เตรียมตัวให้พร้อม...มันกำลังมา!

เข้ามาดูรอบนี้ ความเชื่อเรื่อง จิตจักรวาล R/O F20 ไปซะแล้วหรือครับ จะถึงระดับ Tx หรือไม่ครับ

 

+++ คำพูด style "ตุ๊ดดัดจริต" ไม่ว่าจะกี่ user ก็ตาม "สันดาน" ยังเป็นตัวเดียวกันอยู่ดี กวนตีนเช่นเคย

 

มนุษย์ต้องรู้ว่าการมีภพชาติใหม่หรือภพภูมิใหม่ใด ๆ ของภพภูมิทั้งหลาย ล้วนขับเคลื่อนด้วยพลังอำนาจแห่ง"กรรม" ของแต่ละคนทั้งสิ้น

พลังอำนาจแห่งกรรม หมายถึง อันเกิดจากการแสดงออกหรือการกระทำใด ๆ ของภพชาติที่ผ่านมาสู่การเกิดภพชาติใหม่เพื่อรับเอาผลกรรม ที่ตนได้ก่อหรือได้กระทำเอาไว้ในภพชาติที่ผ่านมาเสมอ การแสดงออก การกระทำ การรู้สึกนึกคิด การตัดสินใจใด ๆ ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น คือ"กรรม" เป็นบทละครชีวิตที่ตนเองจะต้องแสดงหรือชะตาชีวิตที่ต้องเผชิญ อันเป็นชะตากรรมที่จิตวิญญาณจะต้องถือติดตัวไปสู่การเกิดภพชาติใหม่ เพื่อแสดงความรับผิดชอบ "ผลกรรม" ที่ได้ก่อหรือกระทำขึ้นในภพชาตินี้นั่นเอง การกระทำกรรมใด ๆ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องใหญ่ ๆ มันคือการเขียนบทละครชีวิตของตนเองให้เป็นชะตากรรมที่ตนต้องเผชิญหรือแสดงออกในภพหน้าทั้งสิ้น

ด้วยเหตุนี้เอง ถ้าจะถามถึงอดีตชาติของมนุษย์แต่ละคนว่าเป็นเช่นไรแล้ว มนุษย์สามารถมองผ่านชะตากรรมหรือชะตาชีวิตที่แต่ละคนได้เผชิญกันอยู่ได้เป็นอย่างดีว่าแต่ละคนมีเบื้องหลังความเป็นมาในอดีตภพชาติเป็นเช่นไร จริงอยู่แม้มันจะให้ภาพจริงเป็นเพียงแค่ "เงา" ราง ๆ แต่มันก็คือความจริงที่จริงแท้ของแต่ละคนอยู่นั่นเอง

การยอมร้บความจริงในชะตาชีวิตของตนเอง กรณีต้องเผชิญชะตากรรมไม่พึงประสงค์โดยเฉพาะ

การยอมรับก็คือการไม่คิดปฏิเสธ เลี่ยงหนี เบื่อหน่าย ท้อแท้ น้อยเนื้อต่ำใจ หรือโกรธแค้นขุ่นเคืองใด ๆ อันเกิดจากการเปรียบเทียบความจริงที่ย่ำแย่ของตน กับความจริงที่ดีกว่าในชะตาชีวิตของมนุษย์ผู้อื่น เพราะสำนึกได้อย่างถ่องแท้ว่าตนนั่นเองเป็นผู้ขีดเขียนชะตาชีวิตอันไม่พึงประสงค์นั่น ๆ ไว้ในอดีตชาติเพื่อนำมาแสดงในภพชาตินี้ มิใช่พระพรหมหรือใครอื่นเลย

มนุษย์ต้องรู้ว่า ความแตกต่างกันในธรรมชาติของแต่ละคน เป็นสิ่งที่ช่วยไม่ได้จริง ๆ เพราะความแตกต่างทั้งหมดทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น ภูมิปัญญา ภูมิรู้ ภูมิธรรม และภูมิหลัง ล้วนเกิดจากการสั่นสะเทือนทางจิตสำนึกของแต่ละคนในทุกวินาทีในทุกภพชาติแล้วบันทีกเป็นรหัสเอาไว้ในจิตวิญญาณสั่งสมกันมาตราบปัจจุบันด้วยกันทั้งสิ้น

