แคร่ริมคลอง...วันวิสาข์พาไป "พิพิธภัณฑ์สักทอง"

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ณ., 19 สิงหาคม 2008.

  1. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ถัดจากนั้นมาก็จะเป็นห้องน้ำ ก็แวะเข้าไปทำความรู้จักกันสักนิด
    เดินเลยออกไป ก็จะเป็นศาลาที่กำลังก่อสร้าง
    ด้านหลังไปอีกจะเป็นกุฏิหลวงปู่ปาน เข้าไปดูกันเลย...


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • E01.JPG
      E01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      35.3 KB
      เปิดดู:
      512
    • E02.JPG
      E02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      28.3 KB
      เปิดดู:
      456
    • E03.JPG
      E03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      76.9 KB
      เปิดดู:
      463
    • E04.JPG
      E04.JPG
      ขนาดไฟล์:
      42.5 KB
      เปิดดู:
      442
    • E05.JPG
      E05.JPG
      ขนาดไฟล์:
      53.4 KB
      เปิดดู:
      437
    • E06.JPG
      E06.JPG
      ขนาดไฟล์:
      52.8 KB
      เปิดดู:
      465
    • E07.JPG
      E07.JPG
      ขนาดไฟล์:
      42.5 KB
      เปิดดู:
      462
    • E08.JPG
      E08.JPG
      ขนาดไฟล์:
      37.3 KB
      เปิดดู:
      436
  2. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ย้อนออกมาจากกุฏิหลวงปู่ป่านก็จะเห็นต้นตะเคียนคู่ต้นใหญ่
    จะมีคนนำของมาไหว้มาแก้บนกันเยอะแยะ ส่วนใหญ่จะเป็นชุดไทย

    โต๊ะเครื่องแป้ง ของประดับสวยๆ งามๆ
    เอ...ชักสงสัย ทำไมสาวๆ ชอบมาอยู่กับต้นไม้เนอะ
    ไม่ว่าจะเป็นตะเคียน ตานี ไม่มีหนุ่มๆ บ้างหรือไรกัน


    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • F01.JPG
      F01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      127.2 KB
      เปิดดู:
      541
    • F02.JPG
      F02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      125.7 KB
      เปิดดู:
      402
  3. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    หลังจากได้ข้าวโพดปิ้งกับน้ำ ก็เดินออกมาทางท่าน้ำ
    ไปนั่งบนแพ กินข้าวโพดไป ดูคนให้อาหารปลาไป
    แล้วก็ไปซื้ออาหารมาให้ปลากินมั่ง ก็เพลินดี
    ราวบ่ายสามโมง เราก็เดินมาขึ้นรถสองแถวหน้าวัด
    เดินทางกลับเข้ากรุงเทพ...หุหุ
    วันนี้ก็ได้ทำบุญอีกวัน ดีกว่านอนตีพุงอยู่บ้านเฉยๆ อิอิ
    ...ตอนโดดขึ้นรถสองแถวขามา เราก็ผ่านกันมาหลายวัด
    เท่าที่จำได้นะ วัดกษัตราธิราช วัดพุทไธสวรรค์ วัดหน้าต่างนอก
    และอีกหลายต่อหลายวัด หากคราวหน้าได้โดดเกาะรถเพื่อนๆ พี่ๆ มาอีกที
    คงมีโอกาสได้แวะเยียมเยียนไปทุกวัด ...ฝากเอาไว้ก่อนละกัน:cool:

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • G01.JPG
      G01.JPG
      ขนาดไฟล์:
      66.9 KB
      เปิดดู:
      377
    • G02.JPG
      G02.JPG
      ขนาดไฟล์:
      75.6 KB
      เปิดดู:
      445
    • G03.JPG
      G03.JPG
      ขนาดไฟล์:
      86 KB
      เปิดดู:
      437
    • G04.JPG
      G04.JPG
      ขนาดไฟล์:
      46.5 KB
      เปิดดู:
      423
    • G05.JPG
      G05.JPG
      ขนาดไฟล์:
      42.6 KB
      เปิดดู:
      433
    • G06.JPG
      G06.JPG
      ขนาดไฟล์:
      40.6 KB
      เปิดดู:
      411
    • G07.JPG
      G07.JPG
      ขนาดไฟล์:
      34.6 KB
      เปิดดู:
      424
  4. malee123

    malee123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2008
    โพสต์:
    484
    ค่าพลัง:
    +2,843
    สืบเนื่องจากได้พบกับกลุ่มกัลยาณมิตรจากจ.เชียงใหม่

    มาบอกบุญและชักชวนให้ไปงานทอดจุลกฐินที่วัดปันเสา จ.เชียงใหม่

    วันที่ 30-31 ตุลาคม 2553 พี่ได้มาบอกบุญกับน้อง ๆ ทางกทม.

    น้อง ๆ มีจิตศรัทธาอยากร่วมบุญครั้งนี้ด้วย จึงร่วมปัจจัยสมทบด้วย

    พี่ก็เกิดปิ้งไอเดียขึ้น จึงบอกไปทางน้องอ้อยว่าทางพี่และน้อง ๆ กทม.

    ขอเป็นเจ้าภาพจุลกฐินวัดปันเสา 1 กอง ประกอบด้วย

    น้องธร น้องณ น้องอ้อยนครปฐม พี่ลี

    จึงขอเรียนเชิญพี่ ๆ น้อง ๆ มาร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกันนะค่ะ

    เชิญอ่านเพิ่มเติมที่เว็บไซต์เพื่อเจริญศรัทธาค่ะ

    http://palungjit.org/threads/พระธาตุเสด็จมากมาย-ณ-วัดปันเสา-ใครอยากได้-ไปนั่งสมาธิอัญเชิญเองได้เลย.256465/
     
  5. greenblood

    greenblood Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2009
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +96
    แวะมาเตือนครับพี่ ณ

    วันอาทิตย์ที่ 19 นี้จะไปทอดผ้าป่า ที่สำนักหลวงพี่ปู ครับ
    และฝากบอกข่าวว่าที่สำนักจะมีงานกฐินวันที่ 31 ต.ค. ครับ
     
  6. ชานนคนไทย

    ชานนคนไทย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,008
    ค่าพลัง:
    +3,128
    ไขข้อกังขา เขื่อนศรีนครินทร์แตก? เมื่อธรณีพิโรธ

    154Share<SCRIPT type=text/javascript src="http://static.ak.fbcdn.net/connect.php/js/FB.Share"></SCRIPT>



    [​IMG]
    เขื่อนศรีนครินทร์ ​

    [​IMG]
    เขื่อนศรีนครินทร์ ​





    ในช่วงไม่กี่ปีหลังมานี้ เกิดเหตุแผ่นดินไหวใกล้ประเทศไทยหลายต่อหลายครั้ง และมีหลายครั้งที่เป็นแผ่นดินไหวรุนแรง จนทำให้เกิดข่าวลือท่ามกลางความหวาดวิตกว่า หากวันใดวันหนึ่งเกิดแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในประเทศไทยขึ้นมาจริง ๆ "เขื่อนศรีนครินทร์" ซึ่งเป็นเขื่อนประเภทหินถมแกนดินเหนียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย จะสามารถต้านทานต่อการสั่นสะเทือนของธรณีพิโรธได้หรือไม่?

