เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

บนเส้นทางสู่ ปราสาท สด๊กก๊กธม สระแก้ว

เราออกเดินทาง จากจุดเริ่มต้น คือ บู๊ธ 042 บนสถานี รฟม กำแพงเพชร
ตามเวลากำหนด คือ 7.00 น ของวันที่ 27 มิย 53..
พร้อมสมาชิกที่ สนใจ..รวมกัน เต็มรถ ตามเป้าหมาย
...............................................................................
หนึ่งชั่วโมงเศษ เรามาถึงเป้าหมายแรก คือ วัดโสธรวรารามวิหาร..แปดริ้ว
เลี้ยวโค้งสุดท้าย..เรารก็เห็นเห็นยอดมหาปรารสาทองค์พระที่สร้างใหม่
ในวงเงิน หลายร้อยล้านบาท...รถราค่อนข้างแน่น..ภึงแม้จะยังเช้าอยู่
.............................................................................
มองทั่วบริเวณ..พบว่า.มหาปราสาทองค์ใหม่ และ ศาลา ไหว้องค์พระขำลอง
กินพื้นที่ มากเกินครึ่ง..จึงทำให้ดูแคบและแน่น..บริเวณลานจอดรถ น้อยลงมาก
มีที่จอดรถแคบๆ ชั่วคราว อยู่ริมน้ำ..จอดรถไม่ได้ มากนัก..น่าจะไม่เกิน 100 คัน
งานเทศกาลใหญ่ๆๆ..การมาและจอด จะมีปัญญหา มากมาย
........................................................................................

ช่วงที่รถเริ่มเข้าบริเวณ พื้นที่ของวัด
เริ่มใช้จิตสัมผัสพลังรวม..เพื่อดูว่า พลังและบรรยากาศ ของวัด เป็นเช่นไร
พบว่า โดยรวม พลัง แห่ง พุทธของวัด..ไม่สดใสเท่าที่ควรจะเป็น
เป็นพลังแห่งความอึดอัด..ซึ่งบ่งว่า..เป็นพลังที่โน้มเอียงไปทางโลก มากกว่า
..............................................................................
เป็นพลังแห่ง ผลประโยชน์ และการแบ่งแยก..
ที่พระทั้งวัด เคยทำเรื่องที่อื้อฉาวมาเมื่อไม่นานนี้
แม้บัดนี้ มองภายนอก จะดูสงบ...แต่ภายในก็ยังไม่นิ่ง
............................................................................
แต่เรามาที่วัดเพื่อไหว้พระที่ศักดิ์สิทธื์..เพื่อเป็นมงคลแห่ง เรา
เราจึงไม่รับ พลัง ที่ผิดเพี้ยนไป..ก็เท่านั้นเอง
.............................................................................

 

