เรื่องเด่น พุทธทำนาย ยุคกึ่งพุทธกาล จะเกิดภัยพิบัติและสงครามใหญ่ (ปีพ.ศ. 2560 เป็นต้นไป)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 25 สิงหาคม 2016.

  1. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    แบ็คกร๊าวกะความหมายคนละเรื่องกันเลย55
     
  2. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    ทำมัยเค้าชอบหาคนดี
    ทำไมไม่ทำตัวให้เป็นคนดีเอง
    งงกะคนหลายผม
     
  3. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    " ตรัสรู้เห็นเนื้อหนัง " ประกาศคำสอน อสุภะ !

    ศาสนาอะไร!?

    อสุภะ 84,000



    FB_IMG_1612950388690.jpg
     
  4. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201

    ขนาดช่วยประกาศโปรโมทตนเองเป็นคนชั่วช้า ไม่สูงเร็วที่สุดในโลกแล้ว เป็นจอมมารชาติชั่วสุดติ่งกระดิ่งแมว ตกนรกขุมลึกทรมานสุด มันก็ยังไม่พอใจ จะเอาอะไรเลย

    "สันดานบาป"

    แค่นี้ก็เพียงพอที่จะได้คำตอบแล้ว! ว่าอะไรคืออะไร!?


    images (28).jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2021
  5. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ⊙ราชสีห์แต่งตั้ง⊙
    .....
    นานมาแล้ว มีสุนัขตัวหนึ่ง เป็นสุนัขที่มีโรคเรื้อนเต็มตัว จะไปนั่งไปนอนที่ไหนก็ต้องผุดลุกผุดนั่ง ประเดี๋ยววิ่งไปนอนใต้อาศรมของฤษี ประเดี๋ยวลุกขึ้นหมุนตัวมองซ้ายมองขวา แล้วก็ลุกวิ่งไปนอนใต้ร่มไทร ฤษีเห็นอาการของมันแล้วเกิดสงสารพิจารณาดู จนทั่วก็ทราบได้อย่างแน่ชัดว่า มันเป็นโรคเรื้อน ท่านจึงทำการรักษาโรคเรื้อนให้จนโรคหาย อาการวุ่นวายจากโรคเรื้อนก็สงบมันก็อยู่กับฤษีเฝ้าปฏิบัติเป็นอย่างดี ฤษีก็ถามมันว่า เจ้าสุนัขที่น่าสงสารเอย ข้าสงสารแกมาก ช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บแกจนหายหมดแล้ว แกต้องการอะไรอีกบ้าง ข้าจะช่วยเสกให้ตามประสงค์ "ถ้าเป็นความกรุณาของพระคุณเจ้าแล้ว ได้โปรดบันดาลให้กระผมได้เป็นราชสีห์ด้วยเถิด"
    "ทำไมเจ้าจึงอยากเป็นราชสีห์"
    "เพราะราชสีห์ มันมีอำนาจ กระผมจึงอยากเป็นราชสีห์"
    "มันจะเป็นอะไรไปเล่าเมื่อข้าเสกได้เสียอย่างหนึ่งแล้ว มันเสกได้ทั้งนั้น"
    "ถ้ากระนั้นได้โปรดเถิดครับ"
    ครั้นแล้วท่านฤษี ก็เสกสุนัขให้เป็นราชสีห์ทันที
    เมื่อสุนัขได้เป็นราชสีห์แล้ว มันก็ถามฤษีว่า
    "กระผมได้เป็นราชสีห์เหล่าไหนครับพระคุณเจ้า"
    "ข้าเสกให้เอ็งเป็นราชสีห์เหล่าไกรสร ราชสีห์เหล่านี้มันเป็นราชสีห์ที่มีอำนาจและตระกูลที่สูงศักดิ์"
    "ขอขอบพระคุณเป็นมหากรุณาธิคุณเป็นอย่างยิ่ง อ้อ! กระผมลืมถามพระคุณเจ้าไปว่ากระผมมีชื่อว่าอย่างไร"
    "เอ็งมีชื่อว่า สุสีหะ"
    เมื่อได้เป็นราชสีห์แล้ว ก็เที่ยวเตร่ไปตามอำเภอใจ ไม่อยู่ปฏิบัติและเฝ้ารับใช้พระฤษีตามเคย เพราะมันมัวเมาในชาติตระกูลใหม่ของมัน ฤษีชักจะรู้สึกไม่พอใจ แต่ก็ช่างมันเถิด เราเสกให้มันเป็นไปแล้ว ก็แล้วกัน
    วันหนึ่งขณะที่เจ้าสุสีหะ เที่ยวเพลิดเพลินเจริญใจไปนั้น มันก็ไปพบนางราชสีห์เข้า รู้สึกเกิดปฏิพัทธ์ในตัวนางราชสีห์ ก็แสดงอาการสนิทสนมเกี้ยวพาราสี จนกระทั่งนางราชสีห์ก็มีจิตปฏิพัทธ์ตอบ นางราชสีห์จึงกล่าวกับสุสีหะว่า
    "เมื่อท่านรักใคร่เราจริงก็ควรจะไปกับข้าพเจ้า"
    "ไปทำไมล่ะน้อง"
    "อ้าว! ก็ไปเพื่อคุณพ่อคุณแม่ของน้องจะได้รู้จักพี่สิ"
    สุสีหะก็ไม่ขัดข้อง ตามนางราชสีห์ไปจนถึงที่อยู่ของนางราชสีห์ ครั้นไปถึงแล้วสุสีหะก็ทำความเคารพราชสีห์ทั้งสองซึ่งเป็นพ่อและแม่ของนางราชสีห์ นางราชสีห์จึงแนะนำให้สุสีหะรู้จักราชสีห์ผู้เป็นพ่อและนางราชสีห์ผู้เป็นแม่และแนะนำพ่อและแม่ของตนให้รู้จักสุสีหะ ท่านผู้นี้คือผู้อันเป็นที่รักของลูก ตามภาษาสมัยใหม่ก็คือ "คู่รัก" หรือแฟนนั่นเอง
    เมื่อราชสีห์ผู้เป็นพ่อและแม่รู้จักแล้ว จึงถามชื่อและเหล่า เมื่อพ่อและแม่นางราชสีห์รู้จักชื่อและเหล่าของสุสีหะแล้วก็ยินดี สั่งให้พ่อแม่หรือผู้ปกครองของสุสีหะมาสู่ขอ พร้อมกับให้มายืนยันชื่อและเหล่ากอไว้เป็นหลักฐาน สุสีหะตกใจมาก ถ้าขืนเอาผู้ปกครองมายืนยัน ความลับของเราก็คงจะแดงขึ้นเป็นแน่ เพราะผู้ที่จะมายืนยัน ก็คือท่านฤษี ฤษี เมื่อถูกถาม ท่านก็จะบอกความจริงว่าเราเป็นหมามาก่อน และก็ไม่ใช่หมาธรรมดา ซ้ำเป็นหมาขี้เรื้อนเสียด้วย เสร็จกันคราวนี้กูแย่แน่ๆ ทำอย่างไรดีล่ะหว่า พุทโธ่! ง่ายนิดเดียว มัวงงอยู่ได้ เลือดอกตัญญูพลุ่งขึ้นมาทันที ก็ไปกัดพระฤษีเสียให้ตาย หมดฤษีมันก็หมดผู้ยืนยันกำพืดเดิมของเรา เรื่องพ่อแม่ของเราไม่มีปัญหา เพราะชาติหมาเรื่องพ่อแม่ไม่สำคัญ เราเองก็ไม่รู้ว่าตัวไหนเป็นพ่อตัวไหนเป็นแม่ เมื่อนึกได้เช่นนั้นแล้ว อำนาจราคะคือความกำหนัดในนางราชสีห์เหนือกว่าผู้มีพระคุณ มันก็ตรงไปยังอาศรมของพระฤษี เพื่อจะกัดพระฤษีให้ตาย ขณะที่สุสีหะเดินตรงเข้าไปจะกัดพระฤษี ฤษีท่านเข้าฌานอยู่ ท่านรู้และเห็นตั้งแต่เจ้าสีสุหะคิดอย่างไร มาอย่างไร? ท่านรู้ตลอด พอใกล้ตัวท่าน กำลังจะโดดเข้ากัด ท่านก็ตวาดว่า
    "อ้ายหมาขี้เรื้อน มึงจะกัดกูรึ โน่นลงไปอยู่ใต้ถุนโน่น"
    เจ้าสุสีหะก็กลายเป็นหมาขี้เรื้อนทันที ทำอะไรไม่ได้ดังหมาทุกตัว จึงต้องเป็นขี้เรื้อนอยู่จนกระทั่งทุกวันนี้.
    ***...นิทานธรรม...***
    268_1222437866.jpg_160.jpg
     
