หลวงปู่ทองทิพย์ ปิดตาจันทรคราส เหล็กไหลไพรดำ เหล็กเปียก เหล็กไหลเงินยวง

พระปิดตาจันทคราส ยุคแรก​

 

พระปิดตาจันทรคราส ยุคสอง บล็อกแตก​

 

ทราบรายการและราคาพระและตะกรุดครับ

 

ยุคต่อมาจะเป็น ยุคสาม ที่หลวงปู่ทองทิพย์ท่านสร้างพระด้วยบล็อกดินน้ำมัน


เนื้อเหล็กเปียก​

 

เนื้อที่สองที่ผมเรียกว่าเนื้อ สามกษัตริย์ เพราะจะมีเนื้อปรอทผสมเคลือบที่องค์พระ ​

 

ของดีจากหนองคายสู่ร้อยเอ็ด

หลวงปู่ทองทิพย์เพิ้นมีพี่สาวอยู่คนหนึ่ง โดยก่อนที่ท่านจะออกบวชสู่ร่มผ้าเหลืองนั้น ท่านมีที่นาอยู่แปลงหนึ่งที่บ้านแมต อำเภอเชียงขวัญ จังหวัดร้อยเอ็ด ท่านจึงยกที่แห่งนี้ให้แก่พี่สาวท่าน จากนั้นจึงออกบวชร่ำเรียนวิชากับอาจารย์องค์แรกคือหลวงปู่ซุน วัดเสือโก้ก มหาสารคาม ปู่ซุนท่านก็รักปู่ทองทิพย์มากจึงถ่ายทอดวิชาทั้งหมดให้กับปู่ทองทิพย์ เมื่อปู่ทองทิพย์เรียนวิชาต่างๆจนเชี่ยวชาญทุกแขนง จึงลาปู่ซุนออกจาริกธุดงค์หาประสบการณ์จริงเฉกเช่นครูบาอาจารย์ก่อนๆปฏิบัติสืบๆกันมา

โดยท่านไปทางนครพนมกราบคารวะพระธาตุพนมจากนั้นท่านก็ข้ามโขงสู่ฝั่งลาว จนถึงดินแดนลี้ลับภูเขาควายและได้เจอพระอาจารย์องค์สำคัญคือ พ่อปูฤาษีมาลัยโกฏิ์ และได้เรียนวิชาธาตุ วิชาแนงต่างๆในสายเหนือโลกจนจบหมดสิ้น จึงข้ามกลับมาฝั่งไทยอีกครั้งและมาสร้างวัดป่าสีดาพระรามลักษณ์รัตนโคตร ที่บ้านสีกาย หนองคาย จนท่านถึงกาลมรณละสังขารราวเดือนมีนาคม พ.ศ.2544 จากนั้นเป็นต้นมาที่วัดป่าสีดาฯก็เงียบเหงาไม่ค่อยมีใครไปใครมาเหมือนแต่ก่อนสมัยที่ปู่ยังทรงสังขาร

ย้อนกลับไปก่อนที่ท่านจะออกบวชท่านได้สละของทางโลกทั้งหมดให้กับญาติพี่น้อง และในส่วนของที่นานั้นท่านยกให้พี่สาวท่านที่ร้อยเอ็ด พี่สาวท่านก็มีลูกชายหนึ่งคนคือ พระอาจารย์ปรางค์ มีศักดิ์เป็นหลานหลวงปู่ ซึ่งอาจารย์ปรางค์ท่านเป็นพระสมถะมาก ได้อยู่ใกล้ชิดหลวงปู่จึงได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงปู่อยู่ไม่น้อย ท่านไม่ชอบโอ้อวดเพราะถือคติตามที่หลวงปู่บอกคือ "ดีบ่อดัง ดังบ่อดี" ท่านมีความเคารพเทิดทูนหลวงปู่ทองทิพย์เป็นอย่างมาก และได้สร้างวัดในที่ดินที่หลวงปู่มอบไว้ใหัแก่แม่ท่านเป็นวัดชื่อว่า "วัดทุ่งสามัคคีธรรม" สร้างหลังจากหลวงปู่ทองทิพย์ละสังขารไม่นาน

