อัลบั้มพระ ประวัติ และวัตถุมงคล

พระวิสุทธิเทพ หลวงปู่ปาน หลวงพ่อฤาษี​

 

“เจดีย์วัดป่าสัมมานุสรณ์”
ต.ผาน้อย อ.วังสะพุง จ.เลย
เริ่มสร้างขึ้นเมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๑๘ แล้วเสร็จในปีพุทธศักราช ๒๕๒๕ พระอาจารย์จันทร์เรียน คุณวโร วัดถ้ำสหายฯ อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
ท่านเล่าให้ฟังว่า สิ่งสุดท้ายที่บรรจุบนเจดีย์ คือ “เหล็กไหล”
โดยองค์หลวงปู่ชอบ ฐานสโม ได้มอบเหล็กไหล
ให้พระอาจารย์จันทร์เรียนเป็นผู้นำขึ้นไปบรรจุแทนองค์ท่าน

คืนวันที่ ๗ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๔๐
ในงานครบรอบวันคล้ายวันมรณภาพขององค์หลวงปู่ชอบปีที่ ๒
ผู้เขียน (อดีตครูบากล้วย - พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท)
ขณะยืนคุยกับพระอาจารย์จันทร์เรียน ที่หน้าศาลาเมตตาฐานสโม
ได้เห็นวัตถุแสงสีน้ำเงินพุ่งออกมาจากเจดีย์ขนาดเท่ากับไข่ไก่
จึงชี้ให้พระอาจารย์จันทร์เรียนดู พอพระอาจารย์จันทร์เรียนเห็นแล้วท่านบอกว่า
“บ่มีอีหยังดอก เหล็กไหลเขาแสดงให้รู้ว่าเขายังอยู่ที่นี่
ไม่ได้ไปไหน เขาออกมาแสดงเฉยๆ”

แล้วพระอาจารย์จันทร์เรียนท่านเล่าให้ฟังต่อว่า
เหล็กไหลอันนี้ลูกศิษย์ของหลวงปู่ได้มาจากเมืองลาว
ทีแรกเขาจะมอบต่อให้กับลูกชายของเขา
แต่ลูกชายของเขาประพฤติตนไม่ดี เป็นโจรเป็นขโมย
เขาจึงเอามามอบถวายให้กับหลวงปู่ตั้งแต่สมัยที่ท่านยังเดินได้อยู่

พอหลวงปู่ท่านอาพาธเดินไม่ได้ คืนนั้นเรานอนเฝ้าหลวงปู่อยู่ที่กุฏิท่าน
หลวงปู่ชอบท่านบอกให้เราไปหยิบย่ามท่านมา
และให้เราล้วงลงไปเอาห่อผ้าห่อหนึ่งในย่ามของท่าน
หลวงปู่บอกท่านจะมอบของที่อยู่ในห่อผ้านี้ให้เราเป็นผู้ดูต่อจากท่าน
นอกจากเราแล้วท่านไม่ไว้ใจใครในเรื่องนี้
เราถามท่านว่า พ่อแม่ครูจารย์ในห่อผ้านี้มีอะไรหรือ
หลวงปู่ท่านบอกว่า เหล็กไหล

พอรู้ว่าเป็นเหล็กไหลเราจึงเปิดห่อผ้าออกดู
มันเป็นก้อนสีดำเล็กๆ ขนาดเท่ากับเม็ดถั่วลิสง
เหล็กไหลมันก็แสดงฤทธิ์ออกแสงให้เราเห็น
เราพิจารณาดูไม่มีประโยชน์ที่เราจะเก็บเอาไว้รักษา
เราจึงปฏิเสธที่จะรับดูแลเหล็กไหลต่อจากหลวงปู่

องค์หลวงปู่ชอบท่านก็เลยว่า
ท่านไม่อยากให้เหล็กไหลอันนี้ตกไปอยู่ในมือของคนอื่นถ้าไม่ใช่เรา
ถ้าตกไปอยู่ในมือของคนชั่วมันก็จะนำเอาไปทำความชั่วได้
ถึงจะเป็นคนดีก็ตาม แต่พอมีของที่มีฤทธิ์เดชอยู่ในมือ
ก็จะเกิดลำพองตนหลงผิดไปทำชั่วได้
เพราะถือว่าตนเองมีของมีฤทธิ์อยู่ในตัว จะเกิดประมาทหลงไปทำผิดได้

