อยากทราบว่าผู้ที่บรรลุโสดาบันจะทราบหรือไม่ว่าตนเองบรรลุแล้ว

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย nongkungRx, 5 พฤษภาคม 2009.

  1. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    วิปัสนูกิเลส เป็นการติดที่กุศล ในขณะแห่ง มรรค จึงงดเว้นจากกุศลฝ่ายเดียว เพราะ อกุศลได้ตัดขาดแล้ว

    การ รักษาศีลทำสมาธิ เจริญ สมถะ เป็นกระบวนการแห่งการเริ่มต้น เพื่อเข้าสู่ ขณะแห่งมรรค จึงเจริญกุศล เพื่อ ละอกุศล การดำเนินการวิปัสนา จึงเป็นการละ กุศลฝ่ายเดียว
     
  2. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    อนุโมทนาค่ะ ท่าน เรียนถามอีกนิดหนึ่งค่ะ ทำอย่างไร เราถึงจะเลิกติดนิมิตได้คะ ถ้าเผลอยินดี ขอบคุณค่ะ<!-- google_ad_section_end -->

    วิธีการที่ใช้ได้ผลมาแล้วทุกครั้ง

    นิมิตที่เข้าไปเกี่ยวข้อง เมื่อจิตถอนออกจากนิมิตแล้วพิจารณาพระไตรลักษณ์ คือ พิจารณาร่างกายโดยความเป็นอนิจจัง ไม่เที่ยง ทุกขัง เป็นทุกข์ และ อนัตตา จิตจะปล่อยวางเป็นอิสระจากนิมิตที่เป็นรูปกับนาม ก็ถือว่านิมิตอันเราได้ละแล้ว
     
  3. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ วิษณุ อวิชชา นี่เป็นอกุศลไหม
    ราคะ โทสะ และ โมหะ เป็นอกุศลไหม

    คุณคงไม่บอกนะ ว่า พระโสดาบัน ละแต่ กุศล อันมี ปฐมฌาณ บ้าง อันมีทานบ้าง

    จะไปละทำไมครับ ในส่วนของกุศล ในส่วนของกุศล นั้นไม่มีใครสนใจหรอก

    พระศาสดาสอนให้ ทำกุศลให้ถึงพร้อม แต่ละอกุศลทั้งปวง

    คงจะมีแต่มารเท่านั้นแหละครับ ที่บอกให้ละกุศล
     
  4. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    คุณศรีคะ การพิจารณาไตรลักษณ์นี่เป็นสมถะ หรือวิปัสนาคะ หรือทำไปเพื่อดับนิมิต
     
  5. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ตอนแรก เข้าใจว่ามันเป็นอกุศล ขอบคุณท่านวิษณุ
     
  6. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    การพิจารณาไตรลักษณ์นี่เป็นการยกจิตขึ้นสู่ภูมิวิปัสสนาญาณ
    แทนที่จะปฏิบัติอยู่กับที่แค่สมถะคือติดนิมิตทำให้ติดสุขจน
    นักปฏิบัติขี้เกียจ มาก ไม่รู้ว่า เพราะ อารายพอใจแต่สุขจากการเข้าฌานเวลาออกจากสมาธิประเภทนี้ จิตก็ไหว

    การพิจารณาพระไตรลักษณ์ถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก เมื่อปฏิบัติมาก ๆ แล้วนิพพิทาญาณก็เป็นเครื่องชี้นำได้อย่างดีว่า<WBR>ได้ปฏิบัติมาอย่างถูกต้องแนวทางดีแล้วผู้นั้นจะเร่งโหมทำความเพียรอย่างไม่อาจจะหยุดได้แล้ว จนรู้เรื่องกันไป ให้เกิดความเบื่อ<WBR>หน่ายในร่างกาย เบื่อหน่ายในการเกิด เป็นการพิจารณาจนเห็นทุกข์ สำลอกกิเลสออกที่ละชั้น จิตย่อมหลุดพ้นจากทุกขังก็คือความทุกข์ ความไม่สบายกายไม่สบายใจ ความคับแค้นใจ ความพลัดพรากจากสิ่ง<WBR>ที่รักที่พอใจ

    แต่ถ้าปฎิบัติแล้วมีความรู้สึกอวดดีอยากแข่งดีแข่งเด่นกว่าพระพุทธเจ้ากับหล่าพระอรหันต์ก็ยังติดแค่ปัญญาโลกีย์เป็นวิถีทางแห่งความเสื่อมและประมาท
     
