หลวงปู่อินตอง สุภวโร วัดวีระธรรม อ.พังโคน จ.สกลนคร

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย ติสาโร, 14 มิถุนายน 2022.

  1. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    หลังจากนั้นก็เดินทางมากราบหลวงพ่อชำนาญ วัดหนองผักนาก จ.สุพรรณบุรี โชคดีมาถึงทันเวลาเพราะท่านกำลังจะเตรียมตัวไปอุโบสถเพื่อบวชนาค เลยขอโอกาสถวายชุดสังฆทานที่จัดเตรียมมาและถวายปัจจัยทำบุญกับท่าน และขอโอกาสเมตตาอธิษฐานจิตกล่องมวลสาร ท่านเมตตาเป่าหัวให้ ท่านถามมาจากไหน มาทำอะไรหรอ ก็เลยแจ้งว่าจริงๆวันนี้จะนำปัจจัยไปมอบให้กับวัดที่กันดารที่อุทัยธานี แต่ผ่านทางมาก็เลยเข้ามากราบหลวงพ่อครับ


    28.jpg 29.jpg 30.jpg
     
  2. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เดินทางไปวัดท่าซุง จ.อุทัยธานี เพื่อจะไปกราบสรีระของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ได้ถวายสังฆทานชุดใหญ่ และได้นำกล่องมวลสารไปวางไว้หน้าสรีระหลวงพ่อฤาษีลิงดำ และกล่าวนึกอธิษฐานในใจขอบารมีหลวงปู่ปาน และหลวงพ่อฤาษีลิงดำเมตตา

    28.jpg
     
  3. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เดินทางไปกราบหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท และนำไปกล่องมวลสารไปวางไว้หน้ารูปเหมือนท่าน และกล่าวขอบารมีของหลวงปู่ศุข หลวงพ่อสำราญ และกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ให้ท่านเมตตา และได้ถือกล่องมวลสารเดินลอดใต้โลง 3 รอบ

    28.jpg
     
  4. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เสร็จแล้วก็เดินทางไปวัดเทพสุวรรณวงศาราม จ.อุทัยธานี เพื่อนำปัจจัยไปทำบุญให้กับทางวัด
    แล้วก็เดินทางมากราบหลวงพ่อสมบุญ วัดลำพันบอง เกจิดัง จ.สุพรรณบุรี เพื่อถวายชุดสังฆทานและถวายปัจจัยทำบุญกับท่าน และขอเมตตาอธิษฐานจิตกล่องมวลสาร ซึ่งท่านก็ได้นำสายสิญน์มาล้อมกล่องและทำการอธิษฐานจิตประมาณ 15 นาทีและประพรมน้ำมนต์ใส่กล่องมวลสาร ท่านยังเมตตาจารศรีษะให้ผม


    28.jpg 29.jpg 30.jpg 31.jpg 32.jpg 33.jpg
     
  5. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    วันพุธ ที่ 29 พฤษภาคม 2562
    .
    ผมลางานเดินทางเพื่อมาร่วมพิธีพระพิชัยสงครามของกองทุนหลวงปู่ปาน โสนันโท เป็นพิธีที่ทำตามขั้นตอนสมัยโบราณอย่างเคร่งครัด ฤกษ์ผานาทีผูกตามฤกษ์มงคลอย่างเข้มขลัง
    .
    ถือโอกาสนำกล่องมวลสารเข้าร่วมปลุกเสกในพิธีที่เข้มขลังตามแบบโบราณ พระอาทิตย์ทรงกลด และครั้งนี้ผูกดวงตามฤกษ์เน้นไปที่โชคลาภ เงินทอง ความอุดมสมบูรณ์ ที่สำคัญทางทีมงานได้ทราบว่าผมจะสร้างพระถวายวัดโดยไม่มีผลประโยชน์ใดๆมาข้องเกี่ยว จึงร่วมบุญโดยมอบผงมวลสารยาจินดามณีแบบหัวเชื้อที่พร้อมกดเป็นพระได้เลยมาร่วมบุญด้วย 1 ถุง.... ขออนุโมทนาสาธุครับผม

    30.jpg 31.jpg 32.jpg 33.jpg 34.jpg 35.jpg 36.jpg 37.jpg 38.jpg
     
  6. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    วันอาทิตย์ ที่ 9 มิถุนายน 2562
    .
    เข้ากราบและถวายปัจจัยทำบุญกับหลวงปู่คำคูณ วัดราชนัดดา ท่านเมตตาอธิษฐานจิตมวลสารตั้งต้นให้ และพอดีได้ทราบจากลูกศิษย์ท่านว่า หลวงปู่เป็นแผลที่ผิวหนัง คันมากแต่ยาหมดแล้ว เลยรีบจัดการไปซื้อยามาถวายหลวงปู่ทันที บุญเร่งด่วนแบบนี้... ผมไม่มีพลาด... อิอิ


    30.jpg 31.jpg 32.jpg 33.jpg
     
  7. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    วันจันทร์ ที่ 10 มิถุนายน 2562
    .
    ทราบข่าวพ่อหลวงนวล วัดพุทธาราม อ.สวี จ.ชุมพร จะเดินทางมาพักแถวสมุทรสาครเพราะมีกิจที่กทม. จึงตัดสินใจเดินทางไปกราบท่านในช่วงหัวค่ำ
    .
    ท่านเมตตามาก หยิบเนยให้ผมทาน ให้ผมได้บุญโดยเรียกให้ผมนวดแขน นวดหลัง คนที่ไปกราบท่าน ท่านหยิบเนยให้ทานทุกคนเลยและให้ทุกคนได้บุญโดยท่านเรียกให้มานวดมาบีบท่านหมดทุกคน นับเป็นความเมตตาอย่างสูง ท่านเอาผ้าเย็นเช็ดหน้าเช็ดตัวแล้วบอกว่าเคยมีคนขอผ้าเช็ดตัวเราไปแล้วเราให้พรให้เขารวย กลับไปก็รวยจริงๆ ลูกศิษย์ท่านได้ฟังเลยขอผ้าเย็นที่หลวงปู่เช็ด และขอให้ท่านเช็ดหน้าเช็ดตัวเยอะๆ ท่านก็ทำให้ก่อนยื่นให้ลูกศิษย์ท่านนั้นแล้วเอ่ยปากบอกว่าแบ่งให้ทุกคนด้วย ผมก็เลยโชคดีได้ผ้าเย็นที่ท่านเช็ดหน้าเช็ดตัวด้วย ท่านเมตตาและพูดคุยสอบถามสารทุกข์สุขดิบอย่างเป็นกันเองมากๆ เลยขอเมตตาหลวงปู่ช่วยอธิษฐานจิตกล่องมวลสารตั้งต้นให้ เพราะเท่าที่หาข้อมูลมาท่านเป็นพระที่เก่งกรรมฐานมากๆและลูกศิษย์หลายคนบอกท่านมีฤทธิ์มาก

    พ่อหลวงนวล : เคยมาที่นี่มั้ย???
    ติสาโร : ไม่เคยครับ เพิ่งเคยเจอหลวงพ่อครั้งแรกเลยครับ
    พ่อหลวงนวล : อืม... ดีๆ
    ท่านก็เมตตาจะอธิษฐานจิตให้ พอท่านเอามือจับกล่อง ท่านก็มองหน้าผมแล้วเอ่ยปาก...
    พ่อหลวงนวล : เข้มขลังมาก!
    ติสาโร : (นึกยิ้มในใจเลยผม )
    พ่อหลวงนวล : ในนี้มีอะไรหรอ?
    ติสาโร : ข้างในกล่องเป็นผง มวลสาร และแผ่นทองเหลืองครับ
    พ่อหลวงนวล : ศักดิ์สิทธิ์และเข้มขลัง อืมดี... ดีมาก
    หลังจากนั้นท่านก็อธิษฐานจิตให้อย่างตั้งใจ
    .
    หลังจากนั้นก็ทราบว่าลูกศิษย์ท่านจะจัดสร้างลอกเก็ตในงานกฐินปีนี้ถวายพ่อหลวงนวลเพื่อร่วมบุญสร้างเจดีย์ ผมเลยขอร่วมบุญโดยการแบ่งมวลสารศักดิ์สิทธิ์ที่พ่อหลวงนวลเอ่ยปากบอกมาเอง ดีใจกันทั้ง2ฝ่าย ทางฝั่งผมได้ร่วมบุญ ทางฝั่งลูกศิษย์ก็ได้มวลสารเข้มขลังตามที่พ่อหลวงนวลเอ่ยปากเองไปอุดหลังลอกเก็ต... สาธุ
    .
    หลังจากนั้นเดินทางขับรถเพื่อจะไปกราบครูบาอริยชาติแถวถ.วิภาวดี แต่ช้าไปแค่นิดเดียว ท่านเพิ่งจะขึ้นไปพัก... อดเลย!


