เรื่องเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นจริง!

กึ่งพุทธกาลกำหนดปี 2554 พระพุทธเจ้าได้เปิดโลกพระองค์ให้เห็นความจริงของพระองค์ที่เราไม่รู้กันมาก่อน เช่นพระรูปนิมิตแท้จริงเสด็จโปรดพุทธมารดาก็ทรงนิมิตไว้ที่ถ้ำแห่งหนึ่งน่าอัศจรรย์มาก และแม้แต่พระรูปแท้จริงก็เนรมิตไว้ จึงนับว่าเป็นครั้งแรกของโลกที่เราชาวพุทธจะได้ชมพระรูปพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง ใครได้ชมถือว่าได้พบพระพุทธเจ้าแท้จริง ถือว่ามีบุญมาก ในรอบ สองพันกว่าปีจึงสามารถพบได้สักครั้งหนึ่ง แต่บอกชาวพุทธยากลำบากเพราะของจริงนั้นมีน้อยให้ใครรูัเห็นได้ยาก ใครต้องการพระรูปเนรมิตพระพุทธเจ้าแท้จริงขอบูชาได้ หรือจะมาชมก็ติดต่อมาได้

 

เรื่องสำคัญอย่างนี้น่าจะเป็นข่าวใหญ่ให้ชาวพุทธได้รับรู้ ทำไมจึงเงียบจัง

 

ความจริงเราพบมาตั้งแต่วันวิสาขบูชา 2554 แล้ว แต่ต้องทำการค้นคว้าอย่างมากมายในความเชื่อมโยงแห่งหลักฐานพุทธประวัติในแดนประเทศไทยเราได้หลักฐานของรูปเนรมิตมากมาย เช่นพระรูปเนรมิตพระพุทธเจ้าต่าง ๆ ที่ชาวพุทธไม่เคยรู้และพบเห็นมาก่อน เป็นเรื่องอัศจรรย์ยิ่งใหญ่นักของพระพุทธศาสนากำหนดกึ่งพุทธกาล ถ้าไม่ถึงเวลานี้ก็จะไม่มีผู้ใดพบได้โดยเด็ดขาด หรือพระรูปม้ากัณฐกะ รูปเจ้าชายสิทธัตถะ ซึ้งอัศจรรย์ยิ่งนักที่ชาวโลกรู้แต่ตำราแต่ไม่เคยพบได้จริง พระพุทธเจ้านั้นอย่ามองว่าพระองค์มีแต่วิทยาศาสตร์ด้านเดียว พระองค์มีทั้งพุทธศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และปาฎิหาริ์ศาสตร์ แม้นิพพานไปแล้วก็ตามและงานของพระพุทธเจ้าที่แท้จริงนั้นไม่ใช้จะเป็นไปโดยพรวดพลาด ต้องสุขุมใช้เวลาถ้าไม่ดีจริงไม่มีจริงอย่านำมาพูด ที่เราค้นพบนี้เราทำมาตั้งแต่ปี 2554 2555 2556 ได้หลักฐานและข้อมูลพร้อมแล้ว เราจึงเริ่มเปิดเผยวันนี้เป็นวันแรก และกำลังติดต่อหนังสือพิมพ์หลาย ๆ ฉบับอยู่ ถ้าเราชาวพุทธไม่นำพากันมารู้สิ่งสำคัญนี้ความเสียหายใหญ่หลวงจะเกิดขึ้นมากมายนัก เช่นพระรูปเนรมิตสวย ๆ ที่ภูเขา และ แม่นำ กำลังถูกทำลายไปด้วยความไม่รู้ ในหลาย ๆ จังหวัด ถ้าชาวพุทธมีพระพุทธเจ้าไว้เคารพ ก็ช่วยกันมาตื่นตัวและรับรู้เรื่องนี้กันให้มากจะเกิดประโยชน์อย่างสูงต่อพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ใคร ๆ ก็เสียดายใช้ไหมเพราะสิ่งนี้ถ้าหมดไปแล้วก็หมดเลยไม่สามารถสร้างมาทดแทนได้ มาช่วยกันซิครับ ที่นี้สิ่งจริงแท้และไม่ใช่พูดแต่ปากเปล่ามีหลักฐานมหัจรรย์ของพระพุทธเจ้าที่เราไม่เคยพบมาก่อนมากนัก จึงเรียกว่าพระพุทธเจ้าเปิดโลกพระองค์กึ่งพุทธกาล ไม่ได้เปิดโลกแบบสมัยพุทธกาลนะ แต่เปิดโลกให้เห็น พระรูป พระนามและสถานที่แท้จริงของพระองค์ให้พบสัจธรรมความจริงของพระองค์ ใครอยากพบพระรูปและพระนามแท้จริงของ
พระองค์ก็ติดตามติดต่อมาครับเราชาวพุทธด้วยกัน มาดูซิว่า พระรูปแท้จริงพระพุทธเจ้าเนรมิตไว้เป็นเช่นไร รับรองว่าในสารบบเรื่องพระพุทธรูปไม่เคยมีใครพบมาก่อนและดูอัศจรรย์จริง ๆ จะได้ดูปาฏิหาริย์พระพุทธเจ้าที่เนรมิตไว้ก็เฉพาะยุคกึ่งพุทธกาลมาถึงเท่านั้นนะครับ แต่ก็นั้นแหละการพบเห็นพระพุทธเจ้าเป็นของยากโบราณว่าไว้ใครได้พบเป็นบุญใหญ่นักในชีวิตที่เกิดมาโดยเฉพาะมาอุบัติกึ่งพุทธกาลนี้กินเวลาถึง 2500 กว่าปีจึงจะมีครั้งหนึ่ง ใครบุญน้อยก็จะไม่สามารถนำพาตนมาพบได้ ชีวิตนี้สั้นนัก อนิจจังตลอด สิ่งมงคลสูงสุดคือพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสังฆเจ้า ใครพบของจริงก็บุญนักกว่าทรัพย์ใด ๆในโลกนี้