  6. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าไม่ควรรักษาสนุกขี้เรือน
    55
     
  7. Piccola Fata

    Piccola Fata เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,590
    ค่าพลัง:
    +1,142
    เฮ้อ...ไปพักก่อนค่ะคุณสุรีย์บุตร
     
  8. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201

    อย่ามาเด้อ! ตรวจสอบภูมิประเทศ ความเชื่อมโยง ตลอดสภาพดินฟ้าอากาศ ด่วน !

    " เคสรวบรวมไว้ตรวจสอบ "

    ชาวแทนซาเนียสุดผวา เจอโรคปริศนา ทำอาเจียนเป็นเลือด ตายในไม่กี่ชั่วโมง คร่าชีวิตแล้ว 15 ศพ ป่วยขั้นวิกฤติอีกนับ 50 ราย เร่งสืบหาสาเหตุของโรค

    เมื่อ 8 ก.พ. 64 เว็บไซต์เดอะ ซัน รายงานเกิดเหตุการณ์ที่กำลังสร้างความสะเทือนขวัญในประเทศแทนซาเนีย เมื่อมีผู้ป่วยด้วยโรคปริศนา และเสียชีวิตในภูมิภาคมบียาทางภาคใต้ของประเทศแล้วถึง 15 ศพ และยังมีผู้ป่วยขั้นวิกฤติรักษาตัวในโรงพยาบาลอีกนับ 50 ราย เบื้องต้น ทางสาธารณสุขแทนซาเนียยังไม่ทราบสาเหตุของโรคที่ทำให้เกิดอาการป่วยจนเสียชีวิต

    เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแทนซาเนีย เผยว่า ผู้ป่วยบางคน ในภูมิภาคมบียา ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย จะเสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง หลังมีอาการป่วย ที่ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน และบางคนถึงกับอาเจียนเป็นเลือด

    ด้านเฟลิสตา คิแซนดู หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของเขตชุนยา ในภูมิภาคมบียาเปิดเผยว่าได้ส่งทีมผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่เพื่อประเมินอาการของผู้ป่วย และสืบหาสาเหตุของโรคแล้ว หลังทำให้มีผู้เสียชีวิตและล้มป่วยจำนวนมาก จนสร้างความหวั่นวิตก แต่ตอนนี้โรคไม่มีการระบาดแพร่กระจายออกไป จึงคาดว่า ไม่น่าจะใช่โรคระบาด

    ☆ ตรวจเช็คธารน้ำแข็งที่ละลาย เรื่องแบคทีเรียหรือเชื้อไวรัสโบราณ


    คนละฝากฝั่ง ! ความเป็นไปได้ หากเป็นโรค ที่มาทางน้ำ ในอัตราการกระจาย 50/50

    อย่าเป็นโรคที่มากับน้ำมหาสมุทรล่ะกันนะ ! ภาวนาไว้

    อย่าเป็น! ประเทศริมฝั่งจะแย่หมด!

    received_450901949668049.jpeg
    received_236440388105305.jpeg

    https://www.thairath.co.th/news/foreign/2028768
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2021
  9. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    มีการขยับตัวของแผ่นเปลือกโลก
    บริเวณอินโดนีเซีย และนิวแคลิโดเนียม
    แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 7.3 - ทางตะวันออกเฉียงใต้ของ Loyalty Islands นิวแคลิโดเนียในวันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ 2021 เวลา 13:19 น. (GMT) -
    บริเวณขนาด 7.4 มิเตอร์อาจมีการแจ้งเตือนสึนามิบริเวณรอบชายฝั่ง
    FB_IMG_1612967721363.jpg
    FB_IMG_1612967725276.jpg
     