ทุกลมหายใจในยามตื่นของมนุษย์แต่ละคนในทุกวินาทีและทุก ๆ วัน มนุษย์สั่นสะเทือนตนเองเพื่อการคิดรู้ เรียนรู้ รู้คิด รู้กระทำ ในสิ่งที่ถูกต้อง เหมาะสมและดีงาม มากน้อยต่างกันไป อีกทั้งมีมานะบากบั่นและขยันไม่เท่าเทียมกันอีกต่างหากด้วย ทั้งหมดทั้งหลายเหล่านี้ล้วนเป็นที่มาของบทละครชีวิตในภพชาติปัจจุบันที่แตกต่างกัน อันเป็นที่มาของ ความแตกต่างในธรรมชาติแต่ละบุคคล

มนุษย์ต้องยอมรับความจริงที่แตกต่างกันกับผู้อื่นให้จงได้ หากยอมรับชะตากรรมอันเลวร้ายที่ย่ำแย่ของตนเองไม่ได้ ก็เท่ากับมนุษย์ไม่มีสำนึกถึงความจริงที่จริงแท้อันเป็นผลกรรมของตน หรือ ปฏิเสธมันนั่นเอง ผลก็คือ การสอบตกซ้ำชั้น ก็คือ การต้องย้อนกลับมาเกิดใหม่เพื่อเผชิญชะตากรรมเก่า ๆ นั่นอีกครั้ง

มนุษย์อย่าทวงถามหา "ความเหมาะสม" ใด ๆ ในชะตาชีวิตที่ตนพึงประสงค์ที่จะเผชิญมันเพื่อนำมาแทนชะตากรรมอันเลวร้ายใด ๆ อันไม่พึงประสงค์ที่ตนกำลังเผชิญกับมันอยู่ในความเป็นปัจจุบันของตนกันอีกเลย เพราะมนุษย์จะไม่มีวันประสบผลสำเร็จในสิ่งที่ตนร้องขอนั่นเอง เนื่องจากชะตากรรมอันเลวร้ายไม่ว่าจะหนักหนาสาหัสสากรรจ์ขนาดไหนที่ใคร ๆ แต่ละคนกำลังผจญกับมันอยู่นั้น แม้มันอาจจะแลดูเหมือนไม่เหมาะสมแต่แท้ที่จริงแล้ว

ความไม่เหมาะสมที่แลเห็นนั้นก็คือความเหมาะสมที่มนุษย์คนนั้น ๆ จะต้องเผชิญกับมันอยู่นั่นเอง

ที่กล่าวว่าเป็น "ความเหมาะสม" ก็เพราะว่า

มันต้องเป็นของมันเช่นนั่นเอง!

ถ้ามันไม่เป็นของมันเช่นนั้นต่างหาก มันจึงเรียกว่า

ไม่เหมาะสม!!!

ถ้าผู้ใดปฏิเสธความแตกต่างกันระหว่างตนเองกับผู้อื่น ก็เท่ากับว่ามนุษย์ผู้นั้นมิได้เกิดการเรียนรู้ใหม่ใด ๆ กับการที่ตัวเราได้รับโอกาสย้อนกลับคืนสู่การเกิดเป็นมนุษย์ในภพชาติใหม่แต่ละภพชาตินั้น วัตถุประสงค์หลักก็คือ ยกระดับสติปัญญา พัฒนาจิตสำนึกของตน สู่การเป็นมนุษย์ที่สมดุลในมิติโลก และเข้าถึงพลังอำนาจทางวิญญาณในมิติแก่นแท้ของตน สามารถที่จะกระทำได้สามทางคือ

