รวม ธรรมะสั้นๆ เข้าใจง่าย ของครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น - พระป่าธรรมยุติ etc.

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย kennek, 30 มีนาคม 2012.

  1. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    [​IMG]


    ...ส่วนด้านจิตใจ ต้องอาศัยสติ ความสังวร ระมัดระวัง ความระลึกรู้ รู้เท่าทันอยู่ทุกระยะ ถ้าหากไอ้นี้เอาไม่อยู่ ต้องอาศัยความอดทนคือขันติ อันนี้ เป็นสิ่งที่กางกั้นจิตใจได้หน่อยหนึ่ง ถ้าหากเราพยามบำเพ็ญสติ หรือขันติให้แก่กล้าแล้ว สามารถที่จะทวนกระแสจิตใจได้ กั้นไว้ได้เป็นบางครั้งบางคราว กั้นไว้ไม่ใช่จะกั้นไว้ตลอดไป กั้นไว้ให้เพื่อจะให้มีความระลึกรู้ หรือให้มีความสงบ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งพอให้มีสมาธิได้อีกหน่อยหนึ่ง พอสิ่งนี้มีขึ้นมาหน่อย ก็จะมีปัญญาค้นคิด พิจารณาให้รู้เรื่อง ตรงที่จะตัดกระแสได้ ก็ต้องอาศัยปัญญานี้หละ จู้จักเหตุผลอันไหนดีไม่ดีมันก็วางเอง แต่ต้องอาศัยกั้นไว้ก่อนทีแรก ถ้าไม่มีอะไรกั้น มันก็จะไหลไปเลย คล้าย ๆ กับน้ำทางนอก...

    หลวงปู่ศรี มหาวีโร
    เทศนา เรื่อง ขันติเป็นแนวหน้า
     
  2. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    [​IMG]


    อำนาจแห่งทานการเสียสละนี้เป็นเครื่องสมานจิตใจให้ไม่ระแคะระคาย ไม่ระเวียงระวังกัน ให้สนิทตายใจต่อกันได้ระหว่างคนกับสัตว์

    เพราะฉะนั้นการให้ทานจึงเป็นของจำเป็นมาก เป็นพื้นฐานของพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ ก่อนที่จะตรัสรู้นี้ การให้ทานนี้เป็นเหมือนกันหมด บรรดาพระพุทธเจ้าเป็นอันดับหนึ่ง อย่างพระพุทธเจ้าของเราองค์ปัจจุบันนี้ก็เหมือนกัน จวนเข้ามาเท่าไร การให้ทานไม่หยุดไม่ถอย อย่างที่เราได้ตัวอย่างมาจากพระเวสสันดร ทานเสียจนหมดเนื้อหมดตัว ไม่มีอะไรก็ยกช้างให้ทาน ถูกชาวเมืองเขาไม่พอใจขับไล่เข้าอยู่ในป่าในเขา พระองค์ก็ยอมไป ไปตามที่เขาขับไล่ แต่การให้ทานตามพระนิสัยของพระองค์นั้นไม่ยอมลดละ เข้าไปอยู่ในป่าในเขาไม่มีอะไรให้ทาน พราหมณ์มาขอลูกพระโอรสทั้งสอง กัณหา-ชาลี ก็ยกให้ทานไปเลย ไม่มีคำว่าเสียดาย นี้คือนิสัยของบรมโพธิสัตว์ เป็นอย่างนั้น
     
  3. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    [​IMG]


    "...การอยู่ป่าเป็นวัตรตามธุดงค์ระบุไว้ ท่านก็เริ่มเห็นคุณแต่เริ่มฝึกหัดอยู่ป่าเป็นต้นมา ทำให้เกิดความวิเวกวังเวงอยู่คนเดียว ตาเหลือบมองไปในทิศทางใดก็ล้วนเป็นทัศนียภาพเครื่องปลุกประสาทให้ตื่นตนอยู่เสมอ ไม่ประมาทนอนใจ นั่งอยู่ก็มีสติ ยืนอยู่ก็มีสติ เดินอยู่ก็มีสติ นอนอยู่ก็มีสติ กำหนดธรรมทั้งหลายที่มีอยู่รอบตัว เว้นแต่หลับเท่านั้น

