มาดูสมเด็จกัน

ในห้อง 'วิธีดูพระเครื่อง-เครื่องรางของขลัง' ตั้งกระทู้โดย wasabi san, 25 พฤศจิกายน 2009.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. kepper

    kepper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +128
    ขอบคุณ คุณ xlmem มากครับ
     
  2. xlmen

    xlmen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,428
    ค่าพลัง:
    +3,291
    [​IMG]
    การแตกลายงาในพระองค์นี้น่าจะมาจากการลงรักปิดทองมาทำให้ผิวเนื้อเกิดการหดตัวครับ....
    แต่เท่าที่ดูแล้วคิดว่าไม่น่าจะใช่ยางรักนะครับ....บางทีอาจจะเป็นยางไม้อะไรซักอย่างแต่คงไม่ใช่ยางมะเดื่อแน่ครับ...

    ถามว่าพิมพ์แปลกแบบนี้จะเป็นพระปลอมไหม ?
    คิดว่าไม่น่าจะปลอมครับเพราะเป็นพิมพ์ที่วงการยังไม่รู้จักครับ...ดีนะที่คุณยาไม่นำพระไปออกใบเซอร์ไม่งั้นหละก็งานนี้กรรมการมีหวังได้อ้วนพุงปลิ้นหม่ำค่าเซอร์ไปฟรีๆ แน่ครับ 5555+
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_7456886.JPG
      IMG_7456886.JPG
      ขนาดไฟล์:
      172.5 KB
      เปิดดู:
      2,375
  3. wasabi san

    wasabi san เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    2,009
    ค่าพลัง:
    +5,915
    เป็นเด็กเทพนี่ มันเหนื่อยไม่ใช่เล่นนะครับ

    ผมที่มีความคมชัด คือพระที่ได้แบบจากแม่พิมพ์ตัวจริง หากพระถอดพิมพ์จะไม่สามารถเก็บรายละเอียดตามอย่่างพระแท้ได้

    การยุบตัวของพระสมเด็จ ต้องพิจารณาการยุบตัว การหดตัว และการสลายของวัตถุธาตุตามธรรมชาติ เพื่อเป็นการง่ายคงเลี่ยงไม่พ้นต้องชมภาพ

    [​IMG]


    พระเก๊ที่โพสต์เป็นเนื้อปูนปาสเตอร์ผสม จึงเกิดการยุบตัวที่ไม่เหมือนเนื้อพระสมเด็จทั่วไป จะเป็นแอ่งเว้า ใครเคยหล่อแบบจากปูนปาสเตอร์จะเข้าใจดี

    [​IMG]
    องค์นี้เป็นพระสมเด็จวัดระฆังพิมพ์ฐานแซม ที่อกไม่หัก รักไม่คุด เป็นพระแท้ พิมพ์แท้ ไม่ต้องเซอร์ ไม่ต้องส่งให้เสียเงิน

    มาดูกันเรื่องเนื้อพระแท้ เนื้อปูนเปลือกหอยต้องพิจารณาการยุบตัว หดตัว และสลายตัว จะเป็นธรรมชาติ ตามอายุกาล

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. keepwork

    keepwork เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +770
    k.wsbs และ k.xlman ครับ สมเด็จองค์นี้ พอจะเป็นวัดระฆังหรือบางขุนพรหมใด้มั้ย!
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • JDCR2.jpg
      JDCR2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      727.9 KB
      เปิดดู:
      313
    • JDCR1.jpg
      JDCR1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      609.1 KB
      เปิดดู:
      613
  5. keepwork

    keepwork เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +770
    สมเด็จท่านอึ่งหนักคอมั้ย!ท่านอึ่งยังอยู่ในกะลา.หรือเปล่าครับ!..ทุกอย่างมีดีและไม่ดีปะปนกันไปอยู่ที่ว่าใครจะเรียนรู้ใด้เข้าใจมากกว่า...รักจริงๆจึงบอกท่าน"อึ่ง"เหมือนกัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2011
  6. บุพนิมิต

    บุพนิมิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    4,690
    ค่าพลัง:
    +7,034
    ฮ่าๆๆๆ....ใจเย็นครับท่าน keepwork....ปกติผมยังไม่เคยโพสของท่าน keepwork ออกมาในลักษณะเหน็บอ่ะครับ...อาจเป็นเพราะหลังๆมานี้...ผมไม่ค่อยได้อ่านโพสทั่วๆไปน่ะครับ...เลยแปลกใจเล็กน้อย....

    --------------------------------------------------------------
    พิจารณาดูจากที่ท่าน อึ่ง ตั้งชื่อและใช้รูปอึ่งแทนตัวเอง....บงบอกถึงการถ่อมตน รู้น้อย...เป็นลักษณะที่ดีงาม น่ายกย่องอ่ะครับ....

    แต่โพสที่ท่านอึ่งส่งขึ้นมาร่วมแบ่งปันความรู้ในกระทู้นี้...อ่านแล้วทำให้ผมนึกถึงนิทานเรื่อง "แม่โคกับอึ่งอ่าง" ที่เคยอ่านสมัยเด็กๆอ่ะครับ...

    นับว่าท่านอึ่งมีจิตเมตตาสูงยิ่งมากๆอ่ะครับ...ที่เวทนาคนหลงทาง ซึ่งรวมทั้งผมด้วย ฮ่าๆๆๆๆ

    ป่านี้...ท่านคงหัวเราะขำกลิ้งขมำหงายอยู่อ่ะครับ...ไงก็หัวเราะน้อยๆหน่อยนะครับ...อย่าได้ซ้ำเติมกันอีกเลย...บาปป่าวๆ...

