+ + + + + + + + เปิดรังมาเล่า + + + + + + + + พระเครื่องของขลัง โดย พรพรต

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ๑พรพรต๑, 14 ตุลาคม 2012.

  1. saylom2530

    saylom2530 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กันยายน 2011
    โพสต์:
    354
    ค่าพลัง:
    +934
    เจ๋ง จิงๆ ข้อมูลเยอะเลย:cool:
     
  2. ถิรวุษิ

    ถิรวุษิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,685
    ค่าพลัง:
    +7,520
    [​IMG]
    กราบหลวงปู่กวยด้วยความเคารพยิ่งครับ ผมบูชารุ่นนี้อยู่ครับ
     
  3. ๑พรพรต๑

    ๑พรพรต๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +545
    เศียรพ่อแก่ หลวงปู่เม่ง วัดบางสะแกใน (ขนาดเท่าเหรียญบาทเล็ก)

    หลวงปู่เม่ง วัดบางสะแกในนี้ เป็นพระที่มีอภินิหารไม่ใช้ย่อย ท่านเป็นพระหมอ รักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วย ขลังนัก หายขาดมามาก โดยเฉพาะรักษาโรคบ้าวิกลจริต เป็นโรคจิตประสาทเสื่อม ท่านรักษาหายขาดทุกราย หากถึงมือท่าน ท่านเป็นศิษย์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า ซึ่งสายมะขามเฒ่านี้ท่านก็สร้างฤาษีพ่อแก่เหมือนกัน หลวงปู่เม่งท่านบูชาฤาษีพ่อแก่ ด้วยท่านเป็นพระหมอ รักษาผู้ป่วย ฤาษีบรมครูที่ท่านบูชาอยู่ในกุฎิ สร้างจากดินเจ็ดโป่ง เจ็ดป่าช้า ที่ท่านสร้างด้วยตนเองไว้บูชาครู เป็นที่ร่ำลือว่าขลังนัก ใครมากราบไหว้บูชา ต่างเจออภินิหารต่าง ๆนานา จนเป็นที่ร่ำลือ ภายหลังลูกศิษย์ลูกหา ต่างรบเร้าให้ท่านสร้างฤาษีพ่อแก่ แจกแก่ศิษย์บ้าง ท่านจึงนำกระดาษสา มาลงยันต์ต่าง ๆ ตามตำรา อีกทั้งลงหัวใจฤาษีพ่อแก่จนครบถ้วน แล้วนำไปแช่น้ำให้เปื่อย แล้วนำมาโขลกให้ยุ่ย แล้วนำมาผสมผงวิเศษที่ท่านลบเองและผสมว่านยาของอาถรรพ์ ขี้เถ้ากองฟอน ดินเจ็ดโป่ง เจ็ดป่าช้า เจ็ดทุ่ง เจ็ดท่า เจ็ดตลาด ตะไคร่โบสถ์เสมา ตะไคร่เจดีย์ และดินแสงอรุณ(ดินขุยปู) นำดินทั้งหมดมาตากแห้งแล้วตำให้ละเอียด แล้วนำมาร่อนด้วยตะแกรงตาถี่ เอากรวดทรายสิ่งสกปรกออก เหลือเพียงดินล้วนๆ แล้วนำมาผสมน้ำมนต์ปั้นจนเหนียวดี แล้วแผ่เป็นแผ่น ลงยันต์(ลงถม) จนมั่นใจดีแล้ว นำไปตากแห้งแล้วป่นเป็นผงนำมาผสมกับกระดาษสาและของวิเศษต่าง ๆ ปั้นทำขึ้นเป็นเศียรพ่อแก่ แล้วปลุกเสกจนมั่นใจแล้วจึงนำมาแจกแก่ศิษย์ ให้บูชาติดตัว ไม่ว่าไปที่ใด เหมือนมีบรมครูไปด้วย จะมีเหตุทุกข์ร้อน ถูกกระทำย่ำยี โดนคนมีวิชาดีทำคุณไสยอวิชา ท่านให้นำมาแช่น้ำ ทำน้ำมนต์ถอดถอนได้ทุกประการ ทั้งสามารถตั้งบูชาได้ในบ้านเรือน บอกกล่าวอธิษฐานต่าง ๆได้ เหมือนฤาษีองค์ใหญ่ทุกประการ ด้วยในยามที่ท่านเสก ท่านตั้งธาตุ หนุนธาตุ เดินธาตุ เรียกอาการสามสิบสอง เสกขึ้นเป็นองค์พ่อแก่ฤาษีบรมครูเรียบร้อยแล้ว จัดเป็นของขลังของศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างยากมากพิธีกรรม ต่อมาภายหลัง หลวงปู่ธูป วัดแคนางเลิ้ง ได้มาขอยืมแม่พิมพ์ฤาษีพ่อแก่นี้จากหลวงปู่เม่ง ไปสร้างทำฤาษีพ่อแก่ออกมาด้วยเช่นกัน แต่ของหลวงปู่ธูปท่านลงสีสรรสวยงาม สามารถแยกได้ไม่ยาก จัดเป็นของดีของหายากที่น้อยคนจะรู้จัก

    [​IMG]
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2013
  4. tong5959

    tong5959 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    2,056
    ค่าพลัง:
    +6,082
    ขอแจมรูปสักชุด

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  5. ๑พรพรต๑

    ๑พรพรต๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +545
    รูปถ่ายหลวงปู่หมุน วัดเขาแดงตะวันออก

    [​IMG]

    พระบริสุทธิ์แห่งจังหวัดพัทลุง คำพูดประโยคนี้ไม่ใช่เรื่องเกินจริง ด้วยวิญญาณหลวงปู่ทวด เคยมาผ่านร่างหลวงปู่หมุน และได้กล่าวถึงหลวงปู่หมุนไว้ว่า อ.หมุนนี้ ท่านเป็นพระบริสุทธิ์ เป็นพระแท้ ทุกกระเบียดนิ้ว หาได้ยากยิ่ง ทั้งในอดีต ปัจจุบันและต่อไปในอนาคต หลวงปู่หมุน หลาย ๆคนคงไม่ทราบว่าท่านเป็นผู้มีพรสวรรค์ ได้วิชาโบราณเป็นตำราวิชาเกี่ยวกับการอัญเชิญดวงจิตวิญญาณสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเทพเทวาต่าง ๆ (ทรง)ตามตำราเก่าแก่ของทางใต้หลวงปู่หมุนนี้ ทุกครั้งที่ท่านปลุกเสก วัตถุมงคล จะมีดวงจิตวิญญาณของครูบาอาจารย์ คอยมาผ่านร่างผ่านจิต ของท่านอยู่เสมอ(มาช่วยปลุกเสก) ของที่หลวงปู่หมุนเสกทุกอย่างจึงเหมือนหรือเปรียบได้ว่า ได้รับการปลุกเสกจากครูบาอาจารย์ผู้เคยมีสังขารและมีคุณวิเศษจริงเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว ได้มาปลุกเสกวัตถุมงคลนั้นด้วยเช่นกัน แม้นตัวของหลวงปู่หมุนเองท่านก็ไม่ใช่ธรรมดา เป็นผู้มีพลังจิตกล้าแข็งอย่างยิ่งขนาดคนผีเข้า มานิมนต์ท่านไปไล่ ท่านไม่ต้องทำอะไรสั่งให้คนที่ไปตามกลับไปบ้านคนป่วยก่อนได้เลย ส่วนตัวท่านนั่งท่องคาถาส่งพลังจิตจากกุฏิ ที่วัดเพียงเท่านี้ ขนาดว่าผู้มาตามยังเดินกลับไปไม่ถึงบ้านคนป่วย หลายรายภูตผีออกไปก่อนแล้วโดยทีท่านไม่ต้องทำอะไรให้เหนื่อยยากเลย นี้คือความเด็ดขาดของพลังจิตและพรสวรรค์ทางอาคมของท่านอาจารย์หมุนรูปถ่ายรูปนี้ จัดเป็นของสำคัญ หาได้ยากยิ่งในชุดของหลวงปู่หมุน สำหรับผู้ที่มีความรักและเคารพในองค์หลวงปู่หมุน ต่างทราบดี ของใดเป็นของแทนตัวท่าน เช่นรูปถ่ายหรือผ้ายันต์จารลายมือของท่านจะถือเป็นของดีวิเศษและมีราคาแพงมากกว่าปกติ รูปถ่ายนี้เป็นรูปถ่ายของท่านนั่งอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ด้านหลังรวบรวมเอาของมงคลของศักดิ์สิทธิ์ที่เกี่ยวกับองค์ท่านมาไว้ด้านหลังรูปถ่าย