ลงจากรถแล้ว ทุกสมาชิก ก็เดินตาม กันเป็น แถว
ฝ่า ฝูงชนที่มากมาย..เกินกว่าที่จะคิด
ผ่านจุดแรก ก็เป็น ศาลา เก่า ที่ ตั้ง พลวงพ่อโสธร องค์จำลอง
ที่นี่ มีผู้คนมากมาย แน่นขนัด..ณ ท่ทีนั้น ผู้คนไม่น้อยกว่า 300 คน
รอซื้อ ดอกไม้ ธูปเทียนเพื่อ บูชาและปิด ทองพระ..
ที่ มีป้ายบอก ชุดละ 20.- บาท...
วันธรรมดา น่าจะมีคนมาไหว้ ประมาณ 1000-1500 คน
เงินเข้าวัด ก็ มากมายเช่นกัน
.....................................................................
เราค่อยๆๆ เดินผ่านศาลาที่ผู้คนเบียดกันแน่น
เพื่อไปยัง ตัวมหาวิหารอันสง่างามที่ สร้างใหม่
ราคาหลายร้อยล้านบาท
.......................................................................
ที่นี่ เมื่อ ผ่านเขตแนวกำแพง เข้าไป ก็ พบว่า.มีพลังเย็น แบบพุทธะ
ที่ทำให้ สบายใจ..เพราะ อย่างไรก็ ดี.ที่นี่ ก็ยังมีพุทธบารมี
ที่ผู้ที่มาไหว้ จะได้ รับ..
.เพราะ เป็นที่ สถิตย์ ฐาน ของ หลวงพ่อโสธร องค์ จริง
...........................................................................
ที่มหาวิหารใหม่..ผู้คน ไม่มาก..มองเู..ไม่น่าเกิน 30 คน
ซึ่งน้อยกว่าศาลา หลังแรก..กว่า สิบเท่า
เราทั้งหมดก็ เข้าไป กราบ..
ทุกคนได้ รับพุทธ บารมี จากหลวงพ่อ..กันอย่างครบถ้วน
...............................................................................
พอจิตสงบ เราก็ ใช้ ตาในตรวจดูหลวงพ่อองค์ จริง
ว่า..แท้จริง ..เป็น อย่างไร
................................................................................
สิ่งแรกที่เห็น คือ องค์หลวงพ่อ มีพลัง สีเขียว
ซึ่งแปลว่า..เป็นพลัง แห่ง ความเมตตา..ช่วยมนุษย์
หมายความว่า..ผู้ใดมีบุญถึง ก็ รับ พรไป
.............................................................................
ด้านหน้า ของ หลวงพ่อ เห็น เงาร่้างสี ฟ้า อมสีทอง..
ซึ่งเป็น แสง แห่ง ตวามโชคดี..และ ความปลอด ภัย
เพ่งอีกที ที่ร่างเงา...อ้าว เป็น องค์ พระพิฆเณศวร..มานั่งคอยต้อนรับ
..............................................................................
ด้านหลังองค์ พระ เป็น เงาสีม่่วงเข้ม....สว่างกระจาย
เหมือนเป็นหลังฉาก หรือ ม่าน แบล๊กกราวนด์
มองดูก็รู้ ทันที เพราะ..ยืนทะมึนสูง ยันเพดาน
...................................................................
นี่ คือ ท้าวเวสสุวัณผู้มีหน้าตาเช่นยักษ์ ยืนถือ กระบอง.
.เป็นผู้ดูแลนรก และ จดบัญชี บาป- และบุญ ของ มนุษย์
เมื่อตายไป ก็จะ ต้องลงไป เปิดบัญชี เปรียบเทียบว่า..
จะได้ขึ้นสววรค์ หรือ ลงต่ำสู่นรก
......................................................................
จิตถามอีกทีว่า ทำไม องค์พิฆเนศ
จึง มานั่ง อยู่ เบื้องหน้า หลวงพ่อ โสธร
คำตอบมาทางโทรจิต
...................................................................
"คนที่มาที่นี่..ส่วนใหญ่ จะมาขอ ลาภ ยศ เงินทอง
องค์พระที่แท้ ต้องเน้น ความว่างเปล่า การหลุดพ้น
ไม่เน้น เรื่อง โลภะ เรื่อง สมบัติ เงินทอง..ลาภยศ
ท่านจึงไม่ให้...ดังนั้น องค์ พระพิฆเณศวรเทพเจ้าแห่ง ความสำเร็จ
จึง ต้องอาสามาแทน...เพื่อ ไม่ไห้ ขาดศรัทราของฝูง ชน
..........................................................................
องค์ ท้าวเวสสัวัณ ก็ มายืน เฝ้าหลัง
ป้องกัน การแทรก แซง ของ ทุกชนิด ที่ไม่ดี
และมาเป็นพยานในการจดคะแนน บัญชี บาป-บุญ ของ ผู้คน
ขอให้ ทุกท่านที่ได้ ไป ไหว้ หลวงพ่อ องค์ จริง
ณ มหาวิหารใหม่..
...................................................................
จงได้ รับ พร จาก หลวงพ่อ โสธร (พุทธบารมี)
ได้ รับพรโชคลาภ จาก องค์พระพิฆเณศวร
และได้ รับ คะแนนบุญ จาก ท้าวเวสสุวัณ ด้วยเทอญ
..................................................................
(มีต่อ)

