พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

อ่า พรายยังไม่ได้กระซิบมา เดี๋ยวรอพรายกระซิบมาก่อน เหอๆๆๆ


.

 

โมทนาสาธุทุกประการครับท่านเลขาฯ

ผมร่วมทุกด้วยทุกกรณีครับ

 

<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 21 คน ( เป็นสมาชิก 4 คน และ บุคคลทั่วไป 17 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>แหน่ง, chantasakuldecha, sithiphong+, nongnooo </TD></TR></TBODY></TABLE>

สวัสดีตอนเย็นๆๆ ครับทุกๆๆท่าน

 

สวัสดีครับ อย่าหายไปนานนัก เพื่อนๆคิดถึง

 

5555555ช่วงนี้ไม่ต้อง สนใจแดง เหลือง เขียว หรอกครับตามมากๆปวดหัวเชื่อผมสุดท้ายก็ออกมาแบบงงๆ คือผมสรุปว่าปัจจัยภายในมีผล แต่สู้ข้างนอกไม่ได้ครับ คาดว่าจะเป็นที่ยุโรปแล้วครับ ติดตามให้ดีๆขนาด บริษัท รอยัล ดัชต์ แชล (น้ำมันแชล์) ยังมีผลกำไรลดลงมากเลยครับ ต้องตามกิจการสถาบันการเงินในยุโรป ครับ ส่วนเรื่องหุ้นตอนนี้ลืมว่ามีตลาดไปก่อนเลยครับ หุ หุ

 

พรายกระซิบบอกก่อนตั้ง 2 อาทิตย์ว่า มันจะลงหนัก คนก็ยังเมามันไปซื้อเห็นถูก วันนี้มีถูกกว่าเมื่อ 2 อาทิตย์ ผมก็นำเมนูหมูกรอบไม่ใช้น้ำมันทอด(ไม่ติดกระแส ความคุ้นเคย) ทั้งกุนเชียงหมู(ไม่ต้องง้อใคร)มาเสริฟกันถึงที่ ก็ยังงั้นๆกัน ช่วงนี้ถึงกินหมูรอก่อนครับ ปล่อยให้คนขายหมูกันไป พวกเราก็รอกินหมูราคาถูกดีฝ่า...อิ..อิ..

 

ขอไฟเขียวด้วยค้าบ รถติดมาก.........

 

พบกันวันจันทร์ครับ

เครื่องยังไม่ได้ซ่อมเลยครับ


.

 

อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง...

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ onez
ไม่รู้ว่าจะขอบคุณหรือต่อว่าดี ที่โฆษณาให้นะคะ
ฉันคือหลานนายอิ้ว ที่ร้านกุนเชียงสิงห์บุรีเอง
กุนเขียงหมูที่ร้านเราขาย โลละ 220 บาทนะคะ
ส่วนกุนเชียงปลานั้น 200 บาท คะ และอากง(นายอิ้ว)ไม่มีพี่ชายนะคะ
มีแต่น้องชายที่เป็นผู้พิพากษาเท่านั้นคะ
เพราะงั้นถ้าจะโฆษณาไรก็ช่วยเก็บข้อมูลให้ถูกต้องด้วยนะคะ
และก็ไอ้ราคา 250 นั้น เราไม่ทราบว่าคุณไปหาซื้อที่ไหน
แต่ทางร้านเราก็ขายตามปกติอย่างที่บอกนั้นแหละคะ

ปล.ขอบคุณที่โฆษณาให้อย่างดีเลยนะคะ
</TD></TR></TBODY></TABLE>
ไม่เพียงสินค้านี้นะครับที่ผมนำเสนอทั้งมุมดี และไม่ดี ผู้บริโภคตัดสินกันเอาเอง อย่างร้านก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่"ชลธิชา" ผมก็บอกว่า ไม่อร่อย ทำไหม้ ถ่ายภาพมาให้เห็นว่าไหม้ยังไง ให้เด็กในร้านทำ รสชาดไม่เหมือนเจ้าของทำเอง หลายแหล่งก็ว่าอร่อย ผู้ว่าไม่อร่อยก็มีครับ การนำเสนอจึงต้อง 2 ด้าน นิสัยของผมก็เหมือนอากงคุณนั่นแหละ ที่ไม่ชอบง้อใคร และไม่แคร์ใครด้วยครับ

ดีแล้วครับที่เข้ามาชี้แจง และแนะนำสาระมีประโยชน์กับผู้บริโภค และผู้ที่กำลังคิดที่จะบริโภค ข้อมูลที่ได้รับจะได้ถูกต้องหลากหลาย ผมก็ไม่รู้สึกว่าจะเสียหน้าตรงไหน เพราะอย่างน้อยในบอร์ดแนะนำอาหารการกินก็มีน้อยคนที่จะรู้จักชื่อนายอิ้ว แซ่ตั้ง ก็จะได้เป็นที่รู้จักกันไปเลย และอย่างน้อยที่สุดก็มีผู้สนใจหาซื้อกุนเชียงของตระกูลตั้งแล้วครับ เพียงแต่ว่า ผมขอแยกประเด็นเอาไว้เป็นข้อๆดังนี้ครับ..

