เปิดตำนานหลวงพ่อทิม วัดละหารไร่

สวัสดีครับที่ได้ติดตามบทความอยู่เสมอก็ขอให้ติดตามไปเรื่อยๆครับ

 

สวัสดีทุกๆท่านในอากาศยามเช้าที่อบอุ่นครับ.........

 

สวัสดียามเช้าครับ อ แก้วสว่าง

 

สวัสดีครับอาจารย์
หากมีโอกาส ได้มาราชการที่ชลบุรีอีกเมื่อไหร่ อย่าลืมแจ้งด้วยนะครับ

 

หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่

[FONT=&quot]ในหมู่บ้านละหารไร่ในยุคอดีตนั้นซึ่งอาจจะเป็นช่วงยุคบุกเบิกกำเนิดก่อตั้งมาเป็นหมู่บ้านเล็กๆที่รายล้อมไปด้วยป่าดงพงไพรและสิงสาราสัตว์มากมายซึ่งมันอาจจะรวมไปถึงผีป่านางไม้หรือเจ้าป่าเจ้าเขาที่สิงสถิตย์อยู่ในป่าอันกว้างใหญ่ ในพื้นที่ของหมู่บ้านละหารไร่นั้นเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์มีทั้งสัตว์เล็กสัตว์ใหญ่และอุดมไปด้วยปลาน้อยปลาใหญ่ที่มีกันมากมายในแม่น้ำลำธาร ซึ่งเราจะเห็นได้ว่าสัตว์น้อยย่อมเป็นอาหารของสัตว์ใหญ่โดยเฉพาะในป่าใหญ่นั้นเสือนั้นถือว่าเป็นสัตว์ที่น่ากลัวและดุร้ายมาก ซึ่งเมื่อถ้าใครเข้าไปในป่าดงแล้วไปเจอเสือเข้าละก้อมีหวังต้องหนีกันจนป่าราบได้ ซึ่งถ้าหนีไม่ทันก็เป็นอาหารของมันไป เสือนั้นก็เปรียบเสมือนเจ้าป่าเจ้าเขาที่ไม่เกรงกลัวสัตว์ใดๆทั้งสิ้น ซึ่งเสือนั้นเชื่อกันว่ามีอำนาจในตัวของมันมาก เมื่อถ้าเวลามันจ้องมองสัตว์ตัวไหนที่กำลังจะเป็นอาหารของมัน มันจะต้องวิ่งคว้าเอามาเป็นอาหารของมันจนได้ ซึ่งทำให้คนในยุคโบราณที่มีวิชาอาคมนั้นต้องการเอาเสือนั้นมาทำเครื่องรางของขลังซึ่งคงจะเห็นว่าเสือนั้นมีอำนาจที่ดุร้ายน่าเกรงขามมากจึงต้องไขว่คว้าหากันมากซึ่งโดยส่วนใหญ่จะต้องการเอาเขี้ยวเสือและหน้าผากเสือนั้นมาทำเครื่องรางซึ่งเชื่อกันว่ามีพุทธคุณทางด้านมหาอำนาจนั้นสุดยอดมาก ซึ่งคณาจารย์ชื่อดังในอดีตที่สามารถสร้างเขี้ยวเสือได้อย่างเห็นผลประจักษ์ตาคงไม่มีใครเกินหลวงพ่อปานแห่งวัดบางเหี้ยที่ทุกวันนี้ก็มีผู้คนไขว่คว้าหากันมากในหมู่คนที่นิยมเครื่องรางของขลังกัน ซึ่งถ้าใครได้นำไปติดตัวแล้วเชื่อว่าจะมีพุทธคุณทางด้านคงกระพันชาตรีและอำนาจบารมี ที่มีแต่คนเกรงกลัวหรือเกรงขามได้ ซึ่งอาจารย์ที่จะสามารถเสกเขี้ยวเสือหรือหน้าผากเสือให้มีผลประจักษ์ได้นั้นก็คงหากันได้ยากที่จะสามารถทำกันได้อย่างศักดิ์สิทธิ์และอัศจรรย์กันได้ ซึ่งในยุคอดีตนั้นก็คงจะมีทั้งพระเกจิอาจารย์และฆราวาสที่เรืองวิชากันที่สามารถทำได้อย่างอัศจรรย์กันได้จริง