พอเราไม่รับดูแลรักษา องค์หลวงปู่ชอบท่านเลยว่า
ถ้าอย่างนั้นเราจะสร้างเจดีย์เพื่อเก็บ “เหล็กไหล”
และบรรจุของเก่า ของโบราณ สมบัติของพระศาสนาไว้ที่นี่
เจดีย์หลังนี้จึงเกิดจาก “เหล็กไหล” เป็นเหตุ

วันที่บรรจุเจดีย์ คือ วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๒๖
ซึ่งตรงกับงานวันเกิดขององค์หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
ตอนกลางวันบรรจุพระกับของโบราณไว้บนเจดีย์
ส่วนเหรียญและวัตถุมงคลต่างๆ ของหลวงปู่
ที่มีการสร้างมาตั้งแต่ต้นจนถึงปีสองหก
หลวงปู่ท่านให้ เรากับหลวงพ่อบัวคำ (มหาวีโร) นำขึ้นไปบรรจุ
เฉพาะเหรียญรุ่นแรกขององค์หลวงปู่ชอบที่นำขึ้นไปบรรจุบนเจดีย์
มีจำนวนหลายร้อยองค์ เราห่อพลาสติกอย่างดีใส่ลงในบาตร
โบกปูนทับอีกชั้นให้แน่นหนา
เพื่อกันคนจะแอบมาแคะเอาเหรียญรุ่นแรกของหลวงปู่

ตกกลางคืนหลวงปู่ท่านชวนเราออกมาดูเจดีย์
ท่านยื่นห่อผ้าที่ห่อเหล็กไหลให้เรา
ท่านบอกให้เรานำเหล็กไหลขึ้นไปบรรจุด้วยตัวเอง
และให้เราขึ้นไปคนเดียว ห้ามคนอื่นตามขึ้นไปดูเป็นอันขาด
ก่อนที่เราจะขึ้นไปบนเจดีย์ หลวงปู่ท่านบอกเราให้จัดการเองทั้งหมด
“ท่านเรียนจะเก็บเอาไว้ตรงจุดไหนก็แล้วแต่ท่าน ตามท่านจะเห็นสมควร”
เราจึงเจาะผนังเจดีย์บรรจุเอาไว้ทางด้านนี้ พระอาจารย์จันทร์เรียนชี้ให้ดู

ผู้เขียนได้สอบถามพระอาจารย์จันทร์เรียนเพิ่มเติมว่า
“ส่วนตัวผมนั้นไม่เคยเห็นเหล็กไหลของจริงเหมือนท่านอาจารย์
เคยเห็นแต่แม่เหล็กที่เขาเอามาหลอกกันว่าเป็นเหล็กไหล
หลวงปู่ท่านเคยเล่าให้ผมฟังว่า
เหล็กไหลเกิดจากฤทธิ์ของเทวดาร่วมกันใช้ฤทธิ์นิรมิตขึ้นมา
และอีกทางหนึ่งเกิดจากท่านผู้ทรงฤทธิ์อภิญญาเสกสร้างขึ้นมา
ผมอยากได้ยินเพิ่มเติมจากท่านอาจารย์อีกทางหนึ่ง
เพื่อมาประกอบกันกับเรื่องที่หลวงปู่ชอบท่านเล่าให้ฟัง”

พระอาจารย์จันทร์เรียนท่านตอบว่า
“ก็อย่างที่หลวงปู่ชอบท่านเล่าให้ฟังนั่นแหละ
ความรู้เรื่องพิศดารในสามแดนโลกธาตุนี่มันก็สุดที่หลวงปู่ชอบนั่นแหละ
อะไรจะบังความรู้ของท่านได้ เพียงแต่ท่านจะพูดหรือไม่พูดเท่านั้น
ต่อให้หนีไปหลบบังภูเขาเป็นร้อยลูก
หลวงปู่ชอบท่านก็ยังค้นหาเจอด้วยญาณความรู้ของท่าน
เรื่องกิเลสมันลึกลับกว่านี้อีกท่านก็ยังค้นหาจนเจอ ประสาอะไรกับเรื่องแค่นี้
เรื่องนี้ก็ตามที่หลวงปู่ท่านเล่าให้ฟังนั้นล่ะ
ของมีฤทธิ์มันก็คู่กันกับผู้มีฤทธิ์ บ่เห็นมันแปลกอีหยังเลย”