 

ตอนไปเกียวโต ที่ปราสาททองของโชกุนในอิคคิวซัง คุณพี่สาวเห็นคุณหมาจิ้งจอกเผ้าศาลอยู่ เมิลเห็นว่าศาลหลังนี้น่ารักดีจะเข้าไปถ่ายรูป คุณพี่สาวรีบเดินหนี้ไปเลยไม่ถ่าย ก็เลยเดินตามไปถามได้ความว่าเห็นคุณจิ้งจอกเผ้าศาลไม่อยากให้ถ่ายรูป

 

ขอแสดงความยินดีกับคุณชยาครับ...แอบเข้าไปดูใน youtube แล้วครับ เพราะมาก

 

บนเส้นทางสู่ ปราสาทสด๊กก๊กธม

ออกจากปราสาทหลังใหม่..ก็ย้อนกลับไปทางเก่า
พบบว่าโดยรอบ เต็มไปด้วย แผง และร้าน ขาย/ให้เช่า พระเครื่อง
มีหลายรูปแบบ ทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่.บูชา และ ห้อยคอ
ลองทดสอบพลังกฤษติยา..พบว่ามีพลังน้อยมาก
.........................................................................
พลังที่มีน้อยเกินไป...แปลว่า ไม่ได้มีการปลุกเสก
โดยพระ หรือ เกจิอาจารย์ ที่ เก่ง อาคม..แต่อย่างใด
คงจะเน้นการผลิต เป็น พุทธพาณิชย์..เอาจำนวนมาก มาวางขาย
เพื่อการค้า..โดยไม่ได้มีการปลุกเสก อย่างที่ควรจะเป็น
กลุ่มพวกเรา จึงไม่มีใครสนใจที่จะเช่า
...........................................................................
กลับเข้าไปอยู่ หน้า โรงศาลา ที่ ผู้คนมากมาย นับหลายร้อยคน
เต็มไปด้วย ผู้คน / ควัน จากธูป จำนวนมหาศาล/ เทียนและดอกไม้
ผู้คนนั่งกราบ /ไหว้พระ / ปิดทอง กัน ตามกระแสนิยม ปฏิบัติ
...............................................................................
บรรยากาศ เต้ม ไปด้วย ควันไฟ และกลิ่นธูป
จึงเพ่งสัมผัส นิ่งๆๆ...พบว่า มีแต่พลัง ร้อน และ เร่า ร้อน
เยี่ยงเดียวกับ บรรยากาศ ในสนามมวยไทย ใหญ่ๆๆ ลุมพินี /ราชดำเนิน
...............................................................................
ผู้ที่เคยเข้าไป จะพบ ว่า ที่ สนามมวย.นั้น เมื่อ เข้าไปภายใน
จะอึดอัด และเครียด...เพราะ แต่ละคน จะมีแต่โลภะ
ปล่อยแต่พลังแห่งความอยาก ให้ มวยข้างตนถือหาง...ชนะ
จะได้ เงินรางวัลการพนัน...มีสอง ฝ่าย คือ ฝ่ายแดง และ ฝ่ายน้ำเงิน
พลังทั้งสองสี สองฝ่ายจึงอัดกัน..ทำให้เครียด
..........................................................................
ในวัดนี่ ก็เมือนกัน...มีแต่คนมาบน ขอให้ได้ บุญ..ขอให้ รวย
พลังขอ รวมกันมากๆๆ...บรรยากาศโดยรวมจึงเร่าร้อน ด้วยพลังแห่งโลภะ
เราจึงรีบเดินกลับมาที่รถโดยเร็ว...เพื่อไป ยังจุดหมายต่อไป
...............................................................................
ตอนก่อสร้าง มหาปราสาทองค์ใหม่ ครอบ องค์ พระ พุทธโสธร องค์ จริงไว้
เมื่อ ตัวอาคารสร้างเสร็จ..ก็จะมีการยก องค์หลวงพ่อ ขึ้นสูง
ปากฏว่า ไม่สามารถยกขึ้นได้..ทำอย่างไร...หลวงพ่อก็ไม่ขยับ
..................................................................................
เคยถามในจิตว่า ทำไม..หลวงพ่อโสธร จึงไม่ยอมขยับลอยขึ้น
ได้คำตอบมาว่า " ที่ไม่ให้ยกขึ้น เพราะ อีกไม่นาน..
จะมีน้ำท่วมใหญ่ ถาวร...ทำให้วัดนี้จมน้ำไปด้วย
.........................................................................
เมื่อใด ที่ น้ำท่วมถึง ฐานองค์พระ..หลวงพ่อก็จะลอยตัวไป
โปรด ยังที่ใหม่...เป็นวงกรรมของโลกาภิวัฒน์..นั่นเอง
............................................................................
(มีต่อ)