  10. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    อย่าด่วนสรุปคนอื่น ด้วยมุมมองความคิดของเราเอง
    อย่าด่วนสรุปคนอื่น ด้วยมุมมองความคิดของเราเอง
    เวลาที่เราพูดถึงคนอื่น “ในทางที่ไม่ดี” มันไม่ได้บ่งบอกว่า “เขาเป็นคนยังไง”
    แต่ยิ่งเป็นการยืนยัน และ บ่งบอกว่า “เราเป็นคนยังไง” ต่างหาก
    เวลาที่เรา “ วิ จ า ร ณ์ ” คนอื่น มันไม่ได้บ่งบอกว่า “ผลงานเขาไม่ดี”
    แต่แสดงถึงสิ่งที่คุณทำ มันบ่งบอกว่า “เราไม่มีอะไรจะทำ” ต่างหาก
    เวลาที่เรา “ ดู ถู ก ” คนอื่น มันไม่ได้บ่งบอกว่า “เขา ด้ อ ย กว่าเรา”
    แต่ยิ่งทำให้คุณแย่ลง และ บ่งบอกว่าเราแค่พยายามทำตัวให้ “เหนือกว่าเขา” เพื่อปิดบังบางอย่างในใจ
    เวลาที่เรา “ หั ว เ ร า ะ เ ย า ะ ” คนอื่น มันไม่ได้บ่งบอกว่า “เขาน่าขำ”
    แต่มันสะท้อนตัวคุณ บ่งบอกว่า “เราไม่มีความสุข” ต่างหาก
    ทุก “คำพูด” และ “การกระทำ” ที่เราทำต่อคนอื่น ล้วนบ่งบอกถึง “ตัวเราเอง”
    จำไว้… เมื่อคุณคิดจะปาโคลนใส่ผู้อื่น มือของคุณเองที่จะต้องเปื้อนโคลนก่อนเสมอ

    FB_IMG_1612969459127.jpg
     
  11. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    " รายการพิเศษ "

    พอดีกลัวคนไม่รู้จัก^_^ เลยต้องมาช่วยโปรโมทด้วยตนเอง เห็นเป็นกลุ่มเล็กๆซ่อกแซ่ก แอบซ่อนอยู่ในซอยลึก จะไม่รู้จักกมลสันดานความเฮีย ของเรา

    ยังไงว่างๆก็อย่าลืมติดตามอ่านผลงานสุดประทับใจได้เลยนะครับท่านผู้ชม ข้าพเจ้าคิดว่าในกระทู้มหากาพย์คงจะมีเนื้อหาอันน่าตื่นเต้นอันเป็นที่น่าสนใจโดยไม่น้อยเสียดายแต่ที่ผู้ร่วมสนุกแต่งบทละคร ผู้เขียนบท จริงบ้างเท็จบ้าง มีสาระและไม่มีสาระบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่กล้าเปิดเผยใบหน้าเรื่องราวและข้อมูลส่วนตัว สักเท่าใดนักด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่ทราบ แต่ก็หวังว่าจะได้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้นโดยในอนาคต ^_^ ขี้เกียจเช็คแบน ..ip..
    จริงๆก็อยากให้เปิดเผยตัวตน หน้าตา ร่วมลงชื่อจริงนามสกุลจริงเอาไว้เป็นสักขีพยาน ว่าสามารถปราบพยามารอย่างข้าพเจ้าลงได้ ด้วยอรรถและพยัญชนะในกระทู้กระดานเว็บบอร์ดเหล่านี้ จะได้เป็นที่สรรเสริญยินยอยกย่องต่อไปในภายภาคหน้า ของบุคคลทั่วไปในสากลโลก จะเป็นพระคุณแก่สัตว์โลกเป็นอย่างยิ่ง ที่ชาตินี้เกิดมาได้พบผู้ปราบพยามารยุคกึ่งพุทธกาลอย่างข้าพเจ้า ^_^

    ติดตามอ่านด้วยนะครับ หวังว่าจะไม่มีการลบข้อมูลข้อความหรือกระทู้ออกไปจากกระดานเว็บบอร์ดในอนาคตกาล เชิญเสพตามความสำราญเบิกบาน หฤทัย

    ปล.ช่วยอัพเดทข้อมูลในกระทู้ เรื่องราวใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้น บ่อยๆด้วยนะจ๊ะ ปั่นหุ้นให้สูงหน่อย เผื่อราคาดีจะได้มีการช้อนซื้อให้มากๆ ซื้อขายกันเองภายในกลุ่ม ซึ่งก็มีไม่กี่คนหรอก ถ้าเทียบกับประชากรบนโลกใบนี้ เหมือนขี้ฝุ่นเม็ดเล็กๆในทะเลทราย แต่มันจะช่วยให้บุคคลที่สนใจและศึกษาธรรมะมากยิ่งขึ้นไปในอนาคตเพื่อสืบค้นหาความเป็นจริงและร่ำเรียนศึกษา เพื่อเป็นพลวปัจจัยในการต่อไป


    ●●●จากจิตอนาคตสู่ปัจจุบัน●●●

    ⊙อย่าลืมแผ่เมตตาจิต อุทิศบุญให้กับบุคคลเหล่านี้กันด้วย⊙

    ในอนาคตกาลข้างหน้าบุคคลเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผู้ที่น่าเวทนาและน่าสงสารยิ่งนัก ทั้งบั้นปลายชีวิตและสัมปรายภพที่ดำเนินไป ขอท่านทั้งหลายฯ ที่ได้เข้ามาอ่านเรื่องราว จงมีสติ และอย่าได้ถือตนให้โทษ ถือโกรธสาปแช่งแก่บุคคลเหล่านี้ ขอท่านทั้งหลายจงมีความเมตตา อนุเคราะห์สงสารแก่พวกเขาทั้งหลาย เพราะนี่คือเรื่องราวที่เกิดจากบุพกรรมของเรา ทั้งในอดีตชาติและในชาติภพนี้ ซึ่งจักเป็นเรื่องเล่าขานสนุกๆต่อไปในภายภาคหน้า เพราะฉนั้นแล้ว สำหรับผู้ที่จะเข้ามาถึงและค้นหาศึกษาเราตามหลังในอนาคต ท่านจะได้รับรู้ข้อมูลทั้งด้านที่ดีในพระสัทธรรม และด้านที่ไม่ดีของอดีตกรรม
    ซึ่งจะมีเหตุที่จริงบ้างเท็จบ้างและเราไม่เคยปกปิดอยู่แล้ว

    ขอท่านที่ติดตามศึกษาเรื่องราวของเรามา อย่าได้โกรธเคืองบุคคลเหล่านี้ ไม่ว่าเขาจะกล่าวจะใช้วาจาที่เลวหรือการกระทำที่เลวร้ายเพียงใดก็ตาม นั้นก็เพราะเกิดจากกรรมของสัตว์ ขอท่านจงสดับรับฟังคำกล่าวนี้ไว้เพื่อประโยชน์สุขสัตว์ตามอัตภาพต่อไปนั้นเทอญฯ

    ขออนุโมทนาบุญ

    " ธรรมบุตร "


    กระทู้ที่ควรศึกษาพิจารณาเป็นอย่างยิ่ง " ว่าด้วย ปฎิสัมภิทาญาน "
    https://palungjit.org/threads/สำนักวัดนาป่าพงคึกฤทธิ์และสาวกพลาด-สร้าง-พุทธวจน-ปลอม.552222/


