รู้ได้อย่างไรว่า บุญบารมีเต็ม

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นายเมธี12, 25 กุมภาพันธ์ 2009.

  1. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    นั่นคุณอ่านข้อความผมด้วยทิฏฐิครับ ผมกล่าวว่า มรณะสติ เกิด อันนี้
    คือปัจจุบันขณะ แต่ส่วนเห็นนิพพานตามแบบที่ จขกท เขาฝึกมันปรากฏ
    ต่อเป็นปัจจุบันขณะไหม อันนั้นตั้งหากที่ผมจะชี้

    จึงเริ่มชี้ว่า จิตมันจะตรึกแทนที่การเห็น โดยเอาอดีตมาเป็นผลในปัจจุบัน
    และอาจเลยไปถึงเอาไปเป็นผลในอนาคต

    อ่านหนังสือไม่ออก เพราะเอาแต่อคติ ก็ทำไปเถอะนะครับ

    ผมว่า คนอื่นเขาน่าจะพิจารณาได้
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    เห็นคำในพระสูตรไหมครับ คำนี้ผมแต่งเองหรือเปล่า คุณต้องค้นคว้าดู

    ก็ลอง google ไปก่อนก็ได้ หรือ จะไปเกิดพระไตรปิฏกก็ได้

    แค่นี้นะครับ
     
  3. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    นี่คงเป็นอคติ ของผมแหละ คุณนิวรณ์ ในเมื่อ ปฏิปทาหลวงตามหาบัว หลวงปุ่เจี๊ยะ ล้วนปฏิบัติมาแบบนี้เหมือนกันหมด
    และ คุณก็ยังกระทำเหมือนเดิม คือ ตำหนิแนวทางอื่น และ ยกแนวทางของตนขึ้นมา
     
  4. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ผมไม่ได้พูดเรื่องพระสูตรอะไรเลย ผมพูดเรื่องของคุณ ที่ผมพยายามพูดหลายครั้งแล้วกับพฤติกรรม ที่ตำหนิธรรมง่ายๆ
    ตำหนิสมาธิบ้าง ตำหนิแนวทางอื่นบ้าง โดยยกการดูจิตของตนแบบไม่ต้องทำอะไรขึ้นมา
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    อธิบายไปแล้วครับ คุณต้องเข้าใจนิดหนึ่ง ในที่นี้ เรากำลังคุยกับ จขกท

    หากคุณรู้จักเขาบ้าง รู้ว่าเขาทำอะไรได้ดีแล้วบ้าง ก็จะเข้าใจการเสวนา

    ที่บางอย่างเราละได้

    ตรงสำนวนว่า "เกิดมรณังสติแล้ว" อันนี้ผมพูดว่าเกิดแล้ว ผมไม่ได้ห้ามไม่ให้เกิด

    ประโยคทัดไปคือ "ไม่เห็น" ซึ่งละไว้ พูดตรงๆเต็มๆ ก็คือ "ไม่เห็นพระนิพพาน"
    จะเห็นด้วยวิธีไหนอย่างไรก็แล้วแต่ จขกท เขาก็จะน้อมดูว่า เห็น หรือ ไม่เห็น

    แล้วก็พิจารณาไป ถ้าเห็น พระนิพพาน ก็จบ

    แต่ถ้าไม่เห็น แล้วมีความฝุ้งธรรม มีเสียงกระซิบ ก็ดูว่ามีไหม ถ้ามีอย่าไป
    เชื่อมันเท่านั้น

    <!-- / message -->
     
  6. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณนิวรณ์ ผมถามคุณอย่างหนึ่งว่า คนอ่านกระทู้กับเจ้าของกระทู้ อย่างไหนมีมากกว่ากัน
    และถึงแม้ว่า คุณจะแนะนำเจ้าของกระทู้คนเดียว ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องตำหนิธรรม
     
  7. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    ก็ว่าไปเรื่อยๆ หาช่องตำหนิผมไปละกัน ตามสะดวกใจ

