พระเครื่อง/เครื่องรางทั่วไป

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย tee_tores, 18 พฤษภาคม 2020.

แท็ก: แก้ไข
  1. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,982
    ค่าพลัง:
    +53,093
    IMG_3916.jpeg IMG_3917.jpeg IMG_3918.jpeg IMG_3919.jpeg IMG_3915.jpeg

    นางกวัก rา แกะ หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ

    เก่า ถึงยุค

    สนใจทัก 9,***
     
  2. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,982
    ค่าพลัง:
    +53,093
    IMG_3925.jpeg IMG_3931.jpeg IMG_3928.jpeg IMG_3926.jpeg IMG_3929.jpeg IMG_3924.jpeg IMG_3930.jpeg

    สิงห์หน้าโบสถ์ เนื้อไม้เสาโบสถ์ ลงรัก วัดหนองบัว

    เก่าจริงๆ ดีไม่ดีอาจจะถึงยุคหลวงปู่ยิ้ม เลยก็ได้ครับ แต่เจ้าของเดิมบอกว่าขายตีเป็นแค่ หลวงปู่เหรียญ ก็พอ เอาว่าแท้ร้อยตา รับประกัน หลวงปู่ยิ้ม มือใหญ่ๆ ต้องมี50,000

    สนใจทัก 1*,***
     
  3. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,982
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_3938.jpeg IMG_3939.jpeg

    พระเปิมดำ

    องค์นี้เนื้อดำออกแดง ถือว่าแปลก หายาก เพราะปกติจะเจอแต่สีขาว รับประกันสากลทุกสนาม

    พุทธคุณคนเหนือกันว่า กินบ่เสี้ยง คือ มีกินตลอดไม่มีหมด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 สิงหาคม 2023
  4. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,982
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_3969.jpeg IMG_3970.jpeg IMG_3971.jpeg IMG_3972.jpeg

    พระกริ่ง อ.เทพย์ สาริกบุตร ออกวัดเศวตฉัตร รุ่นแรก ปี๐๙

    ตัวจริงๆนิยม หายาก สร้างแค่108 องค์ รับประกันทุกสนาม

    พระกริ่งนี้สร้างตามตำหรับการสร้างพระกริ่งพระชัยวัฒน์ของเจ้าประคุณสมเด็จพระสังฆราช(แพ) วัดสุทัศน์ ก็คือพระกริ่งพระชัยวัฒน์รุ่นแรกของ วัดเศวตรฉัตร สร้างปี 2509 สร้างเพื่อตอบแทนให้แก่ผู้มีจิตศรัทธา ช่วยเหลือทางวัดที่ครั้งนั้นได้ซ่่อมแซม บูรณะภายในวัด โดยมีพระครูนิพันธวิหารการ เจ้าอาวาสวัดประดู่ในทรงธรรมเป็นผู้ช่วย นายศิริพงษ์ ปาละ (หลานพระสังฆราช แพ) เป็นผู้ช่วยเหลือ
    การจัดพิธีการทัั้งหมด อ.นิรันด์แดงวิจิตร ได้เข้าร่วมงานตั้งแต่ต้นจนเสร็จพิธีโดยนำ โลหะที่มาหล่อตามตำรับวัดสุทัศน์ทุกประการ
    พระอาจารย์ 30 รูปนั่งปลุกเสก ในเย็นวันที่ 15 พ.ค. 2509 - 16 พ.ค. 2509 พระอาจารย์ีที่นั่งปลุกเสก มีรายนามดังนี้
    หลวงปู่นาควัดระฆัง เจ้าคุณผลวัดหนัง พระญาณโพธิวัดสุทัศน์ หลวงพ่อชื่นวัดตำหนักเหนือ พลวงพ่อเนทื่องวัดจุฬามณี หลวงพ่อนวลวัดไก่เตี้ย หลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลี อ.ฝั้น อาจาโร หลวงพ่อฑูรย์วัดโพธิ์นิมิตร หลวงพ่อกันวัดเขาแก้ว หลวงพ่ออั้นวัดพระญาติ หลวงพ่อมุ่ยวัดดอนไร่ หลวงพ่อแดงวัดทุ่งคอก หลวงพ่อถิรวัดป่าเรไร ฯลฯ
    จำนวนการสร้างพระกริ่ง 108 องค์ เป็นเนื้อนวะโลหะ หายากมากๆครับ

    สนใจทัก 2*,***
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 สิงหาคม 2023
  5. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,982
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_3976.jpeg IMG_3977.jpeg IMG_3978.jpeg IMG_3968.jpeg

    พระกริ่งพุทธไชยศรี พิมพ์เล็ก หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว ปี2518 เลี่ยมทองอย่างดี

    บูชา 14,500 บาท

    พิธีใหญ่ ปี 2518 สร้างในวาระพิธีพุทธไชยศรีในการสร้างโรงเรียนเพิ่มวิทยา หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว ท่านนี้เป็นศิษย์เอกของหลวงปู่บุญ ที่ได้รับการยอมรับมานานแล้วจากคนทั่วไปว่าเป็นพระปฏิบัติดีและมีวิชาอาคมแก่กล้า เพราะได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากหลวงปู่บุญโดยตรง ในปี 2518 ได้มีการจัดสร้างวัตถุมงคลหลวงปู่เพิ่ม หลายแบบโดยมูลนิธิวัดกลางบางแก้ว สร้างเมื่อหลวงปู่เพิ่ม มีอายุได้ 92 ปี นอกจากหลวงปู่ปลุกเสกเดี่ยว แล้ว ทางวัดยังจัดพิธีพุทธาภิเษกประมาณ 5 วัน 5 คืนถ้าจำไม่ผิด โดยมีพระเกจิดังๆมาร่วม ปลุกเสก ถึง ๓ ครั้ง อาทิ หลวงปู่เขียว วัดหรงบน นครศรีธรรมราช พระอาจารย์นำ แก้วจันทร์ วัดดอนศาลา นครศรีธรรมราช หลวงพ่อเกลื่อม วัดคงคาวดี นครศรีธรรมราช หลวงพ่อคลิ้ง วัดถลุงทอง นครศรีธรรมราช หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม นครปฐม หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม นครปฐม หลวงพ่อเพิ่ม วัดสรรเพชร นครปฐม หลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม นครปฐม หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง นนทบุรี หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ธนบุรี หลวงพ่อบุญมี วัดอ่างแก้ว ธนบุรี หลวงพ่อเส็ง วัดบางนา ปทุมธานี หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จันทบุรี หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู ลพบุรี หลวงพ่อสุด วัดกาหลง สมุทรสาคร หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน สิงห์บุรี พระอาจารย์หล่ำ วัดสามัคคีธรรม กรุงเทพฯ หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่ นครราชสีมา หลวงพ่อถิล วัดป่าเรไร่ สุพรรณบุรี หลวงพ่อเจริญ วัดธัญญาวารี สุพรรณบุรี หลวงพ่อบุญ วัดโคกโคเฒ่า สุพรรณบุรี หลวงพ่อทอง วัดก้อนแก้ว ฉะเชิงเทรา หลวงปู่ฟัก วัดนิคมประชาสรรค์ ประจวบฯ หลวงพ่อแสง วัดคลองน้ำเจ็ด ตรัง หลวงพ่ออบ วัดถ้ำแก้ว เพชรบุรี ฯลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2023
  6. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,982
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_3981.jpeg IMG_3982.jpeg IMG_3983.jpeg

    เหรียญเสมาหลวงพ่อโสธรลงยาสีเหลืองปี2533...(วันจันทร์สีเหลือง)

    เลี่ยมทองพร้อมบูชา 8,500 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2023
  7. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,982
    ค่าพลัง:
    +53,093

    ปิดครับ

    IMG_3984.jpeg IMG_3986.jpeg IMG_3985.jpeg IMG_3987.jpeg IMG_3968.jpeg

    เม็ดยาเนื้อผงยาจินดามณี หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้วปี18