 

วันนี้ มีสมาชิ จากเวป สอง ท่านมาเยี่ยมที่บู๊ธ 042
คือ Veget 1 และ Hi ! Sri
ทั้งสองคนมาจากเวป..และมาให้ตรวจ ตามที่ได้ แนะนำไว้
พบว่า มีพลังทางจิต ค่อนข้างสูง..180 - 220 เมตร
นับว่าสูงมาก สามารถมีจิตสัมผัสได้ ดี หลายเรื่อง ที่ ใกล้ตัว
สามารถมาเรียนและ เปิด ตาที่ สามได้..ทั้งสอง คน
จะมาเรียนวันพฤหัสนี้ ตอน 9.00-12.00 น
....................................................................
ขอแสดงความยินดี ในความสำเร็จ เป็นการล่วงหน้า
......................................................................

 

ยินดีด้วยนะคะ K.Veget 1 และ Hi ! Sri ขอให้สำเร็จสมปรารถนา ค่ะ

 

ไปหาอาจารย์มาหลายครั้งละ ... อาจารย์ให้หนังสือเล่ม 4 กะเล่ม 7 มาอ่าน
สนุกดีครับ .... แต่ยังไม่เคยเรียนวิธีเปิดตาอย่างเป็นทางการกับอาจารย์ซะที
คราวหน้าไปหาอาจารย์ไม่ลืมแน่ ... ; ]

 

ขอแสดงความยินดีกับพี่ Veget 1 และ Hi ! Sri ด้วยค๊ะ
:z1

 

ยินดีกับคุณVeget 1 และคุณ Hi ! Sri ตั้งใจนะคะ อ.สามตายินดีให้ล่วงหน้าแล้วด้วย
มารอฟังเรื่องเล่าพร้อมคุณLindaค่ะ
พี่สาวคุณเมิลไปเจอจิ้งจอกด้วย จาน่ารักเหมือนอินุยาฉะป่าวน้อ ท่าทางจะไม่
ไม่งั้นคงไม่หลบฉากออกมานะคะ

เมื่อวานอดไปทำบุญกับพี่เห็ดหอม ยังไงก็ยินดีในบุญกับพี่เห็ดหอมและครอบครัว
ที่ไปแจกของใช้ส่วนตัว และขนมให้เด็กในบ้านบ้านธัญพร คลอง6 เห็นว่าซื้อของแล้ว
แม่ค้ายังร่วมฝากชุดชั้นในมาทำบุญอีก ลากกันไปเอาบุญเลยนะเนียะ