๑.เรียนรู้จากประสบการณ์จริงของตนเอง ผ่านบททดสอบตนเองและบทเรียนกรรม

๒.เรียนรู้จากประสบการณ์จริงของบุคคลอื่น ผ่านบทเรียนโลกต่าง ๆ

๓.เรียนรู้จากความสามารถในการใช้ปัญญาญาณของตน ผ่านการรู้คิด

เป็นหน้าที่หลักที่ต้องยอมรับกันให้ได้ ในการได้รับโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์

- ทำหน้าที่ตามพันธะสัญญา ๖

- แก้ไขจิตสำนึกที่ผิดพลาดบกพร่องของตนจากภพชาติอดีตให้ถูกต้อง

-ชดใช้กรรมที่ตนก่อไว้ในอดีตชาติ

ชะตาชีวิตจะเรียบง่ายหวือหวาท้าทายอย่างไร ขึ้นอยู่กับบทละครที่ตนวางแผนขีดเขียนมันไว้เองก่อนได้รับโอกาสให้เข้ามาสู่การเกิดเป็นมนุษย์ในภพชาติแรก กับชะตากรรมจะลำเค็ญหรือว่าโรจน์เรืองสักแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับในอดีตชาติที่ผ่านมานั้น ๆ ตนเองก่อกรรมทำเหลวไหลไว้มากน้อยเพียงใด และประพฤติตนผิดพลาดบกพร่องไปจากทำนองคลองธรรมเอาไว้อย่างไร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติ 3 ประการ คือ

๑.นิสัยในการแสดงออกทางอารมณ์รู้สึก
๒.ขีดความสามารถในการควบคุมอารมณ์รู้สึกของตนเอง
๓.ขีดความสามารถในการใช้สติปัญญา

นั้นคือความแตกต่างทางธรรมชาติในตัวบุคคล ด้วยเหตุนี้หน้าที่ของมนุษย์แต่ละคนก็คือ

๑.ต้องยอมรับชะตาชีวิตอันเป็นชะตากรรมความจริงของตนเองกันให้ได้ โดยพร้อมเผชิญในทุกสถานการณ์ใด ๆ ในชีวิต แล้วจงก้มหน้าฝ่าฟันมันไปให้เต็มที่ ด้วยการทำมันให้ดีที่สุดโดยไม่ท้อแท้เข็ดขยาด

๒.จะต้องให้ความเห็นอกเห็นใจในชะตากรรมอันเลวร้ายของผู้อื่น โดยไม่มีอคติใด ๆ ต่อผู้อื่นซึ่งมีชะตาชีวิตที่ต่ำต้อยกว่าด้วยการรังเกียจเหยียดหยาม เยาะหยัน หรือว่ากระทำใด ๆ ที่จะทำให้เกิดการแบ่งแยกซึ่งกันและกันออกไปจากความเป็นมนุษย์เผ่าดาวโลกเดียวกันเด็ดขาด

๓.ต้องแสดงความชื่นชมยินดีในชะตาชีวิตที่โรจน์เรืองของผู้อื่น ด้วยการสำนึกรู้ให้ได้ว่า มันเป็นเสี้ยวหนึ่งของชีวิตที่เขากำลังรับเอารางวัลอันเกิดจากผลกรรมด้านบวกที่เขาก่อไว้ในอดีตชาตินั่นแล อีกทั้งมันยังเป็นภาพ "เงา" แห่งอดีตชาติที่เขาส่อแสดงให้เห็นเป็นมาในชาตินี้ด้วย ว่าชาติที่ผ่านมานั้นตัวเขาเป็นเช่นไร

เผอิญข้อความที่ link นี้มีคำตอบเรื่องกรรมให้พอดีเลยค่ะ

 

หึๆผมไม่เข้าใจท่านจะถามคนอื่นทำไม ในเมื่อท่านถามตัวเองจนได้คำตอบมาแล้วแต่ก็ไม่รอบคอบเอาซะเลยไม่เห็นอะไรเลย ก่อนจะถามคนอื่นผมก็ลองให้คุณไปถามตัวเองก่อนแล้วก้นครับ. ไอ้รักๆอะไรเนี่ยลัทธิเนี้ย ถามจริงๆไม่ต้องโกหกตัวเองนะครับ