    เลี่ยมทองอย่างดี พร้อมบูชา รับประกันตัวจริง

    บูชา 10,000 บาท

    ยาจินดามณี ” เป็นตำรับเก่าแก่เล่ากันว่าเป็นตำรับของสมเด็จพระพนรัตน์วัดป่าแก้ว แห่งกรุงศรีอยุธยา ตกทอดมาอยู่กับ วัดกลางบางแก้ว เป็นตำรับสมุดข่อย ลงทองล่องชาดกล่าวเอาไว้ถึงกรรมวิธีการสร้างที่พิสดารและอานุภาพอัศจรรย์ อย่างยิ่ง ซึ่งตกทอดมาถึงหลวงปู่บุญ วัดกลางบางแก้วเป็นผู้สืบทอดและสร้างขึ้นมาเพียง 2 ครั้งแค่นั้นเอง และหลวงปู่บุญ ท่านก็ได้ถ่ายทอดให้ศิษย์เอกผู้เดียวของท่านคือหลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว เพียงผู้เดียวเท่านั้น ในการสร้างเม็ดยาเนื้อผงยาจินดามณี หลวงปู่เพิ่ม วัดกลางบางแก้ว นั้นท่านได้สร้างตามตำราที่หลวงปู่บุญได้ถ่ายทอดทุกขั้นตอน ในสการสร้างเม็ดยา “จินดามณีโอสถพิพาส" มวลสารที่นำมาสร้างประกอบด้วย ดอกคราด ดอกจันทน์เกสรบุษบัน เปราะหอมกำยาน โกฐสอ โกศเขมาทองน้ำประสาน เปลือกกุ่มชลธาร กรุงเขมาเท่ากัน ผสมแล้วตำบดพิมเสน ชะมด น้ำผึ้ง รวงรัน กฤษณา น้ำมะนาว น้ำมะเขือ ขื่ขดั้น ผสมยาเข้าด้วยกัน บดปั้นตากกิน เป็นยาวาสนา เลิศล้ำตำราในโลกแผ่นดิน อุปเท่ห์กล่าวไว้ ผู้ใดได้กิน จะสวัสดิ์โสภิณกว่าคนทั้งหลาย พัสดุ เงินทอง จักพูนกูลนอง กว่าโลกหญิงชายนำมาบูชาอหิวาต์ก็วิวาย ระงับอันตราย ทั้งสี่กิริยา โทษหนักเท่าหนัก มาตรแม้นประจักษ์ถึงกาลมรณา ถ้าแม้นใครกินซึ่งยาวาสนากลับน้อยถอยคลาเคลื่อนคลายหายเอย ” นอกจากนี้ยังได้แยกเครื่องยาไว้อย่างละเอียดว่าสมุนไพร ชนิดใดจะเอาส่วนไหนประกอบกับอะไร บดเป็นผงละเอียด เคล้ากับตัวประสาน สมุนไพรนั้นมีมากมายหลายชนิด แยกออกเป็นสัดส่วนว่าส่วนไหนใช้เท่าใดและให้ลงหรือเสกด้วยคาถาอย่างไรบ้าง เมื่อปลุกเสกเครื่องยาแต่ละส่วนตามคาถาที่กำกับแล้วก็เอาเครื่องยามาประสม กันมีคาถาฤาษีประสมยาประกอบไว้อีกโสตหนึ่ง ในเรื่องสัดส่วนของสมุนไพร ตลอดจนสมุนไพร นอกจากที่ได้กล่าวไว้เบื้องต้นนั้น และพระคาถากำกับการเสกสมุนไพรมากมายหลายบท จากนั้นท่านได้แจกแจงรายละเอียดเอาไว้ในส่วนการลงลูกหิน และแม่หิน ซึ่งจะใช้บดยาว่าแม่หินจะต้องลงอักขระเลขยันต์ชนิดหนึ่ง ลูกหินตัดบดจะต้องลงอักขระเลขยันต์อีกแบบหนึ่ง และมีคาถาประกอบขณะบดยาเพื่อให้ภาวนาบริกรรมขณะบดยาด้วย การจัดพิธี ท่านให้เลือกเอาวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำ กลางเดือน ๑๒ ซึ่งหากปีใดได้ราชาฤกษ์ หรือเพชรฤกษ์จัดว่าดีเยี่ยม ให้จัดเครื่องสังเวยเทวดา บัตรพลีต่าง ๆ รวมทั้งราชวัตรฉัตรธง ภายในพระอุโบสถและมีสายสิญจน์รอบพระอุโบสถแต่ละทิศให้ลงยันต์ประจำทิศด้วย ผ้าแดงเอาไว้ ด้านหน้าพระอุโบสถให้ลง ยันต์ตรีนิสิงเห และยันต์จินดามณีประกอบไว้เป็นพิเศษด้วย เมื่อได้ฤกษ์ให้ชุมนุมเทวดา แล้วให้พระภิกษุ และฆราวาสที่ร่วมพิธีพร้อมกันโดยเฉพาะฆราวาสนั้น หากเป็นหญิงให้ใช้สาวพรหมจารีซึ่งรักษาศีลอุโบสถมาแล้ว ๓ วัน ส่วนชายก็ให้รักษาศีลอุโบสถเช่นเดียวกัน ผู้ร่วมพิธีปั้นเม็ดยาจะต้องท่องคาถาปั้นเม็ดยาได้ เพื่อใช้ภาวนาตลอดระยะเวลาการปั้นเม็ดยา และยาที่ปั้นสำเร็จเป็นเม็ดในพิธีแล้วจะต้องนำไปปลุกเสกด้วยมนต์อีกอย่าง น้อย ๗ เสาร์ ๗ ก่อนใช้ยาท่านให้เสกยาด้วยคาถาดังนี้ “ จินดามณี ปิยังมันตัง ยะสังธาสังโกมัง อุปะสันติ สิเนหัง มาตาปิตาวะ โอระสัง ปะโพตันจะ มหาราชา ตะวังมังโป สัตตุโนทีปัง กาเรเทโว สุโป เสทิกิญจิ เทโว เยสักโก ปัชชัง ทัสมิง กินเนวา ทัตวาปิยัง กันตัง สาริปุตโต ภวันตุเม สิทธิลาภัง ชนานะเย มณีจินดา ปิยัง จะธะนัง สัพเพชะนา พหูชะนา ปิยังมะมะ ” อานุภาพของการใช้ยาจินดามณีมีดังนี้
    1.ป้องกันและรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ แม้แต่อหิวาตกโรค
    2.บันดาลให้เกิดสิริสวัสดีและลาภผล
    3.จะปราศจากอันตรายใด ๆ ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง หรือนอน
    4.ผู้ใดต้องโทษทัณฑ์ใด ๆ ก็บรรเทาเบาบางลงได้
    5.ผู้ใดที่ป่วยหนักแม้แทบจะสิ้นชีวิต หาได้รับประทานยาจินดามณีแล้วก็จักรรอดตายฟื้นหายจากโรคนั้น ๆ
    6.ถ้าเกิดคดีความขึ้นโรงขึ้นศาลให้เอายาใส่น้ำเสกด้วย “ เอกัง จินดามณีมันตัง ” เป็นเมตตามหานิยมแล้วเอาน้ำประพรมศีรษะแล้วอมเม็ดยาไว้ตลอดเวลาจะชนะความ สิ้นแล และเป็นเมตตามหานิยมแก่คนทั้งปวง
    7.ทำให้มีปัญญาดี เสกด้วยพระคาถานี้ ๓ จบ
    “ ตะโตโส ปัณฑิโต ปีหิโล อัตถะ ทัสสีมะ โหสะโถ ” แล้วอมยา จะเล่าบ่นมนตร์คาถา สารพัดวิชาจำได้สิ้นที่ลืมหลงก็จะรำลึกได้แล
    8.หากภาวนาด้วย “ อุ อา กะ สะ ” ทำไร่ทำนาทำการงานมิรู้เหน็ดเหนื่อยแล
    9.ภาวนาด้วย “ บทยันทุนนิมิตตัง อามังคะ สัญจะ ๆ ” จบหนึ่งเอายาติดตัวไว้จะกลับลางนิมิตร้ายให้กลายเป็นดีแล
    10.อมเม็ดยาเอาไว้แล้วนั่งเหนือลม ภาวนาว่า “ อิตถี จิตตัง ปิยัง มะมะ ”หญิงคนรักจะรักและหลงเรามิหนีห่างกายไปไหนได้เลยแล
    11.เมื่อจะเดินทางไปสารทิศไหน เข้าหาเจ้านายผู้ใหญ่ให้เอายาแช่น้ำ ใช้น้ำมนต์สระหัว อมเม็ดยาและภาวนาว่า “ สัตถาเทวะมนุสานัง พุทโธภะคะวาติ ” ๗ ครั้งผู้ใหญ่ เจ้านายหายโกรธช่วยเหลือเราทุกทางแล
    12.ถ้าเผอิญด้วยหมู่ศัตรูคิดร้ายให้อมเม็ดยาแล้วภาวนาว่า “ พามานา อุ กะ สะ นะ ทุ ” ๘ คาบ ชนะศัตรู ศัตรูทำร้ายเรามิได้ แคล้วคลาดสารพัดแล
    13.เอาเม็ดยาติดตัวไว้ป้องกันสรรพโรคภัย ป้องกันเสนียดจังไร กันยายีด้วยคุณไสย คุณผี คุณคน สารพัดพิษ ผิดสำแดง เมื่อต้องยาเบื่อยาเมา เอารากมะนาวหนึ่ง มะปรางหนึ่ง หัวหนุมานกระทืบแท่นหนึ่ง ฝนทำน้ำกระสายกินเถิดมิเป็นไร อย่าประมาทเลย เคยแก้ยาสั่งมาแล้วถ้าติดเม็ดยากับตัวไปมิต้องเราเลยแล ให้มีเม็ดยาติดตน ถึงคราวอับจนจะได้ใช้ ตามืดหูมืดได้ใช้ทุกเมื่อ มีอำนาจวิเศษ คุณมากนัก
    นปัจจุบันนี้ ในขณะที่ของหรือเม็ดยาของหลวงปู่เพิ่ม สร้างนั้นมีจำนวนไม่มากและลดน้อยลงไป เนื่องจากบางส่วนคนได้นำไปใช้เป็นยาไปไม่น้อย จำนวนคนที่เพิ่มขึ้น ความต้องการก็แผ่ขยายออกไปอย่างกว้างขวางจึงทำให้ “ ของปลอม ” เกิดขึ้น ซึ่งเป็นกฏเกณฑ์ธรรมดาเมื่อความต้องการสูงแต่ของไม่มีก็ทำให้ผู้ที่ต้องการ แสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งคอยหาจังหวะหาโอกาส “ ทำของปลอมแพร่ระบาดออกมา ” ผู้ที่ไม่รู้ไม่ทราบ ไม่เคยเห็นของแท้ก็หลงเป็นเหยื่อของการแสวงหาผลประโยชน์ของนักฉกฉวยโอกาสไป ในที่สุด ยาจินดามณีที่ปลอม เริ่มแพร่ระบาดมาเพราะความต้องการมีอยู่สูง การกำหนดค่าเป็นราคาจึงสูงไปด้วยทำให้มีผู้ลงทุนทำของปลอมขึ้น เพื่อหลวอกลวงผู้เข้าใจผิด หรือผู้ที่มีความศรัทธาต้องการแต่ไม่มีความรู้ไมเคยเห็นของแท้มาก่อนทำให้ ต้องหลงงมงาย เสียเงินเช่าหาบูชากันเอาไว้ นำไปใช้ก็อาจไม่เกิดผลอะไร บางทีเอาไปกินหวังจะให้โรคหายก็อาจจะต้องตายไปโดยไม่รู้ตัว ทั้งที่ถ้าไม่กินยาก็อาจจะไม่ตาย เนื่องจากยาปลอมอาจจะมีสารพิษผสมผสานอยู่ด้วยจะโดยเจตนาของผู้ปลอมแปลงหรือไม่ก็ตาม ยาจินดามณีปลอมโดยไม่มีส่วนสัดหรือยาประสมอยู่ด้วย เป็นการปลอมโดยเน้นลักษณะความเหมือนของสีและเนื้อของมวลสารเป็นสำคัญ ยาจินดามณีปลอมใช้สูตรยาใกล้เคียงของจริงนับ เป็นวิวัฒนาการขั้นที่ ๒ ของการปลอมยาจินดามณี เพราะการปลอมในวิธีที่ ๑ มีคนรู้กันมากขึ้น เนื่องจากได้เห็นของแท้มาแล้วตามที่กล่าวในข้อ ๑ จึงมีการพัฒนาการปลอมให้ใกล้เคียงมากขึ้น โดยนำเอาสมุนไพร เครื่องยาตามตำราที่ผู้เขียนเคยเอามาเปิดเผยเฉพาะในส่วนโองการหรืออุปเท่ห์ ซึ่ง บอกตัวยาไว้คร่าว ๆ ไม่ครบทุกอย่าง นักปลอมจึงนำเอาตัวยาเท่าที่ทราบไปปลอมยาขึ้นมา ซึ่งค่อนข้างไดผลดีเพราะมวลสารใกล้เคียง สีและลักษณะทั่วไปเหมือนของแท้ กลิ่นนั้นถึงแม้จะไม่เหมือนนัก เพราะเขาไม่ทราบตัวกระสาย ตัวแปรสมุนไพรแต่ก็ขอยอมรับว่าใกล้เคียงมากทีเดียว แต่ถ้าพิจารณาเนื้อมวลสารและกลิ่นอย่างละเอียดรอบคอบ อภินิหารและประสบการณ์ ยาจินดามณี “ ยาจินดามณี ” นับเป็นยาที่มีคุณวิเศษโด่งดังของวัดกลางบางแก้วมาแต่อดีต เช่นเดียวกับยาอีกสองขนานของวัดกลางบางแก้วคือ “ ยาวิเศษอนันตคุณ ” และ “ ยารัตนวาโย ” แต่ยาสองขนานหลังนี้ไม่ค่อยมีคนรุ่นหลังรู้จักมากนัก เพราะไม่ได้สร้างขึ้นต่อเนื่องมาและแพร่หลาย เช่น “ จินดามณี ” หรือ “ ยาวาสนา ” ความจริงยาวิเศษอนันตคุณและรัตนวาโยนั้นก็มีคุณค่าความขลังเอาการทีเดียว ขนาดคนเป็นอัมพาตนอนมาเป็น ๕ – ๑๐ ปี กินเข้าไปแล้วยังสามารถหายเป็นปกติได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2023
  8. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,982
    ค่าพลัง:
    +53,093
    IMG_3988.jpeg IMG_3989.jpeg