    นั่นเพราะ "เขื่อนศรีนครินทร์" ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ และรอยเลื่อนบริเวณเจดีย์สามองค์ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่ง ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ผู้เชี่ยวชาญด้านการเตือนภัย เคยออกมาเตือนว่า รอยเลื่อนทั้ง 2 นี้ยังมีพลังอยู่ และมีโอกาสจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นอีกได้ ในระดับ 5-6 ริกเตอร์ ในรอบ 1,000-3,000 ปี หรือเท่ากับ 0.001 ซึ่งแม้ว่าแผ่นดินไหวระดับนี้จะไม่ทำอันตรายต่อ "เขื่อนศรีนครินทร์" ได้แต่ก็ต้องเตรียมรับมือให้ดี​

    นี่เองจึงกลายเป็นที่มาของฟอร์เวิร์ดเมล์ฉบับหนึ่ง ที่ส่งต่อกันมาได้ระยะหนึ่งแล้ว โดยนำเสนอภาพจำลองการเกิดน้ำท่วม และระยะเวลาการเคลื่อนที่ของน้ำในพื้นที่ต่าง ๆ หากเขื่อนศรีนครินทร์แตก เพราะแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ซึ่งภาพจำลองนี้จัดทำโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย​

    [​IMG]
    ภาพจำลองน้ำท่วมในบางจังหวัดกรณีเขื่อนศรีนครินทร์แตก (ภาพจากฟอร์เวิร์ดเมล์)​



    ในภาพจำลองระบุว่า หากเขื่อนศรีนครินทร์แตก น้ำจากเขื่อนที่มีความจุถึง 17,745 ล้านลูกบาศก์เมตร จะทะลักเข้าท่วมอำเภอต่าง ๆ โดย

    - ภายใน 5 ชั่วโมง คลื่นน้ำความสูง 25 เมตร จะท่วมอำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี

    - ภายใน 11 ชั่วโมง คลื่นน้ำความสูง 7.5 เมตร จะท่วมอำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี

    - ภายใน 23 ชั่วโมง คลื่นน้ำความสูง 2 เมตร จะทะลักสู่อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี และจังหวัดนครปฐม

    - ภายใน 35 ชั่วโมง คลื่นน้ำความสูง 2 เมตร จะทะลักจังหวัดสมุทรสงคราม และกรุงเทพมหานคร

    ซึ่งเท่ากับว่า หากเขื่อนศรีนครินทร์แตกจริง ประชาชนที่อยู่ในจังหวัดกาญจนบุรี จะมีเวลาอพยพหนีน้ำเพียงแค่ 5 ชั่วโมง ขณะที่กรุงเทพมหานครจะกลายเป็นเมืองบาดาลภายในเวลาเพียงแค่ 1 วันกว่า ๆ เท่านั้น

    [​IMG]
    เขื่อนศรีนครินทร์ ​


    อย่างไรก็ดี ฟอร์เวิร์ดเมล์ข้างต้นถูกส่งต่อกันในโลกอินเทอร์เน็ตมานานแล้ว และมีผู้ที่เกี่ยวข้องออกมายืนยันถึงความมั่นคงแข็งแรงของเขื่อนให้ทุกคนได้มั่นใจกันหลายฝ่าย แต่ ณ วันนี้ประเด็นเรื่อง "เขื่อนศรีนครินทร์แตก" ก็ยังเป็นที่หวาดหวั่นของประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดกาญจนบุรีและพื้นที่ใกล้เคียง เนื่องจากในปี 2553 ได้เกิดแผ่นดินไหวที่มีศูนย์กลางอยู่บริเวณอำเภอศรีสวัสดิ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของเขื่อนศรีนครินทร์มาแล้วเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 3.8 ริกเตอร์ และในวันที่16 สิงหาคม วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 3.3 ริกเตอร์

    ที่สำคัญ เมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา ได้เกิดพายุฝนถล่มจังหวัดเชียงราย จนทำให้อ่างเก็บน้ำห้วยพลู ซึ่งเป็นอ่างดินรองรับน้ำไม่ไหว ในที่สุดอ่างเก็บน้ำแตก ทำให้น้ำทะลักเข้าท่วมหมู่บ้านทุ่งพร้าว ถนนแม่สรวย-ดอยวาวี จนเกิดเหตุดินถล่มถนนทรุดขาดออกจากกันราว 100 เมตร และเกิดหลุมลึกลงไปกว่า 20 เมตร

    แม้ว่าสาเหตุที่อ่างเก็บน้ำห้วยพลูแตก จะไม่ได้เกิดจากแผ่นดินไหว อีกทั้งอ่างเก็บน้ำห้วยพลูทำจากดิน ความแข็งแรงทนทานย่อมไม่อาจเทียบเท่ากับ "เขื่อนศรีนครินทร์" แต่เมื่อเกิดข่าวอ่างเก็บน้ำแตกขึ้น ย่อมไม่อาจทำให้คนจำนวนหนึ่งคลายความกังวลจากเรื่องนี้ไปได้

    อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับประเด็นที่ประชาชนวิตกกังวลกันมาก ก็ได้เคยมีบุคคลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ออกมายืนยันพร้อมข้อมูล และหลักฐานทางวิชาการแล้วว่า "เขื่อนศรีนครินทร์" แข็งแรงและไม่มีทางจะพังทลายได้แน่นอน

    [​IMG]
    เจ้าหน้าที่ตรวจสภาพ เขื่อนศรีนครินทร์ ​


    โดยนายกิตติ ตันเจริญ ผู้อำนวยการเขื่อนศรีนครินทร์ ได้ชี้แจงต่อกรณีข่าวลือ "เขื่อนศรีนครินทร์แตก" ผ่านทาง "ข้อเท็จจริงเรื่องความมั่นคงของเขื่อนศรีนครินทร์" ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย โดยสรุปว่า รอยเลื่อนทั้ง 2 ที่พาดผ่านเขื่อนศรีนครินทร์ ยังไม่เคยเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงมาก่อน ที่เคยเกิดรุนแรงที่สุด ก็คือในปี 2526 ที่เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.9 ริกเตอร์ บริเวณทิศเหนือห่างจากเขื่อนศรีนครินทร์ 55 กิโลเมตร แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเขื่อนแต่อย่างใด

    ในรายงานยังได้อ้างอิงข้อมูลจากหนังสือ DAMS AND PUBLIC SAFETY,1983 ซึ่งระบุว่า แผ่นดินไหวเป็นสาเหตุให้เขื่อนแตกได้น้อยมาก เพียงแค่ 1% ขณะที่สาเหตุหลักมาจาก

    1. ความเสียหายของรากฐานเขื่อน ซึ่งคิดเป็น 40%
    2. อาคารระบายน้ำล้นมีขนาดไม่เพียงพอ คิดเป็น 23%
    3. การก่อสร้างไม่ดี 12%
    4. การทรุดตัวอย่างรุนแรง 10%
    5. แรงดันน้ำในตัวเขื่อนสูงมาก 5%
    6. เกิดจากสงคราม 3%
    7. การไหลเลื่อนของลาดเขื่อน 2%
    8. วัสดุก่อสร้างไม่ดี 2%
    9. การใช้งานเขื่อนไม่ถูกต้อง 2%
    10. แผ่นดินไหว 1%

    [​IMG]
    แกนกลางเขื่อนศรีนครินทร์ ​



    จากข้อมูลนี้ สอดคล้องกับงานวิจัยเรื่อง "ความมั่นคงของเขื่อนศรีนครินทร์ ต่อแรงกระทำแผ่นดินไหว" ของ ผศ.ดร.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ หัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนาวิศวกรรมปฐพีและฐานราก ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และวีระชัย ไชยสระแก้ว หัวหน้ากองความปลอดภัยเขื่อน ฝ่ายบำรุงรักษาโยธา การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่ได้ทำการตรวจสอบ และสำรวจเขื่อนพร้อมทั้งสร้างแบบจำลองเขื่อนเพื่อใช้การสั่นสะเทือนรูปแบบต่าง ๆ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่รุนแรง 35 เหตุการณ์ มีจำนวน 200 คลื่นแผ่นดินไหว โดยจำลองให้จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ห่างจากตัวเขื่อนในระยะต่าง ๆ กัน พบว่า