ข้อที่ 1 กุนเชียงของ"ตระกูลตั้ง" หากคนในตระกูลที่ได้แยกตัวไปทำธุรกิจกุนเชียงต่างหากจากนายอิ้วแล้ว หากยังคิดจะใช้ยี่ห้อ ของอากง อาเตี่ยอยู่ ก็ควรจะผลิตกุนเชียงเลิศรสให้มีมาตรฐานเดียวกัน ถูกต้องไม๊ครับ? ไม่ใช่เปิดมาหลายร้าน แต่มีรสชาดต่างกันทุกร้านไม่เหมือนต้นตำรับ แต่ยังไม่ยอมทิ้งชื่อที่มีคำว่า"นายอิ้ว แซ่ตั้ง"อยู่ ก็จะทำให้ผู้บริโภคเข้าใจผิดคิดว่า มีคุณภาพเหมือนกัน แต่แท้จริงไม่ใช่ อันนี้อันตรายครับ หากไม่เช่นนั้น ก็ควรจะหันกลับไปใช้ยี่ห้อของตนเองที่ไม่อ้างอิงกับบรรพบุรุษ หรือต้นตำรับของตระกูลจะดีที่สุดครับ...

ข้อที่ 2 ข้อมูลเรื่องพี่ชายของนายอิ้วชื่อนายฮ...เป็นคุณแดง ผู้รับจำหน่ายให้อากงคุณที่ตลาดอ.ต.ก เป็นผู้บอกเล่าให้กับทราบเองครับ เธอกล่าวว่าเธอเป็นคนสิงห์บุรี รู้จักกับนายอิ้วเป็นอย่างดี ก็ชื่นชมกุนเชียงของอากงคุณว่ามีคุณภาพดีมาก

ข้อที่ 3 กุนเชียงที่คุณแดงเธอขายที่ตลาดอ.ต.ก. เธอตั้งราคาขายไว้ที่ ก.ก.ละ 250 บาท ผมคิดว่าระยะทางจากกรุงเทพไปสิงห์บุรี ก็น่าจะราวๆ 175-190 ก.ม.อยู่ที่ว่าจะไปวิ่งเส้นตรง หรือเส้นอ้อม เธอก็คงต้องบวกค่าน้ำมัน ค่าขนส่งเข้าไปด้วย เพราะสาขาในกรุงเทพมีเพียง 2 แห่ง ราคาที่จำหน่ายในกรุงเทพก็ที่อ.ต.ก. ก็คือราคา 250 บาท ต่อก.ก. ส่วนที่เซ็นหลุยส์ซอย 3 นั้น ผมไม่เคยไป เลยไม่ทราบว่าราคาเท่าไหร่ หากคุณกล่าวเช่นนี้แสดงว่า ราคาที่เซ็นหลุยส์ก็อาจจะต่างจากราคา 220 บาท หรือ 250 บาทครับ ผู้รับจำหน่ายเขาก็คงจะประเมินจากกำลังซื้อของคนในย่านนั้นอยู่แล้ว แต่เนื่องจากเป็นสินค้าที่ไม่มีผู้คนสนใจมาก ราคาต่างกัน 20-30 บาทก็ไม่มีผู้ใดติดใจเรียกร้องต่างหาก อีกอย่างหากเขาต้องการราคา 220 บาท ครั้นจะไปซื้อถึงร้านต้นตำรับก็ไม่คุ้มค่าน้ำมัน หากเรื่องราวนี้มีผู้คนสนใจมาก ก็คงจะมีผู้รับจำหน่ายมาก การตัดราคาก็จะตามมาเอง หาซื้อได้ง่าย ยิ่งเป็นประโยชนืกับผู้บริโภคครับ..