    ....ในอิริยาบถทั้งสี่เต็มไปด้วยความปลอดโปร่งโล่งใจ ไม่มีพันธะใด ๆ มาผูกพัน มองเห็นแต่ความมุ่งหวังพ้นทุกข์ที่เตรียมพร้อมอยู่ภายในไม่มีวันจืดจางและอิ่มพอ ยิ่งพักอยู่ในป่าเปลี่ยวอันเป็นที่อยู่ของสัตว์ทุกชนิด ซึ่งตั้งอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้านด้วยแล้ว

    ....ใจปรากฏว่าเตรียมพร้อมอยู่ทุกขณะ ประหนึ่งจะทะยานเหาะขึ้นจากหล่มลึกคือกิเลสในเดี๋ยวนั้น ราวกับนกจะเหาะบินขึ้นบนอากาศฉะนั้น ความจริงกิเลสก็คงเป็นกิเลสและฝังอยู่ในใจตามความมีอยู่ของมันนั่นแล แต่ใจมันมีความรู้สึกไปอีกแง่หนึ่ง

    ....เมื่อไปอยู่ในที่เช่นนั้น ความรู้สึกในบางครั้งเป็นเหมือนกิเลสตายลงไปวันละร้อยละพัน ยังเหลืออยู่บ้างประปรายราวตัวสองตัวเท่านั้น เพราะอำนาจของสถานที่ที่พักอยู่ช่วยส่งเสริม ทั้งความรู้สึกโดยปกติและเวลาบำเพ็ญเพียร กลายเป็นเครื่องพยุงใจไปทุกระยะที่พักอยู่

    ....ความคิดเกี่ยวกับสัตว์ต่าง ๆ ทั้งสัตว์ร้ายและสัตว์ดีที่มีอยู่ทั่วไปในบริเวณนั้น ก็คิดไปในทางสงสารมากกว่าจะคิดในทางเป็นภัย โดยคิดว่าเขากับเราก็มีความเกิดแก่เจ็บตายเท่ากันในชีวิตที่ทรงตัวอยู่เวลานี้ แต่เรายังดีกว่าเขาตรงที่รู้จักบุญบาปดีชั่วอยู่บ้าง ถ้าไม่มีสิ่งนี้แฝงอยู่ภายในใจบ้างก็คงมีน้ำหนักเท่ากันกับเขา"

    ที่มา : ประวัติท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
    โดย ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
     
  4. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    [​IMG]


    คนรุ่นใหม่

    "..."คนรุ่นใหม่" ที่แท้จริงนั้นย่อมจะมีจิตสำนึกที่เฝ้าเตือนตนเองอยู่เสมอในการที่จะไม่ไปละเมิดผู้อื่นหรือสัตว์อื่นให้ได้รับความเดือดร้อน เพราะรู้ดีว่าการไปเบียดเบียนผู้อื่นสัตว์อื่นนี่แหละคือ หนทางที่จะนำไปสู่การเวียนว่ายตายเกิด อันไม่มีที่
    สิ้นสุด...ซึ่งแน่นอนนั่นคือหนทางแห่งทุกข์...ถ้าหากไม่มีจิตสำนึกอย่างนี้แล้วล่ะก็...ต่อให้มีการศึกษามีความรู้ความสามารถ มีหน้าที่การงานดีเลิศขนาดไหนก็...เป็นได้เพียงแค่.."คนรุ่นเก่าที่มาเกิดในยุคใหม่"เท่านั้นแหละ...ที่ยังคงมีพฤติกรรมถาวรที่ "เห็นแก่ตัว" ...ยังเพียบพร้อมไปด้วยสัญชาตญาณของการแสวงหาซึ่ง กิน กาม เกียรติ อยู่เหมือนเดิม...หากแต่จะร้ายและอันตรายมากกว่า "คนรุ่นเก่าที่เกิดในยุคเก่า" ซะอีก... เนื่องจากศักยภาพของสมองที่วิวัฒนาการมากขึ้นเป็นร้อยเท่าพันทวี...การแสวงหาซึ่ง กิน กาม เกียรติ จึงไร้ขอบเขต...ไร้รูปแบบ...ตามกำลังของความเห็นแก่ตัวที่มืดบอดจะผลักดันออกมามากน้อยแค่ไหนเท่านั้นแหละ !!!..."