หลวงพ่อปานอดีตเจ้าอาวาสวัดบางเหี้ย ซึ่งเป็นผู้สร้างตำนานเขี้ยวเสือชื่อดังที่ท่านสามารถแสดงอิทธิฤทธิ์ของเขี้ยวเสือของท่านให้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินคือรัชกาลที่ห้าท่านได้ทรงเสด็จมายังวัดบางเหี้ยและทรงทอดพระเนตรดูเมื่อเสือของหลวงพ่อปานที่ท่านได้เตรียมนำถวายก็ได้กระโดดลงไปในคลองจากนั้นหลวงพ่อปานท่านก็ได้เอาเนื้อหมูมาผูกกับเชือกแล้วผูกติดกับไม้แล้วนำมาแกว่งเป็นเหยื่อล่อจากนั้นหลวงพ่อปานท่านก็ได้ใช้อำนาจจิตของท่านเรียกเสือให้มากินเยื่อที่นำล่อนั้น ซึ่งหลังจากนั้นเสือก็ได้มากินเหยื่อหมูที่ได้ล่อไว้ได้ ซึ่งตัวไหนที่สามารถเรียกมากินเหยื่อได้ก็แสดงเป็นอันว่าใช้ได้ ถ้าตัวไหนไม่มากินเหยื่อก็แสดงว่ายังไม่เป็นผล ซึ่งจากนั้นหลวงพ่อปานท่านก็ได้นำเสือที่สามารถเรียกกลับมาได้นั้นนำไปถวายแก่เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินไป ซึ่งเราจะเห็นว่าเขี้ยวเสือนั้นการที่จะสามารถใช้อำนาจจิตของผู้เสกเรียกไปยังเสือได้นั้นจะต้องใช้อำนาจจิตเข้าถึงสู่ไปยังสภาวะจิตของเสือที่ได้ถูกปลุกเสกขึ้นด้วยอำนาจฌานสมาธิของเกจิอาจารย์ขึ้นได้ ซึ่งเราจะได้ยินได้ฟังเรื่องราวตำนานของหลวงพ่อปานที่ท่านสามารถสร้างตำนานเขี้ยวเสือแกะของท่านที่สามารถสร้างได้อย่างศักดิ์และอย่างน่าอัศจรรย์ได้ [/FONT]
<o></o>
[FONT=&quot] สมัยที่หลวงปู่ทิมท่านออกเดินธุดงค์และได้ออกร่วมเดินธุดงค์ในกลุ่มของหลวงพ่อปานแห่งวัดบางเหี้ย ซึ่งหลวงพ่อปานท่านมีอำนาจจิตที่แก่กล้ามากและเป็นหัวหน้าคณะกลุ่มที่เดินธุดงค์ทั้งหมด หลวงปู่ทิมท่านได้มีโอกาสศึกษาและเรียนรู้ในเรื่องอำนาจจิตและวิทยาคมกับหลวงพ่อปานซึ่งตามตำนานประวัติของหลวงปู่ทิมเมื่อท่านเรียนรู้ในวิชาการใดแล้วท่านก็ต้องหมั่นฝึกฝนและเรียนรู้วิชาการนั้นจนจบสิ้นและให้รู้แจ้งเห็นจริงได้ ซึ่งก็น่าจะประมาณการได้ว่าหลวงปู่ทิมท่านได้พยายามฝึกฝนและเรียนรู้เรื่องฌานสมาธิและวิทยาคมบางประการจากหลวงพ่อปานจนจบสิ้นได้ และก่อนที่ได้เรียนรู้จนจบสิ้นหลวงพ่อปานท่านก็ได้มอบเขี้ยวเสือแกะและตระกรุดของท่านให้แก่หลวงปู่ทิมไว้ซึ่งมันอาจจะเป็นของที่ระลึกหรือเป็นของที่ครูบาอาจารย์ท่านได้มอบไว้เพื่อเป็นครูอาคมที่จะสามารถนำไปเป็นแนวทางในการที่จะเพื่อทำการลองวิชาการปลุกเสกเพื่อให้มีอานุภาพที่ขลังและศักดิ์สิทธิ์ได้ ซึ่งบางครั้งบางทีการที่ได้ร่ำเรียนไปในครั้งแรกๆนั้นอาจจะยังไม่ประสบผลได้ที่ ซึ่งแต่การที่ได้นำของจากครูบาอาจารย์ท่านได้มอบไว้ให้นั้นสามารถเป็นสื่อนำเพื่อเป็นอำนาจจิตที่หนุนนำให้ประสบแห่งผลของความสำเร็จนั้นได้ ซึ่งการที่จะทำให้ประสบผลสำเร็จได้หลวงปู่ทิมเมื่อสมัยที่ท่านได้เรียนวิชาจบมาใหม่ๆท่านจะต้องทำการลองเสกวิชาที่ได้ทำการร่ำเรียนมาจากครูบาอาจารย์ไปว่าประสบผลหรือไม่ มีตำนานเรื่องเล่าบันทึกไว้ว่า หลวงปู่ท่านได้วิชาทำตระกรุดที่เรียกว่าตระกรุดมหานิทราซึ่งวิชานี้ถือว่าเป็นวิชาที่ต้องใช้อำนาจจิตที่แน่วแน่ถึงจะทำได้ ซึ่งหลวงปู่ทิมท่านเรียนวิชานี้มากับใครก็ไม่สามารถที่จะกล่าวกันได้ ซึ่งวิชานี้กล่าวกันว่าเป็นวิชาสามารถที่จะสะกดคนให้หลับใหลได้ ซึ่งหลังจากที่หลวงปู่ท่านได้ทดลองทำและเสกอยู่จนสำเร็จได้จากนั้นหลวงปู่ท่านก็ได้ให้ลูกศิษย์ไปลองวิชาหรือลองของว่าจะประสบผลหรือไม่ โดยนำตระกรุดที่ได้ทำการปลุกเสกด้วยอาคมแล้วจากนั้นก็นำไปแขวนไว้ที่เสาเอกของบ้านเรือนหรือโยนข้ามหลังคาบ้าน ก็จะมีอานุภาพที่สามารถจะสะกดคนทั้งบ้านให้หลับใหลได้ ซึ่งลองพิสูจน์แล้วทำได้จริงก็จะแสดงว่าวิชาอาคมที่ได้ร่ำเรียนมาได้ทำการปลุกเสกไปแล้วนั้นก็เป็นผลได้ ซึ่งมันก็เป็นวิชาที่มีทั้งคุณและโทษได้ถ้านำไปใช้ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง แต่วิชานี้คงจะยากมากที่จะได้รับการถ่ายทอดและเรียนรู้จากอาจารย์ที่มีวิชาได้ถ้าไม่ได้รับความมั่นใจกันจริง หลวงปู่ทิมคงท่านได้สนใจและอยากเรียนรู้วิชาดังกล่าวและต่อมาหลวงปู่ท่านคงได้รับการถ่ายทอดวิชานี้มาซึ่งก็คงจะได้รับความมั่นใจจากอาจารย์จึงได้รับการถ่ายทอดวิชาให้ วิชาอาคมในสมัยก่อนนั้นมีมากมายที่มีกันมาตั้งแต่ยุคโบร่ำโบราณซึ่งประมาณกาลได้ว่าหลายชั่วอายุคนก็ว่าได้ ซึ่งวิชาอาคมที่ได้สืบต่อกันมานั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้รับการสืบทอดกันได้ทุกคน ถ้าจิตของคนยังไม่ถึงหรือยังไม่มั่นพอ ซึ่งเราจะประมาณการได้ว่าถ้าจิตยังไม่ถึงพอที่จะเรียนรู้ในเรื่องวิชาอาคมต่างๆซึ่งผลที่ได้ก็คงยังไม่สำเร็จ และการที่ได้เรียนรู้อาคมต่างๆนั้นก็คงยังไม่มีประโยชน์อันใดได้เลย และบางวิชาก็อาจมีผลสะท้อนย้อนกลับเข้าตัวได้ถ้าไม่ได้ยึดหรือปฏิบัติกันอย่างจริงจัง จึงทำให้คณาจารย์ผู้เรืองวิชาอาคมต่างๆที่จะถ่ายทอดวิชาอาคมให้สืบทอดต่อกันมานั้นก็ต้องมีการทดสอบจิตและความอดทนอย่างแน่วแน่จนมั่นใจได้ จึงจะสามารถที่จะถ่ายทอดวิชาอาคมให้สืบทอดต่อไปได้<o>

