พุทธภูมิ คุยเรื่องอจินไตย

ขออนุญาตครับ

<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/IbmnpO2eTX8?list=PL21A24AE5468C9917" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

ความแน่นอน คือความไม่แน่นอน
อนิจจัง อนัตตา คือ ความไม่แน่นอน ที่แน่นอนที่สุด
ตราบใดที่ยัง คาบ สมมุติบัญญัติอยู่ ไม่ต้อง มาพ่นลม สั่งสอนใครหรอกนะจ๊ะั

 

ล็อกเอ้า แล้วก็ไปเล่นเกมส์ซะ ไปคาบเนื้อย่างตะโพนดำ ปลูกต้นยางโน้น

รู้สึกจะตกคำว่า ทุกขัง ไปนะ

 

ทุกขัง มันมีอยู่กับพวกไม่รู้ พวกอวิชชา พวกโง่ เท่านั้นแหล่ะ
ทำไม คิดเอง ไม่เป็น เข้าใจไม่เป็นหรือ ว่า ทำไม ตนเอง ยังคิดได้ ว่า มีคำว่าทุกขัง
ไม่มีเฟ้ย

 

บาปกรรมแท้ พยายามจะบัญญัติใหม่ให้ได้ ในกฏไตรลักษณ์

 

บัญญัติใหม่ที่ไหนกัน มันเป็น ความรู้ของคนที่ฉลาดต่างหาก

พระพุทธองค์บอกว่า ทุกข์สุขมันอันเดียวกัน แล้วทำไม โง่ เข้าใจได้แต่ทุกข์ ทำไมไม่เข้าใจว่าสุข ก็มัน เป็น อนิจจัง อนัตตาเหมือนกัน เกิดจาก กายใจ ตัวเดียวกัน เวทนาชื่อเดียวกัน

นี่ โง่แล้ว เลิกอวดฉลาดเถอะนะ

 

เวทนามันมีทั้ง เวทนาสุข และ เวทนาทุกข์

ตกลง จะโง่ จริง ๆ เข้าใจ ได้แค่ เวทนาทุกข์ เท่านั้นหรือ ฟะ

 

รู้ไม่หมด อย่าสอน เลยนะจ๊ะ จะพากันหลง เสียเปล่าๆ นะจ๊ะ

เบื่อจริงๆ พวกที่คิดว่า ตนเองฉลาด ฉลาดแต่เรื่องโง่ ๆ อิอิ

 

กฏไตรลักษณ์ คือ "อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา"

แต่วงกลมจุด อาศัยความโง่สำคัญว่าตนฉลาด
พยามที่บัญญัติใหม่ ในสิ่งที่พระศาสดาบัญญัติไว้ดีแล้ว
ให้กลับกลายมาเป็น "อนิจจัง สุขัง อนัตตา"

ทั้งยังสำคัญตนละเมอเพ้อพกว่าเป็น ธรรมมิกราช มาเกิด

ระวังจะกลายเป็นเจ้าตัวนี้

<IMG src='http://image.ohozaa.com/i/286/1XsMyR.png' width=150>

 

ถึงจะบ้า............... แต่ว่า ไม่โง่ เหมือน พวกแก หรอก นะ จ๊ะ อิอิ
พวกแก โง่ยังไง ก็ยังโง่ อยู่ ยังงั้น มาหลายชาติ แล้ว
พวกโง่ ข้ามภพข้ามชาติ อิอิ

 

ทุกขัง คือสภาพของการเกิดดับ ความทนอยู่ได้ยาก คือกฏไตรลักษณ์
สิ่งใดไม่เที่ยงสิ่งนั้นย่อมเป็นทุกข์ สิ่งใดทุกข์สิ่งนั้นย่อมเป็นอนัตตา

แต่ วงกลมจุด กับเอาเรื่องของ เวทนาทุกข์-สุข มาผสมโรง
ก็แล้วทำไมไม่เอา "อุเบกขาเวทนา" พ่วงมาด้วยล่ะ

เกี่ยวกับเวทนา มีสุขกับทุกข์ 2 อย่างหรือไง

คนละเรื่อง

 

5555
โพธิสัตว์ กับ มาร เป็นของคู่กัน
มาร กับ โพธิสัตว์ เป็นของถูกคู่กัน

โพธิสัตว์บางท่านก็เป็นมาร
มารบางท่านก็เป็นโพธิสัตว์

โพธิสัตว์บางท่านก็ไม่เป็นมาร
มารบางท่านก็ไม่เป็นโพธิสัตว์

 