    อิอิอิ....ล้อเล่นครับท่านอึ่ง....
     
  7. Kawinpun

    Kawinpun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,154
    ค่าพลัง:
    +991
    คุณ จิน แวะมาดูเรื่อยเลยแฮะกระทู้นี้ กระผมก็นึกว่าจะไม่สนใจเข้ามาซะอีก
     
  8. stud100thai

    stud100thai สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2011
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +0
    รบกวนคุณ XLMEN & คุณวาซาบิ และเพื่อนๆ ครับ

    รบกวนคุณ XLMEN & คุณวาซาบิ และเพื่อนๆ ครับ
    เกศบัวตูมครับ
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. jaturong_tun

    jaturong_tun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,879
    ค่าพลัง:
    +2,473
    พระสมเด็จองค์นี้ดีหรือไม่ครับ
    [​IMG][​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • hyt.jpg
      hyt.jpg
      ขนาดไฟล์:
      97.2 KB
      เปิดดู:
      460
    • cvbg.jpg
      cvbg.jpg
      ขนาดไฟล์:
      98.9 KB
      เปิดดู:
      229
  10. keepwork

    keepwork เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    277
    ค่าพลัง:
    +770
    รบกวน k.wsbs แล k.xlman ช่วยดูพระรอดให้หน่อยครับเป็นกรุมหาวันใด้มั้ย..ขอบคุณครับ..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2011
  11. โสธรจิตต์

    โสธรจิตต์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +62
    รบกวนคุณ วาซาบิ และคุณ xlman ด้วยครับ เป็นบางขุนพรหมพิมพ์สังฆฏิ ไม่มีหู
    ขอคำแนะนำด้วยครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_1720.JPG
      IMG_1720.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.7 MB
      เปิดดู:
      318
    • IMG_1896.JPG
      IMG_1896.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.5 MB
      เปิดดู:
      210
  12. karaokethai

    karaokethai สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +1

    เห็นดวยกับ ท่าน ครับ
     
  13. kepper

    kepper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +128
    ช่วยดูพระสมเด็จให้ด้วย

    รบกวน คุณ วาซาบิ , คุณ xlmen และเพื่อนสมาชิก
    ช่วยดูพระสมเด็จให้ด้วยครับ

    ขอบคุณครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • SAM_2959.JPG
      SAM_2959.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.9 MB
      เปิดดู:
      562
    • SAM_2960.JPG
      SAM_2960.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.9 MB
      เปิดดู:
      410
    • SAM_2961.JPG
      SAM_2961.JPG
      ขนาดไฟล์:
      1.9 MB
      เปิดดู:
      254
  14. bobbysoking

    bobbysoking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2011
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +182
    ขอขอบคุณพี่ Xlman กับพี่ Wasabi มากๆนะครับ อิอิ ผมเป็นคนขี้สงสัยครับ ผมไม่ได้หมายถึงผมเป็นเทพนะครับ ผมหมายถึงได้เป็นเด็กกรุงเทพอ่ะครับพี่ๆ อิอิ อย่าเข้าใจผิดนะครับ

    แล้วนอกจากรูปที่พี่ยาเอามาให้ดูแล้ว(รูปที่พระเปลี่ยนเวลาห้อยคอไว้อ่ะครับ)แล้วองค์พระจะมีเปลี่ยนแบบอื่นอีกไหมครับ เช่น สีเปลี่ยน เกิดหลุม เกิดบ่อ มีคราบนั่นคราบนี่ อยากรู้ว่ามันจะเปลี่ยนเป็นแบบไหนได้มั่งอ่ะครับพี่ๆ แล้วกว่าจะเปลี่ยนนี่นานไหมครับ อิอิ ผมเป็นคนขี้สงสัยครับผม ขอโทดด้วยนะครับ

    ปล.ผมเห็นพี่ยาสอนให้สังเกตว่าในพิมพระมีปูนเปลือกหอย(ที่เป็นสีรุ้งๆอ่ะครับ)ผมเลยอยากทราบว่าถ้าเป็นพระผมนี่มีไหมครับ แล้วมีตรงไหนเหรอครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2011
  15. katika

    katika สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +6
    สอบถามคะ ไม่ทราบว่าเพื่อนสมาชิกพอทราบไหมคะ ว่าด้านหลังนั้นเขียนชื่อหลวงพ่อว่าอะไรคะ พยายามค้นหาแล้วหาไม่เจอสักทีคะ พอดีได้มาจากคนเล่นชนไก่แล้วนำมาขายให้คะ เมื่อก่อนจะเลี่ยมทองไว้ ยาชอบเนื้อพระเลยเช่าเก็บคะ แต่ไม่รู้หลวงพ่ออะไรสร้างคะ หาที่มาไม่ได้ ดังนั้นคงต้องรบกวนเพื่อนสมาชิกแล้วคะ เผื่อมีบางท่านทราบ
    [​IMG]

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0012.JPG
      IMG_0012.JPG
      ขนาดไฟล์:
      791.4 KB
      เปิดดู:
      4,513
    • IMG_0027.JPG
      IMG_0027.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2 MB
      เปิดดู:
      4,762
  16. katika

    katika สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +6
    เผื่อน้องบ๊อบบี้สนใจ นะคะ ลองเข้าไปตามลิงค์ ก็ไม่รู้ว่าเนื้อหาถูกต้องแค่ไหน แต่ถือว่าเป็นการศึกษา หาความรู้นอกกรอบนะคะ

