เรื่องเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นจริง!

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เกตุวดี, 27 พฤษภาคม 2014.

  1. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    ตะลึง หลุมยักษ์ปริศนาในรัสเซีย !?

    [​IMG]

    พบหลุมยักษ์กว้าง 80 เมตรบริเวณคาบเกี่ยว ไซบีเรีย - รัสเซีย จนเกิดกระแสร่ำลือกันว่า อาจเป็นร่องรอยการจอดของจานบินของมนุษย์ต่างดาว? อุกกาบาตตก?

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการพบหลุมยักษ์ ทางตอนเหนือของประเทศไซบีเรีย บริเวณคาบสมุทรยามาล - ตอนเหนือของประเทศรัสเซีย ซึ่งบริเวณนี้เป็นพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำมันมาก โดยผู้พบเห็นหลุมนี้ คือ นักบินที่ทำงานให้แก่บริษัทก๊าซแห่งหนึ่งในย่านดังกล่าว หลังขึ้นสำรวจบนเฮลิคอปเตอร์ และพบว่าหลุมขนาดกว้างดังกล่าวนั้น มีความกว้างถึงเกือบ 80 เมตร ซึ่งหลายคนเชื่อว่า อาจเป็นหลุมใหญ่และลึกที่สุดของโลก

    ทั้งนี้ การค้นพบหลุมยักษ์ครั้งนี้สร้างความฮือฮาให้กับผู้คนเป็นจำนวนมาก จนเกิดกระแสคาดการณ์กันต่างๆนานาว่า ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นจุดจบของโลก ซึ่งอาจเป็นร่องรอยจากการจอดของจานบินจากนอกโลก หรืออุกกาบาตลูกยักษ์ รวมทั้งเกิดจากภาวะโลกร้อน หรือหินทรุดตัว แต่ด้านผู้เชี่ยวชาญ ก็ได้ออกมาปฏิเสธ โดยชี้ว่าขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุป และสาเหตุที่แท้จริงน่าจะเกิดจากการที่โลกร้อนขึ้น ส่งผลให้แก๊สใต้ดินปะทุขึ้นมาเหนือพื้นดิน จากนั้นก็ระเบิดออกคล้ายจุกแชมเปญ โดยขณะนี้รัสเซียได้ทำการส่งทีมนักวิทยาศาสตร์ไปสำรวจแล้ว


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=1zlrKX_vIOY]Ямал невероятная воронка Giant Hole in the ground Yamal Russia - YouTube[/ame]

    ที่มา ตะลึง หลุมยักษ์ปริศนาในรัสเซีย !? ลือสะนั่นเป็นจุดจบของโลก (ชมคลิป)
     
  2. philosophi

    philosophi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +1,896
    ตามคุณน้องมินต์มาจากห้องเพลงค่ะ(f)
     
  3. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    ยินดีต้อนรับคุณโอลี่ค่ะ :d(f)
     
  4. philosophi

    philosophi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +1,896
    ไปกระทู้คุณน้องมินต์มาค่ะ(กระทู้ห้องเพลง)
    ปล.เข้ามาดึงคำสอนของพ่อปู่หน่อยนะคะ.(f)
     
  5. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    เพิ่งไปแวะทักทายที่ห้องคุณโอลี่มาค่ะ
     
  6. philosophi

    philosophi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +1,896
    หาเจอแล้วค่ะ:p
     
  7. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    พบ วังน้ำวน ลึกลับ กลางมหาสมุทรแอตแลนติก

    พบวังน้ำวนขนาดใหญ่ซ่อนตัวอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ (South Atlantic ocean) นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอีทีเอช ซูริค และมหาวิทยาลัยไมอามี่ เชื่อว่ามันดูดกลืนน้ำแบบเดียวกับที่หลุมดำในห้วงอวกาศดูดกลืนแสง แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่านี่เป็นแค่น้ำวน หรือเป็นหลุมดำที่ซ่อนตัวอยู่บนโลก

    จอร์จ ฮอลเลอร์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยอีทีเอช ซูริค (ETH Zurich) ได้ทำการวิเคราะห์น้ำวนปริศนานี้ด้วยโมเดลทางคณิตศาสตร์ ผ่านการจับตามองด้วยภาพจากดาวเทียม พบว่าแสงแดดไม่ส่องไปในบริเวณนี้เลย แต่กลับเบนกลับสู่ทิศเดิม กลายเป็นวงโคจรของแสง นอกจากนี้ น้ำวนปริศนานี้ยังทำงานเหมือนกับหลุมดำ คือดูดกลืนทุกสิ่ง รวมทั้งทำให้เกิดความผิดปกติของแสง คล้ายคลึงกับปรากฏการณ์ที่ไอสไตน์ตั้งชื่อว่า โฟตอน สเฟียร์ ที่มักเกิดบริเวณหลุมดำ


    [​IMG]

    [​IMG]


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=kUZUzF7zTVo]Black Hole Eddies in South Atlantic - YouTube[/ame]


    พบ วังน้ำวน ลึกลับ กลางมหาสมุทรแอตแลนติก นักวิจัยเชื่อเป็นหลุมดำที่...
     
