เรื่องพระถูกตัวผู้หญิงไม่ได้นี่มันเป็นเรื่องลึกลับสำหรับข้าน้อยนะ เพราะ....

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย COME&Z, 17 เมษายน 2012.

  1. ลมสุริยะ

    ลมสุริยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    365
    ค่าพลัง:
    +215
    นั่นสิคุยตั้งเยอะ นึกว่าเข้าใจเสียอีก
     
  2. ped2011

    ped2011 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2011
    โพสต์:
    1,037
    ค่าพลัง:
    +1,096
    ชอบๆๆๆๆๆ ๆๆๆๆ........
     
  3. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" cols=2><TBODY><TR><TD>๔๔.ห้ามนั่งในที่ลับมีที่กำบังกับมาตุคาม (ผู้หญิง)</TD><TD>๙๐.ห้ามทำผ้าปิดฝีมีขนาดเกินประมาณ</TD></TR><TR><TD>๔๕.ห้ามนั่งในที่ลับ (หู) สองต่อสองกับมาตุคาม
    อ้างอิง http://www.salatham.com/ordane/donts.htm
    ในสมัยก่อน เวลาผู้หญิงเข้าวัด ถึงได้ต้องลากเด็กไปด้วยไงครับ เพื่อกันไม่ให้พระท่านต้องอาบัต
    ลองอ่านพระไตรปิฏกดีๆ
    ท่านกล่าวเกี่ยวกับสตรีไว้เยอะ ประมาณว่าควรยุ่งเกี่ยวให้น้อยที่สุด
    ผมไม่ชอบที่จะเอาพระไตรปิฏกมาฟาดกันเท่าไหร่นะ


    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ลองไปอ่านดีๆนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2012
  4. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    ขอเสริมนะครับ

    ทุกข์ที่ท่านทั้งหลายอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อกำหนดรู้นั้นคืออะไร.... พวกเธอพึงตอบพวกเขาอย่างนี้ว่า
    ทุกข์ คือ ตา... หู... จมูก... ลิ้น... กาย... ใจ...
    ทุกข์ คือ ดีใจ รูป... เสียง... กลิ่น... รส... โผฏฐัพพะ... ธรรมารมณ์....
    ทุกข์ คือ จักขุวิญญาณ... โสตวิญญาณ... ฆานวิญญาณ.... ชิวหาวิญญาณ... กายวิญญาณ... มโนวิญญาณ...
    ทุกข์ คือ จักขุสัมผัส... โสตสัมผัส...ฆานสัมผัส... ชิวหาสัมผัส... กายสัมผัส... มโนสัมผัส...
    ทุกข์ คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนาที่เกิดขึ้น เพราะผัสสะเหล่านี้เป็นปัจจัย”
    ติตถิยสูตร สฬา. สํ. (๒๓๘)
    ตบ. ๑๘ : ๑๗๒-๑๗๓ ตท. ๑๘ : ๑๕๕
    ตอ. K.S. ๔ : ๗๘
     
  5. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
  6. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    พุทธดำรัส
    ทุกข์จะไม่เกิดกับ ผู้หมดกังวล
    เอามาจากหนังการตูนเรื่องพระนางพิมพาน่ะครับ
    ผมชอบพุทธดำรัสคำนี้มาก
     
  7. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    ใหนๆก็ใหนๆแล้ว ขอเอาพุทธดำรัสมากล่าวนะ ไม่ทราบว่าเคยอ่านท่อนนี้หรือยัง


    การปฏิบัติในมาตุคาม
    [๑๓๒] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์จะพึงปฏิบัติในมาตุคาม อย่างไร ฯ

    พ. การไม่เห็น อานนท์ ฯ

    อ. ข้าแต่พระผู้มีพระภาค เมื่อการเห็นมีอยู่ จะพึงปฏิบัติอย่างไร ฯ

    พ. การไม่เจรจา อานนท์ ฯ

    อ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อต้องเจรจา จะพึงปฏิบัติอย่างไร ฯ

    พ. พึงตั้งสติไว้ อานนท์ ฯ
    อ้างอิง
    http://www.oknation.net/blog/print.php?id=268091

    แต่เดี๋ยวก่อนนะ ผมขอถามก่อนนะ ที่ลุงเถียงมาน่ะ คืออะไรเหรอ
    หมายถึงจะเถียงผมหรือเถียงพระผู้มีพระภาคเจ้า
    ตอบด้วยนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2012
  8. อภิราม

    อภิราม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    532
    ค่าพลัง:
    +9,005
    ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจผู้หญิงเหมือนกัน ทำไมผู้ชายถึงถูกหน้าอกของผู้หญิงไม่ได้ เพราะ..