    [​IMG]


    เขื่อนศรีนครินทร์ สามารถรับแรงแผ่นดินไหวได้ถึงระดับ 7.0 ริกเตอร์ โดยแผ่นดินไหว 7.0 ริกเตอร์จะทำให้สันเขื่อนทรุดตัวลงเพียง 3.4 เมตร และน้อยกว่าความสูงของสันเขื่อนที่เผื่อไว้เหนือระดับกักเก็บน้ำ 5 เมตร ดังนั้นเขื่อนจึงสามารถรองรับแผ่นดินไหวได้ และแม้ว่าแกนดินเหนียวของเขื่อนจะเกิดรอยร้าว แต่ยังมีวัสดุชั้นในวัสดุกรองเคลื่อนตัวมาอุดรอยแยกได้เอง ทำให้เขื่อนมีความมั่นคง ไม่พังทลายลงมาได้ แต่หากเขื่อนเริ่มรั่วซึมออกมา จนกระทั่งเขื่อนแตก จะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ชั่วโมง จึงพอมีเวลาเตือนภัยและอพยพคนได้

    [​IMG]


    อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข้อมูลทางวิชาการออกมายืนยันว่า โอกาสที่เขื่อนจะพังทลายลงมามีน้อยมาก แต่เพราะ "เขื่อนศรีนครินทร์" ตั้งอยู่บนแนวรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ และรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ ซึ่งยังมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง ทุกฝ่ายจึงไม่ประมาทในการรับมือภัยพิบัติ ดังนั้นทาง กฟผ. และเขื่อนศรีนครินทร์ จึงได้ตรวจสอบสภาพเขื่อนเป็นประจำ และมีมาตรการเตรียมแผนรับสถานการณ์ฉุกเฉินไว้

    [​IMG]
    เขื่อนศรีนครินทร์ ​


    สำหรับประชาชนทั่วไปเอง การศึกษาข้อมูลเรื่องแผ่นดินไหว อุทกภัย รวมทั้งวิธีป้องกัน และรับมือเมื่อเกิดสถานการณ์ขึ้นถือว่าเป็นเรื่องจำเป็น เพราะหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นจริง เราจะได้สามารถตั้งรับได้ทันท่วงที

    โดยข้อควรปฏิบัติก่อน-ระหว่าง-หลังเกิดแผ่นดินไหว มีดังนี้

    [​IMG] การรับมือก่อนเกิดแผ่นดินไหว

    1. ควรมีไฟฉายพร้อมถ่านไฟฉาย และกระเป๋ายาเตรียมไว้ในบ้าน และให้ทุกคนทราบว่าอยู่ที่ไหน

    2. ศึกษาการปฐมพยาบาลเบื้องต้น

    3. ควรมีเครื่องมือดับเพลิงไว้ในบ้าน เช่น เครื่องดับเพลิง ถุงทราย เป็นต้น

    4. ควรทราบตำแหน่งของวาล์วปิดน้ำ วาล์วปิดก๊าซ สะพานไฟฟ้า สำหรับตัดกระแสไฟฟ้า

    5. อย่าวางสิ่งของหนักบนชั้น หรือหิ้งสูง ๆ เมื่อแผ่นดินไหวอาจตกลงมาเป็นอันตรายได้

    6. ผูกเครื่องใช้หนัก ๆ ให้แน่นกับพื้นผนังบ้าน

    7. ควรมีการวางแผนเรื่องจุดนัดหมาย ในกรณีที่ต้องพลัดพรากจากกันเพื่อมารวมกันอีกครั้งในภายหลัง

    8. สร้างอาคารบ้านเรือนให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่กำหนด สำหรับพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหว

    [​IMG]ระหว่างเกิดแผ่นดินไหว

    1. อย่าตื่นตกใจ พยายามควบคุมสติอยู่อย่างสงบ ถ้าท่านอยู่ในบ้านก็ให้อยู่ในบ้าน ถ้าท่านอยู่นอกบ้านก็ให้อยู่นอกบ้าน เพราะส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บเพราะวิ่งเข้าออกจากบ้าน

    2. ถ้าอยู่ในบ้านให้ยืนหรือมอบอยู่ในส่วนของบ้านที่มีโครงสร้างแข็งแรง ที่สามารถรับน้ำหนัก ได้มาก และให้อยู่ห่างจากประตู ระเบียง และหน้าต่าง

    3. หากอยู่ในอาคารสูง ควรตั้งสติให้มั่น และรีบออกจากอาคารโดยเร็ว หนีให้ห่างจากสิ่งที่จะล้มทับได้

    4. ถ้าอยู่ในที่โล่งแจ้งให้อยู่ห่างจากเสาไฟฟ้า และสิ่งห้อยแขวนต่าง ๆ ที่ปลอดภัยภายนอกคือที่โล่งแจ้ง

    5. อย่าใช้เทียน ไม้ขีดไฟ หรือสิ่งที่ทำให้เกิดเปลวหรือประกายไฟ เพราะอาจมีแก๊สรั่วอยู่บริเวณนั้น

    6. ถ้าท่านกำลังขับรถให้หยุดรถและอยู่ภายในรถ จนกระทั่งการสั่นสะเทือนจะหยุด

    7. ห้ามใช้ลิฟท์โดยเด็ดขาดขณะเกิดแผ่นดินไหว

    8. หากอยู่ชายหาดให้อยู่ห่างจากชายฝั่ง เพราะอาจเกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าหาฝั่ง

    [​IMG] หลังเกิดแผ่นดินไหว

    1. ควรตรวจตัวเองและคนข้างเคียงว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ให้ทำการปฐมพยาบาลขั้นต้นก่อน

    2. ควรรีบออกจากอาคารที่เสียหายทันที เพราะหากเกิดแผ่นดินไหวตามมาอาคารอาจพังทลายได้

    3. ใส่รองเท้าหุ้มส้นเสมอ เพราะอาจมีเศษแก้ว หรือวัสดุแหลมคมอื่น ๆ และสิ่งหักพังแทง

    4. ตรวจสายไฟ ท่อน้ำ ท่อแก๊ส ถ้าแก๊สรั่วให้ปิดวาล์วถังแก๊ส ยกสะพานไฟ อย่าจุดไม้ขีดไฟ หรือก่อไฟจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีแก๊สรั่ว

    5. ตรวจสอบว่า แก๊สรั่ว ด้วยการดมกลิ่นเท่านั้น ถ้าได้กลิ่นให้เปิดประตูหน้าต่างทุกบาน

    6. ให้ออกจากบริเวณที่สายไฟขาด และวัสดุสายไฟพาดถึง

    7. เปิดวิทยุฟังคำแนะนำฉุกเฉิน อย่าใช้โทรศัพท์ นอกจากจำเป็นจริง ๆ

    8. สำรวจดูความเสียหายของท่อส้วม และท่อน้ำทิ้งก่อนใช้

    9. อย่าเป็นไทยมุงหรือเข้าไปในเขตที่มีความเสียหายสูง หรืออาคารพัง

    10. อย่าแพร่ข่าวลือ


    [​IMG]
    เขื่อนศรีนครินทร์ ​


    ขณะเดียวกับ หากเกิดเหตุการณ์อุทกภัยขึ้น หรือมีแนวโน้มว่าอาจจะเกิดอุทกภัย เราควรปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้

    [​IMG] ก่อนเกิดอุทกภัย

    1. เชื่อฟังคำเตือนอย่างเคร่งครัด

    2. ติดตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่อง


    3. เคลื่อนย้ายคน สัตว์เลี้ยง เช่น วัว ควาย และสิ่งของไปอยู่ในที่สูง ซึ่งเป็นที่พ้นระดับน้ำที่เคยท่วมมาก่อน