    เหรียญพระเจ้าตากทรงม้า หลังพระพุทธ วัดเขาปฐวี จ.อุทัยธานี ปี2516
    มี 3 แบบ
    แบบแรกด้านหนึ่งเป็นรูปพระเจ้าตากทรงม้า อีกด้านเป็นรูปพระประธาน สร้างจำนวน 2516 เหรียญ
    เแบบที่สองด้านหนึ่งเป็นรูปพระเจ้าตากทรงม้า อีกด้านเป็นรูปพระแก้วมรกต สร้างจำนวน 2516 เหรียญ
    แบบที่สามด้านหนึ่งเป็นรูปพระแก้วมรกต อีกด้านเป็นรูปรูปพระประธาน สร้างจำนวน 1250 เหรียญ

    ประกอบพิธีกัน ในวันเสาร์ 5 ตรงกับ วันเสาร์ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ซึ่งเป็นวันฤกษ์แข็ง
    ที่เหมาะแก่การทำพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลัง
    โบราณจารย์ถือกันว่าถ้าได้ทำพิธีในวันนี้จะมีความขลังศักดิ์สิทธิ์เป็นพิเศษ
    นายอำเภอทัพทันในสมัยนั้น ได้มาขอให้หลวงพ่อโฉม จัดพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลในวันดังกล่าว
    ด้วยเหตุนี้หลวงพ่อโฉม พร้อมด้วยกรรมการวัดและคณะศิษยานุศิษย์จึงพร้อมใจกัน
    จัดพิธีพุทธาภิเษกเนื่องในวันเสาร์ 5 โดยเชิญ นายไพฑูรย์ เก่งสกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี
    ในสมัยนั้นมาเป็นประธานในพิธี อาจารย์ชุม ไชยคีรีเป็นเจ้าพิธี และได้นิมนต์พระเกจิอาจารย์เรืองเวทย์
    จากสำนักเขาอ้อ จังหวัดพัทลุง มานั่งปรกปลุกเสก
    ได้แก่ พระอาจารย์นำ วัดดอนศาลา,
    พระอาจารย์ปาน วัดเขาอ้อ,
    หลวงพ่อคง วัดบ้านสวน,
    อาจารย์ขาว วัดเขาอ้อ
    และมีพระเกจิภาคกลางนั่งบริกรรมภาวนาร่วมด้วย
    ได้แก่ หลวงพ่อโฉม วัดเขาปฐวี,
    หลวงพ่อจิ๋ว วัดโนนเหล็ก,
    หลวงพ่อปลั่ง วัดห้วยรอบ,
    หลวงพ่อปุย วัดหนองระ,
    หลวงพ่อแอ๋ว วัดหัวเมือง,
    หลวงพ่อสว่าง วัดถือน้ำ ฯลฯ
    โดยทำพิธีปลุกเสกภายในพระอุโบสถของวัดเขาปฐวีซึ่งเป็นถ้ำอยู่ในเขาปฐวี
    พิธีพุทธาภิเษกเริ่มตั้งแต่เวลา 18.00 น.ไปจนถึงเวลา 06.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ปลุกเสกกันตลอดทั้งคืนจึงดับเทียนชัย
    หลังจากนั้น อาจารย์ชุม ไชยคีรี ได้มีการทดสอบพลังพุทธคุณของวัตถุมงคลที่ปลุกเสกเสร็จแล้ว
    จึงทำให้ทราบว่ามีพุทธคุณในทางคงกระพันชาตรี-มหาอุดอย่างสูง

    จากนั้นนำไปประกอบพิธีอีกครั้ง ณ วัดชนะสงคราม พระคณาจารย์นั่งปรก 9 รูป พุทธาภิเษก
    1.พระรักขิตวันมุนี(หลวงพ่อถีร) วัดป่าเลไลยก์
    2. พระครูภาวนาวิสุทธิ์ วัดพรหมเทวาวาส
    3. พระครูนนท์นวกิจวิมล(หลวงพ่อชื่น) วัดตำหนักเหนือ
    4. พระวิมลกิจจารักษ์ วัดชนะสงคราม
    5. พระครูวิริยะกิตติ (หลวงปู่โต๊ะ) วัดประดู่ฉิมพลี
    6. พระครูศรีพรหมโสภิต(หลวงพ่อแพ) วัดพิกุลทอง
    7. พระครูสมุห์ลอย วัดชนะสงคราม
    8. พระครูโสภนกัลยาณวัตร(หลวงพ่อเส่ง) วัดกัลยาณมิตร
    9. พระครูญาณวิจักขณ์(พระอาจารย์ผ่อง) วัดจักรวรรดิ์ราชาวาส

    บูชา 400 บาท
     
  9. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,982
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_3996.jpeg IMG_3997.jpeg IMG_3998.png

    สมเด็จแหวกม่าน วัดหัวเด่น

    สร้างปี 2539 โดยหลวงพ่อสมานและคุณเฒ่าสุพรรณ พระพิธีใหญ่ ปลุกเสกโดยคณาจารย์สายหลวงพ่อกวย อาทิ หลวงปู่เย็น วัดสระเปรียญ และหลวงปู่ปรง วัดธรรมเจดีย์ ฯ โดยใช้ผงเก่าของหลวงพ่อกวยเป็นมวลสารในการสร้างพระแหวกม่านชุดนี้ วัตถุประสงค์ในการสร้างเพื่อก่อสร้างพระวิหารประดิษฐานรูปหล่อหลวงพ่อกวยเท่าองค์จริง ณ วัดหัวเด่น จังหวัดชัยนาททำการกดพิมพ์กันที่หน้ากุฏิหลวงตาสมาน ที่วัดหัวเด่นและทำพิธีปลุกเสกที่วัดหัวเด่น...ตอนปี39ไม่ได้นำเข้าพิธีของวัดบ้านแคส่วนผสมมวลสารในการสร้างพระเท่าที่จำได้ก็มีพวกว่านต่างๆ ผงของหลวงพ่อและเส้นเกศาของพระเกจิสายอีสานเยอะมากเช่น หลวงปู่ขาว หลวงปู่สาม ฯลฯ ที่อ.เฒ่า สุพรรณมอบให้ผง,เส้นเกศา,สีผึ้งของหลวงพ่อที่หลวงตาสมานเก็บไว้ พระที่หัก เม็ดมะกล่ำฯ
    ....เป็นพระหลวงพ่อกวยรุ่นหลังที่เริ่มหายากและนิยม อนาคต อาจหาไม่ได้ง่ายๆ

    บูชา 800 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2023
  10. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,982
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_4199.jpeg IMG_4200.jpeg IMG_4201.jpeg IMG_4198.jpeg

    สิงห์สาริกา คอม้า หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่

    rาแกะสิงห์ของท่านมีหลายฝีมือช่าง และแกะหลายรูปแบบ หลายขนาด ทั้งแบบเต็มตัว ครึ่งซีก ปากนกแก้ว ปากสิงห์ คอสั้น คอยาว สองขวัญ สามขวัญ ขวัญกลม ขวัญเลขหนึ่งไทย เลี่ยมพลาสติก เลี่ยมอลูมิเนียมดุนลายจากโรงงานเลยก็มี (ต้องหาดูภาพในหนังสือทำเนียบวัตถุมงคลของท่าน และจากเซียนสายตรงสุพรรณฯหลายๆที่ครับ) ... พระครูสุวรรณวุฒาจารย์
    (หลวงพ่อมุ่ย พฺทฺธรักฺขิโต) อดีตเจ้าอาวาสรูปแรก วัดดอนไร่ อ.สามชุก สุพรรณบุรี .. มรณภาพเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๗ รวมสิริอายุได้ ๘๖ ปี พรรษา ๔๕

    .. รูปแบบนี้เป็นหนึ่งในมาตรฐานครับ คอยาว (คอม้า) ที่มาก็ดีครับ เชื่อถือได้และศิลป์แบบนี้ก็ไม่มีเกลื่อนตลาดครับ เป็นเอกลักษณ์ ของทนสิทธิ์ธรรมชาติมีอายุ เนื้อลายธรรมชาติ

    มือใหญ่ ว่ากันเป็นหมื่น

    บูชา 8,000 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 สิงหาคม 2023
  11. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,982
    ค่าพลัง:
    +53,093
    IMG_4036.jpeg IMG_4035.jpeg

    ปิดตา rาแกะ เก่า ไม่ทราบที่

    เก่า มีจาร บ้างทาสนบอกว่าสายเขาอ้อ

    บูชา 2,500 บาท
     
  12. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,982
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_4039.jpeg IMG_4040.jpeg IMG_4041.jpeg

    บูชา 600 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2023
  13. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,982
    ค่าพลัง:
    +53,093
    IMG_4042.jpeg IMG_4043.jpeg IMG_4044.jpeg IMG_4045.jpeg IMG_4046.jpeg IMG_4047.jpeg

    ปลัดขลิก หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ

    ปลัดชิ้นนี้ เก่ามันส์ หลวงพ่ออี๋ ตัวจริง แต่เจ้าของเดิมใช้มาจน รอยจารไม่ลงเหลือ นักเล่นเครื่องรางหลายท่านบอกตัวจริงแน่นอน รับประกันทุกสนาม แต่ส่งออกบัตร สมาคมระบุให้แค่ แท้ ไม่ทราบที่ ใครอยากได้ใว้บูชาเชิญครับ

    บูชา 8,000 บาท

    หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ ชลบุรี

    “ปิ กัณขวา มิ เนซ้าย โอ้ฟ้าผ่า ตาพระอินทร์ เสาพระจันทร์ของพระศิวะ”