 

เกิดปรากฏการณ์แมงกะพรุนลอยเต็มบริเวณอ่าวสีวิกา

วันนี้ (22 ส.ค.57) บริเวณท่าเทียบเรืออ่าวสีวิกา อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ตำบลเพ อำเภอเมืองระยอง ได้เกิดปรากฏการณ์แมงกะพรุนถ้วยหลากสี ลอยเต็มทะเลบริเวณดังกล่าว นักท่องเที่ยวจำนวนมากพากันแห่ชม และถ่ายภาพแมงกะพรุนถ้วยหลากสี ที่ลอยอยู่บริเวณท่าเทียบเรือของอุทยานฯ โดยส่วนใหญ่เป็นแมงกะพรุนที่มีลักษณะลำตัวสีขาว สีน้ำตาล และสีดำ

แมงกะพรุนที่พบ เป็นแมงกะพรุนถ้วยชนิดหนึ่ง หรือที่เรียกว่าแมงกะพรุนหลากสี คล้ายกับที่ขึ้นในทะเลจังหวัดตราด ซึ่งปกติแล้วจะมีให้เห็นทุกปี ในระหว่างเดือนสิงหาคม ถึงปลายเดือน กันยายน แต่สำหรับ “ ปีนี้นับว่ามีมากกว่าทุกปี” จนเต็มทั่วพื้นที่ทะเลของอุทยานฯ ซึ่งทางอุทยาน ฯ ก็ได้ประกาศห้ามลงเล่นน้ำในบริเวณดังกล่าวเพราะเกรงจะได้รับอันตรายจากแมงกะพรุน

และห้ามจับสัตว์น้ำรอบบริเวณอย่างเด็ดขาด เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เดินทางมาเที่ยวชมปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่นับว่ามีความสวยงามกับฝูงแมงกะพรุนนับล้านตัว ที่แหวกว่ายกันจนทำให้กลายเป็นทะเลแมงกะพรุนไปเลย จะมีพิษทำให้คันหากสัมผัส และจะมีมากในช่วงเช้าและช่วงเย็นช่วงที่คลื่นสงบ

แมงกะพรุนดังกล่าวเป็นแมงกะพรุนถ้วยสายพันธุ์หนึ่ง แต่จะมีหลากสีและมีพิษหากถูกจะมีอาการคัน และไม่สามารถนำมารับประทานได้ ชาวประมงจะทราบกันดี และไม่มีใครกล้าจับ เพราะหากสัมผัสถูกผิวหนัง จะมีอาการแสบร้อนและจะคัน หากบางคนที่แพ้ อาจถึงขั้นต้องนำส่งโรงพยาบาล จึงอยากฝากเตือนนักท่องเที่ยวไม่ควรสัมผัสโดยเด็ดขาด




https://th-th.facebook.com/thailandcoup

 