  8. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    คลิปหลุมน้ำวนดูดต้นไม้กว่า 10 ต้น หายไปต่อหน้าต่อตา

    คลิปประหลาด หลุมน้ำวนในหลุยส์เซียน่า สหรัฐอเมริกา ดูดต้นไม้หายไป 10 ต้นต่อหน้าต่อตา เชื่อเกิดจากการสลายตัวของชั้นเกลือใต้พื้นดิน

    เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2556 เว็บไซต์แอลเอไทมส์ รายงานว่า ได้มีคลิปหนึ่งที่แพร่กระจายบนอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็ว โดยในคลิปนั้น ได้แสดงให้เห็นถึงภาพของต้นไม้ในรัฐหลุยส์เซียน่า สหรัฐอเมริกา ที่ถูกดูดลงไปในบ่อน้ำวน แล้วต้นไม้ก็หายไปต่อหน้าต่อตา

    ทั้งนี้ ในตอนต้นของคลิปวิดีโอดังกล่าว เราเห็นภาพของน้ำนิ่งธรรมดา แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์รู้ดีว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น จากการที่มีเสียงในคลิปพูดขึ้นมาว่า "มันมาแล้ว มันมาแล้ว น้ำวนจะทำให้ต้นไม้เคลื่อนที่ หรือจะดูดต้นไม้ลงไป" จากนั้น เราก็จะเห็นภาพของต้นโกงกางกว่า 10 ต้น ค่อย ๆ ถูกดูดและจมหายไปในน้ำอย่างช้า ๆ

    ก่อนหน้านี้ ได้มีการค้นพบบ่อน้ำวนดูดต้นไม้ครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม 2012 (พ.ศ. 2555) อยู่ประมาณ 64 กิโลเมตรทางใต้ของรัฐหลุยส์เซียน่า ผ่านมา 1 ปี หลุมดังกล่าวได้ขยายขนาดกว่า 59 ไร่ และสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนประชาชนกว่า 350 หลังคาเรือน

    ด้านหลุมน้ำวนดังกล่าว เกิดจากการสลายตัวของชั้นเกลือที่อยู่ใต้พื้นดิน โดยที่หลุมจะมีขนาดใหญ่และสร้างผลกระทบที่ร้ายแรงเสมอ แต่การสลายตัวของชั้นเกลือก็อาจจะไม่ได้เกิดตามธรรมชาติเสมอไป โดยที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า บริษัทก่อสร้างได้เจาะพื้นลงไปใกล้กับชั้นเกลือ จนทำให้ชั้นเกลือรอบ ๆ ค่อย ๆ สลาย และทำให้ตะกอนบริเวณนั้นจมหายลงไปด้วย

    อย่างไรก็ตาม หลุมน้ำวนแบบนี้จะเกิดขึ้นเป็นระยะเวลาไม่กี่วัน หรือาจยาวนานเป็นเดือน แต่ที่นี่กลับเกิดขึ้นยาวนานเป็นปีแล้ว



    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=yRhesBaRCME]8/21/13 Slough in - YouTube[/ame]


     
  9. philosophi

    philosophi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +1,896
    .ความลับของธรรมชาติ.ยากที่ใครล่วงรู้.
    ปล.รักกันให้มากๆนะคะ เพราะเรามาจากต้นกำเนิดเดียวกัน({)
     
  10. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    หลุมยักษ์ปริศนา เกิดจากภาวะโลกร้อน! ยันไม่เกี่ยวยูเอฟโอ

    [​IMG]

    จากกรณีพบหลุมยักษ์กว้าง 80 เมตรบริเวณคาบเกี่ยว ไซบีเรีย - รัสเซีย จนเกิดกระแสร่ำลือกันว่า อาจเป็นร่องรอยการจอดของจานบินของมนุษย์ต่างดาว? อุกกาบาตตก?

    นักวิทยาศาสตร์รัสเซีย ได้ลงพื้นที่สำรวจ "หลุมยักษ์ปริศนา" เชื่อว่าเกิดจากแรงดันใต้พื้นโลก เนื่องจากอุณภูมิสูงขึ้น ไม่ได้เกี่ยวกับอุกกาบาตตกหรือยูเอฟโอ ตามที่ร่ำลือแต่อย่างใด

    วันนี้ (18 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์รัสเซียได้ออกมากล่าวถึง "หลุมยักษ์ปริศนา" ที่ปากหลุมมีขนาดกว้างถึง 66 เมตร ซึ่งถูกค้นพบเมื่อไม่นานมานี้ในแคว้นไซบีเรีย ภาคเหนือของประเทศรัสเซีย อาจเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิในภูมิภาค

    [​IMG]

    นายอังเดร เปลคานอฟ นักวิจัยอาวุโสของศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์แห่งอาร์กติก กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี(17 ก.ค.)ที่ผ่านมาว่า ปากปล่องของหลุม ดูเหมือนจะเกิดจากแรงดันมหาศาลใต้พื้นโลก เนื่องจากอุณหภูมิในภูมิภาคเพิ่มสูงขึ้น

    ทั้งนี้ เมื่อวันพุธ(16 ก.ค.)ที่ผ่านมา นายเปลคานอฟ ได้เดินทางไปตรวจสอบปากปล่องหลุมดังกล่าว ซึ่งอยู่ห่างจากบ่อก๊าซโบวาเนนโกโวประมาณ 30 กิโลเมตร ในคาบสมุทรยามาลทางตอนเหนือของรัสเซีย พบว่าร้อยละ 80 ของปากปล่องดูเหมือนจะประกอบด้วยน้ำแข็ง และไม่พบร่องรอยของการระเบิดจึงขจัดความเป็นไปได้ว่าเกิดจากยูเอฟโอหรือลูกอุกกาบาตตก


    หลุมยักษ์ปริศนา เกิดจากภาวะโลกร้อน! ยันไม่เกี่ยวยูเอฟโอ
     
  11. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    อายุยืนที่สุดในโลก

    [​IMG]

    ลี ชิง ยุน (李清云) ได้ถูกอ้างว่าเป็นมนุษย์ที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลกถึง 256 ปี ทำให้หลายคนอาจเกิดความสนใจและเกิดคำถามว่าจะมีมนุษย์ที่มีอายุยืนยาวได้เช่นนั้นจริงหรือ? และหากมีเขาดำรงชีวิตอย่างไรจึงได้มีชีวิตยืนยาวเช่นนั้นได้