ส่วนตัวเองรถเสีย แต่โชคดี ไม่ต้องเข็น แหมะ พ้นสะพานมาได้พอดี และหาเวิ้งจอดรอรถลากได้สบายๆ
***จากนั้นก็ได้นั่งแท๊กซี่ คันแรกเป็นผู้หญิงขับ นั่งได้ไม่เกิน20เมตรก็มีเสียงดังๆป็อกๆที่ล้อหน้า
เขาก็ขอโทษนะพี่ เชิญให้ลงท่าทีสุภาพ
****ไม่นานก็เรียกคันที่สองได้ คราวนี้เป็นรุ่นคุณลุง ท่านนี้ไม่เกี่ยงไปไกลแค่ไหนก็
ติดว่าแกไปเติมแกส เลยเชิญให้ลงโดยหาแท๊กซี่ให้อีก และไม่ยอมรับค่าโดยสาร(43บาท)
**** สุดท้ายก็ได้นั่งรถแท๊กซี่คันที่3 ถึงบ้านจนได้
ระยะทาง 10กม. ได้นั่งรถ4คัน อิอิ มีกันอยู่3คน ไม่รู้จะโทษใคร ว่าดวงไม่ดี55555
กลับมาก็ลากสังขารอาบน้ำ แล้วก็ทำแบบฝึกหัด(นั่งสมาธิ)ของ อ.บาสสะหน่อย
ใครยังไม่ได้ลอง ก็ไปอ่านกระทู้คุณvisnuนะคะ ทดลองดู
--------------

 

คุณ songthum & angelpair...พลังถึงขั้น
เรียนเปิดตาที่สามได้ ครับ...ตอบมาตามที่ได้ถามไป

 

บนเส้นทางสู่สด๊ดก๊กธม (ต่อ)
..............................................................
ออกจาก วัดโสธร เราก็ไปวน หา อาหารเช้าทานกัน
เห็ดหอม แนะนำ ร้านอาหารเช้า เป็น ข้าวมันไก่ ดัง ของ แปดริ้ว
ร้านหาได้ไม่ยากนัก...ค่อนข้างหรู..ขนาดสามห้อง
ก็สั่ง เพราะ มีอย่างเดียว..คือ ข้าวมันไก่

ก็กินกันไป..แต่เอ..ไก่ ก็งั้นๆ แหละ
ที่อร่อย เห็น จะเป็นตัวข้าวมัน...เข้าท่า ดี
พอทานเสร็จ..จนอิ่มหนำสำราญ กันแล้ว
ก็สั่ง ต่อ...เอาข้าวมันไก่ อีก 6 ห่อ ...ไม่เอาไก่..ไม่เอาไก่ ขอย้ำ

คนขายก็งง ๆ..ว่า เราสั่งผิด หรือ เปล่า
มีหรือ ที่ไหน กัน...จะเอาไป บ้าน..เอาแต่ข้าว แต่ไม่เอาไก่
หึ หึ หึ ๆๆๆๆๆๆ

ออกเดินทางต่อ..ผ่าน บางคล้า...
รถราเริ่มติด..แสดงว่า เป็น เมืองที่กำลัง จะโต
ผ่านพนมสารคาม..รถก็ติดอีก...แสดงว่า เจริญ ขึ้นมาก

เมื่อหลายปี ก่อน..พนมสารคามเป็น หมู่บ้านเล็กๆๆ มีไม่กี่หลัง
ต่อมากลายเป็น ฐานสำคัญ ชอง ทหารช่างอเมริกัน
ที่ ก่อสร้างถนน สาย สัตตหีบ..โคราช..
เพื่อ ขนอาวุธ จาก อู่ตะเภา ไป ยังโคราช

เมื่อเป็น ฐานทัพ ทหารช่าง..ทหารอเมริกัน..มีเป็นพัน
มี แต่ทหารชายโสดล้วนๆๆ
เราจึงได้ เห็น โคมเขียว กัน สลอน มากกว่า 20 หลัง
มีทหารอเมริกัน เข้าคิวรอกันเป็น แถว..บ้านละ 4-5 คน
แต่ ปลอดภัย เพราะ มีหมอ ทหารอเมริกัน มาคุม ตรวจโรคด้วย
........................................................................