    ปลัดขิก เป็นเครื่องรางของขลัง ที่นับถือกันมาช้านาน ตั้งแต่โบราณเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยเรามีเกจิคณาจารย์ทั้งเก่าใหม่ ไม่ว่าพระสงฆ์หรือฆราวาส ได้สร้าง ปลัดขิก เอาไว้จำนวนมากมาย ความนิยมมากน้อยต่างกันไป ส่วนที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ก็มีอยู่ด้วยกันหลายคณาจารย์ เช่น ปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี ปลัดขิกหลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก จ.ฉะเชิงเทรา ปลัดขิกของหลวงพ่อฟัก วัดนิคมประชาสรรค์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปลัดขิก หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม นครปฐม ปลัดขิก หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก ปลัดขิกของหลวงพ่อกลั่น วัดอินทราวาส จ.อ่างทอง หรือ ปลัดขิกอาจารย์เฮง ไพรวัลย์ จ.พระนครศรีอยุธยา อาจารย์ฆราวาส เป็นต้น

    หลวงพ่ออี๋ พุทฺธสโร วัดสัตหีบ จ.ชลบุรี ท่านเป็นพระอาจารย์ท่านหนึ่งที่ทำ ปลัดขิกขึ้นมาแล้วได้รับความนิยมสูงสุด ในอันดับต้นๆ ซึ่งเชื่อกันว่า ท่านเป็นผู้ทรงเวท ด้านวิทยาคม ในการปลุกเสกปลัดขิกเป็นอันมาก มีความศักดิ์สิทธิ์ อิทธิฤทธิ์ เห็นผลทันตา ลงวิชาพุทธคุณ บารมี นะเมตตา โภคทรัพย์ ไว้รอบด้าน

    หลวงพ่ออี๋ ในท้องถิ่น อ.สัตหีบ ท่านดังเรื่อง ปลัดขิก ลูกศิษย์ของท่านที่เป็นทหารเรือ และชาวประมงมีมากมาย เขาพากันเรียกปลัดขิกของท่านว่า “ปลัดฉลามเมิน” (เพราะเคยมีคนพกปลัดของท่านลอยคออยู่กลางดงฉลามแล้วรอดมาได้)

    วัสดุที่ใช้สร้าง และรูปทรงของปลัดขิก
    ปลัดขิกหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ สร้างจากไม้มงคลนาม มากมายหลากหลายชนิด อาทิ ไม้แก่นคูณ (ไม้ชัยพฤกษ์) เป็นหลัก ไม้แก่นขุน ไม้แก่นมะขามไม้ไม้งิ้วดำ และกัลปังหา ที่ขึ้นอยู่ใต้ท้องทะเล มีทั้งสีดำ สีแดง สีขาว ซึ่งปัจจุบันปลัดขิกกัลปังหาของท่านทั้ง 3 สี เป็นของหาชมได้ยากมาก สันนิษฐานว่า น่าจะสร้างจำนวนน้อย จึงหาได้ยากในปัจจุบันนี้

    รูปทรงหัวปลัดขิกมีหลายแบบ เช่น ทรงหัวหมวกทหารเยอรมันจะได้รับความนิยมมากที่สุด ทรงหัวจรวด ทรงหัวเห็ด ทรงหัวธรรมดา ฯลฯ
    เกร็ดประวัติ การสร้างปลัดขิก หลวงพ่ออี๋

    ครั้งหนึ่ง หลวงพ่ออี๋เดินทางไปรุกขมูล ท่านได้พบบ่อน้ำแห่งหนึ่ง จึงได้หยุดพักปักกลด เพื่อโปรดทายกทายิกา ในระหว่างนั้น ท่านได้ไปนั่งมองดูบ่อน้ำทุกวัน เพราะหลวงพ่อได้เห็นปลัด ผุดขึ้นมาจากผิวน้ำ เหมือนปลาผุดขึ้นมาหายใจ หลวงพ่อพยายามช้อนปลัด ก็ช้อนไม่ติดสักอัน (ท่านคงมีความรู้จากตำรา ที่ได้เคยศึกษามา) ในขณะที่กำลังช้อนอยู่นั้น มีโยมแก่คนหนึ่งเดินมาถามหลวงพ่อว่า

    “ทำอะไร”

    หลวงพ่อตอบว่า “ช้อนปลัดขิก”

    โยมแก่คนนั้นก็หัวเราะ และพูดว่า

    “อย่าช้อนเลย ท่านช้อนไม่ได้ดอก ถ้าท่านอยากได้จริงๆ ก็ให้หาหญิงพรหมจารีมาช้อน จึงจะช้อนได้”

    หลวงพ่อก็ได้เที่ยวตามหาหญิงพรหมจารี มาได้คนหนึ่ง ได้ขอให้หญิงพรหมจารีนั้นช้อนปลัดให้หลวงพ่อ หญิงนั้นก็ช้อนให้หลวงพ่ออันหนึ่ง ถึงแม้จะพยายามช้อนอันที่สองก็ช้อนไม่ได้ เมื่อหลวงพ่อได้ปลัดแล้ว ก็เดินทางกลับวัด

    ขณะที่อยู่วัด ท่านพยายามหาวิธีสร้างปลัด โดยจำลองจากที่ท่านได้มา ในการสร้างครั้งแรก เป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะต้องสร้างขึ้นถึง ๑๐๘ ตัว เพื่อคัดเลือกหัวโจก หรือจ่าฝูง ครั้นได้จ่าฝูงมาแล้ว การสร้างครั้งต่อไปไม่จำเป็นต้องจำกัดจำนวน ที่ว่าจ่าฝูงนั้น ก็คือตัวที่บินเก่งที่สุด และมันชอบนำลูกฝูงบินเป็นการสมานตัวของพลังปราณ
    มีเรื่องเล่ากันว่า ในขณะถากไม้ทำปลัดขิก หลวงพ่ออี๋ท่านได้ใช้ภาวนา คาถามหาเมตตา ถึงขนาดว่าไปที่ไหนทั้งเทวดาแลมนุษย์ ต่างหลงใหล หลวงพ่ออี๋ท่านใช้คาถานี้กำกับปลัดขิกจนดังไปทั้วสยาม และหากภาวนาๆบ่อยๆ จะเป็นมหานิยมอย่างสูง ดังนี้..,
    “รุปิ รุปิ พุทธะจิตตัง พุทธะเมตตานัง มหาสิเนหัง ลิติ ลิติ
    กรุณามหาจิตตัง เมตตาพุทโธ
    นะชาลิติ นะชาลิติ นะชาลิติ เอหิภันธัง มหาสิเนหัง โหนตุ”

    ที่มา รวมยอดคาถา(นิตยสารโลกทิพย์)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 สิงหาคม 2023
  14. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,982
    ค่าพลัง:
    +53,093
    IMG_4151.jpeg IMG_4153.jpeg IMG_4152.jpeg IMG_4079.jpeg IMG_4081.jpeg IMG_4082.jpeg

    จองแล้วครับ พระพุทโธน้อย เลี่ยมทอง

    ภาพนั่งอธิฐาน คุณแม่บุญเรือน เป็นกระดาษหนังไก่ตัดเฉพาะใบหน้าม่าน และด้านหลังติดเม็ดกระดุมเสื้อที่ท่านเคยสวมใส่ มอบใว้ให้เจ้าของเดิมบูชามา แกะจากกรอบทอง รับประกันแท้ ท่านอธิฐานจิตมอบใว้ กระดาษเก่ามีปรอทขึ้นให้เห็นว่าถึงยุค ไม่ใช่ภาพยุคใหม่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2023
  15. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,982
    ค่าพลัง:
    +53,093
    IMG_4149.jpeg IMG_4150.jpeg IMG_4148.jpeg IMG_4093.png

    เหรียญหลังหนุมานหลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม ปี2556 บล็อคข้าง3ขีด นิยม เนื้ออัลปาก้า

    เหรียญย้อนยุคยอดนิยม งานประจำปีพิธีใหญ่ ประสบการณ์ดีอีกรุ่น รายชื่อพระเกจิอาจารย์ที่มาร่วมพิธี มีดังนี้ ๑. หลวงพ่อพร้า วัดโคกดอกไม้ จ.ชัยนาท ๒. หลวงพ่อเกาะ วัดท่าสมอ จ.ชัยนาท ๓. หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมเเก้ว จ.อยุธยา ๔. หลวงพ่อเอียด วัดไผ่ล้อม จ.อยุธยา ๕. หลวงพ่อพูน วัดบ้านเเพน จ.อยุธยา ๖. หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน จ.ลพบุรี ๗. หลวงพ่อเสน่ห์ วัดพันสี จ.อุทัยธานี ๘. หลวงพ่อบุญมี วัดม่วงคัน จ.อ่างทอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2023
  16. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,982
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_4113.jpeg IMG_4114.jpeg

    เหรียญหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง ภูเก็ต เนื้อทองแดง หลัง ภปร.ปี ๒๗ ระลึกในหลวงทรงเสด็จพระราชดำเนินทรงยกช่อฟ้าอุโบสถ วัดฉลอง ภูเก็ต

    เหรียญที่ระลึกเสด็จพระราชดำเนินยกช่อฟ้าอุโบสถ วัดฉลอง ปี 2527 ดำเนินการจัดสร้างโดยพระศรีปริยัติสุธี (เฟื่อง รักรอด ป.ธ.9) อดีตเจ้าอาวาสวัดฉลอง มีพระเกจิอาจารย์ภาคใต้ 108 รูปร่วมพิธีพุทธาภิเษก

    บูชา 600 บาท

    ประวัติ หลวงพ่อแช่ม วัดท่าฉลอง จ.ภูเก็ต
    พระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี (หลวงพ่อแช่ม สังฆปาโมกข์) วัดไชยธาราราม (ฉลอง) อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

    คำขวัญเมืองภูเก็ต
    "ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมีหลวงพ่อแช่ม"

    ภูเก็ตเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยที่คนทั่วโลกรู้จักชื่อนี้เป็นอย่างดี เป็นเกาะใหญ่เกาะหนึ่ง ที่มีพื้นที่ของเกาะประมาณ 543 ตารางกิโลเมตร สภาพภูมิประเทศน่าเที่ยวน่าพักผ่อนหย่อนใจมีทิวทัศน์อันสวยงามเกินกว่าคำบรรยาย ไม่ว่าจะมองไปบนบก หรือในท้องทะเล แม้แต่เกาะต่างๆ แล้วเหมือนจะทำให้เรามีชีวิตชีวายืนยาวออกไปอีกสักร้อยปี จังหวัดนี้ดีพร้อม สมกับคำขวัญที่ว่า “ไข่มุกอันดามัน สวรรค์เมืองใต้ หาดทรายสีทอง สองวีรสตรี บารมีหลวงพ่อแช่ม” ไม่มีผิด