    1.จีวรเสกของท่าน

    2. สายสิญจน์เสก กันภูตผีปิศาจ ใช้ผูกข้อมือเด็กและผู้หญิง ใช้เรียกขวัญและคุ้มครองป้องกันภัย กับผู้มีจิตอ่อนและถูกวิญญาณร้ายหรือคุณไสยรบกวน

    3.ชานหมาก เป็นชานหมากที่ท่านเคี้ยว ซึ่งตลอดเวลาที่ท่านเคี้ยวหมากอยู่ในปากท่านจะภาวนาอยู่ตลอด เป็นของดีวิเศษที่ศิษย์ทุกคนต่างอยากได้

    4. ด้ายมงคลเสก ไว้ใช้คล้องคอผู้ที่สึกจากพระหรือคู่บ่าวสาว ใช้ในงานมงคลต่าง ๆ เป็นสวัสดิรักษา เจริญด้วยโชคลาภ ส่งเสริมอำนาจวาสนา ดีทุก ๆ ทาง ประกอบกิจการใดจะสำเร็จลุล่วงสมคำว่า ด้ายมงคล คือทุกอย่างจะดีเป็นมงคลทุกประการ

    5. ชิ้นหนังหน้าผากเสือ ได้ผ่านการลงอาคมโดยหลวงปู่หมุน ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าเสือแกะห่อผ้าแพรดำของอาจารย์หมุนนี้มีความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์เพียงใด คงไม่ต้องบรรยายว่าท่านเก่ง ทางปลุกเสกอาคมทางรูปเสือสิงห์ มหาอำนาจอย่างที่สุด เมื่อปลุกเสกหนังหน้าผากเสือนี้ย่อมมีคุณวิเศษเป็นอัศจรรย์ อย่างยิ่งทางมหาอำนาจมหาอุตม์ มหากัน สยบอาวุธทุกประการ

    ภาพถ่ายนี้แม้เป็นเพียงภาพถ่ายเล็ก ๆ ดูผิวเผินด้านหน้า อาจเป็นเพียงรูปถ่าย ซึ่งก็หายากพอสมควร แต่ด้านหลังนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยของศักดิ์สิทธิ์ มากมายพุทธคุณ แลอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ ผ่านกาลเวลาจากอดีตสู่ปัจจุบัน เป็นอมตะ ว่าของเหล่านี้ครั้งหนึ่ง เคยสัมผัสเคยออกมาจากปาก ได้รับการเคี้ยวและเสกโดยตรงจากอาจารย์หมุน ผ้าจีวรที่ท่านเคยครอง ด้ายมงคลที่ท่านเสกเอาไว้ ของมงคลเหล่านี้ แม้นมีเงินเป็นแสนเป็นล้านจะไปหาที่ใดที่จะมีความแน่นอนให้เราเชื่อได้อย่าสนิทใจว่าเป็นของท่านอาจารย์หมุนอย่างแน่นอน แต่ภาพถ่ายนี้ เลี่ยมพลาสติกมาเดิม ๆ อายุการเลี่ยมไม่น้อยกว่า 30-40 ปี การเจาะรูพลาสติก ด้วยเหล็กร้อนและธรรมชาติความเก่าที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่านี้คือตัวจริง เก่าจริง แท้จริง เป็นของหลวงปู่หมุนจริงอย่างสนิทใจ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2013
  6. ๑พรพรต๑

    ๑พรพรต๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +545
    เหรียญรุ่นแรก หลวงพ่อสำเนียง อยู่สถาพร มีจาร หายาก

    [​IMG]

    เหรียญหลวงพ่อสำเนียง รุ่นแรก หลังมีจาร หายาก สำหรับเหรียญรุ่นแรก คือเหรียญรุ่นนี้ แน่นอน เหรียญรุ่นอื่นที่เขาทำประวัติกันมานั้นไม่ใช้ เป็นเหรียญรุ่นสอง เหรียญรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกแน่นอน และด้านหลังมีจาร ซึ่งมีทั้งมีจารและไม่มีจาร จริง ๆแล้วหลวงพ่อท่านทำหลังเรียบไว้เพื่อจาร แต่เหรียญจำนวนมาก อาจมีตกหล่นได้ เหรียญนี้มีสภาพสวยงามมาก เซียนเหรียญของเมืองไทยท่านก็เก็บเหรียญรุ่นนี้ไว้ ไม่ได้ขาย หลวงพ่อสำเนียงท่านเก่งอย่างไร ท่านทั้งหลายคงรู้ แม้แต่พิธีปลุกเสกหลวงปู่ทวดที่วัดเมือง หลวงปู่ทวดที่ทรงร่างหลวงปู่หมุน ยังชี้ให้หลวงพ่อสำเนียง เป็นผู้ดับเทียนชัย ขณะนั้น หลวงพ่อสำเนียงเป็นเพียงพระหนุ่ม อายุ30กว่า และเดินทางมาจากกรุงเทพฯ ซึ่งไม่น่าเลยที่จะให้หลวงพ่อสำเนียงเป็นผู้ดับเทียนชัย ทั้ง ๆ ที่พระอาวุโสในพิธีนั้นมีมากมาย และหลวงพ่อสำเนียงท่านมีความเป็นเลิศในวิชานะลือชา ลือของท่านเป็นลือเข้า ไม่ใช่ลือออก คือยิ่งสวดยิ่งเสกยิ่งดังยิ่งเป็นมหานิยมเมตตารู้จักแก่ผู้คนทั้งหลาย แม้แต่การเจิมศาลหลักเมืองของจังหวัดนครปฐม ขณะนั้นท่านยังอายุน้อยมากแต่ท่านขึ้นไปเจิมศาลหลักเมืองคู่กับหลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอมซึ่งขณะนั้นหลวงพ่อเงินท่านอาวุโสสุดๆ ถือเป็นเรืองแปลกมาก ท่านไม่ธรรมดา ดวงจิตของท่านสามารถสือติดต่อกับหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าและกรมหลวงชุมพรได้ตลอดเวลา เวลาท่านทำอะไรหรือเสกอะไรก็ตาม เปรียบได้เหมือนหลวงปู่ศุขหรือกรมหลวงชุมพร ได้มาเสกมาทำโดยผ่านร่างหลวงพ่อสำเนียง ซึ่งจะเป็นที่รู้กันในหมู่ลูกศิษย์ว่าในงานไหว้ครูหลวงพ่อสำเนียงจะมีการต้มน้ำมันเดือดแล้วท่านจะลงไปทำน้ำมันลงไปกวนในกระทะซึ่งขณะที่ท่านลงไปกวนไปทำน้ำมันคือการทรงร่างของหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า หรือกรมหลวงชุมพรมาทำพิธี วัดของท่านสมัยก่อนเจริญมาก ไม่ว่าเจ้าใหญ่นายโต เชื้อพระวงศ์ ก็ยังมีไปหาท่าน ดังจะเห็นได้ว่ามีลานจอดเฮลิคอปเตอร์อยู่ที่วัด ถ้าไม่เก่งจริงก็คงไม่มีลานจอดฮ. อยู่ที่วัด หรอกหากไม่มีคนใหญ่คนโตไปหาท่าน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2013
  7. prom20