ที่มา: เว็บธรรมจักร​

 

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2014/5201065.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2014/5201065.jpg" border="0" alt=" photo 5201065.jpg"/></a>
<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2014/5201069.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2014/5201069.jpg" border="0" alt=" photo 5201069.jpg"/></a>
<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2014/5201073.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2014/5201073.jpg" border="0" alt=" photo 5201073.jpg"/></a>

 

เหรียญพระพรหม หลวงพ่อแช่ม

วัดดอนยายหอม ปี ๒๕๒๘



โดยส่วนตัวผมเองก็ชอบวัตถุมงคลที่เป็นรูปแบบพระพรหม ที่นอกจากจะสื่อถึงความครูบาอาจารย์ที่เคารพนับถืออาทิ หลวงพ่อฤาษี(มาจากพรหมนามว่าสัมพเกษีพรหม) หลวงปู่ดู่ หลวงปู่หงษ์ มีฉายาว่าพรหมปัญโญ เป็นต้น รูปแบบพระพรหมยังแฝงคติธรรมเอาไว้ด้วย

การบูชาพระพรหม เป็นคติเตือนใจให้ระลึกถึงคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในข้อที่ว่าพรหมวิหาร๔ อันประกอบด้วย

๑. เมตตา คือความรัก
๒. กรุณา คือความสงสาร
๓. มุทิตา คือ พลอยยินดีเมื่อบุคคลอื่นได้ดี
๔. อุเบกขา คือ ความวางเฉยต่ออารมณ์ต่างๆที่มากระทบใจ ไม่ว่าสุขหรือทุกข์ถือเป็นเรื่องธรรมดาของโลก

การปฏิบัติตนเพื่อให้พ้นจากความทุกข์ทั้งปวงได้ก็ต้องอาศัยหลัก "ไตรสิกขา" คือศีล สมาธิ และปัญญา
เมื่อศีลมั่นคง ย่อมทำให้เกิดสมาธิที่ตั้งมั่น เมื่อสมธิตังมั่นก็ย่อมเกิดปัญญาอันแกล้วกล้าในการตัดเสียซึ่งกิเลสอันเป็นเครื่องร้อยรัด

แต่ศีลจะมั่นคงได้ย่อมเกิดมาจากพรหมวิหาร๔ อันเป็นพื้นฐานแห่งธรรมทั้งปวง ดังที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีเคยเทศนาสั่งสอนไว้ว่าหากไร้ซึ่ง เมตตา(ความรัก) กรุณา(ความสงสาร) แล้ว ศีลทุกข้อก็ขาดสะบั้นลงได้ครับ​

 

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0059.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0059.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0059.jpg"/></a>
<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0062.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0062.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0062.jpg"/></a>

 

ครูหวาย คทาพรหมยอดเพชร และกริชปากกาด้ามครู


หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ


*********


มหาเทพ ศาสตรา อันทรงฤทธิ์
คุณวิเศษ ศักดิ์สิทธิ์ ดั่งเสกสรรค์
ที่หลวงปู่เป่าเสกลงเลขยันต์
ให้ลูกหลานคุ้มกายคุ้มกายา

หนึ่งวิชาเอก คือเสกหวาย
ป้องกันกายคุมไพร่พลให้ถ้วนหน้า
"หวายพรหมเวส" เรื่องเดช มีศักดา
เป็นวิชามหาเทพโลกบาล

ศาสตร์ที่สองคือเศียรแห่งพรหมมินทร์
เจ้าบดินทร์ธาดามหิศร
เป็นครูหวายอันเอกวิเศษพร
เรียกนามกร "หวายครูคู่ยอดพรหม"

สามคือเทพศาสตรา มหาเวทย์
เรื่องเดช รัศมี เป็นปฐม
นามว่า "กริชพรหมคุณ" อันอุดม
เป็นบรมเทพศาสตร์อันเกรียงไกร

สี่คือเทพศาสตรา คทาพรหม
พระเหนือพรหม ยอดเพชร สว่างไสว
ให้ชื่อว่า "พรหมยอดเพชร" เป็นธงชัย
ปู่สร้างไว้ ให้ยืนยง คงศักดา