    ในเมื่อคุณบอกว่าร่างกายเป็นสิ่งสมมุติ แล้วทำไมผู้หญิงถึงต้องสมมุติให้หน้าอกเป็นสิ่งหวงห้าม

    ถ้าผู้หญิงเดินผ่านมือไปโดนหน้าอกคุณ คุณอาจคิดว่าเขาไม่ตั้งใจ
    แต่ถ้าผู้ชายเดินผ่านแล้วมือไปโดนหน้าอก คุณอาจคิดว่าโดนเขาลวนลาม

    ทำไมล่ะ มันก็คืออวัยวะในร่างกายเหมือนกัน คุณไปสมมุติให้มันสำคัญทำไม ?




    ผมจะบอกอะไรให้ คนที่ยังไม่พ้นสมมุติน่ะ ไม่ใช่พระท่านหรอกครับ
    แต่เป็นปุถุชนคนธรรมดา กิเลสหนาชั่วช้าแบบเรา ๆ ท่าน ๆ นั่นแหละ ที่ยังไม่พ้นสมมุติ


    ศีลทั้ง ๒๒๗ ข้อน่ะ มีศีลเพียง ๑๐ ข้อ ที่พระท่านปฏิบัติเพื่อตนเอง
    แต่อีก ๒๑๗ ข้อ ต้องปฏิบัติเพื่อญาติโยม เพราะอะไร ?


    ก็เพียงแค่ความคิดชั่วของเราต่อพระสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นเจตนาหรือไม่เจตนา เข้าใจถูกหรือเข้าใจผิด มันก็เป็นบาปติดตัวเราแล้ว
    เพราะความชั่วที่เราคิดนั้นมันเป็นความชั่วของเรา เราเป็นคนสร้างมันขึ้นมา


    แต่พระท่านมีเมตตา ท่านสงสารเรา ไม่อยากให้เราคิดชั่ว เลยต้องรักษาศีลอีก ๒๑๗ ข้อเพื่อไม่ให้ฆราวาสคิดชั่ว
    ไม่อย่างนั้นคนที่ไม่ได้บวช รักษาเพียง ศีล ๘ ทำไมบรรลุถึงพระนิพพานได้
     
  9. undfined

    undfined เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2009
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +240
    ที่บอกให้เฉือนเนื้อแล้วไม่รู้สึก ผมว่าไม่น่าเกี่ยวกับการพ้นสมมตินะ
    พระอรหันต์ ท่านมีแต่เวทนาทางกาย แต่ท่านไม่มีเวทนาทางใจ นิครับ
    หากจะระงับเวทนาทางกายก็ต้องเข้าฌาน
     
  10. undfined

    undfined เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2009
    โพสต์:
    109
    ค่าพลัง:
    +240
    อะไรมาโดนตัวก็แค่รู้สึกทางกาย แต่ใจไม่ได้รู้สึกปรุงแต่ง
     
  11. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529

    ลุงไม่ได้เถียงนะจ๊ะ ลุงมาแก้จ๊ะ มาแก้ว่า พระพุทธองค์มิเคยตรัสห้ามมิให้พระภิกษุ พูดกับสตรีจ๊ะ เอ็งเคยอ่านเรื่องภิกษุณีโกกิลา ผู้หลงรักพระอานนท์ไหมเล่า รายนั้นพระอานนท์เจ้ามิเพียงพูดด้วย ท่านยังจับท่านโกลิกาอีกด้วย ทั้งๆๆที่ท่านเป็นหญิง และ เป็นพวกจัณฑาน อินเดียเชื่อว่า แค่นั้งที่ที่พวกนี้เดินผ่านก็เป็นบาปนักแล้ว แค่นั้งทับที่ที่พวกนี้เดิน อย่าว่าแต่จับตัวเลย แต่ท่านอานนท์ท่านมิได้สนใจเลย ลองอ่านดูเถิดเรื่องนี้ดีนักแลกินใจนัก เอ็งยกมาก็ดีเลย อ่านดูเถิด เมื่อพึงเจรจาจงตั้งสตินั้นแล เห็นไหม? คุยได้แต่ต้องมีสติ คือไม่ให้ราคะจริตครอบงำ รู้ทันมัน นั้นแลที่เรียกว่าอ่านอะไรต้องจับประเด็น