    30.jpg 31.jpg 32.jpg 33.jpg 34.jpg 35.jpg 36.jpg 37.jpg 38.jpg 39.jpg
     
  8. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    วันอาทิตย์ ที่ 16 มิถุนายน 2562
    .
    ไปร่วมงานหล่อหลวงพ่อทันใจ ที่วัดบัวโรย ซึ่งมีหลวงปู่นรสิงห์ กิตติสาโร มาเป็นประธานพิธี หลังจากทำบุญเสร็จ ก็ขอเมตตาหลวงปู่นรสิงห์ อธิษฐานจิตกล่องมวลสารตั้งต้น และหลังจากนั้นก็ไปกราบสรีระหลวงปู่ขีด และได้นำกล่องมวลสารไปวางไว้หน้าสรีระหลวงปู่ขีด อดีตเจ้าอาวาสวัดบัวโรย พระที่หลวงปู่บุญส่งนับถือมากๆ นึกอธิษฐานขอเมตตาหลวงปู่ขีดเมตตามาอธิษฐานจิตกล่องมวลสารตั้งต้น

    30.jpg 31.jpg
     
  9. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    หลังจากนั้น
    - ก็เดินทางไปวัดบางสมัคร แต่หลวงปู่ฟูจำวัดแล้ว
    - เดินทางไปวัดไตรสามัคคี แต่หลวงปู่ผาก็จำวัดเช่นกัน
    - เดินทางมากราบหลวงพ่อมงคล วัดมหาธาตุ แต่ท่านไปกิจนิมนต์ที่จ.หนองคาย
    - เลยมาคณะ 23 มากราบหลวงปู่มหาอำนาจ วัดมหาธาตุ ขอเมตตาให้ท่านอธิษฐานจิตกล่องมวลสารตั้งต้นให้


    30.jpg 31.jpg 32.jpg
     
  10. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    วันอาทิตย์ ที่ 23 มิถุนายน 2562
    .
    ช่วงเช้าเดินทางมาตลาดปากคลองตลาด 2 เพื่อหาซื้อดอกบานไม่รู้โรย 1 กก ยาเส้น 1 กก เพื่อจะนำมาถวายพ่อท่านผอม ไว้แจกลูกศิษย์ ได้ถวายเงินร่วมบุญรักษาธาตุขันธ์หลวงปู่ และขอเมตตาพ่อท่านผอมอธิษฐานจิตกล่องมวลสารตั้งต้น ศิษย์อุปัฏฐากได้ร่วมบุญโดยมอบดอกบานไม่รู้โรยที่ทางสำนักปฏิบัติธรรมถาวโรใช้บูชาพระและได้นำมาเก็บไว้พร้อมทั้งยาเส้นมอบให้เป็นมวลสารร่วมบุญด้วย
    .
    ยาเส้น อุปเท่ห์ คือทำอะไรมีเส้นสาย ติดต่ออะไรก็ไหลลื่นได้รับความสะดวก มีคนคอยช่วยเหลือ พ่อท่านผอมเมตตา เสกให้ด้วยวิชาเฉพาะที่ท่านเรียนมาและ
    แจกจ่ายแก่ลูกหลานศิษยานุศิษย์
    .
    พ่อท่านว่า...ทางโลกเขามีเส้นมีสายกัน
    เอาอันนี้ไว้ใช้ติดตัว อย่าไปทำตกหล่นหาย
    ที่ไหน จะทำอะไรก็สะดวกราบรื่น..เหมือน
    เรามีเส้นมีสายนั่นแหละ...
    .
    ผมเองเชื่อว่าคุ้มภัย กันภัยก็ได้ เมตตามหานิยม
    แคล้วคลาด ก็มีครบทุกทาง ศิษย์ของพ่อท่าน
    ต่างรู้ซึ้งถึงยาเส้นเสกนี้ว่าดีอย่างไร สรุปสั้นๆ
    คือ "ครอบจักรวาล"

    ดอกบานไม่รู้โรย อุปเท่ห์คือเจริญรุ่งเรือง ไม่มีเสื่อมถอย
    .
    นี่ล่ะครับมวลสารสำคัญที่ผมตั้งใจและต้องการมาเป็นส่วนผสมในการสร้างพระ แถมได้ผ่านการอธิษฐานจิตจากพ่อท่านผอม เชื่อขนมกินได้ถึงความเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์


    30.jpg 31.jpg 32.jpg 33.jpg 34.jpg 35.jpg 36.jpg 37.jpg 38.jpg
     
  11. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ช่วงหัวค่ำก็เดินทางเข้ากราบครูบาอริยชาติ วัดแสงแก้วโพธิญาณ จ.เชียงราย ท่านมากิจนิมนต์ที่กรุงเทพ ขอเมตตาให้ท่านอธิษฐานจิตกล่องมวลสารตั้งต้นและจารแผ่นทองเหลือง

    แล้วครูบาก็เมตตาอธิษฐานจิตให้ พออธิษฐานจิตเสร็จ
    ครูบา : เสกมาหลายที่แล้วนี่

    ญาณทรรศนะครูบาท่านแจ่มใสจริงๆ

    30.jpg 31.jpg 32.jpg 33.jpg 34.jpg 35.jpg 36.jpg 37.jpg 38.jpg
     
  12. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    วันนี้ผมได้รับการติดต่อจากลูกศิษย์ของหลวงปู่บุญส่งท่านนึง ว่าเดี๋ยวจะส่งมวลสารมาร่วมทำเป็นมวลสารในการสร้างพระครั้งนี้ด้วย มี ชันโรงใต้ดิน เนื้อดินกาฝาก 9 ชนิด ผงแร่เกาะล้าน และเกศาของหลวงปู่บุญส่ง ...น้อมอนุโมทนาสาธุครับ
    .
    ปล. รูปตัวอย่างคร่าวๆที่พี่เค้าส่งรูปมาให้ดูนะครับ รอพี่เค้าส่งมาให้ก่อน

    30.jpg 31.jpg 32.jpg 33.jpg 34.jpg
     
  13. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    วันอาทิตย์ ที่ 30 มิถุนายน 2562
    .
    ตื่นตี3 เพื่อออกเดินทางลุยงานแต่เช้า ทริป กรุงเทพ-ชลบุรี-จันทบุรี-ระยอง-ฉะเชิงเทรา
    - เดินทางมาถึงวัดมาบลำบิดประมาณ 6 โมงเช้า ได้เข้ากราบขอเมตตาหลวงปู่ฮก วัดมาบลำบิด จ.ชลบุรี เมตตาอธิษฐานจิตกล่องมวลสารตั้งต้นให้
    .
    ประวัติหลวงปู่ฮก
    หลวงปู่ฮก รตินฺธโร พื้นเพเป็นคนแปดริ้ว จ.ฉะเชิงเทรา นามเดิมชื่อ ฮก แซ่เตียว โยมบิดาชื่อ บู๊ แซ่เตียว โยมมารดาชื่อ ไน้ แซ่เตียว มีพี่น้องร่วมท้อง 10 กว่าคน(หลวงปู่จำไม่ได้แน่นอน ปัจจุบันเหลือน้องชาย 1 คน อยู่มาบตาพุด) หลวงปู่อุปสมบทเมื่ออายุได้ 48 ปี ที่วัดบุญญฤทธยาราม(วัดบึงบน) โดยมี พระครูพิบูลย์สังฆกิจ วัดกุณฑีธาร(วัดหัวกุญแจ)เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูโสรัจธรรมคุณ วัดบุญญฤทธยาราม(วัดบึงบน)เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระใบฎีกาฮง วัดบึงบวรสถิตย์ (วัดบึงล่าง)เป็นอนุสาวนาจารย์ ได้ฉายาว่า รตินฺธโร

    เมื่อบวชแล้วได้จำพรรษาที่วัดบุญญฤทธยาราม(วัดบึงบน) ตั้งแต่พรรษาแรกที่ท่านอุปสมบทก็มุ่งมั่นในทางธรรมฝึกฝน ปฏิบัติฝึกจิต เพื่อหวังความหลุดพ้นโดยท่านบอกว่าท่านเป็นครูของตัวเองนั่นคือท่าน ฝึกด้วยตัวของท่านเอง โดยอาศัยการอ่านตำรา แนวทางการปฏิบัติต่างๆจนพบแนวปฏิบัติที่ตรงกับจริตของท่าน

