เรื่องเด่น พุทธทำนาย ยุคกึ่งพุทธกาล จะเกิดภัยพิบัติและสงครามใหญ่ (ปีพ.ศ. 2560 เป็นต้นไป)

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 25 สิงหาคม 2016.

  1. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    สภาวะรู้ตัวทั่วพร้อม เรียกอีกอย่างว่าอะไร?

    1...........

    2...........

    (ข้อละ5คะแนน)
     
  2. ฐานธมฺโม

    ฐานธมฺโม ทำลายเพื่อสร้างใหม่ ให้ดี ให้งาม..

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2019
    โพสต์:
    12,898
    ค่าพลัง:
    +4,609
    ที่ถามไป ไม่ตอบซักข้อ..

    อาตมาคงไม่มีอะไรจะคุยแล้วล่ะ..


    พวกหางแถว อาตมาไม่เสียเวลาด้วยหรอก..

    :):)
     
  3. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ไปหาตำราเล่มนั้น มาให้ดูให้อ่านหน่อย ถามใครก็ได้ในเว็บนี้

    นี่แสดงว่า ยอมรับ ว่าถูกต้อง แต่ไม่ยอมรับว่า เป็นจริง

    เจอไป 1 ดอกแล้วนะ

    ธรรมขั้นสูงน่ะ เขาต้องแสดง โต้กันไปมา

    จะเอาแต่วงจรปฎิจสมุปบาท ไล่สฬายตนะ จะหาแต่ความคิด ว่าคิดอะไร?

    หึหึ!

    ท่านใดใครเขาสอนให้หาความคิดอะไรจากปฎิจสมุปบาท

    ใครเขาสั่งสอนก่อน ตำราปฎิบัติและปฎิยัติเล่มไหน

    สิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี สิ่งนี้ไม่มีสิ่งนี้ไม่มี เท่านั้น

    โอ้ แม่เจ้า นี่ยังไม่รู้สินะ ว่า นี่คือกุญแจไขพระสูตรอีกมากมายหลายปิฏก

    สามัญลักษณะ มหาไตรลักษณ์ อสังขตะธรรม ยังไปไม่ถึง อย่าอวดเก่งกล้ากล่าวถึง เจโตวิมุตติอันไม่กำเริบ

    ไปเอาวิมุตติ ๕ เอาแค่ 2 อย่างแรกให้ได้ก่อน
     
  4. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ยินดีด้วยนะ ที่ได้บทสรุป ว่า เราเป็นแค่หางแถว

    ท่านจักได้ประโยชน์อันใด ท่านหัวแถว ผู้ได้เจโตวิมุตติอันไม่กำเริบ แต่ไม่มีการเพ่งวิมุตติ ไม่มีการเสพซ้อง พิจารณาตามจิตที่วิมุตติ ไม่มีวิมุตติญานทัสสนะ ไม่รู้นิรุตติญานทัสสนะ

    นี่เหรอ การบรรลุธรรมตามคำสั่งสอน ของพระพุทธศาสนา

    ใครสอนน้อ มาทั้งมิจฉาสมาธิ และมิจฉาวิมุตติ

    ออกมาฆ่าตนเองเปล่าๆ ฐานทำโม
     
  5. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    สิ่งนี้ดับ ฐานทำโมจึงดับ

    ขอท่านดับสมใจอยากท่านเถิด

    ขนาดยกเอาธรรม เอาแก่นธรรมสูงสุดขึ้นสู่เรือนยอดมาพิจารณา

    ออกตัวด้วยตนเองถึง " เจโตวิมุตติ " อันไม่กำเริบ แต่ไม่มีปัญญากล่าวถึงสภาวะ ที่แท้จริง
    1434767043-1231453718-o.jpg

    ว่า ถ้ามีวิมุตติ จะได้อะไร จะมีอะไร วิมุตติมีกี่ระดับ วิมุตติญานทัสสนะเป็นอย่างไร นิรุตติเกิดจากวิมุตติญานทัสสนะได้อย่างไร? การเพ่งตามจิตที่วิมุตติคืออะไรก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้


    แล้วอวดจะให้คะแนน "ข้อสอบปลายภาคเรื่อง " เจโตวิมุตติ "

    โมฆะบุรุษ โดยแท้ ช่างเป็นบุคคลผู้แห้งแล้งจริง


    แต่ยังไงก็ขออนุโมทนาให้ เป็นประโยชน์แก่คนมาตามหลัง ศิษย์เราทั้งหลาย จงพึงยินดีตามกาลเถิด

    วันนี้เรียนเรื่อง วิมุตติไป
     
  6. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    นี่ขนาดเจอกับระดับต่ำสุด 1/16 แห่ง ปฎิสัมภิทา ยังไปไม่เป็นเลย ในเรื่องวิมุตติ

    ไม่ได้วิมุตติ 5 อย่าง แล้วไปเอาอะไรมาบรรลุ

    ครูบาอาจารย์ท่านใดไหนสั่งสอน หรือคิดเอาเองตรัสรู้เอาเอง ว่า ไม่ต้อง มีวิมุตติ 5 เป็นที่ประกอบ

    พอจะให้แสดง เจโตวิมุตติถึงส่วนประกอบเป็นภาษาคนที่สามารถเข้าใจได้ง่ายๆในทันที ก็ไม่มีสติปัญญา

    แล้วเอาอะไรมาออกข้อสอบ เจโตวิมุตติ

    ตัวเดียวเรื่องเดียวก็ตายแล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นตัวชี้วัดสามัญผลในการปฎิบัติ

    ปฎิบัติมาแทบตายเรียนมาแทบตาย แต่ไม่มีวิมุตติ 5 แต่บอกโดยนัยว่า ได้เจโตวิมุตติและเข้าใจวิมุตติ