    prom20 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    3,086
    ค่าพลัง:
    +8,975
    ขอบคุณครับพี่๑พรพรต๑ ขอบคุณในข้อมูลที่ดีเยี่ยมเเละเป็นกำลังใจอย่างดีเยี่ยมให้ทุกท่านที่มีความนับถือปู่ชุุมเเละทั้งที่มีพระของท่านเเละยังไม่มีเเต่ก๋ปรารถนาจะมีในวันข้างหน้า
    ผมก็มีพระของปู่ชุม นาคปรก2497 เนื้อดำเข้าใจว่าน่าจะเนื้อดินผสมว่านเเล้วเผาเพราะบางองค์ยังเเดงอยู่เป็นเนื้อดินเเดง บางองค์เเดงบ้างที่โดนไฟถึงไฟก็ดำ คือผสมกันในองค์เดียวส่วนของผมนั้นดำสนิท...จริงๆผมมี2องค์เป็นพิมพ์นาคปรก1องค์ และพิมพ์ปรกโพธิ์(พิมพ์เล็กจิ๋ว)อีก1องค์....พิธีนี้รู้สึกนาคปรกใบมะขามเนื้อทองเเดงรมดำอีกด้วย.....แต่ที่ผมจะพูดคือพิมพ์ปรกโพธิ์เนื้อว่าน พิมพ์เดียวกับที่พี่ลงไว้ข้างต้นองค์ที่ปิดทองของพี่หน่ะครับ...แต่รุ่นนี้ของผมที่ผมมีนะประวัติปลุกเสกที่วัดพระธาตุนครศรี มีพ่อท่านคล้าย อาจารย์ชุม ปู่ขุนพันธ์ อาจารย์นำ(ตอนนั้นยังเป็นฆราวาส) และพระเกจิอีกมากมายปลุกเสกร่วมเดือนเหมือนกัน....สรุปคือผมอยากถามพี่เป็นความรู้ว่ารุ่นที่ผมว่านี้เป็นรุ่นเดียวกับรุ่นเทพนิมิต ที่พี่ลงเอาไว้(องค์ปิดทองคำ)เป็นรุ่นเดียวกันไหมครับ...หรือว่าคนละรุ่น...หากคนละรุ่น รุ่นเทพนิมิตนี่ปีไหนครับ...เเละพี่พอมีประวัติพิธีรุ่น2497ที่วัดพระธาตุนครศรีไหมครับ....ขอบพระคุณครับ...
     
  8. sitthiphol

    sitthiphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +210
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับพี่๑พรพรต๑
     
  9. ๑พรพรต๑

    ๑พรพรต๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +545
    เหรียญพระปัจเจก หลวงพ่อหร่ำ วัดวังจิก
    เหรียญพระปัจเจก หลวงพ่อหร่ำ วัดเขาดิน วัดเขาดิน อยู่ตรงข้าม วัดวังจิก วัดเขาดิน เดิมทีเป็นเนินดิน หลวงพ่อหร่ำท่านดูแลวัด วังจิก และวัดเขาดินด้วย ที่วัดเขาดิน หลวงพ่อหร่ำท่านได้ปั้นพ ระพุทธรูปไว้องค์หนึ่ง แทนองค์พระปัจเจกพระพุทธเจ้าคือหลวงพ่อห ร่ำท่านได้นั่งสมาธิแล้วได้พบเจอว่าที่เนินดินนี้ในอดีตหลายพันปีก่อนเคยมีพระปัจเจกพระพุทธเจ้ามาเข้านิพพานที่นี่และเป็นสถานที่สำคัญที่ดวงจิตพระปัจเจกพระพุทธเจ้ายังอยู่ หลวงพ่อหร่ำท่านสัมผัสได้ตรงนี้ท่านเลยสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นมา พระปัจเจกพระพุทธเจ้าเป็นผู้เจริญด้วยโภคทรัพย์ คนผู้ใดได้ใส่บาตรพระปัจเจกพระพุทธเจ้า คนผู้นั้นเจริญด้วยลาภมรรคผล เมื่อยามใดพระปัจเจกพระพุทธเจ้าเข้านิโรธ แล้วออกจากนิโรธมาโปรด ใครได้ใส่บาตรคนผู้นั้นจะเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ท่านยังได้ถ่ายทอดคาถาพปัจเจกพระพุทธเจ้าให้แก่ศิษยานุศิษย์สวดมา แม้แต่คุณประยง ตั้งตรงจิตร เจ้าของร้านขายยาตราใบโพธิ์ ยังร่ำรวยเป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี ด้วยคาถาปัจเจกพระพุทธเจ้า เหรียญพระปัจเจกพระพุทธเจ้ารุ่นนี้ หลงวงพ่อหร่ำวัดวังจิกท่านตั้งใจทำเป็นเหรียญรุ่นสุดท้าย ในงานนี้ได้ชุมนุมเหล่าศิษย์หลวงปู่ศรีวัดพระปรางค์หลายองค์

    [​IMG]


    เคยมีคนถามหลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ว่า ”พระในสุพรรณบุรี องค์ใดที่หลวงพ่อมุ่ยเห็นสมควรว่ามีอาคมแก่กล้าเสมอด้วยหลวงพ่อมุ่ย หรือ เหนือกว่าหลวงพ่อมุ่ย “ หลวงวพ่อมุ่ยตอบอย่างไม่ลังเลสงสัยเลยว่า “หลวงพ่อหร่ำ วัดวังจิก” ท่านบอกว่าหลวงพ่อหร่ำวัดวังจิกองค์นี้ เขาใช้ได้ หลวงพ่อหร่ำวัดวังจิก กับหลวงพ่อมุ่ยวัดดอนไร่ เคยมีอภินิหารต่อกัน คือ ภายหลังจากหลวงพ่อหร่ำวัดวังจิกมรณภาพไปแล้ว เจ้าอาวาสองค์ต่อมาจากหลวงพ่อหร่ำ ท่านได้ตะกรุดจากหลวงพ่อหร่ำ เป็นตะกรุดหนังเสือที่ท่านติดตัวตลอด ไม่ทราบว่าเป็นตะกรุดหนังเสือของที่ใด หรือเป็นของหลวงพ่อหร่ำเอง เจ้าอาวาสท่านนี้ได้ไปกราบหลวงพ่อมุ่ย ได้ถอดวัดถุมงคลขอให้หลวงพ่อมุ่ยเสกให้ หลวงพ่อมุ่ยท่านก็เสกให้ แต่พอเสกอัดตะกรุดอันนี้ (ได้มีการเล่าไว้ ในหนังสือหลวงพ่อมุ่ย ก็ได้มีการกล่าวไว้) แต่ความที่ด้วยอาคมของหลวงพ่อหร่ำแก่กล้ามาก ท่านโถมอัดเข้าฌาณ4อัดเต็มที่สุดกำลัง หลวงพ่อมุ่ยตัวค่อย ๆแดง ๆขึ้น คือท่านใช้พลังมาก แล้วตัวท่านค่อย ๆลอยขึ้นๆสูงขึ้น จนสูงขึ้นได้ศอกหนึ่ง พวกลูกศิษย์ก็ตกใจ เรียกหลวงพ่อ ท่านก็ค่อย ๆ ลงมา แล้วก็ลืมตา พอสักพักท่านก็อัดอีก จนตัวท่านลอยสูงขึ้นๆ ศิษย์ก็ไม่ทัก ดูซิว่าท่านจะลอยไปถึงไหน จนท่านลอยไปถึงฝ้าเพดาน ศิษย์ก็กระโดดคว้าตัวท่านไว้ ท่านบอกว่า ไม่ต้องอัดแล้ว อัดไม่ลงแล้ว ของท่านหร่ำนี่ พลังเยอะเหลือเกิน เหรียญรุ่นนี้ ผู้ที่เอาไปบูชาส่วนใหญ่จะเจริญด้วยลาภมรรคผล เป็นเหรียญที่ราคาไม่แพง แต่เป็นเหรียญนอกวัดที่หายากในชุดพระนอกวัดของหลวงพ่อกวย หลวงพ่อหร่ำเองท่านก็สร้างวัตถุมลคลไว้น้อยมาก เป็นผู้มีวาจาสิทธิ์ เคยมีโจรมาขโมยไม้ในวัด ท่านโมโห บอกว่าขอให้มันมีอันเป็นไป ปรากฏว่า โจรมันยังไงไม่ทราบ ยิงกันตายกลางทาง หรืออย่างหลังคาโบสถ์ คนไม่สนใจ ท่านว่า ไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ ไม่ต้องมีหลังคา กลายเป็นว่าต่อมาโบสถ์วัดหลวงพ่อหร่ำไม่มีหลังคา เพราะว่าด้วยวาจาสิทธิ์ ใครจะไปสร้างไม่ได้ ไฟไหม้ ฟ้าผ่า หลวงพ่อหร่ำท่านสามารถเรียกจระเข้ให้ขึ้นมาได้ ทุกปี ภายหลังหลวงพ่อหร่ำมรณภาพไปแล้วนานปี งานระลึกถึงหลวงพ่อหร่ำทุกปี จระเข้าจะลอยขึ้นมาให้คนขัดตะไคร่ ตามตัว ชาวบ้านเรียกว่า จระเข้เจ้า จระเข้หลวงพ่อหร่ำ เหรียญรุ่นนี้หลวงพ่อกวยตั้งใจเสกมาก เสกขนาดไฟลุกสายสิญจน์ เหรียญรุ่นนี้แต่เดิมคาถาที่หลวงพ่อหร่ำใช้เรียกว่าคาถาพระปัจเจกพระพุทธเจ้าแคล้วคลาด เป็นคาถาที่พระปัจเจกพระพุทธเจ้ามานิมิตไว้ให้หลวงพ่อหร่ำเอาไว้ ว่า