     
  17. katika

    katika สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +6
    ประวัติของท่านสมเด็จโต
    ( ยาหยิบมาจากลิงค์ที่แนบด้านบนนะคะ เผื่อจะอ่านบทความด้านบอร์ดได้เลยคะ)

    ชาติภูมิพระผู้สร้าง เดิมชื่อโต บุตรนางงุด บิดาไม่เป็นที่ปรากฏ ตาชื่อนายผล ยายชื่อนางลา ถือกำเนิดในแผ่นดิน ราชกาาลที่ 1

    พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อวันพฤหสับดี เดือน 5 ขึ้น 12 ค่ำปีวอก ตรงกับวันที่ 17 เมษายน พุทธศักราช 2331

    สัมฤทธิศก จุลศักราช 1150 เวลาประมาณ 06.54 น. เดิมเป็นชาวบ้านท่าอิฐ อำเภอบ้านโพ (อำเภอเมือง ปัจจุบัน) จังหวัดอุตรดิตถ์

    ต่อมาฝนแล้งติดต่อกันหลายปี การทำนาไม่ได้ผล จึงต้องย้ายภูมิลำเนาไปอยู่กับยาย ที่บ้านไก่จันตำบลท่าหลวงอำเภอท่าเรือ
    จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
    ต่อมามารดาได้ย้ายถิ่นฐานไปอยู่ที่ตำบลบางขุนพรหม และได้มอบให้เป็นศิษย์ท่านเจ้าคุณอรัญญิก เจ้าอาวาสวัดอินทรวิหาร

    เพื่อการศึกษาอักขรสมัย เมื่ออายุคราบ 12 ปีบริบูรณ์ ตรงกับปีวอก พ.ศ. 2342 ได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยมีพระบวรวิริยะเถร (อยู่) เจ้าอาวาส

    วัดบางลำภู(วัดสังเวชวิศยาราม-ปัจจุบัน)เป็นพระอุปัชฌาย์ ภายหลังได้ย้ายไปอยู่วัดระฆังโฆษิตาราม เพื่อการศึกษาพระปริยัติธรรมกับสมเด็จพระ
    พุทธโฆษาจารย์ (นาค เปรียญเอก) สามเณรโต เป็นผู้ที่มีวิริยะ อุสาหะในการศึกษาเป็นอย่างดี มีวัตรปฏิบัติที่น่าเลื่อมใส จนปรากฏว่า

    พระบาทสามเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เมื่อครั้งดำรงพระยศเป็นสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทรทรงโปรดปรานมาก

    ทรงรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ได้พระราชทานเรือกราบกัญญาหลังคากระแชง ให้ท่านใช่สอยตามอัธยาศัย
    เมื่ออายุครบ 20 ปีตรงกับปีเถอะ พ.ศ. 2350 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯให้อุปสมบทเป็นนาคหลวง

    ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม(วัดพระแก้ว) โดยมีสมเด็จพระสังฆราช(สุก) วัดมหาธาตุเป็นพระอุปชาฌาย์ ให้ฉายาว่า "พรหมรังสี"

    และเรียกว่าพระมหาโตตั้งแต่นั้นเป็นตันมา

    สมณศักดิ์
    1. พระธรรมกิตติ สถาปนาพร้อมตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดระฆังโฆษิตราม โดยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อปีชวด พ.ศ. 2395

    ขณะท่านมีอายุ 65 ปี
    2. พระเทพกระวี เมื่อปีขาล พ.ศ.2397
    3. สมเด็จพุฒาจารย์ สถาปนาในคราวสมเด็จพระพุฒาจารย์ (สน) วัดสระเกศฯ มรณภาพลง ตรงกับวันพฤหัสบดี เดือนยี่ ขึ้น 9 คำ ปีชวด พ.ศ.

    2407 เป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์รูปที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

    การสร้างพระสมเด็จ
    1. จำนวนเป้าหมายในการสร้าง 84,000 องค์ (แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันจำนวนที่แท้จริง) ชึ่งท่านเจ้าประคุณเป็นผู้ควบคุมการสร้างเองทุกองค์
    2. สร้างด้วยจิตใจอันเปี่ยมด้วยเมตตาเผยแพร่พุทธศาสนาให้แก่บุคคลทั่วไป
    3. ปลุกเสกด้วยอภิญญาจิตเพื่อมุ่งหวังให้สาธุชนได้นำไปติดตัวป้องกันภัยและเป็นพุทธานุสติ ระลึกถึงพระรัตนตรัย เป็นที่พึ่งในตัวเอง

    จึงมีอนุภาพอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในทุกๆด้าน

    อานุภาพพระสมเด็จวัดระฆัง ผู้ที่มีจิตใจที่ดีบริสุทธิ์สดใสเท่านั้น ที่จะได้รับอานุภาพที่ดีจากพระสมเด็จ
    1. บูชาเพื่อความเจริญรุ่งเรืองผาสุขในกิจการงาน แห่งชีวิตของผู้มีไว้ติดตัวจะทำให้เกิดโภคทรัพย์ ในสุจริตวิถี
    2.คุ้มครองป้องกันอันตรายให้แคล้วคลาดจากภัยทั้งหลายทั้งปวง เฉพาะในผู้ที่เป็นสุจริตชน ผู้ทำมาหากินด้วยแรงกายแรงสติปัญญา