    ลี ชิง ยุน เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ทานอาหารมังสวิรัติ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการป้องกันตัว และเป็นกุนซือด้านยุทธวิธี ตัวนายลี ชิง ยุน เองได้อ้างว่าเขาได้เกิดในปี พ.ศ.2279 แต่ในขณะเกิดข้อพิพาทและข้อสงสัยเพราะมีบันทึกหลักฐานซึ่งระบุว่าเขาเกิดในปี พ.ศ.2220 ซึ่งต่อมานายลี ชิง ยุนได้เสียชีวิตในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2476 ดังนั้นไม่ว่าอายุขัยที่แท้จริงของนายลี ชิง ยุน จะอยู่ที่ 197 ปี หรือ 256 ปี ก็ถือว่าเป็นมนุษย์ที่มีอายุยืนมากที่สุดในโลก มากกว่านาง ฌานน์ กาลม็อง สตรีชาวฝรั่งเศส ซึ่งมีหลักฐานในการบันทึกวันเกิดว่าเกิดวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2418 และเสียชีวิตวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2540 ซึ่งมีอายุยืนถึง 122 ปี

    ซึ่งมีข้อสงสัยว่านายลี ชิง ยุน อาจจะจำปีเกิดของตัวเองผิด หรือไม่ก็ไม่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นความจริง หรือไม่หลักฐานที่บันทึกที่พบตามมานั้นอาจผิดก็ได้ ?

    เพราะก่อนที่นายลี ชิง ยุนจะเสียชีวิต 3 ปี ปรากฏว่าในปี พ.ศ.2473 ศาสตราจารย์ วู ชุง-เฉียน ซึ่งเป็นคณะบดีของคณะศึกษาศาตร์แห่งมหาวิทยาลัยหมินกั๋วประเทศจีน ได้ค้นพบหลักฐานแสดงบันทึกว่า นายลี ชิง ยุน ได้เกิดในปี พ.ศ. 2220 เพราะมีหลักฐานว่ารัฐบาลแห่งจักรพรรดิ์จีนได้ฉลองยินดีกับนาลี ชิง ยุนเมื่ออายุครบปีที่ 150 และ ต่อมาก็ฉลองอีกครั้งเมื่ออายุครบปีที่ 200 เมื่อย้อนเวลากลับไปจากการเฉลิมฉลอง 2 ครั้ง จึงเชื่อได้ว่านายลี ชิง ยุน น่าจะเกิดในปี พ.ศ.2220 จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่กว่าที่จะสืบค้นได้ว่านายลี ชิง ยุนที่แท้จริงได้ว่าน่าจะมีอายุขัยยืนยาวถึง 256 ปี เพราะคนที่ร่วมฉลองวันเกิด 150 ปี หรือ 200 ปีต่างก็เสียชีวิตกันไปหมดแล้ว

    ในปี พ.ศ.2471 หนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทมส์ ได้เคยเขียนบันทึกผู้สูงวัยซึ่งอยู่เป็นเพื่อบ้านกับนายลี ชิง ยุน ต่างก็ได้ยืนยันตรงกันว่าปู่ของพวกเขารู้จักและเคยเห็นนายลี ชิง ยุน ตั้งแต่ปู่ของพวกเขายังเป็นเด็ก และหลังการเสียชีวิตของนายลี ชิง ยุน ในปี พ.ศ.2479 นิตยสารไทมส์ และนิวยอร์ค ไทมส์ ได้รายงานว่านายลี ชิง ยุน มีภรรยา 23 คน และมีทายาทกว่า 200 คนเรื่อยมาตลอดระยะเวลา 256 ปี

    นายลี ชิง ยุน เกิดที่มณฑลเสฉวน อายุ 10 กว่าปี ก็เริ่มเก็บสะสมสมุนไพรบนภูเขา ทานอาหารมังสวัรัติและเรียนรู้วิธีในการทำให้อายุยืนยาว ใช้ชีวิตอยู่กับการรับประทานสมุนไพร เขาใช้ชีวิตอย่างนี้ในช่วงชีวิต 40 ปีแรก ต่อมาเมื่ออายุ 71 ปี จึงย้ายไปอยู่ที่ตำบลไค เมืองฉงชิ่งเพื่อเข้าร่วมกับกองทัพจีนในการสอนวิชาศิลปะป้องกันตัวและในฐานะเป็นกุนซือด้านกลยุทธ์ (ลองคิดดูว่าคนอายุ 71 ปีแล้วมาสอนวิชาศิลปะป้องกันตัวให้กองทัพชายฉกรรจ์ของจีนได้จะต้องมีสุขภาพที่แข็งแรงเพียงใด)

    อาจารย์ดา หลิว เป็นอาจารย์สอนมวยไทเก็ก ซึ่งเป็นลูกศิษย์คนหนึ่งของนาลี ชิง ยุน ได้เล่าให้ฟังว่าเมื่ออาจารย์ลี ชิง ยุนอายุได้ 130 ปี ได้พบกับฤาษีที่มีอายุมากว่า 500 ปีบนภูเขาและสอนอาจารย์ลี ชิง ยุน ด้วยวิชามวย 9 มังกรปา-กว้าจ่าง (ชื่อมวยชนิดหนึ่งของสำนักบู๊ตึ้ง) และแนะนำสอนการหายใจควบคู่กับชี่กง ฝึกสอนการเคลื่อนไหวที่ประสานไปกับเสียงแบบต่างๆและรวมถึงข้อแนะนำเกี่ยวกับอาหาร อาจารย์ดา หลิว ได้ระบุว่าอาจารย์ของเขาพูดว่าความอายุยืนของเขานั้นอยู่บนความจริงคือ

    "การออกกำลังกายทุกวัน อย่างสม่ำเสมอ อย่างถูกวิธี และ ด้วยความจริงใจและบริสุทธิ์ สำหรับอายุยืนยาว 120 ปี"