    "พุทโธกันจะ กันจะพุทโธ อากาเสจะ ทีปังกะโร มิ ประสิทธิเม"

    คือสามารถเสกคาถานี้เดินไปฝ่าพายุฝนฟ้าไม่ผ่า เดินทางปลอดภัย คนยิงมาเป็นห่าฝน ก็ไม่ถูกต้องกาย ของของหลวงพ่อหร่ำทุกอย่าง จะออกไปทางมหาอุด และแคล้วคลาดกันภัย เหรียญรุ่นนี้เป็นของดี ควรหาสะสมไว้ก่อนที่ราคาจะเพิ่มขึ้นทุกๆวัน
     
  10. Russel

    Russel เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    102
    ค่าพลัง:
    +372
    ขอบคุณคุณพรพรตมากครับสำหรับวิทยาทานที่ดีเยี่ยมมากครับ ผมขอรบกวนขอความรู้เกี่ยวกับหูบายศรีหลวงพ่อกวยด้วยครับมีส่วนผสมของดีสัตว์ด้วยไหมครับ ขอบคุณมากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤศจิกายน 2012
  11. ๑พรพรต๑

    ๑พรพรต๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +545
    ผ้ายันต์พัดโบก หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ


    ผ้ายันต์พัดโบก ซึ่งมีชื่อในภาคตะวันออก ตั้งแต่สมัยหลวงปู่สังข์เฒ่า วัดเก๋งจีน ปรมาจารย์ใหญ่สายภาคตะวันออกทั้งหมด ท่านมีความขลังศักดิ์สิทธิ์ มีพลังจิต สำเร็จธาตุขั้นสูง มีวสีการเข้าออกจิตรวดเร็ว เวลาที่ฝนตกหลังคารั่ว เพียงแค่ท่านหันไปมองรูที่รั่วของหลังคา น้ำที่หยดจะหยุดและแข็งตัวทันที เวลาท่านฉี่ลงพื้น พื้นตรงนั้นปืนก็ยิงไม่ออก ท่านมักไม่ถ่มน้ำลายลงพื้น แต่เวลาท่านถ่มน้ำลายลงพื้น ไม่ว่าน้ำลายตกลงส่วนไหนของพื้น พื้นตรงนั้นจะเป็นรอยแตกทันที แสดงถึงอำนาจจิตมีคุณวิเศษสูงส่ง
    มีเรื่องเล่าอยู่ว่า คราวหนึ่งเมื่อสมัยต้นอยุธยา มีศิษย์ฆราวาสของหลวงปู่สังข์เฒ่าอยู่ผู้หนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดชื่อหมอวัง หมอวังเป็นศิษย์ฆราวาสของหลวงปู่สังข์เฒ่าที่มีผ้ายันต์ของหลวงปู่สังข์เฒ่าอยู่ คราวนั้นไฟไหม้ในตลาดแถบอำเภอแกลง หมอวังได้นำผ้ายันต์พัดโบกของหลวงปู่สังข์เฒ่า มาอธิษฐานแล้วโบกไป ทำให้ไฟที่ไหม้อยู่เปลี่ยนทิศทางทันทีแทนที่จะไหม้บ้านคนจนหมด ไฟก็เปลี่ยนทิศทำให้รอดปลอดภัย นี่คือปฐมบทของยันต์พัดโบก
    ยันต์พัดโบกมีอุปเท่ห์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเรียกคน นึกถึงใครให้ท่องคาถาพัดโบกแล้วยืนเหนือลมให้ลมพัด แล้วอธิษฐานไป ทำไม่เกิน7วัน คนที่เรานึกถึงจะต้องมาหา หรือถ้าเกลียดใคร ใครมาบ้านอย่างเจ้าหนี้มาทวงหรือคนที่เราไม่ต้องการมาหา มีคาถา จากที่โบกเข้าให้โบกออก คนที่เราไม่ต้องการจะกลับไปทันที

    [​IMG]


    และที่ขึ้นชื่อมากในสมัยก่อนคือหลวงพ่อกราด วัดซากกอไผ่ ท่านสำเร็จวิชายันต์พัดโบกนี้ น่าจะเป็นตำราเก่าจากหลวงพ่อสังข์เฒ่า วัดเก๋งจีน และท่านได้เรียนวิชาเพิ่มเติมจากตำรานี้ และผู้ที่ได้เรียนวิชาตำรานี้เช่นกันคือ หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ในคราวหลวงพ่ออี๋ท่านได้สร้างผ้ายันต์พัดโบก แม้จะเป็นยันต์สกรีนที่ท่านเสก ผ้ายันต์ทุกผืนกระพือเหมือนผีเสื้อ แต่ไม่ได้ลอยขึ้นมาจากพื้น ถึงแม้จะอยู่ในโบสถ์ที่ปิดหน้าต่างไว้ก็ตามแสดงถึงความสำเร็จในจิตในวิชาของท่าน ในภาคตะวันออกผู้ที่สำเร็จวิชายันต์พัดโบกหลายองค์ เช่น หลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง หลวงพ่อกราด วัดซากกอไผ่ หลวงปู่ทิม เป็นต้น ผ้ายันต์พัดโบกเป็นของสำคัญท่านให้แขวนไว้ในที่โดนลม ไม่ว่าลมพัดไปที่ใด ผู้ที่เราต้องการ หรือทำการค้า คนก็จะเข้ามาอุดหนุนจุนเจือไม่ขาดสาย และมีคาถาใช้กำกับทางอิสตรีด้วย ผู้ที่ใช้คาถาเป็นควบคู่กับผ้ายันต์พัดโบก เสกคาถาแล้วนำยันต์พัดโบกไป สามารถนำไปโบกก่อนที่จะไปคุยกับสตรีเพศคนใดที่อธิษฐานไว้ก็จะสำเร็จ แต่มีข้อแม้ว่าจำเป็นต้องเลี้ยงดู ผ้ายันต์พัดโบกของหลวงพ่ออี๋ เป็นผ้ายันต์ที่หลาย ๆคนใฝ่หา ถึงแม้ จะมีสภาพกินตัวผุไปบ้างแต่ก็ยังถือว่าคาถาฤทธิ์นี้ไม่ได้เสื่อมคลาย เป็นที่หมายปองของยอดชายฝ่ายภาคตะวันออก ไม่ว่าจะเป็นผ้ายันต์พัดโบกหลวงพ่ออี๋หรือหลวงปู่ทิม สีผึ้งเขียวหลวงพ่อทาบ สำหรับคนที่ใช้เป็น

    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2013
  12. q2499

    q2499 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    687
    ค่าพลัง:
    +1,844
    ผมมารอฟังอีกคนครับ:cool:
     
  13. Flow

    Flow เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    640
    ค่าพลัง:
    +1,364
    มารอฟังเรื่องราวดีๆ ในแผ่นดินครับ
     
  14. nopparat_33

    nopparat_33 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    306
    ค่าพลัง:
    +529
    ใครไม่มีผ้ายันต์พัดโบก หลวงพ่อโต ใช้ของหลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้าแทนได้ครับ ดีไม่แพ้หลวงพ่อโต อาจารย์ท่านครับ
     
  15. ๑พรพรต๑

    ๑พรพรต๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +545
    ผ้ายันต์รองหมวก (สกรีน)แจกทหารสมัยสงคราม หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ


    [​IMG]