    พึงรู้ไว้ซะว่า วิมุตติใดก็ตาม ถ้าไม่อยู่ 1 ใน 5 ที่ท่าน อนุรุทธะแสดง มันคือ มิจฉาวิมุตติทั้งนั้น

    ⊙พอเจอตำรา จะเอาวิมุตติของตนเอง พอไม่เจอตำราจะเอาตำราที่มีวิมุตติ⊙

    สมดังกล่าวว่าจะไม่มีผู้บรรลุธรรมในอนาคต

    ถ้ารายนี้ได้เป็นคุรุกูรู อาจารย์สอนคน ก็เตรียมสิ้นพระพุทธศาสนา สิ้นมรรคผลนิพพานได้เลย

    เจโตวิมุตติ แต่ไม่มีวิมุตติ 5 ไม่ปรากฎการเพ่งตามจิตที่วิมุตติ ไม่ปรากฎวิมุตติญานทัสสนะ ไม่ปรากฎนิรุตติญานทัสสนะ

    ถ้าไม่ปรากฎ สิ่งเหล่านี้ พระไตรปิฏกไม่มีทางได้ปรากฎขึ้นมาแม้แต่อักษรเพียงพยางค์เดียว

    รู้ไว้ซะ! ใช่ว่า ใส่บ่าแบกหาม

    ถ้าคิดว่ามีใคร รู้มากกว่าเราในเรื่องพระไตรปิฏกใน การปรากฎบัญญัติธรรมใน ญาน ๗๓

    ไปหามาแสดง เอาท่านเปรียญฯมาก็ได้ ว่าจริงตามเรากล่าวหรือไม่ ว่าถ้าตัดปฎิสัมภิทาญานออก จะไม่มีพระไตรปิฏกเหลืออยู่เลย แม้แต่พระธรรมและพระวินัย



    images-2.jpg
     
  7. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    รักษาสุขภาพทุกท่าน ^_^ Bye Bye
     
  8. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    เอาพระธรรมมาหากินนี่มันอร่อยจริงๆ ^_^

    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙
    สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค
    [​IMG]
    ๑๐. สูจิมุขีสูตร
    ว่าด้วยความแตกต่างการเลี้ยงชีวิตของสมณพราหมณ์
    [๕๑๗] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน ใกล้
    พระนครราชคฤห์. ครั้งนั้นเป็นเวลาเช้า ท่านพระสารีบุตรนุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวร เข้าไป
    บิณฑบาตยังพระนครราชคฤห์ เที่ยวบิณฑบาตตามลำดับตรอกในพระนครราชคฤห์แล้ว อาศัยเชิง
    ฝาแห่งหนึ่งฉันบิณฑบาตนั้น. ครั้งนั้น นางปริพาชิกาชื่อสูจิมุขี เข้าไปหาท่านพระสารีบุตรถึงที่
    อยู่ ครั้นแล้วได้กล่าวกะท่านพระสารีบุตรว่า ดูกรสมณะ ท่านก้มหน้าฉันหรือ? ท่านพระสารีบุตรตอบว่า ดูกรน้องหญิง เรามิได้ก้มหน้าฉัน.
    สู. ถ้าอย่างนั้น ท่านแหงนหน้าฉันหรือสมณะ?
    สา. เรามิได้แหงนหน้าฉันหรอกน้องหญิง.
    สู. ถ้าอย่างนั้น ท่านมองดูทิศใหญ่ฉันหรือสมณะ?
    สา. เรามิได้มองดูทิศใหญ่ฉันหรอกน้องหญิง.
    สู. ถ้าอย่างนั้น ท่านมองดูทิศน้อยฉันหรือสมณะ?
    สา. เรามิได้มองดูทิศน้อยฉันหรอกน้องหญิง.
    สู. ดิฉันถามว่า ดูกรสมณะ ท่านก้มหน้าฉันหรือ ท่านก็ตอบว่า เรามิได้ก้มหน้าฉัน
    หรอกน้องหญิง ดิฉันถามว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านแหงนหน้าฉันหรือสมณะ ท่านก็ตอบว่า เรามิได้
    แหงนหน้าฉันหรอกน้องหญิง ดิฉันถามว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านมองดูทิศใหญ่ฉันหรือสมณะ
    ท่านก็ตอบว่า เรามิได้มองดูทิศใหญ่ฉันหรอกน้องหญิง ดิฉันถามว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านมองดู
    ทิศน้อยฉันหรือสมณะ ท่านก็ตอบว่า เรามิได้มองดูทิศน้อยฉันหรอกน้องหญิง ก็บัดนี้ ท่านฉัน
    อย่างไรเล่าสมณะ?
    สา. ดูกรน้องหญิง ก็สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง เลี้ยงชีพด้วยมิจฉาชีพ เหตุ
    ดิรัจฉานวิชา คือ วิชาดูพื้นที่ สมณพราหมณ์เหล่านี้เรียกว่า ก้มหน้าฉัน. ดูกรน้องหญิง สมณ
    พราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง เลี้ยงชีพด้วยมิจฉาชีพ เหตุดิรัจฉานวิชา คือ วิชาดูดาวนักษัตร
    สมณพราหมณ์เหล่านี้เรียกว่า แหงนหน้าฉัน. ดูกรน้องหญิง สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่งเลี้ยง
    ชีพด้วยมิจฉาชีพ เหตุประกอบการรับส่งข่าวสาส์น สมณพราหมณ์เหล่านี้เรียกว่า มองดูทิศใหญ่
    ฉัน. ดูกรน้องหญิง สมณพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง เลี้ยงชีพด้วยมิจฉาชีพ เหตุดิรัจฉานวิชา
    คือ วิชาทายองค์อวัยวะ สมณพราหมณ์เหล่านี้เรียกว่า มองดูทิศน้อยฉัน. ดูกรน้องหญิง ส่วน
    เรานั้นมิได้เลี้ยงชีวิตด้วยมิจฉาชีพ เหตุดิรัจฉานวิชา คือ วิชาตรวจพื้นที่ มิได้เลี้ยงชีพด้วย
    มิจฉาชีพเหตุดิรัจฉานวิชา คือวิชาดูดาวนักษัตร มิได้เลี้ยงชีพด้วยมิจฉาชีพ เหตุประกอบการ
    รับส่งข่าวสาส์น มิได้เลี้ยงชีพด้วยมิจฉาชีพ เหตุดิรัจฉานวิชา คือ วิชาทายองค์อวัยวะ (แต่)
    เราแสวงหาภิกษาโดยชอบธรรม ครั้นแล้วจึงฉัน.
    ครั้งนั้น นางสูจิมุขีปริพาชิกาเข้าไปในนครราชคฤห์ จากถนนหนึ่งไปอีกถนนหนึ่ง จาก
    ตรอกหนึ่งไปอีกตรอกหนึ่งแล้ว ประกาศอย่างนี้ว่า ท่านสมณศากยบุตรทั้งหลายย่อมฉันอาหาร
    อันประกอบด้วยธรรม สมณศากยบุตรทั้งหลายย่อมฉันอาหารอันหาโทษมิได้. ขอเชิญท่านทั้งหลาย
    ถวายบิณฑบาตแก่สมณศากยบุตรทั้งหลายเถิด.
    จบ สูตรที่ ๑๐.
    จบ สารีปุตตสังยุต.
    -----------------------------------------------------
    รวมพระสูตรที่มีในสังยุตนี้ คือ
    ๑. วิเวกสูตร ๖. วิญญาณสูตร
    ๒. อวิตักกสูตร ๗. อากิญจัญญายตนสูตร
    ๓. ปีติสูตร ๘. เนวสัญญานาสัญญายตนสูตร
    ๔. อุเปกขาสูตร ๙. นิโรธสูตร
    ๕. อากาสสูตร ๑๐. สูจิมุขีสูตร