    ในทำนองคลองธรรม ในทางตรงกันข้ามพวกมิจฉาชีพดำรงชีวิต

    ด้วยความเดือดร้อนของบ้านเมืองและประชาชนตลอดจนถึงการขัดต่อศีลธรรมอันดีงาม
    แม้มีพระสมเด็จไว้หรือมีส่วนเกี่ยวข้องผ่านมือก็จะเร่งให้มีแต่ความทุกข์โศกมีภัยตลอดกาล

    วิธีอาราธนาพระสมเด็จวัดระฆัง
    ตั้งนะโมสามจบระลึกถึงเจ้าประคุณพระสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี แห่งวัดระฆังโฆษิตาราม
    หากสวดชินบัญชรได้ควรสวดหนึ่งจบ ก่อนที่จะนำพระสมเด็จติดตัวไป ให้ทำดังนี้
    เมื่อยกสร้อยขึ้นจะคล้องคอ องค์พระอยู่ในอุ้มมือ พนมมือแล้วท่องคาถาอาราธนาดังต่อไปนี้
    " โอมมะศรี มะศรี พรมรังสี นามะเตโช มหาสมโณ มหาปัญโญ มหาลาโภ มหายะโส สัพพะโสตถี ภะวันตุเม"
    เมื่อจบแล้วให้ท่องคาถาขอลาภว่า "ปุตตะกาโม ละเภปุตตัง ธนะกาโม ละเภธะนัง อัตถิกาเย กายะยายะ เทวานัง ปิยะยังสุตวา"
    เมื่อคล้องคอให้ท่องคาถาคุ้มครองชีวิตว่า "อิติปิโสภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ มรณังสุขัง อรหังสุคโต นะโมพุทธยะ"
    ทำได้เช่นนี้ทุกวันท่านจักมีความสุขความเจริญ และนิรันตรายทั้งปวง

    จากสมุดบันทึกประวัติของพิมพ์พระสมเด็จพิมพ์นิยม บันทึกประวัติของพิมพ์พระสมเด็จพิมพ์นิยมโดยหลวงปู่คำ (วัดอัมรินทร์)

    ในช่วงเวลาสุดท้ายของการสร้างพระ พระสมเด็จโดยพระสมเด็จพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
    ที่ได้ถูกคัดลอกไว้ซึ่งระบุไว้เฉพาะแม่พิมพ์ที่ไม่ชำรุดแตกหัก ที่มีเหลืออยู่ในสภาพดีในเวลานั้นเท่านั้น มีดังนี้
    1. พิมพ์ประธาน
    2. พิมพ์ใหญ่ ( พิมพ์ชายจีวร บาง, หนา, เส้นลวด)
    3. พิมพ์อกร่อง หูยาน ฐานแซม
    4. พิมพ์เกศบัวตูม
    5. พิมพ์ปรกโพธิ์
    6. พิมพ์ฐานคู่
    7. พิมพ์เส้นด้าย
    8. พิมพ์สังค์ฆาฏิ
    9. พิมพ์หน้าโหนกอกครุฑ
    10. พิมพ์ทรงเจดีย์
    นอกจากพิมพ์นิยมข้างบนนี้ รวมพิมพ์คะเเนน (คือพิมพ์พระสมเด็จที่ถูกย่อส่วนลงมา) แล้วยังมีพิมพ์อื่นๆ อีกถึง 83 พิมพ์
    การแกะแม่พิมพ์พระสมเด็จนั้น พุทธศิลป์มีทั้งพิมพ์ที่สวยงามและพิมพ์ไม่สวย พิมพ์พระที่สวยนั้นทำโดย ช่างหลวง เช่น หลวงวิจารย์ เจียรนัย

    ฯลฯ เป็นผู้แกะพิมพ์ถวาย (ซึ่งต่อมาถูกเรียกว่าพิมพ์นิยมนั่นเอง) ส่วนพิมพ์ที่ไม่สวยส่วนมากแกะพิมพ์โดยช่างที่เป็นชาวบ้าน

    ธรรมชาติของเนื้อพระสมเด็จวัดระฆัง

    มองทางกายภาพจากเลนส์ขยายในเนื้อพระสมเด็จวัดระฆังเท่าที่ได้สัมผัสมา มวลสารที่มองเห็นด้วยตาเปล่าประกอบด้วยมวลสารดังต่อไปนี้
    1. จุดสีขาวขุ่น มีทั้งขนาดใหม่และเล็ก
    ขนาดเล็กตั้งแต่ปลายเข็มหมุดขนานใหญ่เท่าเมล็ดถั่วเขียวก็เคยพบ มีปรากฏอยู่ทั่วไปในเนื้อพระละเอียดแน่นนอน

    และเนื้อพระชนิดหยาบเนื้อไม่แน่นนอน สันนิษฐานว่าคือ เม็ดพระธาตุ และเปลือกหอย
    2. จุดสีแดงหรือสีแดงอิฐ ตั้งแต่ขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ สันนิษฐานว่าคงจะเป็นเศษพระเครื่องหักของกำแพงเมืองเพชร สมัยที่สมเด็จพุฒาจารย์