    ทีนี้แลจะเห็นได้ชัดว่า ที่พระพุทธองค์มิเห็นด้วย นั้นแลมีประการเดียวคือการบวช เพราะชีวิตนักบวชยุคนั้นมันลำบาก คิดดูเถิดสตรีอยู่ป่า คนเดียว มันเป็นเช่นไร ป่าเมื่อ 2600 ปีนู้นนั้นแล แต่ก็ทรงเปลี่ยนพระทัยในที่สุด ก่อนหน้านี้พระองค์ก็สอนสตรี มานับร้อยนับพันแล้ว แต่ไม่เคยยินยอมให้บวช ทีนี้เมื่อท่านอานนท์นั้นแล ท่านมาค้าน เพราะท่านเห็นใจสตรี อีกทั้งเพราะพระแม่น้าปชาบดีโคตมีนั้นแล มากล่อมท่านและลึกๆๆท่านก้คงคิดแบบนี้ ท่านนี้นะใจท่านกว้างนัก ดังนั้นท่านจึ่งเข้าไปยิงคำถามว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า เหตุใดพระองค์จึ่งมิยินยอม เล่า หรือว่าสตรีนั้นมิมีคุณสมบัติคู่ควรพอที่จะบวช ที่จะแสวงหาวิมุตติ นั้นแล พระองค์จึ่งตอบว่า มีสิพวกหล่อนมิด้ด้อยกว่าบุรุษเลย นั้นแลนี่คือการปฏิบัติ เพราะ สังคมสมัยนั้นเขาถือว่าผู้หญิงไม่มีความสามารถพอ เธอต้องตายก่อนแล้วเกิดใหม่เป็นบุรุษจึงจะมีสิทธิบวช แต่พระพุทธเจ้าท่านปฏิรูปท่านพูดเลยว่าสตรีมิได้ด้อยกว่าบุรุษ

    นั้นแล ทีนี้พระอานนท์ท่านก็พูดว่า ถ้าพระองค์ตรัสเช่นนั้น แล้วยังมีเหตุผลอะไรอีกที่พระองค์จะลังเล พระพุทธองค์จึ่งตรัสว่า งั้นให้เป็นไปตามนั้นเถิด

    ทีนี้ชีวิตภิกษุณีนี้มันยุ่งลองไปดูศีลเถิดมันมีเยอะนัก เช่นห้ามภิกษุณีเข้าป่าไปคนเดียว เพื่ออะไรเล่าก็เพื่อความปลอดภัย ภิกษุไม่มีข้อนี้ และมันมีเงื่อนไขมากด้วย และบางข้อยังเป็นไปเพื่อการประนีประนอม และหว่างภิกษุที่บวชอยู่ก่อนกับภิกษุณีที่พึ่งจะรับเข้ามาเสียด้วย เช่นการให้ความเคารพต่อกัน

    และนี่เป็นครั้งแรกที่มีพุทธบริษัท 4 เกิดขึ้นมานั้นแล ดังนั้นพระพุทธองค์มิเคยตรัสว่าให้ภิกษุ ห้ามพูดกับสตรี ลองดูเถิดพระองค์ตรัสเพียงเมื่อเผชิญหน้าจงตั้งสติ และที่ทรงห้ามคือ ไม่ให้อยู่กันสองต่อสอง ในที่มิดชิด เพื่อคุยหรือทำอะไรก็ตามนั้นแลเพราะงั้นง่ายที่จะเตลิดไปไกล เอ็งยกมาก็ดี ห้ามนั่งในที่ลับมีที่กำบังกับมาตุคาม (ผู้หญิง) ห้ามนั่งในที่ลับ (หู) สองต่อสองกับมาตุคาม จะได้ไม่ต้องไปหาไกล

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" cols=2><TBODY><TR><TD></TD><TD></TD></TR><TR><TD>