    1235390_723502584343083_353265112_n.jpg
     
  9. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    " กูไม่ใช่เพื่อนเล่นมึง "

    จำไว้ ! ไอ้แห้งแล้ง

    542245_717021484991193_328075985_n.jpg
     
  10. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    "ปลงอาบัติ แสดงอาบัติ ยังไม่เป็น ไม่ถูกต้อง ไม่มีความสำนึกผิด จริตธรรมต่ำช้า เที่ยวจาริก แสวงหาก้อนข้าว จากบิณฑบาตร อวดอ้างมีธรรมชั้นลึก เข้าสู่สภาวะเจโตวิมุตติอันไม่กำเริบ การประพฤติไม่ได้ลดละเลิก สะสมกามคุณว้าวุ่นกับสินทรัพย์ เที่ยวพยากรณ์ผู้ไปอบาย อวดอุตริมนุษยธรรม ทำกรรม กายวาจาใจก็ไม่รู้ตัว คนชั่วถือเข้าบูชา หลอกผู้ศรัทธา ว่ามีธรรม "

    นานาวัตถุกาโย ว่าซ่าน!!

    ผู้ที่ไม่สามารถรักษาพรหมจรรย์ของตนเองให้บริสุทธิ์ บวชไปก็เสียข้าวสุก บวชเอาอามิสสินจ้าง

    ⊙สักวันก็จะรู้เองว่าทำกรรมใดไว้จึงได้เป็นเปรตอสุรกาย ตอนนี้ คงยังไม่รู้ตัวตนเองว่าได้ หมดความชอบธรรมแล้ว ไม่สามารถเป็นที่พึ่งพาของบุคคลผู้มีธรรม ปรารถนาธรรมได้อีก ต่อจากนี้ไป จักทำได้เพียง ขายหน้าเอาผ้าลอดไปวันวัน⊙

    สงสัยจะไม่มีใครคอยเตือน ผู้ใดเป็นอสัตบุรุษ เขาก็ย่อมเคารพบูชาอสัตบุรุษ จึงกระหยิ่มยิ้มย่อง แสวงหาแต่เพื่อนสองมารองรับทิฏฐิอารมณ์

    บรรลุธรรมที่ใด ตัดกิเลสข้อใดได้บ้าง บทธรรมใดที่ได้ปรากฎ วิมุตติอันเป็นที่เข้าถึงในการสำรวจตนแห่งกาลก็ไม่มี ไม่รู้แต่อวดอ้างญานบารมีไม่มีผู้ใดใครสัมผัสได้

    ใครที่เคารพบูชาอลัชชี โมฆะบุรุษ อามิสทายาทแบบนี้ ก็ไม่ได้แตกต่างกัน

    สงสารพระอุปัชฌาย์อาจารย์ที่บวชให้ผิดคนแล้ว


    เสียดายก้อนข้าวและน้ำญาติโยม!