    กระทู้ที่ ๑ กระทู้ ชาบู จิ้มจุ่มแจ่วฮ้อนหมูกระทะ
    https://palungjit.org/threads/ห้องแมวยิ้ม-สัพเพ-เหระ-อะไรก็เอามาลงกระทู้นี้ได้ครับ.662147/

    กระทู้ที่ ๒ กระทู้รวมฮิตสะเก็ดดาว
    https://palungjit.org/threads/ห้องแมวยิ้ม-สัพเพ-เหระ-อะไรก็เอามาลงกระทู้นี้ได้ครับ.662147/

    กระทู้ที่ ๓ กระทู้ ออริจินอลเปิดตัวหลังจากเข้าร่วมสงครามพะสีอานปลอม
    https://palungjit.org/threads/ห้องแมวยิ้ม-สัพเพ-เหระ-อะไรก็เอามาลงกระทู้นี้ได้ครับ.662147/


    ขอบคุณสำหรับฝ่ายบริหารจัดการตลาด ^_^ ที่มีความขยันขันแข็งกันเป็นอย่างดี

    received_147996740489901.jpeg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กุมภาพันธ์ 2021
  12. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    ปฏิสัมภิทา หมดมุขซะแล้ว:)

    ต้อง โหน วา ทะ กรรม ของ คน อื่น:)


    โยมร่อน(ผู้ไม่มีคุณวิเศษใดๆ) ช่วยเข้ามาชี้ทางให้ปฏิสัมภิทาเสขะ หน่อย สิ:)
     
  13. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    ระวังด้วยนะโยมร่อน คนบ้าปฏิสัมภิทา เค้ามีปืน:)

    ระวังโดนกราดยิง:)
     
  14. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    แนะนำน้ำขิงวันละ2แก้ว
    น้ำตะไคร้1แก้ว
     
  15. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    แก้ บ้า ได้ เหรอ โยม:)
     
  16. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    แม้จะมีอุปสรรคอันใดมาขว้างกั้น แม้จะมีวิถีชีวิตเปลี่ยนไปแบบใด อยู่ในสังคมคนหมู่ใดก็ตาม ก็ยังไม่ลดละในการรักษาความจริง แห่งพระสัทธรรม

    " ไม่มีอดีต ย่อมไม่มีอนาคต "
    คนที่ชั่วที่สุด จะมาเปลี่ยนเป็นดีที่สุดได้อย่างไร?

    เพราะงั้นข้อดีของการโจทก์ประทุษร้าย ทาง กาย วาจา ใจ

    จะช่วยเพิ่ม เนื้อหา ส่งเสริมผลักดัน ให้มีความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น


    สัจจะและหลักพึงปฏิบัติเกี่ยวกับการถึงสัจจะ--(ตามธรรมชาติมนุษย์แต่ละคนมีสิ่งที่เขาเรียกว่าความจริง ที่เขาถือเป็นหลักประจำตัวของเขาอยู่ด้วยกันทั้งนั้น แล้วแต่ว่าเขาได้ทำให้มันเกิดขึ้นในใจของเขาอย่างไร ซึ่งยากที่จะเปลี่ยนแปลงได้. แต่ว่าความจริงชนิดนี้ยังไม่ใช่ความจริงที่เด็ดขาด ยังไม่สูงสุด ยังใช้เป็นประโยชน์ในขั้นสูงสุดไม่ได้. ดังนั้นความจริงนั้น จะต้องถูกปรับปรุงให้ชัดเจนแจ่มแจ้งยิ่งขึ้นไปจนกว่าจะกลายเป็นความจริงที่ใช้ให้สำเร็จประโยชน์ได้จริง โดยวิธีที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้อย่างน่าอัศจรรย์; กล่าวคือไม่ยึดมั่นถือมั่นความจริงในอันดับแรกนั้น แต่หล่อเลี้ยงมันไว้ในลักษณะที่มันจะพิสูจน์ความเป็นของจริงออกมาในตัวการปฏิบัตินั้นเอง.--ในพระพุทธภาษิตที่ทรงแนะนำไว้อย่างยืดยาวนี้ จำเป็นที่จะต้องแบ่งออกเป็น ๔ ตอน คือ ลักษณะของความจริง ที่ชาวโลกจะได้มาตามธรรมชาติ ซึ่งยังไม่เป็นความจริงแท้ ยังจะต้องเปลี่ยนไปตามเหตุตามปัจจัย นี้ตอนหนึ่ง, การหล่อเลี้ยงความจริงอันนั้นไว้ ให้มีโอกาสพิสูจน์ความจริงที่ยิ่งขึ้นไป นี้ตอนหนึ่ง, การแสวงหาความจริง จากบุคคลที่กำลังปฏิบัติความจริงที่ตนประสงค์จะรู้ให้แน่ชัด นี้ตอนหนึ่ง, เมื่อได้ความแน่ชัดมาแล้ว ตนเองที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์อันนั้น จนพบความจริงนั้นด้วย

    ตนเองโดยประจักษ์ ไม่ต้องคาดคะเน ไม่ต้องคำนวณ ไม่ต้องเชื่อตามผู้อื่นอีกต่อไป นับว่าเป็นการเข้าถึงหัวใจแห่งความจริงในกรณีนั้น เป็นตอนสุดท้าย.