ยังมีข้อมูลอีกมากที่คุณแดงเธอได้กล่าวไว้ ผมไม่สามารถพิมพ์ในกระทู้แนะนำอาหารการกิน เอาเป็นว่า หากทราบดีจากลูกค้า จากผู้ช่วยจำหน่ายกุนเชียงที่รับเสียงสะท้อนจากลูกค้าที่เสียเงินบริโภคมา ก็เป็นหน้าที่ที่ทางร้านที่ผลิต และจัดจำหน่ายนับแต่ร้านนายอิ้ว ลงมาตลอดจนร้านของลูก ของหลาน ของเหลน ของโหลน หากยังมีชื่อยี่ห้อคำว่า"นายอิ้ว แซ่ตั้ง" ที่ใช้อ้างอิง ชวนให้ลูกค้าเชื่อว่ามีคุณภาพดีเหมือนของนายอิ้ว จริงๆ และต้องมีคุณภาพดีจริงๆเท่านั้นครับ จึงจะใช้คำนี้ได้อย่างสมความภาคภูมิ กรณีอื่นนั้นไม่สามารถอ้างอิงได้ครับ ผมขอยืนยัน

ท้ายนี้คุณควรจะขอบคุณผมจะดีที่สุดครับ การต่อว่าผมอาจจะไม่เกิดประโยชน์ประการใด เพราะถือว่าผมเป็นเสียงสะท้อนหนึ่งของผู้บริโภคกุนเชียงตระกูลตั้งคนหนึ่งที่อุดหนุนสินค้าของตระกูลตั้ง ย่อมมีสิทธิ์ในกรอบที่จะออกความเห็น ส่วนความเห็นไหนที่ขัดจากความจริงก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ เพราะได้รับสื่อมาอย่างไรก็สื่อไปตามนั้น ทั้งนี้ต้องเป็นข้อมูลที่เปิดเผย ผมจึงจะสามารถสอบยันได้ หากเป็นข้อมูลปิด เป็นข้อมูลที่ทราบกันในเฉพาะครอบครัว เช่นนายอิ้วมีลูกกี่คน ชื่ออะไรบ้าง อายุเท่าไหร่ เป็นชายกี่คน เป็นหญิงกี่คน ทำอาชีพอะไรกันบ้าง ผมก็ไม่ทราบจะไปสอบถาม สอบยัน สอบทาน เอาจากผู้ใด และจะไปตามหาลูกหลานคนตระกูลตั้งมาสอบถามก็ไม่สามารถจะหาพบได้ว่า พี่ชายชื่อนายฮ. หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่าว่าแต่ตามหาลูกหลานนายอิ้วเลยครับ ลำพังแค่จะตามหากุนเชียงของนายอิ้วในกรุงเทพก็ยังยากเลยครับ

และที่กล่าวว่า "โฆษณา" อันนี้เห็นจะไม่ถูกต้องครับ เพราะผมไม่ได้รับค่าจ้างโฆษณาจากผู้ใด เรียกว่าแนะนำจะเหมาะสมที่สุด

หลักการค้าที่ชาวจีนโพ้นทะเลที่มาตั้งรกรากยังแผ่นดินไทยที่ใช้กันตราบเท่าทุกวันนี้ ก็คือ

เสียงสะท้อนจากลูกค้า คือเสียงของพระเจ้า...<!-- google_ad_section_end -->
<FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>


</FIELDSET>

 

เรื่องหมูๆชักจะไม่หมูซะแล้ว หุหุุหุ

 

55555 ของตาย กับของเป็นมันต่างกัน ของเป็นมันดิ้นได้ ของตายมันนิ่งเป็นใบ้ ทั้งหมูกรอบ และกุนเชียงหมูต่างเป็นหมูตาย หนีความจริงไม่พ้นครับ จับหมูในอวยจึงง่ายกว่าจับหมูในเล้า ไม่ยากอย่างที่คิด มาจับกันมะ.....

 

ต้องการพระวังหน้า

ต้องการพระวังหน้า ติดต่อยังไงคับ ราคาเท่าไรติดต่อ megasofts@gmail.com tel.0811504131

 

วันนี้มีหนังสือมาแนะนำสำหรับผู้ที่สนใจ จากลายร่างเป็นแร้งครับ เขียนโดย jeff cooper สายพันธุ์แร้ง มะกันครับ ลุงข้างบ้านก็กำลังรอหนังสือเล่มนี้ครับคาดว่า อาทิตย์หน้าคงได้รับ จะได้เป็นแร้งกะเค้าบ้างครับ หุ หุ

 

นี้ก้อีกเล่มครับ หนังสือชื่อ "โดนแล้ววิ่ง" มี2เล่มครับ ตาลุงแกอ่านมานานหลายปีตั้งแต่พิมพ์เมื่อ2004 แล้วครับ หุ หุ