    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
    อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
    [​IMG]
    อัคคิขันธูปมสูตร
    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปในแคว้นโกศลชนบทพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ เสด็จดำเนินไปสู่ทางไกล ได้ทอดพระเนตรเห็นไฟกองใหญ่ กำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงอยู่ในที่แห่งหนึ่ง จึงเสด็จแวะจากทาง
    ประทับนั่งบนอาสนะที่ปูไว้ใกล้โคนไม้แห่งหนึ่ง ครั้นแล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายเห็นไฟกองใหญ่โน้นที่กำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงอยู่หรือไม่ ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า เห็น พระเจ้าข้า ฯ
    พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉนการเข้าไปนั่งกอดหรือนอนกอดกองไฟใหญ่โน้น ที่กำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงอยู่กับการเข้าไปนั่งกอดหรือนอนกอดพระราชธิดา บุตรสาวพราหมณ์หรือบุตรสาวคฤหบดี ผู้มีฝ่ามือฝ่าเท้าอ่อนนุ่ม อย่างไหนจะประเสริฐกว่ากัน ฯ
    ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การที่บุคคลเข้าไปนั่งกอดหรือนอนกอดพระราชธิดา บุตรสาวพราหมณ์หรือบุตรสาวคฤหบดี ผู้มีฝ่ามือฝ่าเท้าอันอ่อนนุ่มนี้ประเสริฐกว่า ส่วนการที่บุคคลเข้าไปนั่งกอดหรือนอนกอดกองไฟใหญ่โน้นที่กำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงอยู่ เป็นทุกข์ ฯ
    พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจะขอบอกเธอทั้งหลาย จะขอเตือนเธอทั้งหลาย การที่บุคคลผู้ทุศีล มีธรรมลามก มีความประพฤติสกปรกน่ารังเกียจปกปิดกรรมชั่ว มิใช่สมณะ แต่ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ มิใช่ผู้ประพฤติพรหมจรรย์แต่ปฏิญาณว่าประพฤติพรหมจรรย์ เน่าใน มีความกำหนัดกล้า เป็นดังหยากเยื่อเข้าไปนั่งกอดหรือนอนกอดพระราชธิดา บุตรสาวพราหมณ์หรือบุตรสาวคฤหบดีจะประเสริฐอย่างไร การเข้าไปนั่งกอดนอนกอดกองไฟใหญ่โน้นที่กำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงอยู่ นี้ดีกว่า ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเขาจะพึงถึงความตายหรือทุกข์ปางตาย เพราะการเข้าไปกอดกองไฟใหญ่นั้นเป็นเหตุ แต่ผู้นั้นเมื่อตายไปไม่พึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะการเข้าไปกอดกองไฟใหญ่นั้นเป็นปัจจัย ส่วนการที่บุคคลผู้ทุศีล มีธรรมอันลามก มีความประพฤติสกปรกน่ารังเกียจ ปกปิดกรรมชั่ว มิใช่สมณะ แต่ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ มิใช่ผู้ประพฤติพรหมจรรย์ แต่ปฏิญาณว่าประพฤติพรหมจรรย์ เน่าใน มีความกำ
    หนัดกล้า เป็นดังหยากเยื่อ เข้าไปนั่งกอดหรือนอนกอดพระราชธิดา บุตรสาวพราหมณ์หรือบุตรสาวคฤหบดี ผู้มีฝ่ามือฝ่าเท้าอ่อนนุ่มนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อความฉิบหายมิใช่ประโยชน์ เพื่อความทุกข์ตลอดกาลนานแก่เขา และผู้นั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน การที่บุรุษมีกำลัง เอาเชือกหนังอันเหนียวแน่นพันแข้งทั้งสองข้างแล้วชักไปมา เชือกหนังพึงบาดผิว บาดผิวแล้ว พึงบาดหนังบาดหนังแล้ว พึงบาดเนื้อ บาดเนื้อแล้ว พึงตัดเส้นเอ็น ตัดเส้นเอ็นแล้วพึงตัดกระดูก ตัดกระดูกแล้ว หยุดอยู่จดเยื่อในกระดูก กับการยินดีการกราบไหว้แห่งกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล ไหนจะดีกว่ากัน ฯ
    ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การยินดีการกราบไหว้แห่งกษัตริย์มหาศาลพราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล นี้ดีกว่าการที่บุรุษผู้มีกำลัง เอาเชือกหนังอันเหนียวแน่นพันแข้งทั้งสองข้างแล้วชักไปชักมา เชือกหนังพึงบาดผิว ฯลฯหยุดอยู่จดเยื่อในกระดูก นี้เป็นทุกข์ ฯ
    พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจะขอบอกเธอทั้งหลาย จะขอเตือนเธอทั้งหลาย การที่บุคคลผู้ทุศีล ฯลฯ เป็นดังหยากเยื่อ ยินดีการกราบไหว้แห่งกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล จะดีอย่างไร การที่บุรุษมีกำลัง เอาเชือกหนังอันเหนียวแน่นพันแข้งทั้งสองข้าง แล้วชักไปชักมาเชือกหนังพึงบาดผิว ฯลฯ หยุดอยู่จดเยื่อในกระดูก นั้นดีกว่า ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเขาจะพึงถึงความตายหรือทุกข์ปางตาย มีข้อนั้นเป็นเหตุ แต่ผู้นั้นเมื่อตายไป ไม่พึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะข้อนั้นเป็นปัจจัย ส่วนการที่บุคคลผู้ทุศีล ฯลฯ เป็นดังหยากเยื่อ ยินดีการกราบไหว้แห่งกษัตริย์มหาศาล
    พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาลนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อความฉิบหายมิใช่ประโยชน์ เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน แก่บุคคลผู้ทุศีลนั้น และบุคคลผู้ทุศีลนั้นเมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน การที่บุรุษมีกำลัง เอาหอกอันคมชโลมน้ำมัน
    พุงใส่กลางอก กับการยินดีอัญชลีกรรมของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาลหรือคฤหบดีมหาศาลไหนจะดีกว่ากัน ฯ
    ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การยินดีอัญชลีกรรมของกษัตริย์มหาศาลพราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล นี้ดีกว่า ส่วนการที่บุรุษมีกำลังเอาหอกอันคมชโลมน้ำมัน พุ่งใส่กลางอกนี้เป็นทุกข์ ฯ
    พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจะขอบอกเธอทั้งหลาย จะขอเตือนเธอทั้งหลาย การที่บุคคลผู้ทุศีล ฯลฯ เป็นดังหยากเยื่อ ยินดีอัญชลีกรรมของกษัตริย์มหาศาลพราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล จะดีอย่างไร การที่บุรุษมีกำลัง เอาหอกอันคมชโลมน้ำมัน พุ่งใส่กลางอก นั้นดีกว่า ข้อนั้นเพราะเหตุไรเพราะเขาจะพึงถึงความตายหรือทุกข์ปางตาย มีข้อนั้นเป็นเหตุ แต่ผู้นั้นเมื่อตายไปไม่พึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะข้อนั้นเป็นปัจจัย ส่วนการที่บุคคลผู้ทุศีล ฯลฯ เป็นดังหยากเยื่อ ยินดีอัญชลีกรรมของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์
    มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาลนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อความฉิบหายมิใช่ประโยชน์เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน แก่บุคคลผู้ทุศีลนั้น และบุคคลผู้ทุศีลนั้น เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน การที่บุรุษมีกำลังเอาแผ่นเหล็กแดงไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงนาบกายตัว กับการบริโภคจีวรที่เขาถวายด้วยศรัทธา ของกษัตริย์มหาศาลพราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล ไหนจะดีกว่ากัน ฯ
    ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การบริโภคจีวรที่เขาถวายด้วยศรัทธา ของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล นี้ดีกว่า การที่บุรุษมี
    กำลัง เอาแผ่นเหล็กแดงไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงนาบกายตัว นี้เป็นทุกข์ ฯ
    พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจะขอบอกเธอทั้งหลาย จะขอเตือนเธอทั้งหลาย การที่บุคคลผู้ทุศีล ฯลฯ เป็นดังหยากเยื่อ บริโภคจีวรที่เขาถวายด้วยศรัทธา ของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล จะดีอย่างไร การที่บุรุษมีกำลัง เอาแผ่นเหล็กแดง ไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงนาบกายตัว นี้ดีกว่า ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเขาจะพึงถึงความตายหรือทุกข์ปางตายมีข้อนั้นเป็นเหตุ แต่เขาเมื่อตายไป ไม่พึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรกเพราะข้อนั้นเป็นปัจจัย ส่วนการที่บุคคลผู้ทุศีล ฯลฯ เป็นดังหยากเยื่อ บริโภคจีวรที่เขาถวายด้วยศรัทธา ของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล นั้น ย่อมเป็นไปเพื่อความฉิบหายมิใช่ประโยชน์ เพื่อทุกข์สิ้นกาลนานแก่บุคคลผู้ทุศีลนั้น และบุคคลผู้ทุศีลนั้น เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติวินิบาต นรก

