เปิดตำนานหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย แก้วสว่าง, 4 ธันวาคม 2014.

  1. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    สำหรับเรื่องราวของหลวงปู่ทิม อิสริโกวัดละหารไร่โดยเมื่อครั้งในอดีตตามคำเล่าลือของชาวบ้านนั้นกล่าวกันว่าหลวงปู่ท่านเป็นพระที่เคร่งครัดในเรื่องจริยวัตรต่างๆในวัดถ้าเรื่องใดที่พระเณรหรือเด็กวัดกระทำสิ่งใดไม่ถูกหลักท่านก็จะดุหรือตีเอาหรือบางครั้งท่านก็ใช้วิธีการเขกหัวเพื่อให้จำกัน ซึ่งโดยตามหลักความเป็นจริงแล้วหลวงปู่ท่านถือการปฎิบัติโดยตามหลักธรรมอย่างเคร่งครัดมากโดยเฉพาะเรื่องการปฏิบัติในกิจของสงฆ์ หรือภาระกิจใดๆในวัด

    กำนันเสถียรอดีตกำนันตำบลละหารไร่ซึ่งเป็นคนพื้นเพเดิมในหมู่บ้านละหารไร่โดยสมัยก่อนนั้นท่านมีบ้านอยู่ติดกับวัดซึ่งแต่เดิมนั้นจะเป็นบริเวณที่ตั้งเมรุในปัจจุบัน ต่อมาครอบครัวท่านก็ได้บริจาคให้กับหลวงปู่ทิมแล้วท่านก็ได้ย้ายมาปักหลักครอบครัวอยู่บริเวณหน้าวัดในปัจจุบัน ซึ่งท่านเองก็ได้เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว

    เมื่อครั้งที่ท่านมีชีวิตอยู่ท่านเล่าว่าสมัยก่อนถ้านับย้อนไปประมาณเกือบ60ปีบริเวณหมู่บ้านละหารไร่นั้นเป็นพื้นที่ป่าดง มีสัตว์ป่าชุกชุมมากมาย มีทั้งเสือ เก้ง กวาง หมี และมีสัตว์สัตว์ต่างๆชุกชุมมากมาย ซึ่งอยู่ห่างไกลความเจริญอย่างมาก สมัยนั้นวัดละหารไร่ยังมีเพียงศาลาเก่าๆและกุฏิเก่าหลังคามุงกระเบื้องซึ่งเป็นที่พำนักอาศัยของหลวงปู่ สมัยนั้นหลวงปู่ท่านยังแข็งแรงมาก และชาวบ้านยุคนั้นยังถือเป็นรุ่นการบุกเบิกของหมู่บ้านละหารไร่ในครั้งกระนั้นด้วย

    เมื่อคราวเหตุการณ์ตอนที่สร้างหอฉันท์ของวัด กำนันเสถียรได้มีส่วนร่วมการสร้างกับชาวบ้านละหารไร่โดยได้ตัดไม้ในป่าแล้วนำไม้เสาร่องมาตามลำคลอง สมัยนั้นยังไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัย การสร้างหอฉันท์จึงเป็นไปในรูปการออกแบบสร้างตามรูปทรงที่หลวงปู่ท่านเป็นผู้กำหนดขึ้นมา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 561.JPG
      561.JPG
      ขนาดไฟล์:
      155.1 KB
      เปิดดู:
      497
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2014
  2. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    พระพิมพ์ต้นแบบพระพุทธห้าเหลี่ยมสร้างโดยตามเจตนาดำหริของหลวงปู่ทิม โดยนายสาย แก้วสว่างลูกศิษย์ใกล้ชิดท่านได้แกะสร้างเพื่อสนองพุทธคุณตามที่ครูบาอาจารย์ได้ปลุกเสกให้มีอานุภาพอย่างเชื่อมั่นกัน พระพิมพ์นี้นายสายท่านได้ดำหริแกะตามรูปทรงเอกลักษณ์ของพระประธานในโบสถ์เก่าหรือโบสถ์ไม้ที่หลวงปู่ทิมและพระเณรในวัดได้ทำสังฆกรรมกันมานาน และพระประธานเนื้อดินดิบนี้ก็ถือว่าเป็นพระประธานองค์แรกของวัดละหารไร่ที่สร้างโดยเจตนารมณ์ของหลวงปู่และการร่วมบุญร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านและผู้ที่นับถือศรัทธาสร้างพระพุทธรูปองค์นี้ขึ้นมาให้สืบสานอยู่คู่กับวัดมาเนิ่นนานกว่า70ปีที่แล้ว

    [​IMG]
     
  3. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    การสร้างพระเครื่องของหลวงปู่ทิมในยุคแรกๆนั้นจัดสร้างกันมาในหลากหลายรูปแบบเนื้อหาตามความคิดของลูกศิษย์ลูกหาที่อยู่รับใช้กันมา เราจะเห็นว่ากระสร้างพระเครื่องของวัดในยุคนั้นโดยเฉพาะตามถิ่นฐานที่ห่างไกลความเจริญ การกดหรือสร้างทำพระเครื่องขึ้นมาใช้นั้นตามกระบวนการทำแล้วจะต้องมีการลองผิดลองถูก ซึ่งการสร้างเนื้อหาตามแบบสูตรที่กำหนดขึ้นมาเอง และแม่พิมพ์ที่นำมาใช้ก็แกะกันเองตามจิตนาการของการกำหนดรูปแบบทรง

    นายสาย แก้วสว่างอดีตไวยาวัจกรของวัดท่านเป็นคนเดียวที่แกะแม่พิมพ์การทำพระของวัดละหารไร่ทั้งหมด โดยนายสายกล่าวว่าท่านได้เป็นผู้กำหนดริเริ่มการสร้างพระเนื้อผงกันตั้งแต่การแกะแม่พิมพ์จากไม้โดยนำไม้เนื้อแข็งมาแกะเท่าที่ท่านได้เล่าให้ฟังท่านจะใช้ไม้ตะเกราหรือไม้กันเกรามาแกะเป็นแม่พิมพ์พระ จากนั้นก็พัฒนาควบคู่กันไปกับการนำหินมีดโกนมาใช้แกะเป็นแม่พิมพ์ ซึ่งหินมีดโกนนี้นายสายท่านเล่าว่าจะคงทนกว่าไม้ และความเรียบร้อยจะเนียนกว่าเพราะบล็อคไม้ซึ่งพื้นผิวของไม้นั้นจะออกเป็นเสี้ยนทำให้ดูไม่เรียบร้อยโดย อุปกรณ์การแกะแม่พิมพ์ก็มีแต่เพียงสิ่วและเหล็กปลายแหลมเท่านั้น รูปแบบลักษณ์ที่ออกมาก็เป็นเพียงพัฒนาตามฝีมือแบบชาวบ้านกันเท่านั้น

    สำหรับทุกๆท่านที่ได้ติดตามเรื่องราวของหลวงปู่ทิมนั้นสิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจให้ได้คือการวิเคราะห์จากเหตุการณ์ในแต่ละบทแต่ละตอนหรือปฐมบทของแต่ละเรื่อง เพื่อความเข้าใจให้ถูกหลักการโดยเฉพาะการสร้างพระเครื่องในหลากหลายรูปแบบส่วนสำคัญอยู่ที่ชาวบ้านและลูกศิษย์ลูกหาที่ได้ไปอยู่ในเหตุการณ์ตอนยุคแรกๆและยุคต่อๆมาเพื่อเป็นประเด็นสำคัญของความเข้าใจตามหลักวิธีวิเคราะห์ของเหตุผลต่างๆมาประกอบกับวัตถุมงคลที่สร้างกันไว้ในแต่ละยุคสมัย เมื่อทุกท่านเข้าใจในสิ่งนี้ได้แล้วความจริงก็คงไม่ยากเกินอธิบาย
     
  4. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    ผมขอย้อนนำเสนอเครื่องรางที่เป็นเอกอุสำคัญยิ่งแห่งเมืองระยองที่สร้างชื่อเสียงและเป็นที่เสาะหากันมากในทุกๆวันนี้ วัตถุมงคลชนิดนั้นก็คือแพะ ตำนานการสร้างแพะนั้นสร้างกันมาตั้งแต่เมื่อใดไม่มีใครทราบ ทราบแต่เพียงว่าหลวงปู่อ่ำแห่งวัดหนองกระบอก ท่านเป็นเจ้าตำรับในการสร้างขึ้นมา ซึ่งมันเป็นวิชาเฉพาะที่ยากแก่การที่จะสร้างกันขึ้นมาให้สำเร็จ จึงมีเกจิน้อยรายมากที่จะสร้างกันได้ ปลัดเจริญ เพชรนครท่านเป็นเด็กวัดในยุคของหลวงปุ่อ่ำท่านเล่าว่า หลวงปู่ทิมแห่งวัดละหารไร่ท่านเคยเดินทางมาศึกษาวิชากับหลวงปู่อ่ำ แต่จะเป็นวิชาใดนั้นไม่สามารถระบุได้ นายสาย แก้วสว่างลูกศิษย์ใกล้ชิดของหลวงปู่ทิมท่านเล่าว่าเมื่อหลวงปู่ทิมท่านทราบว่าเกจิรูปใดที่สำเร็จในแต่ละวิชาที่เป็นเอกอุสำคัญๆ หลวงปู่ทิมท่านจะเดินทางไปขอร่ำเรียนวิชานั้นทันที ถึงแม้จะไกลหรือลำบากเพียงใดก็ตาม จึงเป็นไปได้ว่าหลวงปู่ทิมท่านสำเร็จวิชาการสร้างแพะมากับหลวงปู่อ่ำ เคยมีลูกศิษย์ของหลวงพ่อลัดเจ้าอาวาสหนองกระบอกในยุคต่อมาเล่าว่าการเสกแพะในยุคแรกๆของหลวงพ่อลัดนั้นท่านยังต้องนำมาให้หลวงปู่ทิมเสกเพื่อให้สำเร็จ จนมาหลังๆเมื่อหลวงพ่อลัดท่านสามารถเสกได้จนสำเร็จท่านจึงได้สร้างเองในช่วงยุคเวลาต่อมาและสร้างแจกกันมาเรื่อยๆ แต่สำหรับแพะของหลวงปู่ทิมนั้นท่านสร้างมาเพียงครั้งแรกและครั้งเดียวเท่านั้น โดยมีคนนำเขาควายเผือกที่โดนฟ้าผ่าตายมาถวายให้กับหลวงปู่ จากนั้นหลวงปู่ทิมท่านจึงมอบให้นายสายลูกศิษย์ของท่านนำไปแกะเป็นแพะ นายสายท่านก็ได้ใช้มีดแกะได้20-30 ตัวหรือประมาณหนึ่งหอบมือโดยแกะตามรูปลักษณ์ของหลวงปู่อ่ำ นายสายท่านเล่าว่าหลวงปู่ทิมท่านเสกในห้องของท่านประมาณหนึ่งพรรษา ส่วนใหญ่คนที่ได้จะเป็นบุคคลที่ใกล้ชิด ซึ่งปัจจุบันหาดูได้ยากมากพอควร และแพะถือเป็นเครื่องรางของหลวงปู่ทิมที่แกะกันน้อยมาก เมื่อเทียบกับเสือแกะกรามช้างน้ำที่สร้างกันไม่เกิน200ตัว ซึ่งปัจจุบันของจริงนั้นก็หาได้ยากมากเช่นกัน ส่วนเรื่องพุทธคุณที่หลวงปู่ทิมท่านเสกนั้นไม่ต้องพูดถึง กล่าวได้เพียงอย่างเดียวว่า"เยี่ยม" ขอเพียงแต่ให้คนเรามีใจมั่นและความศรัทธากันเท่านั้นครับ

    [​IMG]
     
  5. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    จะเห็นว่าการสร้างพระเครื่องหรือวัตถุมงคลสำคัญในยุคแรกๆของหลวงปู่ทิมนั้น ซึ่งโดย ณ.ปัจจุบันวงการอาจจะยังไม่รู้จักเพราะไม่มีมาตรฐานที่ยึดเป็นแบบได้ เพราะเป็นช่วงเวลาเหตุการณ์ในยุคแต่ก่อนโดยจะมีแต่ชาวบ้านและลูกศิษย์ลูกหาในยุคแรกๆกันเท่านั้นที่มาร่วมช่วยกันกดสร้างพระเครื่องตามแบบพิมพ์ต่างๆ นายสาย แก้วสว่างไวยาวัจกรของวัดละหารไร่และเป็นลูกศิษย์ที่ใกล้ชิดท่านเล่าว่าการสร้างพระเนื้อผงต่างๆของวัดละหารไร่ นั้นเริ่มสร้างกันมาตั้งแต่หลังจากสร้างเหรียญรุ่นแรกหรือรุ่นฉลองสมศักดิ์ ซึ่งโดยก่อนหน้านี้ทางวัดก็ยังไม่เคยสร้างพระเนื้อผงมาก่อนเลยเท่าที่สืบทราบได้ส่วนใหญ่จะมีก็เพียงแต่เครื่องรางที่สร้างกันอย่างเช่นผ้ายันต์ ตะกรุด ฯลฯ

    นายสายท่านเป็นผู้ดำหริสร้างวัตถุมงคลต่างๆของวัดโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำมาแจกจ่ายคนที่มาช่วยงานวัดหรือมาขอของดีกับหลวงปู่ เหรียญรุ่นแรกนั้นสร้างมาเมื่อประมาณต้นปีพ.ศ.2508 หรือประมาณ 48 ปีล่วงมาแล้ว ฉะนั้นการสร้างพระเนื้อผงต่างๆของวัดจึงมีอายุอานามการสร้างมานานพอสมควร ประกอบกันตอนนั้นยังไม่มีสื่อหรือหนังสือใดๆเข้ามาเขียนประวัติต่างๆหรือการสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่ จะมีแต่เพียงการกล่าวขานจากปากต่อปากหรือการร่ำลือกันถึงอานุภาพหรือประสบการณ์การใช้ตามหมู่คนกันเท่านั้น

    การสืบค้นหาประวัติของหลวงปู่นั้น ผมได้สืบเสาะหาจากบุคคลในยุคเก่าที่ใกล้ชิดหรือรับใช้หลวงปู่และชาวบ้านที่เข้าออกอยู่เสมอ ซึ่งการเล่าเรื่องราวต่างๆนั้นจะต้องสัมพันธ์กันได้ จึงมีความน่าเชื่อถือกัน การสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลต่างๆของวัดละหารไร่ในยุคเก่านั้น นายสายท่านได้เล่าเมื่อครั้งสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ว่า พระเนื้อผงต่างๆที่กดสร้างนั้นไม่ว่าจะเป็นพระที่ทำมาจากแม่พิมพ์ไม้หรือแม่พิมพ์หินมีดโกน เนื้อหาต่างๆจะไม่มีการใช้กาวมาเป็นตัวประสานทั้งสิ้น จะเริ่มมีมาในยุคที่หลวงตาบางท่านแนะนำการนำกาวเข้ามาใช้ในการทำพระกันในบางพิมพ์เท่านั้น

    ผมเองก็ได้พยายามสืบเสาะสอบถามข้อมูลจากชาวบ้านในยุคเก่าๆที่อยู่ในช่วงเวลาของการสร้างพระในยุคแรกๆและต่อๆมา ซึ่งก็แน่นอนที่ข้อมูลความจริงต่างๆนั้นไม่อาจจะปิดกั้นได้ เพราะผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นยังพอมีที่จะสามารถเล่าเรื่องราวประสบการณ์สำคัญหรือประเด็นข้อมูลต่างๆกันได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นบริบทสำคัญของแต่ละท่านในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อเป็นบทแนวทางให้มีความเข้าใจกันอย่างแท้จริงได้

    วันหนึ่งผมได้ไปพบกับชาวบ้านท่านหนึ่งชื่อลุงแก่น อัมฤทธิ์ปัจจุบันอายุ 72 ปี ท่าน เป็นชาวบ้านละหารไร่โดยกำเนิด ท่านเล่าว่าท่านเป็นชาวบ้านผู้หนึ่งที่เข้าออกอยู่กับวัดเมื่อครั้นเวลายามว่างจากการเก็บเกี่ยวข้าวและท่านก็ได้มีส่วนร่วมในการกดสร้างพระจากแม่พิมพ์ต่างๆ ซึ่งผมก็ได้ขออนุญาตสัมภาษณ์ท่านไว้เพื่อเป็นประโยชน์สำคัญในการรับรู้ข้อมูลจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นมาให้ทุกท่านชมกัน

    https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=09avqu2qHe8

    https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=IWniLZa-IZ8
     
  6. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    มีคำสอนของหลวงปู่ทิมท่านได้กล่าวไว้อยู่บทหนึ่งว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปโดยตามหลักของธรรมชาติหรือล้วนเป็นไปโดยตามกรรมที่คนเรานั้นได้เคยกระทำกันมา ไม่มีสิ่งใดจะอยู่เหนือกฏแห่งกรรมไปได้ อยู่ที่การกระทำของตนเอง วัตถุมงคลนั้นย่อมคุ้มครองคนที่ดีและมีสัจจะหรือตามความเชื่อมั่นและความศรัทธานับถือกัน ขอให้ทุกคนมีจิตที่พึงระลึกกันไว้” ซึ่งเป็นบทคำกล่าวของนายสาย แก้วสว่างอดีตไวยาวัจกรของวัดและเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่ท่านที่ได้รับใช้กันมา

    นายสายท่านเล่าว่าหลวงปู่ทิมท่านเน้นให้ทุกคนยึดถือและถือมั่นตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าคือมีจิตที่มุ่งเน้นกับการปฎิบัติหรือการบำเพ็ญภาวนาเพื่อให้คนเรานั้นมีจิตใจอันเป็นคุณธรรมมีชีวิตก้าวหน้าที่ดี ซึ่งผลประโยชน์เหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็อยู่ที่ผลการกระทำของตัวเองเป็นหลักสำคัญ

    ฉะนั้นวัตถุประสงค์การสร้างพระเครื่องของวัดละหารไร่จึงมุ่งเน้นเพื่อให้นำไปสู่หลักการปฏิบัติตามหลักทำนองคลองธรรม ซึ่งมันได้สอดคล้องกับการยึดมั่นถือมั่นในอำนาจคุณของพระพุทธเจ้า สิ่งเหล่านี้จะสำเร็จผลขึ้นได้มากน้อยนั้นอยู่ที่การสร้างบารมีของมนุษย์เราให้เกิดขึ้นตามวาระของการกระทำในแต่ละบุคคล จะเห็นว่าตามหลักเจตนาสำคัญของหลวงปู่ทิมท่านให้นับถือคุณของพระพุทธเจ้าเป็นหลักสำคัญที่เกิดขึ้นก่อนเพราะอำนาจคุณของพระพุทธเจ้าถือว่าเป็นคุณอันบริสุทธิ์ที่สูงสุดจะหาอำนาจบริสุทธิ์ใดๆมาเทียบเคียงมิได้เลย จะเห็นว่าโดยตามเจตนารมณ์ในพระเครื่องเพื่อให้มีอานุภาพตามความเชื่อถือที่ดีนั้น หลวงปู่ทิมท่านจึงมุ่งเน้นไปตามรูปลักษณ์ของพระพุทธเจ้าเพื่อให้อิทธิคุณบุญญาบารมีในคุณพระนั้นก่อเกิดขึ้นได้....
     