สุดงง...สัตว์ใต้ทะเล 10 ล้านตัวเกยตื้นที่อเมริกา

วันที่ 22 ส.ค.57 สุดงง...สัตว์ไต้ทะเล 10 ล้านตัวเกยตื้นที่อเมริกา

สัตว์ชื่อ Vellele ขนาด 7-10 ซม. สีฟ้า รูปร่างคล้ายแมงกระพรุน ที่นักชีววิทยามีความรู้เกี่ยวกับมันน้อยมาก ได้พร้อมใจพากันอพยพ ขึ้นมาจากใต้ทะเลราว 10 ล้านตัว

โดยพบในแนวชายฝั่งทะเลตะวันตกของอเมริกา ตั้งแต่รัฐแคริฟอร์เนีย ยาวไปจนถึงรัฐบริติชโคลัมเบีย ของแคนาดา โดยสัตว์ชนิดนี้ พยายามขึ้นมาเกยตื้นตายบนฝั่ง

สร้างความมึนงงกับนักท่องเที่ยว และนักชีววิทยา เป็นอย่างมาก และหาคำตอบไม่ได้ ว่ามันหนีอะไรขึ้นมาจากทะเล และก็มาเกยตื้นตายมากขนาดนี้

ไต้ทะเลกำลังมีอะไรเกิดขึ้น ? ทำไม่สัตว์น้ำทั่วโลกในหลายประเทศ จึงพยายามหนีขึ้นมาบนฝั่ง ? อะไรที่ใต้ทะเลลึกกำลังเปลี่ยนแปลง ?..หรือว่าน้ำในทะเลลึกมันร้อนจนมันอยู่ไม่ได้ ?? อะไรทำให้น้ำทะเลลึกเดือด ??







https://th-th.facebook.com/thailandcoup

 

พิพิธภัณฑ์ใต้นำ้ใหญ่ที่สุดในโลก!!

"พิพิธภัณฑ์ใต้น้ำแคนคูน" (Cancun Underwater Museum) หรือเป็นที่รู้จักกันในอีกชื่อคือ "พิพิธภัณฑ์ประติมากรรมใต้น้ำ" (Underwater Sculpture Museum) สวนประติมากรรมใต้น้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งตั้งอยู่บริเวณชายฝั่งเมืองแคนคูนและเมืองอิสลา มูเจเรส อยู่ใน เขตพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติทางทะเลแคนคูน (Cancun National Marine Park)

พิพิธภัณฑ์ใต้น้ำแคนคูน เป็นพิพิธภัณฑ์ใต้น้ำที่ตั้งอยู่ในน่านน้ำที่สวยงามมากที่สุดในโลก มีการจัดแสดงประติมากรรมรูปปั้นกว่า 400 ชิ้น โดยประติมากรรม เหล่านี้เกิดจากความคิดของความคิดของไจเม กอนซาเลซ คาโนจากวนอุทยานทางทะเลแห่งชาติ โรแบร์โต ดิแอซจากสมาคมเดินเรือแคนคูน และเจสัน เด แครส์ เทย์เลอร์ (Jason deCaires Taylor ) ประติมากรผู้มีชื่อเสียงของอังกฤษ ซึ่งก่อนหน้านี้เทย์เลอร์ก็เคยสร้างพิพิธภัณฑ์ประติมากรรมใต้น้ำแห่งแรกที่ ประเทศหมู่เกาะเกรนาด้าในทะเลแคริบเบียน ซึ่งมีผลงานรูปปั้นที่สำคัญ เช่น เด็กยืนล้อมเป็นวงกลม นักข่าวกำลังนั่งพิมพ์งาน ชายขี่จักรยาน และอื่นๆ สำหรับการชมพิพิธภัณฑ์ประติมากรรมใต้น้ำนั้นสามารถทำได้ 3 วิธีคือ การดำน้ำผิวน้ำ , การดำน้ำลึก , และสุดท้ายคือ การทัวร์ในเรือท้องกระจก โดยรูปปั้น เหล่านี้สร้างขึ้นจากคอนกรีตชนิดพิเศษที่ไม่ถูกกัดเซาะและมีค่า PH เป็นกลาง ซึ่งจะไม่เป็นอันตรายต่อนิเวศวิทยาใต้ทะเล และมันจะกลายเป็นปะการังเทียม และที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลอีกด้วย