ท่านอาจารย์เล่าให้หลานท่านฟังว่าที่ดินแห่งนี้เคยเป็นเมืองเก่ามาก่อนคือท่านนิมิตรเห็นซากเจดีย์เก่า โบราณสถานเก่าข้างล่าง และกอบด้วยระลึกถึงบุญคุณหลวงปู่ที่สอนสั่งท่านมาแต่เล็กแต่น้อย จึงสร้างเป็นวัดขึ้นมา อยู่มาเรื่อยๆจนเมื่อสามปีที่แล้ว ประมาณพ.ศ. 2555 เห็นจะได้ ช่วงประมาณสามทุ่มได้มีแสงสีชมพูอมส้มพุ่งมาจากทิศที่มาทางอุดร หนองคาย ชาวบ้านเห็นเป็นแสงทีแรกก็นึกว่าเครื่องบินพุ่งมาเรื่อยๆและก็มาตกบริเวณวัดพอตกถึงพื้นดินก็ปรากฏเป็นประกายแสงเจิดจร้าพุ่งขึ้นเหมือนจุดพลุแล้วแสงนั้นก็ค่อยๆหายไป วันต่อมาก็มีปรากฏการณ์เช่นวันแรก และวันที่สามต่อมาก็เช่นเดียวกัน มี่ชาวบ้านผู้เฒ่าผู้แก่กล่าวว่าน่าจะเป็นของดีของหลวงปู่ที่วัดสีดามาอยู่ที่ร้อยเอ็ดก็เป็นได้ หลวงคาปรางค์เคยบอกว่าการเสด็จของแสงมาตกที่ใด ที่แห่งนั้นจะเจริญรุ่งเรือง ดูแล้วก็น่าจะจริงครับ เพราะสามปีให้หลังจากนั้น วัดบ้านเกิดหลวงปู่ที่ร้อยเอ็ดก็เจริญขึ้นผิดหูผิดตา คือมีคนจากที่ไกลๆมาสร้างห้องน้ำ สร้างพระศรีย์ มณฑปครอบพระศรีย์ กุฎิพระ หุ่นขี้ผึ้งรูปเหมือนหลวงปู่ทองทิพย์พร้อมศาลาให้หลวงปู่ด้วย กับทั้งมีมหาเทพรายรอบมณฑปพระศรีย์ คือ พระอินทร์ พระพรหม ท้าวเวสสุวรรณ พระยายมราช ปู่ศรีสุทโธและพระเจ้าจักรพรรดิ์ฯลฯ และปัจจุบันก็กำลังสร้างศาลาการเปรียญที่ใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม ที่พักแกญาติโยมที่มาถือศีลบำเพ็ญภาวนาที่วัด ซึ่งใกล้จะแล้วเสร็จในเร็วๆนี้ น่าจะมีส่วนตามที่หลวงตาปรางค์ได้พูดไว้ ที่ใดที่มีแสงที่นั้นจะเจริญรุ่งเรือง และแสงที่ว่าก็คือ "ของดีจากหนองคายสู่ร้อยเอ็ด" นั่นเอง.

 

พระอาจารย์นิลเล่าว่า หลวงปู่ทองทิพย์ได้ให้หลวงพี่นิลสร้างพระเจ้าห้าพระองค์ ขณะที่จะนำมาประดิษฐาน หลวงปู่บอกว่าให้เอาองค์พระที่มีตำหนิ เป็นพระศรีฯ ให้วางที่ตรงกลาง พอหลวงพี่นิลมาดูก็เห็นพระที่มีตำหนิจริง ๆ หลวงปู่ท่านทราบได้อย่างไรทั้ง ๆ ที่ยังไม่เห็นองค์พระเลย

ภาพถ่ายพระเจ้า ๕ พระองค์ ที่วัดปาสีดาพระรามลักษณ์

 

เรื่องกรุพระศรีฯ

เป็นเรื่องราวของชายคนหนึ่งที่เพื่อนมอบพระศรีฯให้เพื่อนใส่ และได้ไปทวงค่าเช่าบ้านของตนเองกับลูกบ้านคนที่เช่า ทวงอีท่าไหนไม่ทราบ เกิดปากเสียงกัน ลูกบ้านเอาปืนออกมา เจ้าของบ้านก็รีบวิ่ง แต่ช้าไป เสียงตามหลังขณะวิ่ง แป๊ก แป๊ก แป๊ก สามครั้ง ยิงไม่ออก ก็รีบกลับบ้าน ไปเอาขอจันทรคราสของพ่อมา ในใจนึกนี้ขนาดพระศรีฯ ยังขนาดนี้ถ้าเป็นจันทรคราสจะขนาดไหน

ก็ใส่แล้วก็มาท่วงตังพร้อมปืน แต่ลูกบ้านหายไปไหนก็มิทราบ จบเรื่องเล่าจากปราจีนบุรี

ก็นำเรื่องนี้เล่าให้พระอาจารย์นิล (สร้างถวายหลวงปู่) ท่านก็เล่าว่า พระของหลวงปู่เสกดีทุกอย่าง เจอหลวงปู่มีแต่รอดปลอดภัย