  7. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    ผมเอาลิงไม้แกะยุคแรกของหลวงปู่ทิมมาให้ชม ซึ่งฝีมือการแกะนั้นคือนายสาย แก้วสว่าง เชื่อกันว่ามีอานุภาพที่ครบเครื่องไม่ว่าเรื่องใดๆ แต่โดยส่วนใหญ่เท่าที่เห็นหลวงปู่ท่านจะเสกหนักไปในทางเมตตาค้าขาย แคล้วคลาดและการป้องกันภัยต่างๆ.....

    [​IMG]
     
  8. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    จะเห็นว่าในยุคที่หลวงปู่ทิมท่านดำรงขันธ์อยู่ในสมัยนั้น เมื่อเรามองในแง่คิดของการวิเคราะห์จากบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ซึ่งสามารถเล่าเรื่องราวในช่วงเวลาที่เขาเห็นและสัมผัสกับหน้าที่ของเขาที่ต้องพึงกระทำ ประสบการณ์ต่างๆที่ได้เล่านั้นเราพอจะจับใจความสำคัญได้ว่า หลวงปู่ท่านเป็นพระที่เคร่งปฏิบัติในการถือครอง ตามหลักธรรมคำสั่งสอน เน้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องบทปาฎิโมกข์ ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักสำคัญทางพุทธศาสนาที่พระภิกษุสงฆ์ต้องมีจิตที่เรียนรู้ไปสู่จุดหมาย ถึงแม้ว่าหลวงปู่ท่านมีอายุอานามกว่า 80 ปี แล้วก็ตาม เมื่อครั้นเวลายามว่างจากภาระกิจใดๆท่านยังต้องมีการหมั่นทบทวนสิ่งที่เคยศึกษาเรียนรู้ไว้อยู่เสมอเพื่อมีความเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง

    นายสาย แก้วสว่าง ลูกศิษย์ใกล้ชิดท่านเล่าว่าหลวงปู่ทิมเมื่อครั้งที่บวชได้เพียง 4-5พรรษาก็สามารถสวดบท7ตำนาน 12ตำนาน และการสวดปาฏิโมกข์ได้ในระยะเวลาไม่นาน ซึ่งผลของความสำเร็จอยู่ที่การขยัญและหมั่นเพียร เข้าใจถึงธรรมอย่างลึกซึ้ง จะเห็นว่าหลวงปู่ท่านเน้นการปฎิบัติอย่างเคร่งครัดมาก โดยอย่างยิ่งพระภิกษุสงฆ์ในวัดเมื่อบวชอยู่ในอาวาสของหลวงปู่ท่านแล้วทุกองค์จะต้องมีความขยัญหมั่นเพียรในการท่องมนต์ ทั้งมนต์บท7ตำนานและ12ตำนาน พระสงฆ์ทุกองค์จะต้องท่องให้ได้ ชาวบ้านเก่าแก่ที่เคยบวชกับท่านก็เล่าว่า บางทีหลวงปู่ท่านก็จะเรียกพระทุกองค์ไปที่หน้ากุฎิท่านแล้วให้พระแต่ละองค์ท่องมนต์ต่างๆให้ฟังต่อหน้าท่าน ถ้าองค์ไหนท่องมนต์แต่ละบทนั้นยังไม่ได้หรือการท่องยังตะกลุกตะกลัก หลวงปู่ท่านก็จะเคี่ยวเข็ญแต่ละองค์ให้ท่องมนต์จนมีความชำนาญกันอย่างคล่องแคล่ว

    โดยตามบทแง่คิดในวัตถุประสงค์สำคัญนั้น หลวงปู่ทิมท่านจะยึดธรรมเป็นหลักสำคัญ เมื่อเรามองในคำสอนของท่านตามแนวบทสรุปท่านจะสอนให้ทุกคนเป็นคนดี ประกอบอาชีพที่สุจริต ถ้าเมื่อเราปฎิบัติตามหน้าที่ที่สอนสั่งดีแล้ว การดำเนินชีวิตของเราก็จะเป็นไปอย่างปกติสุข

    มีคำถามถามหลวงตาถนอมในฐานะที่ท่านเคยเป็นทั้งเด็กวัดและได้บวชอยู่กับหลวงปู่ทิมอยู่บทตอนหนึ่งว่า “หลวงปู่ทิมท่านเล่นผีสางหรือไม่ครับ” หลวงตาท่านก็ส่ายหน้าทันทีว่า หลวงปู่ท่านไม่เอาเลยโยม ตั้งแต่อยู่มาก็ไม่เคยเห็นหลวงปู่ท่านเล่นพวกผีเลย ท่านเป็นพระที่เคร่งและเป็นพระที่ดุ แต่ ละแล้ว(ละสิ้นจากกิเลสใดๆทั้งปวง) ถ้าใครทำตัวไม่ดีปฎิบัติไม่สมควรในวัด หลวงปู่ท่านจะดุหรือเฆียนตีเอา ปกติการตื่นนอนทุกวันหลวงปู่ท่านจะตื่นขึ้นมาประมาณ ตี3-ตี4 จากนั้นท่านจะมาสวดมนต์ทำวัตรเช้า และช่วงเวลาจากนั้นเมื่อหลวงปู่ท่านทำวัตรเช้าเสร็จเด็กวัดทั้งหมดก็จะต้องตื่นขึ้นมาทำภาระกิจต่างๆในวัด

    ในสมัยก่อนนี้ในหมู่บ้านละหารไร่นั้นกันดารมาก จะไปไหนมาไหนทีก็ลำบากมาก การหุงหาอาหารจะต้องหุงหากันเอง หมูเนื้อเป็ดไก่ นั้นยังไม่มี ส่วนใหญ่จะฉันเอาผักพืชธัญญาหารตามธรรมชาติที่มี พืชผักที่หลวงปู่ท่านชอบเป็นพิเศษคือยอดเต่ารั้ง ยอดหวาย ถั่ววุ้น หน่อไม้ และอาหารที่ท่านชอบฉันอีกอย่างหนึ่งตามคำบอกเล่านั้นคือปลาไหล ซึ่งคนที่ได้สัมผัสกับหลวงปู่เขาก็จะทราบกันดี

    และในยุคนั้นหลวงปู่ทิมท่านจะเรียกใช้เด็กวัดเป็นประจำให้ไปเอาน้ำดื่มมาบริโภคฉัน ซึ่งหลวงตาถนอมตอนที่เป็นเด็กวัดหลวงปู่ท่านก็เรียกใช้บ่อยโดยต้องพายเรือไปเอาน้ำกินในแหล่งน้ำที่เป็นจุดบริเวณส่วนหนึ่งของวังสามพญาเป็นประจำซึ่งเราจะเห็นว่าวังสามพญาแห่งนี้คงเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่บรรพบุรุษแต่ก่อนนั้นเขาดื่มกินดื่มใช้กันมานาน

    ซึ่งเรื่องราวข้อเท็จจริงที่เราได้ฟังจากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จริง ผมถือว่าเป็นแม่บทอีกแนวหนึ่งในการรับรู้จากข้อมูลเนื้อหาเพื่อการสดับฟังและวิเคราะห์ตามแนวทางที่ถูกที่ควร .....
    https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=Wd04zGsVmwU
     
  9. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    พระเนื้อดินปั้นยุคแรกนี้นายสาย แก้วสว่างท่านจัดทำปั้นก่อนในช่วงประมาณปี พ.ศ.2513-ต้นปี2514 ในยุคที่มีการสร้างพระด้วยการเอาดินดิบจากบริเวณวังสามพญาขึ้นมา นายสายท่านเล่าว่าสมัยนั้นจะปั้นรูปองค์หลวงปู่เพื่อแจกแก่ชาวบ้านในหมู่บ้านละหารไร่ เพราะชาวบ้านต่างก็ศรัทธาหลวงปู่แต่ยังไม่มีองค์ของท่านบูชา ลูกศิษย์ในยุคเก่าที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า คนที่ปั้นหลวงปู่นั้นจะมีสองคนด้วยกันคือนายสาย แก้วสว่าง และนายพิณ สัมฤทธิ์ ลูกศิษย์ในยุคแรกๆ ซึ่งรูปลักษณ์ฝีมือการปั้นจะแตกต่างกันแต่ลักษณะจะละหม้ายคล้ายกัน การปั้นจะปั้นครั้งละ8-9องค์โดยประมาณ โดยปั้นกันที่วัดบ้าง ปั้นที่บ้านปู่พิณบ้างแต่ของปู่พิณจะปั้นน้อยกว่า โดย เอาดินจากวังสามพญามาปั้นบางองค์ก็อุดผงไว้ที่ก้นก็มี ด้วยลักษณะการปั้นแต่ละองค์นั้นจะทำด้วยมือทั้งสิ้น ยังไม่มีแบบบล็อกแม่พิมพ์ใดๆทั้งนั้น ลักษณะรูปลักษณ์ความสวยงามและขนาดจะไม่เหมือนและเท่ากันในแต่ละองค์

    หลวงปู่ท่านปลุกเสกหนึ่งพรรษา ตามคำบอกเล่าของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ น่าจะประมาณการณ์จำนวนการปั้นคงไม่เกิน50-60 องค์ แต่ด้วยความสวยงามและความคงทนที่ยากแก่การรักษาเพราะเนื้อดินอาจเปราะหรือแตกง่ายถ้ารักษาไว้ไม่ดี ต่อมาปีพ.ศ.2516 ทางวัดได้สร้างขึ้นอีก นายสายท่านก็ได้ดำหริปั้นขึ้นมาอีกและตกแต่งให้สวยงามตามแบบมาตรฐานของวัดโดยมีการทำชื่อหลวงพ่อทิมขึ้นมาด้วย คราวนี้มีการถอดเป็นบล็อคแม่พิมพ์ขึ้นมาโดยใช้แม่พิมพ์เป็นปูน ซึ่งมีอยู่3แบบขนาด5นิ้ว7นิ้วตัวหนังสือจม ตัวหนังสือนูน รูปหน้าของหลวงปู่ท่านจะออกคล้ายกาโม่ การสร้างยุคนี้จะเทหล่อกันที่บ้านหมอหลาบอยู่บ้านคลองกระดาน ปัจจุบันรุ่นนี้จะเริ่มมีคนรู้จักกันเพราะสร้างมาเป็นมาตรฐานของวัดเพื่อการออกร่วมบูชาทำบุญต่างกับยุคก่อนที่สร้างมาแจกเพื่อความศรัทธาต่อองค์หลวงปู่ท่าน.....

    [​IMG]
     
  10. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    การสร้างวัตถุมงคลตามแบบฉบับของชาวบ้าน เราจะเห็นว่าวัตถุประสงค์ของการสร้างเพื่อนำมาใช้ด้วยความศรัทธาต่อครูบาอาจารย์ที่นับถือกัน ซึ่งโดยแต่ก่อนนั้นวัตถุมงคลในยุคแรกๆของหลวงปู่ทิมยังไม่มีมูลเหตุหรือจุดประสงค์สำคัญของการจำหน่ายเพื่อการร่วมทำบุญสร้างกุศลผลมูลใดๆกัน ชาวบ้านและลูกศิษย์ลูกหาที่ทันในยุคนั้นเขาย่อมทราบกันดีว่าหลวงปู่ทิมท่านเป็นพระที่ถือครองการปฏิบัติตามหลักธรรมอย่างเคร่งครัดและการช่วยเหลือรักษาผู้คนตามหลักวิชาอาคมและไสยศาสตร์ที่ได้เคยร่ำเรียนมา หลวงปู่ท่านไม่ค่อยที่จะเน้นเรื่องการสร้างวัตถุมงคลใดๆเป็นจุดสำคัญ แต่ด้วยอานุภาพความศรัทธาของชาวบ้านผู้คนที่ไม่อาจจะเหนี่ยวรั้งกันได้ ประกอบกับจิตใจของผู้คนนั้นเขามีความต้องการเครื่องยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจเพื่อเป็นเครื่องsupportจิตใจให้มีพลังหรือความเชื่อมั่นในตัวเองในการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องและการเตือนอารมณ์ตัวเองในสิ่งที่ไม่บังควรกระทำ

    บรรพบุรุษแต่ก่อนนี้เขาจะมีความเชื่อเรื่องตามหลักไสยศาสตร์กันมาก อาจเพราะจะเกี่ยวข้องกับอำนาจลึกลับที่แฝงมาในรูปแบบต่างๆอย่างเช่นการใช้อำนาจคุณไสยหรือมนต์ดำตามพิธีกรรมความเชื่อที่มีกันมา อย่างเช่นการเสกหนังควาย การฝังรูปฝังรอยหรือการทำเสน่ห์ยาแฝด ฯลฯ สมัยก่อนนี้เขาทำกันได้จริงเชื่อตามบุพบทที่เห็น ซึ่งการที่จะทำให้เกิดผลนั้นก็ต้องมีความรู้ทางด้านอาคมสามารถใช้พลังอำนาจจิตกระทำให้เกิดผลของสิ่งเหล่านั้นได้
    เมื่อกล่าวถึงการเป็นหมอแผนโบราณยิ่งโดยในยุคสมัยก่อนนั้นเพื่อให้มีความถูกต้องอย่างสมบูรณ์แบบตามหลักวิถีความเป็นอยู่ของมนุษย์ จำต้องเรียนรู้ให้ครบรอบด้าน ทั้งทางด้านอาคมและไสยศาสตร์หรือแม้กระทั่งการปลุกเสกให้เกิดผล สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นผลกระทบอย่างมากในการดำเนินชีวิตของคนเราที่ถือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่ง

    เมื่อเรามาถึงมุมมองทางด้านความคิดความสำคัญตามหลักตรรกศาสตร์อย่างตรึกตรองนั้น การนำเอาบทธรรมะมาสื่อรวมกับการใช้วิชาอาคมและไสยศาสตร์ต่างๆเพื่อเป็นการกระทำที่สนองต่อสถานะการณ์ในช่วงเวลานั้น จะเห็นว่าศูนย์รวมแห่งจิตใจนั้นคือ ศาสนาโดยจะต้องยึดมั่นตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อสำหรับใช้ประกอบในการดำรงชีวิตประจำวันเพราะศาสนามีคุณค่ามากมายต่อ มนุษย์ในด้านจิตใจซึ่งถือว่าสูงกว่าคุณค่าทางวัตถุ เป็นที่พึ่งทางใจทำให้มนุษย์ไม่อ้างว้างเวลาประสบปัญหาในชีวิต ผู้มีปัญหาย่อมสามารถนำหลักธรรมคำสอนของศาสนาซึ่งตนนับถือและเลื่อมใสศรัทธา นำพาชีวิตให้ไปสู่เป้าหมาย ที่ตนได้ตั้งไว้ หรือเพื่อไม่ให้เป็นเครื่องมือของอำนาจใฝ่ต่ำ เพราะคำสอนทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี สอนให้มนุษย์ละเว้นจากความชั่วทั้งปวง เป็นเครื่องแยกมนุษย์ออกจากสัตว์ ศาสนาจึงเป็นเหมือนประทีปส่องโลกเราให้สว่างไสวด้วยความรู้แจ้ง และยังสอนให้มนุษย์มีความรักสามัคคี มีความยุติธรรมต้องการปฏิบัติแต่สิ่งที่ถูกต้อง รักความเมตตากรุณา ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอกว่า ไม่อิจฉาริษยาพยาบาทต่อกัน