    เมื่อล่วงพรรษาที่3 ท่านก็ไปๆมาๆจำพรรษาระหว่างวัดบึงบนกับวัดเขาน้อยคีรีวัน อีกวัดหนึ่งซึ่งมีสุดยอดเกจิแห่งเมืองชล ที่เป็นผู้บุกเบิกสร้างวัดเขาน้อยขึ้นมา(หลวงปู่โทน กนฺตสีโล) เพราะท่านเป็นเพื่อนกับหลวงปู่โทนตั้งแต่ทำงานที่โรงไม้ แถวชลบุรีด้วยกันมาก่อนเมื่อตอนท่านอายุ 17-18ปี แม้จะเป็นสหธรรมิกกับหลวงปู่โทน แต่หลวงปู่ก็ไม่เคยเรียนวิชาอะไรกับหลวงปู่โทนเลย เพราะท่านมุ่งมั่นเพียงความสงบและหลุดพ้นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มีเพียงแต่ออกธุดงค์เท่านั้นที่ท่านออกธุดงค์กับหลวงปู่โทนอยู่เสมอเพราะท่านกับหลวงปู่โทนสนิทกันมาก จนหลวงปู่บอกว่า ท่านกับหลวงปู่โทนซี๊กัน อยู่ที่ไหนก็ไม่เหมือนอยู่กับหลวงปู่โทน ท่านจะเรียกหลวงปู่โทนว่า"พี่โทน"

    เมื่อล่วงเลย 10กว่า พรรษาท่านได้รับมอบหมายจาก พระครูโสรัจธรรมคุณ เจ้าอาวาสวัดบึงบน (เจ้าคณะตำบลคลองกิ่ว ตอนนั้น ปัจจุบัน รองเจ้าคณะอำเภอบ้านบึง)ให้มาจำพรรษาที่ วัดราษฎร์เรืองสุข(มาบลำบิด)เนื่องจากขาดผู้ปกครองวัด ท่านจึงได้มาจำพรรษาที่วัดมาบลำบิดตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

    .
    หลวงปู่ฮก รติน۪ธโร พระผู้เคร่งครัดปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในวัย 85ปี(ในปี2554) ท่านเป็นสหธรรมมิกของหลวงปู่โทน กน۪ตสีโล พระเกจิแห่งวัดเขาน้อยคีรีวัน หลวงปู่ฮกเคยจำพรรษาอยู่กับหลวงปู่โทนตั้งแต่เริ่มสร้างสำนักสงฆ์เขาน้อยคีรีวัน จำพรรษาด้วยกันบนเขาในสมัยก่อนนั้นยังไม่มีกุฏิมีแต่แคร่ไม้ที่ชาวบ้านสร้างไว้ และผ่าใบพลาสติกกางกันแดดกันฝนเท่านั้น สมัยก่อนน้ำไฟยังไม่มีในเวลากลางคืนต้องอาศัยแสงสว่างจากเทียน หลวงปู่ฮกท่านได้เล่าให้ฟังว่าบนเขานั้นมีงูจงอางสองตัว ซึ่งมีความคุ้นเคยกับหลวงปู่โทนอย่างมาก เนื่องจากหลวงปู่โทนท่านเคยมานั่งปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานด้วยกันบนเขา แต่งูจงอางก็ไม่ได้เข้าใกล้หลวงปู่ฮก ถึงแม้ท่านจะนั้งวิปัสสนากรรมฐานห่างกับหลวงปู่โทนไม่ใกลนัก
    หลวงปู่ฮกท่านเป็นพระสมถะรักสันโดษมักแสวงหาที่สงบเพื่อนั่งวิปัสนากรรมฐาน ป่าช้าก็เป็นสถานที่สงบอีกแห่งหนึ่งที่หลวงปู่ฮกชอบไปนั่งปฏิบัติธรรม ท่านมีความเป็นอยู่เรียบง่าย ไม่ยึดติดกับสิ่งไดๆ เมื่อออกบิณฑบาตรมีผู้บริจาคปัจจัยให้กับท่านท่านจะนำปัจจัยไปซื้ออาหารมาเลี้ยงสุนัข และแมวจนหมด นับว่าหลวงปู่ฮกท่านเป็นพระที่เปี่ยมล้นด้วยความเมตตามีบารมีธรรมสูงส่ง ท่านเป็นผู้ที่มีความชำนาญทางด้านวิปัสนากรรมฐานมีพลังจิตสูง ท่านเคยธุดงค์ไปในป่าลึกข้ามไปถึงฝั่งประเทศพม่า ประเทศมาเลเซีย พบเจอกับสัตว์ดุร้ายมากมายหลายชนิดแต่ไม่มีสัตว์ตัวไหนทำร้ายท่านได้เลย แม้แต่ยุงที่ว่าดุร้ายกว่าเสือยังไม่สามารถทำอะไรหลวงปู่ฮกได้เลยถ้าหลวงปู่ฮกนั่งสมาธิวิปัสสนากรรมฐานเมื่อไดท่านจะนั่งนิ่งสงบเพื่อสยบความเคลื่อนไหวจนดวงจิตนิ่งลึกถึงแก่นขุมพลังแห่งธรรมจนเป่งเป็นแสงแห่งธรรมกระจ่างไปตามเรือนร่างของท่านเมื่อสัตว์ร้ายเห็นพลังแสงธรรมเป่งประกายด้วยสัญชาตญาณของสัตว์ร้าย และภูติผีปีศาจทั้งหลายก็มิกล้ามากล้ำกลายทำร้ายหลวงปู่ฮกเลย มีแต่จะขอเขามาพึ่งบุญบารมีของท่านเท่านั้น ในชีวิตของท่านตั้งแต่บวชมาท่านไม่เคยกลางมุ้งหรือกางกลตจำวัดเลย แม้กระทั้งในระหว่างออกเดินธุดงค์วัตรไปสถานที่ต่างๆ หรือจำพรรษาอยู่ในวัดก็ตามขณะจำพรรษาอยู่ที่วัดราษฎร์เรืองสุข ( วัดมาบลำบิด ) ปัจจุบันนี้เวลาท่านจำวัดท่านจะจำวัดในโบสถ์ ท่านเป็นพระที่มีฌาณบารมีแก่กล้าอย่างแท้จริง


    30.jpg 31.jpg
     
  14. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ออกจากวัดสันติวนารามก็เดินทางมากราบพระครูปลัดบังเอิญ วัดบ้านนา จ.ระยอง เพื่อขอเมตตาอธิษฐานจิตมวลสารตั้งต้น ท่านเมตตาจารศรีษะให้ หลังจากนั้นได้นำกล่องมวลสารตั้งต้นไปวางไว้หน้าสรีระหลวงปู่บุญ วัดบ้านนา จุดธูปขอเมตตาท่านช่วยอธิษฐานจิต เห็นรูปปั้นพระสงฆ์ 2 องค์อยู่ก็สงสัยว่าเป็นใครกันบ้างหนอ???
    .
    ประวัติหลวงปู่บุญ วัดบ้านนา
    พระครูสุทธิวัตรสุนทร(หลวงปู่บุญ สุสมโณ)
    วัดบ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
    ชาติภูมิ
    นามเดิม บุญ สัตย์ซื่อ สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย
    นามบิดา นายแอ่ม สัตย์ซื่อ สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย
    นามมารดา นางซาว สัตย์ซื่อ สัญชาติไทย เชื้อชาติไทย
    สถานที่เกิด หมู่ที่๔ ตำบลบ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
    ชาตะ
    วันที่๓๑ มกราคม๒๔๔๗ ตรงกับวันอังคาร แรม๑๑ ค่ำ เดือน๒ ปีมะโรง ซึ่งมีพี่น้องร่วมบิดา-มารดาเดียวกัน๕คนคือ
    ๑. พระครูสุทธิวัตรสุนทร(หลวงปู่บุญ สุสมโณ)
    ๒.นางอิน สมรสกับนายอิ่ม จริตงาม (ถึงแก่กรรม)
    ๓. นายปริ่ง สมรสกับนางหลี สัตย์ซื่อ (ถึงแก่กรรม)
    ๔. นางลอย สมรสกับนายแดง สุทธิสถิตย์ (ถึงแก่กรรม)
    ๕. นางวิไล สมรสกับนายไม้ จุลเจือ

    หลวงปู่บุญ ท่านเคยรับราชการเป็นตำรวจมาก่อน
    อุปสมบท ท่านอุปสมบท วันที่๑๗ เดือนเมษายน พ.ศ.๒๔๗๑ ตรงกับวันอังคารแรม๑๓ค่ำเดือน๕ปีมะโรงที่วัดบ้านาน ตำบล บ้านนา จังหวัด ระยอง
    พระอุปัชฌาย์ พระครูสังฆการบูรพทิศ(ปั้น)เจ้าคณะแขวงแกลง วัดราชบัลลังก์ ตำบลทางเกวียน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
    พระกรรมวาจาจารย์ พระปลัดหล่ำ มหาสุวณฺโณ รองเจ้าคณะแขวงแกลง จังหวัด ระยอง (พระราชอริยคุณาธาร(หล่ำ)เจ้าคณะจังหวัดระยอง)
    พระอนุสาวนาจารย์ พระอาจารย์เหลือ วัดราชบัลลังก์ ตำบลทางเกวียน อำเภอ แกลง จังหวัดระยอง
    พ.ศ. ๒๔๗๑-๒๔๗๕ จำพรรษาอยู่วัดหนองจระเข้
    วิทยฐานะ
    เมื่อเยาว์วัย ได้รับการศึกษาตามประเพณีนิยมในสมัยนั้นกล่าวคือ เรียนอักษรสมัยในแบบปฐม ก กา ที่วัดบ้านนา จนสามารถอ่านออกเขียนได้
    พ.ศ.๒๔๖๐ จบชั้นประถมอ่านออกเขียนได้ ณ.โรงเรียนวัดหนองจระเข้ ตำบล บ้านนา อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
    พ.ศ.๒๔๗๗ สอบได้ น.ธ. ตรี วัดบ้านนา สำนักเรียนคณะจังหวัดระยอง
    การศึกษาพิเศษ
    - ศึกษาหนังสือขอมจนมีความสามารถอ่านออกเขียนได้เป็นอย่างดี
    - ศึกษาวิปัสสนากรรมฐานและวิชาแพทย์แผนโบราณ