    พระอาจารย์อังคาร อัคคธัมโม
     
  5. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    [​IMG]


    สตินั้นให้มีทุกเวลา ดังที่ท่านแสดงไว้แล้วว่า สติ สพฺพตฺถ ปตฺถิยา สติจำต้องปรารถนาในที่ทั้งปวง ในธรรมทุกขั้น สตินี้ปล่อยไม่ได้เลย ตั้งแต่พื้นๆ ที่เราเริ่มตั้งสติ จนกระทั่งสติสุดท้ายคือ มหาสติมหาปัญญา สตินี้จะติดแนบเข้าไปจนเป็นความละเอียดลออ ถึงขั้นมหาสติมหาปัญญา จากการบำรุงรักษาสืบต่อกันไม่หยุดไม่ถอยนี้แล

    ท่านทั้งหลายต้องการมรรคผลนิพพาน อย่ามองไปที่อื่นที่ใด ให้นอกเหนือไปจากจุดหมายที่แสดงไว้เวลานี้ ในเบื้องต้นให้ตั้งคำบริกรรมให้ดี แล้วมีสติกำกับ เคลื่อนไหวไปไหน สติกับคำบริกรรมอย่าให้เคลื่อน ให้มีความรู้สึกตัว หากเรามีความเคลื่อนไหวกับกิจการงานใด ก็ให้มีสติ ถ้าไม่บริกรรม ก็ให้มีสติรับรู้อยู่นั้น เรียกว่า เป็นสัมปชัญญะ แต่ส่วนมากของท่านผู้ปฏิบัติจริงๆ แล้ว จะประกอบการงานใดๆ ก็ตาม คำบริกรรมจะติดแนบอยู่กับใจตลอดไป นี่เป็นความเหมาะสมมาก


    เทศน์อบรมพระวันเข้าพรรษา ณ วัดป่าบ้านตาด
    หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    เมื่อค่ำวันที่ ๑ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๕๔๗
    นักปฏิบัติให้ยึดการพิจารณาร่างกายเป็นหลัก
     
  6. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    [​IMG]


    "..ผู้ไม่มีแผลในฝ่ามือ ถึงจะถือยาพิษ จับยาพิษ
    แต่ยาพิษก็ไม่อาจซึมซาบไปให้โทษ
    แก่ฝ่ามือที่ไม่มีแผลได้เลยฉันใด
    บาปหรือตำหนิ ย่อมไม่ตกแก่ผู้พ้นจากบาปแล้วฉันนั้น.."

    หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
     
  7. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    [​IMG]


    "..ความดี กับ ความไม่ดี
    ขึ้นอยู่กับเหตุ คือเราทำไว้
    ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับคนพูด.."

    หลวงปู่ศรี มหาวีโร
     
  8. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    [​IMG]


    "หากยามใดท้อถอย เหนื่อยหน่ายต่อการปฏิบัติ
    ก็ให้ระลึกถึงภัยข้างหน้าที่จะมีมา
    ต้องตระหนักว่าขณะนี้เรายังอยู่ในมรสุม
    อยู่ท่ามกลางคลื่น ภัยนั้นมีอยู่รอบด้าน
    เอาไว้ให้ถึงฝั่งเสียก่อน อย่ามัวเที่ยวเก็บ เที่ยวชมดอกไม้
    มืดค่ำแล้ว เดี๋ยวจะหาทางออกไม่พบ"

    หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ
     
  9. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    [​IMG]