    ในปี พ.ศ. 2470 นายลี ชิง ยุน ได้ถูกเชิญโดยนายพลหยาง เซิน เพื่อให้มาพบเขาที่ตำบลวันในมณฑลเสฉวน และได้ถ่ายรูปที่นั่น โดยนายพลหยาง เซินได้สนใจและทึ่งกับความกระฉับกระเฉง ความแข็งแกร่ง และความองอาจของนายลี ชิง ยุน ที่มีอายุมากในขณะนั้นถึง 250 ปีแล้ว เพราะนายลี ชิง ยุน ในเวลานั้นยังเดินได้เป็นปกติ สายตาดีและมีผิวพรรณที่ดี สุขภาพแข็งแรง หลังตรง หนังตึง เส้นผมกับฟันยังเป็นของแท้ตามธรรมชาติ การตอบสนองและการพูดคุยเป็นไปอย่างยอดเยี่ยม

    หลังจากนั้นต่อมาหลังการเสียชีวิตของนายลี ชิง ยุน นายพลหยาง เซิน ได้ให้มีการตรวจสอบความจริงเกี่ยวกับเบื้องหลังความเป็นมาและอายุของเขาและเขียนออกมาเป็นรายงานและได้เผยแพร่ในเวลาต่อมาจนถึงทุกวันนี้

    นายลี ชิง ยุน เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร ได้สนับสนุนและผลักดันให้ใช้ เห็ดหลินจือป่า, ผลโกจิ เบอร์รี่ (เก๋ากี้), โสมป่า, He Shou Wu (สมุนไพรจีนบำรุงเลือด ชื่อภาษาอังกฤษว่า Polygonum), และใบบัวบก ผสมผสานร่วมกับสมุนไพรอื่นๆ

    ด้วยความที่นายลี ชิง ยุน อยู่ในประเทศจีนและอยู่บนภูเขามีอากาศหนาว ลักษณะของสมุนไพรจึงเน้นหนักในเรื่องสมุนไพรฤทธิ์ร้อน เช่น เห็ดหลินจือ โสมป่า ฯลฯ (ซึ่งบางอย่างอาจไม่เหมาะกับอากาศในเมืองไทย)แต่อย่างไรก็ตามในทางวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบความสำคัญของสมุนไพรเหล่านั้นตามมาในภายหลัง

    เห็ดหลินจือป่า พบว่ามีสารโพลีแซคคาไลด์ ซึ่งกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย ขจัดสารพิษ เสริมสร้างการทำงานของตับอ่อน ต้านมะเร็ง มีสารเยอร์มาเนียมช่วยเพิ่มออกซิเจนในเลือด ต้านมะเร็ง บำรุงสมอง บำรุงประสาท มีสารไตรเทอร์ปีนอยด์ ช่วยบำรุงตับ ควบคุมภูมิแพ้ ต้านมะเร็ง รักษาระดับความดันโลหิตสูง เพิ่มประสิทธิภาพระบบการย่อย มีสารนิวคลีโอไทด์ป้องกันการก่อตัวของลิ่มเลือดการอุดตันของลิ่มเลือด มีอาดีโนซีนที่เสริมสร้างฮอร์โมนและเยื่อหุ้มเซลล์เม็ดเลือดแดงในร่างกายให้แข็งแรงขึ้น มีอัลคาลอยด์ซึ่งช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในหัวใจ ฯลฯ

    ผลโกจิ เบอร์รี่ (เก๋ากี้) ในวันนี้ก็เริ่มนิยมแพร่หลายกันมากในสหรัฐอเมริกาและยุโรปเพราะเมื่อมีการตรวจพบว่าเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระที่สูงในระดับต้นๆของโลก ทำให้ชะลอการเสื่อมของร่างกายลง อีกทั้งยังมีงานวิจัยของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอบกิ้นส์ ประเทศสหรัฐอเมริกาได้วิจัยโดยการใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูลเซลล์ในเลือดพบว่าหากดื่ม โกจิ เบอร์รี เป็นน้ำผลไม้สดจะทำให้เลือดมนุษย์เปลี่ยนไปอย่างมากภายใน 10 วัน จะลดความเป็นกรดในเลือดมีออกซิเจนในเลือดมากขึ้น ทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้ดีขึ้นส่งผลต่อการต้านเชื้อโรคและเชื้อราที่ไม่พึงประสงค์ต่อร่างกาย และลดคอร์เลสเตอร์รอล ฯลฯ

    ใบบัวบก นอกจากการแก้ช้ำในแล้ว การบริโภคใบบัวบกจะช่วยบำรุงสมอง ทั้งช่วยซ่อมแซมสมองส่วนที่ถูกทำลายไปแล้วและช่วยป้องกันไม่ให้สมองส่วนที่ยังปกติดีอยู่นั้นถูกทำลายลง แถมยังช่วยให้ความทรงจำมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยลดความเครียดได้ด้วย ใบบัวบกยังช่วยกระตุ้นระบบการรับส่งกระแสประสาท ปฏิกิริยารีเฟลกซ์ หรือปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น จึงช่วยเพิ่มความสามารถในการทำงาน และยังช่วยควบคุมระดับแรงดันโลหิตให้เป็นปกติ ลดภาวะความเป็นหมันได้อีกด้วย ใบบัวบกยังมีสารไกลโคไซด์ ซึ่งจะช่วยต่อต้านการเกิดอนุมูลอิสระ ที่จะทำให้เซลล์ต่างๆ ในร่างกายเราเสื่อมเร็ว และสารที่ว่านั้นก็ยังช่วยสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้แผลสมานตัวกันเร็วขึ้น สำหรับผู้ที่มีแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ใบบัวบกมีคุณค่าทางอาหาร มีวิตามินเอสูงมาก ช่วยบำรุงสายตาและมีสารแคลเซี่ยมมากเช่นกัน นอกจากนั้นยังมีวิตามินบี 1 สูงกว่าผักหลาย ๆ ชนิด

    ในบทความที่ชื่อ "เต่า-นกพิราบ-สุนัข" ซึ่งพิมพ์เผยยแพร่ในรายงานของนิตยสาร ไทม์ เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2476 ได้รายงานประวัติรวมถึงคำตอบเคล็ดลับในการมีอายุยืนของนายลี ชิง ยุน ซึ่งก็คือ "มีจิตใจสงบนิ่ง, นั่งเหมือนกับเต่าหมอบ, เดินเหินปราดเปรียวกระฉับกระเฉงเหมือนนกพิราบ, นอนหลับสนิทเหมือนสุนัข" โดยนาลี ชิง ยุน ได้เคยสอนเรื่อง "ความว่างเปล่า" ในการปฏิบัติตนในพื้นฐานของลัทธิเต๋าอีกด้วยด้วย