    งานด้านปกครอง
    พ.ศ. ๒๔๗๖ เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบ้านนา
    พ.ศ. ๒๔๗๙ เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านนา
    พ.ศ. ๒๔๘๐ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พ.ศ.๒๕๒๔-๒๕๒๕รักษาการแทนเจ้าอาวาส วัดหนองจระเข้
    สมณศักดิ์
    พ.ศ. ๒๔๙๘ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูประทวน
    พ.ศ. ๒๕๑๒ ได้รับพระราชทานเป็นสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นตรีที่พระครูสุทธิวัตรสุนทร
    พ.ศ. ๒๕๒๔ ได้พระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นโทในราชทินนามเดิม

    มรณภาพ
    พระครูสุทธิวัตรสุนทร(หลวงพ่อบุญ สุสมโณ) เป็นพระมหาเถระผู้เคร่งครัดในพระธรรมวินัย เป็นผู้รักสันโดษ มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่ายยึดพรมวิหารธรรม และสังควัตถุธรรม เป็นหลักการบำเพ็ญศาสนกิจอันเป็นหิตานุหิตประโยชน์ เพื่อความเจริญรุ่งเรือง เพื่อความมั่นคง เพื่อความวัฒนาสถาพรแก่วัด และการพระศาสนามาโดยตลอด
    นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๔๐ เป็นต้นมาพระครูสุทธิวัตรสุนทร(หลวงปู่บุญ)สุขภาพไม่สู้จะแข็งแรงตามวัยนัก เนื่องจากมีการอาพาธด้วยโรคความดันโลหิตและระบบทางเดินหายใจเป็นประจำต้องเข้าพักรักษาตัวที่ตึกคณะสงฆ์อำเภอแกลง โรงพยาบาลแกลง และโรงพยาบาลบางโพหลายครั้ง เมื่ออาการดีขึ้นก็กลับมาอยู่ที่วัดปฏิบัติกิจวัตรไม่เคยขาด จนกระทั่งค่ำของวันที่ ๒๘ ธันวาคม ๒๕๔๒ หลวงปู่บุญยังคงปฏิบัติกิจของสงฆ์โดยอิริยาบถทั้ง๔ได้ตามปกติ เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๔๒ ขณะที่หลวงปู่กำลังจำวัดอยู่ เวลาประมาณ ๐๓.๐๐ น. ก็มีอาการสะดุ้งตื่นและเหนื่อยหอบมากศิษย์ผู้อุปัฏฐากอยู่รีบปฐมพยาบาล พร้อมทั้งนำหลวงปู่ส่งโรงพยาบาลแกลงแต่มีอาการอ่อนเพลียลงเรื่อยๆต้องใช้เครื่องช่วยหายใจอาการก็ไม่ดีขึ้น รุ่งขึ้น วันที่๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๒ ศิษย์พร้อมด้วย น.พ. บัญญัติ เจตนจันทร์ และพยาบาลโรงพยาบาลแกลง,โรงพยาบาลชลบุรีนำหลวงปู่ส่งโรงพยาบาลบางโพซึ่งคุณประพฤทธิ์ตงพิพัฒน์ แพทย์-พยาบาลโรงพยาบาทแห่งนี้ผู้เป็นศิษย์ที่เคารพนับถือหลวงปู่บุญ และได้ปวารณาไว้ คณะแพทย์ได้ทำการรักษาหลวงปู่จนอาการดีขึ้นตามลำดับ ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๔๓ อาการหลวงปู่ก็ทรุดลงอีกครั้งตามสภาพของสังขาร หลวงปู่พักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทั้งสองแห่งเป็นเวลา๑๐๙วัน ถึงได้มรณภาพโดยอาการอันสงบ ด้วยโรคไตวายเฉียบพลัน ณ. โรงพยาบาลบางโพ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๔๓ เวลา๑๒.๓๐
    สิริรวมอายุได้ ๙๖ ปี ๒ เดือน ๑๖ วัน
    .
    คนเก่าในเมืองระยองแทบสิ้นคึกเมื่อสิ้นหลวงปู่ทิม หลายคนพยายามมองหาพระเก่งเพื่อเพิ่มความคึก เล็งแลกันอยู่นานศิษย์รุ่นเก่าแก่ของหลวงปู่ทิมก็กระซิบกับผมว่า มีพระเก่งอยู่รูปหนึ่งนิสัยใจคอคล้ายกับหลวงปู่ทิม ความเก่งความชำนาญชาญเชี่ยวในเชิง ‘ฤทธิ์’ ก็ไม่น้อยไปกว่าหลวงปู่ทิมเท่าใดนัก

    ผมรีบกระซิบคืน “ใครครับ” ท่านว่า “หลวงปู่บุญ วัดบ้านนา”

    เมื่อผมไปเยี่ยมน้องสะใภ้ที่ ต.ซำฆ้อ ใน อ.แกลง ก็ได้ยินมารดาของสาวเจ้าเล่าความขลังของเกจิรูปหนึ่งให้ฟังว่า...

    มีครอบครัวคนทำสวนยางใกล้บ้านครอบครัวหนึ่ง มีลูกเป็นเด็กทารกอายุไม่กี่เดือนอยู่ด้วย แต่ก่อนร่อนชะไรเจ้าตัวเล็กก็ไม่มีปัญหา แต่หลังจากที่พ่อไปทำสวนยางใหม่กลับมาลูกน้อยก็ร้องไห้อย่างไม่มีสาเหตุ ผู้เป็นพ่อเป็นแม่ก็กลุ้มจนนอนไม่หลับ

    แต่ ‘โชคดี’ ยังให้ความเอ็นดูผู้เป็นพ่ออยู่บ้าง

    วันหนึ่งของทำสวนยาง ผู้พ่อก็พบผ้ายันต์สีขาวผืนหนึ่งตกอยู่ในสวนของตน ไม่ทราบที่ไปและไม่ทราบที่มา แต่เมื่อเป็นรูปพระในฐานะที่เป็นคนพุทธก็ต้องให้ความเคารพไว้ก่อน ด้วยความไม่รู้จักมักจี่กับเจ้าของยันต์ก็เลยเอายันต์นั้นแปะไว้ที่หน้าบ้านตน

    ‘โชคดี’ ยังเป็นของเขาอยู่อีก

    เพราะนับจากวันที่ยันต์ปริศนามาอยู่ร่วมชายคา หนูน้อยเสียงดีก็เป็นอันหยุดร้องสนิทราวกับปิดสวิทซ์เครื่องเทป ยังความปลาบปลื้มยินดีให้พ่อแม่เป็นอันมาก

    แต่ ‘โชคร้าย’ ก็ใช่ว่าจะหนีไปไกล

    เมื่อวันหนึ่งของทำสวนยาง ผู้แม่ก็ล้มพับลงไปท่ามกลางป่ายาง ครั้นใครหลายคนจะเข้าไปช่วยเหลือเจ้าหล่อนก็กลับลุกพรวดพราดทำตาขวาง พลางลุกขึ้นกรีดร้องเผ่นโผนออกจากสวนอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หมู่พวกจึงพากันทิ้งงานกวดตามหลังอย่างตระหนกตกใจ

    พอเจ้าหล่อนห้อตะบึงมาถึงบ้านก็ทำท่าจะวิ่งตรงเข้าประตูไป และก่อนที่จะเป็นดังนั้น ความอัศจรรย์ก็พลันเกิด เมื่อเธอหยุดกึก พลางจับจ้องไปที่ผ้าผืนน้อยสีขาวหน้าบ้านชนิดตาไม่กระพริบ แล้วทรุดฮวบลงกับพื้นพลางร้องไห้คร่ำครวญเหมือนจะขาดใจ

    หมู่พวกที่ตามมาถึงก็พากันระส่ำระสายจะเข้าช่วยก็ไม่กล้า เพราะดูท่าแล้วมันไม่ใช่เรื่อง ‘ธรรมดา’ พอผู้เป็นสามีเข้าไปจับเนื้อต้องตัวเพื่อสอบถามเรื่องราว เจ้าหล่อนกลับสวนมาว่า