    --ต่อไปนี้เป็นพระพุทธภาษิตที่ตรัสปรารภ ความจริงที่เป็นไปตามภาษาชาวโลก ตามธรรมชาติ :)--(ก. ความจริงตามแบบของชาวโลกตามธรรมชาติ)--ภารท๎วาชะ ! เมื่อก่อนท่านได้ถึงความเชื่อ (อย่างใดอย่างหนึ่งลงไปแล้ว) มาบัดนี้ท่านกล่าวมันว่า (เป็นเพียง) สิ่งที่ได้ยินได้ฟังมา. ภารท๎วาชะ ! สิ่งทั้งห้านี้ อย่างที่เราเห็น ๆ กันอยู่ในบัดนี้ เป็นสิ่งที่มีผลเป็น ๒ ฝ่าย. สิ่งทั้ง--ห้านั้น คืออะไรเล่า ? คือ ความเชื่อ (ว่าจริง), ความชอบใจ (ว่าจริง), เรื่องที่ฟังตาม ๆ กันมา (ว่าจริง), ความตริตรึกไปตามเหตุผลที่แวดล้อม (ว่าจริง), และข้อยุตติที่ทนได้ต่อการเพ่งพินิจด้วยความเห็นของเขา (ว่าจริง), ดังนี้. นี่แหละคือสิ่งทั้งห้าที่เราเห็น ๆ กันอยู่ในบัดนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีผลเป็น ๒ ฝ่าย. ภารท๎วาชะ ! สิ่งที่เชื่อ กันแล้วเป็นอย่างดีนั่นแหละ ก็มีอยู่, แต่ว่าสิ่งนั้นเป็นของเปล่า เป็นของไม่จริง เป็นของเท็จ อยู่ก็มี ; แม้ สิ่งที่ไม่เชื่อกันแล้วเป็นอย่างดี ก็มีอยู่, แต่ว่าสิ่งนั้นกลับเป็นของจริง ของแท้ ของไม่ผิดเป็นอย่างอื่น อยู่ก็มี. ภารท๎วาชะ ! สิ่งที่ชอบใจ กันแล้วเป็นอย่างดีนั่นแหละ ก็มีอยู่, แต่ว่าสิ่งนั้นเป็นของเปล่า เป็นของไม่จริง เป็นของเท็จ อยู่ก็มี ; แม้ สิ่งที่ไม่ชอบใจ กันแล้วเป็นอย่างดี ก็มีอยู่, แต่ว่าสิ่งนั้นกลับเป็นของจริง ของแท้ ของไม่ผิดเป็นอย่างอื่น อยู่ก็มี. ภารท์วาชะ ! สิ่งที่ได้ฟังตามกันมา แล้วเป็นอย่างดีนั่นแหละ ก็มีอยู่, แต่ว่าสิ่งนั้นเป็นของเปล่าเป็นของไม่จริง เป็นของเท็จ อยู่ก็มี ; แม้ สิ่งที่ไม่ได้ฟังตามกันมา แล้วเป็นอย่างดี ก็มีอยู่, แต่ว่าสิ่งนั้นกลับเป็นของจริง ของแท้ ของไม่ผิดเป็นอย่างอื่น อยู่ก็มี. ภารท๎วาชะ ! สิ่งที่ได้ตริตรึก กันมาแล้วเป็นอย่างดีนั่นแหละ ก็มีอยู่, แต่ว่าสิ่งนั้นกลับเป็นของเปล่า เป็นของไม่จริง เป็นของเท็จ อยู่ก็มี ; แม้ สิ่งที่ไม่ได้ ตริตรึก กันมาแล้วเป็นอย่างดี ก็มีอยู่, แต่ว่าสิ่งนั้นกลับเป็นของจริง ของแท้ของไม่ผิดเป็นอย่างอื่น อยู่ก็มี. ภารท๎วาชะ ! สิ่งที่ได้เพ่งพินิจ กันมาแล้วเป็นอย่างดีนั่นแหละ ก็มีอยู่, แต่ว่าสิ่งนั้นกลับเป็นของเปล่า เป็นของไม่จริง เป็นของเท็จ อยู่ก็มี ; แม้ สิ่งที่ไม่ได้เพ่งพินิจ กันมาแล้วเป็นอย่างดี ก็มีอยู่, แต่ว่าสิ่งนั้นกลับเป็นของจริง ของแท้ ของไม่ผิดเป็นอย่างอื่น อยู่ก็มี. ภารท๎วาชะ ! วิญญูชนผู้จะตามรักษาไว้ซึ่งความจริง อย่าพึงถึงซึ่งการสันนิษฐานโดยส่วนเดียวว่า “อย่างนี้เท่านั้นจริง, อย่างอื่นเปล่า” ดังนี้.--


    “ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! การตามรักษาไว้ซึ่งความจริง (สจฺจานุรกฺขณา) นั้น มีได้ด้วยการกระทำเพียงเท่าไร ? บุคคลจะตามรักษาไว้ซึ่งความจริงนั้นได้ ด้วยการกระทำเพียงเท่าไร ? ข้าพเจ้าขอถามพระโคดมผู้เจริญถึง วิธีการตามรักษาไว้ซึ่งความจริง.”--(ต่อไปนี้พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสวิธี การตามรักษาไว้ซึ่งความจริง ในลักษณะที่ไม่ให้ถือเอาด้วยความยึดมั่นความที่ตนเชื่อ ตามที่ตนชอบใจ ตามที่ตนได้ยินได้ฟังมาเป็นต้น :)--(ข. วิธีการตามรักษาไว้ซึ่งความจริง)--ภารท๎วาชะ ! ถ้าแม้ ความเชื่อ ของบุรุษมีอยู่ และเขาก็ ตามรักษาไว้ซึ่งความจริง กล่าวอยู่ว่า “ข้าพเจ้ามีความเชื่ออย่างนี้” ดังนี้, เขาก็ อย่าเพ่อถึงซึ่งการสันนิษฐานโดยส่วนเดียว ว่า “อย่างนี้เท่านั้นจริง, อย่างอื่นเปล่า” ดังนี้ก่อน. ภารท๎วาชะ ! ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้แล การตามรักษาไว้ซึ่งความจริง ย่อมมี,บุคคลชื่อว่าย่อมตามรักษาไว้ซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้, และเราบัญญัติการตามรักษาไว้ซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้ ; แต่ว่า นั่น ยังไม่เป็นการตามรู้ซึ่งความจริง ก่อน.--ภารท๎วาชะ ! ถ้าแม้ ความชอบใจ ของบุรุษมีอยู่ และเขาก็ ตามรักษาไว้ซึ่งความจริง กล่าวอยู่ว่า “ข้าพเจ้ามีความชอบใจอย่างนี้” ดังนี้, เ ขาก็ อย่าเพ่อถึงซึ่งการสันนิษฐานโดยส่วนเดียว ว่า “อย่างนี้เท่านั้นจริง, อย่างอื่นเปล่า” ดังนี้ก่อน. ภารท๎วาชะ ! ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้แล การตามรักษาไว้ซึ่งความจริง ย่อมมี, บุคคลชื่อว่าย่อมตามรักษาไว้ซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้, และเราบัญญัติการตามรักษาไว้ซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้ ; แต่ว่า นั่นยังไม่เป็นการตามรู้ซึ่งความจริง ก่อน.--ภารท๎วาชะ ! ถ้าแม้ เรื่องที่ฟังตาม ๆ กันมาของบุรุษมีอยู่ และเขาก็ตามรักษาไว้ซึ่งความจริง กล่าวอยู่ว่า “ข้าพเจ้ามีเรื่องที่ฟังตาม ๆ กันมาอย่างนี้” ดังนี้, เขาก็อย่าเพ่อถึงซึ่งการสันนิษฐานโดยส่วนเดียว ว่า “อย่างนี้เท่านั้นจริง, อย่างอื่นเปล่า” ดังนี้ก่อน. ภารท๎วาชะ ! ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้แล การตามรักษาไว้ซึ่งความจริง ย่อมมี, บุคคลชื่อว่าย่อมตามรักษาไว้ซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้, และเราบัญญัติการตามรักษาไว้ซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้ ; แต่ว่า นั่นยังไม่เป็นการตามรู้ซึ่งความจริง ก่อน.--ภารท๎วาชะ ! ถ้าแม้ ความตริตรึกไปตามเหตุผลที่แวดล้อม ของบุรุษมีอยู่ และเขาก็ ตามรักษาไว้ซึ่งความจริง กล่าวอยู่ว่า “ข้าพเจ้ามีความตริตรึกไปตามเหตุผลที่แวดล้อมอย่างนี้” ดังนี้, เขาก็ อย่าเพ่อถึงซึ่งการสันนิษฐานโดยส่วนเดียวว่า “อย่างนี้เท่านั้นจริง, อย่างอื่นเปล่า” ดังนี้ก่อน. ภารท๎วาชะ ! ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้แล การตามรักษาไว้ซึ่งความจริง ย่อมมี, บุคคลชื่อว่าย่อมตามรักษาไว้ซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้, และเราบัญญัติการตามรักษาไว้ซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้ ; แต่ว่านั่นยังไม่เป็นการตามรู้ ซึ่งความจริง ก่อน.--ภารท๎วาชะ ! ถ้าแม้ ข้อยุตติที่ทนได้ต่อการเพ่งพินิจด้วยความเห็น ของบุรุษ มีอยู่ และเขาก็ตามรักษาไว้ซึ่งความจริง กล่าวอยู่ว่า “ข้าพเจ้ามีข้อยุตติที่ทนได้ต่อการเพ่งพินิจด้วยความเห็นอย่างนี้” ดังนี้, เขาก็ อย่าเพ่อถึงซึ่งการสันนิษฐานโดยส่วนเดียว ว่า “อย่างนี้เท่านั้นจริง. อย่างอื่นเปล่า” ดังนี้ก่อน. ภารท๎วาชะ ! ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้แล การตามรักษาไว้ซึ่งความจริง ย่อมมี, บุคคลชื่อว่าย่อมตามรักษาไว้ซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้, และเรา--บัญญัติการตามรักษาไว้ซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้ ; แต่ว่า นั่นยัง ไม่เป็นการตามรู้ซึ่งความจริง ก่อน.--“ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! การตามรักษาไว้ซึ่งความจริง ย่อมมีด้วยการกระทำ เพียงเท่านี้. บุคคลชื่อว่าย่อมตามรักษาไว้ซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้. อนึ่ง ข้าพเจ้าก็มุ่งหวังซึ่งการตามรักษาไว้ซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้. ข้าแต่พระโคดม ผู้เจริญ ! การตามรู้ซึ่งความจริง (สจฺจานุโพโธ) มีได้ ด้วยการกระทำเพียงเท่าไร? บุคคลชื่อว่าตามรู้ซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่าไร ? ข้าพเจ้าขอถามพระโคดมผู้เจริญถึงการตามรู้ความจริง”