    เป็นผ้ายันต์ที่ท่านทำแจกสมัยสงคราม ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นสงครามอินโดจีน สมัยนั้นในยุคจอมพล ป.พิบูลสงคราม เค้านิยมให้ผู้คนทั้งหลายใส่หมวก เวลาออกจากบ้านหรือไปที่ไหน ๆ ก็ตามถือว่าเป็นการสุภาพ แล้วทหารก็จะมีหมวกประจำกาย ใส่อยู่ตลอด ท่านได้เสกผ้ายันต์นี้ไว้รองข้างในหมวกแล้วพกติดตัวไป สมัยก่อนบางคนก็เอาผ้ายันต์นี้รองไว้ข้างในหมวกแล้วก็นำผ้าซับเย็บไว้ข้างในอีกที ใส่หมวกนี้เป็นแคล้วคลาดคงทนศาสตราวุธต่าง ๆ ในยามคับขันก็สามารถคุ้มครองป้องกันได้ ผ้ายันต์รองหมวกท่านเป็นตำราเก่า สมัยนั้นอาจารย์หลาย ๆคนทำผ้ายันต์รองหมวก ไม่ว่าจะเป็นหลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบเป็นต้น ถือว่าเป็นของดีไว้สำหรับคุ้มครองป้องกันภัยจากพระที่มีพลังจิตสูง หลวงพ่ออี๋ท่านมีพลังจิตแรงกล้า สมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ เวลาท่านคุยกับใครท่านจะไม่มองสบตา ท่านจะทอดสายตาลงพื้นตลอด อาจารย์ไพฑูรย์ พันธุ์เชื้องาม เคยเขียนไว้ว่า สมัยที่ท่านได้ไปพบหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ท่านก็สังเกตว่าหลวงพ่ออี๋ทำไมเวลาคุยกับใครท่านถึงทอดสายตาลงพื้นตลอด ท่านคิดในใจ ว่าหลวงพ่ออี๋ท่านมีอาการแปลก ๆ หรือท่านกลัวสายตาคน พอนึกเช่นนั้น หลวงพ่ออี๋ท่านก็เหลือบสายตาขึ้นมา อาจารย์ไพฑูรย์บอกว่าอัศจรรย์เหมือนถูกไฟฟ้าช็อต เมื่อสายตาท่านไปสบกับสายตาหลวงพ่ออี๋ ท่านรู้สึกอึ้งนิ่งอยู่อย่างนั้น ทำอะไรไม่ถูก มือเท้าชาไปหมด จะว่าเกรงกลัวก็ไม่ใช่ มันรู้สึกชาไปทั้งตัวเหมือนถูกไฟฟ้าแรงฟาดเข้ามา นี่คือพลังจิตของหลวงพ่ออี๋ อาจารย์ไพฑูรย์ถึงทราบว่าทำไมหลวงพ่ออี๋ท่านถึงไม่สบตาใคร เพราะพลังจิตของท่านกล้าแข็งเช่นนี้นี่เอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2013
  16. ๑พรพรต๑

    ๑พรพรต๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +545
    หนุมานหลวงปู่วัฒน์ วัดศรีทวีป เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี


    [​IMG]


    หลวงปู่วัฒน์หรือพ่อหลวงวัฒน์วัดศรีทวีปนี้ เป็นพระอริยเจ้าที่อยู่ที่เกาะสมุย สุราษฎร์ธานี เคยมีผู้ที่นำพระเครื่องหลาย ๆองค์รวมทั้งของหลวงปู่วัฒน์ ใส่พานมาให้หลวงปู่ดู่อัดพลังเพิ่ม หลวงปู่ดู่ท่านหยิบพระเครื่องของหลวงปู่วัฒน์ออก ท่านบอกว่าองค์นี้เก่ง เป็นพระประเสริฐดีเลิศ ท่านบอกว่าหลวงปู่วัฒน์อยู่ที่ไหน ให้ไปกราบ หลวงปู่วัฒน์ท่านพลังจิตไม่ได้ด้อยไปกว่าหลวงปู่ดู่เลย หลวงปู่วัฒน์ท่านปฏิบัติตัว สงบเงียบเรียบง่าย ท่านภาวนาทุกอิริยาบถ ไม่ว่าท่านทำอะไรท่านภาวนาตลอดเวลา บางครั้งท่านกำลังกวาดลานวัดอยู่ ขณะที่กวาดลานวัดนั้นท่านเข้าฌานไปแล้วสนิท คือท่านกวาดลานวัดไปแล้วท่านนิ่งแข็งอยู่อย่างนั้น บางคราวท่านกวาดลานวัดก่อนเพล แต่ท่านเข้าฌานไปถึงสี่โมงเย็น ท่านอยู่นิ่งแข็งอยู่อย่างนั้น บางครั้งท่านเข้าฌานยี่สิบนาที ถึงหนึ่งชั่วโมง บางครั้งก็หลาย ๆ ชั่วโมง แต่ก็ไม่บ่อยนัก ซึ่งแสดงว่าท่านเข้าสมาธิได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่ว่าท่านจะไปปลุกเสกที่ไหนงานใด จะมีเสียงอึกทึกคึกโครมอย่างไร มีเสียงจุดประทัด ตะไลหลวงปู่วัฒน์ท่านจะเข้าสมาธิอย่างรวดเร็ว และนิ่งอยู่อย่างนั้นจนเสร็จพิธี สำหรับหนุมานที่ท่านสร้างนี้เป็นเครื่องรางอาถรรพ์ ซึ่งจะกล่าวได้ว่าเป็นหนุมานที่สร้างยากที่สุดในประเทศไทยเลยก็ว่าได้ ซึ่งมวลสารต่าง ๆ หาได้ยาก ตลอดชีวิตของหลวงปู่วัฒน์นี้ เท่าที่ทราบท่านสร้างหนุมานอยู่สองครั้ง โดยที่ท่านนำมวลสารต่าง ๆ เช่น กิ่งไม้ลิงโหนหักคามือแล้วตกจากต้นไม้ คือต้องเป็นกิ่งไม้ที่ลิงโหน แล้วหักคามือแล้วตกจากต้นไม้ ขี้เถ้ากระดูกของนักมวย ซึ่งสมัยมีชีวิตอยู่ ต้องเป็นนักมวยที่เก่งกาจ ต้องมีอาคมขลังและต้องเก่งทางผู้หญิง ด้วยคือมีเมียเยอะ แถมจะต้องตายวันเสาร์ เผาวันอังคาร ซึ่งตามหลักไสยศาสตร์ถือว่าดวงวิญญาณมีความกล้าแข็งมาก ซึ่งตลอดชีวิตท่านมวลสารที่หายากที่สุดคือ ผงขี้เถ้านักมวยนี่แหละ ทำให้ท่านทำหนุมานตามตำราตลอดชีวิตท่านทำได้สองครั้งนี่แหละ และยังมีว่านต่าง ๆ ซึ่งท่านให้ลูกศิษย์ไปเก็บจากนครฯ ซึ่งท่านทราบจากสมาธิว่าภูเขาลูกนี้ สมัยที่ท่านธุดงค์ ยังมีอยู่ ท่านก็ให้ศิษย์ของท่านเดินทางมาที่นครฯ แล้วเข้าป่าไปตามทางที่ท่านบอกแล้วไปเก็บว่าชนิดนั้นมาผสม และยังมีหินเขี้ยวหนุมาน น้ำตาหินผา มีของแปลก ๆ ของมหัศจรรย์หลาย ๆอย่าง มีว่านหนุมานนั่งแท่น ว่านถอนหอกโมกขศักดิ์ ว่านสบู่เลือด นำมาปลุกเสกด้วยตำราของท่าน ถือว่าเป็นหนุมานที่มีความขลังและเฮี้ยนมาก สามารถอธิษฐานบอกกล่าว เฝ้าบ้านเฝ้าของได้ เพราะมีภูต มีดวงจิตวิญญาณที่มีความกล้าแข็งมาก สมัยก่อนมีคนแขวนหนุมานหลวงปู่วัฒน์แล้วถูกไฟสามเฟสดูดจากบนยอดเสาไฟฟ้า แล้วตกลงมาไม่ตาย เพียงแค่ไปโรงพยาบาลใส่ยาแล้วเข้าห้องICU เพื่อนำกระแสไฟฟ้าออกจากร่างกาย แล้วสามารถกลับบ้านได้ภายในวันนี้ นี่คือประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดาของหนุมานหลวงปู่วัฒน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มกราคม 2013
  17. ๑พรพรต๑

    ๑พรพรต๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +545
    หลวงปู่พลอย วัดเงินบางพรม พิมพ์หูสั้น

    [​IMG]