 

ตอนนั้น ถนน เพิ่งกำลัง ก่อสร้าง..เป็นถนนลูกรังแดงๆๆ
ฝุ่นตลบ..รถเมล์ วิ่งสวนมาด้วยความเร็ว สูง
ตะแคงมาเลย ...มองดู น่า หวาดเสียว
ตอนนี้เป็น ถนนชั้นดี..เป็น แอสฟัลติค...เรียบ

ประมาณ เกือบชั่วโมง เรามาถึง ป้าย ชมวิว อันแรก
" สระมรกต "
ขับรถเข้าไป..ในที่ที่จอด...
มีรถมาจอดอยู่ สามสี่ คัน..มีขบวนแห่ ชาวบ้าน เดินกันเป็นกลุ่ม
มาทำบุญ กัน..เสียงเพลงที่ ลอย มา เป็น เพลงพื้นบ้าน "กันตรืม"
เป็นเพลง รำวง ในแนว ภาษาเขมร.
.แสดงว่า กลุ่มคนที่มา มาจาก หมู่บ้านเขมรเก่า
เป็นคนไทย นี่ แหละ...เขาพูดเขมรก็จริง แต่เป็นเขมรแบบ ไทย มี ภาาาไทยปน
เวลาไป พนมเปญ เขมรแท้ๆๆ..ก็พอฟังกันได้ บ้าง..เหมือน คนใต้ ไปเชียงใหม่
พูดบ้าง มือบ้าง...ว่า กันไป

ในจังหวัด สุรินทร์ และ บุรีรีมย์ จำนวนหมู่ บ้าน มากกว่า ครื่ง พูดเชมร
อย่าง เนวิน ชิดชอบ นี่ ก็ คนบุรืรัมย์ อยู่ อำเภอ ประโคนชัย
เลือกตั้งทีไร..กินคะแนนกันยาก เพราะ เว้าเขมร ก็ เชียร์ เขมร
........................................................................

 

เดินสวนกับกลุ่มคนพื้นบ้านเขมร..ไปตามทางเดินที่เป็นหินปู ศิลาแลง
เดินไป..ก็มองไป รอบๆๆ..สถานที่..พบว่า มีการดูแลค่อนข้างดีมาก
โล่งเตียน สนามหญ้า ตัดสั้นเรียบร้อย..
มองเห็น สถานที่ตั้งของ โบราณ เป็นหย่อมๆๆ
...........................................................................
เดินไปตามทางเดิน ที่ปูด้วยหินศิลาแลง..เป็นทางบังคับ
เดินไปได้ ประมาณ 50 เมตร..
ก็พบกับ สิ่งก่อสร้างที่ สูงยกพื้น ประมาณ 5 ขั้นบรรได

ก้าวขึ้นไป ก็เห็น เป็น พื้นที่ สี่เหลี่ยมเล็กๆๆ ประมาณ 2.5 เมตร
ตรงกลาง มีหลุม ลึกลงไป..เป็นหลุมกลม
เริ่มสัมผัสพลังได้ แล้ว..ว่า มาจาก หลุม
เป็นพลังที่ ค่อนข้างดี..และเย็น ซาบซ่า...เหมือนได้ ดื่ม น้ำอัดลมยี่ห้อ ดี
ใครหว่า..มาให้ พลัง ซาบซ่า..ก็มองด้วย ตาใน
เห็น สว่างเรืองแสง สี ทอง..ของ พญานาค 5 เศียร
เขามาให้พร...และเป็น ผู้ดูแล สถานที่นี้ นั่นเอง
................................................................
เราก็ ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก ก่อนที่จะขยับไป ยังที่อื่น
เดินทางต่อ ไป ตามทางเดินที่ยกพื้น
เดินไปได้ ประมาณ 5 เมตร..ก็พบว่ามีอะไร..ค่อนข้างชัดเจน
ขวางทางเดิน อยู่กลางถนนที่ยกพื้นนั้น
.................................................................
พอดูไกล้ๆๆ พบว่า เป็น หินสกัด เป็นรูป พญานาค 5 เศียร
นี่เป็น พญานาค ตัวที่ มาปรากฏตัวที่ หลุมที่ว่านั้นเอง
เราก็ยืนสงบทำสมาธิ..ต่อหน้า หินสกัดพญานาครูปนั้น
................................................................