    4. ทำคันดินหรือกำแพงกั้นน้ำโดยรอบ

    5. เคลื่อนย้ายพาหนะ เช่น รถยนต์หรือล้อเลื่อนไปอยู่ที่สูง หรือทำแพสำหรับที่พักรถยนต์ อาจจะใช้ถังน้ำขนาด 200 ลิตร ผูกติดกันแล้วใช้กระดานปูก็ได้

    6. เตรียมกระสอบใส่ดินหรือทราย เพื่อเสริมคันดินที่กั้นน้ำให้สูงขึ้น เมื่อระดับน้ำขึ้นสูงท่วมคันดินที่สร้างอยู่
    7. ควรเตรียมเรือไม้ เรือยาง หรือแพไม้ไว้ใช้ด้วย เพื่อใช้เป็นพาหนะในขณะน้ำท่วมเป็นเวลานาน เรือเหล่านี้สามารถช่วยชีวิตได้เมื่ออุทกภัยคุกคาม

    8. เตรียมเครื่องมือช่างไม้ ไม้กระดาน และเชือกไว้บ้างสำหรับต่อแพ เพื่อช่วยชีวิตในยามคับขัน เมื่อน้ำท่วมมากขึ้น จะได้ใช้เครื่องมือช่างไม้เปิดหลังคารื้อฝาไม้ เพื่อใช้ช่วยพยุงตัวในน้ำได้

    9. เตรียมอาหารกระป๋อง หรืออาหารสำรองไว้บ้าง พอที่จะมีอาหารรับประทานเมื่อน้ำท่วมเป็นระยะเวลาหลาย ๆ วัน อาหารย่อมขาดแคลนและไม่มีที่หุงต้ม

    10. เตรียมน้ำดื่มเก็บไว้ในขวดและภาชนะที่ปิดแน่น ๆ ไว้บ้าง เพราะน้ำที่สะอาดที่ใช้ตามปกติขาดแคลนลง ระบบการส่งน้ำประปาอาจจะหยุดชะงักเป็นเวลานาน

    11. เตรียมเครื่องเวชภัณฑ์ไว้บ้างพอสมควร เช่น ยาแก้พิษกัดต่อยแมลงป่อง ตะขาบ งู และสัตว์อื่น ๆ เพราะเมื่อเกิดน้ำท่วมพวกสัตว์มีพิษ เหล่านี้จะหนีน้ำขึ้นมาอยู่บนบ้านและหลังคาเรือน

    12. เตรียมเชือกมนิลามีความยาวไม่น้อยกว่า 10 เมตร ใช้ปลายหนึ่งผูกมัดกับต้นไม้เป็นที่ยึดเหนี่ยว ในกรณีที่กระแสน้ำเชี่ยว และคลื่นลูกใหญ่ซัดมากวาดผู้คนลงทะเล จะช่วยไม่ให้ไหลลอยไปตามกระแสน้ำ

    13. เตรียมวิทยุที่ใช้ถ่านไฟฉาย เพื่อไว้ติดตามฟังรายงานข่าวลักษณะอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา

    14. เตรียมไฟฉาย ถ่านไฟฉาย และเทียนไข เพื่อไว้ใช้เมื่อไฟฟ้าดับ

    [​IMG] ขณะเกิดอุทกภัย

    ควรตั้งสติให้มั่นคง อย่าตื่นกลัวหรือตกใจ ควรเตรียมพร้อมที่จะเผชิญเหตุการณ์ด้วยความสุขุม รอบคอบ และควรปฏิบัติดังต่อไปนี้

    1. ตัดสะพานไฟ และปิดแก๊สหุงต้มให้เรียบร้อย

    2. จงอยู่ในอาคารที่แข็งแรง และอยู่ในที่สูงพ้นระดับน้ำที่เคยท่วมมาก่อน

    3. จงทำให้ร่างกายอบอุ่นอยู่เสมอ

    4. ไม่ควรขับขี่ยานพาหนะฝ่าลงไปในกระแสน้ำหลาก

    5. ไม่ควรเล่นน้ำหรือว่ายน้ำเล่นในขณะน้ำท่วม

    6. ระวังสัตว์มีพิษที่หนีน้ำท่วมขึ้นมาอยู่บนบ้าน และหลังคาเรือนกัดต่อย เช่น งู แมลงป่อง ตะขาบ เป็นต้น
    7. ติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิด เช่น สังเกตลมฟ้าอากาศ และติดตามคำเตือนเกี่ยวกับ ลักษณะอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา

    8. เตรียมพร้อมที่จะอพยพไปในที่ปลอดภัยเมื่อสถานการณ์จวนตัว หรือปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการ

    9. เมื่อจวนตัวให้คำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตมากกว่าห่วงทรัพย์สมบัติ

    [​IMG] หลังอุทกภัย

    เมื่อระดับน้ำลดลงจนเป็นปกติ การบูรณะซ่อมแซมสิ่งต่าง ๆ จะต้องเริ่มต้นทันที่งานบูรณะต่าง ๆ เหล่านี้จะประกอบด้วย

    1. การขนส่งคนอพยพกลับยังภูมิลำเนาเดิม

    2. การช่วยเหลือในการรื้อสิ่งปรักหักพัง ซ่อมแซมบ้านเรือนที่หักพัง และถ้าบ้านเรือนที่ถูกทำลายสิ้น ก็ให้ได้รับความช่วยเหลือในการจัดหาที่พักอาศัยและการดำรงชีพชั่วระยะหนึ่ง

    3. การกวาดเก็บขนสิ่งปรักหักพังทั่วไป การทำความสะอาดบ้านเรือน ถนนหนทางที่เต็มไปด้วยโคลนตม และสิ่งชำรุดเสียหายที่เกลื่อนกลาดอยู่ทั่วไปกลับสู่สภาพปกติโดยเร็ว

    4. ซ่อมแซมบ้านเรือนอาคาร โรงเรียนที่พักอาศัย สะพานที่หักพังชำรุดเสียหาย และที่เสียหายมากจนไม่อาจซ่อมแซมได้ ก็ให้รื้อถอนเพราะจะเป็นอันตรายได้

    5. จัดซ่อมทำเครื่องสาธารณูปโภค ให้กลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็วที่สุด เช่น การไฟฟ้า ประปา โทรเลข โทรศัพท์

    6. ภายหลังน้ำท่วมจะมีซากสัตว์ตาย ปรากฏในที่ต่าง ๆ ซึ่งจะต้องจัดการเก็บฝังโดยเร็ว สัตว์ที่มีชีวิตอยู่ซึ่งอดอาหารเป็นเวลานาน ให้รีบให้อาหารและนำกลับคืนให้เจ้าของ

    7. ซ่อมถนน สะพาน และทางรถไฟที่ขาดตอนชำรุดเสียหายให้กลับสู่สภาพเดิม เพื่อใช้ในการคมนาคมได้โดยเร็วที่สุด

    8. สร้างอาคารชั่วคราวสำหรับผู้ที่อาศัย เนื่องจากถูกอุทกภัยทำลายให้อยู่อาศัยเป็นการชั่วคราว

    9. การสงเคราะห์ผู้ประสบอุทกภัย มีการแจกเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม และอาหารแก่ผู้ประสบภัย ความอดอยาก ความขาดแคลนจะมีอยู่ระยะหนึ่ง ซึ่งควรจะได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยบรรเทาทุกข์หรือมูลนิธิ และอีกประการหนึ่ง

    10. ภายหลังอุทกภัย เนื่องจากสิ่งแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก จะทำให้เกิดเจ็บไข้และโรคระบาดได้