 

เม็กซิโก ผวา!! แผ่นดินแยกขนาดยักษ์ คาด เกิดจากน้ำใต้ดิน



เกิดเหตุแผ่นดินแยกขนาดใหญ่ ระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร ส่งผลให้ถนนเชื่อมรัฐถูกตัดขาด ผู้เชี่ยวชาญคาด อาจเกิดจากธารน้ำใต้ดิน

วันนี้ (22 ส.ค.57) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานจัดการภัยพิบัติเอร์โมซีโย โซโนรา ของเม็กซิโก ส่งโดรนติดกล้องขึ้นบันทึกภาพแผ่นดินแยก ในพื้นที่ชนบทของรัฐโซโนรา ทางเหนือของเม็กซิโก เป็นระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร โดยมีบางส่วนกว้างถึง 1.5 เมตร และมีความลึกลดหลั่นกันไปตั้งแต่ 3 - 8 เมตร

เหตุการณ์แผ่นดินแยกขนาดใหญ่ครั้งนี้ ถูกพบเมื่อเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้การเดินทางระหว่างเมืองเอร์โมซีโย, เมืองหลวงรัฐโซโนรา กับชายฝั่ง โดยเส้นไฮเวย์ สาย 26 ต้องถูกตัดขาด ซึ่งขณะนี้นักธรณีวิทยากำลังอยู่ระหว่างตรวจสอบหาสาเหตุที่ชัดเจน

สำนักงานป้องกันภัยพลเรือน เชื่อว่า แผ่นดินแยกอาจเป็นผลมาจากแผ่นดินไหวเมื่อวันอาทิตย์ที่แล้ว แต่การสอบสวนเบื้องต้นของนักธรณีวิทยามหาวิทยาลัยโซโนรา พบว่า เกิดจากเกษตรกรในพื้นที่สร้างคูน้ำเพื่อกักเก็บน้ำฝน ขณะผู้เชี่ยวชาญอีกส่วน เชื่อว่า อาจเกิดจากธารน้ำใต้ดินที่ขยายตัว ทำให้ดินอ่อนลงกระทั่งพังยุบลงมา


[ame=http://www.youtube.com/watch?v=6-MAPOFshM0]Enorme Grieta se abre en México | Agosto 2014 - YouTube[/ame]


ที่มา : tnews

 

เที่ยวญี่ปุ่น ชมต้นไม้แห่งวิญญาณ Wisteria




เที่ยวญี่ปุ่น ชมต้นไม้แห่งวิญญาณ Wisteria ในสวน Ashikaga Flower Park


คนญี่ปุ่นเป็นคนรักดอกไม้ ต้นไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้น Wisteria หรือที่คนญี่ปุ่นมักเรียกกันว่า ต้นฟูจิ เหมือนกับที่เรียกภูเขาว่า “ฟูจิ” และที่ที่เหมาะจะชมความสวยงามของต้น Wisteria นั้นก็คือที่นี่ สวน Ashikaga Flower Park ในเมือง Ashikaga จังหวัด Tochigi ซึ่งอยู่ห่างจากโตเกียวไปแค่ 8 กม. เท่านั้น











ในสวน Ashikaga Flower Garden นั้นมีต้นไม้ที่ชื่อว่า “Wisteria” ซึ่งมีอายุถึง 143 ปี บรรยากาศโดยรอบของสวนเหมือนกับหลุดเข้าไปในโลกแห่งนิทานในฝันที่รายล้อมด้วยสีม่วง สีฟ้า สีขาว สีชมพู สลับแซมๆ กันอยู่อย่างสวยงามจากต้นไม้เป็นพันตารางกิโลเมตรจนเหมือนเป็นอุโมงค์ต้นไม้ขนาดใหญ่กลางเมืองทีเดียว หลายคนตั้งข้อสังเกตว่าหรือนี่คือแรงบันดาลใจของ “ต้นไม้แห่งวิญญาณ” (Tree of Souls) ในภาพยนตร์ชื่อดัง The Avatar ก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ตามในช่วงที่ดอกไม้บานสะพรั่งช่วงต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปีนั้นที่นี่กลายเป็นแหล่งพักผ่อนในช่วงชมดอกไม้บานของชาวญี่ปุ่นนั่นเอง และก็เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้าชมด้วย ทำให้มีผู้คนมาเที่ยวชมดอกไม้กันอย่างคับคั่ง