    แต่ถึงอย่างไรมนุษย์ทุกคนก็ต้องมีอายุขัยของตัวเอง แม้แต่นายลี ชิง ยุน ก็ไม่สามารถรอดพ้นจากฎเกณฑ์ธรรมชาตินี้ได้ นายลี ชิง ยุน ได้ผ่านโลกมาถึง 256 ปี คงได้ใช้ชีวิตที่หลากหลาย สั่งสมความรู้และประสบการณ์ที่มากมาย ผ่านความอนิจจังและการสูญเสียคนที่ตัวเองรักและเพื่อนฝูงเป็นจำนวนมากรุ่นแล้วรุ่นเล่า ดังนั้นอายุขัยของคนๆหนึ่งจึงไม่สำคัญเท่ากับการตรวจดูตัวเองได้ใช้ชีวิตคุ้มค่ามีประโยชน์ต่อครอบครัว สังคม ประเทศชาติ และมนุษยชาติ ในยามที่มีชีวิตอยู่หรือยัง และมากน้อยเพียงใด?

    ก่อนจะเสียชีวิตนายลี ชิน ยุง ดูเหมือนจะรู้วาระสิ้นอายุขัยของตัวเอง และได้พูดกับเพื่อนๆ ว่า:

    "ฉันได้ทำทุกอย่างที่ต้องทำในโลกใบนี้แล้ว ตอนนี้ฉันจะกลับบ้านแล้ว"



    โดย อ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์..
     
  12. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    10 เรื่องจริงอันน่าเหลือเชื่อของการกอด

    มันอาจไม่ใช่เรื่องน่าพิศวงนักหากจะบอกว่า "การกอด" เป็นการบอกรักที่ทำให้ทั้งผู้กอดและผู้ถูกกอดรู้สึกดี และใกล้ชิดกันมากขึ้นขนาดไหน แต่หลังจากนี้การกอดน่าจะทำให้ทุกคนรู้สึกประทับและอินไปกับมันมากขึ้นจาก 10 เรื่องจริงอันน่าเหลือเชื่อของการกอด ซึ่งเรื่องจริงเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องโคมลอยทั่วไป แต่มีการพิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องจริง และการกอดจะมีข้อดีอย่างไรบ้างนั้นก็ตามไปดูกันเลย

    1. ช่วยกระตุ้นการหลั่งสารออกซิโทซิน

    สารออกซิโทซิน (Oxytocin) เป็นฮอร์โมนชนิดหนึ่งที่หลั่งมาจากต่อมใต้สมองส่วนหลัง โดยมีผลกับการทำงานของสมองกับสุขภาพ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการช่วยให้คนเรารู้สึกดีและเข้ากับคนรอบตัวได้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น เมื่อไรก็ตามที่มีการกอด สมองก็หลั่งฮอร์โมนออกซิโทซินออกมา แถมยังตามมาด้วยประโยชน์อีกมากมายที่จะได้จากการกอด

    2. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน

    เมื่อการกอดทำให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข หรือฮอร์โมนออกซิโทซินออกมา และทำให้ทุกคนรู้สึกไม่มีอะไรสามารถทำให้ตัวเองเจ็บปวดได้อีกต่อไป อาจจะถือว่ามันเป็นเรื่องดี แต่ความจริงแล้วมีสิ่งที่ดีกว่านั้นซ่อนอยู่ เพราะฮอร์โมนตัวนี้ยังช่วยต่อต้านการติดเชื้อ หากว่ากันไปตามพื้นฐานแล้ว มันก็หมายความว่า การกอดเป็นการส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้นด้วย อีกทั้งยังเป็นพลังผลักดันความรู้สึกดี ๆ กับความสงบด้วย

    3. บรรเทาความเจ็บปวด

    วิธีแก้ปวดเมื่อยตามตัวของคนส่วนใหญ่ ถ้าไม่ใช่การใช้มือบีบนวด ก็คงจะเป็นการรักษาอาการด้วยยาทาหรือนำยามารับประทาน แต่หลังจากนี้ไปคุณอาจไม่ต้องพึ่งวิธีเหล่านั้นอีกแล้ว หากคุณมีโอกาสได้ลองกอดใครสักคนที่คุณรัก เพียงเท่านี้ความเจ็บปวดก็จะบรรเทาลง ในขณะที่บางคนอาจไม่รู้สึกถึงในอีกเลย เพราะเป็นผลจากการที่ร่างกายหลั่งฮอร์โมนออกซิโทซินระหว่างที่คุณกำลังกอดนั่นเอง

    4. ลดช่องว่างระหว่างคุณกับคนรัก

    จริงอยู่ที่การสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญของการสานสัมพันธ์ แต่บ่อยครั้งที่คนเรามักจะลืมไปว่า การสัมผัสก็ส่งผลดีกับความรักไม่น้อยไปกว่ากัน อย่างน้อย ๆ กอดกันแค่วันละ 10 นาที ก็มากพอที่จะทำให้ความเครียดจากเรื่องต่าง ๆ ที่สะสมมาทั้งวัน หรือจางหายไปได้ภายในเวลาอันสั้นแล้ว อีกทั้งยังส่งผลดีมากกว่าที่เห็น ก็คือ การกอดยังทำให้ช่องว่างระหว่างกันลดน้อยลง จนกลายเป็นความใกล้ชิด สนิทสนม และความผูกพันที่มากขึ้นด้วย