    สภาพภูมิอากาศแบบฝนเมืองร้อน มีอากาศอบอุ่น ชุ่มชื่น ลมพัดเย็นสบายตลอดเวลา ทั้งปีมี 2 ฤดูกาลคือ ฤดูร้อนและฤดูฝน ช่วงที่มีอากาศดีที่สุดคือ เดือนพฤศจิกายน ถึงเดือนเมษายน เป็นช่วงที่มีท้องฟ้าแจ่มใส ภาษาของท้องถิ่นจังหวัดนี้เป็นภาษาปักษ์ใต้ ที่มีเอกลักษณะของตนเอง อาชีพของพลเมืองมีทั้งด้านการเกษตรและสวนยางพารา การอุตสาหกรรม เหมืองแร่ ดีบุก การทำยางแผ่นรมควัน การทำปลาบ่น ปัจจุบันมีอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างกว้างขวางมาก มีโรงแรมที่มีคุณภาพมีมาตรฐาน งานประเพณี ท้าวเทพกษัตรี-ท้าวศรีสุนทร จัดขึ้นทุกปี ตรงกับวันที่ 13 มีนาคมของทุกปีเพื่อรำลึกถึงประวัติศาสตร์ที่สองวีรสตรีสามารถปกป้องเมืองถลางให้รอดพ้นจากข้าศึก

    ภูเก็ตมีอะไรดี? ภูเก็ตก็มีพระคณาจารย์ดี คือหลวงพ่อแช่ม วัดฉลอง พระคุณท่านเป็นผู้เปี่ยมล้นไปด้วยเมตตาธรรมอันสูงส่ง ทรงไว้ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ ใครมาเที่ยวเมืองภูเก็ตแล้วไม่ได้ไปสักการบูชาหลวงพ่อแช่ม ก็เหมือนกับไม่ได้ไปเยือนภูเก็ต เขาว่ากันอย่างนั้น หลวงพ่อแช่ม (พระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี) อดีตเจ้าอาวาสวัดฉลอง ภูเก็ต ถึงแม้พระคุณท่านจะได้มรณภาพไปนานแล้วก็ตาม ชื่อเสียงและเกียรติคุณของพระคุณท่านยังตรึงตราตรึงใจอยู่ในความทรงจำของชาวภูเก็ตและชาวไทยทั่วทุกภาค แม้แต่ประชาชนเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงยังให้ความเคารพเลื่อมใส ศรัทธายิ่ง ดุจดังเทพเจ้าผู้เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมอันสูงส่ง ทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์นานัปการเมื่อครั้งพระคุณท่านมีชีวิตอยู่มีผู้ศรัทธาและเลื่อมใสท่านมาก ถึงขนาดรุมกันปิดทองที่ตัวท่านจนแลดูเหลืองอร่ามไปทั้งร่าง เฉกเช่นเดียวกับปิดทองพระพุทธรูปบูชา นับเป็นความแปลกประหลาดมหัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง

    ประวัติวัดฉลอง
    "วัดฉลอง"เป็นวัดที่มีมาแต่ก่อนเก่า จึงไม่มีท่านผู้ใดทราบประวัติความเป็นมาได้ละเอียดนัก วัดฉลองนี้ตั้งอยู่บริเวณทุ่งนาและป่าละเมาะ

    ทางด้านเหนือของเกาะภูเก็ต ห่างจากตัวเมืองประมาณ 7-8 กิโลเมตร ตามหลักฐานที่ปรากฎมีศาลาเก่าแก่อยู่หลังหนึ่งทางด้านทิศตะวันออก(ของวัดในปัจจุบันนี้) ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานขององค์พระปฎิมา จากสภาพขององค์ท่าน นับว่า...เป็นพระพุทธรูปที่สร้างขึ้นมาช้านานแล้ว จนไม่อาจคำนวณอายุที่แน่นอนได้ชาวบ้านฉลองและคนทั่วไปเรียกท่านว่า "พ่อท่านเจ้าวัด" ด้านซ้ายขององค์ท่านมีรูปหล่อของชายชรานั่งถือตะบันหมาก ชาวบ้านเรียกว่า "ตาขี้เหล็ก" ส่วนด้านขวาของ "พ่อท่านเจ้าวัด" นั้น มีรูปหล่อเป็นยักษ์ถือกระบองแลดูน่ากลัว ชาวบ้านเรียกว่า "นนทรีย์" รูปหล่อทั้ง 3 องค์นี้ ท่านศักดิ์สิทธิ์นัก จนเป็นที่โจษขานกันมานานแล้ว

    เจ้าอาวาสวัดฉลององค์แรกท่านเป็นพระเถระองค์ใดนั้น ในประวัติได้บันทึกเอาไว้ ก็เลยไม่ทราบนามท่านเท่าที่ทราบมี "พ่อท่านเฒ่า" ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดฉลององค์ก่อน "หลวงพ่อแช่ม" ท่านเป็นพระที่มีความเชี่ยวชาญทางวิปัสสนากรรมฐานเป็นที่เลื่องลือ เมื่อ"ท่านพ่อเฒ่า" ท่านได้มรณภาพด้วยโรคชราอาพาธ "หลวงพ่อแช่ม" ได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อจาก "พ่อท่านเฒ่า"

    ต่อมา....ท่านได้รับพระราชทานเลื่อมสมศักดิ์ว่าที่เป็น "พระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญาณมุนี" ตำแหน่งสังฆปาโมกข์เมืองภูเก็ต และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้ทรงเปลี่ยนชื่อ "วัดฉลอง" เสียใหม่เป็น "วัดไชยธาราราม" แต่ประชาชนโดยทั่วไปมักเรียกว่า "วัดฉลอง" เพราะเป็นชื่อที่คุ้นหูมาก่อน

    ชาติกำเนิด-ประวัติย่อ
    "หลวงพ่อแช่ม" วัดฉลอง ภูเก็ต ท่านเกิดที่ตำบลบ่อแสน อำเภอทับปุด จังหวัดพังงา เมื่อปีกุน พุทธศักราช 2370 ในรัชสมัยของ"พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว"(รัชกาลที่ 3) (นามโยมบิดา-มารดา) ไม่ปรากฏในประวัติแม้แต่ "หลวงพ่อช่วง" วัดท่าฉลอง ศิษย์เอกของท่านก็ไม่สามารถให้รายละเอียดได้)
    หลวงพ่อแช่ม ชาตะ พ.ศ.2370 มรณภาพ พ.ศ.2451
    พ่อแม่ส่งให้อยู่ ณ วัดฉลอง เป็นศิษย์ของพ่อท่านเฒ่าตั้งแต่เล็ก เมื่อมีอายุพอจะบวชได้ก็บวชเป็นสามเณร และ ต่อมาเมื่ออายุถึงที่จะบวชเป็นพระภิกษุก็บวชเป็นพระภิกษุจำพรรษาอยู่ ณ วัดฉลองนี้หลวงพ่อแช่มได้ศึกษาวิปัสนาธุระจากพ่อท่านเฒ่าจนเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทางวิปัสนาธุระเป็นอย่างสูง ความมีชื่อเสียงของหลวงพ่อแช่มปรากฏชัดในคราวที่หลวงพ่อแช่มเป็นหัวหน้าปราบอั้งยี่ ซึ่งท่านจะได้ทราบต่อไปนี้

    ปราบอั้งยี่
    ในปีพุทธศักราช 2419 กรรมกรเหมืองแร่เป็นจำนวนหมื่น ในจังหวัดภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียงได้ซ่องสุมผู้คนก่อตั้งเป็นคณะขึ้นเรียกว่า อั้งยี่ โดยเฉพาะพวกอั้งยี่ในจังหวัดภูเก็ตก่อเหตุวุ่นวายถึงขนาดจะเข้ายึดการปกครองของจังหวัดเป็นของพวกตน ทางราชการในสมัยนั้นไม่อาจปราบให้สงบราบคาบได้ พวกอั้งยี่ถืออาวุธรุกไล่ ยิง ฟันชาวบ้านล้มตายลงเป็นจำนวนมากชาวบ้านไม่อาจต่อสู้ป้องกันตนเองและทรัพย์สิน ที่รอดชีวิตก็หนีเข้าป่าไป เฉพาะในตำบลฉลองชาวบ้านได้หลบหนีเข้าป่า เข้าวัด ทิ้งบ้านเรือนปล่อยให้พวกอั้งยี่เผาบ้านเรือนหมู่บ้านซึ่งพวกอั้งยี่เผา ได้ชื่อว่า บ้านไฟไหม้ จนกระทั่งบัดนี้

    ชาวบ้านที่หลบหนีเข้ามาในวัดฉลอง เมื่อพวกอั้งยี่รุกไล่ใกล้วัดเข้ามา ต่างก็เข้าไปแจ้งให้หลวงพ่อแช่มทราบ และนิมนต์ให้หลวงพ่อแช่ม หลบหนีออกจากวัดฉลองไปด้วย หลวงพ่อแช่มไม่ยอมหนี ท่านว่า ท่านอยู่ที่วัดนี้ตั้งแต่เด็กจนบวชเป็นพระ และเป็นเจ้าวัดอยู่ขณะนี้ จะให้หนีทิ้งวัดไปได้อย่างไร

    เมื่อหลวงพ่อแช่มไม่ยอมหนีทิ้งวัด ชาวบ้านต่างก็แจ้งหลวงพ่อแช่มว่า เมื่อท่านไม่หนีพวกเขาก็ไม่หนีจะขอสู้มันละ พ่อท่านมีอะไรเป็นเครื่องคุ้มกันตัวขอให้ทำให้ด้วย หลวงพ่อแช่มจึงทำผ้าประเจียดแจกโพกศีรษะคนละผืน เมื่อได้ของคุ้มกันคนไทยชาวบ้านฉลองก็ออกไปชักชวนคนอื่นๆ ที่หลบหนีไปอยู่ตามป่า กลับมารวมพวกกันอยู่ในวัด หาอาวุธ ปืน มีด เตรียมต่อสู้กับพวกอั้งยี่