    (โต) ได้ไปเดินธุดงค์พบพระเนื้อดินหักแต่ยังเต็มเปี่ยมไป ด้วยพระพุทธคุณ จึงนำมาสร้างพระเพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล

    และความขลังแก่พระสมเด็จ
    3. จุดสีดำ มีขนาดเล็กก็คือ เกสรดอกไม้ เม็ดกล้วย ถ้าเป็นขนาดกลาง สันนิษฐานว่าเป็นผงถ่านใบลาน และถ้าเป็นลักษณะยาว

    สันนิษฐานว่าเป็นกานธูป
    4. จุดสีเขียวคล้ายสีคราม มีลักษณะใหญ่เล็กแล้วแต่จะพบในองค์พระ สันนิษฐานว่าเป็นหินเขียวหรือตะไคร่ ใบเสมา
    5. จุดสีน้ำตาลอ่อน และน้ำตาลแก่ สันนิษฐานว่า คือเกสรดอกไม้แห้งนานาชนิด อาจเป็นดอกไม้108(ดอกไม้ที่ใช้บูชาพระ)
    6. เม็ดทรายเสกขนาดกลาง และขนาดเล็ก พบในเนื้อพระสมเด็จวัดระฆัง
    7. เม็ดขาวขุ่นหรือพระธาตุ ส่วนมากจะพบกระจายอยู่ทั่วไปในองค์พระบางองค์ พบอยู่ด้านหลังบางองค์ไม่พบ
    8. ทองคำเปลว ที่ติดพระประธานในโบสถ์วัดระฆัง ใช้บดละเอียดผสมในเนื้อพระ
    9. ผงวิเศษที่พบเป็นก้อน คล้ายกับก้อนดินสอพองก็คือ ผงวิเศษที่ได้จากผงอิทธิเจ ผงปัตถะมัง ผงตรีนิสิงเห ผงพุทธคุณ ผงมหาราช
    10. การยุบตัวของเนื้อพระสมเด็จ เกิดจากปฎิกริยาการหดตัว แห้งตัว ยุบตัวของเศษอาหาร จึงทำให้เนื้อพระยุบตัวลง

    ระยะเวลาและความร้อนของอากาศหลายๆปี ฤดูกาลธรรมชาติ
    11. ที่แลเห็นพระบางองค์มีความมันบนองค์พระมาก เพราะว่าในเนื้อพระผสมนำมันตั้งอิ้วมากกว่าปกติเนื้อพระชนิดนี้จึงหนึกนุ่มอยู่เสมอ

    ทำให้เนื้อพระเก่าได้ยาก
    12. พระสมเด็จกับการลงรักปิดทอง พระสมเด็จวัดระฆังบางองค์มีการลงรักปิดทองไว้ แล้วในภายหลังได้ถูกล้างออก

    ซึ่งก็ทำให้สามารถดูเนื้อพระได้ง่ายขึ้น
    13 คราบสีขาวบนองค์พระมักจะพบในพระสมเด็จวัดระฆังนั้นมี 2 นัย นัยแรก เกิดจากแป้งโรยพิมพ์พระในตอนสร้าง

    (สันนิษฐานว่าใช้แป้งขาวเจ้าผสมปูนขาว)
    นัยที่สอง เกิดจากเชื้อราบางชนิดซึ่งเกิดขึ้นเนื่องมาจากการเก่าเก็บไว้เป็นเวลานานซึ่งไม่มีผลทำให้ผิวพระเสียแต่อย่างใด
    ซี่งถ้าใช้นิ้วถูออกคราบสีขาวก็จะหายไปและจะไม่มีผงฝุ่นสีขาวติดนิ้วเลย แต่ไม่ควรถูออกเพราะคราบสีขาวเป็นการแสดงความเก่า
    ความมีอายุอันยาวนานขององค์พระ
    14. รอยปริแยกแตกบนผิวพระสมเด็จวัดระฆัง สันนิษฐานว่าเกิดจากการยุบตัว หดตัวของเนื้อพระเนื่องจาก
    ความชื้นและอุณหภูมิในอากาศเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าเนื้อพระมีส่วนผสมน้ำมันตังอิ้วที่เหมาะสมเป็นตัว
    ประสานเนื้อพระก็จะไม่พบลอยปริแตกบนผิว
    15. กลิ่นหอมในเนื้อพระสมเด็จวัดระฆัง สันนิษฐานว่าเกิดจากการที่ส่วนผสมมวลสารในเนื้อพระมีดอกไม้และ
    เกสรหลายชนิดรวมกัน รวมทั้งน้ำมันจันทน์ด้วย จึงทำให้พระสมเด็จมีกลิ่นหอม
    16. รอยแตกลายงาบนผิวพระสมเด็จวัดระฆังเกิดจากการแห้งและหดตัวของผิวเนื้อพระชั้นนอกเร็วกว่า เนื้อพระชั้นใน

    พบได้ในองค์พระที่มีผิวระเอียดหนึกนุ่ม

    มวลสารของเนื้อพระสมเด็จ
    1. ดินสอมหาชัย ใช้เขียนลงเป็นผง วิเศษ 5 ประการ อันได้แก่
    - ผงพระพุทธคุณ
    - ผงปัตถะมัง
    - ผงตรีนิสิงเห
    - ผงมหาราช
    - ผงอิทธิ
    ดินสอมหาชัยเป็นผงดินสออาถรรพณ์ทำจากดินขาวอันบริสุทธิ ผสมด้วย น้ำคั้นใบตำลึง ยอดสวาท ยอดกาหลง ยอดรักซ้อน ดินโป่ง ไคลเสมา