    “ฉันไม่ใช่เมียแก”

    เอาละสิ อยู่กันจนมีลูก จู่ ๆ มาบอกไม่ใช่เมีย ถึงตอนนี้ชาวบ้านชาวช่องก็พากันมารุมล้อมประสา ‘ไทยมุง’ คนเฒ่าคนแก่พากันซุบซิบให้ความเห็น

    “ผีเข้าแหง ๆ”

    หลายคนแสดงตนเป็นผู้รู้ คอยปลอบประโลมจนคนผีเข้าคลายทุกข์โศกลงบ้าง คนผีสิงก็ปริปากว่าตนชื่อ ลำดวน (นามสมมุติ) ถูกฆ่าตายแล้วฝังเอาไว้ในป่ายาง ทุกข์ทรมานมากทั้งมืดทั้งหนาว คิดถึงลูกมากแต่ไปหาไม่ได้ เพราะตนถูกผู้ฆ่าเอากระโหลกไปให้คนมีวิชาทำพิธีสะกดวิญญาณ แล้วไปฝังในสวนยางจึงไปไหนไม่ได้ พอได้ยินเสียงเด็กเลยคิดถึงลูก จึงมาที่บ้านทุกวันเพื่อมาเล่นด้วย แต่ตอนนี้รักเด็กคนนี้มากจึงอยากเอาไปอยู่ด้วย

    ได้ยินอย่างนี้ผู้เป็นพ่อก็สะดุ้งตากลับ

    แล้วก็ใจชื้นขึ้นเป็นกอง เมื่อเมียรักชี้ไปที่ผ้าสีขาวแล้วเอ่ยว่า แต่ตอนนี้เข้าไปหาเด็กไม่ได้แล้วเพราะกลัวผ้ายันต์นี้มาก คนทำเก่ง ร้อนมาก สู้ไม่ได้ พอเห็นแม่เด็กเดินมาใกล้ ๆ จึงเข้าทับเพื่อมาหาเด็กเข้าใจว่าจะเข้าบ้านได้ แต่ก็เข้าไม่ได้อีก คิดถึงลูกเหลือเกิน

    จากนั้นคนผีเข้าก็ร้องไห้คร่ำครวญต่อไปอีก เป็นที่เวทนานัก ชาวบ้านจึงถามชื่อแซ่ เธอก็บอกเล่าให้ฟังหมด ถามถึงฆาตกรเธอก็เล่าด้วยความแค้นเคืองได้ความว่า คนฆ่าคือสามีของตัวเองที่เกิดไปมีเมียน้อยแต่ไม่รู้จะหนีไปอย่างไร จึงเอาจอบตีเมียตอนทำครัวจนสลบ ผัวเข้าใจว่าตายแล้วจึงเอายางรถยนต์เก่ามาซ้อน จับตนขึ้นนั่งแล้วเผาทั้งเป็นที่หลังบ้านของตัวเอง

    แล้วผัวตัวแสบก็ไปแจ้งความทำทีว่าถูกโจรปล้นแล้วฆาตกรรมภรรยา ปรากฏว่าแผนสำเร็จด้วยดีสามีใจโหดเลยรอดตัว ได้ขายสวนยางและบ้านช่องให้คนอื่น ก่อนที่จะหอบผ้าผ่อนไปอยู่กับเมียที่ต่างตำบล

    ทุกคนได้ฟังก็ต่างสงสาร รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะช่วยเหลือทุกทางจนวิญญาณแค้นพอใจแล้วออกจากร่างไป สิ่งที่ตามมาคือการทำบุญงานใหญ่อุทิศให้ผี และการตามสืบเรื่องผ้ายันต์จนได้ความว่าเป็นของ

    หลวงปู่บุญ วัดบ้านนา

    ทุกบ้านเลยเป็นอันมีผ้าขาวผืนน้อยติดกันพรึ่บไปหมด


    30.jpg 31.jpg 32.jpg 33.jpg 34.jpg 35.jpg 36.jpg
     
  15. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เสร็จจากวัดบ้านนาก็ตั้งใจจะไปกราบหลวงปู่เจียง แต่ไปถึงท่านไม่อยู่วัด ไปฉันเพลบ้านโยม ก็เลยนึกๆว่าจะไปไหนดี จะไปหาหลวงปู่สิน วัดละหารใหญ่ คิดว่าไปถึงท่านก็คงจำวัด แต่ใจอยากจะรอหลวงปู่เจียง นึกไปนึกมา searchข้อมูลเจอพระแถวๆใกล้ๆวัดหลวงปู่เจียง เจอชื่อหลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้าขึ้นมาเลยขับรถไปกราบสรีระหลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า จ.ระยอง และจุดธูปบอกล่าวเพื่อขอเมตตาท่านช่วยอธิษฐานจิต และได้นั่งสมาธิหน้าสรีระท่านประมาณ 10 นาที
    .
    ข้อมูลประวัติ หลวงปู่คร่ำ ยโสธโร วัดวังหว้า จ.ระยอง

    "ท่านพ่อคร่ำ" ตามทีชาวบ้านย่านชายฝั่งทะเลตะวันออก เรียกขานกันนั้นท่านเป็นพระคณาจารย์ที่ได้รับความเคารพศรัทธาอย่างสูงจากสาธุชนทั่วๆ ไปมานานเต็มทีแล้ว และยังเป็นท่านพ่อของบรรดาชาวเรือตังเกในย่านนี้ด้วยบางท่านที่เข้าถึงกระแสแห่งรสพระธรรม เชื่อกันว่าหลวงปู่เป็นผู้ที่ล่วงพ้นแล้วจากกิเลสทั้งปวง

    หลวงปู่คร่ำ หรือ พระครูสุตพลวิจิตร มีนามว่า คร่ำ อรัญวงศ์ เกิดที่บ้านตำบลวังหว้า อ.แกลง เมื่อวันพุธ แรม 10 ค่ำเดือน 11 ปีระกา ตรงกับวันที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2440 โยมบิดา ชื่อครวญ โยมมารดาชื่อ ต้อย ท่านเป็นบุตรคนโตในจำนวน พี่น้องทั้งหมด 4 คน หลวงปู่เป็นชาวเมืองแกลงโดยกำเนิด ซึ่งบรรพบุรุษได้ตั้งรกรากอยู่ที่บ้านวังหว้ามานานหลายชั่วอายุคน ครอบครัวของท่านประกอบอาชีพในทางกสิกรรมเฉกเช่นเดียวกับประชากรส่วนใหญ่ในชนบทที่ไม่ทำสวนก็ทำนาเป็นหลักคือ การทำสวนพริกไทย อันเป็นอาชีพหนึ่งที่ทำกันแพร่หลายไม่แพ้ในเขตจังหวัดจันทบุรี เมื่อวัยเจริญขึ้นควรที่จะได้รับการศึกษา โยมบิดามารดา ได้พาไปฝากให้เล่าเรียนหนังสือ กับท่านเจ้าอาวาสวัดวังหว้า ซึ่งเวลานั้นหลวงปู่มีอายุราว 11-12 ปี เล่าเรียนและปรนนิบัติรับใช้อาจารย์อยู่ประมาณปีเศษจึงย้ายมาเรียนหนังสือที่วัดพลงช้างเผือกและพำนักอยู่ที่นั่น จนอายุได้ราว 15 ปีก็กลับมาบ้าน เพื่อช่วยเหลือเป็นกำลังของครอบครัวในการทำสวนพริกไทย แต่แล้วในปีนั้นเองได้เกิดอาเพทขึ้นบรรดาสวนพริกไทยในละแวกนั้น เกิดเหี่ยวเฉาตายเรียบทุกสวนสร้างความเดือดร้อนกันทั่วทุกครัวเรือนจนทำให้ทางบ้านของท่านเลิกการทำสวนพริกไทยหันไปประกอบอาชีพอื่นตั้งแต่นั้นกระทั่งหลวงปู่อายุครบ 20 ปี จึงคิดที่จะบวชเพื่อทดแทนพระคุณ อันเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีที่ยึดถือปฏิบัติกันมาช้านานของชายไทยทั่วๆ ไปที่นับถือพระพุทธศาสนา คนที่ยังไม่เคยบวชเรียน สังคม ชาวบ้านถือกันว่าเป็นคนดิบ ชนบทบางพื้นที่มีคำเรียกอันเป็นการแยกสถานภาพ ระหว่างผู้ที่ผ่านการบวชเรียนแล้ว กับผู้ที่ยังไม่ใด้บวช เช่นคำว่า ทิด ซึ่งมาจากคำว่า บัณฑิต แปลว่า ผู้มีปัญญา หรือนักปราชญ์ คำเรียกดังกล่าวนี้แตกต่างกันไปตามท้องถิ่น ทางภาคเหนือและอีสานก็มีเช่นกัน