    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
    - กรมอุตุนิยมวิทยา
    - การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
    - ศูนย์วิจัยและพัฒนาวิศวกรรมปฐพีและฐานราก มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
    - กระทรวงศึกษาธิการ
    สวัสดีครับ
     
  7. wisaruth

    wisaruth เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2009
    โพสต์:
    193
    ค่าพลัง:
    +1,726
    เข้ามาทักทายและร่วมอนุโมทนาบุญครับ พี่ ณ และ ดร.หนอน ครับ
     
  8. benyapa

    benyapa ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    1,088
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ขออนุโมทนากับพี่ ณ และทุก ๆท่านด้วยนะคะ ตามพี่ ณ มาจากอีกกระทู้นึงค่ะ

    ยินดีที่ได้รุ่้จักนะคะ
     
  9. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    สวัสดีค่าคุณbenyapa ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
    ณ ไม่แน่ใจว่าเคยคุยกับคุณbenyapaมาก่อนหรือเปล่า ;)
    เดี๋ยวย้อนอดีตให้ฟัง...^^
    ราว 3 ปีที่แล้ว ...
    ตอนนั้น ณ กับ พี่ชานนคนไทย ได้จัดทริปตะลอนบุญขึ้น
    ไปทำบุญทางภาคอิสาน แล้วคุณbenyapaโทรมาว่า
    อยากร่วมทริปด้วยเพราะมีโครงจะไปร่วมงานผ้าป่าของหลวงตามหาบัว
    แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เจอกัน เพราะคนเยอะมาก การติดต่อก็ลำบาก
    และอีกอย่างทริปนั้น พวกเราต้องทำเวลาตะเวณกันไปอีกหลายวัด
    ก็เลยได้แต่ร่วมอนุโมทนาบุญกันไป
    ถ้าคุณbenyapaใช้สาวคนนั้น ก็สวัสดีอีกครั้งค่ะ พี่ปู @^^@

    [​IMG]

    หรือถ้าเป็นสาวผู้น่ารักอีกท่าน ก็ยินดีต้อนรับเช่นกันค่ะ
    ที่แคร่ริมคลองแห่งนี้ยินดีต้อนรับทุกมิตรไมตรี
    ยินดีรับฟัง ยินดีร่วมเผยแผ่สิ่งดีๆ ด้วยใจ
    แวะมาคุยหรือฝากข่าวสารดีๆ ได้ตลอดนะคะ:cool:

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กันยายน 2010
  10. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    ดีจ้าเบส...
    ทางโน้นเป็นไง ฝนตกหนักปล่าว...รักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ
    อนุโมทนาทุกงานกุศลเช่นกันจ้า ^^

    [​IMG]
     
  11. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    อนุโมทนาบุญด้วยจ้าหยด
    สงสัยอาจจะพลาดทั้ง 2 งานซะแล้ว ><"
    เพราะมีโครงการล่วงหน้าซะแล้วน่ะ
    ยังไงถ้ามีโอกาสคงได้ร่วมบุญกันอีกนะ

    [​IMG]
     
  12. K_Jit

    K_Jit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +1,755
    ฝากใบโพธิ์ทะเล ณ ป่าโกงกาง เพชรบุรี มาฝากคุณ ณ
    และต้นไม้ที่ไปปลูกในวันนี้มาฝาก 1 ต้น (นึกถึงวันคืนที่เคยถ่ายรูปกัน)
    เราคงจะได้ร่วมทริปกันอีก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • DSCF3601.JPG
      DSCF3601.JPG
      ขนาดไฟล์:
      476.6 KB
      เปิดดู:
      64
    • DSCF3616.JPG
      DSCF3616.JPG
      ขนาดไฟล์:
      494.4 KB
      เปิดดู:
      61
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2010
  13. ck256

    ck256 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2010
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +48
    คิดถึงพี่ๆจัง
    ไก่/โย ภูทอก
     
  14. ck256

    ck256 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2010
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +48
    ไก่พอจะรุ้นิดหน่อยกับนำมันมะพร้าวจะแบ่งปันนิดนึง รักษาอาการปวดอักเสบได้ดีมากโดยเฉพาะอาการกระดูกทับเส้นที่พึ่งจะทดสอบกับผู้ป่วยที่รักษามาหลายที่เจอนำมันมะพร้าวไก่เข้าไปครั้งเดียวหายเป็นปิดทิ้งเลยอาจเป็นเพราะมีกรดลอลิคที่มีในนำนมแม่ที่ช่วยรักษาอาการอักเสบได้ดี และผู้ที่เป็นเส้นเลือดขอด/อักเสบตรงขาพับ ทาแล้วเอาเหรียญ 10 บาท ขูดลงเบาๆจะหายปวดภายใน 5 นาทีแต่จะกลับมาปวดอีกแต่ยืดเวลาปวดออกไป ห่างออกๆแล้วหายสนิดใช้เวลารักษาประมาณ 1 เดือนค่ะ แล้วในกรณีทีหกล้มมีเลือดซ้ำทาประมาณ 1 นาทีเลือดที่ซำจะหายไป(ลองมาแล้วจ้า)
    นักเรียนเภสัชกรรมแผนไทย ไก่/โย
     
  15. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    โห...ดีจัง ขอบคุณจ้า ได้ความรู้เพิ่มเติมอีกแล้ว
    มีแม่หมอพ่อหมอเก่งๆ ดีจังเลย...
    แล้วว่างเมื่อไหร่ จะไปภูวัวตอนไหน กระซิบกันบ้างนะ เผื่อจะว่างตรงกัน:cool:
     
  16. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080

    [​IMG]

    พี่กีจ๋า...คิดฮอดหลายเด้อพี่เด้อ...
    แล้วเมื่อไหร่พี่ออกค่ายอีก กระซิบมาบ้างนะ
    ถ้าต้องการแรงงาน (แล้วว่าง) จะไปช่วย
    แล้วถ้าเผื่อช่วงไหน ณ แว๊บแอบตะลอน จะชวนนะ สนอะปล่าว...^^
     
  17. ปาฏิหาริย์

    ปาฏิหาริย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +3,516
    [SIZE=+0]ได้มาจาก[/SIZE]
    [SIZE=+0]FWเมลครับ[/SIZE]
    [SIZE=+0][/SIZE]
    [SIZE=+0]: ปล่อยวาง


    [/SIZE][SIZE=+0]ทันทีที่เด็กน้อยตื่นมาตอนใกล้รุ่ง [/SIZE]
    [SIZE=+0]อย่างแรกที่เขาทำคือพลิกตัวมองก้อนข้าวที่ย่าวางเอาไว้บนพื้นใกล้เตา [/SIZE]
    [SIZE=+0]คอยดูว่าเมื่อไหร่หนูจะมากินเหยื่อ [/SIZE]

    [SIZE=+0]มันคงไม่รู้ว่าย่าได้ทำกับดักเอาไว้ [/SIZE]
    [SIZE=+0]โดยเอาก้อนข้าววางบนไม้กระดาน เหนือก้อนข้าว[/SIZE]
    [SIZE=+0]เป็นหม้อดินเก่า ๆ ที่ถูกค้ำด้วยก้านไม้ยาว ๖ นิ้ว [/SIZE]
    [SIZE=+0]เพียงแค่มันเผลอวิ่งไปกระแทกก้านไม้เท่านั้น [/SIZE]
    [SIZE=+0]หม้อก็จะตกลงมาครอบตัวมันเอาไว้เด็กน้อยสังเกตว่าพอย่าก่อไฟ [/SIZE]
    [SIZE=+0]หนูก็จะค่อย ๆ ย่องออกมา [/SIZE]
    [SIZE=+0]คงเป็นเพราะเปลวไฟทำให้มันเห็นก้อนข้าว [/SIZE]