    ผมนี่สกปรกอย่างผ้าขี้ริ้วนั้นแหละ
     
  8. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ อย่าเลี่ยงประเด็นไปเรื่อยๆ ผมบอกคุณแล้วใช่ไหมว่า การไม่ยอมรับ ในการกระทำตนมันจะทำให้คุณไม่เห็น สมุทัยเลย
    คุณจะเห็นแต่ ทุกข์ เกิดดับๆ ซึ่งก็นั่นแหละ วิธีการดูจิตคุณ ไม่สามารถย้อนทวนขึ้นมาดูสมุทัย ก็เนื่องจาก คุณมองเห็นมันเกิดดับๆ
    แต่อย่างเดียว
    สมุทัย ของคุณยัง ถอนไม่ได้สักอย่าง ทั้ง อนุสัย ที่ไม่ยอมรับความจริง อนุสัยที่เลี่ยงประเด็น
    อนุสัยที่ มากด้วยอัตตา อนุสัยที่ไม่เชื่อใคร นี่คุณยังไม่เคยมองย้อนทวนว่า มันปรุงขึ้นมาอย่างไรเลย
    ผมพูดไปไม่รู้กี่ครั้งแล้วครับ
     
  9. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ก็ถามว่า ทำไมต้องตำหนิ ก็เพราะว่า คุณไม่ถูกต้อง ทีนี้ในเมื่อคุณไม่ถูกต้องคนเดียว ผมจะไปว่าคุณก้ไม่ได้หรอก หากว่าคุณไม่ไปขัดขาคนอื่น ให้สิ่งที่ดีนั้นด้อยค่าลงไป ผมก็ต้องแสดงความเห็นตามธรรมดา
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    คุณ พูดตำหนิตัวคุณเองว่า ขี้ริ้ว แต่คุณไม่ยอมมองกลับไปหละ ว่าในเมื่อถูกคนอื่นคอมเมนต์ แล้วต้องทบทวนแล้วว่า เพราะอะไร

    ผมจะบอกให้นะครับว่า สัมมาวาจา นี้ไม่ใช่คำพูดเพราะ แต่เป็นคำพูดที่ตรง ที่เป็นธรรม นั้นแหละเป็นเรื่องยากที่สุด องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงบัญญัติไว้เป็น มรรค คือ ผุ้ใดเข้าถึงมรรค จะมีสัมมาวาจาและ ต้องเจริญ สัมมาวาจา คือ พูดตรงธรรม มากขึ้นเรื่อยๆ ใจรู้สึกอย่างไร ในการแสดงวาจา จะตรงกับใจมากยิ่งๆขึ้นไปเท่านั้น ใน อริยมรรค
     
  11. meeni04

    meeni04 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    297
    ค่าพลัง:
    +176
    สาธุขอท่านผู้เจริญ ปฏิบัติดีแล้วตามคำสอนของพุทธองค์ ทุกท่านพบกันที่นิพพาน สาธุ
     
  12. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    การเห็นของบุคคลแตกต่างที่ระดับของปัญญา
    หากคำอทิบายเนื้อความเพื่อต้องการให้ผู้ฟังที่ไม่รู้ได้เห็น เกินระคับความเข้าใจ
    กัไม่สามารถทำได้เพราะระดับปัญญายังไม่เพียงพอต้องทำไปตามขั้นตอนง่ายๆๆก่อน เช่น ทาน ศิล สมะถะ .....
    จริตและวิทีการของแต่ละคนเลยช้านานไม่เท่ากันเห็นไม่เท่ากัน อุเบกขา
     
  13. albertalos

    albertalos เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,462
    ค่าพลัง:
    +1,137
    คำถามๆความคิดเห็นก้ตอบมั่งนะคับ
    คิดว่ารู้คับ ต้องมีหลายๆๆอย่างที่บ่งบอกแน่ๆๆ อย่างน้อยรู้ตัวอยู่ตลอดย่อมรู้ว่าตนเป็นเนไร
    ย่อมรู้ว่าขาดอะไรคับ แล้วทำส่วนที่เหลือ ก้เป็นการใช้ปัญญาแก้ปันหา
     