ห้า "พระขรรค์เพชร" อันเรืองฤทธิ์
ศาสตร์วิเศษศักดิ์สิทธิ์ ฤทธิ์แรงกล้า
คู่องค์พระภูมินทร์เจ้านครา
ให้เลื่องชื่อฤาชา ทั่วแดนไกล

หกคือ "ตรีศูล" พระอิศวร
มหาเทพศิวะเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
ปกป้องคุ้มครองสยบภัย
มีไว้คู่กายองค์พระอิศรา

ด้วยอำนาจเทพศาสตราทั้งหกนี้
บูชาดี ได้เจริญ ได้ก้าวหน้า
ใครพลีรู้ เชิดชู ไว้บูชา
เป็นมหามงคล แก่ตนเทอญ...

น้อมสักการะ หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ



ประพันธ์โดย นายแสนดี

​

 

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0045.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0045.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0045.jpg"/></a>

 

สวัสดียามเช้าทุกๆท่านครับ

 

เอาของเก่ามาโพสต์ใหม่ครับ

 

หลวงปู่สุขค่ะ

 

ขอบคุณภาพพระสวยๆครับพี่ตี๋ โพสต์ให้เพื่อนสมาชิกได้ศึกษากันใหม่ได้เลยครับ ภาพเก่าๆจากเว็บโอ้โหซ่าที่เคยใช้ฝากรูปกันภาพหายไปเกือบหมดแล้วครับ

หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เป็นอมตะเถราจารย์ที่ขึ้นชื่อมีศิษย์คู่บารมีที่ีสำคัญคือเสด็จเตี่ย หลวงปู่ท่านคงมีความเกี่ยวเนื่องกับหลวงพ่อฤาษีท่านอยู่ไม่น้อย เพราะหลวงพ่อท่านเคยไปอยู่บูรณะที่วัดนี้ถึงสองปี และที่ศาลาหลวงพ่อห้าพระองค์ที่วัดท่าซุง ก็มีรูปหล่อหลวงปู่ศุข ให้ลูกหลานไปกราบไหว้ บนบานศาลกล่าวด้วยครับ

 

นะสิวัง พรหมา มะอะอุ

(มนต์จินดามณี ภาวนาเป็นประจำเรียกคน เรียกลูกค้า เรียกโชคลาภ เมตตา ค้าขายดี)



ขอบคุณเจ้าของภาพด้วยครับ(เดรดิตในภาพ)​

 

พระคำข้าว พระหางหมาก

หลวงพ่อฤาษี(พระราชพรหมยาน)


*********

คาถาเงินล้าน

ตั้งนะโม ๓จบ

สัมปะจิตฉามิ นาสังสิโม
พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพยักขา ปะรายันติ (คาถาปัดอุปสรรค)
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม (คาถาเงินแสน)
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม (คาถาลาภไม่ขาดสาย)
มิเตพาหุหะติ (คาถาเงินล้าน)
พุทธะมะอะอุ นะโมพุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง
วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ
มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม (คาถาพระปัจเจกพุทธเจ้า)
สัมปะติจฉามิ (คาถาเร่งลาภให้ได้เร็วขึ้น)
เพ็งๆพาๆหาๆฤาๆ


(พรหมา-อ่านว่า พรม-มา)
(สวาโหม-อ่านว่า สะ-หวา-โหม)


*********


ดวงเมือง


ผู้ถาม : ขณะนี้ดวงประเทศชาติกำลังแย่ หลวงพ่อมีวิธีแก้ไขตามพระพุทธศาสนา อย่างเช่นการสะเดาะเคราะห์ใหญ่จะช่วยชาติได้หรือไม่ ลูก ๆ จะได้ช่วยประเทศชาติในด้านใดบ้างเจ้าคะ (พ.ศ.2530)

หลวงพ่อ : มันของไม่ยากเลยนะ ให้เอาดวงของประเทศชาติมา ถ้าเอาอะไรผูกไว้ฉันจะช่วยแก้ออกให้ (หัวเราะ) ดวงประเทศชาติเป็นอย่างไรนะ ฉันไม่เคยรู้เขาเลย