  7. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    ขอบคุณค่ะคุณศรี หนูเคยนั่งพิจารณาร่างกายจากเข้ากรรมฐานแล้ว แต่มันก็นิมิต เพราะพอใช้วิธีพิจารณาแล้ว มันยิ่งเกิดนิมิตที่ละเอียดขั้นไปอีก เช่นกลิ่นของตัวเอง
    ระบบการทำงานของตัวเองทุกอย่างได้ยิน ชัด( ตัวซ้อนตัว )ทำให้รู้สึกสยอง คำถามนี้มิได้เป็นการอวดดี อะไรเป็นสาเหตุให้คิดแบบนั้น กามราคะนี่ก็คงไม่ใช่เพราะไม่ได้ใส่ใจ ไม่ได้ยินดียินดียินร้าย ตรงนี้หลวงพ่อพาพิจารณาซากศพ จริง ๆ แล้ว ตอนเรียนก็เจอมากแล้ว
    แต่ตรงนั้นคิดว่ายังไม่ใช่ปัญญาเพราะมันยังรู้สึกลัวร่างกายตนเองอยู่
    ติดมานาน ข่มก็ไม่หายคือไม่รู้จะทำอย่างไรแล้วค่ะ และมีอื่น ๆ ที่ยังติดค่ะ
    ขอบคุณศรีมาก ๆ ที่ช่วยให้ความกระจ่าง
     
  8. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ท่านขันธ์ครับ เมื่อเข้ากระแสแห่งมรรค อกุศล จะถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง เหลืองเพียง กุศลเท่านั้นที่ต้องละ เพราะเป็นกิเลส อย่างละเอียด ไม่งั้นก็จะไม่มีคำว่า อยู่พ้น บุญ ผ้น บาปเสียได้

    การละ ทาน พระโสดาบันท่านละได้อย่างบริสุทธิ์ เรียกว่า ละเจตนา คือศีล บริสุทธิ์ เพื่อ พ้นเจตนา การรักษาศีลจึงเชื่อว่า เป็นมหาทาน เพราะให้เจตนาเป็นทาน

    หากมีการทำทาน ด้วยสิ่งของ ก็เป็นไปตามกาลสมัย
    อวิชา ก็คือ กิเลส
    กิเลส ก็มีทั้ง บาปและบุญ บาปเป็นส่วนหยาบ บุญเป็นส่วนละเอียด
    อาจารย์พระพุทธเจ้า ละกิเลสฝ่ายดีไม่ได้ คือรากเหง้า ของบุญ จึงต้องมีเกิดอีก
    เมื่อพ้น บุญและ บาปเสียได้ การเกิดย่อมไม่มี...ผมเข้าใจอย่างนั้น
     
  9. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    เมื่อถึงจิตพุทธะ เมือไร ความเป็นกุศล และอกุศล จะเป็นศูนย์ทันที
    แต่ก่อนจะถึงเราต้องสะสม ทาน ศีล ภาวนา บารมีให้พร้อมกัน เตรียมสะเบียงแล้วทิ้งสะเบียง
     
  10. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    วิปัสณูปกิเลส มันก็คือ หลง ที่นี่คำถามคือ เกิดขึ้นระหว่างทางวิปัสสนา ที่มันเกิดได้ ก็เพราะเป้าหมายมันเคลื่อนไป หากแน่วแน่ที่จะดับทุกข์ อะไรเป็นทุกข์ตั้งใจจริงว่าต้องดับให้ได้ มันก็จะติดไม่นาน ถามว่าจำเป็นต้องติดไหม ก็หากสงสัยยังมี มันก็ต้องติดมั้ง ^-^
     
  11. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=thead>nanakorn</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ดูรายละเอียดของ</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ส่งข้อความส่วนตัวถึงคุณ nanakorn</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ส่ง Email ถึง nanakorn</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>ค้นหาโพสเพิ่มเติมของ nanakorn</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>Add nanakorn to Your Contacts</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>nanakorn Donation Stats</TD></TR><TR><TD class=vbmenu_option>View nanakorn's Videos </TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE class=tborder id=post2089405 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] วันนี้, 09:43 AM </TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #48 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->วิษณุ12<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2089405", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Oct 2008
    ข้อความ: 2,083
    <IF condition="">
    </IF>Groans: 8
    Groaned at 4 Times in 4 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 65
    ได้รับอนุโมทนา 1,041 ครั้ง ใน 501 โพส
    พลังการให้คะแนน: 215 [​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_2089405 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- google_ad_section_start -->อ้างอิง:
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ขันธ์ [​IMG]
    คุณ วิษณุ อวิชชา นี่เป็นอกุศลไหม
    ราคะ โทสะ และ โมหะ เป็นอกุศลไหม