    พวกอั้งยี่ เที่ยวรุกไล่ฆ่าฟันชาวบ้าน ไม่มีใครต่อสู้ก็จะชะล่าใจ ประมาทรุกไล่ฆ่าชาวบ้านมาถึงวัดฉลอง ชาวบ้านซึ่งได้รับผ้าประเจียดจากหลวงพ่อแช่มโพกศีรษะไว้ก็ออกต่อต้านพวกอั้งยี่ พวกอั้งยี่ไม่สามารถทำร้ายชาวบ้านก็ถูกชาวบ้านไล่ฆ่าฟันแตกหนีไป ครั้งนี้เป็นชัยชนะครั้งแรกของไทยชาวบ้านฉลอง ข่าวชนะศึกครั้งแรกของชาวบ้านฉลอง รู้ถึงชาวบ้านที่หลบหนีไปอยู่ที่อื่น ต่างพากลับมายังวัดฉลอง รับอาสาว่า ถ้าพวกอั้งยี่มารบอีกก็จะต่อสู้ ขอให้หลวงพ่อแช่มจัดเครื่องคุ้มครองตัวให้ หลวงพ่อแช่มก็ทำผ้าประเจียดแจกจ่ายให้คนละผืน พร้อมกับแจ้งแก่ชาวบ้านว่า "ข้าเป็นพระสงฆ์จะรบราฆ่าฟันกับใครไม่ได้ พวกสูจะรบก็คิดอ่านกันเอาเอง ข้าจะทำเครื่องคุณพระให้ไว้สำหรับป้องกันตัวเท่านั้น" ชาวบ้านเอาผ้าประเจียดซึ่งหลวงพ่อแช่มทำให้โพกศีรษะเป็นเครื่องหมายบอกต่อต้านพวกอั้งยี่

    พวกอั้งยี่ให้ฉายาคนไทยชาวบ้านฉลองว่า พวกหัวขาว ยกพวกมาโจมตีคนไทยชาวบ้านฉลองหลายครั้ง ชาวบ้านถือเอากำแพงพระอุโบสถเป็นแนวป้องกัน อั้งยี่ไม่สามารถตีฝ่าเข้ามาได้ ภายหลังจัดเป็นกองทัพเป็นจำนวนพัน ตั้งแม่ทัพ นายกอง มีธงรบ ม้าล่อ เป็นเครื่องประโคมขณะรบกัน ยกทัพเข้าล้อมรอบกำแพงพระอุโบสถ ยิงปืน พุ่งแหลน พุ่งอีโต้ เข้ามาที่กำแพง เป็นที่น่าอัศจรรย์ที่บรรดาชาวบ้านซึ่งได้เครื่องคุ้มกันตัวจากหลวงพ่อแช่มต่างก็แคล้วคลาดไม่ถูกอาวุธของพวกอั้งยี่เลย

    รบกันจนเที่ยงพวกอั้งยี่ยกธงขอพักรบ ถอยไปพักกันใต้ร่มไม้หุงหาอาหาร ต้มข้าวต้มกินกัน ใครมีฝิ่นก็เอาฝิ่นออกมาสูบ อิ่มหนำสำราญแล้วก็นอนพักผ่อนชาวบ้านแอบดูอยู่ในกำแพงโบสถ์ เห็นได้โอกาสในขณะที่พวกอั้งยี่เผลอก็ออกไปโจมตีบ้าง พวกอั้งยี่ไม่ทันรู้ตัวก็ล้มตายและแตกพ่ายไป

    หัวหน้าอั้งยี่ประกาศให้สินบน ใครสามารถจับตัวหลวงพ่อแช่มวัดฉลองไปมอบตัวให้จะให้เงินถึง 5,000 เหรียญ เล่าลือกันทั่วไปในวงการอั้งยี่ว่า คนไทยชาวบ้านฉลองซึ่งได้รับผ้าประเจียดของหลวงพ่อแช่มโพกศีรษะ ล้วนแต่เป็นยักษ์มารคงทนต่ออาวุธ ไม่สามารถทำร้ายได้ ยกทัพมาตีกี่ครั้งๆ ก็ถูกตีโต้กลับไป ในทุกครั้ง จนต้องเจรจาขอหย่าศึกยอมแพ้แก่ชาวบ้านศิษย์หลวงพ่อแช่มโดยไม่มีเงื่อนไข

    คณะกรรมการเมืองภูเก็ต ได้ทำรายงานกราบทูลไปยังพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้คณะกรรมการเมืองนิมนต์หลวงพ่อแช่ม ให้เดินทางไปยังกรุงเทพมหานคร มีพระประสงค์ทรงปฏิสันฐานกับหลวงพ่อแช่มด้วยพระองค์เอง

    หลวงพ่อแช่มและคณะเดินทางถึงกรุงเทพมหานคร พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานสมฌศักดิ์หลวงพ่อแช่ม เป็นพระครูวิสุทธิวงศาจารย์ญานมุนี ให้มีตำแหน่งเป็นสังฆปาโมกข์เมืองภูเก็ต อันเป็นตำแหน่งสุงสุดซึ่งบรรพชิตจักพึงมีในสมัยนั้น ในโอกาสเดียวกัน ทรงพระราชทานนามวัดฉลองเป็นวัดไชยาธาราราม

    บารมีหลวงพ่อแช่ม
    จากคำบอกเล่าของคณะผู้ติดตามหลวงพ่อแช่มไปในครั้งนั้นแจ้งว่ามีพระสนมองค์หนึ่งในรัชกาลที่ 5 ป่วยเป็นอัมพาต หลวงพ่อแช่มได้ทำน้ำพระพุทธมนต์ให้รดตัวรักษา ปรากฏว่าอาการป่วยหายลงโดยเร็วสามารถลุกนั่งได้ อนึ่ง การเดินทางไปและกลับจากจังหวัดภูเก็ตกับกรุงเทพมหานคร ผ่านวัดๆ หนึ่งในจังหวัดชุมพร หลวงพ่อแช่มและคณะได้เข้าพักระหว่างทาง ณ ศาลาหน้าวัด เจ้าอาวาสวัดนั้น นิมนต์ให้หลวงพ่อแช่มเข้าไปพักในวัด แต่ หลวงพ่อเกรงใจและแจ้งว่าตั้งใจจะพักที่ศาลาหน้าวัดแล้วก็ขอพักที่เดิมเถิด เจ้าอาวาสและชาวบ้านในละแวกนั้นบอกว่า การพักที่ศาลาหน้าวัดอันตรายอาจเกิดพวกโจร จะมาลักเอาสิ่งของของหลวงพ่อแช่มและคณะไปหมด หลวงพ่อแช่มตอบว่าเมื่อมันเอาไปได้ มันก็คงเอามาคืนได้ เจ้าอาวาสวัดและชาวบ้านอ้อนวอน หลวงพ่อแช่มก็คงยืนยันขอพักที่เดิม เล่าว่า ตกตอนดึกคืนนั้น โจรป่ารวม 6 คน เข้ามาล้อมศาลาไว้ ขณะคนอื่นๆ หลับหมดแล้ว คงเหลือแต่หลวงพ่อแช่มองค์เดียว พวกโจรเอื้อมเอาของไม่ถึง หลวงพ่อแช่มก็ช่วยผลักของให้ สิ่งของส่วนมากบรรจุปิ๊บใส่สาแหรก พวกโจรพอได้ของก็พากันขนเอาไป

    รุ่งเช้าเจ้าอาวาสและชาวบ้านมาเยี่ยม ทราบเหตุที่เกิดขึ้นก็พากันไปตามกำนันนายบ้านมาเพื่อจะไปตามพวกโจร หลวงพ่อแช่มก็ห้ามมิให้ตามไป ต่อมาครู่หนึ่ง พวกโจรก็กลับมา แต่การกลับมาคราวนี้หัวหน้าโจรถูกหามกลับมาพร้อมกับสิ่งของซึ่งลักไปด้วย กำนันนายบ้านก็เข้าคุมตัว หัวหน้าโจรปวดท้องจุดเสียดร้องครางโอดโอย ทราบว่าระหว่างที่ขนของซึ่งพวกตนขโมยไปนั้น คล้ายมีเสียงบอกว่า ให้ส่งของกลับไปเสีย มิฉะนั้น จะเกิดอาเพศ พวกโจรไม่เชื่อขนของต่อไปอีก หัวหน้าโจรจึงเกิดมีอาการจุกเสียดขึ้นจนไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ เลยปรึกษากันตกลงขนสิ่งของกลับมาคืนหลวงพ่อแช่มสั่งสอนว่า ต่อไปขอให้เลิกเป็นโจรอาการปวดก็หาย กำนันนายบ้านจะจับพวกโจรส่งกรมการเมืองชุมพร แต่หลวงพ่อแช่มได้ขอร้องมิให้จับกุมขอให้ปล่อยตัวไป ไม่เพียงแต่ชนชาวไทยในภูเก็ตเท่านั้นที่มีความเคารพเลื่อมใสในองค์หลวงพ่อแช่ม ชาวจังหวัดใกล้เคียงตลอดจนชาวจังหวัดต่างๆ ในมาเลเซีย เช่น ชาวจังหวัดปีนัง เป็นต้นต่างให้ความคารพนับถือในองค์หลวงพ่อแช่มเป็นอย่างสูง โดยเฉพาะชาวพุทธในจังหวัดปีนัง ยกย่องหลวงพ่อแช่มเป็นเสมือนสังฆปาโมกข์เมืองปีนังด้วย

    การปราบอั้งยี่ในครั้งนั้น เมื่อพวกอั้งยี่แพ้ศึกแล้วก็หันมาเลื่อมใสให้ความเคารพนับถือต่อหลวงพ่อแช่มเป็นอย่างมาก แม้แต่ผู้ซึ่งนับถือศาสนาอื่นก็มีความเคารพเลื่อมใสต่อหลวงพ่อแช่ม เกิดเหตุอาเพศต่างๆในครัวเรือนต่างก็บนบานหลวงพ่อแช่มให้ช่วยขจัดปัดเป่าให้

    ชาวเรือพวกหนึ่งลงเรือพายออกไปหาปลาในทะเลถูกคลื่น และพายุกระหน่ำจนเรือจวนล่มต่างก็บนบานสิ่งศักดิ์ต่างๆ ให้คลื่นลมสงบ แต่คลื่นลมกลับรุนแรงขึ้น ชาวบ้านคนหนึ่งนึกถึงหลวงพ่อแช่มได้ ก็บนหลวงพ่อแช่มว่าขอให้หลวงพ่อแช่มบันดาลให้คลื่นลมสงบเถิด รอดตายกลับถึงบ้านจะติดทองที่ตัวหลวงพ่อแช่ม คลื่นลมก็สงบ มาถึงบ้านก็นำทองคำเปลวไปหาหลวงพ่อแช่ม เล่าให้หลวงพ่อแช่มทราบและขอปิดทองที่ตัวท่าน หลวงพ่อแช่มบอกว่าท่านยังมีชีวิตอยู่จะปิดทองยังไง ให้ไปปิดทองที่พระพุทธรูป ชาวบ้านกลุ่มนั้นก็บอกว่าถ้าหากหลวงพ่อไม่ให้ปิดหากแรงบนทำให้เกิดอาเพศอีก จะแก้อย่างไร ในที่สุดหลวงพ่อแช่มก็จำต้องยอมให้ชาวบ้านปิดทองที่ตัวท่านโดยให้ปิดที่แขนและเท้า ชาวบ้านอื่นๆ ก็บนตามอย่างด้วยเป็นอันมาก พอหลวงพ่อแช่มออกจากวัดไปทำธุระในเมือง ชาวบ้านต่างก็นำทองคำเปลวรอคอยปิดที่หน้าแขนของหลวงพ่อแทบทุกบ้านเรือน จนถือเป็นธรรมเนียม