    [SIZE=+0]มันจะวนรอบ ๆ กับดัก แล้วก็ตรงไปคาบก้อนข้าว [/SIZE]
    [SIZE=+0]จากนั้นก็วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว [/SIZE]
    [SIZE=+0]โดยไม่ชนก้านไม้หรือหม้อดินเลย [/SIZE]
    [SIZE=+0] [/SIZE]
    [SIZE=+0]วันแล้ววันเล่าที่หนูคาบก้อนข้าวกลับไปได้อย่างมีชัย [/SIZE]
    [SIZE=+0]ผ่านไปแล้วถึงสองอาทิตย์กับดักของย่าก็ยังทำอะไรมันไม่ได้ [/SIZE]
    [SIZE=+0]เด็กน้อยสังเกตว่าหนูตัวอ้วนขึ้นเรื่อย ๆ [/SIZE]
    [SIZE=+0]เขาไม่ค่อยพอใจที่มันลอยนวลอยู่ได้ [/SIZE]
    [SIZE=+0]แต่ย่ากลับไม่รู้สึกหงุดหงิดหรือร้อนใจแต่อย่างใด [/SIZE]
    [SIZE=+0]บางครั้งมันเดินป้วนเปี้ยนใกล้ย่าขณะที่กำลังต้มข้าว [/SIZE]
    [SIZE=+0]ย่าก็ไม่ได้สนใจมันเลย [/SIZE]
    [SIZE=+0]ยังคงพึมพำคำสวดมนต์ต่อไป [/SIZE]
    [SIZE=+0] [/SIZE]
    [SIZE=+0]ย่าสวดมนต์อย่างนี้ตลอดวันตั้งแต่เช้าจนค่ำเช่นเดียวกับผู้เฒ่าชาวภูฐาน [/SIZE]
    [SIZE=+0]ย่าได้วางมือจากไร่นา [/SIZE]
    [SIZE=+0]หันมาปฏิบัติธรรมเต็มที่อยู่กับบ้าน [/SIZE]
    [SIZE=+0]บางครั้งก็จาริกไปตามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ [/SIZE]
    [SIZE=+0]เมื่อกลับมาบ้านก็ยังคงสวดมนต์พร้อมกับทำกิจวัตรไปด้วย [/SIZE]
    [SIZE=+0] [/SIZE]
    [SIZE=+0]เกือบสามอาทิตย์แล้วที่กิจวัตรอย่างหนึ่งของย่า[/SIZE]
    [SIZE=+0]คือวางข้าวก้อนใหม่ทุกคืนเพื่อดักหนู [/SIZE]
    [SIZE=+0]หนูตัวนี้แอบกินอาหารในถุงข้าวมานานนับเดือนแล้ว [/SIZE]
    [SIZE=+0]จึงต้องหาทางจัดการกับมันก่อนที่มันจะสร้างหลักปักฐานเป็นครอบครัวใหญ่ [/SIZE]
    [SIZE=+0] [/SIZE]
    [SIZE=+0]ในที่สุดเจ้าหนูอ้วนก็พลาดจนได้ [/SIZE]
    [SIZE=+0]พอคาบก้อนข้าวได้มันก็หันไปมองย่าขณะที่วิ่งกลับรัง [/SIZE]
    [SIZE=+0]จึงไปชนก้านไม้ [/SIZE]
    [SIZE=+0]หม้อดินเลยตกลงมาครอบมันเอาไว้ [/SIZE]
    [SIZE=+0]เด็กน้อยดีใจมากกระโดดตัวลอย ตะโกนลั่นว่า [/SIZE]