    คุณคงไม่บอกนะ ว่า พระโสดาบัน ละแต่ กุศล อันมี ปฐมฌาณ บ้าง อันมีทานบ้าง

    จะไปละทำไมครับ ในส่วนของกุศล ในส่วนของกุศล นั้นไม่มีใครสนใจหรอก

    พระศาสดาสอนให้ ทำกุศลให้ถึงพร้อม แต่ละอกุศลทั้งปวง

    คงจะมีแต่มารเท่านั้นแหละครับ ที่บอกให้ละกุศล
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    ท่านขันธ์ครับ เมื่อเข้ากระแสแห่งมรรค อกุศล จะถูกตัดขาดอย่างสิ้นเชิง เหลืองเพียง กุศลเท่านั้นที่ต้องละ เพราะเป็นกิเลส อย่างละเอียด ไม่งั้นก็จะไม่มีคำว่า อยู่พ้น บุญ ผ้น บาปเสียได้

    การละ ทาน พระโสดาบันท่านละได้อย่างบริสุทธิ์ เรียกว่า ละเจตนา คือศีล บริสุทธิ์ เพื่อ พ้นเจตนา การรักษาศีลจึงเชื่อว่า เป็นมหาทาน เพราะให้เจตนาเป็นทาน

    หากมีการทำทาน ด้วยสิ่งของ ก็เป็นไปตามกาลสมัย
    อวิชา ก็คือ กิเลส
    กิเลส ก็มีทั้ง บาปและบุญ บาปเป็นส่วนหยาบ บุญเป็นส่วนละเอียด
    อาจารย์พระพุทธเจ้า ละกิเลสฝ่ายดีไม่ได้ คือรากเหง้า ของบุญ จึงต้องมีเกิดอีก
    เมื่อพ้น บุญและ บาปเสียได้ การเกิดย่อมไม่มี...ผมเข้าใจอย่างนั้น<!-- google_ad_section_end -->
    </TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("2089405")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right>[​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD background=images/gradients/bg_p.gif>สมาชิก 1 คน ได้กล่าว "ไม่เห็นด้วย" กับข้อความของ คุณ วิษณุ12 ที่เขียนไว้ทางด้านบน</TD></TR><TR><TD class=alt2 height=29>วิมุตติ (วันนี้)</TD></TR></TBODY></TABLE>




    ********************************************



    มาดูกันว่า ทำไม แม้กุศล ก็ต้องละ

     
  12. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ปฏิบัติยังไม่ทันถึงไหน คิดจะละกุศลกันเสียแล้ว
    เก่งกันจัง เหอๆๆๆๆ เอาไว้อรหัตมรรคก่อน ค่อยว่ากันอีกทีดีไหมครับ...
     
  13. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    คนที่สำเร็จแล้วจะพูดแบบนั้น แต่คนที่ก้าวไปทีละนิดเนื่องจากการสะสมบุญวาสนามาน้อยกว่า
    เพราะว่าปัญญายังไม่มาก ยังต้องถามผู้มีบารมีอยู่ คำถามเป็นการเรียนรู้ที่จะปฏิบัติ
    สิ่งที่เราจะทำได้กับคนที่มีปัญญาน้อยกว่าอย่างดิฉันนี่ เขาถึุงให้วางอุเบกขา และเมตตาบารมี
     
  14. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    มันเป็นเข็มมุด หรือสมมุติ ค่ะ ก็ยังไม่วิมุตตินี่นา
     
  15. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    ไม่ใช่หรอกคุณ นานา แบบคุณวิมุตติ นี่เรียกว่า งง งวย ไม่รู้เหนือใต้

    คำว่า "ให้กำหนดรู้" ตอนนี้ก็ทรงไว้ไม่อยู่ เลยทำให้นึกคำพูดออกไป
    ไปในเชิงเหน็บแนมตามจริตที่เป็นคนชอบเหน็บ ไม่รู้จักมักจี่ ก็โพล่ไป
    แสดงคำเหน็บ แล้วก็หนีหายไป พอใจแค่ได้เหน็บคนอื่นไปวันๆ ไม่ได้
    สนใจเนื้อหาสารธรรม หากจะทำอะไรก็คงเปิดไพ่ยิบซีทำนายไปตาม
    ความช่ำชองเห็นเป็นสาระแท้ จึงได้อวดออกมาขนานใหญ่มาเมื่อไม่กี่
    วันก่อน