    เมื่อกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จมาจังหวัดภูเก็ตนิมนต์ให้หลวงพ่อแช่มไปหา ก็ยังทรงเห็นทองคำเปลวปิดอยู่ที่หน้าแข้งของหลวงพ่อแช่ม นับเป็นพระภิกษุองค์แรกของเมืองไทยที่ได้รับการปิดทองแก้บนทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่

    แม้แต่ไม้เท้าของหลวงพ่อแช่ม ซึ่งท่านถือประจำกายก็มีความขลัง ประวัติความขลังของไม้เท้ามีดังนี้ เด็กหญิงรุ่นสาวคนหนึ่ง เป็นคนชอบพูดอะไรแผลงๆ ครั้งหนึ่งเด็กหญิงคนนั้นเกิดปวดท้องจุดเสียดอย่างแรง กินยาอะไรก็ไม่ทุเลา จึงบนหลวงพ่อแช่มว่า ขอให้อาการปวดท้องหายเถิด ถ้าหายแล้วจะนำทองไปปิดที่ของลับของหลวงพ่อแช่ม อาการปวดท้องก็หายไป เด็กหญิงคนนั้นเมื่อหายแล้วก็ไม่สนใจ ถือว่าพูดเล่นสนุกๆ ต่อมาอาการปวดท้องเกิดขึ้นมาอีก พ่อแม่สงสัยจะถูกแรงสินบนจึงปลอบถามเด็ก เด็กก็เล่าให้พ่อแม่ฟัง พ่อแม่จึงนำเด็กไปหาหลวงพ่อแช่มหลวงพ่อแช่มกล่าวว่าลูกมึงบนสัปดนอย่างนี้ใครจะให้ปิดทองอย่างนั้นได้

    พ่อแม่เด็กต่างก็อ้อนวอนกลัวลูกจะตายเพราะไม่ได้แก้บน ในที่สุดหลวงพ่อแช่มคิดแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าได้โดยเอาไม้เท้านั่งทับสอดเข้าให้เด็กหญิงคนนั้นปิดทองที่ปลายไม้เท้า กลับบ้านอาการปวดท้องจุดเสียดก็หายไป ไม้เท้านั่งทับของหลวงพ่อแช่มอันนี้ยังคงมีอยู่ และใช้เป็นไม้สำหรับจี้เด็กๆ ที่เป็นไส้เลื่อน เป็นฝีเป็นปาน อาการเหล่านั้นก็หายไปหรือชงักการลุกลามต่อไป เป็นที่น่าประหลาด

    หลวงพ่อแช่มมรณภาพในปี พ.ศ.2451
    เมื่อมรณภาพ บรรดาศิษย์ได้ตรวจหาทรัพย์สินของหลวงพ่อแช่มปรากฏว่าหลวงพ่อแช่มมีเงินเหลือเพียง 50 เหรียญเท่านั้น ความทราบถึงบรรดาชาวบ้านปีนังและจังหวัดอื่นในมาเลเซีย ต่างก็นำเงิน เอาเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น มีข้าวสาร มีคนมาช่วยเหลือหลายเรือสำเภา งานศพของหลวงพ่อแช่มจัดได้ใหญ่โตมโหฬารที่สุดในจังหวัดภูเก็ต หรืออาจจะกล่าวได้ว่ามโหฬารที่สุดในภาคใต้ บารมีของหลวงพ่อแช่มก็มีมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2023
  17. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,982
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_4305.jpeg IMG_4306.jpeg

    เหรียญพระแก้ว วัดหลวงปรีชากูล จ.ปราจีนบุรี ปี 2515 พิธีพุทธาภิเษกพระคณาจารย์ ทั่วราชอาณาจักร 259 รูป อาธิเช่น หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน, หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี , หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม

    บูชา 1,*** บาท

    สร้างในวันเสาร์ที่ 4 มีนาคม 2515(เสาร์ห้า)โดยอาราธนาพระคณาจารย์จากจังหวัดต่างๆทั่วราชอาณาจักร 259 รูป พระ คณาจารย์สวดคาถาจุดเทียนชัยและเจริญพุทธมนต์จำนวน 109 รูป เป็นพระเกจิที่มีความเข้มขลังของเืมืองปราจีบุรีและจังหวัดต่างๆ ดังนี้

    หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี , หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม

    หลวงพ่อมิ่ง วัดกก , หลวงพ่อเส่ง วัดกัลยาณมิตร

    หลวงพ่อฑูรย์ วัดโพธิ์นิมิตร , หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช

    หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ , หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์ลพบุรี

    หลวงพ่อจุฬ วัดถ้ำคูหาสวรรค์ , หลวงพ่อโอด วัดจันเสน

    หลวงพ่อปี้ วัดลานหอย , พระครูบาวัง วัดบ้านเด่น

    หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง , หลวงพ่อสังข์ วัดกันตม

    พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร , หลวงพ่อสุข วัดโพธิ์ทรายทอง

    หลวงพ่อโด่ วัดนามะตูม , หลวงพ่อหอม วัดชากหมาก

    หลวงพ่อถิร วัดป่าเรไร , หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว

    หลวงพ่ออุตตมะ วัดวังก์วิเวการาม , หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี

    หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน , หลวงพ่อผิว วัดสง่างาม

    หลวงพ่อทอง วัดสระแก้ว

    ปู่สุข , อาจารย์ ฝั้น ฯลฯ


    พระสวดคาถาพุทธาภิเษก-สวดคาถาจักรพรรดิ์ตราธิราชและสวดภาวณา 12 รูป พระคณาจารย์สวดคาถาดับเทียนชัยและเจริญพระ
    พุทธมนต์ฉลอง 29 รูป โดยมีท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัต วัดพระเชตุพน เป็นองค์ประธานจุดเทียนชัย และฯพณฯจอมพลถนอมกิตติขจร เป็นประธานจุดเทียนชัยบูชาพระรัตนตรัย ท่านเจ้าคุณพระธรรมรัตนากร วัดมหาธาตุ เป็นประธานดับเทียนชัย ท่านพลตรี ศรีศักดิ์ ธรรนรักษ์ ผู้ว่าราชการปราจีนบุรี เป็นประธานบวงสรวงดวงพระวิญญาณสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

    พระอาจารย์ไสว สุมโน วัดราชนัดดา เป็นเจ้าพิธีฝ่ายสงฆ์ พระราชครูวามเทพมุนี ประธานพราหมณาจารย์แห่งประเทศไทย เป็นเจ้า พิธีฝ่ายพราหมณ์ จึงนับเป็นพิธีมหาพุทธาภิเษกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเมื่อประกอบพิธี และมีการฉลองสมโภช 5 วัน 5 คืน สร้างเพื่อหารายได้ สร้างอาคารศูนย์การเรียนการศึกษาคณะสงฆ์ปราจีนบุรี คุณเกษม มงคลเจริญ ช่างสร้างพระเครื่องชั้นหนึ่งของประเทศไทย เป็นผู้ออกแบบพระกริ่งและพระชัยสันติสุข เหรียญพระแก้ว พระ ผงสันติสุข เหรียญสันติสุข และออกแบบได้อย่างวิจิตรงดงามมาก

    ปกติจะพบเจอแต่พระผงและเหรียญยอดขุนพล สันติสุข เหรียญพระแก้ว ไม่ค่อยเจอ จึงนิยม มือใหญ่ๆหรือตู้บนห้างเปิดไม่ต่ำกว่า1500 ครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 สิงหาคม 2023
  18. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,982
    ค่าพลัง:
    +53,093
    ปิดครับ

    IMG_4184.jpeg IMG_4186.jpeg IMG_4185.jpeg

    เหรียญ ๖ รอบ หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ ปี2518

    เป็นเหรียญที่ออกแบบได้สวยงาม มากที่สุดรุ่นหนึ่ง จัดสร้างในคราวฉลองอายุครบ ๖ รอบ ในวันที่ ๒๘ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ ตรงกับวัน แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๑ ในวันนั้นใีการทำพิธี สรงน้ำ พระครูสุชัยบุญญาคม หลวงพ่อเชื้อ สุกกวัณโณ ด้วย
    ในพิธีมหาพุทธาภิเษก ได้นิมนต์พระอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน ๕ รูป 1ในนั้นคือหลวงพ่อกวย ร่วมพิธี หลังจากนั้น หลวงพ่อเชื้อ ได้ทำการปลุกเสกเดี่ยว อีกเป้นเวลา ๙ วัน ๙ คืน

    เหรียญ ๖ รอบนี้ เท่าที่พบมีเนื้อที่สร้างคือ เนื้อเงิน เนื้อนวะโลหะ เนื้อทองแดงผิวไฟ และเนื้อทองแดงรมดำ

    เป็นเหรียญที่มีผุ้นำไปบูชาแล้วเกิดประสบการณ์ ตั้งแต่แรก ๆ มีผู้นำไปทดลองยิง แล้วก็ยิงไม่ออก หากมองในเรื่องของราคา วันนี้ยังราคาถูกมากนัก มีโอกาสสูงมากที่ราคาจะไปไกลกว่านี้ครับผม

    หลวงพ่อเชื้อ วัดใหม่บำเพ็ญบุญ ชัยนาท จริงๆแล้วหลวงพ่อเชื้อ เป็นพระเกจิรุ่นเดียวกับหลวงพ่อกวย แต่ชื่อเสียงหลวงพ่อเชื้อ จะโด่งดังมากกว่าในช่วงก่อนปี 2520 หลวงพ่อเชื้อ เป็นพระที่มีเมตตาสูงมาก ในเรื่องวิทยาคมท่านก็ไม่เป็นรองใครในสมัยนั้น เนื่องจากวัตถุมงคลของหลวงพ่อเชื้อ สร้างจำนวนไม่ค่อยมากนักน่าสะสม

    เหรียญนี้เก่าเก่า รับประกันสากล

    บูชา 1,500 บาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 สิงหาคม 2023
  19. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,982
    ค่าพลัง:
    +53,093
    IMG_4156.jpeg IMG_4157.jpeg