    [SIZE=+0]“ [SIZE=+0]ย่า มันติดกับดักแล้ว หนูอยู่ในหม้อ [/SIZE][SIZE=+0]” [/SIZE][/SIZE]
    [SIZE=+0] [/SIZE]
    [SIZE=+0]แต่ย่ายังคงคนข้าวในหม้อต่อไป [/SIZE]
    [SIZE=+0]ไม่มีทีท่าดีใจหรือตื่นเต้นเลยย่ายังคงทำงานต่อไป [/SIZE]
    [SIZE=+0]จนได้เวลากินข้าว เด็กน้อยอยากรู้ว่าย่าจะทำอย่างไรกับเจ้าหนูอ้วน [/SIZE]
    [SIZE=+0]แต่ย่าก็ยังคงกินข้าวตามปกติ [/SIZE]
    [SIZE=+0]ครั้นกินข้าวเสร็จ ย่าก็เอาข้าวแห้งใส่กระบอกไม้ไผ่ [/SIZE]
    [SIZE=+0]เด็กน้อยรู้ทันทีว่าย่ากำลังจะเดินทางไกล[/SIZE]
    [SIZE=+0]ย่าเอากับดักหนูเทินหัว ค่อย ๆ ไต่สะพานเหนือลำธารน้ำแข็ง [/SIZE]
    [SIZE=+0]ตรงเข้าไปในป่า ถึงชายป่าแล้วย่าก็ยังเดินต่อไป [/SIZE]
    [SIZE=+0]ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ ย่าเดินช้า ๆ แต่มั่นคง [/SIZE]
    [SIZE=+0]เป็นเวลานานสองชั่วโมงในที่สุดก็มาถึงป่าลึกที่มีลำห้วยไหลผ่าน [/SIZE]
    [SIZE=+0] [/SIZE]
    [SIZE=+0]ย่าหยุดตรงที่มีลูกโอ๊คร่วงหล่น [/SIZE]
    [SIZE=+0]สัตว์เล็กสัตว์น้อยกระโดดโลดเต้นเก็บกินผลไม้นานาชนิด [/SIZE]
    [SIZE=+0]ย่าบอกเด็กน้อยในเวลาต่อมาว่าตรงนั้นแหละที่ย่าปล่อยหนูให้เป็นอิสระ [/SIZE]
    [SIZE=+0] [/SIZE]
    [SIZE=+0]ภาพประทับในวัยเด็กข้างต้น คินเลย์ ดอร์จิ ได้ถ่ายทอดอย่างงดงาม [/SIZE]
    [SIZE=+0]ในหนังสือเรื่อง [SIZE=+0]“ [/SIZE][SIZE=+0]ในดินแดนแห่งความสุข [/SIZE][SIZE=+0]” [/SIZE][/SIZE]
    [SIZE=+0]( [SIZE=+0]สำนักพิมพ์สวนเงินมีมา) [/SIZE][/SIZE]
    [SIZE=+0][/SIZE]
    [SIZE=+0]เช่นเดียวกับเด็กน้อยคินเลย์ [/SIZE]
    [SIZE=+0]ผู้อ่านคงอดดีใจไม่ได้ที่หนูติดกับดักของย่าเสียทีหลังจากที่เอาใจช่วยมาตั้งแต่ต้น [/SIZE]
    [SIZE=+0]แต่ก็คงนึกไม่ถึงว่าย่าจะยอมเหนื่อยยากฝ่าความหนาวเดินเข้าป่าถึงสองชั่วโมงเพียงเพื่อปล่อยหนูตัวนั้น [/SIZE]
    [SIZE=+0]ทั้ง ๆ ที่มันก่อปัญหามานานนับเดือน [/SIZE]
    [SIZE=+0]แทนที่ย่าจะโกรธและกำจัดมัน กลับมีเมตตา [/SIZE]
    [SIZE=+0]พามันไปอยู่บ้านใหม่ที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ [/SIZE]
    [SIZE=+0]ย่าคิดถึงความสุขของหนูยิ่งกว่าความสะดวกสบายของตนเสียอีก [/SIZE]
    [SIZE=+0] [/SIZE]
    [SIZE=+0]เรื่องราวของย่าทำให้เราเห็นอีกมิติหนึ่งของ [SIZE=+0]“ [/SIZE][SIZE=+0]ความเจริญ [/SIZE][SIZE=+0]” [/SIZE][/SIZE]
    [SIZE=+0]นั่นคือความเจริญทางจิตใจที่เปล่งประกายแห่งเมตตากรุณาให้ประจักษ์ [/SIZE]
    [SIZE=+0]แม้มีอำนาจเหนือสัตว์เล็กสัตว์น้อย [/SIZE]
    [SIZE=+0]แต่ก็ปฏิบัติอย่างอ่อนโยนนุ่มนวล [/SIZE]
    [SIZE=+0]ไม่ทำตามอำเภอใจหรือคำนึงแต่ประโยชน์ของตนเป็นหลัก [/SIZE]
    [SIZE=+0]จะว่าไปแล้วความเจริญของมนุษย์อยู่ที่ไหนหากมิใช่การมีเมตตากรุณาต่อผู้ด้อยกว่า อันนำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก [/SIZE]
    [SIZE=+0]เทคโนโลยีล้ำยุคและความมั่งคั่งที่เพิ่มพูนอำนาจให้แก่มนุษย์อย่างมหาศาล [/SIZE]
    [SIZE=+0]แต่ถูกใช้ไปเพื่อทำลายล้างเพื่อนมนุษย์และสรรพชีวิต [/SIZE]
    [SIZE=+0]จนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า [/SIZE]
    [SIZE=+0]จะเรียกว่าเป็นเครื่องหมายแห่งความเจริญได้อย่างไร [/SIZE]
    [SIZE=+0] [/SIZE]
    [SIZE=+0]เรื่องราวของย่ายังสะท้อนให้เห็นถึง [SIZE=+0]“ [/SIZE][SIZE=+0]การปฏิบัติธรรม [/SIZE][SIZE=+0]” [/SIZE][/SIZE]
    [SIZE=+0]ที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับวิถีชีวิต [/SIZE]
    [SIZE=+0]ธรรมที่ว่ามิได้หมายถึงคุณธรรมในการเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับผู้อื่นเท่านั้น [/SIZE]
    [SIZE=+0]หากยังรวมถึงธรรมสำหรับการวางใจในเวลาทำงานด้วย [/SIZE]
    [SIZE=+0]ย่าตระหนักดีว่าหนูได้สร้างปัญหาแก่บ้านของย่า [/SIZE]
    [SIZE=+0]จึงลงมือทำกับดักด้วยตัวเอง แต่เมื่อทำเสร็จแล้ว [/SIZE]
    [SIZE=+0]ย่าก็เพียงแค่รอให้หนูมาติดกับดักเท่านั้น [/SIZE]
    [SIZE=+0]ระหว่างนั้นย่าก็ทำงานอื่นของตนไปเรื่อย ๆ [/SIZE]
    [SIZE=+0]ขณะที่หุงข้าวก็ใส่ใจอยู่กับการหุงข้าว [/SIZE]
    [SIZE=+0]ไม่มีทีท่าสนใจหนูที่จด ๆ จ้อง ๆ หรือเดินวนรอบก้อนข้าว [/SIZE]
    [SIZE=+0]แม้ผ่านไปนานเกือบสามอาทิตย์ โดยจับหนูไม่ได้เลย [/SIZE]
    [SIZE=+0]ย่าก็ไม่รู้สึกหงุดหงิดกระฟัดกระเฟียด หรือท้อถอย [/SIZE]
    [SIZE=+0]ยังคงเอาก้อนข้าวมาวางทุกคืน และรอคอยอย่างใจเย็นให้หนูติดกับดัก [/SIZE]
    [SIZE=+0]ครั้นหนูเสียท่าในที่สุด [/SIZE]
    [SIZE=+0]ย่าก็ไม่ได้ลิงโลดดีใจ ยังคงทำงานของตนต่อไป [/SIZE]
    [SIZE=+0]ต่อเมื่อกินข้าวเสร็จจึงเอาหนูไปปล่อยในป่า [/SIZE]
    [SIZE=+0] [/SIZE]
    [SIZE=+0]ย่าเป็นตัวอย่างของคนที่ทำงานอย่างปล่อยวาง [/SIZE]
    [SIZE=+0]ปล่อยวางมิได้หมายถึงวางเฉยไม่ทำอะไร [/SIZE]
    [SIZE=+0]ย่าเห็นว่าเมื่อมีปัญหาก็ต้องแก้ไข มิใช่แค่ทำใจเท่านั้น ต่อเมื่อทำสิ่งที่ควรทำจนครบถ้วนแล้ว ก็วางมือและวางใจ [/SIZE]
    [SIZE=+0]คือรอคอยให้เกิดผลอย่างที่มุ่งหวัง [/SIZE]
    [SIZE=+0]แต่ตราบใดที่ผลสำเร็จยังไม่เกิดขึ้น ก็ไม่หงุดหงิดร้อนใจหรือเป็นทุกข์ [/SIZE]
    [SIZE=+0]ยังคงทำงานอื่นต่อไป แม้เวลาผ่านไปเนิ่นนาน [/SIZE]
    [SIZE=+0]ก็ไม่ท้อถอย ยังเพียรทำต่อไปจนประสบผลในที่สุด [/SIZE]
    [SIZE=+0]ครั้นได้รับความสำเร็จ ก็ไม่ลิงโลดดีใจ [/SIZE]
    [SIZE=+0]กล่าวอีกนัยหนึ่งคือไม่ยินร้ายเมื่อล้มเหลว และไม่ยินดีเมื่อสำเร็จ [/SIZE]
    [SIZE=+0] [/SIZE]
    [SIZE=+0]พูดอย่างพุทธก็คือ ย่ามิได้ปล่อยวางในเหตุ [/SIZE]
    [SIZE=+0]พยายามสร้างเหตุอย่างเต็มที่ ส่วนผลนั้นย่าปล่อยวาง [/SIZE]
    [SIZE=+0]จะเกิดผลเมื่อไรก็ไม่สนใจ ผลเป็นอย่างไรก็ไม่มีอาการขึ้นลง [/SIZE]
    [SIZE=+0]เพราะทำเต็มที่แล้ว ที่น่าสนใจก็คือ [/SIZE]
    [SIZE=+0]ย่าปล่อยวางในผลตั้งแต่ต้นจนถึงที่สุด [/SIZE]
    [SIZE=+0]เมื่อหนูอยู่ในกำมือของย่า ย่าก็ยังนำหนูไปปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ [/SIZE]
    [SIZE=+0]หากหนูคือตัวแทนแห่งความสำเร็จ สิ่งที่ย่าทำก็คือการ [/SIZE]
    [SIZE=+0]คืนความสำเร็จให้เป็นของธรรมชาติ [/SIZE]
    [SIZE=+0] [/SIZE]
    [SIZE=+0]พูดอย่างท่านอาจารย์พุทธทาสก็คือ [SIZE=+0]“ [/SIZE][SIZE=+0]คืนผลงานให้เป็นของความว่าง [/SIZE][SIZE=+0]” [/SIZE][/SIZE]
    [SIZE=+0]ผลงานหรือความสำเร็จนั้น หากไม่รู้จักปล่อยวาง [/SIZE]
    [SIZE=+0]เราก็จะทำงานด้วยความทุกข์ตั้งแต่ต้น [/SIZE]
    [SIZE=+0]เพราะคอยแต่พะวงว่าเมื่อไรถึงจะเกิดผลหรือประสบความสำเร็จ [/SIZE]
    [SIZE=+0]ยิ่งอยากให้เกิดความสำเร็จไว ๆ [/SIZE]
    [SIZE=+0]ก็ยิ่งเป็นทุกข์เพราะรู้สึกว่าเกิดผลเชื่องช้าไม่ทันใจ [/SIZE]
    [SIZE=+0]ในที่สุดก็ท้อแท้ที่ไม่เกิดผลสำเร็จเสียที [/SIZE]
    [SIZE=+0]ในทางตรงข้ามหากได้รับความสำเร็จ [/SIZE]
    [SIZE=+0]ก็จะยึดติดถือมั่นว่าเป็นความสำเร็จ [SIZE=+0]“ [/SIZE][SIZE=+0]ของกู [/SIZE][SIZE=+0]” [/SIZE][/SIZE]
    [SIZE=+0]คอยหวงแหนกีดกันไม่ให้ใครมาร่วมเป็นเจ้าของความสำเร็จด้วย [/SIZE]
    [SIZE=+0]ในเวลาเดียวกันหากคนอื่นไม่เห็น [/SIZE]
    [SIZE=+0]ไม่ยอมรับหรือไม่ชื่นชมความสำเร็จของตน [/SIZE]
    [SIZE=+0]ความดีใจก็จะกลายเป็นความไม่พอใจทันที [/SIZE]
    [SIZE=+0]ยิ่งมีใครมาวิพากษ์วิจารณ์ผลงาน [SIZE=+0]“ [/SIZE][SIZE=+0]ของกู [/SIZE][SIZE=+0]” [/SIZE][SIZE=+0]ด้วยแล้ว ก็จะรู้สึกว่า [/SIZE][SIZE=+0]“ [/SIZE][SIZE=+0]ตัวกู [/SIZE][SIZE=+0]” [/SIZE][SIZE=+0]ถูกกระทบกระแทกขึ้นมาทันที [/SIZE][/SIZE]
    [SIZE=+0] [/SIZE]
    จะไม่ดีกว่าหรือหากทำงานด้วยใจปล่อยวาง
    แม้ล้มเหลวก็ไม่เป็นทุกข์
    [SIZE=+0]ครั้นประสบความสำเร็จ ก็ไม่ถูกความสำเร็จ กัดเอา [/SIZE]
    [SIZE=+0][/SIZE]
    [SIZE=+0]เพราะคืนความสำเร็จให้เป็นของธรรมชาติหรือความว่างไปแล้วตั้งแต่ต้น[/SIZE]
     