 

พระธาตุต้นโพธิ์

งานประจำปี ณ วัดป่าสีดาพระรามลักษณ์ หลวงปู่จะมีการเวียนเทียน สมัยก่อนรอบ ๆ ต้นโพธิ์จะมีเพียงดินรอบ ๆ ต้นโพธิ์ และหลวงปู่จะนั่งในกระต๊อบทุกคนก็จะเวียนเทียน หลวงปู่ก็จะอัญเชิญพระธาตุ.....ลงมา ให้ทุกคนได้เวียนเทียนถวายเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สังฆบูชา

และใต้ต้นโพธิ์จะมีพระที่หลวงปู่สร้างไม่ว่าจะเป็นพระปิดตาจันทคราส หรือพระพิทักษ์โลก เปิดโลก รวมถึงพระอื่น ๆ

สมัยก่อนที่จะยังไม่ได้ทำลูกกรง หละเทปูนทับ มีคนเคยได้พระพิทักษ์โลกจากโคนต้นโพธิ์นี้ด้วย

รูปที่ถ่ายเป็นรูป ณ ปัจจุบัน ถ่ายวันที่ ๓๑ ก.ค. ๕๘

 

ม้ามณีกาบ

ม้าที่เป็นมาคู่บุญของหลวงปู่ทองทิพย์ ที่สามารถวิ่งเล่นเข้าไปในหนังกลางแปลงได้โดยเจ้าของหนังที่นำมาฉายถึงกับบอกคนดูว่า ฉายมาร้อยกว่ารอบ มีครั้งนี้หละที่มีม้ามาเข้าฉาก มาวิ่งเล่น บินบนอากาศ ต่อมาก็นำมาฉายให้หลวงปู่ทุกปี ซึ่งก็ทำให้กิจการรุ่งเรื่องมาก

ม้ามณีกาบ บ่อยครั้งที่คนเข้าไปในวัดเผลอก็จะมาเดินกินหญ้าให้เห็น ที่คอม้าจะมีตะกรุดหลวงปู่แขวนอยู่ ไม่ทราบเหมือนกันว่าจารด้วยยันต์อะไร พอพูดถึงตะกรุดก็ทำให้นึกถึง เสี่ยคนหนึ่งแกเอา แผ่นทองแดงไปขอให้หลวงปู่จารให้ น่าจะหลายสิบแผน หลวงปู่คืนให้ไป บอกไม่จาร

ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าตะกรุดหลวงปู่นั้นหายาก ใครที่มีก็ให้รักษาให้ดี มีประสบการณ์มาก ทั้งตกตึก หรือแม้ยิงด้วยเอ็มสิบหก ก็ไม่อาจจะทำอันตรายได้

ตะกรุดยังเห็นแขวนที่องค์ม้ามณีกาบ

 

ปิดตาไพรดำ ของหายากยิ่งกว่าจันทรคราส ในชีวิตนี้จะเจอไพรดำที่ไม่อยู่ใจตัว(ส่วนมากจะฝังไว้ใต้ท้องแขน)หากยาก และเป็นสิ่งห่วงแหน ไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไรจะได้พบเจออีก

สำหรับสายโลกทิพย์นั้น จำได้ว่าที่มีสร้างไพรดำ จะมีหลวงป๋าที่ท่านสร้างพระไพรดำ และก็มีเสด็จมาที่เตียงของท่านอีก และก็หมดไปจากวัดอันรวดเร็ว ​

 

มาใหม่ครับ พระปิดตาจันทรคราส รุ่นสอง เนื้อเหล็กไหลเงินยวง
สนใจโทร 0847314845

 

พระปิดตาไพรดำ หลวงปู่ทองทิพย์ ถ่ายคู่กับ ไพรดำ ท้าวเวสสุวรรณ ที่เสด็จมาที่เตียงนอนหลวงป๋า เนื้อหามวลสารใกล้เคียงกัน ยังกับว่าผู้สร้างเป็นคนเดียวกัน ทั้งรอยตัดที่ฐานพระ ยิ่งดูก็ยิ่งคิดไปได้ว่า เทวดาน่าจะสร้าง แต่ไพรดำของหลวงปู่ทองทิพย์ จะมีของดีอยู่ภายในอีกชั้น งง ไหมครับ ถ้างง ก็ติดตามต่อไป จะได้เห็นว่า มีของดีฝังอยู่จริง ๆ ไว้จะเอารูปมาให้ชมกัน พระปิดตาไพรดำของหลวงปู่นับคนได้เลยว่ามีใครบ้าง เพราะหาได้ยากกว่าพระปิดตาจันทรคราส