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉนการที่บุรุษมีกำลังเอาขอเหล็กแดง ไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงเกี่ยวปากอ้าไว้แล้วกรอกก้อนเหล็กแดง ไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงเข้าในปาก ก้อนเหล็กแดง
    นั้นจะพึงไหม้ริมฝีปาก ไหม้ปาก ไหม้ลิ้น ไหม้คอ ไหม้อก ไหม้เรื่อยไปถึงไส้ใหญ่ไส้น้อย แล้วออกทางทวารเบื้องต่ำ กับการบริโภคบิณฑบาตที่เขาถวายด้วยศรัทธา ของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาลไหนจะดีกว่ากัน ฯ
    ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การบริโภคบิณฑบาตที่เขาถวายด้วยศรัทธาของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล นี้ดีกว่า การที่
    บุรุษมีกำลัง เอาขอเหล็กแดงไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วง เกี่ยวปากอ้าไว้ แล้วกรอกก้อนเหล็กแดงไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงเข้าในปาก ก้อนเหล็กแดงนั้นจะ
    พึงไหม้ริมฝีปาก ... แล้วออกทางทวารเบื้องต่ำ นี้เป็นทุกข์ ฯ
    พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจะขอบอกเธอทั้งหลาย จะขอเตือนเธอทั้งหลาย การที่บุคคลผู้ทุศีล ฯลฯ เป็นดังหยากเยื่อ บริโภคบิณฑบาตที่เขาถวายด้วยศรัทธา ของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล จะดีอย่างไร การที่บุรุษมีกำลัง เอาขอเหล็กแดงไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงเกี่ยวปากอ้าไว้ แล้วกรอกก้อนเหล็กแดง ไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงเข้าในปาก ก้อนเหล็กแดงนั้นจะพึงไหม้ริมฝีปาก ... แล้วออกทางทวารเบื้องต่ำ นี้ดีกว่า ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะผู้นั้นพึงถึงความตายหรือทุกข์ปางตาย มีข้อนั้นเป็นเหตุ
    แต่ผู้นั้นเมื่อตายไป ไม่พึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะข้อนั้นเป็นปัจจัย ส่วนการที่บุคคลผู้ทุศีล ฯลฯ เป็นดังหยากเยื่อ บริโภคบิณฑบาตที่เขาถวายด้วยศรัทธาของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาลนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อความฉิบหายมิใช่ประโยชน์ เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน แก่บุคคลผู้ทุศีลนั้น และบุคคลผู้ทุศีลนั้น เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติวินิบาต นรก