    ชาวบ้านแถบนั้นเรียก”หลวงปู่พลอยแมวเชื่อง” หลวงปู่พลอยท่านเก่งมาก ท่านเป็นศิษย์หลวงปู่ดำจ้าวแห่งสงฆ์ดงพญาเย็น เป็นที่รู้กันว่า ท่านเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อชาญณรงค์ อภิชิโต ศิริสมบัติ เป็นอาจารย์ที่หลวงพ่อชาญณรงค์เคารพนับถือ และเป็นผู้ที่ทำให้หลวงพ่อชาญณรงค์ได้บวชในพระบวรพุทธศาสนา อีกทั้งยังสั่งสอนสรรพวิชาและทำให้หลวงพ่อชาญณรงค์ได้พบกับหลวงตาดำ จ้าวแห่งสงฆ์ดงพญาเย็น หลวงปู่พลอยพิมพ์หยดน้ำนี้ถือว่าเป็นพระหล่อโบราณซึ่งมีโลหะสำคัญซึ่งได้มาจากหลวงตาดำ จ้าวแห่งสงฆ์ดงพญาเย็น หลวงพ่อชาญณรงค์มักจะบอกกล่าวให้ศิษย์หาพระของหลวงปู่พลอยมาใส่ประจำตัวเสมอ ท่านรับประกันว่าหากมีพระหลวงปู่พลอยติดตัวแล้ว คำว่า”ตายโหง”จะไม่มี หากจำเป็นต้องตาย จะกลับมาตายที่บ้าน คือมาขาดใจตายที่บ้าน แต่ท่านจะไม่รับประกันเรื่องเหนียว เรื่องคงกระพันชาตรี หรือเรื่องกระดูกหัก เพราะหลวงปู่พลอยท่านเป็นหมอกระดูก หักมาท่านก็รักษา แต่ว่ารับประกันว่าถ้าพระอยู่ในคอไม่ตายแน่ ให้เจ็บแค่ไหนก็ไม่ตาย หากถึงคราวตายก็จะไม่มีพระท่านอยู่ในคอถือเป็นเรื่องแปลก พระหลวงปู่พลอย ศิษย์ในสายหลวงพ่อชาญณรงค์จะใส่ติดตัวคู่กับพระของหลวงพ่อชาญณรงค์เสมอ

    [​IMG]
     
  18. FLUKE-NICE

    FLUKE-NICE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2008
    โพสต์:
    968
    ค่าพลัง:
    +1,397
    มาขอติดตามศึกษา ขอความรู้ด้วยคนนะครับ
     
  19. ๑พรพรต๑

    ๑พรพรต๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +545
    ผ้ายันต์หนุมานหลวงพ่อยี วัดดงตาก้อนทอง

    [​IMG]

    [​IMG]


    หลวงพ่อยี วัดดงตาก้อนทอง พระอริยะเจ้าที่มีประวัติลึกลับ เชื่อกันว่าท่านเป็นศิษย์นอกดง ครูบาอาจารย์ของท่านเชื่อว่า เป็นหลวงปู่โลกอุดร สมัยท่านเป็นเด็ก ท่านอยู่ลพบุรี มีเชื้อสายมอญ บิดามารดามีลูกหลายคน ตัวท่านเป็นลูกคนเล็ก ตอนเช้าวันหนึ่ง มีพระธุดงค์ผ่านมาแล้วมาบิณฑบาตที่หน้าบ้านท่าน พระรูปนี้มีรูปร่างแปลกผิดมนุษย์ธรรมดา คือสูงใหญ่มาก แต่ทว่าหน้าตาดูผ่องใสเหมือนคนหนุ่ม แต่ผมขาวโพลนทั้งศีรษะ เป็นพระที่ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา มาปักกลดอยู่3-4วัน สมัยหลวงพ่อยียังเป็นเด็กอายุประมาณ 5-6ขวบ ท่านเห็นพระรูปนี้คล้ายกับถูกชะตา เช้ามาท่านตามบิดามารดาของท่านไปใส่บาตรกับพระรูปนี้ พอเสร็จก็เดินจูงมือท่านไปไปที่กลด พระท่านก็ให้ความเมตตาเอ็นดู ก่อนที่พระธุดงค์รูปนั้นจะจากไป ท่านก็ขอหลวงพ่อยีกับโยมพ่อโยมแม่ บิดามารดาของหลวงพ่อยีท่านก็ยกให้ แต่พระธุดงค์ท่านบอกว่า ตอนนี้ยังเล็กไป เมื่อถึงเวลาเหมาะสมท่านจะมารับ
    เวลาผ่านไป หลวงพ่อยีท่านเติบใหญ่ เริ่มเป็นหนุ่ม พระธุดงค์องค์นี้ก็ได้กลับมาขอหลวงพ่อยีกลับไป ท่านก็ได้พาหลวงพ่อยีไปแล้วสอนวิชาอยู่ในถ้ำ วันหนึ่งจะขึ้นครูสอนวิชาคาถาอาคม วันนี้หลวงพ่อยีท่านเล่าว่า วันนั้นมีพระภิกษุและฆราวาสหลายคนอยู่ในพิธีนั้น ประมาณสิบกว่าคน แต่ละคนล้วนมีเจตนาอยากจะร่ำเรียนวิชาลึกลับอาถรรพ์จากพระอริยะเจ้ารูปนี้ เมื่อลูกศิษย์มาพร้อมหน้ากัน พระอาจารย์บอกแก่ลูกศิษย์ว่า “ก่อนอื่น ต้องมีของขึ้นครูก่อน จะว่าหาง่ายก็ง่าย จะว่าหายากก็ยาก แต่เป็นของมีค่า พวกเจ้าพอจะให้ได้มั๊ย?” พวกศิษย์ทุกคนต่างก็ตอบว่า “ได้ ถ้าของพวกนั้นอยู่กับตน ยอมที่จะถวายให้อาจารย์ถ้าทำได้” พระอาจารย์ก็โยนมีดให้พวกศิษย์ “ใครอยากจะได้เรียนวิชานี้ ของขึ้นครูคือปลายจมูก เนื้อที่ปลายจมูกของแต่ละบุคคล” เมื่อถึงเวลา ไม่มีศิษย์คนใดกล้าที่จะเอามีดเฉือนปลายจมูกของตนเลย มีหลวงพ่อยีนั้นที่เล็กสุดท่านเห็นว่าทุกคนเงียบหมดต่างถอยออกมา ท่านก็เขยิบเข้าไปหยิบมีดขึ้นมาแล้วพูดว่า “ถ้าอาจารย์ปรารถนาจะได้ปลายจมูกของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอถวายปลายจมูกนี้เป็นเครื่องบูชาครู” พอสิ้นเสียง ท่านก็เอามีดเฉือนปลายจมูกของตนทันที ปลายจมูกท่านขาดเลือดไหลออกมา