    จะเห็นว่าตามบทคำสอนของทุกศาสนาสอนให้มนุษย์เรานั้นมีความสามัคคี มีจิตใจที่มั่นคง กระทำแต่ความดี สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นหลักธรรมที่ต้องนำมาปฎิบัติและสื่อสอนการใช้ให้เกิดผลประโยชน์ที่ดีต่อกัน จะเห็นว่าบทบาลีคำสอนของหลวงปู่ที่ท่านได้กล่าวให้ไว้กับลูกศิษย์ใกล้ชิดว่า” มะอะอุ ทุขขัง อนิจจัง อนัตตา พุธโธ พุธโธ” ซึ่งมันเป็นดั่งความหมายที่มันมีใจความลึกซึ้งที่ว่า มะ อะ อุ ความหมายตรงๆนั้นหมายถึง ศีล สมาธิ ปัญญา มะ อะ อุ เป็นคำใช้ภาวนา และเป็นอุบายธรรม อธิบายได้ว่า การภาวนานั้น ให้มีศีลเป็นมาตราฐานในข้างต้น มีผลทำให้เกิดสมาธิตั้งมั่นได้ดี(สมถกรรมฐาน) เมื่อมีสมาธิตั้งมั่นดีแล้วพิจารณาต่อไป(เข้าสู่วิปัสสนากรรมฐาน)ย่อมทำให้ เกิดปัญญาเห็นแจ้ง แล้วก็ยังเป็นคาถาที่ครูบาอาจารย์โบราณนิยมใช้ภาวนาในทางด้านอิทธิฤทธิ์กัน มากซึ่งมันเป็นคำภาวนาแทน พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แปลอิงมาจากบทพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ นิยมภาวนาคาถาแม่บทคือ อิ สวา สุ ซึ่งเป็นบทย่อ เป็นการภาวนาจับ พุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ ได้ดี เป็นอิทธิฤทธิ์ด้วย เท่าที่ทราบกันคาถาบทนี้ของหลวงปู่ทิมให้เรานึกถึงปริศนาธรรมในคาถา ที่หลวงปู่สอนไว้เป็นขั้นตอนการพิจารณาคาถา และ ปริศนาธรรม ที่ท่านแฝงธรรมเรื่องหลักการภาวนาว่า
    มะ อะ อุ ให้มีศีลเป็นข้างต้น จะมีผลให้เกิดสมาธิตั้งมั่นดี สามารถใช้งานได้ ให้ใช้สมาธิตั้งมั่นดีแล้วนั้น พิจารณาเพื่อเกิดปัญญา ทุกขัง พิจารณาเห็นทุกสิ่งล้วนมีฐานเป็นทุกข์อยู่ตลอด อนิจจัง เบื้อง ต้นพิจารณาเห็นแจ้งถึงการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปของจิตอย่างไม่รู้จักจบสิ้น หาความเที่ยงแท้ไม่ได้ จนรู้ว่าสิ่งใดมีเกิด สิ่งนั้นย่อมมีดับไปเป็นธรรมดา อนัตตา เบื้องปลายพิจารณาเห็นแจ้งถึงความไม่เกิดไม่ดับของจิต จนรู้ว่าสิ่งใดไม่มีเกิด สิ่งนั้นย่อมไม่มีดับซึ่งจะอยู่ในช่วงพระอรหัตมรรค ถึง พระอรหัตผล พระอริยบุคคลขั้นสุดท้าย พุทโธ พุทโธ เมื่อเกิดปัญญารู้แจ้งได้ดังนี้แล้ว ย่อมเป็นผู้เห็นธรรม จบกิจพระพุทธศาสนาแล้ว และพระอรหันต์ก็ เป็นผู้รู้แล้ว ซึ่งจุดหมายที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และชี้ทางไว้ดีแล้วนั่นเอง

    วัตถุมงคลของหลวงปู่ทิมที่ท่านอธิษฐานเสกไว้นั้นมีอานุภาพที่จักแฝงด้วยคุณธรรมและจริยธรรมการบ่งชี้ เมื่อได้นำไปใช้โดยมีจิตศรัทธาที่มั่นคง เข้าใจความหมายของธรรมอย่างลึกซึ้ง การระลึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คุณบิดามารดาและครูบาอาจารย์ ถือว่าเป็นคุณอันประเสริฐสูงสุดที่เราจะต้องให้เข้าถึงหรือเกิดขึ้นในดวงจิตของเราให้เป็นสื่อเชื่อมถึงกันเพื่อให้เกิดความเป็นประสิทธิผลได้อย่างสมบูรณ์แบบที่ดี ตามความหมายของหลักพุทธศาสนาที่เรายึดถือกันตั้งแต่เมื่อครั้งพุทธกาลมา....

    [​IMG]
     
  11. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    ลุงพราม คำมีท่านเป็นเด็กวัดละหารไร่ ตั้งแต่ยังรุ่นๆส่วนใหญ่หลวงปู่ทิมท่านจะให้เด็กวัดทุกคนไปหุงข้าว หรือไปหาอาหารส่วนใหญ่จะเป็นพวกผักต่างๆ เพราะสมัยนั้นหากันง่าย ลุงพรามท่านเล่าว่า สมัยตอนนั้นหลวงปู่ท่านดุมากถ้าใครปฏิบัติตนไม่เหม่าะสมก็จะโดนไม้หวายเฆียนตีเอา สมัยนั้นลุงพรามท่านเป็นเด็กดื้อมาก คงจะมีเชื้อสายจากปู่ของท่านคือหลวงปู่แก้ว เกสาโร มา ต่อมาหลวงปู่ทิมท่านก็จับให้ลุงพรามบวชเมื่ออายุครบบวช บวชได้สองพรรษาก็สึกออกมาอยู่ที่วัดรับใช้หลวงปู่ ท่านเล่าว่าการสร้างพระในยุคแรกๆนี้ท่านอยู่ในเหตุการณ์ตลอด ท่านยังไปช่วยขนเอาดินจากวังสามพญามาสร้างพระเพราะตอนนั้นหลวงปู่ท่านใช้ให้นายสายไปเอาท่านก็เลยไปช่วยกันเอามาทำพระ ท่านเล่าว่าสมัยนั้นจะมีเฉพาะลูกศิษย์ในยุคแรกๆเท่านั้น ลูกศิษย์ในยุคหลังๆยังไม่เข้ามาจึงไม่ค่อยทราบถึงการสร้างพระในยุคแต่แรกกัน ต่อมาหลวงปู่ท่านมีดำหริให้นายสายไปเอากระเบื้องที่หลังคาโบสถ์ไม้เก่ามาผสมทำพระ โดยช่วยกันไปเอากระเบื้องดินเผาที่เรียงรายบริเวณชายโบสถ์ ซึ่งตอนนั้นท่านได้ยินหลวงปู่กล่าวกับนายสายว่า "นั่นคือของดีที่เป็นของสูงให้เอามาผสมทำพระด้วย" ตอนนั้นน่าจะเป็นในช่วงประมาณปลายปีพ.ศ.2513 - ต้นปีพ.ศ.2514 ลุงพรามท่านก็ได้ช่วยกันขึ้นไปเอา ตอนนั้นเท่าที่จำได้ที่ไปช่วยกันตอนนั้นจะมีปู่พิณ หมอทัต ลุงสุข ลุงสาย ลุงจอน ลุงสำราญ หลวงตารอด เณรลาว เณรฉ่ำ เณรเสือ ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันแต่ละคนนั้นยังมีชีวิตอยู่และเสียชีวิตกันไปก็มีกัน พระชุดนี้จะกดทำกันที่หอฉันท์ซึ่งอยู่ติดกับบริเวณวังสามพญา พระเนื้อกระเบื้องโบสถ์ชุดนี้มีกันหลายพิมพ์ด้วยกัน แต่ที่นิยมกันมากคือพิมพ์ขุนแผนบ้านกร่าง โดยนายสายท่านได้ถอดพิมพ์เดิมจากขุนแผนบ้านกร่าง เพราะตอนนั้นมีลูกศิษย์ของหลวงปู่ท่านคนหนึ่ง(ถ้าจำไม่ผิดท่านจะชื่อลุงเต็ม) ซึ่งเป็นคนอยู่ทางสุพรรณบุรีได้นำเอาพระกรุเนื้อดินพิมพ์ต่างๆของทางสุพรรณมาถวายแก่หลวงปู่ทิมไว้จำนวนหนึ่ง ซึ่งหลวงปู่ท่านก็เห็นดีด้วยเป็นกรณีพิเศษเพราะเป็นพระเนื้อดินซึ่งเป็นการสร้างแบบโบราณ จากนั้นด้วยดำหริที่จริงแท้หลวงปู่ท่านจึงมอบพระขุนแผนทางสุพรรณนี้ให้นายสายไปถอดพิมพ์เอามาสร้างพระเครื่องขึ้นมา นายสายท่านก็ได้นำไปกดสร้างขึ้นมาโดยทำเป็นเนื้อดินขึ้นมาก่อนและจากนั้นก็นำเนื้อหามาผสมด้วยกระเบื้องโบสถ์เก่าที่ทำเป็นมวลสารไว้แล้ว พิมพ์นี้ชาวบ้านและลูกศิษย์ลูกหาในยุคเก่าได้ไว้กันมากเพราะหลวงปู่ทิมท่านแจกเองกับมือ เมื่อใครมาหาท่านไม่ว่าลูกศิษย์ลูกหาที่อยู่ใกล้ไกลหรือใครที่มาร่วมทำบุญหรือทำคุณประโยชน์ให้กับวัด นายสายท่านเคยเล่าว่าพระเนื้อกระเบื้องโบสถ์นี้ ใครบูชาไปก็จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรือง ศัตรูไม่กล้ามาแผ้วพาน และจะเจริญด้วย อายุ วัณโณ สุขขัง พลัง พ้นภัยอันตรายทั้งปวง

    [​IMG]
     
  12. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    พระพุทธห้าเหลี่ยมองค์นี้เจ้าของเดิมเป็นข้าราชการใหญ่ในเมืองชลบุรี เขามีความศรัทธาในตัวหลวงปู่ทิมมากและได้เดินทางมาบ่อยครั้งและท่านก็ได้รับมอบกับมือหลวงปู่โดยตรงเช่นกัน สังเกตุว่าจะเป็นแม่พิมพ์ตัวเดียวกันของช่างซ้งที่แม่พิมพ์นั้นเริ่มตกแต่งให้มีความคมชัดขึ้นซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นวรรณะสีขาวซะส่วนใหญ่ นายสายท่านเล่าว่า แต่เดิมองค์พระจะไม่ทาทองแต่จะเอามาทาทองกันผงร่วนเมื่อเวลาจะมอบให้ใครหรือให้บูชาออกจำหน่าย ทองที่ทาส่วนใหญ่พระเณรจะช่วยกันทาหรือคนที่ได้รับมอบไปเขาก็เอาพระมาทาเองที่วัดก็มีเพราะที่วัดจะมีทองกระป๋องทิ้งไว้ให้ทากัน สวยบ้างไม่สวยบ้างก็แล้วแต่ทากันไป และของจริงๆที่เห็นกันส่วนใหญ่จะทาไม่ค่อยเรียบร้อย เปื้อนๆเรอะๆ เพราะวัตถุประสงค์ทาป้องกันพระแตกร่วนกันเท่านั้นฉะนั้นองค์พระจึงมีทั้งทาทองและไม่ทาทองตามแต่จะทากันไป

    [​IMG][​IMG]
     
  13. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    เราจะเห็นว่าหลวงปู่ทิมท่านปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัยและมีจริยาวัตรอย่างเหมาะสมตามหน้าที่ของพระภิกษุสงฆ์ โดยมีหน้าที่ในการศึกษา ปฏิบัติ เผยแพร่คำสอนตามหลักพุทธศาสนามีคุณธรรมและหลักความประพฤติที่ต้องปฏิบัติมากมายอันได้แก่ 1. ปริยัติ คือ การศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย ให้เป็นผู้มีความรู้ ความจำ ซึ่งเกิดจากการสดับตรัสฟังมากและการศึกษาเล่าเรียนมามาก จากนั้นก็เริ่มนำพระธรรมวินัยและข้อวัตรปฏิบัติที่เกิดจากการศึกษาเล่าเรียนนั้นมาสั่งสอนพุทธศาสนิกชนโดยนำพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้ามาเผยแผ่แนะนำให้ พุทธศาสนิกชนได้นำไปใช้และยึดถือเป็นแนวการปฏิบัติ 2. ปฏิบัติ เมื่อได้ศึกษาเล่าเรียนมาแล้วย่อมต้องได้ประพฤติปฏิบัติตนทั้งในด้านพุทธบัญญัติและการอบรมขัดเกลาจิตใจของตนให้สะอาดปราศจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง ปฏิบัติตามหลักธรรมวินัยอย่างเคร่งครัดไม่ให้บกพร่อง ไม่ให้ด่างพร้อย 3. ปฏิเวธ แปลว่า การรู้แจ้งแทงตลอดในข้อธรรมของพระพุทธเจ้า เมื่อได้ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมย่อมรู้แจ้งแทงตลอดในพระธรรมวินัยนั้น ได้รับมรรคผลหลังจากที่ได้เพียรพยามปฏิบัติตามพระธรรมวินัยที่มุ่งหวังไว้ โดยที่จุดประสงค์หลักของพระภิกษุย่อมมีหน้าที่ที่สำคัญ 2 ประการคือ คันถธุระ ได้แก่ การศึกษาเล่าเรียนและการ วิปัสสนาธุระ ได้แก่ การปฏิบัติเพื่อให้รู้แจ้งเห็นจริงตามสภาวะต่าง ๆ

    เราเชื่อว่าหลวงปู่ทิมท่านมีจริยาวัตรที่เพียบพร้อมเสมอคือการหมั่นพิจารณาตนเองอยู่เสมอตามหลักอภิณหปัจจเวกขณ์ อันได้แก่ความเป็นอยู่ง่าย บริโภคปัจจัย 4 โดยพิจารณา ไม่บริโภคด้วยตัณหาการลุ่มหลงกับสิ่งเย้ายวนต่างๆ มีอากัปกิริยาที่เรียบร้อยดีงามเหมาะสมกับสมณะ หมั่นพิจารณาตัวเองว่าตนเองและทุกคนจักต้องพลัดพรากจากของที่รักที่ชอบใจ มีกรรมเป็นของตนไม่สามารถหลีกหนีได้ ไม่ตกอยู่ในความประมาท ไม่ปล่อยเวลาให้ปราศจากประโยชน์ ยินดีในที่สงัดหรือสถานที่สับปายะและ ไม่คลุกคลีด้วยหมู่คณะ จะเห็นว่า หน้าที่หลักและหน้าที่รอง ซึ่งล้วนแต่เป็นกิจที่พระสงฆ์ไม่อาจเลี่ยงได้ การจะปฏิบัติกิจใด ๆ ก็ตามต้องไม่ละเลยการประพฤติในส่วนที่เรียกว่า “พรหมจรรย์” ซึ่งเป็นความประพฤติเพื่อความประเสริฐ เพื่อบรรลุถึงความสิ้นกิเลส โดยประพฤติให้เป็นไปตามพุทธบัญญัติ เพราะพระธรรมวินัยนี้เป็นหน้าที่หลักของพระพุทธศาสนาที่สงฆ์ต้องพึงปฏิบัติตาม......