1.คนที่คุณกล่าวถึงว่าเขาเรียกให้กลับเนี่ย เคยคุยกับเขา "ด้วยตนเอง" หรือเปล่า? ถ้าไม่เคยแล้วเชื่อ ไม่ว่าจะเป็นเช่นไรมันก็คือความเชื่อ ถ้านำความเชื่อมาพูดมันคือลัทธิถ้าเคยคุยจริงๆโปรดบอกวิธีทำมา
2.แล้วสิ่งที่คุณเชื่อว่ารักๆนั่นเนี่ย มีข้อพิสูจน์ไหม?ไม่ใช่เอาความเชื่อมาพ่น ละก็ยังเชื่อต่อไป ยกตัวอย่างเลยนะครับ ไม่ว่าเราจะโกหกยังไงก็ตามหากเกิดการเสียดสีไฟก็ติดใช่ไหมครับ. เหมือนกันไอ้ลัทธิอย่างนี้นะโปรดแสดงการเข้าถึงมา แล้วไม่ต้องบอกด้วยนะว่าท่านติดต่อไมไ่ด้เอง เพราะก็พูดเองนะว่าเขาเรียก แล้วถ้าได้ยินเสียงจากตัวเองน่ะเขาเรียกวจีจิตสังขาร ไหนลองบอกสิว่ายังไงแล้วไม่ต้องมาอ้างพลังงานรัก พลังงานสั่นสะเทือนอะไรนะ ถ้าจะเอาดีทางคริสต์แล้ว พระเยซูสอนตั้งแต่2000 กว่าปีมาแล้วจะไปเปลี่ยนแปลงทำไม? คิดจะก้อบและเปลี่ยนเพื่อให้ทันยุคขึ้น? สั่นสะเทือนนี่ค่อนข้างบ้านะผมว่าเวลาเดินจิตถึงฌานด้วยสติปัฏฐานมีปิติและสุขดันพบว่ามันสงบสุข สบาย แล้วจะสั่นสะเทือนบ้าอะไร? ทำได้หรือเปล่ามาบอกแบบนี้?

 

แหลไปเรื่อยนะครับ แสดงว่าคำตอบที่ได้มาจากการใช้ชีวิตทั้งหมดนี่ เขลามากเลยครับ แสดงว่าแทบไม่ได้อะไรเลย ในเมื่อก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าการสั่นสะเทือนน่ะมันเกิดจากอะไร ? แล้วไม่ต้องมาแอ้บเป็นนางฟ้าจากไหนทำพูดเป็นเล่นด้วยนะครับ จะเอาความจริงมาโพสท์แต่มาทำเล่นด้วยมันดูขัดๆกันนะครับเหมือนคนตอแหลแล้วแต่ไม่อยากเสียหน้าจึงพยายามทำให้ตนดูเจ๋งกว่า?โดยการบอกจะมาเล่นด้วยแหมถามคนอื่นไหมครับมีใครเล่นกับคุณบ้าง ตอบแบบแถไปเรื่อยขอไปทีไง ชีวิตที่ได้คำตอบมาแบบโง่ๆจึงยังพังต่อไป คำถามก็ไม่เห็นตอบซักอัน ถ้ายังตอแหลและยังตอบคำถามไม่ได้ ก็ไม่ต้องคุยกันนะครับ มันแสดงให้เห็นจากการพิมพ์แล้วว่าการขำๆมันแสดงได้สองแบบ คือไม่รู้อะไรเลยแต่แอ้บทำเป็นรู้ กับรู้แต่แอ้บไม่รู้ ถ้าไม่ตอบคำถามผม เพราะที่ถามไปก็ผลปฏิบัติทั้งนั้นก็คงรู้กันครับว่าตอแหลหรือเปล่า แล้วไม่ต้องดริ้ฟไถลตอแหลมากนะครับ ประชาชนเขาดูออก แล้วไม่ต้องถามนะครับว่ามาพูดงี้ชาวพุทธแน่เหรอ ถ้าดูจิตได้ก็รู้เองว่าพิมพ์ด้วยอารมณ์อะไร อีกอย่างนี่เว็บพุทธศาสนา อย่าทำตัวเช่นเดรัจฉานเลยคุณผู้หญิง ก็ที่บอกว่าลัทธิเพราะมาเผยที่นี่แหละ