 

จากนั้นก็เดินต่อไป ยัง จุดสุดท้ายที่ อยู่ไม่ไกลนัก
เมื่อไปถึง พบว่า เป็นบ่อ ขนาด กว้างประมาณ 1 เมตร
ที่ ก้นบ่อ มี รูป พระพุทธบาทคู่..
และมีสัญญลักษณ์ ของ วงล้อธรรมจักร ขนาด ฟุตกว่า หรือ 12-15 นิ้ว
เป็น พลัง ของ พุทธบารมี นั่นเอง
.............................................................
เมื่อจบสิ้น เราก็เดินกลับ..มายังที่ รถ
ปรากฏว่า คุณ เห็ดหอม กับ วิษณู..ออกเดินไป ยังอีกมุมหนึ่ง
เราไม่ได้ ไป ด้วย...เพราะ ต้องเดินอีกไกล..กำลังขาไม่ค่อยดี

ทั้งสองคนกลับมา..เล่าว่า พบ สิ่งที่ น่าสนใจ..มีพลังมาก
ต้องให้ เขามาเล่า เอง..ก็แล้วกัน..ว่า ไปเจออะไร ที่น่า ตื่นเต๊ลล์
...................................................................

 

ออกจาก "สระมรกต" เราก็เดินทางต่อ
ไปได้ไม่ไกลนัก เราก็ มาถึง เมืองโบราณ..ส่วนที่เรียกว่า " สระขวัญ"
เราก็จอดรถ ทางด้านหน้า...ค่อยๆๆเดินไป
พบว่า เป็น บ่อ แห้งๆๆ..ลึกลงไป..ประมาณ 5 เมตร

เป็นสระยาว..กว้าง ประมาณ 3 เมตร ยาว เกิน 15 เมตร
โดยรอบเป็น หินผาเรียบชัน...มองไม่เห็นอะไร
เมื่อเดินไป ยัง อีก ด้านพบว่า...ผนังด้านหน้า มี การแกะสลักรูปนูนต่ำ
เป็น รูป ช้าง หลายเชือก รูปลิง และ นางรำ

คนโบราณ ได้ แกะไว้..บนผนังที่ ชัน
เป็นโบราณคดี.ในเชิงประวัติศ่าสตร์
ที่ให้ เราได้ รู้..เรื่องราวในอดีต
.....................................................

 

ออกจาก เมืองโบราณ "สระขวัญเมือง"
เราตรงมาสู่ ปราจีนนุรี
แวะเข้าไปที่ วัดศรีมหาโพธิ...
จอดรถได้ ง่ายๆๆ...เพราะ มีคนมาน้อย
เห็นรถนักท่องเที่ยว แวะจอดอยู่ก่อนแล้ว 4-5 คัน
..........................................................
มองไป ข้างหน้า เห็น แต่ กำแพงยาวกั้น
ต้องมองรอด ซุ้มประตูเข้าไป
เหนือประตู ซุ้ม..มีการปั้นรูป ประวัติ ของ ต้นโพธิ์ไว้
ว่า เอามาจาก ชมพูทวีป ศรีลังกา มาโดยเรือ แล้ว เดินบก
เอากิ่งมหาโพธิ์ ต้นแรก.ที่แยกมาจาก ต้นเดิม มาลงไว้ที นี่
........................................................