    [​IMG]
     
  14. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    เมื่อกล่าวถึงวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังที่หลวงปู่ทิมท่านได้เสกไว้เพื่อความต้องการทางด้านผลพุทธคุณอย่างเชื่อมั่น ให้มีอานุภาพอย่างเด่นชัดเมื่อผู้ที่นับถือศรัทธานำไปติดตัวใช้กัน และโดยที่จะละเลยกันไม่ได้เพื่อให้เกิดผลอานุภาพที่ดีนั้นคือต้องมีจิตที่พึงระลึกในการกระทำไว้เสมอในการถือครอบครองหรือแขวนวัตถุมงคลเครื่องรางของขลังประการใดๆก็แล้วแต่ และเครื่องรางของขลังที่เป็นรูปลักษณ์ของสัตว์โดยที่ผมจะขอกล่าวถึงก็คือ ลิงหรือตามโบราณอาจจะเรียกกันว่าพญาวานรโดยบรรพบุรุษนั้นมีความเชื่อกันว่าเป็นต้นกำเนิดแห่งที่มาของมนุษย์ที่ถือว่าเป็นสัตว์อันประเสริฐ ตามตำนานกล่าวว่าเกจิอาจารย์ในยุคเก่าที่สร้างได้จนมีชื่อเสียงนั้นก็คือหลวงพ่อดิ่ง คังคฺสุวัณโณแห่งวัดบางวัวจังหวัดฉะเชิงเทรา และอาจารย์ของท่านก็คือหลวงพ่อปานแห่งวัดคลองด่านหรือวัดบางเหี้ย หลวงปู่ทิมท่านก็ได้ฝึกร่ำเรียนมากับหลวงพ่อปานเช่นเดียวกัน ซึ่งก็ถือว่าเรียนมาในสำนักเดียวกันเพราะตำนานในยุคเก่านั้นกล่าวกันว่าลูกศิษย์คนใดก็แล้วแต่ที่สามารถเรียนจบจากสำนักของหลวงพ่อปานได้ถือได้ว่าสำเร็จในเรื่องของการวิปัสสนากรรมฐานหรือการบำเพ็ญเพียรจิตด้วยกันทุกท่าน

    ลิงนั้นถือเป็นเครื่องรางชนิดหนึ่งที่ถูกยกให้สร้างกันมาแต่ช้านานแล้วและเป็นที่นิยมกันมากในหมู่คนที่ศรัทธาในเครื่องรางของขลังเพราะได้เห็นกันอย่างประจักษ์ตากับการสร้างของเกจิอาจารย์ในยุคเก่า นายสาย แก้วสว่างอดีตไวยาวัจกรวัดละหารไร่ ท่านเล่าว่าหลวงปู่ทิมท่านสำเร็จเรื่องฌานทางจิตเพียงท่านได้เสกหรืออธิษฐานจิตวัตถุมงคลประการใดก็แล้วแต่สามารถทำให้วัตถุมงคลประการนั้นมีอิทธิฤทธิ์และอานุภาพที่ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ หลังจากที่นายสายท่านได้สร้างวัตถุมงคลไม้แกะในรูปแบบต่างๆแล้วท่านยังได้แกะลิงขึ้นมาด้วยเพราะถือเป็นเครื่องรางสำคัญชนิดหนึ่งอันเป็นที่โจษขานและร่ำลือกันมากในเรื่องของอานุภาพและอิทธิฤทธิ์ที่เห็นประจักษ์กัน นายสายท่านได้ใช้ไม้มาแกะเป็นลิงตามจินตนาการของท่าน โดยใช้ในแบบรูปลักษณ์ต่างๆที่กำหนดขึ้นมา ในยุคสมัยนั้นนายสายท่านได้ใช้เพียงใบมีดมาแกะให้เป็นรูปร่างเท่านั้นจะไม่ค่อยมีความสวยงามเหมือนกับฝีมือช่างแกะและยังไม่มีการนำกระดาษทรายมาขัดใช้ให้เรียบสวยแต่อาจจะใช้มีดมาขูดผิวให้เรียบบ้าง เพราะสมัยนั้นวัดละหารไร่เป็นเพียงวัดบ้านนอก จึงทำได้เพียงรูปลักษณ์ของลิงตามแบบศิลป์ชาวบ้าน นายสายท่านได้แกะตามจำนวนพอเหมาะแล้วก็นำมาให้หลวงปู่ทิมท่านปลุกเสกในแต่ละครั้ง โดยหลวงปู่ท่านได้ปลุกเสกในห้องของท่านตลอดทุกค่ำคืนจนกว่าวัตถุมงคลสิ่งนั้นสำเร็จเป็นผลขึ้นมาได้ ซึ่งเราคงเชื่อกันว่าหลวงปู่ท่านเสกจนลิงนั้นมันสามารถกระโดดโลดเต้นได้ก็ถือเป็นอันสำเร็จ เครื่องรางในยุคนั้นหลวงปู่ท่านจะแจกให้กับลูกศิษย์ลูกหาในยุคเก่าๆ หรือชาวบ้านที่นับถือและศรัทธากัน โดยในสมัยนั้นนายสายท่านเล่าว่าลิงที่ได้แกะให้เป็นวัตถุเครื่องรางนั้นจะไม่มีการกำหนดราคาบูชาใดๆทั้งสิ้นมีแต่ทำเอามาแจกไว้สำหรับผู้ที่มีจิตประสงค์เพื่อการปกป้องคุ้มครองหรือถ้าใครมาร่วมทำบุญตามแต่ศรัทธาหรือมาช่วยงานวัดก็ตามแต่หลวงปู่ท่านก็มีจิตศรัทธามอบให้ไว้ติดตัวกันเท่านั้น

    ในยุคแรกๆนั้นนายสายท่านได้ดำหริแกะขึ้นโดยใช้ไม้ตามแต่จะหาได้โดยมีทั้งไม้เนื้อแข็งหรือไม้ที่เอามาใช้ทำยาสมุนไพรซึ่งนายสายท่านคงไม่ได้เน้นที่จะต้องใช้รากรักซ้อนที่กำหนดไว้ตามตำรามาแกะ นายสายท่านกล่าวว่าหลวงปู่ทิมท่านจะเน้นในเรื่องของอำนาจจิตหรือการเสกเพื่อให้เกิดผลตามที่ปรารถนากันสำคัญมากกว่า และสิ่งสำคัญนั้นก็คือจิตวิญญาณที่จะต้องสร้างและกำเนิดขึ้นมาเพื่อให้เครื่องรางนั้นมีอานุภาพที่เชื่อถือเชื่อมั่นอย่างเป็นผลที่สุด นี่คือเจตนาและทัศนคติสำคัญของหลวงปู่ท่านเพื่อสนองความต้องการแก่ผู้ที่นับถือและศรัทธากันอย่างล้นหลาม

    เครื่องรางวัตถุมงคลที่หลวงปู่ทิมท่านเสกลงไปนั้นเชื่อกันว่ามีอานุภาพที่ครอบจักวาลกันเลยทีเดียว เพราะจากประสบการณ์คำร่ำลือจากชาวบ้านและลูกศิษย์ลูกหาที่นับถือ ลิงที่นำมาสร้างเป็นเครื่องรางตามตำนานโบราณนั้นกล่าวกันว่ามีอานุภาพทางด้านคงกระพัน เมตตามหานิยม และโดยเฉพาะเรื่องค้าขายนั้นเป็นที่กล่าวขานกันมาก หลวงปู่ทิมท่านเคยกล่าวกับนายสายว่าการที่จะใช้ให้เกิดผลที่ดีนั้นสำคัญอยู่ที่จิตและใจเท่านั้น ก็เหมือนกับการเสกก็สำคัญอยู่ที่จิตและใจเฉกเช่นเดียวกัน ซึ่งเราจะเห็นว่าการที่จะให้เกิดความสัมฤทธิ์ผลทุกอย่างนั้นมันสำคัญอยู่ที่อำนาจจิต มากกว่าตัวบทคาถา ซึ่งนายสายท่านก็เคยกล่าวกับผมว่าการจะใช้ให้เกิดพลานุภาพผลใดๆนั้นหลักสำคัญใหญ่อยู่ที่อำนาจจิต 70% ตัวบทคาถานั้นเพียง 30% เท่านั้นซึ่งมันเป็นคำกล่าวที่หลวงปู่ทิมท่านได้กล่าวกับนายสาย แก้วสว่างลูกศิษย์ของท่านเมื่อคราวในยุคสมัยที่ได้เคยร่ำเรียนวิชาอาคมกัน

    นายสาย แก้วสว่างท่านเป็นผู้ที่ได้สร้างวัตถุมงคลต่างๆของวัดละหารไร่ในยุคแรกๆโดยสมัยนั้นจะสร้างทำกันเองในหมู่ชาวบ้าน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีวัตถุมงคลไว้สำหรับแจกจ่ายแก่ผู้ที่นับถือและศรัทธาหรือเอาไว้คุ้มครองตัวเพื่อป้องกันอันตรายต่างๆได้ หลวงปู่ทิมท่านเป็นพระที่คงแก่เรียน ท่านร่ำเรียนวิชามามาก และท่านมีจิตวิเคราะห์ที่ได้นำเอาสรรพวิชาอาคมต่างๆนั้นมาใช้อย่างมีคุณค่าและคุณประโยชน์ที่ดีกับชาวบ้านที่นับถือศรัทธากัน การเสกสร้างวัตถุมงคลที่เสร็จสำเร็จแล้วนั้นโดยวัตถุประสงค์หลักเพื่อมอบให้กับผู้ที่ศรัทธาและร่วมทำคุณประโยชน์ให้กับวัดต่อไป หลวงปู่ท่านมีจิตที่มุ่งเน้นให้ทุกคนนั้นเห็นคุณค่าความสำคัญของวัตถุมงคลอย่างถูกหลักความหมายหรือให้ยึดตามหลักความเป็นจริง โดยเน้นจุดประสงค์ที่ว่าให้มีจิตยึดมั่นไม่ใช่ให้ยึดติดหรือหลงใหลในวัตถุเพราะไม่ใช่เครื่องกันตาย แต่เป็นวัตถุดำรงจิตหรือเพื่อเป็นพุทธานุสติในวิถีทางแห่งการหลุดพ้น หลวงปู่ทิมท่านจะสอนศิษย์ทั้งหลายให้มีใจมั่นในจิตใฝ่ในธรรมรับรู้ความผิดชอบชั่วดีและทำอะไรอย่างเป็นเหตุเป็นผล จงครองสติให้มีความยั้งคิดอยู่เสมอ ฉะนั้นการที่เราจะถือครองวัตถุมงคลประการใดของหลวงปู่ทิมก็แล้วแต่ท่านจงมีจิตที่ศรัทธายึดมั่นในธรรมอยู่เสมอเพื่อความมีประสิทธิผลที่ดีและเป็นเครื่องเตือนสติอย่างมีคุณค่าของชีวิต

    ลิงไม้แกะยุคแรกที่นายสาย แก้วสว่างเป็นผู้แกะขึ้นให้หลวงปู่ทิมท่านปลุกเสกนั้น เราจะสังเกตุได้จากศิลปะและรูปร่างเอกลักษณ์ฝีมือจากพุทธศิลป์ของชาวบ้านที่มีจิตประสงค์ความต้องการผลทางพุทธคุณเพื่อให้ครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถือและมีใจแห่งความศรัทธาได้เมตตาจิตเสกให้มีความเชื่อมั่นกับอำนาจคุณเพื่อการนำมาใช้ได้อย่างควรค่าและเกิดประโยชน์ ซึ่งเอกลักษณ์ของลิงตามแบบโบราณที่สร้างมานั้นอาจจะกำหนดสร้างกันอยู่หลายลักษณะท่าทางของลิง ไม่ว่าจะเป็นท่านั่งยอง ท่ายืน ท่าเดินซึ่งพุทธคุณแต่ละท่าทางนั้นอาจจะมีบทบาทหรือให้พุทธคุณที่แตกต่างกันไปและท่าทางของลิงที่นิยมกันมากก็คือท่านั่งจับหลัก เพราะท่านั่งจับหลักนี้ถือเป็นเคล็ดตามโบราณว่า เมื่อมีติดตัวแล้วจะไม่มีคำว่าอดยากหรือยากจนแต่ประการใด จะประสบแต่ความมั่งมีเป็นหลักเป็นฐาน ทำการค้าใดๆก็แล้วแต่จะไม่มีคำว่าขาดทุนเพราะเชื่อว่ามีหลักคอยยึดเหนี่ยวไว้ไม่ให้ถดถอยหรือตกต่ำลงได้และจะประสบแต่ความเจริญรุ่งเรืองต่อไปในภายภาคหน้าตามความเชื่อถือกันมา

    ดังนั้นอานุภาพใดๆที่เกิดขึ้นนั้น ตามหลักโบราณที่ได้กำหนดรูปแบบลักษณะของสัตว์ที่เชื่อกันว่ามีอำนาจตบะจากการบำเพ็ญเพียรจนสำเร็จสามารถนำเอาบารมีนั้นมาเป็นรูปลักษณ์เพื่อให้มีอิทธิฤทธิ์ในการปกป้องคุ้มครองมวลหมู่มนุษย์ทั้งหลายให้ประสบความสำเร็จในทุกๆด้านและความสัมฤทธิ์ผลในทุกๆครั้ง ซึ่งผลจากการนำเอาบารมีมาใช้จนประสบความสำเร็จดังกล่าวครูบาอาจารย์ท่านจึงได้ยึดถือเป็นแบบอย่างมาจนตราบเท่าทุกวันนี้

    ครั้งที่แล้วผมได้นำลิงไม้แกะในยุคแรกของหลวงปู่มาให้ชมซึ่งเราจะสังเกตเห็นว่ารูปลักษณ์นั้นไม่ค่อยมีความสวยงามประการใด เพราะเป็นการนำมาใช้เพียงเพื่อต้องการพุทธคุณที่เด่นชัดกัน ประกอบกับเวลานั้นวัสดุอุปกรณ์ก็มีแต่เพียงมีดปลายแหลมเท่านั้น ไม่มีอุปกรณ์เครื่องแกะใดๆทั้งสิ้น นายสาย แก้วสว่างซึ่งเป็นไวยาวัจกรและเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่ท่านและเป็นคนเดียวที่แกะลิงจากไม้ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นยุคแรกหรือในยุคต่อมาก็ตามลิงไม้แกะแต่ละตัวนั้นจะไม่มีการลงเหล็กจารหรือการตอกโค๊ตใดๆทั้งสิ้น เพราะยุคนั้นจะแจกหรือให้บูชากันแบบนั้นเลย ประกอบกับลูกศิษย์ในยุคหลังๆที่มาสร้างพระยังไม่เข้ามาจึงยังไม่มีโค๊ตใดๆทั้งสิ้น

    ลิงไม้แกะในยุคต่อมาซึ่งน่าจะเป็นในช่วงยุคก่อนสร้างโบสถ์ ลิงไม้แกะยุคนี้เริ่มมีความเรียบร้อยเป็นรูปทรงที่สวยงามมีหน้าตาและจมูกเริ่มชัดเจน แสดงถึงจิตนาการที่สรรสร้างขึ้นแต่ก็ยังถือเป็นรูปลักษณ์แบบศิลป์ชาวบ้านอยู่ดี ไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือในการแกะใดๆนอกจากใบมีดและการใช้กระดาษทรายเข้ามาช่วย การดูแบบและลักษณะความเก่าของไม้นั้นต้องมีความแม่นยำพอ ดูลักษณะความเก่าให้ชัดเจน สิ่งสำคัญของลิงไม้แกะนั้นก็คือรอยจารหรือรอยอักขระต่างๆไม่ว่าจะเป็นจารใต้ฐานหรือรอบองค์จะไม่มีรอยจารใดๆทั้งสิ้นซึ่งนายสาย แก้วสว่างท่านได้เคยกล่าวเอาไว้อย่างชัดแจ้ง....
     
  15. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    เมื่อกล่าวถึง พระเครื่อง เมืองระยอง
    คนหมายปอง ต้องจิต ให้คิดถึง
    มากล้นด้วย เมตตา พาตะลึง
    เป็นที่พึ่ง พาใจ ให้เห็นธรรม

    หลวงปู่ทิม ท่านเสก ด้วยมนต์ขลัง
    อีกทั้งยัง ผงวิเศษ อีกมากหลาย
    ให้คุ้มครอง ผู้นับถือ ไว้คุ้มกาย
    ไม่เสียหาย จากภัยพาล มารผจญ

    ปาฏิหาริย์ เกิดแก่ ผู้ศรัทธา
    ด้านเมตตา การงาน พาส่งผล
    มีพระท่าน อยู่กับตัว ไม่อับจน
    จะส่งผล ดลบันดาล งานมากมี

    มะอะอุ ทุกขัง อนิจัง อนัตตา
    จะนำพา ชีวิต มีสุขขี
    ไม่ไปอยู่ ในนรก และโลกี
    ชัวชีวี มีสุข ทุกคืนวัน

    น้อมดวงจิต ระลึก คุณของท่าน
    ความดีนั้น คงอยู่ ไม่รู้หนี
    เราลูกศิษย์ หลวงปู่ อยู่ตรงนี้
    บุญที่มี บูชาคุณ หลวงปู่ทิม

    [​IMG]
     
  16. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    เครื่องรางของขลังต่างๆนั้นหลวงปู่ทิมท่านเล่าว่าอำนาจจิตในการปลุกเสกนั้นเป็นสิ่ง ที่สำคัญมาก ในการที่จะปลุกเสกวัตถุมงคลต่างๆหรือเครื่องรางของขลังเพื่อให้มีพุทธคุณที่ ดีขึ้นมาได้ ในยุคแรกๆนั้นวัตถุมงคลที่ได้สร้างกันมาเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ที่ทุกคนสามารถนำไปใช้ก็เพื่อที่จะประสบผลสำเร็จตามปรารถนาในทุกๆด้านไม่ว่า จะเรื่องป้องกันอันตรายหรือจะเรื่องเมตตามหานิยมและแคล้วคลาดในทุกๆด้าน เมื่อมีผู้ที่ประสงค์ต้องการอยากได้ไว้ใช้ติดตัวกัน ซึ่งในสมัยนั้นวัดละหารไร่ยังเป็นพื้นที่ๆเป็นป่าดงประกอบกับมีไม้พรรณต่างๆ กันมากมาย ซึ่งหลวงปู่ท่านก็จิตประสงค์ที่จะให้ทุกคนนั้นปลอดภัยจากอันตรายต่างๆนาๆที่ จะเกิดขึ้นได้เสมอทุกเวลา หลวงปู่ท่านจึงได้ให้ลูกศิษย์ของท่านประยุกข์ใช้ของที่เกิดขึ้นตามเอง ธรรมชาตินำมาเป็นเครื่องรางของขลังโดยที่บางอย่างก็จะอิงตามตำราโบราณที่มัน เป็นเคล็ดวิชาที่ได้ศึกษาและร่ำเรียนมา ในยุคสมัยนั้นยังไม่มีเรื่องของการเช่าหาเพื่อการพุทธพาณิชย์หรือการบูชา เพื่อสร้างคุณประโยชน์ในวัด ซึ่งส่วนใหญ่จะมีวัตถุประสงค์การสร้างเพื่อให้มีพุทธคุณที่เชื่อถือกันได้ ซึ่งมันเป็นการปลุกเสกให้อานุภาพของวิชาอาคมที่ได้ร่ำเรียนมานั้นให้เกิด ความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นเพื่อที่จะได้สามารถมีพลังแห่งฤทธานุภาพในการคุ้มครอง ผู้ที่ได้มีจิตศรัทธาได้นำไปใช้ในทางที่ถูกต้อง โดยเฉพาะพลังของฤทธานุภาพที่ดีนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการสร้างเครื่องราง ซึ่งเครื่องรางของขลังที่จะขอกล่าวนี้ก็คือ เสือซึ่งเป็นสัตว์อาถรรพ์ชนิดหนึ่งที่ได้ถูกนำมาสร้างตามตำราโบราณที่หลายคน อยากได้ไว้ใช้ติดตัวเพื่อหวังผลทางมหาอำนาจและป้องกันอันตรายจากภัยหรือ สัตว์ร้ายต่างๆที่จะมาทำอันตรายได้ แต่การที่จะหาเขี้ยวเสือกลวงมาปลุกเสกนั้นคงหาจะกันได้ยากยิ่งนัก หลวงปู่ทิมท่านจึงได้ให้ลูกศิษย์ของท่านให้ใช้ไม้มาแกะเป็นรูปลักษณ์ของเสือ ซึ่งก็ได้นำมาประยุกข์ใช้ แทนที่จะใช้เขี้ยวเสือ ซึ่งการแกะให้เป็นรูปลักษณ์ของมันนั้นก็สามารถที่จะสื่อใช้แทนกันได้ ซึ่งหลวงปู่ท่านกล่าวว่าจะมีพุทธคุณที่สามารถเทียบเท่ากันได้ ซึ่งมันอยู่ที่การได้ยึดมั่นถือมั่น ซึ่งสิ่งสำคัญนั้นมันอยู่ที่การเสกให้มีอำนาจดวงจิตของเสือที่เข้าไปอยู่ใน วัตถุที่ได้นำมาแกะให้เป็นรูปลักษณ์นั้นแล้วนำมาเสกให้มีพุทธคุณดั่งที่ต้องการได้