Tree of Souls ในภาพยนตร์ชื่อดัง The Avatar













เรียบเรียงโดย เอิงเอย
ข้อมูลจาก travel.truelife.com

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=XKWBNr7nz1o]ละครลิงอุรังอุตังอย่างฮา - YouTube[/ame]

 

คลิปแกล้งคน Spider Dog
4 วัน มีผู้เข้าชม 50 ล้าน คน

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=YoB8t0B4jx4]Mutant Giant Spider Dog (SA Wardega) - YouTube[/ame]

 

หมองู..ตายเพราะงู หมอจระเข้..ตายเพราะจระเข้

ดิกโก โทค ครูฝึกจระเข้วัย 70 ปี จากไอวอรี่โคสต์ พลาดท่าหกล้ม จน “เจ้ากัปตัน”จระเข้ที่ มีสัญชาตญาณของสัตว์กินเนื้อ กัดร่างของเขา บริเวณทะเลสาบ Yamassoukrou lake ท่ามกลางความตกตะลึงจากนักท่องเที่ยวที่กรีดร้องด้วยความตกใจ ขณะที่เขาพยายามทุบตีให้จระเข้ปล่อยแต่ก็ไม่เป็นผล จระเข้ลากลงบ่อน้ำ ก่อนที่จระเข้ตัวอื่นๆจะรุมเขมือบร่างของเขาเป็นอาหาร

นายดิกโก ประกอบอาชีพเป็นผู้ให้อาหารและดูแลจระเข้ในสถานที่แห่งนี้มานานกว่า 30 ปี ซึ่งเขาก็คิดว่าจระเข้จะเชื่อง และไม่ทำร้าย แต่สุดท้ายแล้วก็พลาดท่ากลายเป็นเหยื่อให้กับสัตว์กินเนื้อเข้าจนได้

เหตุการณ์ข่าวในอดีตเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2555


[ame=http://www.youtube.com/watch?v=OXNuYyYV_X4]Death of the Crocodile Handler in ivory coast - YouTube[/ame]

 

แสดงความเป็นเจ้าของ 55555

 

อาจจะเป็นบุพเพสันนิวาสในอดีตชาติที่เคยทำบุญร่วมกันมา

 

เรื่องของกรรมที่ผูกพันซับซ้อนร่วมกันในการเวียนว่ายตายเกิด

 

สปางู สุดสยิว เทรนด์ใหม่กระตุ้นอะดรีนาลีน



หลายคนคงจะขนลุกขนพองเมื่อเห็นงูหลาม งูเหลือมตัวใหญ่เลื้อยไปมา แต่สำหรับวงการสปาแล้ว นี่คือการบำบัดที่แสนจะวิเศษทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นประเทศอิสราเอล, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์, ไอร์แลนด์, วิลเลียมเบิร์ก, บรู๊คลิน,นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ต่างก็มีสปาที่นำงูนานาชนิดมา "เลื้อยบำบัด" ตามลำตัว และใบหน้าของผู้ใช้บริการ ฟังแล้วอาจดูสยิวสยองนิดหน่อย แต่ผู้เข้ารับบริการหลายคนต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ได้ผลดีทีเดียว

"สปางู" แนวใหม่นี้เชื่อว่าจะกระตุ้นหลั่งสารอะดรีนาลีน ช่วยเผาผลาญพลังงาน คลายเมื่อยล้า รักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังได้ โดยวิธีการก็คือจะนำงูไม่มีพิษมาวางลงบนลำตัว ใช้เทปกาวอย่างดีมัดปากของงูเอาไว้ แล้วปล่อยให้เลื้อยไปตามแผ่นหลัง ขา ท้อง เส้นผม และบนใบหน้า