    ยอดชัยพฤกษ์ ยอดราชพฤกษ์ ยอดมะลิจากข้าวในยาตร ทั้งหมดเป็นมวลสารพระพุทธคุณ และได้ถือหลักการคุลีเนื้อพระจากตำรับไสยเวทย์

    และเพทางคศาสตร์

    2. ข้าวหอมจากบาตร บรรจุในชามเบญจรงค์ อันเป็นของที่เจ้าพระคุณสมเด็จฯ เก็บรักษาโดยเฉพาะ

    3. กล้วยน้ำไท ผสมยางมะตูมทั้งสองสิ่งนี้เก็บรักษาไว้ในขันสัมฤทธิ์ ไม่บูด ไม่เสีย

    4. เกสรบัวสัตตบงกช พร้อมทั้งเกสรดอกไม่ป่าจากเมืองสุโขทัย เมื่องกำแพงเพชร เป็นเกสรที่เจ้าคุณสมเด็จฯ ได้รวบรวมไว้ถึง 108 ชนิด

    5. เปลือกหอย ขาวบริสุทธิ์ นำมาป่นจนละเอียดแล้วผ่านกรรมวิธีจนกลายเป็นปูนเปลือกหอย มวลสารชนิดนี้เมื่อ

    ปลุกเสกและอบด้วยพระเวทย์มนตราอาถรรพณ์แล้ว จะเกิดทรายทองขึ้นเองด้วยวิทยาคมของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ

    6. น้ำมันตั้งอิ๊ว เป็นตัวประสานมวลสารที่ใช้ในการสร้างพระให้ยึดรวมกันอย่างเหนียวทั้งกระทำให้เนื้อพระชุ่มชื่นอีกด้วย

    7. วัสดุอื่นๆ ที่กล่าวไว้แล้วในหัวข้อ มวลสารที่มองเห็นด้วยตาเปล่าข้างต้นนี้ ฯลฯ

    ปฏิกิริยาจากผงวิเศษห้าประการ
    พระสมเด็จอันเกิดจากผงวิเศษห้าประการ ของเจ้าพระคุณสมเด็จฯ เป็นสิ่งที่เกิดจากปูนเปลือกหอยเป็นหลักแต่ประชาชน เรียกกันว่า "พระผง"

    เมื่อพิจารณาด้วยสายตาโดยใช้เลนส์ขยายจะแลเห็นบนพระมีจุดเล็กๆเรียกว่ารูพรุนปลายเข็มเกิดเป็นหมู่ๆ ประปรายอยู่ทั่วบริเวร ผิวขององค์พระ

    รวมทั้งแผ่นพื้นฐานด้วย

    รอยปูไต่ มีลกษณะ บุ๋มลึกลงไปรอยนี้มักเกิดเป็นคู่ๆเรียงกันไปเป็นทางคล้ายรอยปู จึงเรียกกันว่า "รอยปูไต่"

    รอยนี้เกิดขึ้นประปรายทั่วแผ่นพื้นฐานขององค์พระ

    รอยหนอนด้น บนผิวขององค์พระ เมื่อใช่เลนส์ขยายกำลัง 10 เท่า ส่องจะเห็นรอยโค้งเล็กๆคล้ายตัวหนอนขนาดเล็กมาปรากฏอยู่

    รอยนี้ไม่ปรากฏในพระแบบอื่นนอกจากพระของเจ้าพระคุณสมเด็จฯเท่านั้น ผู้ศึกษาพึงพิจารณาให้ละเอียด

    บ่อน้ำ และลำธาร เกิดบนผิวพื้นฐานขององค์พระอยู่โดยทั่วไป สมมติว่าเราขึ้นไปอยู่บนที่สูงๆ แล้วใช่กล้องส่องดูดาวที่มีกำลังขยายมากๆ

    ส่องดูดวงจันทร์ เราจะแลเห็นบนพื้นผิวดวงจันทร์ปรากฏเป็นหลุมเป็นบน่อ หุบ เหว ภูเขา และสายลำธาร ซึ่งขอเรียกว่า"ผิวพระจันทร์"
    อันเป็นสัญลักษณ์ที่เกิดในองค์พระสมเด็จโดยเฉพาะ

    ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ปรากฏอันเป็นความงดงามขององค์พระสมเด็จ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าจะมีผู้โชคดีได้เป็นเจ้าของพระสมเด็จ

    เมื่อใช้เลนส์ขยายดูเนื้อพระเขาจะเฝ้าดูแล้วดูเล่าอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย

    ในความงามอันน่าอัศจรรย์ของพระผงวิเศษของเจ้าพระคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี
    ชึ่งสามารถแลเห็นมวลสารเกสรเป็นจุดรูปต่างๆกัน มีสีสันแปลกๆเช่น สีแดง สีฟ้า สีเหลือง สีเขียว สีเทา สีน้ำตาล ฯลฯ