    นายสาย แก้วสว่าง ลูกศิษย์ของหลวงปู่ทิมและอดีตไวยาวัจกรซึ่งมีฝีมือในงานช่างไม้ก็ได้มีแนว คิดตามที่หลวงปู่ทิมท่านมีเจตนาที่ดีที่จะต้องการแกะให้เป็นรูปลักษณ์ของ เสือเพื่อต้องการอำนาจพุทธคุณที่ได้กล่าวไว้เพื่อที่จะได้ไว้ใช้แจกแก่ผู้ ที่มาขอของดีไว้ใช้ติดตัวกัน ซึ่งสมัยนั้นยังไม่มีการลงทุนเพื่อนำมาเป็นค่าบูชากัน แต่เป็นการนำมาบูชาเพื่อสื่อใช้พุทธคุณที่เชื่อถือกัน จากนั้นนายสายท่านก็ได้หาไม้ในป่ารอบๆบริเวณวัดแล้วจากนั้นก็ได้นำมาแกะให้ เป็นรูปลักษณ์ของเสือ ซึ่งไม้ต่างๆนั้นก็ตามแต่จะหาได้ซึ่งสมัยนั้นก็มีไม้ต่างๆมากมายที่ยังหากัน ได้ง่าย แต่การที่จะแกะให้เป็นรูปเสือนั้นในยุคสมัยก่อนเครื่องไม้เครื่องมือที่ใช้ แกะก็เอาตามเครื่องมือที่มีใช้กันอยู่ ส่วนใหญ่จะใช้มีดขอหรือมีดพกต่างๆแกะกันให้เป็นรูปร่างนั้นขึ้นมา ซึ่งมันคงจะหาความสวยงามไม่ได้ หรือแกะกันให้พอเป็นรูปเป็นร่างที่พอจะสวยงามกันได้ ซึ่งหลวงปู่ท่านก็ไม่ได้บ่งเน้นถึงรูปลักษณ์อันสวยงาม แต่จะถืออำนาจของพุทธคุณในการปลุกเสกนั้นเป็นหลักสำคัญยิ่ง หลังจากที่นายสายได้หาไม้ตามที่ต้องการจากนั้นก็ได้ใช้มีดขอถากเหลาให้เป็น ทรงจากนั้นก็ค่อยๆแกะให้เป็นรูปเสือขึ้นมา ซึ่งนายสายก็ได้แกะเสือตามที่ได้จินตนาตามที่ได้มโนภาพขึ้น ซึ่งอุปกรณ์ในการแกะก็มีแต่เพียงมีดพับเล็กๆและก็มีดขอเท่านั้นที่นำมาใช้ใน การทำกัน ไม้ต่างๆที่นายสายได้นำมาแกะให้เป็นรูปเสือนั้นซึ่งก็มีหลายอย่างซึ่งตามแต่ จะหาได้ ส่วนใหญ่จะเป็นรากไม้ที่เอามาทำยา หรือจะเป็นแก่นไม้ที่หามาได้ หรือตามแต่จะหาได้กัน จากนั้นนายสายท่านก็ได้แกะเป็นรูปเสือได้มาจำนวนหนึ่งจากนั้นก็ได้นำใส่ใน กระบุงเล็กๆแล้วก็ได้นำมาให้หลวงปู่ทิมท่านปลุกเสกในห้องของท่าน ซึ่งหลวงปู่ท่านจะปลุกเสกของท่านไปจนสำเร็จเป็นผลซึ่งท่านก็ได้ใช้อำนาจจิต อันกล้าแกร่งบวกกับพลังอำนาจแห่งพุทธคุณปลุกเสกจนเสือนั้นสามารถกระโดดออกมา จากในกระบุงก็เป็นอันว่าใช้ได้ ซึ่งเสือนั้นกล่าวกันว่ามีพุทธคุณทางมหาอำนาจและคงกระพันแต่เสือของหลวงปู่ ทิมนั้นสามารถนำไปใช้ได้ทุกทิศทางหรือตามแต่จะใช้ซึ่งหลวงปู่ท่านได้ใช้ อำนาจจิตคาถาอันแน่วแน่ในการปลุกเสกเพื่อให้เสือนั้นมีอิทธิฤทธิ์และ ประสิทธิภาพให้ครบในทุกๆด้าน

    ซึ่งเราจะเห็นว่าหลวงปู่ทิมท่านได้ปลุกเสกวัตถุมงคลให้มีพุทธคุณที่ครอบคลุม ทุกด้านหรือตามแต่จะใช้กันและสามารถนำไปใช้เพื่อจุดประสงค์ที่ดีก็จะสามารถ คุ้มครองป้องกันได้ในทุกๆเรื่อง เสือที่หลวงปู่ทิมท่านได้เสกไว้ในยุคแรกนั้นส่วนใหญ่จะเป็นไม้ที่ได้แกะเหลา กันมาซึ่งก็จะหย่อนความสวยความงามกัน และหลวงปู่ท่านก็มีจิตประสงค์จะไว้ใช้แจกแก่ผู้ที่มาขอของดีหรือจะนำติดตัว ในการเดินทางหรือพวกที่เสี่ยงภัยอันตรายใดๆ ซึ่งเสือนั้นสามารถคุ้มครองป้องกันภัยอย่างดี นายพลซึ่งเป็นคนทางบ้านตาสิทธิ์ ได้เล่าว่าตนนั้นมีอาชีพหาของในป่าวันหนึ่งได้มาหาหลวงปู่ทิมที่วัดละหารไร่ เพื่อมาขอของดีไว้สำหรับใช้ติดตัวเพื่อป้องกันอันตราย ซึ่งทีแรกตนนั้นอยากได้ตะกรุดไว้ใช้ติดตัวและก็ได้เอ่ยกล่าวขอตะกรุดจากหลวง ปู่ซึ่งพอหลวงปู่ท่านได้ยินดังนั้นท่านก็ได้เดินเข้าในห้องของท่านแต่ ท่านกลับหยิบเอาเสือไม้แกะมาให้ตัวหนึ่ง ซึ่งหลวงปู่ท่านก็ไม่ได้บอกล่าวอะไรมากท่านบอกเพียงว่าให้นำไปติดตัวไว้ให้ ดีๆ ซึ่งจากนั้นตนก็ได้รับไว้และก็ไม่กล้าที่จะทวงถามเรื่องตะกรุด ซึ่งพอหลวงปู่ท่านมอบให้จากนั้นท่านก็เดินออกไปนอกชานทันที จากนั้นตนก็ไม่ได้คิดอะไรก็ได้นำเสือที่หลวงปู่ให้มาถักกับเชือกแล้วห้อยใช้ ติดตัวในทุกๆครั้งที่ออกเดินหาของตามป่าในชีวิตประจำวันโดยปกติ และมีอยู่มาวันหนึ่งขณะที่ตนกำลังเดินหาของตามป่าอยู่นั้นตนก็ได้เผอิญเดิน ไปเหยียบงูเห่าตัวขนาดใหญ่พอสมควรซึ่งกำลังนอนขดอยู่ซึ่งตนก็ไม่ได้ระมัด ระวังเพราะมันเป็นป่ารก ซึ่งหลังจากที่ตนได้เดินไปเหยียบงูมันเข้า ซึ่งงูนั้นถ้าเดินไปเหยียบตัวมันด้วยสัญชาตญาณของมันจะแว้งฉกกัดทันที แต่งูเห่าที่นายพลเดินไปเหยียบนั้นมันกลับผงกหัวไม่ขึ้น ซึ่งเวลานั้นหลังจากรู้ว่าตนได้เดินเหยียบงูเห่าเข้าก็เห็นว่างูนั้นผงกหัว ไม่ขึ้น ซึ่งตนก็อาศัยจังหวะนั้นรีบกระโดดออกทันที ส่วนงูนั้นดูเหมือนกับมันโดนมนต์สะกดทำให้แลดูมันเชื่องช้า ซึ่งพอเวลาสักพักตนก็ตั้งสติได้ก็รีบโกยอ้าวออกจากที่บริเวณนั้นไป ซึ่งเวลานั้นตนก็ได้อกสั่นขวัญแขวนไปเหมือนกัน ซึ่งตนก็นึกในใจว่าถ้าโดนมันฉกกัดไปคงต้องตายอยู่ในป่าเป็นแน่ จากนั้นตนก็ได้ยกมือท่วมหัวระลึกถึงหลวงปู่ทิมที่รอดตายมาได้ในครั้งนี้ ซึ่งหลวงปู่ท่านคงรู้ว่าตนจะต้องมาเจอเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นแน่ จึงได้มอบเครื่องรางชิ้นนี้ให้และรอดตายมาได้อย่างตื่นเต้น หลังจากนั้นตนก็ได้มากราบหลวงปู่ทิมที่วัดละหารไร่และได้เล่าเรื่องราวที่ ได้ประสบมาให้หลวงปู่ท่านฟัง ซึ่งหลวงปู่ท่านได้ฟังจากเหตุการณ์ที่เล่า แล้วหลวงปู่ท่านก็ได้บอกแต่เพียงว่า ทำอะไรก็อย่าประมาท ซึ่งเราจะเห็นว่าหลวงปู่ทิมท่านคงมีจิตที่สามารถรู้ได้ถึงเหตุการณ์ที่บาง ครั้งมันอาจจะเกิดขึ้นมาได้โดยที่เราไม่ได้คาดคิดว่ามันจะสามารถเกิดขึ้นมา ได้แต่ที่หลวงปู่ท่านได้เพียงเอ่ยว่าอย่าประมาทนั้น มันเป็นสิ่งที่เป็นอุทาหรณ์อย่างหนึ่งที่จะสอนให้ทุกคนนั้นให้มีสติที่ระลึก อยู่เสมอ การทำความดีและการศรัทธาและยึดมั่นนั้นมันเป็นจิตสำนึกที่หลวงปู่ทิมท่านได้ บอกกล่าวแก่ลูกศิษย์ลูกหาอยู่เสมอเพื่อให้เกิดอานุภาพแห่งคุณความดีของตัว เราที่ได้กระทำหรือได้ยึดปฏิบัติตามหลักสัจธรรมของชีวิตและหลักธรรมในพระ พุทธศาสนาอันมั่นคงที่ดี