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉนการที่บุรุษผู้มีกำลัง จับที่ศีรษะหรือที่คอ แล้วให้นั่งทับนอนทับบนเตียงเหล็กหรือตั่งเหล็กแดง ไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วง กับการบริโภคเตียงตั่งที่เขาถวายด้วย
    ศรัทธา ของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล ไหนจะดีกว่ากัน ฯ
    ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การบริโภคเตียงตั่งที่เขาถวายด้วยศรัทธาของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล นี้ดีกว่า ส่วนการ
    ที่บุรุษผู้มีกำลัง จับที่ศีรษะหรือที่คอแล้ว ให้นั่งทับหรือนอนทับเตียงหรือตั่งเหล็กแดง ไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วง นี้เป็นทุกข์ ฯ
    พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจะขอบอกเธอทั้งหลาย จะขอเตือนเธอทั้งหลาย การที่บุคคลผู้ทุศีล ฯลฯ เป็นดังหยากเยื่อ บริโภคเตียงตั่งที่เขาถวายด้วยศรัทธา ของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล จะดีอย่างไร การที่บุรุษผู้มีกำลัง จับที่ศีรษะหรือที่คอ แล้วให้นั่งทับหรือนอนทับเตียงหรือตั่งเหล็กแดง ไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วง นั้นดีกว่า ข้อนั้นเพราะเหตุไรเพราะผู้นั้นจะพึงเข้าถึงความตายหรือทุกข์ปางตาย มีข้อนั้นเป็นเหตุ แต่ผู้นั้นเมื่อตายไป ไม่พึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะข้อนั้นเป็นปัจจัย ส่วน
    การที่บุคคลผู้ทุศีล ฯลฯ เป็นดังหยากเยื่อ บริโภคเตียงตั่งที่เขาถวายด้วยศรัทธาของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล นั้น ย่อมเป็นไปเพื่อความฉิบหายมิใช่ประโยชน์ เพื่อทุกข์สิ้นกาลนาน แก่บุคคลผู้ทุศีลนั้น และบุคคลผู้ทุศีลนั้น เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน การที่บุรุษมีกำลัง จับมัดเอาเท้าขึ้นเอาหัวลง โยนลงในหม้อเหล็กแดง ไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วง ผู้นั้นถูกไฟเผาเดือดดุจฟองน้ำในหม้อเหล็กแดงนั้น บางครั้งลอยขึ้นข้างบน บางครั้งจมลงข้างล่าง บางครั้งลอยไปขวางๆ กับการบริโภควิหารที่เขาถวายด้วยศรัทธา ของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล ไหนจะดีกว่ากัน ฯ
    ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การบริโภควิหารที่เขาถวายด้วยศรัทธา ของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล นี้ดีกว่า การที่บุรุษมี
    กำลัง จับมัดเอาเท้าขึ้นเอาหัวลง โยนลงในหม้อเหล็กแดง ไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วง ผู้นั้นถูกไฟเผาเดือดดุจฟองน้ำในหม้อเหล็กแดงนั้น บางครั้งลอยขึ้นข้างบน
    บางครั้งจมลงข้างล่าง บางครั้งลอยไปขวางๆ นี้เป็นทุกข์ ฯ
    พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจะขอบอกเธอทั้งหลาย จะขอเตือนเธอทั้งหลาย การที่บุคคลผู้ทุศีล ฯลฯ เป็นดังหยากเยื่อ บริโภควิหารที่เขาถวายด้วยศรัทธา ของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล จะดีอย่างไร การที่บุรุษมีกำลัง จับเอาเท้าขึ้น เอาหัวลง โยนลงในหม้อเหล็กแดงไฟกำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วง ถูกไฟเผาเดือดดุจฟองน้ำ ในหม้อเหล็กแดงนั้น
    บางครั้งลอยขึ้นข้างบน บางครั้งจมลงข้างล่าง บางครั้งลอยไปขวางๆ นี้ดีกว่าข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะผู้นั้นพึงเข้าถึงความตายหรือทุกข์ปางตาย มีข้อนั้นเป็นเหตุ แต่ผู้นั้นเมื่อตายไป ไม่พึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะข้อนั้นเป็นปัจจัย ส่วนการที่บุคคลผู้ทุศีล ฯลฯ เป็นดังหยากเยื่อ บริโภควิหารที่เขาถวายด้วยศรัทธา ของกษัตริย์มหาศาล พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาลนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อความฉิบหายมิใช่ประโยชน์ เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน แก่บุคคลผู้ทุศีลนั้น และบุคคลผู้ทุศีลนั้น เมื่อตายไปแล้ว ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ
    วินิบาต นรก

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราทั้งหลายบริโภคจีวร บิณฑบาต เสนาสนะและคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ของชนเหล่าใด ปัจจัยของชนเหล่านั้น จักมีผลมาก มีอานิสงส์มาก
    และการบรรพชาของเราทั้งหลายจักไม่เป็นหมัน มีผล มีกำไร

    ดูกรภิกษุทั้งหลายเธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล อนึ่ง เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อพิจารณาเห็นประโยชน์ตน ควรแท้ทีเดียวที่จะให้ประโยชน์นั้นสำเร็จด้วยความไม่ประมาทเมื่อพิจารณาเห็นประโยชน์ผู้อื่น ก็ควรแท้ทีเดียวที่จะให้ประโยชน์นั้นสำเร็จด้วย
    ความไม่ประมาท หรือเมื่อพิจารณาเห็นประโยชน์ทั้งสอง ก็ควรแท้ทีเดียวที่จะให้ประโยชน์ทั้งสองนั้นสำเร็จด้วยความไม่ประมาท ฯ

    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว และเมื่อกำลังตรัสไวยากรณภาษิตนี้อยู่ โลหิตร้อนพุ่งออกจากปากของภิกษุ ๖๐ รูป (พวกต้น)ภิกษุ ๖๐ รูป (พวกกลาง) ลาสิกขา สึกมาเป็นคฤหัสถ์ ด้วยกราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ทำได้ยาก ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ทำได้แสนยาก อีก ๖๐ รูป จิตหลุดพ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น ฯ
    จบสูตรที่ ๘
     
  11. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    ⊙ ขอมอบภาพปริศนา ที่คงโดนใจใครๆหลายคน ⊙

    " จงอยู่อย่างคนที่ต้องปลอบใจตนเองเรื่อยไปนั้นเถิด"



    IMG_1610851642348.jpg
     
  12. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    อะไรมันจะขนาดนั้น55
     
  13. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    เอ้า!! โปรดสัตว์ ถือว่าเอาบุญฯล่ะกัน

    ไม่ต้องกล่าว" ธรรม "แล้ว ยกแรก 7 วิ พี่เลี้ยงก็โยนผ้าแล้ว อายแทนสังกัดค่าย คนเขาอุตส่าห์ดีใจจะได้คู่ชก สมน้ำสมเนื้อ อุตส่าห์ตกเป็นมวยรอง 1,000,000 นึง เขาเอา บาทเดียว
    คนดูแห่เชียร์ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง ว่ามุมแดงกินดิบแน่แน่!