    พอถึงวันจันทร์แรม 14 ค่ำเดือน 7 ปีมะเส็ง จ.ศ. 1279 ตรงกับวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ.2460 จึงได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีพระครูสังฆการบูรพาทิพย์ (ปั้น) วัดทะเลน้อย เป็นพระอุปัชฌาย์พระอาจารย์เผือกวัดวังหว้า เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้นามฉายาว่า ยโสธโร หลวงปู่ได้ปฏิบัติเหมือนกับพระนวกะทั่วๆ ไป และตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยจนสอบได้ประโยคนักธรรมโท กับค้นคว้าตำรับตำราวิชาการต่างๆ จากนั้นจึงเดินทางไปฝากตัวเป็นศิษย์เพื่อเล่าเรียนพระกรรมฐานและวิทยาคุณจากหลวงพ่อโต วัดเขาบ่อทอง หรือวัดเขาชากโดนซึ่งเชี่ยวชาญในด้านสมถะและวิปัสสนากรรมญานเป็นพระอาจารย์
    บอกกรรมฐาน มีจิตตานุภาพและวิทยาคมขลัง เป็นที่เลื่องลือมากในสมัยนั้น หลังจากได้ฝากตนเป็นศิษย์แล้วก็ตั้งหน้าศึกษาเล่าเรียนอย่างจริงจัง จนบังเกิดความเชื่อมั่นในตนเองกับวิชาที่เรียนและเป็นที่พอใจของผู้เป็นอาจารย์

    ท่านจึงกราบลาพระอาจารย์ ออกจาริกธุดงค์เพื่อเป็นการทดสอบกำลังใจและฝึกฝนจิตให้เกิดสมาธิเข้าสู่วิปัสสนาญาณต่อไปได้เดินธุดงค์เพียรปฏิบัติอยู่เป็นเวลาพอสมควรจึงกลับสู่วัดวังหว้า นับตั้งแต่หลวงปู่คร่ำอุปสมบท ในเพศบรรพชิตสืบทอดหลักพระธรรมคำสอนขององค์พระบรมศาสดาถึงขณะนี้ได้ 76 ปี แล้ว ได้ใช้พระธรรมคำสอนอบรมบรรดาลัทธิหาริกและสาธุชนผู้มีใจฝักใฝ่ในธรรมให้ยึดมั่นถือมั่นในหลักคุณธรรมแห่งความดี ตลอดระยะเวลาที่หลวงปู่ ได้ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ร่มกาสาวพัสตร์ก็ปฏิบัติตนเป็นผู้สำรวมในศีลอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เป็นตัวอย่างแก่เหล่าบรรดาศิษย์ จะได้จดจำและปฏิบัติตนตามเยี่ยงของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นครูบาจารย์ในส่วนที่ดี ด้านลูกศิษย์ของท่านมีมากมายหลายอาชีพ ตั้งแต่ข้าราชการระดับบริหารเศรษฐีตลอดจน กระทั่งผู้ใช้แรงงาน แต่ท่านก็ให้ความเมตตาโดยเสมอภาคกัน มิได้มีการแยกหรือแบ่งชั้นวรรณะซึ่งก็ได้สร้างปิติและศรัทธาต่อบรรดาสาธุชนเหล่านั้น ที่มีอยู่ทุกภาคของประเทศ

    เมื่อราวปลายเดือนกันยายน พ.ศ. 2536 ที่ผ่านมา รัฐบาลได้มีพระราชบัญญัติจัดตั้งกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมเมื่อมีกระทรวงใหม่เกิดก็ย่อมจะต้องมีเจ้ากระทรวงหรือรัฐมนตรีว่าการ บรรดา ส.ส.ผู้ทรงเกียรติต่างก็หมายมั่นปั้นมือเพื่อจะได้เป็นเสนาบดีกันสักครั้งหนึ่ง และก่อนหน้าที่จะมีการประกาศรายชื่อผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานไม่กี่วัน นายเสริมศักดิ์ การุณ ส.ส.ระยอง กับ นายไพฑูรย์ แก้วทอง ส.ส.พิจิตร ได้พากันไปกราบหลวงปู่คร่ำให้หลวงปู่เจิมหน้าผาก รดน้ำมนต์ เป่ากระหม่อมให้หลังจากนั้นไม่กี่วัน หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ ไทยรัฐ พาดหัวข่าวหน้าหนึ่งเลยว่า "มนต์ หลวงปู่เฮี้ยน..." ปรากฏว่าท่าน ส.ส. ทั้งคู่ได้เป็นรัฐมนตรีเรียบร้อย

    จนกระทั่งมาอีกครั้งหนึ่งก็การแต่งตั้งอธิบดีตำรวจที่ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ กระเด้งกระดอนออกมาจากมติ กตร. 2 ระรอกแล้ว ครั้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการลงมติกันอีกครั้งวัดวังหว้าก็ปรากฏกายของท่าน พล.ต.อ. ประทินว่าที่อธิบดีตำรวจ เพื่อขอให้หลวงปู่คร่ำรอดน้ำมนต์ และเป่ากระหม่อมให้ เมื่อผลการแต่งตั้งออกมา ชื่อของ พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพคือนัมเบอร์วันของกรมตำรวจจริงๆ ชื่อของลป.คร่ำ ก็ยิ่งตอกย้ำถึงบุญบารมี เพราะความศักดิ์สิทธิ์อย่างเหลือเชื่อ

    ลป.คร่ำท่านเป็นพระที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตาอย่างไร้ขอบเขตจริงๆ ใครไปกราบไหว้ท่าน ท่านก็เมตตาเป่าหัวให้ ทำให้สารพัดผู้ที่ไปกราบท่านมีแต่ความปลื้มปิติซาบซึ้งในความเมตตาของหลวงปู่เป็นทวีคูณ ปัจจุบันนี้ด้วยวัยกว่า 97 ปีของหลวงปู่ จึงทำให้การต้อนรับหรือการเข้าไปพบท่าน ค่อนข้างจะต่างจากในอดีตเพราะสังขารท่านนั้นย่อมต้องการพักผ่อนก่อน แม้ว่าคนรอบข้างบอกว่าเดี๋ยว หลวงปู่เหนื่อยๆ แต่หลวงปู่ก็ยังเสมอภาคกับทุกคน

    ในด้านวัตถุมงคลของลป.คร่ำนั้นก็มีสร้างกันมาร่วม 30 ปีแล้ว สุดท้ายนี้ ขอเชิญชวนทุกท่านได้ไปกราบไหว้ลป.คร่ำ วัดวังหว้า สุดยอดมหาเมตตาบารมีแห่งยุค เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ท่านและครอบครัว เทพเจ้าของชาวระยอง

    หลวงปู่คร่ำ ท่านมีอายุ ๑๐๐ ปีบริบูรณ์เมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๕๔๐ พรรษา ๘๐ นับเป็นพระเถระที่มีพรรษาสูงสุดของเมืองไทย

    ต่อมาเนื่องจากหลวงปู่อายุมาก แต่หลวงปู่ยังปฏิบัติกิจนิมนต์ต่างๆตลอดมา ต้อนรับสาธุชนจากสารทิศทุกวัน แม้บางวันจะเหน็ดเหนื่อยจนลุกแทบไม่ได้ แต่เมื่อมีผู้คนมาคอยพบมากมายหลวงปู่จะพยายามลุกขึ้นลำให้ศิษย์ประคองออกมาประพรมน้ำมนต์แก่ผู้มากราบไหว้บูชาจนร่างกายเสื่อมโทรมแพทย์ประจำตัวต้องคอยปรนนิบัติอย่างใกล้ชิด ในที่สุดกรรมการวัดและศิษย์ผู้ใกล้ชิด มีความเห็นร่วมกันว่าควรให้พักผ่อนให้มาก จึงได้นำไปบำบัดโรคพยาธิในโรงพยาบาล เพื่อพักฟื้นหลายครั้งแต่หลวงปู่จะพักในโรงพยาบาลไม่นาน รบเร้าต่อแพทย์และผู้ใกล้ชิดให้ส่งกลับวัดตลอดเวลา จึงไปๆมาๆระหว่างวัดและโรงพยาบาลโดยตลอด ในที่สุดแพทย์จากดโรงพยาบาลสมิติเวชศรีราชา ตรวจพบว่าหลวงปู่มีเนื้อร้ายที่ลำคอจึงได้นิมนต์ให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมิติเวชศรีราชา โดยไม่คิดค่ารักษาแต่ประการใด ตลอดระยะเวลาหลายเดือน

    มรณภาพในที่สุดแห่งชีวิตที่ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ หลวงปู่ได้ละสังขารถึงแก่มรณภาพ
    ในวันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๐ เวลาประมาณ ๑๔ นาฬิกา ด้วยอาการสงบ ณ. โรงพยาบาลสมิติเวชศรีราชา ท่ามกลางความเศร้าโศกอาลัยของสานุศิษย์และสาธุชนทั่วประเทศนับล้านคนที่ได้ทราบข่าวต่างหลั่งไหลมากราบไหว้ เคารพศพที่วัดวังหว้าตลอดเวลา ๑๕ วัน ที่บำเพ็ญกุศลนับเป็นบุญญาบารมีของหลวงปู่โดยแท้