</o>[/FONT] [FONT=&quot] เราจะเห็นว่าหลวงปู่ทิมท่านได้ศึกษาและเรียนรู้เรื่องสมาธิจิตและจะมีเรื่องวิชาอาคมที่หลวงปู่ท่านได้ศึกษาและเรียนรู้มาจากหลวงพ่อปานแห่งวัดบางเหี้ย โดยในการนี้วิชาการเสกเสือให้มีอำนาจพุทธคุณที่ศักดิ์สิทธิ์ได้นั้นซึ่งโดยตามตำนานโบราณกล่าวไว้ว่า จะต้องเสกจนกว่าเสือนั้นจะกระโดดโลดเต้นขึ้นมาได้ ซึ่งเป็นอันว่าใช้ได้ผล ซึ่งการที่จะเสกหรือการใช้อำนาจจิตจนเสือนั้นมีอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาได้นั้น จะต้องสำเร็จฌานขึ้นมาได้ซึ่งอำนาจของฌานที่ใช้ในการปลุกเสกหรือใช้อำนาจจิตบวกกับการใช้คาถาอาคมเพื่อให้เสือนั้นมีพุทธคุณที่โดดเด่นไปได้ในทุกๆด้าน และการเสกให้เสือนั้นสามารถมีชีวิตชีวาขึ้นมาได้นั้นจะต้องมีการใช้อำนาจจิตเข้าไปถึงหัวใจหลักของมันและต้องลงธาตุทั้งสี่เพื่อปลุกให้มันมีชีวิตชีวาที่สามารถกำหนดขึ้นมาได้ หลวงปานท่านถือว่าเป็นเกจิอาจารย์หนึ่งของเมืองไทยที่สามารถเสกเขี้ยวเสือให้มีอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาได้อย่างเหลือเชื่อ แต่การเสกเขี้ยวเสือให้มีอิทธิฤทธิ์เหมือนดั่งหลวงพ่อปานนั้นคงจะหาเกจิอาจารย์น้อยองค์นักที่จะสามารถทำกันได้ ซึ่งต่อมาก็มีลูกศิษย์ของหลวงพ่อปานหลายองค์ที่ได้ร่ำเรียนหรือได้รับการถ่ายทอดวิชาจากท่านไปโดยเฉพาะวิชาเสือนั้น ก็มีอยู่หลายองค์ที่สามารถทำกันได้ ซึ่งตามโบราณกล่าวกันว่าใครที่ได้ไปเรียนกับหลวงพ่อปานนั้นจะต้องมีความอดทนเป็นอย่างสูงเพราะหลวงพ่อท่านจะเคร่งครัดมากโดยเฉพาะในเรื่องการวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งการที่ใครจะได้ไปร่ำเรียนกับหลวงพ่อปานก็จะต้องสามารถผ่านการวิปัสสนากรรมฐานให้สำเร็จได้ ซึ่งหลวงพ่อปานท่านจะสามารถรู้ได้ด้วยจิตของท่านเอง ซึ่งก็มีลูกศิษย์ของท่านหลายองค์ที่ได้ไปร่ำเรียนกันและสามารถสร้างเครื่องรางของขลังได้อย่างศักดิ์สิทธิ์เหมือนกันอาทิเช่น หลวงพ่อนก วัดสังกะสีและก็มีเกจิชื่อดังหลายองค์ที่ได้ไปร่ำเรียนกันอย่างเช่น หลวงพ่อเหลือวัดสาวชะโงก หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก หลวงพ่อทองอยู่ วัดบางเสร่ เป็นต้นซึ่งวิชาการอาคมต่างๆนั้นที่ได้รับการถ่ายทอดไปก็คงจะเป็นในหลากหลายวิชากันที่ได้รับการถ่ายทอดกันไป แต่วิชาการเสกเสือให้มีฤทธิ์นั้นซึ่งมันอาจเป็นวิชาๆหนึ่งที่ต้องใช้จิตสมาธิสูงในการเสกซึ่งบางครั้งเราอาจจะเข้าใจกันว่าเมื่อจิตสมาธิสูงในการเสกวิชาบางอย่างได้สำเร็จ แต่การเสกของอีกวิชาหนึ่งนั้นซึ่งมันอาจเป็นวิชาที่ต้องใช้จิตสมาธิที่ไปในอีกรูปแบบหนึ่ง เหมือนการเรียนวิชาอาคมของแต่ละวิชานั้นตัวคาถาอาคมนั้นก็ต้องท่องบทคาถานั้นแตกต่างกันออกไป ในยุคสมัยก่อนการฝึกจิตหรือการบำเพ็ญจิตเพื่อให้จิตสมาธิให้กล้าแกร่งนั้นเกจิในยุคเก่าที่นั้นเขาจะต้องปฏิบัติฝึกกันอย่างจริงจังเพื่อผลของความสำเร็จที่จะได้สืบทอดในการวิทยาคมต่างๆเพื่อนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมในสมัยนั้น ซึ่งในสมัยก่อนเขาจะออกธุดงค์ตามป่าตามเขาซึ่งเมื่อถ้าไปเจออาถรรพ์ของภูตผีหรือเจ้าป่าเจ้าเขา ก็จะต้องสามารถผ่านเหตุการณ์สำคัญนั้นมาให้ได้ หรือแม้กระทั่งถ้าธุดงค์ไปเจอเสือในป่าใหญ่จะต้องใช้อำนาจจิตนั้นสามารถข่มเสือให้ได้ ซึ่งถ้าไม่สามารถใช้อำนาจจิตข่มเสือได้ก็จะต้องเป็นอาหารให้มันไป การที่ใช้กระแสจิตนั้นสามารถที่จะข่มเสือให้นิ่งหรือทำให้เสือนั้นเกรงกลัวได้ ซึ่งก็ย่อมแสดงว่าอำนาจจิตของตัวเองนั้นมีพลังอำนาจที่แก่กล้าได้ ซึ่งการเสกเขี้ยวเสือให้มีฤทธิ์มีอำนาจได้นั้นก็อยู่ที่กระแสอำนาจจิตของผู้เสกมีนั้นมากน้อยเพียงใด ในการที่จะเสกลงไปในเสือนั้นให้มีชีวิตขึ้นมาได้โดยใช้พลังอำนาจจิตนั้นปลุกเสกและสามารถสร้างจิตและวิญญาณของเสือนั้นขึ้นมาได้ [/FONT] [FONT=&quot](ติดตามตอนต่อไป )<o></o>[/FONT]<o>
</o>

