึงวาระที่ พระครูพิพัฒนิโรจกิจ (หลวงพ่อปาน) ผู้สร้างวัดสว่างอารมณ์นี้ขึ้นมา ได้มีอายุครบ 100 ปี โดยมีตราพระราชลัญจกรของ สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า รัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้หลวงพ่อปานเป็นผู้สร้างวัดสว่างอารมณ์ขึ้น พร้อมกับอุโบสถที่หลวงพ่อปานได้สร้างขึ้นเอง ซึ่งยังปรากฏเป็นหลักฐานเก่าแก่ ที่ทุกท่านไปพบเห็นได้ที่วัดในทุกวันนี้
วัตถุประสงค์เพื่อบูรณะพระอุโบสถ เนื่องจากอุโบสถหลังนี้ถูกน้ำทะเลท่วมขัง ต่อมาทางวัดจึงยกอุโบสถลอยสูงขึ้น พร้อมทั้งตกแต่งทาสี เปลี่ยนหลังคาใหม่ บูรณะหน้าบันให้มีความงดงามยิ่งขึ้น โอกาสนี้ทางวัดจึงกำหนดพิธียกช่อฟ้าในช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้ (26 มกราคม 2552) พร้อมกับจัดสร้าง เสือย้อนยุค ตามตำราสมัย หลวงพ่อปาน ที่ท่านเคยสร้างโดยมี
พระเกจิอาจารย์ที่นั่งปรกภาวนาอธิษฐานจิต อาทิ หลวงพ่อประเทือง วัดบางกระเบา จ.ปราจีนบุรี หลวงพ่อชาญ วัดบางบ่อ จ.สมุทรปราการ หลวงพ่อฟู วัดบางสมัคร จ.ฉะเชิงเทรา หลวงพ่อจ้อย วัดหนองน้ำเขียว จ.ชลบุรี หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ จ.ระยอง หลวงพ่อเขียน วัดเขาคิชฌกูฏ จ.จันทบุรี หลวงพ่อแก้ว วัดเทพนิมิต จ.ตราด หลวงพ่อหวล วัดพุทไธศวรรย์ จ.พระนครศรีอยุธยา หลวงพ่อเกลื่อน วัดรางฉนวน จ.อ่างทอง หลวงพ่อชาญ วัดทอง จ.สิงห์บุรี หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน จ.ลพบุรี หลวงปู่กาหลง วัดเขาแหลม จ.สระบุรี หลวงพ่อตึ๋ง วัดหลวงพ่อปากแดง จ.นครนายก หลวงพ่อมาลัย วัดบางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร หลวงพ่อแดง วัดอินทราราม จ.สมุทรสงคราม หลวงพ่ออุทัย วัดมฤคทายวัน จ.ราชบุรี หลวงพ่อตัด วัดชายนา จ.เพชรบุรี หลวงปู่ช่วง วัดจันทราวาส จ.สุพรรณบุรี หลวงพ่อสุข วัดท่าตะค้อ จ.กาญจนบุรี หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม หลวงปู่เก๋ วัดปากน้ำ จ.นนทบุรี หลวงพ่อชำนาญ วัดบางกุฏีทอง จ.ปทุมธานี หลวงพ่อมนัส วัดยายร่ม กรุงเทพฯ พระอาจารย์หรีด วัดปาโมกข์ จ.พังงา และหลวงพ่อจำเนียร วัดถ้ำเสือ จ.กระบี่

ชุด 1 มีทั้งหมด 3 ตัวครับ แบ่งบูชาตัวละ 299 ถ้ายกฝูงบูชาที่ 800 บาท
รายการนี้ขอค่าจัดส่ง 60 บาทด้วยครับ​