    </TD></TR></TBODY></TABLE></B>
    เงื่อนไขในการปรินิพพานที่ทรงให้ไว้กับพญามารก็ชัด นั้นแลเราจะปรินิพพานก็ต่อเมื่อมีพุทธบริษัท ครบสี่ และพุทธบริษัทนั้นมีความสามารถ มีความเข้าใจในการแสดงธรรม ในการปฏิบัติธรรมนั้น ที่เราค้นพบ เมื่อนั้นท่านเราจึ่งจะปรินิพพานนั้นแล


    อีกประเด็นก็คือ เอ็งพูดเช่นนี้มันจะกลายเป็นว่า พระพุทธองค์กีกกันสตรี สตรีเป็นตัววิบัติ อายุศาสนาจะสั่นลงครึ่งหนึ่ง ไม่มีคำสอนเช่นนี้ในพระไตรปิกฏ แต่มีใน ปกรณ์อรรถกถา ที่ว่าสตรีด้อยกว่าผู้ชาย แม้บวชมานานก็ต้องไหว้ให้ความเคารพภิกษุ สามเถร มีอะไรๆๆสู้ไม่ได้ นั้นแล โดยเฉพาะในมิลินทปัญหา ซึ่งถูกโจมตี อยู่ในเวลานี้จากนักคิดชาวพุทธทั้งหลาย นี่แลคืออคติทางเพศ อ้อมิลินทปัญหา นี้คนแต่งหลายคนทีเดียว ดังนั้นย่อมมีทั้งส่วนที่ดีและพร่องนั้นแล


    อ่านอะไรควรจับประเด็น แลศึกษาที่มาด้วยเล่ามิใช่สรุปทึกทักเอาเองโดยมิเข้าใจ จักเกิดปัญญานั้นแล
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 เมษายน 2012
  12. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    ไหนๆๆ ก็พูดแล้วเรื่องสตรีนี้มันยุ่งนัก แม้แต่ในยุคนี้ จนถึงทุกวันนี้ เพราะสังคมมันผู้ชายเป็นใหญ่ โดยเฉพาะในตะวันออก อย่าไปไกลเลยแค่ประเทศไทยผู้หญิงก็ถูกกีดกัน ในทางเข้ามาในพระศาสนาเป็นภิกษุณี เพราะมันกลัวภิกษุณีจะมาแทนนี่มันขนาดนี้แต่เราไม่พูดกัน แลมีเหตุผลว่า ไม่มีประเพณีสืบมา ช่างน่าขันนักนี่มันข้ออ้างชัดๆๆ ในลังกาก็เป็นเช่นนี้ ในมหายานถึงจะยังมีภิกษุณีอยู่ แต่ผู้หญิงก็ถูกกีกกัน ถึงขนาดมีการพูดว่า คำสอนนี้เราสอนเฉพาะผู้ชาย หรือ หวังว่าเธอจะทำบุญมากๆๆ ชาติหน้าจะได้เกิดเป็นชาย จะได้มีสิทธิ์ปฏิบัติและเข้านิพพาน นั้นแล(บางทีเป็นแบบนี้) เกรงว่าเถรวาทก็เป็นเช่นนี้ ทั้งที่มหายานแตกจากเถรวาทก็มีปัญหานี้เป็นประเด็นหนึ่งให้เกิดการแตกขึ้น คือ ภิกษุมหายาน ไม่เห็นด้วยที่มีการกีดกันผู้หญิงในสังคมสงฆ์ ในยุคนั้น นอกจากแค่ประเด็นการตีความพระธรรมวินัยเท่านั้น ดั่งเกิดความคิดเทวีปรัชญาปารมิตาขึ้น เทวีปรัชญาปารมิตาผู้เป็นมารดาของพระพุทธเจ้า ทั้งปวง อันแสดงถึง การแปลงคุณธรรมที่เรียกปัญญา ให้เป็น บุคลาธิษฐาน เป็นสตรี แนวคิดของเจ้าแม่กวนอิมก็มาจาก แนวคิดนี้เป็นฐานเช่นกันนั้นแล

    [​IMG]