    เรียกว่า อยากมีกุศล แต่ตนก็มีสิ่งซึ่งเป็นอกุศลไม่ยอมละ
     
  16. nanakorn

    nanakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    1,075
    ค่าพลัง:
    +155
    คุณเอกวีร์ เอารายละเอียดของนานา มาทำอะไรเหรอคะ ?
     
  17. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    นานาคุณสบายใจได้ผมไม่ได้ตำหนิคุณ
    แต่ผมกำราบจิตที่คิดไม่ดีโดยรวมแล้วของปุถุชนขนาดพระโพธิสัตว์ยังมีกิเลสตัวนี้

    เมื่อถึงจิตพุทธะ ย่อมรู้ถานะที่แท้จริงของตน

    ที่ว่าความเป็นกุศล และ อกุศล จะเป็นศูนย์
    เพราะเป็นของว่างจากอินทรีและตัวตนไม่ว่าเล็กหรือใหญ่

    แต่ก่อนจะถึงเราต้องสะสม ทาน ศีล ภาวนา บารมีให้พร้อมกัน เตรียมสะเบียงแล้วทิ้งสะเบียง

    ธรรมะ 84000 พระธรรมะขันธ์ก็เพื่อขัดเกลารูปลักษณ์ เมื่อข้ามฝั่งได้แล้วรูปลักษณ์ย่อมหมดไป ก็ให้ละไม่ใช่ให้ยึด

    ให้ถือใจแต่เพียงแค่จักสักแต่ว่ารู้
    จักสักแต่ว่าเห็น
    จักสักแต่ว่าทราบ
    จักสักแต่ว่ารู้แจ้ง

    เมื่อนั้นจิตย่อมไม่ยึดมั่นถือมั่น รูปนามในโลกไม่มีตัวตนอยู่จริง
    เป็นแต่มายาภาพลวงตาทำอะไรผู้รู้แจ้งแทงตลอดในวิปัสนา

    ญาณไม่ได้ เพราะไม่มีจิตไว้รองรับกุศล และ อกุศลจะว่าขาดสูญก็ได้ไม่ขาดสูญก็ได้

    ต่างกับผู้ที่มีอัตตาไม่บริสุทธิ์ย่อมเหมือนน้ำที่ยังไม่เต็มแก้วเพราะไม่รู้จักอิ่มจักพอในธรรมะจึงต้องดำรงค์ชีวิตอยู่ด้วย
    พระวจนะของพระพุทธเจ้า


     
  18. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    อริยบุคคล ทุกประเภท ต้องละอกุศล และทำกุศลให้ถึงพร้อม

    ไม่ใช่ไปละกุศล กุศลนี่เป็นเรื่องดี สติเป็นกุศล ฌาณเป็นกุศล

    ทานเป็นกุศล ให้ทำให้มากดีแล้ว

    แต่อกุศล คือ ราคะ โทสะ โมหะ ต้องละ

    ส่วนที่ยกพระสูตรเรื่องการละนิพพาน นั่นไม่ใช่ละกุศล แต่เป็นการละอกุศล คือ โมหะ ในการลุ่มหลง
     
  19. เอกวีร์

    เอกวีร์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2008
    โพสต์:
    3,972
    ค่าพลัง:
    +3,241
    งง เหมือนกัน copy มาแปะ แต่ไม่รู้ว่าส่วนนั้นมาได้อย่างไร
    เพราะ โพสที่ก๊อปปี้ ก็ไม่เห็นมีอะไรเกี่ยวกับ นานา แต่มันมาแล้ว
    ก็ปล่อยไปตามเรื่อง [​IMG]
     
  20. วิมุตติ

    วิมุตติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    2,355
    ค่าพลัง:
    +2,169
    ตีความด้วยโมหะ อย่างวีวี่ ก็ไม่พ้นความเพี้ยน
    วันนี้ผมประหลาดใจมากที่มีกลุ่มคนเข้าใจว่า ให้ละกุศล
    น่าเศร้า น่าเศร้า...
     

แชร์หน้านี้

Loading...