เราเดินเข้าข้างใน.. ผงะ เล็กน้อย..
เพราะ ต้นโพธิ์ ค่อน ข้างใหญ่ มาก... หลายคนโอบ
มีผู้คน ยืนอยู่โดยรอบ ประมาณ 20 คน
มาเป็นคณะ..จาริกบุญ..มีไกดฺ์นำมาและมีการบรรยาย ประวัติ
เราก็ได้ ฟังด้วย..เพราะ มีเกร็ดบางอย่าง ที่ ไม่ได้ เขียนไว้ ณ ที่ใด
เราจึงได้รู้
.......................................................................
(มีต่อ)

 

เล่ายาวๆครับ เห็นภาพเลย ขอบคุณครับ.

 

ที่โคนต้นโพธิ์ มี ศาล เล็กๆๆ ไว้ให้ ผู้คนกราบไหว้ บูชา
ทางขวามือ เป็น แผงซุ้ม ขายดอกไม้และะธูปเทียน
ราคามาตรฐาน ชุดละ 20 .- บาท..ก็ซื้อทำบุญ กันไป จนครบคน
......................................................................
ต้นโพธิ์ ต้นค่อนข้างใหญ่..มีกิ่งก้านสาขา กระจายเป็นวงกว้าง
เขาจึงทำเป้น ทางเดิน เป็นวงกลม โดยรอบต้น
ขนาดเส้นผ่า ศูนย์ กลาง ประมาณ 40 เ้มตร
.......................................................................
ฉุกแรกที่คิด คือ จะต้องเ้ดินวนซ้าย หรือ ทักษิณาวัตร
หันไหล่ ขวาเข้าสิ่งที่เราจะเดิน..เสมอ
พอ ตั้งท่้าจะเดินให้ ครบ สามรอบ ตามมาตรฐานนิยม
ก็มีเสียงใสๆๆ มากระซิบ ในจิต..ว่า
"ให้ เดิน วนไปอีกทาง คือ เดินวนไป ทางขวา"

เราก็ชงัก..ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะ
จะก้าวเดินไปตามที่เสียงสั่งมา..ก็ไม่กล้า
เพราะ ผู้คน กำลัง เดิน มา.ถ้าเราเดิน สวนทางทางไป.
.เราอาจจะกลายเป็น ตัวประหลาด

เราแค่หันกลับจะเดิน ตามที่ สั่ง
เสียงแม่ค้าที่ ขายดอกไม้ธูปเทียน ก็ ร้องทักมาเสียงดัง
" อ้าว..คุณ ..อย่า เดินสวน..นั่นเขาเดินเวลา..เดินตามศพ ขื้นเมรุ "
เราก็เลยต้องหยุด.....และจำใจต้องเดินไป ทางซ้าย..ตามๆๆ เขาไป.
.มิฉนั้นก็จะกลายเป็น ตัว ประหลาดไป
............................................................................

 

เดินไปได้ 1 ในสี่ ของ รอบต้น..
ก็มี ทางแยก เข้าไป ยัง ศาล ที่ อยู่ ชิดต้นศรีมหาโพธิ์ นั้น
ก็เขาไป ถวายดอกไม่ ธุปเทียน ตาม วิธี ปฏิบัติ
รับ พลัง แห่ง ต้นโพธิ์..เป็นพลัง แห่ง พุทธ บารมี โดยแท้

ถวายเสร้จ ก็ เดิน วนไปให้ ครบรอบ..กลับมาที่ จุดเริ่มต้น
ไม่ได้ เดิน ให้ ครบสามรอบ เหมือน คนอื่นๆๆ
เพราะ ในใจมีคำถามที่เป็น วิสสัชณา
ที่ มีเสียง บอกว่า ให้ เดินไปทางขวา สวนทางชาวบ้าน
............................................................