    5. นำไปสู่เวลาแห่งความสุข

    นอกจากการกอดจะเป็นการกระตุ้นฮอร์โมนออกซิโทซินแล้ว ยังส่งผลให้ร่างกายหลั่งสารโดพามีน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เพิ่มความรู้สึกทางเพศด้วย โดยแค่กอดอีกฝ่ายอย่างทะนุถนอม หรือส่งข้อความซึ้งไปให้สักนิด แค่นี้ก็สามารถนำพวกคุณไปสู่อะไรต่อมิอะไรที่เป็นการแสดงความรักทางร่างกายมากกว่าการกอด จูบ และจับมือแล้ว

    6. เชื่อมสัมพันธ์ของแม่กับลูก

    ออกซิโทซิน ไม่ได้มีผลกับการกอดระหว่างคู่รักเท่านั้น แต่ยังเป็นฮอร์โมนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการให้กำเนิดและการให้นมลูกอีกด้วย โดยออกซิโทซินเข้าไปช่วยให้ผู้เป็นแม่รู้สึกผ่อนคลาย และทำให้สามารถผลิตน้ำนมออกมาให้ลูกดื่มได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังลดปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับในช่วงกลางคืน เพราะมีเด็กแรกเกิดอาศัยอยู่ในบ้านอีกด้วย

    7. เข้ากับคนรอบข้างได้ดีขึ้น

    อีกทั้งฮอร์โมนออกซิโทซินยังเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการมองโลกในแง่ดีด้วย ดังนั้น เมื่อไรก็ตามที่คุณกอด ไม่ว่าจะเป็นการกอดเพื่อนที่เจอกันในงานปาร์ตี้ กอดพ่อแม่หลังจากกลับมาที่บ้าน กอดคนรัก หรือใครก็ตามที่เป็นคนที่คุณรู้จัก ก็จะช่วยให้มีความสุขมากขึ้นและทำให้การเข้ากับคนรอบข้างได้ดีกว่าที่เคยเป็นด้วย

    8. ลดความเครียด

    ออกซิโทซิน เป็นฮอร์โมนที่มีความมหัศจรรย์มากมายซ่อนอยู่ในตัว แถมยังมีประโยชน์กับร่างกายของคน ๆ นั้นมากทีเดียว โดยนอกจากประโยชน์ต่าง ๆ ที่ได้กล่าวไปแล้ว ยังช่วยลดความตึงเครียดในเวลาเดียวกันด้วย และเมื่อไม่มีความเครียด อะไร ๆ ก็จะดูง่ายไปหมด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาการเข้าสังคม หรือความมั่นใจที่เคยหายไปก่อนหน้านี้

    9. ลดโอกาสเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ

    อีกครั้งที่การกอดและทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนออกซิโทซินออกมา ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงอย่างที่คุณไม่คาดคิด เพราะเมื่อใดก็ตามที่ฮอร์โมนดังกล่าวถูกผลิตออกมานั้น ก็เท่ากับว่าร่างกายของคุณไม่มีความเครียดหรือความวิตกกังวล อีกทั้งความดันเลือกยังอยู่ในภาวะปกติ ดังนั้น จึงทำให้โอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจก็ลดน้อยลงตามไปด้วย

    10. สามารถทำได้ทุกที่และทำได้กับทุกคน

    การกอดไม่ได้จำกัดอยู่แค่คุณกับคนที่รักเท่านั้น แต่ยังเป็นการกระทำที่คุณสามารถทำได้กับทุกคนรอบตัว และทำได้ทุกที่ แถมยังมีวิธีแสดงถึงการกอดในหลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการโอบกอดไหล่เพื่อน ลูบขนสัตว์เลี้ยง หรือแม้แต่การโอบกอดคนในครอบครัว ทั้งหมดนี้ต่างก็สามารถกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนออกซิโทซินได้หมดเลย


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    10 เรื่องจริงอันน่าเหลือเชื่อของการกอด ที่แสนประทับใจ
     
  13. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702
    "มหัศจรรย์แห่งรัก" โซลเมท (soul mate) มีอยู่จริง

    [​IMG]

    เหลือเชื่อ โซลเมท มีอยู่จริง แดนนี่ หลี่ กับ นายหยวน ตี้เปา


    เรื่องราวความรักที่มีอยู่บนโลกนี้ ที่ถึงแม้จะจากกันกว่าครึ่งศตวรรษ แต่ก็ได้กลับมาครองคู่กันแม้จะเป็นในยามไม้ใกล้ฝั่ง แต่ทั้งคู่ก็ยังคงรักกันเสมอ เหลือเชื่อไหม? โซลเมท (soul mate)?มีอยู่จริง ไม่ใช่แค่ในนิยาย และน่าจะตอบโจทย์ความรักได้ดีกว่าทฤษฎีบทไหนๆ ถึงแม้เรื่องราวรักนี้จะยาวไปหน่อย แต่รับรองว่าถ้าคุณอ่านจบ คุณจะเข้าใจความรักมากขึ้น


    [​IMG]

    นายหยวน ตี้เปา กับ แดนนี่ หลี่


    สาวลูกครึ่ง แดนนี่ หลี่ กับ นายหยวน ตี้เปา พบกันที่เมืองหังโจวในฤดูใบไม้ผลิ ปี 2496 แต่โชคชะตาทำให้เขาทั้งสองพรากจากกันไปไกลถึงคนละซีกโลก นานถึง 54 ปี และปาฏิหาริย์แห่งรักก็เกิดขึ้น นำพาพวกเขามาพบกันอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ ทั้งสองได้กลับมาครองรักแต่งงานกันในที่สุด ในวัยกว่า 80 ปี!

    เรื่องราวตำนานรักของทั้งสอง ได้กลายเป็นข่าวยอดนิยมในหน้าหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์จีน นอกจากนี้ บรรดาชาวเน็ตจีน ต่างยกย่องความรักของคู่รักคู่นี้ว่าเป็น ?ความรักที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก? ?แดนนี่ หลี่ กล่าวว่า ?มันเหมือนความฝัน ฉันไม่เคยคาดหวังว่าจะได้พบเขาอีกครั้ง?