    พระผงเกศาปางปฐมเทศนา บรรจุกริ่ง สำนักสงฆ์ธุดงค์สถาน น้ำตกกะอาง จ.นครนายก ปี16

    พระอาจารย์ฝั้น อธิษฐานจิต องค์นี้ทาทองเดิม หายาก ด้านหลังเกศาชัดเจน

    ทางวัดโดยพระอาจารย์จำรัส ฐิติจาโค เจ้าอาวาสสมัยนั้น ได้หาปัจจัยสร้างพระพุทธชินราชองค์ใหญ่ ในช่วงประมาณปี ๒๕๑๓ ถึง ๒๕๑๗ มวลสารผสมเกศาพ่อแม่ครูอาจารย์หลายรูปและได้นิมนต์พระอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐานมาหลายองค์หนึ่งในนั้นคือ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
    มีพระที่มาจากวัดถ้ำขาม มาถามหาพระที่ตกค้างจากทางวัดเพื่อจะขอไปบูชา ท่านเจ้าอาวาสบอกว่าไม่มีแล้ว เพราะเคยเห็นพระผงรุ่นนี้อยู่ในย่ามท่านพระอาจารย์ฝั้น

    บูชา 2,800 บาท
     
  20. tee_tores

    tee_tores กะยิราเจ กะยิราเถนัง สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    18,982
    ค่าพลัง:
    +53,093
    IMG_4161.jpeg IMG_4162.jpeg

    บูชา 5,500 บาท

    เหรียญหลวงปู่เผือก วัดสาลีโข รุ่นสอง

    ปี พ.ศ.2514 หลวงปู่เผือก พระปรมาจารย์แห่งวัดสาลีโขภิตาราม ได้คำนวณฤกษ์เห็นควรประกอบมหาพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ยิ่งยวด สืบเนื่องมาแต่ “มหาฤกษ์” ที่ยากจะเกิดขึ้นในแต่ละคราว นั่นคือ ฤกษ์มหาจักรจตุรงคสันนิบาต” อันได้แก่ ดาวจันทร์ ดาวพฤหัส ดาวเสาร์ และดาวราหู ต่างเคลื่อนเข้าสถิตอยู่ในองค์เกณท์ราศีอันเป็น “มหาจักร” แห่งตน และจะปรากฎถึง 4 วาระด้วยกันตลอดไตรมาสพรรษาปี 2514 ซึ่งเหตุการณ์นี้ ทุก 200 ปีจะเกิดมีขึ้นครั้งหนึ่ง วาระมหามงคลที่จะ ถึงนั้น บรรดาผู้รู้ทั้งหลายไม่อาจปล่อยให้หลุดลอยได้ หลวงพ่อสาลีโขจึงกำหนดการจัดสร้างวัตถุมงคลขึ้นเป็นจำนวนมาก เพื่อให้สมเวลาที่รอคอย ทั้งยังปรารถนาให้เป็น “ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต” ของท่านทีเดียว การสร้างอิทธิวัตถุของหลวงพ่อสาลีโขนั้นไม่เลยแม้สัก ครั้งเดียวที่จะใช้โลหะเปล่า ท่านเพียรพยายามยิ่งในการจารอักขระเลขยันต์สำคัญครอบคลุมสรรพวิชาทั้งมวลลง ในแผ่นโลหะ เน้นหนักในทุกๆสายวิชาทั้งคงกระพัน มหาอุด ชาตรี กำบังตน มหาลาภ มหานิยม เมตตา แคล้วคลาด กันภัยกันคุณไสย กันภูตผี วิชาเหล่านี้ท่าน เพียรจารเสกเป่า แต่ละอักขระแต่ละพระยันต์ ท่านจะบรรจงเขียนอย่างสวยงาม ปลุกเสกและลงถม นำไปหลอมเอามาลงใหม่ ซับซ้อนเช่นนี้อย่างน้อย ถึง 3 วาระด้วยกัน กระทั่งคราวหลอมเพื่อรีดปั๊มเหรียญ ช่างถึงกับตะลึงเมื่อแผ่นทองวิ่งวนอยู่ในเบ้าหลอม ไม่ยอมละลาย ได้ตักเก็บไว้เป็นหลักฐานจำนวนหลายสิบแผ่น แผ่นทองชนวนนับสิบกิโล แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริง และวิริยะอุตสาหะ อันหาได้ยากในพระอาจารย์สมัยปัจจุบัน ไม่ควรแปลกใจเลยที่บังเกิดปาฏิหาริย์แผ่นทองไม่ละลายเพราะ “ปราณ” ที่ท่านเป่าประจุย่อมสถิตแนบแน่นอยู่ในทุกอณูแผ่นทอง จนโลหะธาตุธรรมชาติทั้งมวลถูกแปรสภาพเป็น “ธาตุสำเร็จ” จากการตั้งธาตุ ปรุงธาตุ และหนุนธาตุทั้ง 4 ขึ้นมาจากจิตที่ทรงอภิญญา เฉพาะ “เตโชกสิณ” นั้น ท่านเชี่ยวชาญถึงขีดสุด มงคล วัตถุที่สร้างประกอบด้วย พระพุทธรูปสุโขทัย หน้านาง ขนาด 9 และ 5 นิ้ว พระพุทธนาคปรก ขนาด 9, 5 นิ้ว, พระสังกัจจายน์ ขนาด 9 นิ้ว, รูปหล่อหลวงปู่เผือก ขนาด 9 , 5 นิ้ว , พระนาคปรกแขวนคอ, รูปหล่อหลวงปู่เผือกขนาดแขวนคอ, เหรียญหลวงปู่เผือก รุ่น 2 พิมพ์ใหญ่ – เล็ก, เหรียญรูปเหมือนหลวงพ่อสาลีโข รุ่น 2 ชนวนมวลสารทั้งหมดถูกนำมาประกอบพิธีปลุกเสกในวันพฤหัสบดีที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2514 เวลา 18.00 น. โดยพระคณาจารย์มากมาย มีหลวงปู่เผือกประทับทรง หลวงพ่อสาลีโขเป็นประธาน เมื่อแล้วเสร็จได้จุณเจิมสรรพวัสดุด้วยกระแจะหอม และสวดหนุนด้วยพระพุทธมนต์พิเศษ คือ บทยานี , บทภาณวาร , บทคาถาพัน และอิติปิโสรัตนมาลา ก่อนจะนำแผ่นโลหะทั้งปวงมาหล่อหลอมเป็นชนวนสัมฤทธิ์เพื่อนำไปสร้างเป็นองค์ พระต่อไป วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2514 เวลา 10.08 น. เป็นกำหนดจุดเทียนชัยในพิธีเททอง และเริ่มทำพิธีพุทธาภิเษก วันนี้หลวงพ่อสาลีโขถือเป็นวันสำคัญที่สุดของงาน เพราะเป็นการเชิญชนวนสัมฤทธิ์เข้าสู่เบ้าหลอมหล่อรวมกับโลหะมงคลอื่นๆ แล้วเททองลงหุ่นให้สำเร็จเป็นองค์พระ จากนั้นจึงประพรมน้ำพระพุทธมนต์ยังเบ้าหลอม ครั้นทุบหุ่นดินออกก็ อัญเชิญพระปฏิมาลงชุบน้ำศักดิ์สิทธ์จากสถานที่สำคัญเช่น น้ำสรงพระบรมธาตุ , น้ำเมืองเพชร, น้ำสระแก้ว, น้ำบ้านบางปืน ฯลฯ แล้วอัญเชิญขึ้นประดิษฐานในพานเชิงใบใหญ่เคล้าคละประโปรบด้วยเครื่องหอม กระแจะจันทน์ พร้อมด้วยการเรียกสูตรตั้งนามให้เป็นสิริ ท่ามกลางพิธีมหาพุทธปรมาภิเษก พระมหานาคทั้งสี่เจริญบทมหาจักรพรรดิราช และบทพุทธาภิเษก โดยมีรายนามพระมหาเถระผู้ทรงรัตตัญญู ภาพเข้าร่วมพิธี ดังนี้ 1. พระภัทรมุกมุนี (ชิต) วัดเขาเต่า ประจวบคีรีขันธ์ 2. หลวงพ่อถิร วัดป่าเลไลย สุพรรณบุรี 3. หลวงพ่อกุหลาบ วัดใหญ่สว่างอารมณ์ นนทบุรี 4. หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ธนบุรี 5. หลวงพ่อเจริญ วัดทองนพคุณ เพชรบุรี 6. พระครูประกาศสมาธิคุณ วัดมหาธาตุ พระนคร 7. หลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู ลพบุรี 8. หลวงพ่อโอด วัดจันเสน นครสวรรค์ 9. หลวงปู่ผาง วัดอุดมคงคาคีรีเขต ขอนแก่น 10. หลวงพ่อเทียม วัดกษัตราธิราช พระนครศรีอยุธยา 11. หลวงพ่อมิ วัดสิงห์ ธนบุรี 12. หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จันทบุรี 13. หลวงพ่อปี้ วัดด่านลานหอย สุโขทัย 14. หลวงพ่อวัดปากคลองมะขามเฒ่า ชัยนาท 15. หลวงพ่อทบ วัดชนแดน เพชรบูรณ์ 16. หลวงพ่อชื่น วัดตำหนักเหนือ นนทบุรี 17. พระครูเมธีวรานุวัตร วัดมหาธาตุ พระนคร 18. หลวงพ่อกี๋ วัดหูช้าง นนทบุรี 19. หลวงพ่อจัน วัดสระเกษ พระนคร 20. หลวงพ่อสั้น วัดท่าอิฐ นนทบุรี 21. หลวงพ่อนอ วัดกลางท่าเรือ พระนครศรีอยุธยา 22. หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี สมุทรสงคราม 23. หลวงพ่อจันทร์ วัดโสธรวราราม ฉะเชิงเทรา 24. หลวงปู่เส็ง วัดกัลยาณมิตร ธนบุรี 25. หลวงพ่อทองสุข วัดสะพานสูง นนทบุรี วัน พฤหัสบดีที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2514 เวลา 16.00 น. พิธีมหามงคลสรงองค์พระให้สำเร็จเป็น “พระเครื่อง” โดยบริสุทธิ์บริบูรณ์ ปราศจากมลทินโทษใดๆ พระคณาจารย์ในงานเจริญบทมงคลจักรวาล , ชัยมงคลคาถา และทิพยมนต์ วันอาทิตย์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ.2514 เวลา 09.00 น. ตรงกับวันมหาจักรจตุรงคสันนิบาตวันสุดท้าย เป็นวาระนัดผู้สั่งจองอิทธิวัตถุให้มารับการประสิทธิเมจากมือหลวงพ่อสาลีโข ด้วยตนเองจนถ้วนทั่วทุกตัว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2023

แชร์หน้านี้

Loading...