ก็คนมันโง่ไง เลยคิดได้ แค่ ที่เขาคิดมาให้แล้ว คิดเองไม่เป็น คิดต่อไม่ได้
คิดได้เท่าที่ คนอื่นเขาคิดมาให้เสร็จแล้ว แค่นั้น

แล้ว อุเบกขานี่ มัน มีอะไรบ้างที่ เรียกว่าอุเบกขา
อุเบกขาในสิ่งที่มีในตน
อุเบกขาสิ่งที่มีในคนอื่น
อุเบกขาในสิ่งที่ไม่มีในทุกคน
อุเบกขาในสิ่งที่มีในทุกคน

นี่ยังไม่รู้ว่าตัวเอง โง่อยู่หรือ จ๊ะ

 

สุขขัง ที่ทนอยู่ได้ยาก จนท้องแตกตายเหมือนชูชก ก็มี
แล้วสุขขังแบบนี้ มันคิดไม่เป็นหรือไง จ๊ะ

 

เอางี้ดีกว่า ลองเล่าให้ฟังหน่อยสิ คนเข้ามาดูเยอะแยะเลย

ผมยอมรับว่าโง่ เพราะยังมีอวิชชาอยู่

จึงอยากให้คนฉลาด เล่ารายละเอียดให้ฟังหน่อย
เห็นเขาบอกว่า เมื่อก่อนวงกลมจุด คิดว่าตนเองเป็น ทำมิกราช มาเกิด
เพื่อเผยแผ่ธรรมที่ตนรู้ เพื่อกลบบัญญัติเดิม ที่บัญญัติไว้ดีแล้ว

รายละเอียดเป็นมาอย่างไร

 

อย่ามามั่วนิ่ม กล่าวว่า ผม กลบ บัญญัติเดิม อย่าเอาสมองฟายๆ มาคิดแบบนี้

ผมบอกมาตลอดว่า อาจารย์ผม คือ พระสมณะโคดม ท่านสอนผมเพื่อให้ ขยายความ ต่อจากคนเมื่อ 2556 ปีที่แล้่ว
คนสมัยนั้น ไม่รู้เรื่อง ไฟฟ้า วิทยาศาสตร์ไม่พัฒนา อธิบายอะไร ก็ไม่เข้าใจ
แต่คนทุกวันนี้ มันสัมผัสได้ ไม่รู้เรื่องว่าโทรศัพท์ทำกันยัง แต่ก็ใช้เป็น

ผม ไม่ได้ บัญญัติ ใหม่ เลย แค่ อธิบาย เพิ่ม อีกหลายมุม

อย่าโง่แล้วอวดฉลาด อยู่เลย

 

สุขใดๆที่ข้องในสามภพ มันเป็นทุกข์ทั้งนั้นล่ะ มีทั้งหยาบ ละเอียด

 

ตกลง ปรารถนาเป็นโพธิสัตว์ หรืออะไรกันแน่

ใครก็อ้างได้ว่า เป็นครูบาอาจารย์ แต่ ศิษย์คิดล้างครูก็เยอะแยะไม่ใช่หรือ

 

โลกแห่งสังขาร ในสุขมีทุกข์ ในทุกข์มีสุข ในสุขทุกข์มีกลางๆ ในกลางๆมีสุขทุกข์

ปุญญาภิสังขาร ในสุขมากมีทุกข์น้อย ในทุกข์น้อยมีสุขมาก ในกลางๆมีสุขมากมีทุกข์น้อย

 

นี่พูดมาเองนะ แล้วถ้าผม เอาเหตุผล มา แสดง ก็ให้ยอมรับล่ะฃ

สุขใดๆ เป็นทุกข์ทั้งนั้น พูดมาเอง แล้วผม จะบอกว่า อนิจจัง สุขขัง อนัตตา มันก็มี คุณสมบัติ เหมือนกันกับทุกข์ แล้ว จะ มา คัดค้านผมทำไมล่ะ
ก็ ผมบอกว่า สุขกับทุกข์ มันอันเดียวกัน พระพุทธองค์ ก็บอก สุขกับทุกข์มันอันเดียวกัน คุณก็พูดเองว่า สุขก็คือทุกข์

แล้วทำไม เวลาผมบอกว่า สุขก็ อนิจจัง อนัตตา ทำไม มันไม่เข้าใจ
ทำไมมันถึง โง่ ล่ะ