ผู้ถาม : เป็นดวงเมืองหรือเปล่าครับ

หลวงพ่อ : ดวงเมืองหรือดวงกรุงเทพฯ มันมี 2 ดวงนะ เอาอย่างนี้ดีกว่า ดวงมันเป็นวิชาของโหร ถ้าตามพระพุทธศาสนาเขาเรียกว่ากฎของกรรม อย่างนี้ถูกว่านะ กฎของกรรมนี่เราแก้กันไม่ได้สมมุติว่าสีมันเข้มเราก็พยายามเอาสีหนึ่งเข้ามาผสมให้มันจาง สีมันไม่จางแต่สีอื่นมันทับ นั่นคือกฎของกรรมที่ทำให้คนลำบาก คือบาปในชาติก่อน เราก็สร้างบุญให้มันเยอะ
การสร้างบุญให้มันเยอะ ไม่ใช่ต้องใช้เงินเยอะ การใช้เงินเยอะบางทีกุศลก็ไม่มาก ไม่แน่นะ อย่างพวกที่เจริญกรรมฐาน บูชาพระสวดมนต์ จิตก็สะอาดขึ้น ทำอย่างนี้เรื่อย ๆ ไปก็แล้วกัน

วิธีแก้อีกวิธีหนึ่ง ที่ท่านย่าบอกไว้
คือให้ว่าคาถาเงินล้านด้วยความตั้งใจ อย่างน้อยวันละ 30 จบ ไม่ต้องจบครั้งเดียวนะ หลายครั้งภายในวันเดียวนะ อย่างนี้จะแก้ความฝืดเคืองได้
ค่อย ๆ แก้ แล้วก็ไม่ต้องไปแก้ดวงเมือง แก้ดวงของเราก็แล้วกัน ใช่ไหม
ถ้าดวงของเราดีทั้งหมด เมืองของเราก็ดีด้วย


ที่มา : หนังสือธรรมปฏิบัติ เล่มที่ 15 หน้าที่ 8-9 โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร) วัดท่าซุง​

 

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0034.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0034.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0034.jpg"/></a>
<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0030.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0030.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0030.jpg"/></a>

 

<a href="http://s1093.photobucket.com/user/wannachai007/media/Amulets2015/DSC_0007.jpg.html" target="_blank"><img src="http://i1093.photobucket.com/albums/i434/wannachai007/Amulets2015/DSC_0007.jpg" border="0" alt=" photo DSC_0007.jpg"/></a>

 

สวัสดียามเช้าทุกๆท่านครับ

 

น้อมกราบครูบาอาจารย์
สวัสดีพี่ปู พี่กูล พี่วรรณ และทุกๆท่าน

​

​

 

๑๗ กุมภาพันธ์ ครบรอบวันละสังขาร

หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
(พระทองคำที่หลวงปู่ปานให้ความเคารพนับถือ)


*********


ในยุคสมัยไล่ไล่กัน มีพระเกจิที่มีศรัทธาเคารพเลื่อมใสในอิทธิบารมีของท่าน ยุคเดียวกับหลวงพ่อจงรุ่นราวคราวเดียวกันหลายองค์และแต่ละองค์มักได้รับนิมนต์ไปกระทำพิธีสงฆ์ เผยแพร่ธรรมบรรณาการในสถานที่ต่าง ๆ เกือบทั่วประเทศ มีหลวงโอภาสี หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย สมุทรปราการ หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม ฯลฯ ซึ่งท่านเหล่านี้มีสมญาเป็นวลียกย่องจากบุคคลทั่วประเทศว่าเป็นเกจิอาจารย์ชั้นบรมครู

แต่ในกลุ่มนี้ ดูเหมือนหลวงพ่อจงจะเป็นผู้ได้จาริกเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ไปตะวันตกตะวันออกถี่และบ่อยหนยิ่งกว่าองค์อื่น เพราะท่านมีปณิธานแน่วแน่อยู่ว่า ได้รับนิมนต์มาเป็นต้องไป ไม่ว่าใกล้หรือไกล ท่านไม่เคยบ่นเบื่อหน่าย หรือบ่นว่าด้วยความรำคาญใจว่าถูกรบกวน ทั้งไม่เคยรู้สึกเหน็ดเหนื่อยเมื่อยขบในการเดินทาง และต้องไปกระทำพิธีใดตามคำอาราธนาที่เขามีปรารถนานิมนต์ท่านไป