  18. K_Jit

    K_Jit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    276
    ค่าพลัง:
    +1,755
    เคาะเรียกได้เลย สามารถ



     
  19. ck256

    ck256 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2010
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +48

    :'( กรุณาอ่านแบบอิสาน catt24
    ffice:eek:ffice" /><O:p></O:p>
    พ่อใหญ่เคยเล่านิทานก้อมที่ปู่จวนได้เล่าให้ฟัง..
    <O:p></O:p>
    สมัยที่ไปสร้างภูทอกตอนหนุ่มๆให้ฟัง..(tm-love)
    <O:p></O:p>
    **เรื่องหมาขี้เฮื้อน**มีความว่า
    <O:p></O:p>
    มีหมาขี้เฮี้ยนตัว 1 นอนอยู่ดีๆ..
    <O:p></O:p>
    เห็นคนยางกลาย .. กินสื้นไก่มาพร้อม..กินแล้ว ..
    <O:p></O:p>
    ละดึกกระดูกไก่ถิ่ม .. หมาขี้เฮี้ยนเห็นเลยแลนไปกินกระดูกไก่ ..
    <O:p></O:p>
    คนกะเลยแตะหมาขี้เฮี้ยน .. จนฮ้องเอ๋ง ๆๆๆๆๆๆๆ ...
    <O:p></O:p>
    กะยอนว่าศูน .. หมาขี้เฮี้ยนเลยบอกเทวดาทึ่งฟ้าว่า ..
    <O:p></O:p>
    หมาขี้เฮี้ยน ; เทวดาให้ผู้ข้าเกิดเป็นคนแน ..
    <O:p></O:p>
    เทวดากะเลยให้หมาขี้ฮี้ยนกลายเป็นคน ..
    <O:p></O:p>
    คนยางไป .. กินไก่ย่างไป .. บ่ทันได้ ..โดน ..
    <O:p></O:p>
    คนกะถูกเสือคาบเอาคนไปกิน ..
    <O:p></O:p>
    หมาขี้เฮี้ยนเลยบอกเทวดาอีก ..
    <O:p></O:p>
    ให้เกิดเป็น เสือ แนจะได้กินคน .. เลยได้กลายเป็นเสือ ..
    <O:p></O:p>
    พอแตได้เป็นเสือบ่โดน .. กะหากินแต่ของดิบ ..
    <O:p></O:p>
    เลยเป็นโรคพยาธิกินตายในที่สุด ..
    <O:p></O:p>
    หมาขี้เฮี้ยน .. กะไปขอเทวดาอีก ..
    <O:p></O:p>
    หมาขี้เฮี้ยน ; เทวดา .. เจ้าข้า .. ให้ผู้ข้าได้เกิดเป็นพยาธิแน ..
    <O:p></O:p>
    ตัวน้อยๆแต่กินเสือตัวบักใหญ่ได้ .. เทวดากะให้หมาขี้เฮี้ยนกลายเป็นพยาธิ ..
    <O:p></O:p>
    ไปเกาะอยู่ยอดหญ้า .. ควาย .. ยางมาเห็น .. กินหญ้ากับพยาธิไปพร้อมกัน ..
    <O:p></O:p>
    แมมันนิ ! เทวดาเอ๊ย .. อยากเป็นควายเด ..
    หมาขี้เฮี้ยนเริ่มรู้สึกแย่ .. pig_cryy
    เทวดากะให้กลายเป็นควาย .. ชาวนาเอาควายไปสนสะพาย ..
    <O:p></O:p>
    ไปไถนาตากแดด .. จนวาเชือก ฮะกับคอเป็นบาดแผล ..
    <O:p></O:p>
    ติดเลือดติดหนองไปนอนในคอก .. พอแผลแห้ง ..
    <O:p></O:p>
    กะมีหมาขี้เฮี้ยนอีกตัว 1 .. ยางกลายมาได้กลิ่นเหม็น ..
    <O:p></O:p>
    เลยเข้าไปกันเชือกควายออกจนขาด .. หมาขี้เฮี้ยนในร่างควายสำนึกได้ ..
    <O:p></O:p>
    เป็นหมาขี้เฮี้ยนกะดีแล้ว !! กัดฮอดเชือกควายขาด .. <O:p></O:p>
    นิทานเรื่องนี้สอนให้ฮู้ว่า .. ให้ภูมิใจในสิ่งที่เจ้าของเป็น catt7<O:p></O:p>
    **เค้าว่าข้อย .. เป็นลาว เป็นชาวอิสาน .. ใจข้อย .. นั้นยังคอย ..
    <O:p></O:p>
    จงเอ็นดูแนเด้ออ้ายเด้อ .. จงปราณีน้องแนจักนอย**<O:p></O:p>
    ขอนั่งเบียดในแคร่ด้วยคนเด้อ catt3 เอื้อย .... ณ ......<O:p></O:p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2010
  20. ณ.

    ณ. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2006
    โพสต์:
    3,387
    ค่าพลัง:
    +9,080
    เต็มใจให้เบียดเลยจ้า อิหล่าคำแพง บักหล่า :d (แอบไปเปิดDict.มานะเนี่ย อิอิ..)
    มีเรื่องดีๆ มาเล่าสู่กันฟัง แบ่งความรู้ ปันความรัก ให้ความอบอุ่น
    แจกจ่ายรอยยิ้ม เผื่อแผ่ความจริงใจ ส่งมาโลด...
    เอื้อย อ้าย...and The Care Family / The Care Gang ช๊อบ ชอบ หลายๆ...^^

    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...