 

พูดถึงก็มาเลยครับ หุ หุ (ของแท้ต้องมี dell)

 

2 เล่มนี้นี่เหรอที่เรียกว่า "คัมภีร์แร้งกินรวบ" คัมภีร์ hit&run นี่น่าจะแปลเป็นไทยว่า "ต๊อดแล้วชิ่ง" หรือเปล่าครับ

ตาลุงนี่ไม่ธรรมดาครับ สงสัยจบนอก แล้วมีรสนิยมชอบของเก่า สะสมของเก่า โดยเฉพาะพระเนื้อดิน หุ...หุ...

 

เมื่อวานเป็นวันที่แปลกมาครับ ในชม.เภสัชช่วงเช้าพี่ไฟดูด (ขออนุญาตพี่ไฟดูดนะครับ พี่เขาเข้ามาอ่านทุกวัน แต่ไม่ยอม post) ก็ได้โทรเข้ามาสอบถามความเป็นไปของหัวว่านเหล้กไหลนี้ และยังบอกว่า พระอาจารย์ไพโรจน์ เจ้าอาวาสวัดห้วยมงคลก็ยังขาดว่านชนิดนี้อยู่ ก็ได้สอบถามถึงที่มาที่ไป ก็ได้เล่าให้พี่เขาฟังอย่างละเอียดว่าไปพบมายังไง

ชม.เภสัชช่วงบ่าย ได้เรียนเรื่องขนานยาสามัญประจำบ้าน ในส่วนผสมมีขนานหนึ่งมีว่านเป็นส่วนผสม ก็เลยมีผู้สอบถามเรื่องของว่านมากมาย ก็เลยได้สอบถามเรื่องของว่านเหล็กไหลไปด้วย ก็ปรากฎว่า อาจารย์ผู้สอนไม่ทราบ และบอกว่าไม่มี มีแต่เหล็กไหล ก็เป็นสัจจธรรมให้เราได้รู้ว่า องค์ความรู้เรียนไม่มีวันจบจริงๆ ขนาดอาจารย์ผมท่านนี้ท่านก็เก่งมากๆครับ ก็ยังไม่ทราบว่ามีว่านชนิดนี้อยู่..

เรื่องราวทุกเรื่อง หากมีความสนใจ และศรัทธาในหลักวิชาจริงๆ ย่อมมีหนทาง และกระแสพาเราไปพบผู้รู้แก่นแห่งวิชาได้เอง การที่ผมไปพบเรื่องราวนี้ในเดือนตุลาคม และได้มาพบหัวว่านเหล็กไหลเมื่อวานซืนก็เหมือนสื่อพาไปให้ได้พบ ให้ได้เห็น การพบพระเครื่องเก่าโบราณ ตำราเก่าโบราณ ศาสตร์โบราณทุกครั้งก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ดังนั้นผมไม่เคย"สงสัย"ในเรื่องราวเหล่านี้ ยิ่งเกิดความเชื่อแบบไม่สงสัย ยิ่งจะได้พบ หากอ่านตำรา"พลังจิตใต้สำนึก" ของ Joseph murphy ก็จะเข้าใจเรื่องแบบนี้ได้อย่างไม่ยากนัก ท่านเจ้าคุณนรรัตนราชมานิตก็ยังเขียนตำราชื่อศาสตร์แห่งลมหายใจไว้ ท่านที่สนใจก็ลองหาอ่านเอานะครับ..

ผมได้ลองค้นข้อมูล ก็พบท่านผู้รู้ คือท่านส.เปลี่ยนศรี ผู้ที่ผมได้พบเรื่องราวของว่านครั้งแรกในหนังสือเก่า..