  14. บดินทร์จ้า

    บดินทร์จ้า เจโตวิมุตติ-ปัญญาวิมุตติ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    493
    ค่าพลัง:
    +749
    [FONT=&quot]โอฆะ[/FONT][FONT=&quot]หมายถึง ห้วงน้ำ[/FONT][FONT=&quot]คือ[/FONT][FONT=&quot]กิเลส มี ๔ อย่าง[FONT=&quot]คือ[/FONT][/FONT] ([FONT=&quot]๑) กาโมฆะ[/FONT][FONT=&quot]โอฆะ คือ[/FONT][FONT=&quot]กาม[/FONT] ([FONT=&quot]๒) ภโวฆะ[/FONT][FONT=&quot]โอฆะ คือ[/FONT][FONT=&quot]ภพ (๓) ทิฏโฐฆะ[/FONT][FONT=&quot]โอฆะ คือ[/FONT][FONT=&quot]ทิฏฐิ (๔) อวิชโชฆะ[/FONT][FONT=&quot]โอฆะ คือ[/FONT][FONT=&quot]อวิชชา[/FONT]
    [FONT=&quot]คำว่า "พักอยู่"นี้พระอรรถกถาจารย์ท่านอธิบายว่า[/FONT][FONT=&quot]หมายถึงการปล่อยตัวปล่อยใจตามกิเลส[/FONT][FONT=&quot]เป็นการหลงปรุงแต่งฝ่ายชั่วหรืออกุสลาภิสังขาร[/FONT][FONT=&quot]จัดเป็นการปฏิบัติที่ย่อหย่อนหรือกามสุขัลลิกานุ-โยค[/FONT][FONT=&quot]จะทำให้ผู้ปฏิบัติจมลงในอบายภูมิ[/FONT]
    [FONT=&quot]ส่วนคำว่า[/FONT] "[FONT=&quot]เพียรอยู่"หมายถึงการหลงปรุงแต่งฝ่ายกุศลหรือ กุสลาภิสังขาร[/FONT][FONT=&quot]จัดเป็นการปฏิบัติที่ตึงเกินไป ทำตน ให้ลำบาก
    หรืออัตตกิลมถานุโยค[/FONT]
    [FONT=&quot]แต่ก็ทำให้ผู้ปฏิบัติไปสู่สุคติภูมิได้ ;aa5
    [/FONT]
     
  15. Numsai

    Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    เห็นด้วยอย่างยิ่ง และขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สำหรับดิฉันคิดว่า ผู้ที่ตั้งใจทำความดีโดยไม่หวังผลอะไรเลย พร้อมจะเป็นผู้ให้อยู่เสมอ และเป็นไปเพื่อสาธารณะประโยชน์ นั้นคือความเต็มเปี่ยมของบารมี


    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ตั้งใจทำดีค่ะ


    Numsai
    ;aa51
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2009
  16. jinny95

    jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    "ไม่พัก ไม่เพียร" เป็นความพอดี ^-^
     
  17. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    ที่สุดของบารมี คือ บารมีแห่งการไม่ยึดมั่น

    บทสรุปของบารมี คือ การปล่อยวางบารมี ปลงในบารมี

    บำเพ็ญบารมีแห่งการไม่ยึดมั่น จนหมดตัวหมดตน ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน แจ้งต่ออนัตตาอยู่แล้วตลอดสาย บารมีย่อมเต็มสมบรูณ์

    แต่หากเป็นการบำเพ็ญเพื่อเอาบารมี และแบกข้ามภพข้ามชาติ ย่อมไม่มีคำว่าเต็ม
    จะเต็มได้อย่างไร เค้าเรียกว่า เป็นตัญหาในบารมี กิเลสในธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 กุมภาพันธ์ 2009
  18. Chati

    Chati เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    435
    ค่าพลัง:
    +1,982
    ถ้ามีบารมีเต็ม ก็จะประจักษ์แก่จิตของตนว่าบารมีในเรื่องนั้นๆได้เต็มแล้ว
     
  19. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    อารมณ์ที่จะบรรลุธรรมที่พ้นวิเศษ
    ก่อนอื่นตัดความกังวลให้หมดก่อน
    แล้วคิดเสมอว่าบุญทานเต็มแล้ว เหลือแต่ภาวนาก็มาเร่งความเพียร
    เจริญสติมาก ๆ เมื่อเหตุปัจจัยสมบูรณ์แล้ว อารมณ์ที่จะบรรลุธรรมที่พ้นวิเศษก็จะเกิดเองเป็นขึ้นมาเอง
    โดยไม่อ้างกาลอ้างเวลา อารมณ์ที่จะบรรลุธรรมที่พ้นวิเศษไม่สามารถที่จะตกแต่งเอาเองได้เกิดขึ้นจากธรรมชาติล้วนๆ ที่สมบูรณ์แล้วทั้งสิ้น เรียกว่าพุทธะ
    ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
     
  20. บุญญสิกขา

    บุญญสิกขา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,863
    ค่าพลัง:
    +14,471

แชร์หน้านี้

Loading...