งูที่นำมาใช้ในการทำสปานี้จะมีขนาด และหน้าที่ แตกต่างกัน โดยงูตัวใหญ่เช่น งูหลาม งูเหลือมจะทำหน้าที่บีบรัดตามลำตัว ส่วนงูตัวเล็กจะให้สัมผัสที่อ่อนโยนกว่า ก็จะมาช่วยนวดบริเวณใบหน้า แต่ทั้งนี้ไม่ต้องกลัวว่าน้องงูจะเลื้อย รัด (หรือกัด) ผิดที่ผิดทาง เพราะเจ้าหน้าที่จะคอยกำกับดูแลการเลื้อยของงูอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาที่อยู่ในขั้นตอนของการบำบัดนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีความเชื่อว่า การทำสปางูจะช่วยบรรเทาความเครียด และทำให้ร่างกายสงบนิ่ง ซึ่งจะส่งผลให้อาการเจ็บป่วยต่างๆ บรรเทาลงเนื่องจากจิตใจที่สงบนั่นเอง

การทำสปาโดยใช้งูเหลือมนั้นถือเป็นการผ่อนคลายแนวใหม่ที่เกิดขึ้นในวงการสปา เพราะงูเหลือมจะทำให้ผู้ใช้บริการเกิดความกลัว และกระตุ้นให้ร่างกายพวกเขาหลั่งสารอะดรีนาลีน ซึ่งจะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีสำหรับกระบวนการเผาผลาญของร่างกาย เพื่อให้เลือดลมเดินสะดวก อย่างไรก็ตามใครที่คิดจะลองก็ต้องมีสุขภาพที่ดีหน่อย คนเป็นโรคหัวใจ ตื่นตกใจง่าย ก็ควรพิจารณาว่าจะอยากมาลองดูหรือเปล่า

สำหรับคนรักสัตว์อาจมองว่าเป็นการทรมานสัตว์รึเปล่า แต่ทางสปางูหลายแห่งต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า งูของทางสปานั้นได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี และพวกมันเพลิดเพลินกับการสัมผัสเรือนร่างของคนด้วยการนวดอีกด้วย เพราะฉะนั้นห่างไกลจากคำว่าทรมานสัตว์มาก อย่างสปางูที่ “บาหลี เฮอริเทจ รีเฟล็กโซโลจี แอนด์ สปา” ประเทศอินโดนีเซีย ให้สัมภาษณ์ว่า “เราไม่ได้ปฏิบัติต่องูเหมือนเป็นแรงงาน แต่เราปฏิบัติเหมือนพวกเขาเป็นเพื่อนหรือสมาชิก ในครอบครัว เราจูบและกอดงู ตลอดจนดูแลพวกมันอย่างดี”

ราคาของการเข้าใช้บริการ ก็จะอยู่ที่ครั้งละ 30 ปอนด์ หรือราว 1,500 บาท


[ame=http://www.youtube.com/watch?v=6_l5aolFzOI]Wellnes with snakes.mov - YouTube[/ame]


ขอบคุณข้อมูลจาก สำรวจโลก, thejakartaglobe.com

 

น่าสนใจทุกเรื่องเลยครับ

 

บทสวดเจ้าแม่กวนอิมพันมือ พร้อมเพรียงสวยงามมาก

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=sGyA6OKrsJg]บทสวดเจ้าแม่กวนอิมพันมือ - YouTube[/ame]

 

การทักทายแปลกๆ ของชาวต่างชาติ

ประเทศจีน , ญี่ปุ่น และเกาหลี?มักจะทักทายด้วยการโค้งคำนับ

ประเทศไทย และประเทศอินเดีย?จะใช้วิธีการไหว้

ประเทศอิตาลี จะทักด้วยการกอดพร้อมตบหลังอีกฝ่ายเบาๆ

ประเทศเซเนกัล ชนเผ่าโวลอฟ ค้อมตัวลงแล้วนำหลังมือของผู้อาวุโสมาแตะหน้าผากตัวเอง

ประเทศแทนซาเนีย ห้ามมองหน้าอีกฝ่ายและต้องคุกเข่าลงพร้อมตบมือขณะทักทายผู้อาวุโส

ประเทศเคนยาชนเผ่าคิคูยู บ้วนน้ำลายตัวเองบนฝ่ามือของอีกฝ่าย เพื่ออวยพรให้โชคดี

ประเทศนิวซีแลนด์ชนเผ่าเมารี เอาจมูกแตะกันและคลึงเล็กน้อย วิธีนี้เรียกว่า “คีโอร่า” จะแตะกัน 2 ครั้ง แต่ถ้า 3 ครั้งเรื่องใหญ่แน่ๆ เพราะหมายถึง “แต่งงานกันไหม?”