    ขายบ้านขายไร่ขายนาแทงเต็งแบบไม่กั๊กจนหมดตัว

    วาดลวดลาย นำลีลาท่าไม้ตายมาแสดง !

    เจอดีดสวนที่เดียวลงไปนอนชักหลับยันตาย!

    อยากจะเป็นแชมป์เวทีครองเข็มขัด
    แต่โดนสกัดดาวรุ่งเสียเอง!

    สงสารพวกแทงตาม ถ้ารู้จักแทงกั๊กรองไว้บ้างก็คงดี

    ไข่กระแทกหิน ! แล้วบอกกระเทาะเปลือกออกก่อน

    "ผู้ใดใครกันหนอ ต้องสังฆาทิเสส อยู่เป็นประจำ"


     
  14. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    เออ อันนี้แถม ที่เที่ยวว่าคนอื่นบ้า มีปัญหาทางสุขภาพจิต

    พวกไม่เคยทำข้อสอบสุขภาพจิต 560 ข้อ เสร็จภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง 1,800 วินาที เฉลี่ยตกข้อละไม่เกิน 3 วินาที และต้องผ่านในการสอบในครั้งเดียว

    เป็นอันดับท๊อปสูงสุดในความรวดเร็ว อย่างไม่มีใครสามารถทำได้มาก่อน ต้องอาศัยความชัดเจน แม่นยำ และมั่นใจ คงไม่มีปัญญาได้เข้าใจหรอก

    ถ้าทำแล้วมีโทษต้องประหาร ถ้าตกข้อสอบ ตรวจไปด้วย ไอ้พวกเสร็จส่งไม่ผ่าน ถูกตัดหัวโชว์ไปด้วยไอ้พวกที่ว่าคนอื่นบ้านี่ล่ะ ที่มันจะไม้มือสั่น ครั่นเนื้อครั่นตัว มองหันรีหันข้าง ทำข้อสอบสุขภาพจิตส่วนตัว แต่อยากจะลอกคำตอบเพื่อน กว่าจะเสร็จก็คงยาวนาน 3 เดือน ผลลัพท์ในการทำข้อสอบออกมา ก็คือ การโดนตัดหัว เหมือนเดิม

    สละสิทธิ์แต่แรกก็จบ



    นั่นล่ะ! สัญญาวิปลาส พร้อมถึงความวิกลจริตและเป็นบ้า

    มิตฉัตตะ๑๐ พยนตสูตร มิจฉารับประทาน

    ⊙ไคล์แมกซ์⊙

    เพราะงั้น พฤติกรรมความคิดของผู้ใดก็ตาม ที่ว่อนไปว่อนมาในกระดานเว็บบอร์ด แนวคิด สติปัญญา ในการปรากฎ การโต้ตอบ นั้นจึงอยู่ในความคาดหมายอยู่แล้ว ตีไว้ให้ตั้ง 100% มาได้ แค่ 0.5 % น่าผิดหวังอยู่นะ อยู่แผนสมบูรณ์หมดแล้วว่างั้นเถอะ! เรียกได้เลยว่า มีสถานะเป็นได้เพียงแค่ตัวละคร ที่เรียกว่า BOT เพียงเท่านั้น!

    พูดไปเสียสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง

    ( ความไม่รู้ตัว เพราะมีโมหะ ราคะ โทสะ อวิชชาครอบงำเป็นเหตุ )



    444d566c01a6095061306ac125307ab7.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2021
  15. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    ภูมิใจในการทำข้อสอบสภาพจิตใจเหรอครับ55
    ยังทำงานเลี้ยงตัวเอง
    ยังมีศีล
    มีสติ
    มันกะยังปกติละผมว่า55
     
  16. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    เรื่องแค่นี้ตัดสินใจไม่ได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ จะเข้าถึง⊙ ปฎิสัมภิทา ⊙ได้ยังไงไม่ใช่ฐานะ ตนเองยังไม่รู้จิตตนเอง ไม่แน่ใจในตนเองเลย แล้วจะไปเชื่อมั่นอะไรได้


    ใช่ ข้อนั้นต้องทำทุกคน ไม่ทำก็ไม่ผ่านหรอกนะ

    ยังมีนัยอื่นอีกเยอะ! ผลที่จะได้จากสถิติ การคิดและการประมวลผล จนไปถึงขั้นบทสรุปของผลลัพท์ที่จะออกมา จากการปฎิบัติ ทั้งทางโลกและทางธรรม

    ซึ่งนั่นก็เป็นผลประโยชน์ที่ทับซ้อน ซ่อนเงื่อนงำ ให้ผู้มีจิตที่ไม่บริสุทธิ์แสวงอื่น ต่างตกหลุมพราง ลงเหวไปตามๆกัน


    ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมจัดสรร เป็นไปตามแรงกรรม และการคำนวนอย่างแม่นยำอยู่แล้ว ไม่พลาดแม้กระเบียดนิ้วเดียว

    จึงไม่เป็นที่น่าตกและแปลกใจใดๆ เสมือนผู้แสดงวาทะกรรม สู้ไม่ได้ก็ยกเมฆลงมาเสวนา ลงมาโจทก์ พอโจทก์ไม่สู้ เพราะไม่มีความชอบธรรมอันแสวงหามาเพื่อทำลายผู้อื่นอยู่แล้ว เมื่ออีกฝ่ายไม่สดุ้งสะเทือนไม่ใช่ว่าเขาผิดแต่ไม่ยอมรับผิด เลยต้องกล่าวชื่นชมโดยนัยโดยย่อว่า " ช่างเก่งนัก ช่างสะบัดสำนวนนัก ช่างสร้างวาทะยิ่งนัก ช่างปัดป่ายได้ยอดยิ่งนักแทน ภาษิตเจ้าเล่ห์นัก "