    30.jpg 31.jpg
     
  16. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ขับรถมากลับมาที่วัดเนินหย่อง จ.ระยองอีกทีเพื่อกราบหลวงปู่เจียง วัดเนินหย่องและขอให้ท่านเมตตาอธิษฐานจิตมวลสารตั้งต้น และเหลือบไปเห็นรูปถ่ายเหมือนกับรูปปั้นพระ2องค์หน้าสรีระหลวงปู่บุญ ที่วัดบ้านนา เลยถามหลวงปู่เจียงว่าเป็นรูปพระองค์ไหนเอ่ย เห็นเหมือนกับรูปพระ 2 องค์ที่ตั้งอยู่หน้าสรีระหลวงปู่บุญที่วัดบ้านนาเลย หลวงปู่เจียงเลยเฉลยว่าเป็นรูปหลวงปู่คร่ำกับหลวงปู่บุญ ยังความแปลกใจมาให้แก่ผมมากๆ คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือเป็นธรรมจัดสรร ที่พระในรูปคือหลวงปู่บุญและหลวงปู่คร่ำ เพราะตามตารางที่วางไว้ไม่ได้คิดว่าจะนำมวลสารไปที่วัดวังหว้าเลย แต่เป็นเพราะหลวงปู่เจียงไม่อยู่เลยนึกไม่ออกว่าจะไปไหนดี searchหาข้อมูลจ๊ะเอ๋หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้าเห็นอยู่ใกล้ๆวัดเลยไปกราบและจุดธูปขอเมตตาท่าน ถ้าคิดในแง่แบบดีๆและเข้าข้างตัวเอง ชะรอยหลวงปู่คร่ำ...ท่านอาจจะเมตตาจะตั้งใจช่วยอธิษฐานจิตมวลสารชุดนี้ให้ สุดท้ายผมก็ได้คำตอบว่ารูปปั้นพระ 2 องค์ที่หน้าสรีระหลวงปู่บุญ ที่วัดบ้านนาคือใคร! หลังจากหลวงปู่เจียงอธิษฐานจิตเสร็จ ท่านก็เมตตาลงกระหม่อมและให้พรเป็นสิริมงคลให้แก่ผม
    .
    น้อมกราบในความเมตตาของหลวงปู่บุญ หลวงปู่คร่ำ และหลวงปู่เจียงครับผม


    30.jpg 31.jpg 32.jpg 33.jpg 34.jpg 35.jpg 36.jpg
     
  17. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    ต่อจากนั้นก็เดินทางมากราบหลวงปู่หุน วัดบางผึ้ง จ.ฉะเชิงเทรา และขอเมตตาให้ท่านช่วยอธิษฐานจิตกล่องมวลสารตั้งต้น และหลวงปู่เมตตาใช้นิ้ววนศรีษะของผมและเมตตาท่องมนต์ครอบให้
    .
    ประวัติ หลวงปู่หุน วัดบางผึ้ง
    .หลวงปู่หุนหรือพระครูศุภมงคล วัดบางผึ้ง ฉะเชิงเทรา....

    ท่านถือเป็นพระสุปฏิปันโนแห่งภาคตะวันออก

    หลวงปู่หุนอายุ 99 ปี ท่านบวชตั้งแต่เป็นเณร จนเมื่อครบบวชพระ ท่านก็ได้บวชพระและออกร่ำเรียนกับพระอาจารย์เก่ง ๆ ในสมัยนั้นมากมาย โดยเฉพาะหลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา
    เมื่อครั้งเกิดสงครามยุคมหาเอเชีย (พ.ศ. 2483) จอมพล พิบูลย์สงครามได้ขอให้หลวงพ่อจาด ช่วยทำตะกรุดแจกทหาร จนเกิดประสบการณ์มีชื่อเสียงเรียงสนั่นในยุคนั้น ครั้นมีเครื่องบินของฝรั่งเศสมาทิ้งระเบิดใส่ทหาร หากแต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บเลย
    หลวงปู่หุนนี่่แหละที่ท่านเป็นผู้ม้วนตะกรุดและพันตะกรุดให้หลวงพ่อจาดในเวลานั้น และคอยรับใช้ในเรื่องต่าง ๆ มากมาย
    จนกระทั่งหลวงพ่อจาดเมตตาในความขยันและความเป็นผู้อ่อนน้อมของท่าน จึงเมตตามาก รักเหมือนลูก สอนวิชาอาคมต่าง ๆ ให้จนหมดสิ้น สอนวิชาปลุกเสกพระ วิชาเมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี
    โดยเฉพาะวิชาบังไพร หลวงพ่อจาดท่านเก่งมากหลายครั้งหลวงพ่อจาดท่านจะเรียกหลวงพ่อหุนให้มาร่วมปลุกเสกเหรียญและตะกรุดด้วยกันเพื่อต้องการทดสอบลูกศิษย์ จนหลวงพ่อจาดเอ่ยชมว่า

    "เอ็งนี่แน่ เสกได้เหมือนข้าไม่มีผิด ได้ดั่งใจข้าจริง ๆ "

    จากนั้นหลวงพ่อหุนท่านก็ได้ขอลาหลวงพ่อจาด ออกร่ำเรียนต่อไปอีกจนมาพบหลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว ชาวบ้านแถวนั้นรู้จักดี เพราะหลวงพ่อทองท่านเก่งมากในเรื่อวิปัสสนากรรมฐาน ช่วยเหลือชาวบ้านในเรื่องต่าง ๆ ทั้งเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เดือดร้อนล้มละลายเจ็บไข้หลวงพ่อทองท่านช่วยได้
    หลวงพ่อหุนท่านจึงฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์อยู่นานถึง 7 ปี เรียนวิชาท่านมาทั้งหมด หลวงพ่อทองท่านได้แนะนำหลวงพ่อหุนให้ไปหาหลวงปู่คำปั่น พระสายเขมรเพื่อร่ำเรียนวิชา ต่อ
    หลวงพ่อหุนท่านก็ออกธุดงไปจนได้พบและโดนหลวงปู่คำปั่นทดสอบวิชามากมาย
    มีคืนหนึ่ง หลวงปู่คำปั่น ได้เสกท่อนฟืนเผาผีเป็นตะขาบนับร้อยตัว ยั๊วเยี๊ยไปหมด หลวงปูหุนได้ร่างคาถาท่องมนต์และลูบตัวตะขาบ เท่านั้นตะขาบก็กลับไปเป็นท่อนฟืนดังเดิม ถัดจากตะขาบก็เสกก้อนถ่าน กลายเป็นผึ้งนับพันตัว หลวงปู่หุนท่า่นหยิบดิน 1 กำเสกคาถา1 อึดใจ แล้วลืมตาโปรยดินใส่ฝูงผึ้ง จากนั้นผึ้งก็กลายเป็นกองถ่านดังเดิม
    เมื่อทดสอบวิชาผ่าน หลวงปู่คำปั่นจึงสอนวิชาให้จนหมดสิ้น แล้วท่านจึงได้ลาหลวงปู่คำปั่นเพื่่อศึกษาต่อไป
    ปัจจุบันหลวงปู่หุนท่านเป็นเจ้าอาวาสที่วัดบางผึ้ง ฉะเชิงเทรา จากวิชาที่ท่านร่ำเรียนมา ท่านคอยช่วยเหลือลูกศิษย์มากมาย ช่วยได้ทุกเรื่อง เศรษฐีแถวนั้นนับถือท่านมาก เพราะหลวงปู่ได้ช่วยไว้เยอะจากล้มละลายกลายเป็นอภิมหาเศรษฐี จากคนจนกลายเป็นคนรวย หลวงปู่นี่แหละเสกแผ่นทองเข้าตัว เสกตั๋วให้เป็นเงิน
    นับว่าท่านเป็นพระสุปฏิปันโนแห่งลุ่มน้ำบางปะกง


    30.jpg 31.jpg 32.jpg 33.jpg 34.jpg
     
  18. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    เดินทางมากราบหลวงปู่ขันธ์ วัดต้นสน จ.ฉะเชิงเทรา ขอเมตตาให้ท่านช่วยอธิษฐานจิตมวลสารตั้งต้น และท่านเมตตาครอบศรีษะด้วยคาถามงกุฏพระพุทธเจ้าให้ผม
    .
    .
    .
    ประวัติหลวงปู่ขันธ์ วัดต้นสน

    .
    “พระครูโสภิตมงคลการ” หรือ “หลวงปู่ขันธ์ สิริวัณโณ” พระเถระเมืองแปดริ้ว ได้รับการยกย่องว่าเคร่งครัดระเบียบวินัย ใส่ใจกัมมัฏฐาน มีความเชี่ยวชาญวิทยาคมเป็นที่เลื่องลือ