    การที่เกจิอาจารย์หรือผู้ที่เรืองอาคมต่างๆได้มีความต้องการที่จะสื่อใช้อำนาจ บารมีของเสือมาเป็นเครื่องรางของขลังเพื่อให้มีฤทธิ์อำนาจขึ้นมาเพื่อที่จะ ได้นำอานุภาพของฤทธิ์อำนาจนั้นมาใช้เป็นหลักในการคุ้มครองและปกป้องผองภัย อันตรายใดๆเพื่อให้มนุษย์ทุกชีวิตนั้นอยู่อย่างรอดปลอดภัยได้ ยิ่งในยุคสมัยโบราณก่อนนั้นเขาได้เล็งเห็นถึงความสำคัญอันดีที่ได้เห็นคุณ ค่าถึงจุดมุ่งหมายหลักสำคัญของการที่ได้สร้างวัตถุมงคลต่างๆนั้นโดยเฉพาะ อย่างยิ่งเครื่องรางของขลังที่ได้ขึ้นชื่อว่า เสือนั้นเกจิอาจารย์และผู้ทรงอาคมจะต้องสื่อได้ถึงอำนาจบารมีของเสือจึง สามารถวิเคราะห์เจาะจงถึงหัวใจหลักสำคัญอันดีที่จะได้รับรู้และได้เห็นถึง อานุภาพความอาถรรพ์ในตัวของเสือ จึงสามารถที่จะพยายามสื่อใช้อำนาจบารมีของเสือที่มันสามารถสร้างบารมีตัวเอง มานั้นจนเกิดฤทธิ์อำนาจที่จะนำไปใช้ในการป้องกันดูแลและเป็นที่พึ่งพิงแก่ มนุษย์นั้นได้ ซึ่งการที่จะทำให้เกิดฤทธิ์อำนาจที่ดีนั้นก็อยู่ที่การสร้างจิตวิญญาณให้ถูก ต้องและถูกหลักเพื่อที่จะสามารถนำไปใช้อย่างมั่นอกมั่นใจหรือใช้ได้อย่างมี คุณภาพที่เห็นได้ และอำนาจพุทธคุณของเสือที่ดีนั้นผู้ปลุกเสกจะต้องสามารถใช้พลังอำนาจจิตของ ตัวเองให้สถิตลงไปในหัวใจหลักของเสือที่ได้ถูกปลุกเสกขึ้นนั้น ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้วผู้ที่จะทำได้จะต้องมีการศึกษาเรียนรู้ถึงธรรมชาติ ชีวิตของเสือและเข้าใจในความรู้สึกการสื่อสายสัมพันธ์กันได้ดีจึงจะสามารถ ใช้จิตของตัวเองนั้นสื่อเข้าไปสู่ยังจิตวิญญาณของเสือได้อย่างถูกต้อง อำนาจสมาธิของเกจิอาจารย์หรือฆราวาสผู้ทรงอาคมในการสร้างจิตอำนาจของตัวเอง นั้นเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะสามารถแผ่พลังอำนาจจิตอันมีฤทธิ์หรือการภาวนาจิต อันมั่นคงเพื่อเป็นกระแสอำนาจจิตให้ลงเข้าไปสู่หัวใจหลักสำคัญของเสือเพื่อ ให้เกิดอานุภาพที่ดีได้อย่างถูกหลักจึงสามารถที่จะนำพุทธคุณที่ดีที่ได้ปลุก เสกขึ้นนั้นนำไปใช้ให้บังเกิดผลที่ต้องการและเป็นประโยชน์ที่ดีต่อผู้ที่ได้ นำไปใช้ ซึ่งอำนาจพุทธคุณของเสือที่ดีที่ได้ปลุกเสกจนเกิดฤทธิ์อำนาจหรือเกิดอานุภาพ ที่ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นนั้นจึงทำให้มีความเชื่อกันว่าพลังอำนาจของเสือนั้น สามารถพิชิตอำนาจอื่นใดได้หรืออาจเหนือกว่าอำนาจอื่นใด แต่พลังอำนาจของทุกสิ่งทุกอย่างนั้นก็ไม่มีอำนาจใดๆที่จะนอกเหนือไปกว่า อำนาจของแรงกรรมซึ่งเป็นแรงที่เกิดจากผลกรรมหรือผลการกระทำของตนเองในสิ่ง ที่เป็นอกุศลหรือจะเรียกกันว่าการสร้างบาปกรรมหรือการก่อเวรก่อกรรมซึ่งเป็น การกระทำที่ก่อให้เกิดผลของกรรมที่ได้กระทำหรือล่วงเกินกันนั้นขึ้นมา ซึ่งก็จะเรียกกันว่าผลกรรมหรือแรงกรรมก็ได้ และในพระพุทธศาสนานั้นไม่ได้บัญญัติไว้ว่าอำนาจของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ หรืออำนาจของผลบุญที่ได้กระทำจะมาลบล้างอำนาจของแรงกรรมลงไปได้ ซึ่งสิ่งเดียวที่จะมาลบล้างอำนาจของแรงกรรมได้คือการได้ชดใช้ในสิ่งที่เคย ได้กระทำหรือล่วงเกินกันมาซึ่งการจะหมดสิ้นจากแรงกรรมนั้นคือการให้ได้รับ การอโหสิกรรมหรือการอนุโมทนาจากเจ้ากรรมนายเวรที่ได้ชดใช้จนหมดสิ้นและได้ รับผลบุญนั้นเติมเต็มขึ้นมาเพื่อให้เป็นอานิสงส์ผลบุญที่ดีต่อไป ซึ่งบางครั้งผลของกรรมที่เจ้ากรรมนายเวรนั้นเกิดการอาฆาตหรือสาปแช่งไปให้ เกิดขึ้นในหลายชั่วภพหรือจองจำจองเวรไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้รับการอนุโมทนา หรือการให้อภัยกันซึ่งเราจะเห็นว่าผลกรรมนั้นก็ไม่มีใครที่จะสามารถล่วงรู้ ได้ว่าได้ก่อกรรมหรือกระทำอะไรไว้บ้างเมื่อชาติที่แล้วๆมา และเราจะเห็นได้ดั่งคำกล่าวที่หลวงปู่ทิมท่านจะสอนให้ทุกคนนั้นทำแต่คุณความ ดีหรือประกอบแต่คุณงามความดี ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงผลที่ได้กระทำความดีเพื่อเป็นทุนรอนสะสมไว้ต่อไปในภาย ภาคหน้าเพื่อชีวิตที่ดีและมีความสุขได้ และบางครั้งเราอาจจะคาดคิดได้ว่าแรงอานิสงฆ์ผลบุญที่เราได้ทำแต่ความดีบาง ครั้งเจ้ากรรมนายเวรที่อาฆาตและจองจำไปในทุกๆชาติอาจจะได้รับอานิสงฆ์และผล บุญที่ดีและส่งผลให้ลดแรงอาฆาตพยาบาทลงได้บ้างแต่จะมากหรือน้อยนั้นก็อยู่ ที่แรงอำนาจจิตศรัทธาที่มีอยู่กันอย่างเช่น การกรวดน้ำเพื่ออุทิศให้แก่เจ้ากรรมนายเวรซึ่งเราจะทำกันในทุกครั้งที่เราทำ บุญเพื่อที่จะส่งผลบุญนั้นไปให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่ได้ล่วงเกินกันมาซึ่ง ไม่ว่ากี่ภพหรือกี่ชาติก็ต้องอุทิศกันไปเพื่อลดแรงของอำนาจกรรมซึ่งบางครั้ง มันจะหนักก็ให้เป็นเบาได้แต่ต้องให้มีจิตศรัทธายึดมั่นที่แน่นอนถึงจะส่งผล นั้นได้ เราจะเห็นแม้ว่าบางครั้งถ้ากรรมนั้นหนักมากก็อาจจะต้องบวชให้หรือถือศีลกิน เจให้เพื่อลดแรงกรรมที่บางครั้งเจ้ากรรมนายเวรนั้นยอมไม่ได้ แต่ถ้าให้ปฎิบัติตามหรือขอร้องให้ปฏิบัติก็อาจจะช่วยลดแรงของกรรมนั้นได้ บ้างเมื่อเจ้ากรรมนายเวรนั้นได้รับผลบุญที่ดีได้ เพื่อที่เกิดมาในชาติต่อไปก็จะสามารถที่จะลดแรงอาฆาตกันหรือให้มันเบาบางลง ไปกันได้ แต่ทั้งนี้ธรรมชาตินั้นอาจเป็นตัวกำหนดผลบุญและผลกรรมหรือชะตาชีวิตขึ้นมาก็ ได้เพื่อที่จะให้มนุษย์ซึ่งถือว่าเป็นสัตว์อันประเสริฐที่ได้ถือปฏิบัติกัน มาโดยยึดเข้าตามหลักทำนองครองธรรมหรือแนวทางการดำเนินชีวิตที่ธรรมชาตินั้น กำหนดขึ้นมาโดยมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้แนะนำและสั่งสอนการ ดำเนินชีวิตที่ดีเพื่อให้เกิดความเป็นไปในชีวิตความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ซึ่งเราจะเห็นแล้วว่าอำนาจใดๆที่จะมานอกเหนือกว่าอำนาจของแรงกรรมนั้นไม่มี แต่การสร้างอำนาจของผลบุญหรือเราอาจจะเรียกว่าการสร้างบารมีหรือการสั่งสม บุญเพื่อนำพาไปสู่หนทางแห่งอริยะมรรค ซึ่งบางครั้งเราอาจจะมีอุปสรรคต่างๆนาๆในการสั่งสมเพื่อสร้างบารมีซึ่งบาง ครั้งมันอาจจะเป็นอิทธิพลของแรงกรรมที่มีอยู่ก็เป็นไปได้ ซึ่งเราก็จะต้องผ่านในอุปสรรคนั้นให้ได้หรือเราอาจจะต้องยอมรับในสิ่งที่ เกิดขึ้นและวัตถุมงคลต่างๆที่มีจุดประสงค์ที่ดีที่ได้สร้างกันมาเพื่อให้ เป็นแรงแห่งความยึดเหนี่ยวทางด้านจิตใจหรือเป็นกำลังใจไม่ให้เกิดความย่อท้อ ต่อกับชีวิตและโชคชะตาหรือเพื่อช่วยหนุนนำให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆนาๆที่ได้ ประสบกันนั้นเพื่อเป็นหนทางไปสู่จุดมุ่งหมายที่ดีโดยเฉพาะจิตที่ยึดมั่นและ ศรัทธานั้นเป็นสิ่งที่สำคัญกันมาก และวัตถุมงคลที่ได้สร้างกันมาเพื่อจุดมุ่งหมายอันเป็นส่วนประกอบที่สำคัญใน การดำเนินกิจที่แท้จริงของชีวิตได้ ซึ่งเราจะเห็นว่าหลวงปู่ทิมท่านได้มีจิตวิเคราะห์ที่ดีที่ได้ปลุกเสกเสือ ซึ่งฤทธิ์อำนาจของเสือนั้นซึ่งโดยตามความเป็นจริงของธรรมชาตินั้นสามารถที่ จะเปรียบได้ดั่งฤทธิ์อานุภาพของเทพเจ้าที่ลงมาสถิตบนโลกมนุษย์ ซึ่งเราอาจที่จะเปรียบเปรยได้ว่า เสือนั้นก็มีฤทธิ์อำนาจที่เหมือนดั่งองค์เทพเทวาหรือองค์เทพเจ้า ที่ยังต้องสถิตลงมาบนโลกมนุษย์เพื่อมาช่วยมนุษย์ปุถุชนทั้งหลายนั้นมาร่วม สร้างบารมีกันเพื่อให้โลกมนุษย์เรานั้นมีความเป็นอยู่ที่ดี จึงทำให้เสือนั้นสามารถมีฤทธานุภาพที่เสมือนกันกับองค์เทพเจ้าที่มี อิทธิฤทธิ์ที่เชื่อมั่นได้ ซึ่งบางครั้งเราจะเห็นว่าองค์เทพเจ้ายังต้องอาศัยรูปลักษณ์ของเสือมาช่วย สร้างบารมีเพื่อให้เกิดความสมดุลกัน และจุดมุ่งหมายในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ก็จะได้เป็นปกติสุข โดยได้ยึดถือเป็นหลักแห่งที่พึ่งที่เชื่อมั่นกันได้ แต่การสร้างบารมีนั้นธรรมชาติก็ได้ถือเป็นไปในหลักของความเป็นจริงและความ เป็นไปของชีวิตหรือการปรุงแต่งสีสันของมนุษย์เพื่อให้เกิดไปในหลักของความ เป็นไปในสังคมของมนุษย์นั้นก็จะต้องมีการพินิจพิจารณาวิเคราะห์กันไป ซึ่งโดยความเป็นจริงแล้วการสร้างบารมีนั้นก็คือหนทางอย่างหนึ่งเพื่อให้เกิด ผลห่งอริยะมรรคได้ แต่โดยทางแห่งนิพพานแล้วนั้นมนุษย์เราจะต้องศึกษาเรียนรู้เข้าใจสังคมและ หลักของความเป็นจริงของธรรมชาติสามารถเข้าใจในสิ่งที่เป็นกิเลสมูลทั้งหลาย เพื่อความถูกต้องตามหลักวิธี และการสร้างบารมีมันก็เป็นรากฐานอย่างหนึ่งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นที่ดีให้ มั่นคงได้เพื่อความเป็นไปในสังคมอันโดยสงบหรือเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ที่ดีเพื่อให้เป็นไปในทางที่สังคมยอมรับนับถือกันได้

    การ ที่ได้เข้าถึงวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของเสือซึ่งเป็นการเรียนรู้จาก ประสบการณ์และการเข้าใจในสัญชาตญาณอันดีของมันเพื่อนำมาสื่อใช้เป็นแนวทาง สืบสายสัมพันธ์ที่จะได้นำไปใช้ในชีวิตประจำวันหรือเพื่อใช้อำนาจจิตในการ เรียนรู้เพื่อให้มีความเชื่อมั่นที่จะสามารถเข้าใจให้ได้อย่างลึกซึ้งถึง อำนาจจิตสัมพันธ์อันดีของเสือที่จะสามารถเชื่อมโยงหรือสื่อสารสัมพันธ์ให้ สื่อเข้าถึงกันได้ หลวงปู่ทิม อิสริโกแห่งวัดละหารไร่ ท่านมีสภาวะจิตที่วิเคราะห์ได้ถึงหลักของความเป็นจริง ซึ่งมันเป็นผลของการที่ได้เรียนรู้และการสื่อสัมพันธ์จากประสบการณ์ที่ว่า เสือนั้นสามารถมีอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาได้ถ้าสามารถนำมาสื่อใช้ให้ถูกหลักวิธี หรือถูกหลักความจริงโดยมีการเชื่อมั่นกันอย่างที่เข้าใจกันได้และการที่เสือ ได้ถูกบันทึกมาเป็นตำนานเล่าขานที่สืบต่อกันมาหรือในตำราโบราณ ซึ่งเกจิอาจารย์จะต้องเชื่อมั่นว่าอำนาจของเสือนั้นสามารถที่จะก่อให้เกิด อำนาจได้ดั่งที่ปรารถนา จึงจะสามารถนำมาใช้ให้เกิดอิทธิปาฏิหารย์หรืออานุภาพที่ดีได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ได้นำเสือมาปลุกเสกอย่างถูกหลักการหรือให้มีอำนาจ จิตที่ถูกต้องซึ่งก็เปรียบได้ดุจดั่งให้เสือนั้นสามารถมีจิตวิญญาณที่ดี เหมือนดั่งกับให้เสือนั้นมีชีวิตพร้อมที่จะเกิดขึ้นมาได้ และเสือที่ได้ปลุกเสกขึ้นมาจนมีจิตและวิญญาณขึ้นมาได้นั้นก็เปรียบได้ดั่ง กับเสือนั้นสามารถมีพลังอำนาจในตัวของมันเอง และการแผ่อำนาจจิตเพื่อเพิ่มอานุภาพอิทธิฤทธิ์ขึ้นมาจากพลังพุทธานุภาพจาก เกจิอาจารย์หรือผู้ทรงอาคมเพื่อให้มีอิทธิฤทธิ์เหมือนดังที่ต้องการได้ การที่ได้เรียนรู้และประสบการณ์จากครูบาอาจารย์ที่เชื่อมั่นมันย่อมแสดงให้ เห็นผลถึงหลักของความเป็นจริงซึ่งเป็นสิ่งที่ได้เห็นประจักษ์ตากันจึงทำให้ เกิดความเชื่อมั่นได้ถึงหลักของวิชาอาคมที่ได้ขึ้นชื่อว่าไสยศาสตร์นั้นมี จริง เป็นสิ่งที่ไม่งมงายสามารถพิสูจน์ได้ แต่ในพุทธศาสนานั้นสอนไม่ให้ยึดติดกับไสยศาสตร์เพียงแต่กล่าวให้ยึดถือและ เชื่อมั่นเท่านั้นเพื่อความสะดวกของสังคมบนโลกมนุษย์ โดยยึดถือในหลักของความเป็นจริงในชีวิตได้เท่านั้น

    เรา จะเห็นว่าแม้จะเป็นเขี้ยวเสือ หนังหน้าผากเสือหรือจะเป็นเสือที่แกะจากไม้ที่ลูกศิษย์ลูกหาได้นำมาให้หลวง ปู่ทิมท่านได้ปลุกเสกหรือการภาวนาจิตเพื่อให้เกิดอานุภาพที่ดีอย่างที่เชื่อ มั่นได้นั้น หลวงปู่ท่านมีจิตวิเคราะห์ที่ดีที่ต้องการนำวิชาอาคมต่างๆที่ได้ร่ำเรียนรู้ มา ซึ่งเมื่อลูกศิษย์ลูกหาต่างมีจิตประสงค์หรือความต้องการที่ดีที่จะต้องการนำ ไปใช้ติดตัวเพื่อประโยชน์อันดีกัน หลวงปู่ท่านก็มีจิตที่เมตตาตอบสนองผลที่ดีที่ต้องการให้ชาวบ้านนั้นมีความ ปลอดภัยจึงได้มีจิตภาวนาที่มั่นคงเพื่อให้วัตถุมงคลต่างๆนั้นมีอานุภาพที่ ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ เสือที่หลวงปู่ทิมท่านมีจิตประสงค์ที่จะปลุกเสกในยุคแรกๆนั้น เมื่อมีชาวบ้านและลูกศิษย์ลูกหาที่นับถือก็ได้นำมาให้หลวงปู่ท่านปลุกเสก ซึ่งเป็นการปลุกเสกให้เฉพาะกิจหรือเฉพาะเจาะจงกันไปซึ่งอาจจะมีจำพวกที่เป็น เขี้ยวเสือที่หาได้กันมา ซึ่งพอในยุคต่อมาด้วยเขี้ยวเสือนั้นหายาก นายสาย แก้วสว่างซึ่งเป็นลูกศิษย์ของท่านก็ได้นำไม้มาแกะให้เป็นรูปเสือขึ้นมา โดยที่หลวงปู่ท่านมีจิตประสงค์เพื่อตั้งใจสื่ออำนาจความรู้และวิชาอาคมที่มี อยู่เพื่อให้อำนาจของพุทธคุณในวัตถุมงคลที่หลายคนเชื่อกันว่าเสือนั้นมี อำนาจพุทธคุณที่เหนือกว่าอำนาจของอวิชาทั้งหลายหรืออำนาจปรากฏการณ์ที่ไม่ พึงประสงค์หรือที่คาดการณ์ได้ เสือเป็นสัตว์ที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีความดุร้ายและโหดร้ายซึ่งต่างก็กลัวใน อำนาจของมัน ซึ่งอำนาจของเสือนั้นก็สามารถนำมาสื่อใช้ให้เป็นอำนาจของพุทธคุณที่เชื่อ มั่นได้