    ทีนี้ยุคนี้มันเบาหน่อย โดยเฉพาะในโลกตะวันตก ลัทะสตรีนิยมมันขลัง เอ็งรู้ไหมตอนพุทธเข้าไปใหม่ๆๆ ใครสนใจมากที่สุด สตรี นั้นแล ทีนี้เลยไม่มีใครกล้าพูดแบบนี้ เพราะอะไร เพราะการไปโลกตะวันตกมันต้องใช้ทุน มันจะสร้างวัดมันต้องมีทุน นั้นแล แต่คนให้ทุนพระ พวกที่นำพระพุทธศาสนาเข้าไปในตะวันตก ส่วนใหญ่มันเป็นผู้หญิง นั้นแลมันเลยไม่กล้า เพราะ มันกลัวไม่ได้เงิน ทุกวันนี้ชาวพุทธในโลกตะวันตกจึ่งเป็นสตรีมากกว่าบุรุษเสียด้วยซึ่ง ครูสอนะรรมเป็นสตรีมากนักแล


    อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้มันละเอียดอ่อน คิดดูเถิดหลังพุทธปรินิพพาน มีการสังคายนา มีใครให้ผู้หญิงร่วมบ้างไม่มี นี่มันร้ายขนาดนี้ เราเลยไม่รู้เลยว่าพระพุทธองค์สอนสตรีว่าอย่างไรบ้างเสียส่วนใหญ่ ไอ้ที่เรารู้นะมันเป็นคำสอนของพระพุทะองค์ในมุมมมองของบุรุษนั้นแล น่าเสียดายนัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 เมษายน 2012
  13. สุมิตราจ๋า

    สุมิตราจ๋า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มกราคม 2012
    โพสต์:
    0
    ค่าพลัง:
    +1,529
    ถ้าอยากเข้าใจว่า อะไรเกิดขึ้นบ้างกับ สตรีที่เข้ามาในหนทางธรรม เธอถูกกีดกันอย่างไรบ้าง อะไรกำลังเกิดขึ้น แลทุกวันนี้ปัญหานี้เริ่มพัฒนาไปในทางที่ดีอย่างไร?บ้างก็อ่านเล่มนี้เถิดReflections on a mountain lake By Tenzin Palmo

    [​IMG]

    [​IMG]

    ผู้เขียนจ๊ะ
     
  14. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    ในพุทธประวัต
    คนที่ขอร้องพระพุทธองค์ ไม่ให้พระภิกษุคุยกับสตรีน่ะ
    สตรีเป็นคนร้องให้พระศาสนาออกกฏนะครับ..
    ลุงเทพไม่ต้องตอบกระทู้ผมนะ ผมไม่ชอบคุยกะคนตอบไม่ตรงคำถามน่ะ
     
  15. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    ถ้าเรื่องผู้หญิงอยากรู้ก็มีอยู่2ทางครับ
    1 ฝึกเจโต แล้วไปอ่านจิตใจผู้หญิง
    2 ไปเกิดเป็นสตรีแล้วนั่งดูความคิดตัวเอง
    ถ้ามานั่งเถียง เกียงกันจนโลกแตกก็ไม่จบหรอกครับ ความคิดเห็นส่วนตัวผมนะ
     
  16. saturday_rainy

    saturday_rainy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2009
    โพสต์:
    335
    ค่าพลัง:
    +957
    ใช้เหตุผลมากเกินไปนิดครับ มีแต่พระศาสดาท่านทราบถึงได้ออกคำสั่งบังคับ เคยมีเหมือนกันที่พระที่เป็นโสดาบันแล้วต้องจำยอมมีเพศสัมพันธ์กับภรรยาเก่าเพราะเธอขอร้อง
    เรื่องนี้เป็นการชิงธาตุ ชิงสาวกกัน แต่ความเห็นเลยมาถึงหน้า 4 แล้วมีใครยืนยันได้ว่ากระทู้ไหนพูดถูก เพราะล้วนมาจากการคิดหาเหตุผลทั้งสิ้น
    จริงๆแล้วพระท่านไม่พลาดหรอก ถ้าตัดได้แล้ว เป็นอริยสงฆ์แล้ว ที่พลาดคือฆราวาส จะมีโทษหนัก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2012
  17. bosslnwskr10

    bosslnwskr10 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    1,912
    ค่าพลัง:
    +1,512
    ผุ้หญิงชอบกล่าวว่า ไม่เป็นผู้หยิงไม่รู้หรอก..
    ผมก็ไม่ค่อยเข้าใจคำพูดนี้เท่าไหร่หรอก แต่ก็อยากเข้าใจให้มากขึ้น
    เลยคิดว่า ถ้าทำได้ ซักชาตินึ่งอยากลองเกิดเป็นสตรีดูมั่ง
    อยากรู้ความจริงว่าอารมณ์ผู้หญิงเป็นอย่างไร