    สรุป จะกล่าวตำหนิ ติเตียน หรือว่า จะกล่าวชื่นชม โดยที่อีกฝ่ายไม่ต้องทำอะไร ไม่ต้องชักแม่น้ำทั้ง 5 นำสืบพยานแม้แต่เพียงรายเดียว

    ข้อนี้จึงเป็นข้อผิดพลาดของชนผู้เป็นพาลบ้าน้ำลายทั้งปวง มานับตั้งแต่โบรานกาลนั้นเทียว


    จงเชื่อเถิด คนชั่วต้องได้รับผลของกรรมทันตา ทันใจ

    ถ้าเราเป็นคนชั่ว ก็ขอให้เราได้รับผลกรรมอย่างทันตาทันใจอย่างสาสมด้วยเถิด ขอแบบสุดๆ อย่าให้เป็นสองรองใคร?


    ทีนี้ ไอ้พวกคนดี ก็ไม่รู้จะกล้าอธิษฐาน กล่าวคำภาษิต ปฎิญานตนว่า ถ้าตนเป็นผู้ไม่บริสุทธิ์ ในเรื่องนี้ๆ ขอตนจงเป็นผู้ฉิบหาย ได้รับผลกรรมทันตาเห็น รับผลกรรม ทั้งทางกายวาจาและใจในชาติตลอดจนถึงสัมปรายภพด้วยเถิดหรือเปล่า! ^_^

    มันก็ได้แต่คอยสาปแช่งผู้อื่นไปเรื่อย! แต่ไม่รู้จักสำเหนียกรู้ชั่วของตนเอง นี่ล่ะสันดานมาร ๕
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2021
  17. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    ไม่ทำดีกว่าผมเดียวสอบตกอีก55
    ไปตรวจโรคกะเจอโรค
    ระหว่างรู้กะไม่รู้อันไหนดีกว่ากันนะ
     
  18. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    รู้ตัวพร้อม
    ถ้าพร้อมเปลี่ยนตัวเองความรู้มันกัดีละ
     
  19. ล่อนจ้อน

    ล่อนจ้อน ยถาวารี ตถาการี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤศจิกายน 2020
    โพสต์:
    4,665
    ค่าพลัง:
    +2,579
    คนส่วนมากรู้เพื่อเพิ่มพูนความทุกข์ใส่ตัว
     
  20. เสขะปฎิสัมภิทา

    เสขะปฎิสัมภิทา ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเรา ตถาคต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2014
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +3,201
    พฤติกรรม และ เจตนา จะเป็นตัวตัดสิน ผลของกรรม!

    ไม่รอดหรอก ใครทำกรรมอะไรไว้ ไม่ว่าดีหรือชั่วก็ตาม !

    FB_IMG_1607778451329.jpg

    ถ้าเรากล่าวขอรับผลแห่งกรรมด้วยความทุกข์ทนทรมานอย่างสาหัสสาสมมากที่สุดกับ เจ้ากรรมนายเวรผู้บริสุทธิ์จริงแท้ ที่เราเคยได้ไปก่อกรรมทำเข็ญกับเขามา ทั่วสากลโลก มีแต่จะเอ่ยคำว่า สาธุ ดีแล้ว !

    ถ้าเรากล่าวขอรับผลแห่งกรรมด้วยความทุกข์ทนทรมานอย่างสาหัสสาสมมากที่สุด กับ เจ้ากรรมนายเวรผู้ไม่บริสุทธิ์ ที่เราไม่ได้ก่อกรรมทำเข็ญกับเขามา ทั่วสากลโลก ก็มีแต่จะเอ่ยคำว่า " ไม่พอ เอาอีก จงยิ่งขึ้นไปอีก "

    เพราะอย่างนั้นด้วยสัจจะอธิษฐานแห่งเรา ถ้าเราได้กระทำกรรมอันใดไว้ จงส่งผลแก่เราทั้งภายในชาตินี้และสัมปรายภพภายภาคหน้าเถิด

    ถ้าเราทำกรรมชั่วไว้มาก ขอเราจงได้รับผลกรรมนั้น อย่างที่สุดแห่งผลเถิด



    ทีนี้ คงจะวัดได้แล้วว่า" ใครจริงใครเท็จ "

    ☆ส่วนเจ้ากรรมนายเวร ผู้ไม่บริสุทธิ์ นั้นคงไม่กล้าสบถสาบานตั้งสัจจะอธิษฐานดอก เพราะยังไงก็ไม่รอดอยู่แล้ว ภาษิตนี้ วิสัชนาโดย ซ่อนเมฆไว้ ☆


    แล้วเราคงจะได้รู้คำตอบกัน ในภาษิตเดียว


    ของจริงน่ะ! เขากลัวเวร กลัวบาปกรรม ไอ้ของปลอมนะจะดีใจลั้นล้าใจ เพราะกรรมยังไม่ส่งผลถึงตน

    ของจริงน่ะ เชื่อว่ายังไงก็ไม่รอด ไอ้คนที่สร้างกรรมชั่ว โดยที่ไม่ต้องพยายามกระไรเลย นอนกินขนมนมผลไม้น้ำแข็งใส รอได้เลย

    ส่วนของปลอม ของผู้ไร้ปัญญา ย่อมไม่แน่ใจในผลของการกระทำและบาปกรรม ว่าจะไม่ส่งผลกรรม อีกทั้งยังไม่สามารถแยกแยะดีชั่วได้อย่างถูกต้องสุขุมคัมภีร์ภาพด้วย จึงได้แต่ร้อนรน ทนทุกข์ใจ เพราะความปรารถนาที่ชั่ว ซึ่งปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นทุกข์

    นั่นเหรอ! ผู้เจริญฯ




    1612933514473.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กุมภาพันธ์ 2021

แชร์หน้านี้

Loading...