    .--(ต่อไปนี้พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสวิธี การตามรู้ซึ่งความจริง ด้วยการทรงแนะให้สังเกตธรรมะที่มีอยู่ที่บุคคล ผู้ปฏิบัติธรรมะ เพื่อให้รู้จักธรรมะซึ่งเป็นตัวความจริงสำหรับจะนำมาใคร่ครวญต่อไป :)--(ค. การติดตามทำความกำหนดรู้ในความจริง)--ภารท๎วาชะ! ได้ยินว่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ได้เข้าไปอาศัยอยู่ในบ้านหรือในนิคมแห่งใดแห่งหนึ่ง. คหบดีหรือคหบดีบุตร ได้เข้าไปใกล้ภิกษุนั้นแล้วใคร่ครวญดูอยู่ในใจเกี่ยวกับธรรม ๓ ประการ คือธรรมเป็นที่ตั้งแห่งโลภะ ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งโทสะ ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งโมหะทั้งหลาย (โดยนัยเป็นต้นว่า) “ท่านผู้มีอายุผู้นี้ จะมีธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งโลภะหรือไม่หนอ อันเป็นธรรมที่เมื่อครอบงำจิตของท่านแล้ว จะทำให้ท่านเป็นบุคคลที่เมื่อไม่รู้ก็กล่าวว่ารู้ เมื่อไม่เห็นก็กล่าวว่าเห็น หรือว่าจะชักชวนผู้อื่นในธรรมอันเป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล แก่สัตว์ทั้งหลายเหล่าอื่นตลอดกาลนาน” ดังนี้ ; เมื่อเขา--ใคร่ครวญดูอยู่ในใจซึ่งภิกษุนั้น ก็รู้ว่า “ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งโลภะชนิดนั้น มิได้มีแก่ท่านผู้มีอายุนี้, อนึ่ง กายสมาจาร วจีสมาจาร ของท่านผู้มีอายุผู้นี้ ก็เป็นไปในลักษณะแห่งสมาจารของบุคคลผู้ไม่โลภแล้ว, อนึ่ง ท่านผู้มีอายุนี้ แสดงซึ่งธรรมใด ธรรมนั้นเป็นธรรมที่ลึก เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก เป็นธรรมที่รำงับ ประณีตไม่เป็นวิสัยที่จะหยั่งลงง่ายแห่งความตรึก เป็นธรรมละเอียดอ่อน รู้ได้เฉพาะบัณฑิตวิสัย, ธรรมนั้น มิใช่ธรรมที่คนผู้มีความโลภจะแสดงให้ถูกต้องได้”