    หลี่ เกิดในปี 2469 ณ กรุงปักกิ่ง มีแม่เป็นชาวฝรั่งเศส และพ่อเป็นชาวจีน เมื่อเธออายุ 24 ปี ก็ได้เป็นอาจารย์ที่อายุน้อยที่สุดคนหนึ่งในวิทยาลัยแพทยศาสตร์เจ้อเจียง ในเมืองหังโจว และด้วยความเชี่ยวชาญถึง 4 ภาษา คือ ภาษาจีน อังกฤษ รัสเซีย และภาษาฝรั่งเศส จึงทำให้เธอมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก

    หยวน ตี้เปา นักศึกษาปีหนึ่ง รูปหล่อ วัย 25 ปี ผู้เป็นหัวหน้าชั้นเรียน และเป็นนักศึกษาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชั้นเรียนภาษารัสเซียของหลี่ หยวนทั้งฉลาดและขยัน ซึ่งเขาพิสูจน์ด้วยการได้คะแนนสอบมากที่สุดในชั้นเรียน

    ถึงแม้สังคมจะมองความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์เป็นเรื่องไม่ดีนัก ทั้งคู่ก็ยังสนิทสนมกัน โดยมีเพียงครอบครัวของหลี่เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ทุกๆ ครั้งที่หยวนไปขอคำปรึกษาเรื่องการเรียนที่ห้องทำงานของหลี่ พวกเขาก็จะนัดกันต่อหลังเลิกเรียน


    เมืองหังโจว ที่แห่งความรักอันแสนหวานปานน้ำผึ้ง

    ที่หังโจว หยวนมักเดินไปส่งหลี่ที่บ้าน และแวะบ้านของหลี่ครู่หนึ่งเสมอ ครอบครัวของหลี่ก็มิได้ขัดขวางแต่ประการใด กลับต้อนรับชายหนุ่มผู้มีเสน่ห์และมีความสุภาพอ่อนโยนนี้อย่างดี เมื่อทั้งคู่ได้ใกล้ชิดกัน หลี่มีความสุขหวานชื่น ขณะที่หยวน กลับสับสนว้าวุ่นอยู่ระหว่างความสุขและความรู้สึกผิด??ฉันสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่เขาเก็บงำไว้? หลี่เล่า?ในตอนนั้น สิ่งที่หลี่ไม่รู้ ก็คือ หยวนได้แต่งงานมีภรรยาแล้ว?หัวใจของหลี่ร้าวรานเมื่อได้ยินคำสารภาพของหยวน และแม้ว่าจะรักหยวนมากเพียงใด แต่ทั้งคู่ก็จำต้องแยกจากกัน??ฉันไม่มีทางเลือก เราไม่ควรมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของผู้หญิงที่เป็นผู้บริสุทธิ์อีกคน? หลี่ให้ความเห็น หลังจากนั้น หลี่และหยวนก็ไม่ได้พบกันอีก


    มหัศจรรย์แห่งรัก จากกันกว่าครึ่งศตวรรษ ได้กลับมาครองคู่ยามไม้ใกล้ฝั่ง

    ในปี 2519 ทันทีที่หลี่มั่นใจว่าความวุ่นวายจากการปฏิวัติวัฒนธรรมในประเทศจีนได้สงบลง เธอก็เขียนจดหมายส่งไปยังที่ทำงานของหยวนเช่นเคย แต่จดหมายดังกล่าวถูกตีกลับ ในตอนนั้น เธอไม่รู้ว่า หยวนได้เปลี่ยนที่ทำงานแล้ว ซึ่งในปี 2516 หยวนได้เขียนจดหมายบอกหลี่ แต่ไม่สำเร็จ จนกระทั่ง ทั้งคู่ก็ได้ติดต่อกันอีกครั้ง เมื่อเดือนพ.ค.ปี 2553 นานถึง 45 ปี ที่ทั้งสองพรากจากกันหลังจากได้ติดต่อกันครั้งสุดท้าย เธอยังคงครองโสดและอยู่เพียงลำพังหลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิตลง

    หนึ่งเดือนต่อมา หยวนได้เชิญชวนให้หลี่มาที่ซย่าเหมิน และได้บอกกับหลี่ว่า เธอต้องการมาอยู่กับฉันหรือแค่มาเยี่ยมก็ได้ แล้วแต่เธอจะตัดสินใจ?

    เมื่อหลี่ มาถึงซย่าเหมิน หยวนและครอบครัวก็ได้พบกับเธอที่สนามบิน และ ณ เวลานั้น หยวนได้ถือช่อกุหลาบอันสวยสด 55 ดอก เพื่อขอเธอแต่งงาน หลี่ได้ตอบรับคำขอของหยวน จากนั้นทั้งคู่ก็ได้จดทะเบียนสมรสกันในวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมา หนึ่งวันก่อนถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวชาวจีนกลับมาพบปะกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา

    ในวันที่ 26 ก.ย.2553 บุตรชายของหยวน ได้จัดงานแต่งงานให้กับพวกเขา จากนั้น ทั้งหลี่และหยวนก็ได้อาศัยอยู่ในบ้านของบุตรชายคนที่ 3 และในทุกๆ เช้า หยวนกับหลี่ ก็จะจับมือกันเดินตากลมทะเลริมชายหาดรับกลิ่นอายรุ่งอรุณของวันใหม่อันแสนอบอุ่น

    หลี่ กล่าวปิดท้ายตำนานรักสุดขอบฟ้าของเธอกับหยวนว่า สิ่งที่ผ่านมาแล้ว ก็ให้มันผ่านไป เราต้องการใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เคียงข้างกันตลอดไป ฉันมีปัญหาด้านการมอง และเขามีปัญหาด้านการฟัง ดังนั้นฉันจึงเป็นหูให้กับเขา และเขาก็เป็นตาให้กับฉัน เราเติมเต็มกันและกัน?