    เรา จะเห็นว่าอำนาจของพุทธคุณที่ได้อธิษฐานจิตและปลุกเสกไปเพื่อให้เกิดอานุภาพ ที่ดีและถูกต้องได้นั้น หลวงปู่ทิมท่านได้กล่าวกับลูกศิษย์อยู่อย่างเสมอว่าการที่ได้ยึดมั่นและถือ มั่นนั้นถือว่ามีอิทธิพลอย่างมากในการที่จะใช้ให้สอดคล้องกับวัตถุมงคลเพื่อ ให้บังเกิดผลของอานุภาพพุทธคุณที่ดีและสามารถสื่อใช้วัตถุมงคลนั้นได้อย่าง มั่นใจได้ เราจะเห็นว่าทำไมหลวงปู่ทิมท่านจะสอนกล่าวให้ทุกคนนั้นยึดมั่นในคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ และคุณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายรวมทั้งคุณบิดามารดาและคุณครูบาอาจารย์ ที่เคารพนับถือต่างๆซึ่งถือว่าเป็นคุณที่ศักดิ์สิทธิ์ ย่อมมีอานุภาพที่บังเกิดผลได้ดีเมื่อนำมาใช้อย่างถูกหลักและเชื่อมั่น เราจะเห็นว่าคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์นั้นซึ่งรวมกันเรียกว่าคุณพระรัตนตรัยหรือพระไตรรัตน์อันหมายถึง แก้วสามดวงหรือแก้วสามประการซึ่งเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุดสามอย่างซึ่งประกอบ ด้วย พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ซึ่งเมื่อกล่าวโดยสรุปแล้ว พระพุทธเจ้านั้นทรงพระคุณอันประเสริฐ 3ประการด้วยกัน คือ พระปัญญาธิคุณ หมายถึง พระปัญญาธิคุณของพระพุทธเจ้าที่ทรงผ่านการปฏิบัติและพัฒนาจนสามารถขจัดสรรพกิเลสได้โดยสิ้นเชิง และทรงช่วยชี้ทางให้สรรพสัตว์ทั้งหลายพ้นจากความทุกข์ได้จริง พระบริสุทธิคุณ คือพระพุทธคุณความบริสุทธิ์ของพระพุทธเจ้าซึ่งสืบเนื่องจากพระปัญญาธิคุณที่ทำหน้าที่ขจัดอวิชชา ทำให้ตื่นจากความหลง ความเขลา และความหลับใหลเพราะอำนาจของกิเลส พระกรุณาธิคุณ คือ พระพุทธคุณของพระกรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อสรรพสัตย์ที่ทรงช่วยเหลือด้วยการชี้แนะแนวทางในการดับทุกข์และมุ่งไปสู่ความสุขอันแท้จริงคือ นิพพาน และความมีอยู่ของพระนิพพานนั้นมิใช่สภาวะที่เกิดจากการสร้างสรรค์ของจิต แต่มีอยู่โดยตัวของตัวเอง คือเป็นความจริงในโลกแห่งปรากฏการณ์ มีสภาวะที่เที่ยง ไม่ใช่สิ่งที่เกิดดับสลับกันไปแบบสิ่งต่างๆ ในโลก ที่ พ้นไปจากปัจจัยในการปรุงแต่ง ในสภาวะของนิพพานทั้งรูปและนามนั้นย่อมดับไม่เหลือซึ่งก็เปรียบเหมือนกับ ความว่างเปล่า แต่ในพุทธศาสนานั้นกล่าวว่าพระนิพพาน.เป็นธรรมที่ต้องเห็นด้วยอริยะจักษุ เป็นธรรมอันบุคคลผู้เพียบพร้อมด้วยมรรคเท่านั้นจะพึงถึงได้ซึ่งพระนิพพานจึง มิใช่เรื่องของการเข้าใจ แต่อยู่ที่การเข้าถึงผลจากการปฏิบัติธรรมของตนเอง ซึ่งเราจะเห็นว่าการที่ได้ยึดในหลักการยึดมั่นของตนเองนั้นสามารถนำมาเป็น แรงของอานุภาพที่ดีได้จากการที่ได้ยึดมั่นและศรัทธาของตนเองเป็นส่วนประกอบ หลักด้วยและเราจะเห็นว่าอำนาจของคุณพระรัตนตรัยถือเป็นหลักของอำนาจของ พุทธคุณที่ทุกคนนั้นได้ยึดถือและเชื่อมั่นกันแต่จะศรัทธากันมากน้อยเพียงใด แค่ไหนนั้นก็อยู่ที่จิตศรัทธากันของแต่ละคน แต่ถึงอย่างไรคุณของพระรัตนตรัยหรือคุณแก้วสามประการนี้ก็ยังถือเป็นอำนาจ ที่สูงสุดที่ยังยึดมั่นได้เสมอดังตัวอย่างที่เราเคยได้ยินได้ฟังมา เช่นเวลาที่เกิดเรื่อราวไม่ดีหรือเกิดอุบัติเหตุที่ใกล้ตัวเราจะนึกถึงคำว่า “ พ่อแก้วแม่แก้ว ช่วยลูกด้วยหรือ พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกช้างที ” ซึ่งบางครั้งเราก็จะได้ยินได้ฟังอยู่เสมอ ซึ่งเราก็จะได้ยินหรือได้ประสบกับอานุภาพของพ่อแก้วและแม่แก้วซึ่งก็หมายถึง แก้วสามดวงก็คือคุณของพระรัตนตรัยส่วนคำว่าพ่อและแม่นั้นอาจจะมาจากคุณของ บิดามารดาซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดจึงสามารถรวมกันเป็นพลังแห่งอานุภาพที่เกิดมี ความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้นั่นเอง แต่ก็ไม่มีอำนาจใดๆที่จะเกินไปกว่าแรงกรรมหรือกฎแห่งกรรมลงไปได้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็คือสัจธรรมของชีวิตซึ่งบางครั้งอำนาจของแรงบุญและแรง กรรมก็อาจที่จะสามารถลิขิตชีวิตได้ถ้าจิตศรัทธาของแต่ละคนนั้นได้แตกต่างกัน ไป หลวงปู่ทิมท่านสอนให้ลูกศิษย์นั้นยึดมั่นแต่คุณความดี ซึ่งเราเห็นว่าคนเราเกิดมานั้นมีทั้งผลบุญและผลกรรมที่ได้สร้างกันมาเมื่อ ครั้งก่อนซึ่งหมายรวมถึงการสร้างทั้งสิ่งที่ดีที่เป็นกุศลและการกระทำในสิ่ง ที่ไม่ดีหรือเป็นอกุศล ที่ไม่พึงปรารถนานั้น หลวงปู่ทิมท่านได้สอนศิษย์ไม่ให้ยึดติดหรือหลงใหลในสิ่งที่เป็นวัตถุต่างๆ เพื่อให้เกิดกิเลสมูลขึ้นมาซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่เกิดผลความปรารถนาเพื่อให้ เกิดหนทางแห่งมรรคได้ และไม่ให้เชื่อหรือยึดติดในเรื่องของผลบุญและผลกรรมที่ต่างกัน แต่หลวงปู่ท่านจะสอนให้ประกอบแต่คุณความดีเท่านั้น ซึ่งผลของคุณความดีนั้นก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดอานิสงส์ผลบุญที่ดีที่จะ ส่งผลให้เกิดความปรารถนาดีในภายภาคหน้า ซึ่งผลของการประกอบคุณความดีนั้น จะสามารถที่เป็นแรงพลังหนุนนำที่ดีที่จะสามารถสื่อได้จากอำนาจของคุณพระรัตน ตรัยและคุณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆทั้งหลายที่ได้กระทำตามสัตย์ที่ได้เกิด การศรัทธาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆทั้งหลายและได้ยึดมั่นในคุณความดีนั้น อยู่เสมอ

    เราจะเห็นได้ดังตัวอย่างที่มีผู้นำไปใช้กันนั้นได้เห็นประจักษ์กับอานุภาพที่ได้ประสบกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกับตนเองจึงทำให้มีความเชื่อมั่นได้ถึง ประสิทธิ์ภาพของอำนาจแรงแห่งพุทธานุภาพที่ตนนั้นได้หมั่นปฎิบัติอยู่เป็น ประจำอยู่เสมอ ซึ่งจากเหตุการณ์นั้นมาทำให้คนเรานั้นมีความรู้สึกที่เห็นว่าการที่จะเกิด พลังอำนาจใดๆนั้นก็ต้องเกิดการร่วมแรงร่วมใจด้วยจิตที่ยึดมั่นถือมั่นและแรง ศรัทธาที่ดีจึงจะประสบผลแห่งความสำเร็จที่พึงปรารถนาได้ซึ่งเราอาจจะเรียก ว่าพลังแรงแห่งศรัทธาก็ว่าได้ และเราจะพึงเห็นได้ถึงหลักความสำคัญต่างๆในพระพุทธศาสนานั้นที่หลวงปู่ทิม ท่านได้กล่าวเพียงว่า ให้ยึดมั่นในคุณพระพุทธ คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ที่เราได้นับถือและศรัทธากันโดยแท้จริง จึงสามารถที่จะเกิดพลังอำนาจแห่งอานุภาพของอำนาจคุณต่างๆได้อย่างมหัศจรรย์มาก ถึงแม้มันจะเนิ่นนานมาแล้วก็ตามที แต่สิ่งที่ได้ยังศรัทธาอยู่เสมอคือการได้บูชาถึงคุณของพระรัตนตรัยและคุณของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เพื่อประสบผลแห่งความสำเร็จและความมั่นคงในชีวิตที่ดีต่อไป

    เมื่อคราวก่อนผมได้นำเอาเสือไม้แกะในยุคแรกๆมาให้ทุกท่านได้บูชากันไป ไม้แกะในรูปลักษณ์แต่ละอย่างในยุคนั้นยังไม่มีความสวยงามหรือความเรียบร้อย แต่ถือศักดิ์ศรีว่าหลวงปู่ทิมท่านดำเนินเสกขึ้นมาก่อนและวัตถุมงคลของหลวงปู่ทุกชิ้นนั้นเมื่อเสกได้เสร็จสิ้นแล้วหลวงปู่ท่านจึงได้นำมาแจกแก่ลูกศิษย์ลูกหา จะเห็นว่าสมาชิกแต่ละท่านนั้นล้วนเจอประสบการณ์ในลักษณะต่างๆกันมากมาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับความศรัทธาและความเชื่อมั่นของแต่ละท่านด้วยถึงจะประสบกันได้

    เสือแกะในยุคต่อมานายสายท่านเล่าว่า ในยุคแต่ก่อนไม่แกะต่างๆนั้นไม่ค่อยมีความสวยงามถ้าภาษาชาวบ้านเขาจะเรียกกันว่า”ขี้เหร่” ให้ใครก็ไม่ค่อยมีใครอยากได้กัน ต่อมาเริ่มมีการร่วมทำบุญบูชาตามแต่หรือการช่วยงานวัด นายสายท่านจึงได้แกะขึ้นมาอีกครั้งในยุคต่อมาพร้อมกับการแกะในรูปลักษณ์อื่นๆยุคนี้ถือว่าเริ่มมีความชัดเจนเรียบร้อย เสือทุกตัวที่นายสายท่านแกะไว้จะไม่มีการลงเหล็กจารทั้งนั้นหรือการตอกโค๊ตใดๆก็ไม่มีทั้งสิ้น และฝีมือการแกะเสือก็จะมีแต่เพียงนายสาย แก้วสว่างคนเดียวเท่านั้นที่เป็นผู้แกะขึ้น เราลองมาชมเสือแกะในยุคต่อมานะครับ
    [​IMG]
     
  17. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    จะเห็นว่าหลวงปู่ทิมท่านไม่ยึดติดหรือการลุ่มหลงในสิ่งที่ไม่อันควรหรือความไม่ชอบธรรมใดๆยึดมั่นในหลักธรรมอย่างแน่วแน่โดยเฉพาะแก่นแท้ของศาสนาพุทธคือการหลุดพ้นและความไม่ประมาท การศึกษาทางด้านวิชาอาคมใดๆนั้นเราจะประจักษ์เห็นว่าในยุคแต่ก่อนเกจิอาจารย์ถือว่ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องตอบสนองสังคมเพื่อการปัดเป่าช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่มีความทุกข์ร้อนต่างๆโดยเฉพาะเรื่องการเจ็บไข้ได้ป่วยใดๆ ซึ่งถือเป็นเรื่องสัจธรรมแห่งชีวิตที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย โดยในสิ่งที่แน่นอนกับชีวิตนั้นก็คือการเกิด แก่ เจ็บ ตาย และสิ่งที่ติดตัวเมื่อตายไปแล้วก็คือบุญและบาปที่ได้สร้างกันไว้เมื่อตอนที่มีชีวิตอยู่กันเท่านั้นข้อคิดสำคัญนี้ล้วนเป็นคติธรรมทางบ่อเกิดแห่งปัญญาของมนุษย์ทุกชีวิตที่จะต้องเผชิญกันต่อไป

    การเสกสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่ทิมดังทุกประการนั้นจิตของท่านจะอธิษฐานมุ่งเน้นตามหลักของไตรลักษณ์ที่ต้องน้อมนำมาใช้ดำเนินตามหลักทางของชีวิตอันได้แก่ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา สังขารทั้งหลายนั้นไม่เที่ยง ล้วนเป็นอนัตตาไม่มีตัวตนอย่างแท้จริง แต่ทั้งนี้ต้องยึดตามหลักของกฎแห่งกรรมด้วยใครทำดีย่อมได้ดีใครก่อกรรมทำชั่วก็ย่อมได้รับผลกรรมกันไป วัตถุมงคลทุกชนิดหรือที่มีอานุภาพที่วิเศษปานใดก็ตามทีก็ไม่สามารถแก้กรรมหรือเหนือกว่ากรรมไปได้เลย หลวงปู่ทิมท่านสอนให้ทุกคนยึดมั่นในคุณความดี คิดดี พูดดี ทำดี แล้วสิ่งที่ดีก็จะเข้ามาในชีวิต

    ถ้าเราจะกล่าวในบทเรื่องของอิทธิปาฏิหาริย์ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญใดๆตามหลักพระพุทธศาสนา แต่เรื่องราว อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์มีอยู่มากมายที่ยังหาคำตอบไม่ ได้ จึงไม่แปลกครับที่คนยุคใหม่และนักวิทยาศาสตร์จำนวนไม่น้อยที่ไม่เชื่อ เรื่องของ”อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์” แม้กระทั่งนักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถที่จะหาเหตุผลมาหักล้างได้ เพราะเรื่องเหล่านี้มันเป็นเรื่องของความเชื่อ ที่อยู่เหนือธรรมชาติและมีผลต่อจิตใจของมนุษย์มาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่ากันว่าความเชื่อเหล่านี้จะสามารถลดความหวาดกลัวของมนุษย์ลงไปได้ตลอดจนเป็นการสร้างเกราะกำบังความกลัวและก่อให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาร่วมกันได้ ถ้าเรามีความเชื่อมั่นและความศรัทธาที่ดีอย่างแน่วแน่อานุภาพดังกล่าวก็จะส่งผลให้มนุษย์เรามีความมั่นคงทางจิตใจ และมีความปลอดภัยในชีวิต ขอเพียงแต่ให้ใช้สติปัญญาพิจารณาเรื่องต่างๆอย่างถ่องแท้และไม่งมงาย...
     
  18. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    [​IMG]

    เมื่อกล่าวถึงพระภควัมบดีอันเป็นอีกนามหนึ่งของพระสังกัจจายน์ เป็นอัครสาวกพระองค์หนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าที่มีความเป็นเลิศทางการย่อพระธรรมคัมภีร์ให้สั้นลง และอธิบายความหมายให้ผู้ฟังเข้าใจได้อย่างละเอียดแจ่มแจ้ง นอกจากนี้ ท่านยังมีรูปร่างและผิวกายงดงามมาก จนได้ชื่อว่า "พระภควัมปติ" อันมีความหมายว่า "ผู้มีความงามละม้ายเหมือนพระผู้มีพระภาคด้วยเหตุที่ทำให้ผู้คนเข้าใจผิดอยู่เนืองๆ ไม่เว้นแม้เทวดายังสรรเสริญ ท่านเห็นว่า หากปล่อยไว้ต่อไปจะเป็นการไม่สมควร หรือเกิดความมัวหมองต่อองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ดังนั้น พระภควัมบดีจึงอธิษฐานจิต ให้ร่างกลายเปลี่ยนเป็นอ้วน เตี้ย พุงพลุ้ย ดูน่าเกลียด จวบจนนิพพาน อันมีความหมายที่กล่าวถึงพระสังกัจจายน์ อันเป็นที่รักใคร่นิยมยินดี เต็มไปด้วยลาภสักการะสรรเสริญ สาเหตุที่พระภควัมบดีได้นั่งสมาธิทางใน จึงเป็นที่มาของ "ปางเข้านิโรธสมาบัติ" หรือ "พระปิดตา" ที่เห็นในปัจจุบัน โบราณาจารย์จึงได้จำลองลักษณะแห่งพระภควัมบดีในรูปพระเครื่องศักดิ์สิทธิ์ อันเป็นเอกลักษณ์สำคัญไว้

    ในกระบวนเครื่องรางของขลังตั้งแต่โบราณกาลมาแล้วพระภควัมบดีนับว่าเป็นยอดที่สุดในบรรดาเครื่องรางของขลังทั้งหลาย การสร้างพระภควัมบดีนั้น ถ้าจะสร้างให้ถูกวิธีการแบบโบราณที่แท้จริงแล้ว เป็นการยากยิ่งนอกจากต้องหาวันที่บังคับไว้ตามตำราแล้ว เมื่อเวลาปลุกเสกจะต้องใช้เวลาหลายวัน และปลุกเสกด้วยคาถาบังคับเป็นพัน ๆ จบ ท่านโบราณาจารย์ท่านบังคับไว้ว่าต้องปลุกไปจนกว่าพระจะลุกขึ้นมานั่ง จึงจะถือว่าสำเร็จตามพิธี เมื่อทำได้ดังนี้แล้วเป็นอันเชื่อได้ว่า ย่อมเป็นของขลังที่สามารถคุ้มภยันตรายให้กับผู้ที่มีไว้แน่นอน ตามตำราที่ได้กล่าวถึงการสร้างพระภควัมบดีและบังคับไว้ ว่า ต้องสร้างด้วยรากรักซ้อนหรือรากหิงหายผีเท่านั้น ถ้าจะสร้างด้วยรากรักซ้อนแล้วจะต้องมีพระธาตุตามบังคับไว้ว่า ให้บรรจุในองค์พระภควัมบดีหรือ พระธาตุสาริบุตรเจ้าและพระธาตุพระสิวลีเถระเจ้า บางท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมจึงจะต้องเอาอรหันต์ธาตุทั้งสององค์นั้นมาบรรจุอยู่ในองค์พระภควัมบดีด้วย เราไทยแต่โบราณนั้นมักมีคติยึดถือต่าง ๆ ดังนั้นเมื่อคิดสร้างพระภควัมบดีแล้วจึงให้มีความยอดเยี่ยมสามประการมารวม อยู่เป็นหนึ่งคือ1.ความงาม 2.ความมีสติ มีปัญญาหยั่งรู้ 3.ความร่ำรวยไม่ขาดลาภ

    เราจะเห็นว่าในยุคแต่ก่อนนี้การสร้างวัตถุมงคลเขาจะนิยมสร้างตามตำราที่เชื่อกันมา พระปิดตาที่ถือว่าเป็นเครื่องรางอีกชนิดหนึ่งที่ได้สร้างกันมาแต่ยาวนานเพราะเชื่อว่ามีอานุภาพที่หลากหลาย พุทธลักษณะของพระปิดตา เป็นรูปองค์พระ ที่ค่อนข้างอวบอ้วน ยกพระหัตถ์ ขึ้นปิดพระพักตร์ลักษณะเด่นของพระปิดตานั้นนับเป็นพระเครื่องที่แสดงถึง นัย หรือปริศนาธรรม ภควัมบดีหรือ ภควัมปติ แปลว่า "ผู้มีความงามละม้ายเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้า" อันเป็นอีกนามหนึ่งของพระมหาสังกัจจายนะ หนึ่งในพระสาวกผู้ทรงเอกทัคคะ