ประเทศทิเบต ดึงหูทั้งสองข้างของตัวเองไว้พร้อมแลบลิ้น

ประเทศอาร์เจนตินา หอมแก้มกันและทำเสียง”จุ๊บ”เวลาทักทาย

ประเทศบราซิล ชนพื้นเมืองในบราซิลจะใช้ใบหน้าและส่วนอกสัมผัสกันพร้อมหอมแก้ม

ประเทศสหรัฐอเมริกา หอมแก้มกันเมื่อทักทายเพื่อนหรือคนในครอบครัว

อะแลสกา ชนเผ่าเอสกิโม เอาจมูกแตะกันและคลึงเล็กน้อยเพื่อแสดงความเคารพและการต้อนรับ

ประเทศอินเดียเหนือ ชาวลาดัก ทักทายโดยยกมือขวาขึ้น

ประเทศอิรัก ทักทายหญิงสาวที่ใส่ผ้าคลุมหน้าโดยใช่ฝ่ามือทาบที่หน้าอกตัวเอง?? สำหรับหญิงสาวที่ไม่ใส่ผ้าคลุมหน้าใช่การจับมือ

ประเทศฝรั่งเศส จะแนบแก้มกับแก้มของอีกฝ่ายและทำเสียงจุ๊บ

ชนเผ่าฮาวาย จะพูดว่า “อะโลฮา” ชูนิ้วหัวแม่มือและนิ้วก้อยส่ายไปมาในการทักทายเพื่อน

แอฟริกา ชนเผ่ามาไซจะทักทายโดยการ ถ่มน้ำลายใส่หน้า

สหรัฐอเมริกา จะพูดว่า”ไฮ” ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ล้วนใช่การจับมือ

สำหรับคนยุโรปยุคใหม่?ภาพที่เห็นได้บ่อยกว่าคือการทักทายแบบ ?แก้มชนแก้ม? ซึ่งใช้ในการทักทาย แสดงความยินดี ให้กำลังใจ หรือแสดงความเคารพ โดยไม่จำเป็นต้องมีอารมณ์โรแมนติกเจือปน การทักทายแบบนี้พบมากทั้งในยุโรป ตะวันออกกลาง รวมทั้งที่ละตินอเมริกา ซึ่งทั้งชายและหญิงใช้แก้มทักทายกันโดยไม่จำเป็นต้องสนิทกัน ส่วนใหญ่จะเป็นการใช้แก้มชนกัน 2-3 ครั้ง แล้วแต่วัฒนธรรมแต่ละพื้นที่ และอาจจะมีการกอดหรือเชคแฮนด์ร่วมด้วย

แต่ในปัจจุบัน การทักทายของชาติต่างๆ ที่แปลกๆนั้นก็เลือนหายไปบ้างแล้ว ..

ข้อมูลจาก การทักทายแปลกของชาวต่างชาติ

 

โอเว่อร์โทนสเกล มันมีอะไรที่มากกว่าเสียงร้อง ลองฟังดูแล้วคุณจะรู้เอง

มาลองดูลองฟังคลิปที่น่าฉงนตัวนี้กับค่าของเสียงที่เกินกว่าคนเราจะได้ยิน แต่กลับดังก้องอยู่ในโสทประสาทของการได้ยินของคนเรา กับเสียงที่เรียกว่า โอเว่อร์โทนสเกล กับทักษะการร้องเพลงขั้นเทพของสาวคนนี้

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=vC9Qh709gas]polyphonic overtone singing - Anna-Maria Hefele - YouTube[/ame]


kapook.com

 

.
อืม...เจ๋งแฮะ เป็นเสียงที่กระตุ้นปราณได้ดีจัง
แค่กำหนดจิตที่กระดูกสันหลังเพียงเล็กน้อย
พลังงานก็แผ่ซ่านไปได้ทั่ว ขึ้นไปตามกระดูกสันหลัง
ลามขึ้นไปถึงศรีษะ และในเซลล์สมองได้เลย

ขนลุกซู่ซ่า ไปได้เกือบทั่วร่างกาย ไล่ปราณไปได้ถึงปลายนิ้วมือเชียว
แปลกจริง แต่เข้าท่า ถ้าใครจะนำไปใช้ช่วยฝึกการเดินลมปราณ

ขอบคุณที่สรรหามาฝาก ใคร


กระต่ายป่า ข้างวัด / ค้างคาวแห่งแสง
.