พลางท่านเอาปลายจมูกนั้นถวายอาจารย์ หลวงปู่โลกอุดรท่านเห็นดังนั้น ท่านก็หัวเราะชอบใจ ท่านบอกว่า “ท่านทั้งหลายที่อยู่ ณ ที่นี้ ขอเชิญ ท่านกลับไปยังอาวาส สถานที่ของท่านเถิด บุญวาสนาในการเรียนวิชาของท่านมีกับเราแค่นี้ ขอท่านกลับไปได้แล้ว ขณะนี้อาตมาได้ลูกศิษย์ที่ถ่ายทอดวิชาแล้ว” เสร็จแล้วท่านได้กล่าวประกาศิตขึ้นมาว่า”จากนี้แต่นี้เป็นต้นไป ไอ้หน้าบากคนนี้(หมายถึงหลวงพ่อยี) จะเป็นผู้สืบทอดพระศาสนา ทำให้พระศาสนาเป็นที่ขจรขจายช่วยเกื้อหนุน ช่วยเหลือพระศาสนาทะนุบำรุงจนสิ้นอายุขัย เป็นที่น่าชื่นใจยิ่งนัก” แล้วท่านก็เรียกหลวงพ่อยีเข้าไปใกล้ ๆ ซึ่งขณะนั้นหลวงพ่อยีท่านได้เอามือกดจมูกซึ่งเลือดไหลโกรก แต่ก็นั่งนิ่งฟังอาจารย์ หลวงปู่โลกอุดรท่านเรียกหลวงพ่อยีเข้าไปใกล้ ๆ แล้วเอามือของท่านกดที่แผลแล้วเป่า เป็นที่อัศจรรย์ พอท่านเป่าเท่านั้นแหละ แผลที่เหวะหวะนั้นได้หายทันทีเป็นปลิดทิ้ง เหลือเพียงรอยแผลแดง ๆ ให้เห็นว่าเป็นรอยเนื้อที่หายไป และเป็นรอยแผลเป็นที่จมูกของท่านจนถึงวันมรณภาพว่าปลายจมกของท่านถูกเฉือนไป จากนั้นท่านก็ได้เรียนวิชาอภินิหารมากมายจากหลวงปู่โลกอุดร
    หลวงพ่อยีสมัยเมื่อท่านเรียนจบ หลวงปู่โลกอุดรท่านได้ส่งหลวงพ่อยีกลับมาในเมือง ท่านบอกว่าเวลาเหมาะสมแล้ว ท่านจะติดตามหาหลวงพ่อยีเอง หลวงพ่อยีท่านก็หลับตานั้งสมาธิ พอลืมตาท่านก็มาโผล่ในเมืองเป็นที่อัศจรรย์ แล้วท่านก็ใช้ชีวิตฆราวาส เป็นอาจารย์สักยันต์ เป็นหมอไสยศาสตร์ ช่วยเหลือปัดเป่า เป็นหมอน้ำมนต์ไล่คุณไล่ของต่าง ๆ รักษากวาดคอเด็ก เป็นแพทย์แผนโบราณรักษาคน ช่วยเหลือคนร่ำไป ท่านเดินเท้ารักษาคนไปเรื่อย พอท่านเดินทางมาถึงพิษณุโลก ท่านก็รักษาคนมามากแล้ว ท่านช่วยเหลือคนและเป็นอาจารย์สักยันต์ที่มีชื่อเสียงมาก จนท่านชราภาพ ตัวท่านขณะที่เป็นฆราวาส ก็เป็นฆราวาสที่มีฤทธิ์มาก ท่านเคยแสดงฤทธิ์ถึงขั้นว่า ท่านเอารางข้าวหมูมาเสกให้เป็นหมู แล้วเจ๊กก็มาซื้อรางข้าวหมูที่เป็นหมูที่ท่านเสก แล้วเอากลับไป พอซื้อกลับไปก็เอาไปปล่อยไว้ในเล้า รุ่งเข้าอีกวัน กลายเป็นรางข้าวหมูในเล้ามีสองอัน เป็นอย่างนี้ถึงสองครั้งสองครา บางครั้งท่านก็แปลงใบไม้ให้กลายเป็นแบงค์ นำไปใช้ซื้อของ ซึ่งท่านก็ทำแกล้วเป็นบางคน ถึงเวลาท่านก็ชดใช้คืนเค้า เป็นการลองวิชาคล้ายกับว่าท่านร้อนวิชา แล้วท่านก็กินเหล้าเมายาทำให้เหมือนคนบ้าใบ้ แต่เป็นคนขลัง จนวันหนึ่งคนในตระกูลตะละภัฏ ได้มาพบท่านและบวชให้ท่าน และท่านได้มีเจตนารมณ์ว่าจะสร้างวัดบนที่ดินของท่าน แล้วคนในตระกูลตะละภัฏ ได้ได้ช่วยท่านสร้างวัดสร้างความเจริญแก่ท่านทุกอย่าง และดูแลท่านจนท่านถึงแก่กาลมรณภาพ เมื่อท่านมรณภาพท่านก็มรณภาพที่บ้านของตระกูลตะละภัฏ ช่วงที่ท่านต้องอธิกรท่านก็มาอยู่ที่บ้านตระกูลตะละภัฏ เป็นที่แปลกอย่างหนึ่งคือ ตอนที่ท่านมรณภาพสภาพร่างของท่านแปรเปลี่ยน ก่อนที่ท่านจะมรณภาพ หมอได้เอ็กซ์เรย์ปอดว่าท่านเป็นมะเร็งปอด มันกินปอดของท่านจนไม่เหลือแล้ว เอ็กซ์เรย์ออกมามีแต่ขั้วปอด แต่เนื้อปอดไม่มีแล้ว หมอก็ทึ่งมากว่าท่านมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร ท่านบอกว่า”ถ้าเป็นคนอื่น ขาดใจตายไปนานแล้ว” ท่านบอกว่าไม่มีส่วนใดในร่างกายที่ไม่เจ็บปวด แต่ท่านอดทนรอ ท่านบอกว่าเป็นกรรม รอให้ถึงเวลาที่ท่านจะไปท่านถึงจะไป ก่อนที่ท่านจะมรณภาพท่านรอให้ลูกหลานของตระกูลตะละภัฏมากันจนครบท่านถึงสิ้นใจ เมื่อท่านสิ้นใจแล้วหน้าของท่านจากคนที่ผอมสูงแก้มตอบ หน้าท่านเปลี่ยนกลายเป็นหน้ารูปไข่กลม มีผมขาวโพลน ลูกหลานในตระกูลตะละภัฏทุกคนยืนยันว่าหน้าของท่านเหมือนกับรูปของหลวงปู่โลกอุดรที่นั่งห้อยขาไม่มีผิด คือเป็นหน้าเดียวกัน ลูกศิษย์ลูกหาจึงได้รู้กันว่า ปริศนาธรรมที่ท่านพูดมาตลอดชีวิตของท่านว่า ตัวท่านเป็นเพียงคนนำส่ง คือของของท่านที่ท่านเสก ท่านบอกว่าอาจารย์ของท่านเป็นผู้ทำ แต่ท่านเป็นสื่อกลางมาส่งให้แก่ลูกศิษย์ทั้งหลายให้ได้รับอีกที แล้วอาจารย์ของท่านคือ หลวงปู่โลกอุดรนี่เอง