    ดังนี้.เมื่อเขาใคร่ครวญดูอยู่ซึ่งภิกษุนั้น ย่อมเล็งเห็นว่า เป็นผู้บริสุทธิ์จากธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งโลภะ. ต่อแต่นั้น เขาจะพิจารณาใคร่ครวญภิกษุนั้นให้ยิ่งขึ้นไปในธรรมทั้งหลายอันเป็นที่ตั้งแห่งโทสะ.... ในธรรมทั้งหลายอันเป็นที่ตั้งแห่งโมหะ.... (ก็ได้เห็นประจักษ์ในลักษณะอย่างเดียวกันกับในกรณีแห่งโลภะ ตรงเป็นอันเดียวกันทุกตัวอักษรไปจนถึงคำ ว่า “เมื่อเขาใคร่ครวญดูอยู่ซึ่งภิกษุนั้น ย่อมเล็งเห็นว่า เป็นผู้บริสุทธิ์จากธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งโมหะ”.)--ลำดับนั้น เขา (๑) ปลูกฝัง ศรัทธา ลงไป ในภิกษุนั้น ครั้นมีสัทธาเกิดแล้ว (๒) ย่อม เข้าไปหา ครั้นเข้าไปหาแล้ว (๓) ย่อม เข้าไปนั่งใกล้ครั้นเข้าไปนั่งใกล้แล้ว (๔) ย่อม เงี่ยโสตลง ครั้นเงี่ยโสตลง (๕) ย่อม ฟังซึ่งธรรม ครั้นฟังซึ่งธรรมแล้ว (๖) ย่อม ทรงไว้ซึ่งธรรม (๗) ย่อม ใคร่ครวญซึ่งเนื้อความแห่งธรรมทั้งหลาย อันตนทรงไว้แล้ว เมื่อใคร่ครวญซึ่งเนื้อความแห่งธรรมอยู่ (๘) ธรรมทั้งหลายย่อมทนต่อความเพ่งพินิจ, เมื่อการทนต่อการเพ่งพินิจของธรรมมีอยู่ (๙) ฉันทะย่อมเกิดขึ้น ผู้มีฉันทะเกิดขึ้นแล้ว (๑๐) ย่อมมีอุสสาหะ ครั้นมีอุสสาหะแล้ว (๑๑) ย่อม พิจารณาหาความสมดุลย์แห่งธรรมครั้นมีความสมดุลแห่งธรรมแล้ว (๑๒) ย่อม ตั้งตนไว้ในธรรมนั้น ; เขาผู้มีตนส่งไปแล้วอย่างนี้อยู่ ย่อม กระทำให้แจ้งซึ่งปรมัตถสัจจะ ด้วยนามกาย ด้วย,--ย่อม แทงตลอดซึ่งธรรมนั้น แล้วเห็นอยู่ด้วยปัญญา ด้วย. ภารท๎วาชะ ! การตามรู้ซึ่งความจริง ย่อมมี ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้, บุคคลชื่อว่าย่อมตามรู้ซึ่งความจริงด้วยการกระทำเพียงเท่านี้, และเราบัญญัติการตามรู้ซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้ ; แต่ว่า นั่นยังไม่เป็นการตามบรรลุถึงซึ่งความจริง ก่อน.--“ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! การตามรู้ซึ่งความจริง ย่อมมีด้วยการกระทำเพียง เท่านี้. บุคคลชื่อว่าย่อมตามรู้ซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้. อนึ่ง ข้าพเจ้าก็ มุ่งหวังซึ่งการตามรู้ซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! การตามบรรลุถึงซึ่งความจริง (สจฺจานุปตฺติ) มีได้ ด้วยการกระทำเพียงเท่าไร ? บุคคล ชื่อว่าย่อมตามบรรลุถึงซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่าไร ? ข้าพเจ้าขอถามพระโคดม ผู้เจริญถึงการตามบรรลุถึงซึ่งความจริง.”--(ต่อไปนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสวิธี การตามบรรลุถึงซึ่งความจริง ด้วยการประพฤติ กระทำให้มากซึ่งธรรมทั้งหลาย ๑๒ ประการ ดังที่กล่าวแล้วใน ข้อ ค.จนกระทั่งบรรลุถึงซึ่งความจริง :)--(ง. การตามบรรลุถึงซึ่งความจริง)--ภารท๎วาชะ ! การเสพคบ การทำให้เจริญ การกระทำให้มาก ซึ่งธรรมทั้งหลายเหล่านั้นแหละ เป็นการตามบรรลุถึงซึ่งความจริง. ภารท๎วาชะ !การตามบรรลุถึงซึ่งความจริง ย่อมมี ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้, บุคคลชื่อว่า ย่อมตามบรรลุถึงซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้, และเราบัญญัติการตามบรรลุถึงซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้.--“ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ! การตามบรรลุถึงซึ่งความจริง ย่อมมีด้วยการกระทำ เพียงเท่านี้. บุคคลชื่อว่าย่อมตามบรรลุถึงซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้. อนึ่ง ข้าพเจ้าก็มุ่งหวังซึ่งการตามบรรลุซึ่งความจริง ด้วยการกระทำเพียงเท่านี้...”