    สบายใจ

    "คนมีบาปก็คือคนไม่สบายใจนั่นเอง คนมีบุญก็คือคนมีความสุข ความสบายใจนั่นเอง ถาใจดีกายก็พลอยเยือกเย็นสงบสบาย คนที่อยู่ใกล้ก็พลอยสงบเยือกเย็นไปด้วย แต่ถ้าใจเราไม่ดี คนที่อยู่ใกล้เราก็เร่าร้อนเป็นทุกข์มีปัญหา การทำใจจึงชื่อว่าทำดีให้แก่เราและใจเรา ฉะนั้นควรรู้จักสวดมนต์ภาวนาให้เข้าถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ที่ใจ เมื่อใจของเราสงบแล้วนั่นแหละ เรารวมศาสนาไว้ที่ตัวเรา บุญกุศลสวรรค์นิพพานก็มารวมอยู่ที่ใจของเรา"

    คำสอนหลวงพ่อสนอง กตปุญโญ
     
  10. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    [​IMG]


    ที่เราสวดมนต์ไหว้พระอยู่เสมอ ก็อย่าไหว้แต่วาจา อย่ากราบแต่ด้วยมือ ต้องจิตใจน้อมระลึกถึงความจริงด้วย ให้เกิดขึ้นในจิตใจ ให้มีศรัทธาความผ่องใสในจิตในใจ จะเห็นอานิสงส์ จะได้เกิดความอุตสาหะพยายาม เกิดความพากเพียร เกิดสติระลึกคุ้มครองรักษาตัวเรา ให้เป็นผู้หมดจดสะอาดไปถึงสภาพแห่งความบริสุทธิ์

    ...หลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ
     
  11. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    [​IMG]


    สมาธิเป็นกำลังสำคัญมาก ถ้าไม่มีสมาธิแล้ววิปัสสนาจะเอากำลังมาจากไหน ปัญญาวิปัสสนามิใช่เป็นของจะพึงแต่งเอาได้เมื่อไร แต่เกิดจากสมาธิที่หัดได้ชำนิชำนาญมั่นคงดีแล้วต่างหาก

    ถึงผู้ได้สุกขวิปัสสโกก็เถิด ถ้าไม่สมถะแล้วจะเอาวิปัสสนามาจากไหน เป็นแต่สมถะของท่านไม่คล่องเท่านั้น อย่างนี้พอฟังได้

    ผู้ปฏิบัติทั้งหลาย เมื่อได้ทำสมาธิให้มั่นคงแน่นหนาดีแล้ว จนกระทั่งจะเข้าจะออกก็ได้ จะอยู่ให้นานๆ และพิจารณากายอันนี้ให้เป็นอสุภะหรือเป็นธาตุก็ได้ พิจารณาคนในโลกนี้ทั้งหมดให้เป็นโครงกระดูกทั้งหมดก็ได้ หรือพิจารณาให้เห็นในโลกนี้ทั้งหมดว่างเป็นอัชฌัตตากาศว่างเปล่าไปหมดก็ได้ ฯลฯ

    จิตผู้มีอสุภะเต็มที่แล้ว ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง นอน ย่อมเป็นสมาธิอยู่ตลอดเวลา แล้วก็มองเห็นกิเลสของตน ซึ่งเกิดจากจิตของตนได้ชัดเจนว่า กิเลส คือ ความโลภ ความโกรธ ความหลง มัน เกิด จากสิ่งนี้ๆ และมันตั้งอยู่ได้ด้วยอาการอย่างนี้ๆ แล้วหาอุบายละด้วยอย่างนี้ๆ เหมือนกับนํ้าในสระที่ขุ่นมาเป็นร้อยๆ ปี เพิ่งมาใสสะอาดมองเห็นสิ่งสารพัดที่มีอยู่ก้นสระว่า แต่ก่อนแต่ไรเราไม่นึกไม่คิดเลยว่า ในก้นสระมันจะมีของเหล่านี้ นั้นเรียกว่า วิปัสสนา คือ ความรู้ความเห็นตามสภาพจริง มันเป็นจริงอย่างไรก็เห็นตามความเป็นจริงอย่างนั้น ไม่วิปริตผิดแปลกจากความเป็นจริงของมัน

    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี
     
  12. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    [​IMG]


    "สมาธิทำให้เกิดปัญญา การเจริญวิปัสนา คือ การนำปัญญามาใช้"

    พระราชวุฒาจารย์ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล
     
  13. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    [​IMG]