ชื่อ รักษาโรคด้วยยาสมุนไพรของพระครูวิทิตวรเวช
บุคคล/กลุ่มบุคคล
พระครูวิทิตวรเวช นามเดิม สละ เปลี่ยนศรี เกิดเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2470 ที่ ต.แพงพวย อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี อุปสมบทครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2495 ที่วัดสัตตนารถปริวัตรและได้ลาสิกขาบทในปีเดียวกัน อุปสมบทครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2516 ที่วัดศรีชมภู การศึกษาด้านปริยัติธรรม สอบได้นักธรรมเอก เมื่อ พ.ศ. 2525 มีผลงานที่เป็นที่รู้จักในด้านการเขียนเรื่องว่านและตอบปัญหายาสมุนไพร หนังสือพิมพ์รวมไทย , หนังสือพิมพ์ศรีเมือง นิตยสารศรีสุทัศน์ในวัดสุทัศนเทพวราราม โดยใช้นามปากกา ส.เปลี่ยนศรี , นายพริ้มเพรา , นายประโดก ส.ณจุฬา , ส.ทักษิณากร
องค์ความรู้
พระครูวิทิตวรเวชเดิมมีความสนใจเรื่องของยาสมุนไพรชอบศึกษาค้นคว้าเมื่อได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดท่าราบ จึงได้เริ่มค้นคว้าหาสมุดข่อย ตำรายาสมุนไพรจากแหล่งต่าง ๆ มาทำการแปลแล้วนำสูตรยามาเปรียบเทียบและปรับปรุงให้เหมาะกับโรคในปัจจุบัน โดยรักษาตามอาการของผู้ป่วยและยังพบปัญหาการหมดอายุของตัวยาสมุนไพรในการนำสูตรยาไปเจียดตามร้านยาสมุนไพรต่าง ๆ แล้วนำมารับประทานไม่หายจากอาการเจ็บป่วยจึงได้ตั้งชมรมยาสมุนไพรเพื่อแลกเปลี่ยนตัวยาที่มีความสดคุณภาพดี นอกจากนี้ยังได้มีโครงการในพระราชดำริเรื่องยาสมุนไพร ทำการเปิดโรงเรียนสอนแพทย์แผนไทยที่วัดท่าราบ เนื่องจากเมื่อก่อนหมอยาสมุนไพรเจียดยารักษาแล้วมีความผิด เนื่องจากไม่มีใบอนุญาตในการรักษาโรคจึงเปิดทำการสอนเพื่อนำความรู้ไปสอบเป็นแพทย์แผนไทยประจำโรงพยาบาลต่าง ๆ และตามร้านยาสมุนไพรทั่วไป
ประโยชน์
ยาสมุนไพรเป็นตัวยาที่ได้จากพืชเป็นส่วนใหญ่จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ป่วยดังเช่นยาแผนปัจจุบันทั่วๆไป อีกทั้งยังเป็นตัวยาที่สามารถหาได้ง่ายมีอยู่ทั่วไป และยังมีราคาถูก ผู้ป่วยสามารถที่จะรักษาได้ถึงแม้จะมีเงินน้อย
http://kanchanapisek.or.th/oncc-cgi/text.cgi?no=18305

ศาสตร์แผนแพทย์ไทยวัดท่าราบ




วัดท่าราบเป็นวัดเก่าแก่สมัยต้นรัตนโกสินทร์มีอายุกว่า 100 ปี อยู่ในเขตพื้นที่ตำบลบางแพ อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี โดยมีอุโบสถเก่า เป็นถาวรวัตถุที่ความสำคัญทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์ท้องถิ่น วัดท่าราบแห่งนี้นอกจากเป็นศูนย์กลางทางพุทธศาสนา ศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน วัดท่าราบยังเป็นศูนย์ชมรมแพทย์แผนไทย โดยพระครูวิฑิตวรเวช หรือหลวงปู่อินทร์ อดีตเจ้าอาวาส ท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรและการแพทย์แผนไทย และได้เผยแพร่ความรู้ในศาสตร์แขนงนี้ทางหนังสือต่าง ๆ ในนาม ส.เปลี่ยนศรี พร้อมได้ก่อตั้งชมรมแพทย์แผนไทยขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2534 เมื่อท่านมรณภาพ ศิษยานุศิษย์ได้สร้างรูปหล่อของท่านและประดิษฐานไว้ที่วิหาร เพื่อให้พุทธศาสนิกชนได้สักการะกราบไหว้ และศาสตร์ด้านหมอพื้นบ้าน หรือแพทย์แผนไทย ที่หลวงปู่อินทร์คงได้รับการสืบทอดอนุรักษ์ภูมิปัญญาของทางการแพทย์แผนไทยมาจนถึงปัจจุบัน


ภาพ/เรื่อง : วัฒนา อ่วมเนตร 15 ส.ค.50
ที่นี่..ราชบุรี: ศาสตร์แผนแพทย์ไทยวัดท่าราบ

 

ก็แพงอยู่นะครับ ผมว่าประมาณค่าเป็นราคาค่อนข้างยาก
ศูนย์หลายตัวนะครับประมาณหกเจ็ดตัวครับ

 

สวัสดีท่านพี่ หายไปน๊าน..นาน! สบายดีครับ