    ปัจจุบัน สิริอายุ 96 ปี พรรษา 76 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมงคลโสภิต อ.บ้าน โพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา และที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลเทพราช

    อัตโนประวัติเกิดในสกุล คงสาคร เมื่อวันศุกร์ที่ 20 ก.ค.2466 ที่บ้านหมู่ที่ 1 ต.คลองประเวศ อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา ครอบครัวประกอบอาชีพทำไร่ทำนา

    หลังจบการศึกษาชั้นประถมปีที่ 6 จากโรงเรียนในหมู่บ้านแล้ว ออกมาช่วยงานครอบครัว

    อายุ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 เม.ย.2486 ที่วัดโพธาราม อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา มีพระครูวิจารณ์ธรรมานุวัตร วัดโพธาราม อ.เมืองฉะเชิงเทรา เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูบู่ วัดประเวศวัฒนาราม อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์แม้น วัดโพธาราม ต.บางพระ อ.เมืองฉะเชิงเทรา เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    อยู่จำพรรษาและศึกษาพระปริยัติธรรมรับใช้อุปัฏฐากพระอุปัชฌาย์ พร้อมทั้งศึกษาวิทยาคม

    สำเร็จนักธรรมชั้นตรี-โท-เอก สำนักเรียนวัดมงคลโสภิต อ.บ้านโพธิ์ จ.ฉะเชิงเทรา

    ต่อมา กราบพระอุปัชฌาย์ ออกท่องธุดงค์แสวงวิเวกประพฤติธรรมไปในที่ต่างๆ ตัดสินใจออกสะพายย่ามแบกกลดเดินทางออกจากวัด ตามแบบพระธรรมยุต มุ่งศึกษาแนวทางปฏิบัติตามแบบอย่างบูรพาจารย์สายพระป่าพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

    ฝากตัวเรียนด้านวิปัสสนากัมมัฏฐานกับศิษย์สายพระอาจารย์มั่นรูปสำคัญหลายรูป เช่น หลวงปู่ขาว วัดถ้ำกลองเพล, หลวงปู่เทสก์ วัดหินหมากเป้ง, หลวงปู่ดุลย์ อตุโล วัดบูรพาราม

    นอกจากนี้ ยังธุดงค์ไปศึกษาวิปัสสนากับท่านพุทธทาส ณ สวนโมกขพลาราม จ.สุราษฏร์ธานี อีกด้วย

    ในช่วงถือธุดงควัตรนั้น หลวงปู่ขันธ์ เล่าย้อนอดีตให้ฟัง ว่า ถือธุดงค์วัตรนั้นเป็นไปอย่างอุกฤษฏ์ ได้บุกป่าฝ่าดงไปมาเกือบทั่วประเทศ มีครั้งหนึ่ง เข้าไปเจริญภาวนาในถ้ำ พอออกจากถ้ำจะไปบิณฑบาต พบเสือแม่ลูกอ่อนที่ปากถ้ำ ต่างจ้องตากันอยู่ จิตตอนนั้นไม่คิดกลัว มีแต่การกำหนดรู้เท่านั้น ไม่นานเสือแม่ลูกอ่อน ก็กระโดดหายไปในป่าลึก”

    [​IMG]
    นอกจากนี้ มีสติปัญญาดีเลิศ มีความจำได้แม่นยำมาก สามารถท่องสวดปาติโมกข์ โดยลำพังรูปเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ครั้งหนึ่งอยู่อบรมพระกัมมัฏฐานกับศิษย์สายหลวงปู่มั่น

    ครั้นพอถึงวาระสวดปาติโมกข์ ปรากฏว่า พระภิกษุในอุโบสถนั้น ไม่มีรูปใดสวดได้ ท่านต้องขึ้นสวดปาติโมกข์ ในท่ามกลางพระสงฆ์ศิษย์สายพระอาจารย์มั่น โดยมีหลวงปู่จันทร์ วัดศรีเทพ จ.นครพนม เจ้าคณะจังหวัดนครพนม ฝ่ายธรรมยุต ซึ่งเป็นศิษย์อาวุโสของหลวงปู่มั่น เป็นประธานสงฆ์

    ต่อมา เดินทางกลับวัด คอยช่วยเหลืองานศาสนกิจภายในวัด พ.ศ.2488 เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมวัดมงคลโสภิต

    ด้วยความเป็นพระปฏิบัติดี เคร่งครัดพระธรรมวินัย ท่านได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมงคลโสภิต ในปี พ.ศ.2511

    ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2535 เป็นเจ้าคณะตำบลเทพราช พ.ศ.2536 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2546 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลเทพราช

    ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2520 เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นตรี ในราชทินนามที่พระครูโสภิตมงคลการ พ.ศ.2528 เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นโท ในราชทินนามเดิม

    พ.ศ.2544 เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นโท ในราชทินนามเดิม

    พ.ศ.2552 เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลชั้นเอก ฝ่ายวิปัสสนาธุระ ในราชทินนามเดิม

    แม้จะเป็นพระสงฆ์ในฝ่ายมหานิกาย แต่หลวงปู่ขันธ์ มีเชี่ยวชาญวิปัสสนาธุระเป็นยิ่งนัก ดังปรากฏว่า ได้รับพระราชทานพัดยศขาว และได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในฝ่ายวิปัสสนาธุระ

    เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของชาวแปดริ้วโดยแท้



    30.jpg
     
  19. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    หลังจากนั้นก็ตั้งใจจะมาปิดท้ายที่หลวงปู่ฟู วัดบางสมัคร แต่พอเดินทางมาถึงวัดก็เห็นกำลังทำพิธีหล่องพระกริ่งใหญ่กันอยู่ เลยทำบุญแผ่นทองร่วมหล่อพระกริ่งและอยู่ร่วมจนงานเททองเสร็จ และเดินทางตามท่านมาที่กุฏิ แต่เห็นหลวงปู่ฟู ดูท่านมีอาการเหนื่อย ก็เลยไม่กล้าไปรบกวนธาตุขันธ์ เลยขออนุญาตกราบหลวงปู่ฟูและก็เดินทางกลับบ้าน
    .
    ถึงแม้ผมจะอยากให้หลวงปู่ฟู เมตตาอธิษฐานจิตให้ แต่ก็ดูกาลเทศะไม่กล้าไปรบกวนท่าน หลังจากเสร็จงานเททองหล่อ เพราะแทนที่เราจะได้บุญ เกรงว่าจะได้บาปไปเสีย กับการไปรบกวนพ่อแม่ครูอาจารย์ในขณะที่ท่านมีอาการเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด

    30.jpg 31.jpg 32.jpg
     
  20. ติสาโร

    ติสาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +5,431
    วันจันทร์ ที่ 1 กรกฎาคม 2562
    .
    หลังเลิกงานก็ตรงดิ่งมากราบหลวงปู่ฟูอีกครั้ง พร้อมทั้งแจ้งความประสงค์จะขอเมตตาให้หลวงปู่ฟูอธิษฐานจิตกล่องมวลสารตั้งต้น หลวงปู่ก็ห่มจีวรพันสายสิญจน์และก็จุดธูปจุดเทียน ท่านเมตตาอธิษฐานจิตให้อย่างเต็มที่ หลังจากเสร็จพิธี หลวงปู่ก็หยิบพวงมาลัยจากหิ้งพระมาวางไว้บนกล่องมวลสารพร้อมเอ่ยปาก... "เอานี่ไป" ก็รู้ทันทีว่า ท่านเมตตาให้พวงมาลัยมาร่วมทำเป็นมวลสารด้วย
    .
    การเดินทางไปขอเมตตาพ่อแม่ครูอาจารย์อธิษฐานจิตให้ หลายต่อหลายครั้งที่พ่อแม่ครูอาจารย์ก็ดี ลูกศิษย์อุปัฏฐากก็ดีเมตตามอบมวลสารให้มาร่วมบุญสร้างพระด้วย... น้อมกราบหลวงปู่ฟูด้วยเศียรเกล้า และท่านเอ่ยบอกว่า ถ้ามีปัญหาเรื่องการเงิน ให้หมั่นสวดบทคาถาปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์ของหลวงพ่อปาน และคาถาชินบัญชร ให้สวดวันนึงหลายๆครั้ง...จะช่วยได้
    .
    ปล.
    - กล่องมวลสารชุดนี้ผ่านการปลุกเสกพิธีใหญ่ๆ 3 งาน
    - ไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และพระเกจิที่ละสังขารแล้ว โดยจุดธูปบอกกล่าวขอเมตตาให้ช่วยอธิษฐานจิต 15 องค์
    - ผ่านการอธิษฐานจิตจากพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ยังทรงสังขาร 44 องค์
    .
    วัตถุมงคลชุดนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ดีนอกดีใน


    30.jpg 31.jpg 32.jpg 33.jpg 34.jpg 35.jpg 36.jpg 37.jpg 38.jpg 39.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...