    มวลสารเกสรนี้ช่อนตัวของมันอยู่เงียบๆ ต้องใช้เวลาในการดูนานจึงจะปรากฎให้เห็น

    ความหมายอย่างมีเหตุผลของมวลสารชึ่งมีส่วนผสมในเนื้อสมเด็จ ที่มีคุณวิเศษในตัวเองดังนี้
    1. ผงวิเศษ ในการทำพระสมเด็จของเจ้าประคุณสมเด็จฯ มี 5 ชนิด
    1.1 ผงพุทธคุณ มีพลานุภาพทาง แคล้วคลาด และ เมตตามหานิยม
    1.2 ผงปัตถะมัง มีพลานุภาพทาง คงกระพันชาตรี
    1.3 ผงตรีนิสิงเห มีพลานุภาพทาง มหาเสน่ห์
    1.4 พงมหาราช มีพลานุภาพทาง มหาอำนาจทั่วไป
    1.5 ผงอิทธิเจ มีพลานุภาพทาง เมตตามหานิยม

    2. ไม้มงคล
    2.1 ดอกสวาท มีคุณทาง มหานิยม คนรักทั่วไป
    2.2 ดอกกาหลง มีคุณทาง ใครเก็นใครชอบ
    2.3 ดอกรักซ้อน มีคุณทาง มหาเสน่ห์
    2.4 ดอกกาฝากรัก มีคุณทาง เมตตามหานิยม
    2.5 ดอกชัยพฤกษ์ และดอกราชพฤกษ์ มีคุณทาง มหาอำนาจ และ แคล้วคลาดภัยทั้งปวง
    2.6 ดอกว่านางคุ้ม และ ดอกว่าน มีคุณทาง คุ้มกันอันตรายแก่คนทั่วไป
    2.7 ดอกว่านเสน่ห์จันทน์ขาว จันทน์แดง จันทน์ดำ มีคุณทาง มหาเสน่ห์ และ คลาดแคล้ว
    2.8 ดอกว่านนางกวัก มีคุณทาง มหานิยมแก่คนทั่วไป
    2.9 ว่านพระพุทธเจ้าหลวง มีคุณทาง คงกระพันชาตรี มหาอำนาจ
    2.10 ใบพูลร่วมใจ มีคุณทาง มหานิยมแก่คนทั่วไป
    2.11 ใบพลูสองทาง มีคุณทาง กันการกระทำและอันตรายคลาดแคล้ว
    2.12 ผงเกสรบัวทั้ง5 และเกสรดอกไม้108 มีคุณทาง มหาเสน่ห์ และแคล้วควาด

    3. ดินอาถรรพณ์
    3.1 ดิน 7 โป่ง ที่เสือลงมากิน มีคุณทางมหาอำนาจใครเห็นใครกลัวเกรงทั่วไป
    3.2 ดิน 7 ป่า มีคุณทางเมตตามหานิยม
    3.3 ดิน 7 ท่า มีคุณทางคลาดแคล้ว
    3.4 ดิน 7 สระในวัด มีคุณทางเมตตามหานิยมของคนทั่วไป
    3.5 ดินหลักเมือง มีคุณค่าทางมหาเสนห์แก่ตัวเอง
    3.6 ดินตะไคร่เจอดีย์ มีคุณทาง กันภูตผีปีศาจและกันเสนียดจัญไร
    3.7 ดินตะไคร่รอบโบสถ์ มีคุณทาง ป้องกันอันตรายทั่วไป
    3.8 ดินตะไคร่ใบเสมา มีคุณทางมหานิยม เมตตา และแคล้วคลาด
    3.9 ดินสอขาว หรือ ดินขาว (ดินสอพอง) สำหรับเขียนยันต์ตามสูตรพระเวท มีคุณทางแก้อาถรรพณ์
    3.10 ดินกระแจะปรุงด้วยของหอม มีคุณทาง เมตตามหานิยม

    4. ผงดำ คือ แม่พิมพ์พระที่แตกหักชำรุด นำมาเผาเป็นถ่าน แล้วนำมาบดผสมผงถ่านใบลาน (คือ ใบลานและคัมภีร์เก่าๆ นำมาเผาจนเป็นถ่าน)

    แล้วนำมาผสมกันเป็นผงดำมีคุณทางคงกระพันชาตรี และแคล้วคลาด

    5. ตะไบพระกริ่ง มีทั้งเนื้อเงิน และเนื้อทองเหลือง มีคุณค่าทาง คงกระพันชาตรี

    6. ตะไบเงินตะไบทอง มีคุณทาง ร่ำรวย โชคลาภ

    7. พระธาตุทั้ง 5 ชนิด มีคุณทาง การมีสิริมงคล โชคลาภ

    8. จุดแดง เกสรดอกไม้ 108 มีคุณทางมหาเสน่ห์ มหานิยม

    9. เศษพระกำแพงหัก (อิฐกำแพง) มีคุณทาง คงกระพันชาตรี โชคลาภ เงินทองไหลมาเทมา

    เครดิตที่มา : http://www.212cafe.com/freewebboard/view.php?user=banphra2&id=235&page=2&page_limit=50
     
  18. bobbysoking

    bobbysoking เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2011
    โพสต์:
    221
    ค่าพลัง:
    +182
    ขอบคุรพี่ยามากนะครับผม ผมพยายามจะดูว่าในพระผมมีปูนเปลือกหอยไหม แต่ผมไม่มีกล้องส่องพระพ่อไม่ให้ซื้อ อิอิ(กลัวลูกเป็นเซียน)เลยไม่รู้จะดูยังไงอ่ะครับ ทำไงตรวจสอบดีครับว่ามีปูนเปลือกหอยไหม
     
  19. katika

    katika สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +6
    "รอยหนอนด้น "