    --(ต่อไปนี้ กาปทิกมาณพนั้น ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าถึง ธรรมที่มีอุปการะมากแก่การตามบรรลุถึงซึ่งความจริง ดังที่พระองค์ได้ตรัสตอบเป็นลำดับไป :)--(จ. ธรรมเป็นอุปการะมากแก่การตามบรรลุถึงซึ่งความจริง)--ภารท๎วาชะ ! การตั้งตนไว้ในธรรม (ปธาน) เป็นธรรมมีอุปการะมากแก่การตามบรรลุถึงซึ่งความจริง : ถ้าบุคคลไม่ตั้งตนไว้ในธรรมแล้วไซร้เขาก็ไม่พึงตามบรรลุถึงซึ่งความจริงได้. เพราะเหตุที่เขาตั้งตนไว้ในธรรม เขาจึงบรรลุถึงซึ่งความจริง, เพราะเหตุนั้น การตั้งตนไว้ในธรรม จึงชื่อว่าเป็นธรรมมีอุปการะมากแก่การตามบรรลุถึงซึ่งความจริง.--ภารท๎วาชะ ! การพิจารณาหาความสมดุลแห่งธรรม (ตุลนา) เป็นธรรมมีอุปการะมากแก่การตั้งตนไว้ในธรรม : ถ้าบุคคลไม่พบความสมดุลแห่งธรรมนั้นแล้วไซร้ เขาก็ไม่พึงตั้งตนไว้ในธรรม. เพราะเหตุที่เขาพบซึ่งความสมดุลแห่งธรรม เขาจึงตั้งตนไว้ในธรรม ; เพราะเหตุนั้น การพิจารณาหาความสมดุลแห่งธรรม จึงเป็นธรรมมีอุปการะมากแก่การตั้งตนไว้ในธรรม.--ภารท๎วาชะ ! อุสสาหะ เป็นธรรมมีอุปการะมากแก่การพิจารณาหาความสมดุลแห่งธรรม : ถ้าบุคคลไม่พึงมีอุสสาหะแล้วไซร้ เขาก็ไม่พึงพบซึ่งความสมดุลแห่งธรรม. เพราะเหตุที่เขามีอุสสาหะ เขาจึงพบความสมดุลแห่ง--ธรรม ; เพราะเหตุนั้น อุสสาหะจึงเป็นธรรมมีอุปการะมากแก่การพิจารณาหาความสมดุลแห่งธรรม.--ภารท๎วาชะ ! ฉันทะ เป็นธรรมมีอุปการะมากแก่อุสสาหะ : ถ้าบุคคลไม่พึงยังฉันทะให้เกิดแล้วไซร้ เขาก็ไม่พึงมีอุสสาหะ. เพราะเหตุที่ฉันทะเกิดขึ้น เขาจึงมีอุสสาหะ ; เพราะเหตุนั้น ฉันทะจึงเป็นธรรมมีอุปการะมากแก่อุสสาหะ.--ภารท๎วาชะ ! ความที่ธรรมทั้งหลายทนได้ต่อการเพ่งพินิจ(ธมฺมนิชฺ-ฌานกฺขนฺติ) เป็นธรรมมีอุปการะมากแก่ฉันทะ : ถ้าธรรมทั้งหลายไม่พึงทนต่อการเพ่งพินิจแล้วไซร้ ฉันทะก็ไม่พึงเกิด. เพราะเหตุที่ธรรมทั้งหลายทนต่อการเพ่งพินิจ ฉันทะจึงเกิด ; เพราะเหตุนั้น ความที่ธรรมทั้งหลายทนต่อการเพ่งพินิจ จึงเป็นธรรมมีอุปการะมากแก่ฉันทะ.--ภารท๎วาชะ ! ความเข้าไปใคร่ครวญซึ่งอรรถะ (อตฺถุปปริกฺขา) เป็นธรรมมีอุปการะมากแก่ความที่ธรรมทั้งหลายทนต่อการเพ่งพินิจ : ถ้าบุคคลไม่เข้าไปใคร่ครวญซึ่งอรรถะแล้วไซร้ ธรรมทั้งหลายก็ไม่พึงทนต่อการเพ่งพินิจ. เพราะเหตุที่บุคคลเข้าไปใคร่ครวญซึ่งอรรถะ ธรรมทั้งหลายจึงทนต่อการเพ่งพินิจ ; เพราะเหตุนั้น การเข้าไปใคร่ครวญซึ่งอรรถะ จึงเป็นธรรมมีอุปการะมากแก่ความที่ธรรมทั้งหลายทนต่อการเพ่งพินิจ.--ภารท๎วาชะ ! การทรงไว้ซึ่งธรรม (ธมฺมธารณา) เป็นธรรมมีอุปการะมากแก่ความเข้าไปใคร่ครวญซึ่งอรรถะ. ถ้าบุคคลไม่ทรงไว้ซึ่งธรรมแล้วไซร้เขาก็ไม่อาจเข้าไปใคร่ครวญซึ่งอรรถะได้ เพราะเหตุที่เขาทรงธรรมไว้ได้ เขาจึง--เข้าไปใคร่ครวญซึ่งอรรถะได้. เพราะเหตุนั้น การทรงไว้ซึ่งธรรม จึงเป็นธรรมมี อุปการะมากแก่ความเข้าไปใคร่ครวญซึ่งอรรถะ.--ภารท๎วาชะ ! การฟังซึ่งธรรม (ธมฺมสฺสวน) เป็นธรรมมีอุปการะมากแก่การทรงไว้ซึ่งธรรม. ถ้าบุคคลไม่พึงฟังซึ่งธรรมแล้วไซร้ เขาก็ไม่พึงทรงธรรมไว้ได้ เพราะเหตุที่เขาฟังซึ่งธรรม เขาจึงทรงธรรมไว้ได้. เพราะเหตุนั้น การฟังซึ่งธรรม จึงเป็นธรรมมีอุปการะมากแก่การทรงไว้ซึ่งธรรม.--ภารท๎วาชะ ! การเงี่ยลงซึ่งโสตะ (โสตาวธาน) เป็นธรรมมีอุปการะมากแก่การฟังซึ่งธรรม. ถ้าบุคคลไม่เงี่ยลงซึ่งโสตะแล้วไซร้ เขาก็ไม่พึงฟังซึ่งธรรมได้ เพราะเหตุที่เขาเงี่ยลงซึ่งโสตะ เขาจึงฟังซึ่งธรรมได้. เพราะเหตุนั้น การเงี่ยลงซึ่งโสตะ จึงเป็นธรรมมีอุปการะมากแก่การฟังซึ่งธรรม.--ภารท๎วาชะ ! การเข้าไปนั่งใกล้ (ปยิรุปาสนา) เป็นธรรมมีอุปการะมากแก่การเงี่ยลงซึ่งโสตะ. ถ้าบุคคลไม่พึงเข้าไปนั่งใกล้แล้วไซร้ เขาก็ไม่พึงเงี่ยลงซึ่งโสตะ เพราะเหตุที่เขาเข้าไปนั่งใกล้ เขาจึงเงี่ยลงซึ่งโสตะได้. เพราะเหตุนั้น การเข้าไปนั่งใกล้ จึงเป็นธรรมมีอุปการะมากแก่การเงี่ยลงซึ่งโสตะ.--ภารท๎วาชะ ! การเข้าไปหา (อุปสงฺกมน) เป็นธรรมมีอุปการะมากแก่การเข้าไปนั่งใกล้. ถ้าบุคคลไม่เข้าไปหาแล้วไซร้ เขาก็ไม่พึงเข้าไปนั่งใกล้ได้เพราะเหตุที่เขาเข้าไปหา เขาจึงเข้าไปนั่งใกล้ได้. เพราะเหตุนั้น การเข้าไปหาจึงเป็นธรรมมีอุปการะมากแก่การเข้าไปนั่งใกล้.--ภารท๎วาชะ ! สัทธา เป็นธรรมมีอุปการะมากแก่การเข้าไปหา. ถ้าสัทธาไม่พึงเกิดแล้วไซร้ เขาก็จะไม่เข้าไปหา เพราะเหตุที่สัทธาเกิดขึ้น เขาจึงเข้าไปหา. เพราะเหตุนั้น สัทธาจึงเป็นธรรมมีอุปการะมากแก่การไปหา.-
    อ้างอิงสุตันตปิฎก : - ม. ม. 13/601-608/655-659.
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ม. ม. ๑๓/๖๐๑-๖๐๘/๖๕๕-๖๕๙.
     
  17. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    ลดอาการฟุ้งซ่าน
    กะอาการไม่ยอมสละออก
     
  18. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    โยมร่อนฝากให้มาบอกเสขะว่า.. "อดีตก็สิ่งสมมุติ อนาคตก็สิ่งสมมุติ เพราะยึด เพราะอุปาทาน จึงมีอดีต จึงมีอนาคต":)
     
  19. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    โยมร่อนฝากให้มาบอกเสขะว่า.."ดีก็เป็นธรรม ชั่วก็เป็นธรรม ผู้ถึงธรรมถึงไตรสรณคมน์ย่อมไม่เห็นคนอื่นชั่ว ทุกกริยาจิตล้วนมีแต่เมตตาทั้งสิ้น"
     
  20. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    อย่าลืมนะ โยมเสขะ นะ:)
     

แชร์หน้านี้

Loading...