    [​IMG]

    [​IMG]


    อย่างผ้ายันต์ของท่านมีอภินิหารทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นผ้ายันต์พรหมสี่หน้า ผ้ายันต์หนุมาน ผ้ายันต์องค์พระที่มีรูปหลวงพ่อ ผ้ายันต์ของท่านที่ดูคล้ายเป็นผ้าสกรีนจากโรงงาน แต่ผ้านี้มีอภินิหารคือ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดได้เห็นว่าผ้ายันต์ต่าง ๆ มีฤทธิ์แตกต่างกันไป อย่างผ้ายันต์หนุมานนี่ ในคราวที่นายทหารพิษณุโลก พิจิตรมาขอของขลังท่าน ท่านรักและสงสารทหารหาญพวกนี้เป็นอันมาก ซึ่งทหารที่อยู่แถบชาติตระการ ภูหินร่องกล้า เพชรบูรณ์ ที่ต้องรบกับพวก ผกค. ท่านว่าไปรบกับเขา ถ้าให้ชนะต้องใช้หนุมาน เพราะหนุมานรบกับใครก็ไม่แพ้ ตายยาก เป็นลูกพระพาย ว่าแล้วท่านก็ให้ลูกศิษย์ลูกหาไปจัดเตรียมกันมาให้หาผ้าขาวตัดเย็บ ประมาณผ้าเช็ดหน้า กว้างคืบยาวคืบโดยประมาณ จำนวนเท่าใดก็เอามา แล้วท่านจะทำผ้ายันต์ให้ จะทำเป็นรูปอะไรท่านก็ไม่พูดถึง ท่านบอกว่าให้ไปทำผ้ามาก่อน เมื่อได้ทำผ้ามาเสร็จเรียบร้อยแล้วท่านได้นำผ้ามาผืนหนึ่ง ท่านเอามือปิดผ้าผืนนั้น แล้วก็เสกอยู่ครู่หนึ่ง ท่านเอามือตบ ดังปัง!!! พอเปิดมือออกมา ผ้าขาวผืนนั้นมียันต์หนุมานเชิญธงที่ผ้านั้น ผ้ายันต์หนุมานผืนนั้น เป็นลายเดียวกันกับหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือไม่มีผิดเพี้ยน ต่างกันตรงที่ยันต์ของหลวงพ่อรุ่งวัดท่ากระบือ เป็นยันต์สีน้ำเงิน ส่วนของหลวงพ่อยีเป็นสีเขียวสีแดง ผ้ายันต์ชนิดนี้เมื่อได้ตัวผ้ายันต์ครูจากการเสกตบมา ท่านให้ลูกศิษย์ แล้วก็ให้ลูกศิษย์ที่อาวุโสที่สุดในสถานที่นั้นเอาไปวางไว้บนกองผ้า แล้วเอาผ้าขาวคลุมทับไว้ แล้วยืนภาวนาคาถาตามที่ท่านบอก พอเสร็จท่านสั่งให้ตบไปที่กองผ้านั้น ลูกศิษย์ท่านนั้นก็ตบ พอครบสามครั้ง ท่านก็ให้ลูกศิษย์นำผ้าจากในกองมาดู ผ้าตั้งแต่ผืนแรกยันผืนสุดท้ายของกองนั้นทั้งหมด ติดเป็นผ้ายันต์หนุมานเชิญธงชัดเจนเท่ากันเหมือนออกมาจากแท่นพิมพ์แท่นสกรีนเดียวกันเลยไม่มีผิดเพี้ยน แล้วท่านก็เอามาเสกเป่าชั่วครู่ แล้วก็แจก ท่านบอกว่าผ้ายันต์นี้เค้าดีอยู่ในตัวอยู่แล้ว ท่านบอกว่าครูบาอาจารย์ของท่านเสกมาแล้ว ก็เป็นที่อัศจรรย์ว่าท่านสำเร็จธาตุ สำเร็จนะปัดตลอด สำเร็จจิตขั้นสูง คือสามารถแปรสภาวะธาตุและสามารถสอดแทรกอนูของธาตุให้สอดแทรกทะลุผ่านมาได้ เป็นนะปัดตลอด คือตัวท่านไม่จำเป็นต้องตบ ให้คนอื่นตบก็ได้ เพียงแต่ท่านใช้จิตกำกับอยู่ใกล้ ๆเอง ถือเป็นของดีของหายาก ผ้ายันต์หนุมานนี้น่าจะทำไม่เกินสองคราว เป็นผ้ายันต์เขียวกับผ้ายันต์แดงเท่านั้น ผ้ายันต์นี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในสภาพที่ผุพังอยู่ในสภาพที่ไม่ดี เนื่องจากผู้ที่ได้ไปส่วนใหญ่จะอารธนาพกติดตัวนำไปใช้ ทำให้สภาพผุพังตามกาลเวลา ผ้ายันต์นี้เป็นของหายากในชุดของหลวงพ่อยี จะหาของแท้ ๆ ซักผืน ยากมาก ไม่ว่าจะเป็นผ้ายันต์พระพรหม ผ้ายันต์พระพุทธนิมิตแล้วเป็นรูปท่านอยู่ด้านบน ก็พอจะหาได้ แต่ผ้ายันต์หนุมาน ผ้ายันต์พรหมสี่หน้านี้หายาก แล้วผ้ายันต์หนุมานชุดนี้ เป็นผ้ายันต์ที่มีปั๊มตราวัด เป็นที่แน่นอนเลยว่าสร้างในสมัยท่านแน่ๆ ก็ไม่ใช่ของหลวงพ่อรุ่งหรืออาจารย์อื่นใด และอยู่ในสภาพดี เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ผจญอันตราย หรือข้าราชการที่ต้องอาสาเจ้านายออกทำการต่าง ๆ ควรมีไว้ เชื่อว่าหนุมานในแผ่นดินไทยนี้ ผ้ายันต์หนุมานหลวงพ่อยีก็ไม่เป็นสองรองใครในแผ่นดินอย่างแน่นอน
     
  20. ๑พรพรต๑

    ๑พรพรต๑ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    161
    ค่าพลัง:
    +545
    ขุนแผนหลังกุมารทอง หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม


    [​IMG]


    ตามประวัติท่านสร้างพระขุนแผนตั้งแต่ปี 2500 เป็นต้นมา พระขุนแผนของท่านมีหลายพิมพ์ โดยแรกเริ่มท่านเอาพระฝีมือตามสนามพระมาถอด แต่พระที่ท่านถอดจะแตกต่างจากพระฝีมือคือ
    1. เนื้อพระ จะเป็นเนื้อพระของท่าน
    2. พิมพ์จะตื้นกว่า เพราะเกิดจากการถอดพิมพ์
    พระพิมพ์นี้ด้านหน้าเป็นรูปขุนแผน ด้านหลังเป็นรูปกุมารทอง โดยที่ท่านตั้งใจเน้นหนักไปทางเมตตามหานิยม และสามารถปลุกเรียกบอกให้รู้ตัวได้ ซึ่งหลวงพ่อกวยท่านจะเสกอะไร ก็จะให้เป็นตัวทำตามวิชา สามารถอธิษฐานบอกกล่าวได้ เสกสิงห์ก็ให้เป็นสิงห์ เสกกุมารทองก็ให้เป็นกุมารทอง แม้จะอยู่หลังพระท่านก็จะเสกให้เป็นตัวขึ้นมาเสกอาการ32 เรียกจิตเรียกภูตใส่เข้าไป พระขุนแผนของท่านไม่ว่าจะเป็นเนื้อดินหรือเนื้อผง ท่านมักจะใช้ผงผี เถ้าอังคาร หรือผงขี้เถ้ากองฟอน อย่างน้อยก็ใช้ดินเจ็ดป่าช้า เจ็ดโป่ง เจ็ดป่า เจ็ดท่า เจ็ดนา คือเป็นดินอาถรรพ์ที่มีภูตมีพรายมีดวงจิตวิญญาณอยู่ สามารถเรียกรูปเรียกนามสูตรสนธิได้เร็ว คนที่เล่นพระขุนแผนมักจะเสาะหาพระขุนแผนของหลวงพ่อกวยเพราะว่าท่านเสกทางเมตตามหานิยม แต่หลวงพ่อกวยท่านทราบว่าคนที่เล่นพระขุนแผนมากๆ จะชอบกินชอบเที่ยวไม่ทำมาหากิน ท่านจะไม่ใช้คาถาขุนแผนชมตลาดเสกพระของท่าน อันนี้เป็นเคล็ดลับ เพราะคาถาขุนแผนชมตลาดใครที่ได้ไปส่วนใหญ่จะชอบออกเที่ยว ส่วนใหญ่ท่านจะใช้คาถาเมตตาทางขุนแผนเสก ท่านจะใช้คาถาขุนแผนชมตลาดเป็นบางคราวเฉพาะกิจ เช่น เอาพระขุนแผนของท่านแล้วไปหาผู้ใหญ่ เจรจางานสำคัญๆ ท่านจึงให้ใช้คาถาควบคู่ แต่ท่านจะไม่ใช้คาถานี้ปลุกเสกเลยโดยตรง ขุนแผนหลังกุมารทองของหลวงพ่อกวย คนส่วนใหญ่จะชอบเพราะกุมารทอง เพราะกุมารทองหลวงพ่อกวย ตัวแท้ๆ ตัวละหลาย ๆ หมื่น เกือบ ๆ แสน และกุมารทองที่พุทธาภิเษกงานฝังลูกนิมิตปีสุดท้าย ก็แยกแยะได้ยากเพราะเป็นกุมารโรงงาน กุมารที่อยู่หลังขุนแผนก็มีตัวเหมือนกันมีฤทธิ์เหมือนกัน และมีฤทธิ์เป็นเท่าทวีคูณ เพราะมีทั้งขุนแผนและกุมารทอง หลวงพ่อเคยบอกว่าขุนแผนไม่ได้ดีทางมหานิยม แต่ดีทางปกป้องคุ้มครองป้องกันภัย ซึ่งคนส่วนใหญ่คิดว่าขุนแผนเจ้าชู้มีเมียเยอะจึงคิดว่าดีทางมหานิยม แต่หลวงพ่อก็ลงทางมหานิยมให้ พระองค์นี้เป็นเนื้อว่าน คือท่านใช้ว่ามาโขลกผสมผงที่ท่านลบเช่น ผงนะหน้าทอง ผงเมตตามหานิยมต่าง ๆ พิมพ์จะตื้น ๆ แต่คลาสสิคเป็นธรรมชาติ เนื้อพระแห้งสนิท คือสร้างมาแล้วไม่ต่ำกว่า30ปี เป็นพระดีราคาเบา พระเก่าราคาถูก พุทธคุณเปี่ยมล้น ไม่ได้แพงเหมือนเหรียญรุ่นแรก หลาย ๆแสน หากุมารผงพรายหลวงปู่ทิมไม่ได้ ลองแขวนขุนแผนหลังกุมารหลวงพ่อกวยดู จะรู้ว่าไม่ได้หนีกันเท่าไหร่......จบ
     

แชร์หน้านี้

Loading...