 

เห็นมีคนถามมา มีพระปิดตาจันทรคราสรุ่นเนื้อผสมปรอทหรือไม่ มีนะครับ องค์นี้สวยยาว จองแล้วครับ ส่งข้อความถามอาจจะช้าไป โทรมาดีกว่าครับ จะเหมือนไพรดำ ลงเสร็จปิดแล้ว อย่าช้านะครับ ราคาไม่แพง ของแถมถูกใจ

 

พระเครื่องหลวงปู่บอกที่มาของหลวงปู่ "จากอดีตสู่อนาคต"

องค์แรกปิดตาจันทคราส วิเคราะห์น่าจะเป็นท่านในอดีตครั้นลงมาใช้ชาติเป็นจันทคราสในเรื่องจักรๆวงศ์ๆ เป็นการมาสร้างบารมีชาติหนึ่งของหลวงปู่ทองทิพย์ จันทคราสผู้นี้มีความเก่งกล้าสามารถรบทั้งสามโลกชนะหมดไม่เคยแพ้ใคร ท่านจึงนำมาสร้างเป็นพระเครื่องยุดแรกๆของท่าน หลานท่านเคยได้ยินปู่พูดว่า จันทราาสอยู่สูงอยู่เบื้องบนโน้น ปรีชาสามารถไม่เคยแพ้ใครเลย (แต่ท่านไม่เคยบอกว่าเป็นท่าน) ท่านว่าใครมีจันทคราสไว้รักษาตัว ไปได้รอบโลก บ่อต้องหย้าน ไม่มีตายโหง ใครผู้ใดทำอันตรายไม่ได้เลย เรื่องจันทคราสเป็นการเสวยชาติของพระโพธิสัตว์ (พระศรีย์) ทำให้หวลนึกถึงพระสังข์ก็เป็นพระโพธิสัตว์(สมณโคดม)มาใช้ชาติก็เก่งกล้าสามารถเช่นกัน และนามสกุลหลวงปู่ก็คือ"จันทคัต" ไม่ทราบว่าชื่อสกุลในอดีตกับปัจจุบันมาพ้องต้องกัน จะเป็นด้วยเหตุปัจจัยในอดีตหรือเหตุบังเอิญก็ไม่อาจทราบได้ (ปราศจากญานหยั่งรู้)

องค์ต่อมา "พิทักษ์โลก" ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเปี่ยมด้วยเดช พลัง อำนาจ มีสัญญลักษณ์เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ผู้ปกครองทวีปทั้งสี่ ที่จะมาปรากฏกายภายภาคหน้าในกลียุคจะบอกเป็นนัยหรือเปล่าว่าท่านจะมาอีกครั้งในลักษณะมาเคลียร์คนบุญกับคนบาปแยกจากกัน เสมือนคัดหยกออกจากก้อนกรวด ในคราวเกิดภัยพิบัติ10ประการตามพุทธทำนาย คนมีบุญเท่านั้นที่จะเหลือรอดชีวิตได้มาพบพญาธรรมในยุคนั้น

องค์ถัดมาอีก"พิมพ์พระศรีย์" เรียกเต็มๆว่าพระศรีอริยเมตไตรย์พระพุทธเจ้าที่จะมาโปรดเวไนยสัตว์มารื้อสัตว์ขนสัตว์ที่มีบารมีเกี่ยวเนื่องกับพระองค์ท่านด้วยบารมีถึง16อสงไขยกำไรแสนกัปป์ มีพระพุทธรูปที่เป็นสัญญลักษณ์แทนพระศรีย์คือ"พระแก้วมรกต"นั่นเอง ก็ลองพินิจพิจารณาด้วยสติปัญญาดูว่าเป็นเช่นที่กล่าวมาหรือไม่ว่า พระเครื่องของหลวงปู่แฝงไว้ซึ่งปริศนาแห่งการถอดรหัสที่มาในอดีตไปจนถึงอนาคตของหลวงปู่ซึ่งมาสร้างบารมีในยุคต่างๆมีหน้าที่ต่างกันตามเหตุการณ์ในช่วงนั้นๆแต่ดวงจิตที่เป็นจิตดวงเดียวกันคล้ายกับการ "อวตาร"ของพระนารายณ์นั่นเอง.

 

ขอค่าบูชาครับ

 

องค์ละ 1,550 บาทพร้อมส่งจ้า แต่ขอถ่ายรูปก่อนนะครับเพราะองค์ที่ลงองค์นี้ ให้เช่าไปแล้ว