ปล.ศาสนาพุทธสามารถหาคำตอบต่างๆได้ถ้าของคุณจริงก็เช่นกันผมก็ถามไปแล้วในข้อความบนว่ามันคือยังไงหากจริงก็ต้องพิสูจน์ได้ ดังนั้นมันก็วัดกันตรงนี้ละครับ ถ้าจริงก็พิสูจน์อย่าแถไถลไปไหนไกลมาก ถ้ายังคุยภาษาคนกันไม่รู้เรื่องก็รู้ว่าชาติหน้าคุณอาจไม่ได้เกิดเป็นคนก็ได้นะครับ ก็สมแล้วที่เกิดเป็นผู้หญิงตอแหลขนาดนี้ ไม่ไหวนะครับอย่าให้ศาสนาเสื่อมเพราะคนโง่ๆที่ยังทำอะไรไม่ได้เลยแล้วยังกล้าเผยแพร่ที่ตัวเองทำไม่ด้วยนี่เค้าเรียก โง่ อีกไม่นานจะวิปลาศนะครับ หรือบางทีอาจไม่ทันแล้วก็ได้ครับ เชคตัวเองดีๆนะครับเป็นห่วง

Edit:ขอแก้คำว่าตอแหลที่ว่าเป็นกรณีผู้หญิงตอแหลนะครับ ผญยังห้าวหาญกว่าผู้ชายเลยบางทีต้องบอกว่าตอแหลสมกับเป็นตุ้ดมากกว่า และที่บอกว่าเดรัจฉานไปนี่กริยาตอแหลแบบนี้เดรัจฉานยังมีศักดิ์ศรีมากกว่าอีกนะครับมันยังไม่ทำเลยจากที่สังเกตุดูใหม่ อามีบาก็ยังไม่ทำครับไม่ทราบว่าท่านเป็นตัวอะไรเนี่ย?

 

ปวีเขียนแค่ทำไม ทำลำโพง ว่า เทพเมตระตรอนควรจะไปติดต่อกับคนใหญ่ คนโตแทนพวกโนเนมสิเจ้าคะ พวกนั้นถ้าเทียบบารมีก้พระโพธิสัตว์ มีอำนาจ มีเงิน มีบารมี มีกองกำลังทหาร มีพันธมิตร มีอาวุธ (แบบมหกรรมยิงปั้งไฟใส่กันที่ซีเรียไงเจ้าคะ) มีตัวตนเปนคนดังเหนหน้าตา และที่สำคัญมีสื่อยักษ์ใหญ่อยุ่ในมือ จะพลิกเรื่องให้เปนขาวหรือดำก้ได้ ยังไม่ได้บอกว่าจะจบ จะจบอะไรรึเจ้าคะ

จขกท แนวๆ light worker รึเจ้าคะ
เหมือนจิตยิ้มเลย จิตยิ้มก้ออยากเปลี่ยนโลก เหนคุยจะกู้โลกกันมันเลย อยุ่หน้าแรกๆ โน่นแหน่ะ รุ้ด้วยว่าโลกจะควงสว่างตีลังกาซำเมอร์ซ้อปิดเกลียวกี่รอบ จิตยิ้มนี่มหัศจรรย์จิงๆ

ปวียังรอ จขกท มาบอกภัยอยุ่นะเจ้าคะ รอมาก้หลายเพลาละ นั่งรอ นอนรอ กลับหัวรอ ก้ไม่มาบอกสักที มาทีไรก้บอกจะไม่แระ แต่ก้ยังมาประจำนะเจ้าคะ มาแล้วก้อัพภัยให้คนห้องนี้ชื่นใจหน่อยเหอะ ปวีก้รอนะเจ้าคะ กลับมาเถอะเจ้าค่ะ แต่ชีวิตรันทดไม่ต้องเล่านะเจ้าคะ เดวปวีร้องไห้ ...รอนะเจ้าคะ