    พระปิดตาภควัมนั้นทรงคุณานุภาพนับประการทีเดียว สิทธิการิยะ ท่านกล่าวไว้ว่า “ผู้ใดได้สร้างพระภควัมบดีที่กล่าวมาแล้วจะเป็นผู้ที่จำเริญด้วยสวัสดิมงคล ที่สุดมิได้จะเป็นผู้เลิศล้ำปราศจากโรคภัยภยันตรายทั้งปวง และสมบูรณ์ด้วยลาภยศ เมื่อเข้ารณรงค์สงครามแม้ลูกปืนจะมาเป็นห่าฝนมิอาจจะระคายผิวผู้นั้นเลย ถ้ากำหราบศัตรูให้เขียนชื่อศัตรูนั้นลงบนกระดาษเอาพระภควัมบดีตั้งทับไว้และ จำเริญด้วยพระคาถาพระภควัมบดี ศัตรูนั้นมิอาจคิดร้ายเราได้เลย ถ้าเข้าหาเจ้านายให้เอาน้ำมันหอมที่แช่ปลุกเสกพระภควัมบดีนั้นมาทาหน้า อธิษฐานจงดีแล้วไปเถิด เจ้านายเห็นหน้าแล้วเกิดเมตตายิ่งนัก เวลาค่ำให้จุดธูปเทียนบูชาทุกวันจะคุ้มกันภัยสารพัด อันพระภควัมบดีนี้ผู้ที่เป็นสัมมาชนจึงจะรักษาไว้ได้และจะได้พระบารมีแห่ง พระภควัมบดีคุ้มครองผู้มีสักการะจะที่สุด ก่อนที่จะใช้พระภควัมบดีท่านให้ระลึกถึงพระรัตนตรัยและครูบา อาจารย์ เพื่อความประสิทธิในการกระทำการทุกครั้งเพื่อให้เกิดอานุภาพผลดังทุกประการ

    เมื่อกล่าวถึงพระปิดตาหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่นับตั้งแต่ยุคแรกเริ่มนั้น ด้วยอิทธิคุณที่ล้นเหลือเกินคณานับกับอานุภาพของพระปิดตาภควัมปติที่มีชื่อเสียงกันมาช้านานแล้วและยังทรงคุณค่าสืบเรื่อยไป ตลอดกาล นายสาย แก้วสว่าง อดีตไวยาวัจกรท่านกล่าวว่า ก่อนที่จะสร้างเหรียญฉลองสมณศักดิ์ ลงมา วัตถุมงคลที่ทางวัดสร้างไว้ก่อนนั้นเพื่อนำเอาไว้ใช้ติดตัวกัน ส่วนใหญ่จะมีแต่เพียงตระกรุดกับผ้ายันต์เท่านั้นไม่มีนอกเหนือจากนี้ เพราะตอนนั้นทางวัดกันดารมาก ประกอบหลวงปู่ท่านยังไม่มีจุดประสงค์การสร้างวัตถุมงคลต่างๆเพื่อการบูชา ส่วนใหญ่จะมีแต่การสร้างมาเพื่อแจกจ่ายแก่หมู่คนในหมู่บ้านและผู้ที่ศรัทธากันเท่านั้น

    การสร้างวัตถุมงคลที่เป็นพระปิดตาภควัมนี้นายสาย แก้วสว่าง ท่านเล่าว่า ผู้ที่ริเริ่มในการแกะพระปิดตาที่ใช้ไม้มาแกะทำพระนั้นคือ นายพิณ สัมฤทธิ์ ซึ่งท่านเป็นลูกศิษย์ในยุคแรกๆของหลวงปู่ทิมที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาต่างๆมา นายพิณท่านพอมีฝีมือในการแกะแบบศิลป์ชาวบ้านและ ท่านยังเป็นหมอยาที่มีชื่อเสียงมากในการถอนของหรือคุณไสยต่างๆจนเป็นที่ร่ำลือในหมู่บ้านและพื้นที่หมู่บ้านใกล้เคียงกัน

    พระปิดตาของหลวงปู่ทิมนั้นเริ่มแกะสร้างกันมาตั้งแต่ประมาณปีพ.ศ.2510 –พ.ศ.2511 การแกะสร้างสมัยนั้นจะไม่ค่อยมีความสวยงามประการใดเพราะเครื่องมือที่แกะจะมีก็เพียงมีดขอและใบมีดเท่านั้นยังไม่มีกระดาษทรายเข้ามา ความเรียบร้อยของผิวองค์พระจะใช้การขูดผิวหรือการตะไบ ( ขอเน้นย้ำยุคแรกๆยังไม่ใช่ยุคต่อมารุ่นที่นิยมเริ่มเป็นที่รู้จักช่วงก่อนการสร้างโบสถ์ ) พระปิดตาภควัมนี้หลวงปู่ทิมท่านเคยกล่าวอานุภาพกับนายสายว่าสามารถมีอิทธิคุณที่ครบครันตามที่โบราณาจารย์ได้เคยกล่าวไว้กัน หลวงปู่ท่านมีเจตนาที่เห็นดีตามโบราณกาลด้วย จากนั้นนายพิณจึงได้กำเนิดแกะขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นนายสายท่านก็ได้ดำเนินแกะขึ้นตามมา ซึ่งลักษณะการแกะจะแตกต่างกันไปตามฝีมือของแต่ละท่าน ซึ่งไม้แกะในรูปลักษณ์ต่างๆตามมาตราฐานของวัดนั้นจะมีเพียงสองฝีมือเท่านั้นส่วนอีกฝีมือหนึ่งก็คือปลัดเจริญ เพชรนคร ซึ่งท่านได้แกะกันไว้เพียงจำนวนหนึ่ง นอกนั้นถ้าจะมีคนอื่นแกะก็แค่แกะกันเพียงองค์สององค์กันเท่านั้น และจะไม่มีฝีมือแกะจากช่างแกะหรือจากโรงงานใดๆทั้งสิ้นไม่ว่ายุคไหนๆ

    การปลุกเสกพระปิดตาไม้แกะของหลวงปู่ทิมนั้น จักได้ว่า ต้องเสกจนกว่าพระปิดตาภควัมนั้นมีการเคลื่อนไหวหรือการลุกนั่งขึ้นมาแสดงว่าเป็นผลใช้ได้แล้ว นายสายท่านเล่าว่าการเสกวัตถุมงคลของหลวงปู่ทิมนั้นท่านใช้หลักการของอำนาจจิตเพื่อการแสดงอิทธิฤทธิ์หรือให้อิทธิผลขึ้นมา ซึ่งต้องตอบสนองกับผู้ที่นำไปใช้ว่ามีความเชื่อมั่นและความศรัทธามากน้อยเพียงใด และวัตถุมงคลไม้แกะของหลวงปู่ทุกชิ้นนายสายท่านเล่าว่าหลวงปู่ท่านจะเสกในห้องของท่านทุกค่ำคืน ไม่เคยนำมาเสกข้างนอกห้องเพื่อแสดงอิทธิฤทธิ์ให้ลูกศิษย์ต่างเห็นกัน หลวงปู่ทิมท่านทำสำเร็จแล้วถึงนำมาแจกจ่ายกัน จะยกเว้นแต่เพียงปลัดขิกไม้แกะเท่านั้นที่หลวงปู่ท่านเสกจนดิ้นจนออกจากพาน เรื่องนี้ชาวบ้านและลูกศิษย์ลูกหาต่างก็เห็นเป็นที่ประจักษ์ตากันมาก

    พระไม้แกะของหลวงปู่ทิมนั้นผมจะขอนำพระปิดตาในยุคแรกซึ่งเป็นพระปิดตาหลังแบนฝีมือการแกะนี้จะมีทั้งนายพิณ สัมฤทธิ์และนายสาย แก้วสว่างได้แกะสร้างไว้ ซึ่งจำนวนการแกะสร้างกันมาไม่มาก พระที่แกะแต่ละองค์นั้นจะไม่มีรอยจารอักขระหรือยันต์ใดๆทั้งสิ้น สังเกตกันให้ดีรูปทรงเอกลักษณ์ตามแบบฉบับชาวบ้าน อาจจะไม่มีลักษณะเด่นของความสวยงามแต่มันทรงคุณค่าด้วยอานุภาพที่เข็มขลังที่หลวงปู่ทิมท่านได้ปลุกเสกเอาไว้ ซึ่งตรงกับลักษณะที่กล่าวไว้ว่าสร้างมาใช้เพื่อต้องการพุทธคุณไม่ได้สร้างมาขายเพื่อเอาปัจจัย ฉะนั้นวัตถุมงคลในยุคเก่าจึงทรงคุณค่ามากในเรื่องของพุทธคุณและการสื่อใช้กันได้

    [​IMG]
     
  19. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    พระปิดตาไม้แกะในยุคแรกๆนั้น นายสาย แก้วสว่างอดีตไวยาวัจกรท่านเล่าว่าก่อนนั้นท่านจะนำไม้จากเสาโบสถ์ไม้เก่าของวัดละหารไร่มาแกะทำ ซึ่งถือว่าเป็นไม้มงคลอย่างสูงที่จะนำมาสร้างเป็นวัตถุมงคลต่างๆในตระกูลของไม้แกะต่างๆ เมื่อย้อนเวลานับไปประมาณปีพ.ศ.2482-2483 หลวงปู่ทิมท่านมีเจตนาสูงในการสร้างโบสถ์เพื่อที่พระภิกษุสงฆ์ของวัดจะได้ร่วมทำสังฆกรรมในการสืบทอดพระพุทธศาสนา จึงได้ร่วมกับชาวบ้านสร้างโบสถ์ไม้หลังนี้ขึ้นมา ซึ่งโบสถ์ไม้นี้ใช้เวลาสร้างเสร็จได้ไม่นานเพราะความร่วมแรงร่วมใจเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน หลวงปู่ทิมท่านเป็นพระภิกษุที่มีอาคมสูงมีจิตที่หลุดพ้นแล้ว การเสกสร้างวัตถุมงคลของท่านแต่ละอย่างจึงมีความเชื่อมั่นมาก ท่านไม่เน้นถึงความสวยงามของวัตถุมงคลใดๆที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะแต่จะเน้นถึงจิตศรัทธาเท่านั้นที่เป็นเอกอุสำคัญ คนเราจะดีชั่วนั้นอยู่ที่ผลกรรมของแต่ละคนในการกระทำมากกว่า พระเครื่องนั้นเป็นเพียงสื่อน้อมนำจิตใจคนเท่านั้น ฉะนั้นพระเครื่องและวัตถุมงคลใดๆก็แล้วแต่จะวิเศษและเกิดผลได้อยู่ที่ใจเราศรัทธาและมีความเชื่อมั่นกับคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ถือเป็นศาสนาดาของศาสนาพุทธ และพุทธลักษณ์ของพระพุทธองค์ในรูปลักษณ์ต่างๆนั้นจึงเป็นที่มาของการกำเนิดพระเครื่องเพื่อจรรโลงจิตใจให้มนุษย์นั้นมีความสรรค์สร้างที่ดีครับ
     
  20. แก้วสว่าง

    แก้วสว่าง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    3,232
    ค่าพลัง:
    +49,927
    หลวงปู่ทิมท่านเป็นพระทรงคุณค่ากับการนับถือแก่สาธุชนทั้งหลายที่มีความศรัทธา จะเห็นว่าในยุคสมัยก่อนนี้หลวงปู่ท่านมีชื่อเสียงที่ร่ำลือกันมาก ในเรื่องของวัตรปฏิบัติที่เป็นสมถะอย่างแน่วแน่ และการอาคมไสยศาสตร์ที่ท่านนำมาใช้อย่างเป็นเอกอุ นายสาย แก้วสว่าง ลูกศิษย์ใกล้ชิดหลวงปู่ท่านเล่าว่า ก่อนที่ท่านได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆจากหลวงปู่โดยเฉพาะวิชาการแพทย์แผนโบราณนั้น หลวงปู่ทิมท่านกล่าวว่าเป็นวิชาที่สำคัญมากต่อการใช้ในการดำเนินชีวิต ซึ่งวิชาดังกล่าวนี้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย เพราะมันเป็นปฐมบทสำคัญต่อการเรียนรู้ในเรื่องของวิชาอาคมต่างๆในบทต่อไป เพราะถ้าไม่มีบทพื้นฐานสำคัญนี้จะเรียนวิชาอาคมในบทอย่างอื่นไม่ได้เลย คนในยุคนั้นเขาจะเคร่งครัดมากในเรื่องนี้

    นายสายท่านเล่าว่าท่านได้รับการครอบครูเรียนวิชาอาคมกับหลวงปู่ทิมมาตั้งแต่เมื่อปีพ.ศ.2500 ซึ่งการครอบครูเรียนวิชานั้นจะแตกต่างกับการครอบครูในบทของลูกศิษย์ลูกหาที่นับถือกันทั่วไป ซึ่งการครอบครูเรียนวิชานั้นจะต้องมีการเรียนและทดสอบกับการปฏิบัติให้เห็นผลได้คือเรียนแล้วต้องนำมาปฏิบัติเลย ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลยที่จะทำกันง่ายๆ ถ้าไม่ได้ร่ำเรียนกันอย่างจริงจัง ลูกศิษย์ในยุคก่อนหน้านี้ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคมต่างๆและวิชาการแพทย์แผนโบราณกับหลวงปู่โดยตรงซึ่งหลักๆและเป็นที่ร่ำลือกันมากก็จะมี หมอทัต ปู่พิณ หมอเช้า หมอเปี่ยม โดยเฉพาะหมอทัตนี้หลวงปู่ทิมท่านได้ตั้งให้เป็นแพทย์ประจำตำบลของหมู่บ้านซึ่งถือว่าเป็นคนแรกที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นมา

    ในยุคแต่ก่อนนี้วิชาอาคมนั้นมีมากหลายเรียนจนตายก็ไม่รู้จักจบสิ้น คนในสมัยก่อนนี้เขาเล่นและเรียนของนั้นเขาจะเรียนกันอย่างจริงจังและต้องทำให้เห็นผลด้วย ถ้ายังไม่เห็นผลถือว่ายังไม่สำเร็จ นายสายท่านเล่าว่าในหมู่บ้านละหารไร่และพื้นที่ในแถบใกล้เคียงคนยุคก่อนเขาจะเรียนและทดลองกันเลยเมื่อมีพื้นฐานที่มั่นแล้ว คือต้องเรียนทั้งกันและแก้ไว้ในตัวด้วย บางวิชาก็ต้องเรียนเป็นคู่เพื่อแก้กัน ซึ่งมันก็แล้วแต่วิชากันไป

    นายสายท่านเล่าว่าคนในหมู่บ้านนั้นชอบเล่นของที่ทำมาจากผีไม่ว่าจะเป็นกระดูกหรือน้ำมันพรายต่างๆที่สกัดมา ซึ่งมันเห็นผลเร็ว แต่ต้องมีอาคมที่แก่กล้ามากเพราะต้องบังคับผีให้ทำตาม ซึ่งถ้าอาคมไม่ถึงก็จะเข้าตัวได้ แต่ส่วนใหญ่คนที่เล่นนั้นจะเป็นสัปเหร่อเท่านั้นที่จะทำได้เพราะต้องคลุกคลีกับศพ คนในหมู่บ้านที่เล่นกันจนเป็นที่ร่ำลือกันทุกวันนี้ จะมีทั้งลุงหล่อ ลุงพุก ตาพูน ลุงร่อน ฯลฯ โดยทั้งหมดนี้จะเป็นสัปเหร่อของวัดละหารใหญ่ทั้งสิ้นเพราะตอนนั้นทางวัดละหารไร่ไม่มีเมรุ โดยทางแถบนั้นเมื่อมีคนตายก็จะเอามาเผาที่เชิงตะกอนของวัดละหารใหญ่แห่งเดียวเท่านั้น

    ชาวบ้านที่เลื่องลือกันมากในหมู่บ้านละหารไร่ที่เล่นผีกันอย่างเห็นชัดก็คือลุงร่อน คนเก่าคนแก่ในหมู่บ้านย่อมทราบกันดีว่าลุงร่อนท่านสามารถเล่นผีได้ ขนาดเวลาลุงร่อนแกจะเดินไปไหนมาไหนทีเสียงไผ่หรือต้นไม้ที่อยู่บริเวณข้างทางนั้นสีดังเกรียวกราวกันไปหมด สมัยก่อนนั้นเขาจะนำมาใช้ให้มีอานุภาพในการสื่อใช้ทำเป็นคุณไสยได้ หรือนำมาแกล้งหลอกหลอนผู้คนได้ ซึ่งก็อยู่ที่ผู้ใช้จะนำไปในเรื่องที่ดีหรือไม่ดีต่อไป ลุงร่อนแกเป็นหมอที่รักษาคุณไสยได้ สมัยก่อนนี้แกจะมาคลุกคลีอยู่กับหลวงปู่ทิมเป็นประจำ แต่จะร่ำเรียนวิชากันไหม ผมเองก็ไม่กล้ายืนยัน เพราะเป็นเรื่องที่นานมาก หาบุคคลรุ่นเก่าๆมายืนยันไม่ได้ แต่เราก็ได้แต่เพียงประมาณการกันเท่านั้น ซึ่งก็อาจเป็นไปได้ว่าลุงร่อนท่านคงได้วิชากันมาบ้างไม่มากก็น้อย เพราะคนสมัยก่อนนี้เขาจะเรียนแล้วก็ท่องจำใส่พุงกันไปเลย จะไม่ค่อยนำมาจดบันทึก เพราะวิชาบางอย่างถ้าตกทอดแก่คนรุ่นหลังแล้วเกิดนำมาใช้ไม่ถูกหลักจะเป็นภัยต่อไปได้ คนรุ่นเก่าจึงไม่นิยมบันทึกไว้กันแต่จะถ่ายทอดแบบปากปล่าวกัน
     

แชร์หน้านี้

Loading...