    พุทธมารดาแท้จริงก็เป็นเทพบุตร แต่เพราะอยากเป็นพุทธมารดาจึงต้องเกิดเป็นสตรี
    แต่พอกลับสวรรค์ก็เป็นเทพบุตรตามเดิม
     
  18. Amatayan

    Amatayan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    1,578
    ค่าพลัง:
    +6,188
    ขอแจมด้วยคนนะครับ
    ในนิทานชาติเวร ฤๅษีกับนางจันทร์ เป็นพ่อเป็นลูกกัน แต่นางจันทร์ต้องถูกตำหนิติเตียนก็เพราะพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม พระก็เปรียบเหมือน ดาวพฤหัส ผู้หญิงก็เปรียบเหมือนดาว๒ พฤหัสบดีเป็นพระเมื่อเข้าใกล้สตรีมักถูกโลกติเตียน ดังนั้นมันเหมือนถูกกีดกันอย่างหนึ่ง ดังนั้น ต้องดูเจตนานะครับ
    อีกนัยหนึ่ง หากพระไม่ได้อาศัยอาหารบิณฑบาตรจากผู้หญิงที่ใส่บาตรกันเป็นส่วนใหญ่ พระท่านคงต้องได้รับอาหารไม่พอฉันแน่ๆเลยนะครับ :'(
    ดังนั้นผู้หญิงก็เห็นว่าจะมีคุณด้วยนะครับ ใช่ว่าจะน่ากลัวเสียอย่างเดียว
    แต่ที่น่ากลัวก็ตรงใจหรือเจตนา ตลอดถึงความใกล้ชิดนั่นหละ เมื่อใกล้ชิดกันมากๆ ความเกรงใจก็น้อย ทำอะไรก็ขาดความยำเกรง หากพระหนุ่มกับสาวๆมันก็ห้ามใจกันยาก อย่าใกล้กันเป็นดี ละครับ
     
  19. ลมสุริยะ

    ลมสุริยะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    365
    ค่าพลัง:
    +215
    คุณต้องอ่านว่าเจ้าของการทู้พูดเรื่องสมมุติไว้อย่างไรครับ

    ผมไม่ได้พูดอ้างถึงพระอรหันต์นะครับ ไม่กล้าเอาท่านมาเปรียบเทียบหรอกครับกลัวบาปปาก
     
  20. leonids

    leonids เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    116
    ค่าพลัง:
    +103
    เข้าใจเหตุผลค่ะ พระส่วนใหญ่ท่านต้องระวัง เพราะผู้หญิงสามารถสร้างกิเลส เพราะพระก็ยังเป็นผู้ชายที่ไม่ได้บรรลุอรหันต์ มีกิเลสอยู่
    ส่วนตัวเวลาไปวัิดจะระวังมาก ไม่ไปใกล้พระ เพราะเคยเจอปัญหามาก่อน หลายครั้งเห็นบางท่านหวั่นไหว และ ยังเคยมีมาขอเบอร์ ก็ให้เบอร์ไปก็ไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ก็มีโทรมาแนวชู้สาว ดิฉันก็ตัดบทไม่รับสายบ้าง หรือบอกว่ามันไม่เหมาะสม กลัวบาป
    พระท่านที่ท่านดี น่าเลื่อมใสมีมากนะคะ อย่าเหมารวม มีส่วนน้อยเท่านั้น แต่เพื่อความประมาทดิฉันก็ระวังค่ะ จนทุกวันนี้เวลาไปวัด ก็ไม่พยายามไปอยู่ใกล้พระค่ะ อันนี้เป็นแนวความคิดของดิฉัน โดยส่วนตัวก็ยังศรั่ทธาเลื่อมใสไม่ว่าจะเป็นพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
     

แชร์หน้านี้

Loading...