    ข้อมูล :ASTVผู้จัดการออนไลน์
     
  14. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    ผมอยากเป็นคริส แองเจิลอ่ะคับ:cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool::cool:
     
  15. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    เทคนิคนี้ไม่ยากนะครับ จขกท.
    คริส แองเจิลเดินบนน้ำได้ ก็อาศัยอิฐบล็อก ใสก่อเป็นสะพานในน้ำ
    มองด้วยตาเปล่าจะไม่เห็น ทำให้สมจริงหาปลามาแหวกว่ายน้ำ

    การมุดทะลุผ่านกระจก ก็เป็นเทคนิคเดียวกันกับเดวิด
    ที่เดินทะลุกำแพงเมืองจีน และการล่องลอยตัวจากตึกหนึ่งไปยังอีกตึกหนึ่ง ก็ใช้รถเครนยกทำท่าทางให้ดูคล้ายลอยตัวสูง แล้วคนที่เดินผ่านมาผ่านไปตามท้องถนนก็จำพวกหน้าม้าหน้าแมว ที่เค้าจ้างมาแสดงทั้งสิ้น ท่านต้องเข้าใจว่าศาสตร์มายากล ที่ประสบความสำเร็จ
    คือหลอกให้คนดูเชื่อสนิทใจว่า เค้าทำได้จริง ๆ เป็นจิตวิทยาที่จบลงที่คนดูจะมีความสุขสนุกตื่นตาตื่นใจไปกับ นักมายากล

     
  16. เกตุวดี

    เกตุวดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    10,519
    ค่าพลัง:
    +18,702

    ความคิดส่วนหนึ่งของเราก็คิดทำนองเดียวกับคุณ Sriaraya5 เหมือนกันค่ะ
    แต่คนบางคนที่เค้ามีความสามารถพิเศษที่คนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ ก็มีอยู่จริง
    ซึ่งเราเคยได้ประสบมาแล้ว จากคนที่รู้จักสนิทสนมกันเหมือนญาติ
    โดยเขาทำให้น้ำอุณหภูมิปกติซึ่งมีอยู่เกือบเต็มกาสามารถทำให้น้ำเดือดได้มี
    ควันพวยพุ่งออกมาเหมือนกับกาน้ำนั้นตั้งอยู่บนเตาไฟ และกาน้ำนั้นก็ร้อน
    จนจับด้วยมือเปล่าไม่ได้ มีคนถามเขาว่าเล่นกลหรือทำได้ยังไง
    เขาบอกไม่ได้เล่นกลแต่เป็นผลส่วนหนึ่งจากการฝึกสมาธิด้วยการเพ่งไฟ
    แสดงว่าคนที่ฝึกสมาธิจนทำในสิ่งที่เหลือเชื่อได้ก็มีอยู่ในโลกนี้จริง
    แต่เราไม่รู้เท่านั้นเองว่าเป็นใครบ้างถ้าเขาไม่เปิดเผยตัวเอง
    ส่วนกรณีของคริสนั้นก็อ้างว่าเป็นมายากลซึ่งไม่รู้ว่าเขาทำได้อย่างไร
    ซึ่งมีคนไทยบางคนมีโอกาสได้ไปดูการแสดงลอยตัวแบบใกล้ชิดมาแล้วว่า
    ไม่มีอุปกรณ์ใดช่วยเหลือเลย แต่ก็ไม่สามารถจับผิดได้
    ว่าเขาทำอย่างนั้นได้อย่างไร (f)
     
  17. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    นักมายากลจะไม่เผยความลับของตัวเอง
    เรื่องจับผิดคนไทยไม่ทัน ต่างชาติหรอกคุณมินต์ อย่างสัตยา ไส บา
    บา
    (Sathya Sai Baba) องค์ภควันผู้เสกสรรค์สรรพสิ่งจากอากาศ
    นี่ก็มีคนไทยจำนวนมากล้วนมีการศึกษาทั้งนั้นระดับดร.ยังศรัทธาบุคคลนี้ ลงทุนบินไปให้บุคคลฝากตัวเป็นศิษย์สัตยา ไส บาบา เสกของให้ บางก็คนก็ได้แหวน ได้พลอย ได้จี้ ผงธุลีคนไทยหลายคน คนใหญ่คนโตระดับคุณหญิงคุณนาย ทุกคนถูกหลอก

    ส่วนการเพ่งกสิณไฟ นั่นเป็นอำนาจจิตที่สะสมความร้อนไว้ที่จิต
    ผมไม่ชอบของร้อน ตนจะชอบเพ่งน้ำมันไม่เหมือนกสิณไฟ เป็นความสุขแบบ
    แห้งแล้ง เคยอธิษฐานขอให้ดวงจิตแดงเป็นถ่ายเพลิง คุณมินต์
    เกิดอะไรขึ้นรู้ไหม


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=OjCF1ulylYk]แฉ สัตยาไส บาบา - YouTube[/ame]
     
  18. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    แต่มันไม่มีรถเครนเลยนะครับพี่ศรี. ถ้ามีผมก็ต้องเห็นสิครับ รถเครนตั้งคัน จะซ่อนที่ไหนได้ล่่ะฮะ. ผมล่ะทึ่งจริงๆ..
     
  19. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนที่อยู่ในเหตุการณ์จริง
    คุณรู้จักมุมกล้อง กับ การจัดฉากไหมครับ

    อย่างเดวิดเสกให้เทพีเสรีภาพหายไป ผมงงอยู่นาน
    ต่อมา ก็มาพบความจริง
     
  20. Kama-Manas

    Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    5,351
    ค่าพลัง:
    +6,491
    แต่คนที่อยู่ในเหตุการณ์จริง ก็ไม่มีใครเห็นรถเครนนะครับ:':)':)'(
    ปล.ไม่รู้ล่ะ ผมว่าเค้าเก่งก็แล้วกัน อิๆ..
    (จะมีใครซักกี่คน ทำได้แบบเดวิด แองเจิลล:cool:)
     

แชร์หน้านี้

Loading...