เรื่องหลวงพ่อจงเดินไปวัดบางนมโคนี้ บันทึกโดยพระราชพรหมยาน หรือหลวงพ่อฤาษี แห่งวัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี เรื่องมีอยู่ว่า ครั้งหนึ่ง สมัยที่หลวงพ่อปานท่านยังมีชีวิตอยู่ วัดบางนมโคได้จัดงานฉลองศาลาและมีสวดมนต์เย็น พระอื่นก็มากันครบแล้ว ขาดแต่หลวงพ่อจง หลวงพ่อปานท่านจึงให้หลวงพ่อฤาษีผู้เป็นศิษย์พาคนเรือนำเรือเร็วไปรับหลวงพ่อจงมาจากวัดหน้าต่างนอก เมื่อไปถึง ปรากฏว่ามีแขกมารอพบหลวงพ่อจงเพื่อขอให้ท่านรดน้ำมนต์ ท่านก็เลยบอกหลวงพ่อฤาษีให้นำเรือกลับไปก่อน อีกสักพักหนึ่งหลังจากท่านรดน้ำมนต์ให้ญาติโยมแล้ว ท่านจะเดินมาที่วัดบางนมโคเอง

หลวงพ่อฤาษี เห็นว่าระยะทางจากวัดหน้าต่างนอกไปวัดบางนมโคก็ประมาณสี่กิโลเมตร เรือเร็ววิ่งประมาณสิบนาทีเศษ แต่ถ้าเดินก็ใช้เวลาเกือบชั่วโมง อีกทั้งใกล้เวลาจะเริ่มพิธีแล้ว ท่านจึงจอดเรือรอ แต่หลวงพ่อจงบอกให้ท่านไม่ต้องรอ ให้กลับไปก่อน แล้วท่านจะรีบเดินตามมาให้ทันพิธี

เมื่อหลวงพ่อฤาษีกลับมาถึงวัดบางนมโค ก็ขึ้นไปกราบเรียนหลวงพ่อปาน รายงานท่านว่าหลวงพ่อจงกำลังรดน้ำมนต์อยู่ นิมนต์ให้ท่านมาเรือท่านก็ไม่มา ท่านจะเดินมา อีกสักครู่ท่านคงจะมาถึง

พอหลวงพ่อปาน ได้ฟังก็ยิ้ม หัวเราะชอบใจ บอกว่านี่เจ้าลิงดำ หลวงพ่อจงเล่นตลกกับแกเสียแล้ว แกไปดูบนศาลาสิ ก็เลยกราบท่านแล้วขึ้นไปดูบนศาลา ปรากฏว่าพบหลวงพ่อจงนั่งอยู่หน้าอาสนสงฆ์ นั่งอยู่หน้าพระองค์อื่นทั้งหมด เพราะท่านมีอาวุโสมาก หลวงพ่อฤาษีจึงเข้าไปกราบ ท่านจึงถามว่ามานานแล้วรึ ก็กราบเรียนท่านไปว่าเพิ่งมาถึง ไปหาหลวงพ่อปานสักสองนาทีแล้วก็ขึ้นมาบนศาลานี่ เลยมานั่งสงสัยว่าหลวงพ่อจงท่านเดินยังไง คนหนุ่ม ๆ ยังเดินตั้งเกือบชั่วโมง ก็เมื่อไปถึงวัดหน้าต่างนอกตอนนั้น หลวงพ่อจงกำลังจะรดน้ำมนต์ แต่ท่านมาถึงวัดบางนมโคก่อนเรือเร็วของหลวงพ่อฤาษีลิงดำเสียอีก ขณะที่กำลังคิดสงสัยอยู่นั้น หลวงพ่อจงก็ถามว่าแปลกใจรึ ท่านบอกว่าไม่มีอะไรแปลก พระในพระพุทธศาสนาถ้าปฏิบัติถึงขั้นก็เดินเก่งทุกคน ถ้าปฏิบัติยังไม่ถึงก็ยังเดินไม่เก่ง
​

 

สวัสดียามเช้าทุกๆท่านครับ

 

ผู้รู้ว่าบางขุนพรมครับ