 

สวัสดีครับ อ.แก้วสว่าง

มาติดตามอ่านครับ

พระหลวงปู่ทิม นำไปปิดทองมาแล้วครับ

 

กราบหลวงปู่ทิม สวัสดีอาจารย์แก้วสว่าง คุณโต้ง และเพื่อนๆทุกท่าน

 

ดีใจด้วยครับ ที่ได้ของดี ดีจริงๆครับ ({)

 

ขอบคุณ อ.แก้วสว่าง ที่นำบทความดีดี อย่างต่อเนื่อง ครับ.....................

 

จากประสบการณ์ ยืนยันตามที่พี่เสือบอกครับ

 

สวัสดีครับอาจารย์และพี่ๆเพื่อนๆทุกคน
เอามาให้อ่านเล่นๆ ระวังตัวกันไว้ ไม่ว่าจะเกิดหรือไม่ก็ตามครับ

ฟังอีกครั้ง... คำพยากรณ์ภัยพิบัติ จากเด็กชายปลาบู่

 

กราบหลวงปู่ทิม
และสวัสดีพี่แก้วสว่างครับ

 

สวัสดีครับ สบายดีนะครับ

 

กราบหลวงปู่ทิม
และพี่ๆทุกๆท่าน ผมก็เด็กชลบุรี เด็กรุ่นใหม่ ชอบมากเลยครับ ได้อ่านแต่ละกระทู้ของแต่ละคนครับ

 

ปิดทองสวยครับ
ของผมนำไปปิดทองเละตุ้มเป๊ะเลยครับ อิอิ
สวัสดีครับท่านประธานโต้งและเพื่อนๆศิษย์หลวงปู่ทิมทุกๆท่าน
วันอาทิตย์นี้สงสัยต้องบุกไปหาพี่รักซักหน่อยเผื่อจะได้ของดีกลับบ้าน อิอิ

 

สวัสดีครับพี่ๆๆน้องๆๆทุกท่านครับ สบายดีกันนะครับ วันอาทิตย์นี้เตรียมไว้รับรองแขกบ้านแขกเมืองครับ ไม่มาเอาจะแจกพี่ๆในกระทู้นะครับอ้อน้องๆๆด้วย จะปรึกษาท่านประธานโต้งเอาที่ปัดทองบรอนมาแจกจะเห็นควรประการใดครับ

 

กราบ กราบ กราบพ่อทิมครับ
สวัสดีพี่ๆทุกคนครับ มาติดตามอ่านครับ

 

กราบ กราบ กราบพ่อทิมครับ
สวัสดีพี่ๆทุกคนครับ มาติดตามอ่านครับ

 

ผมว่าตามผู้ใหญ่เสมอ อิอิ
พี่รักตัดสินอย่างไรผมว่าอย่างนั้นครับ

 

สวัสดีครับท่านเชน
บ้านเรียบร้อยดีแล้วนะครับ ยินดีด้วยนะครับ