    รอยหนอนด้น หมายถึง รอยที่เกิดจากพระหดตัวมีรอบแยกออก แล้วมีน้ำมันตังอิ้ว หรือมวลสารอื่นที่เหลว

    ไหลเข้ามาอุดในร่อง จนมองดูเหมือนตัวหนอนเจาะกินผลไม้ รอยหนอนด้นจะมีทั้งด้านหน้า และด้านหลังพระ
    และอาจจะพบสารเคลือบผิวพระอื่นๆ ที่เจ้าของท่านแรกใช้ป้องกันการผุกร่อนของพระ
    พระสมเด็จวัดระฆัง ไม่ได้มีเพียงสีน้ำตาล ,สีขาวอมเหลือง และสีลงรักดำเท่านั้น่....สีของสมเด็จวัดระฆังเกิดจาก

    สารเคลือบผิวพระต่างๆ ที่มีอย่างน้อย 11 สี ได้แก่
    1.ว่านมหาราช..ว่านสบู่เลือด...ว่านภควบดี. พระจะออกมาสีน้ำตาลอมแดง
    2.ยางมะตูม พระจะออกมาสีขาวอมเหลือง
    3.แป้งมันเปียก.. พระจะออกมาสีคราบขาว
    4.ลักจีน..พระจะออกมาสีดำอมม่วง
    5.ลักไทย-เขมร..พระจะออกมาสีดำ
    6.ลักน้ำเกลี้ยง.. พระจะออกมาสีน้ำตาล ชุบทั้งองค์บาง ๆ ซึมเข้าเนื้อพระทั้งองค์ ต่างกับลักจีนตรงที่

    ลักจีนเนื้อเข้มข้น ชุบได้เฉพาะผิวด้านหน้าพระเท่านั้น
    7.เทือก...เทือกเป็นส่วนผสมยางไม้กับผงที่เหนียวหนืด พระจะออกมาสีน้ำตาลและคราบผงหลุดร่อน
    8.ชาด..พระจะมีสีแดงจะลงพร้อมลัก และปิดทองเป็นส่วนใหญ่
    9.รงค์...พระจะออกมาสีน้ำตาลอมเหลือง
    10.น้ำทอง..พระจะออกมาสีทองเนียนเสมอเป็นเนื้อเดียวกับพระ แตกต่างกับปิดทองโบราณที่การปิดทองโบราณนั้น

    เนื้อทองจะไม่ประสานกันทั้งองค์ แต่จะปรากฎทองเป็นที่ ๆ ลอกล่อน
    11.น้ำเงิน พระสมเด็จจะมีลักษณะเช่นเดียวกันกับน้ำทอง แต่จะออกมาสีเงินเนียนเสมอเป็นเนื้อเดียวกับพระ

    หรือเรียกว่า"น้ำเงิน..น้ำทอง" นั้นเอง

    "คมขวานฐานสิงห์..ตกท้องช้าง"

    สมเด็จวันละคำ "คมขวานฐานสิงห์..ตกท้องช้าง"

    "คมขวานฐานสิงห์..ตกท้องช้าง" ฐานสิงห์ หมายถึง ฐานชั้นที่ 2 (จากล่าง)แบบพิมพ์พระสมเด็จโดยเฉพาะพิมพ์ใหญ่ ฐานชั้นที่ 2มีลักษณะโค้งเข้ารูปสวยงามเหมือนคมขวานจึงเรียกว่า "คมขวานฐานสิงห์"

    [​IMG]

    ส่วนคำว่า"ตกท้องช้าง" หมายถึงพิมพ์พระสมเด็จโดยเฉพาะพิมพ์ใหญ่ฐานสิงห์ชั้นที่ 2 จะโค้งน้อยๆ ครูพระหรือเซียนพระโบราณท่านจึงเรียกสิ่งที่โค้งเข้ารูปสม่ำเสมอ และสวยงามว่า "ตกท้องช้าง"

    มีข้อสังเกต - ส่วนใหญ่พิมพ์พระสมเด็จวัดระฆัง โดยเฉพาะพิมพ์ใหญ่ฐานสิงห์จะโค้งเหมือนคมขวาน และตกท้องช้างหน่อย ๆ
    ถามว่าเสมอไปหรือไม่ ตอบว่าไม่เสมอไป เพราะบางองค์เนื้อพระบิดตัวเพราะกาลเวลา,การแกะพระออกจากแบบพิมพ์ เนื้อพระยังอ่อนนุ่มอาจจะบิดตัวตามแรงดึงของผู้สร้างก็เป็นได้ แต่ถ้ามีก็เป็นเครื่องยืนยันพระสมเด็จแท้ได้เป็นอย่างดี
    [​IMG]

    เสร็จแล้วตามไปด้วยลิงค์นี้นะคะ ก็ไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ แต่ก็อ่านๆไปงั้นๆคะ เผื่อได้เคล็ดลับนอกตำรา บ้างนิดๆ จะเดินถูกทางหรือไม่คงต้องถามพี่วาซาบิ และ ท่านเอ๊กช่วยพิจารณาเนื้อหาเหล่านี้ เพิ่มเติมกระมังคะ ต้องรบกวนท่านทั้งสองแล้วคะ

    http://sites.google.com/site/prasomdejkhuninthapramul/ingredient
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. ae noi

    ae noi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    4,134
    ค่าพลัง:
    +1,880
    ไม่มีกล้องส่งพระมาให้ผมส่องก็ได้ครับแหะๆๆๆ:cool:
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...