    "อย่าทำความรู้ ความเห็นและความประพฤติทุกด้านเหมือนเราไม่มีป่าช้าอยู่กับตัว อยู่กับบ้านเมืองเรา อยู่กับญาติมิตรของเรา บทถึงคราวเป็นอย่างโลกที่มีป่าช้าทั่ว ๆ ไปขึ้นมา จะแก้ตัวไม่ทัน แล้วจะจมลงในที่ตนและโลกไม่ประสงค์อยากลงกัน จะคิดจะพูดจะทำอะไร ควร ระลึกถึงป่าช้าคือความตายบ้าง เพราะกรรมกับป่าช้าอยู่ด้วยกัน ถ้าระลึกถึงป่าช้า ในขณะเดียวกันได้ระลึกถึงกรรมด้วย พอทำให้รู้สึกตัวขึ้นบ้าง อย่าอวดตัวว่าเก่งทั้ง ๆ ที่ไม่เหนืออำนาจของกรรม แม้อวดไปก็เป็นการทำลายตัวให้ล่มจมไปเปล่า ๆ ไม่ควรอวดเก่งกว่าศาสดาผู้รู้ดีรู้ชอบทุก ๆ อย่าง ไม่ลูบ ๆ คลำ ๆ เหมือนคนมีกิเลสที่อวดตัวว่าเก่ง สุดท้ายก็จนมุมของกรรมคือความเก่งของตัว (ผลร้ายที่เกิดจากการทำด้วยความอวดเก่งของตัวเอง)"

    ประวัติ
    ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ
    โดย ท่านอาจารย์พระมหาบัว ญาณสัมปันโน
    แห่งวัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี

    (เรื่องเด่นเวปพลังจิต Sep-12)
     
  14. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    [​IMG]


    "วิถีธรรม วิถีแห่งความพอเพียง"

    หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ
     
  15. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    [​IMG]


    สักวันหนึ่งความตายจะมาถึงเรา มาบีบบังคับให้เราปล่อยทุกสิ่งทุกอย่าง
    ฉะนั้น เราต้องหัดปล่อยวางล่วงหน้าให้มันเคย ไม่อย่างนั้น พอถึงเวลาไปจะลำบาก

    ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก
     
  16. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    [​IMG]


    ...ถ้าใครไม่รู้ว่าของทั้งหลายมีคุณ และสิ่งต่าง ๆ มีคุณแก่เรา นับตั้งแต่ของนอกเข้ามา จนถึงพ่อแม่ครูบาอาจารย์ ตลอดจนถึงพระศาสนาแล้ว นั่นล่ะ คนอกตัญญู เราอยากจะเป็นคนอกตัญญูอย่างนั้นหรือ ก็เรียกว่า อกตัญญูล่ะ ถ้าไม่รู้จักวิธีการตอบแทน คือพยายามจะปรับปรุงตัวเอง ตอบแทนบุญคุณของท่าน อันนี้ มันจึงจะเป็นกตเวที หรือกตเวทิตา ถ้าไม่ตอบแทนก็แสดงว่าเป็นหนี้บุญคุณของท่าน เป็นคนอกตัญญูอย่างนั้นตลอดไป แล้วเราจะได้คุณธรรมอันไหนมาเกิดขึ้น จะนั่งสมาธิมันจะเกิดขึ้นตรงไหน จะปฏิบัติศีลมันจะเกิดขึ้นยังไงได้ อันนี้มันทับอยู่ จะปฏิบัติธรรมจะเกิดขึ้นยังไง หน้าที่ของตัวเอง ควรทำอย่างไหน ควรทำอย่างไร ควรปฏิบัติยังไง ควรแก้ไขยังไง จึงจะเป็นผู้รู้จักคุณของบิดามารดา คุณครูบาอาจารย์ คุณพระศาสนา คุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ทำอย่างไรมันจึงจะถูกต้อง...

    หลวงปู่ศรี มหาวีโร
    เทศนา เรื่อง ขูดเกลากิเลส
     
  17. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
  18. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    [​IMG]


    "..อย่าคิดว่าสิ่งใดจะวิเศษวิโสกว่าการงานคือการแก้กิเลส และอย่าไปสนใจกับสิ่งใดวัตถุสมบัติใดว่าเป็นสิ่งวิเศษวิโสยิ่งกว่าสมบัติคือธรรมที่ได้เกิดขึ้นมาโดยลำดับ ๆ จนกระทั่งถึงวิมุตติสมบัติ อันนี้เลิศประเสริฐไม่มีสมบัติใดเสมอในไตรโลกธาตุนี้.."

    หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
     
  19. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    [​IMG]


    "ใครผิดถูก ดีชั่ว ก็ตัวเขา
    ใจของเรา เพียงระวัง ตั้งถนอม
    อย่าให้ อกุศล วนมาตอม
    ควรถึงพร้อม บุญกุศล ผลสบาย
    เห็นคนอื่น เขาชั่ว ตัวก็ดี
    เป็นราคี ยึดขันธ์ ที่มั่นหมาย
    ยึดขันธ์ต้อง ร้อนแท้ เพราะแก่ตาย
    เลยซ้ำร้าย กิเลสกลุ้ม เข้ารุมกวน"

    ขันธะวิมุติสะมังคีธรรมะ โดย พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
     
  20. kennek

    kennek เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2006
    โพสต์:
    2,163
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +17,236
    [​IMG]


    ท่านพระอาจารย์มั่นป่วยเป็นมาลาเลีย เรา(พระเจี๊ยะ) เป็นพระคิลานุปัฏฐากประจำองค์ท่าน ปกตินิสัยท่านไม่ชอบเกี่ยวกับหยูกยาอะไร แม้ท่านจะอยุ่ในวัยชราธาตุขันธ์กำลังร่วงโรยก็ตาม ท่านยังหนักหน่วงในธรรมโอสถ เป็นเครื่องประสานธาตุขันธ์อยู่ตลอดเวลา

    ตามปกตินิสัยใจคอท่านพระอาจารย์มั่น เวลาท่านป่วยหนักคับขับทางธาตุขันธ์ร่างกายเข้าที่จนมุม ท่านมักคิดค้นด้วยสติปัญญาไม่ลดละ ในเวลาป่วย ท่านจะมีอุบายพิจารณาธรรมในขณะเดียวกัน ท่านถือว่า

    "ทุกข์เวทนาที่เกิดขึ้นในกายเป็นเรื่องของสัจธรรมโดยตรง ต้องพิจารณาให้รู้ในสิ่งที่ควรจะรู้ได้ ไม่ปล่อยให้ทุกข์ย่ำยีเปล่าๆ เพื่อเป็นการฝึกซ้อมสติปัญญา ให้รู้เท่าทันเหตุการณ์ว่าสติปัญญาที่เคยอบรมและซักซ้อมมาเป็นเวลานาน ขณะเข้าสู่สงครามคือความทุกข์ทรมาน ใจจะไม่มีความหวั่นเกรงต่อความจริง ไม่มีความสะท้านหวั่นไหวกับพายุ คือโทษทุกข์ที่เข้ามาทับถม เมื่อพิจารณาเท่าทันขันธ์ดังที่กล่าวมานี้ อยู่ก็สบาย ถึงตายก็มีชัยชนะ"

    ในระหว่างที่อาพาธอยู่นั้น วันหนึ่งท่านพูดเปรยๆขึ้นว่า

    "หยูกยารักษามาก็นานแล้วยาธรรมดาเหมือนชาวโลกเขาคงกินไม่ได้เรื่อง ต้องเอายาวิเศษคือธรรมโอสถ หากไม่หายก็ให้มันตายซะ ท่านจึงเจริญกายคยาสติกรรมฐานเป็นอนุโลมและปฏิโลมเพ่งแผดเผาภายใน เพื่อเป็นวิหารธรรมอยู่ทั้งวันทั้งคืน ไม่นานอาพาธก็สงบ จึงปรากฏบทคาถาขึ้นว่า

    "ฌายี ตปติ อาทิจฺโจ" พิจารณาได้ความว่า

    "ฌาน แผดเผาเหมือนดวงอาทิตย์ ฉะนั้น"

    ที่มา : หนังสือหลวงปู่เจีียะ จุนโท พระผู้เป็นดั่งผ้าขี้ริ้วห่อทอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...