ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

เย ธัมมา เหตุปปะภะวา
เตสัง เหตุง ตถาคะโต
เตสัญจะ โย นิโรโธ จะ
เอวัง วาที มหาสมโณ

สิ่งเหล่าใดเกิดแต่เหตุ
พระตถาคต (พระพุทธเจ้า) ได้ตรัสเหตุของสิ่งเหล่านั้น
รวมทั้งความดับของสิ่งเหล่านั้นด้วย
พระมหาสมณะได้ตรัสไว้อย่างนี้ ​

​

 

ความสำคัญของพระไตรปิฎก
(ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ตำรา แต่เป็นที่รวมคำสอนของพระพุทธเจ้า)


​

ก่อนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะดับขันธปรินิพพาน พระอานนท์ทูลถามพระองค์ว่า “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หลังจากพระองค์ปรินิพพานแล้ว พระองค์จะทรงตั้งใครเป็นศาสดาแทนพระเจ้าข้า”

พระพุทธเจ้าตรัสตอบเป็นภาษาบาลีว่า “โย โว อานนฺท มยา ธมฺโม จ วินโย จ เทสิโต ปญฺญตฺโต โส โว มมจฺจเยน สตฺถา”

แปลว่า. ดูก่อนอานนท์ ธรรมและวินัยใดที่เรา ได้แสดงแล้วและบัญญัติแล้วแก่เธอทั้งหลาย ธรรมและวินัยนั้น จักเป็นศาสดาของเธอทั้งหลาย ในเมื่อเราล่วงลับไป

หมายความว่า พระพุทธเจ้าตรัสสั่ง ให้คำสั่งสอนของพระองค์ เป็นศาสดาแทนพระองค์

หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ๓ เดือน พระอรหันตสาวก ๕๐๐ รูป นำโดยพระมหากัสสปะเถระได้ร่วมกัน ประชุมทำสังคายนา คือ ดำเนินการรวบรวมพระดำรัสของ พระพุทธเจ้า จัดเป็นหมวดหมู่ คัมภีร์ที่รวบรวมพุทธพจน์ บรรจุพระธรรมวินัยนั้นไว้ เรียกว่า พระไตรปิฎก

ในตอนต้นครั้งพุทธกาล คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามิได้เรียกว่า “พระไตรปิฎก” แต่เรียกว่าพระธรรมวินัยบ้าง พระสัทธรรมบ้าง ปาพจน์บ้าง สัตถุศาสน์บ้าง พระ บาลีบ้าง สุตตะบ้าง แม้หลังพุทธปรินิพพานก็ยังไม่เรียกว่าพระไตรปิฎก คงเรียก ว่าพระธรรมวินัย เช่น การสังคายนาชำระคำสอน ครั้งที่ ๑-๔ ยังคงเรียกว่าสังคายนา พระธรรมวินัย และได้เรียกว่า “พระไตรปิฎก” เมื่อการสังคายนาครั้งที่ ๕ พ.ศ. ๔๕๐ ณ ประเทศศรีลังกา โดยได้จารึกลงในใบลาน ซึ่งได้แบ่งพระธรรมวินัยเป็น ๓ หมวด จึงได้เรียกว่า “พระไตรปิฎก” ตั้งแต่บัดนั้น

พระไตรปิฎกมีความสำคัญดังนี้

๑. เป็นที่รวบรวมพระพุทธพจน์ คือ พระดำรัสของพระพุทธเจ้า

๒. เป็นที่สถิตของพระศาสดาของพุทธศาสนิกชน เพราะเป็นที่บรรจุพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ให้ เป็นศาสดาแทนพระองค์

๓. เป็นแหล่งต้นเดิมของคำสั่งสอนในพุทธศาสนา

๔. เป็นหลักฐานอ้างอิงหรือยืนยันหลักการที่กล่าว ว่า เป็นพระพุทธศาสนา

๕. เป็นมาตฐานตรวจสอบความเชื่อและข้อปฏิบัติ ในพระพุทธศาสนา จะวินิจฉัยสิ่งใดว่าถูกต้องหรือผิดพลาด เป็นพระพุทธศาสนาหรือไม่ ก็โดยอาศัยพระธรรมวินัยที่มีมาในพระไตรปิฎกเป็นเครื่องตัดสิน

๖. พระไตรปิฎกเป็นคัมภีร์ที่น่าเชื่อถือที่สุด กว่าหนังสือใดๆ บนพื้นพิภพ ที่ยืนยันให้คนยุคปัจจุบันได้รับรู้ ว่าเมื่อ ๒,๕๐๐ ปีก่อน พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนอะไรไว้บ้าง ด้วยเหตุดังกล่าวนี้ การศึกษาค้นคว้าพระไตรปิฎก จึงเป็นกิจสำคัญยิ่งของชาวพุทธ ถือว่าเป็นการสืบต่ออายุ พระพุทธศาสนาหรือเป็นความดำรงอยู่ของพระพุทธศาสนา กล่าวคือ ถ้ายังมีการศึกษาค้นคว้าพระไตรปิฎกเพื่อนำไปปฏิบัติ พระพุทธศาสนาก็จะยังดำรงอยู่ แต่ถ้าไม่มีการศึกษาค้นคว้าพระไตรปิฎก แม้มีการปฏิบัติก็จะไม่เป็น ไปตามหลักการของพระพุทธศาสนา พระพุทธศาสนาก็จะ ไม่ดำรงอยู่ คือ จะเสื่อมสูญไปในที่สุด

ที่มา http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=56098&sid=1ed6f95b49a7c14ae8a7e90789b38cdb

 

การทำสมาธิเพื่อช่วยโลกใบเล็กนี้ของเรา
(ผู้รับการสื่อสารจากมนุษย์ต่างดาว Julia T., วันที่ 13
เมษายน 1999 ณ.กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก)​

​

​

​

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Chayutt<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2219932", true); </SCRIPT> สมาชิก
(แปลและเรียบเรียงเป็นภาษาไทย)
</O

คำถาม:
จะต้องใช้เวลานานแค่ไหน เพื่อให้โลกเปลี่ยนมิติไปอยู่ในมิติที่สูงขึ้น?<O</O
<O</O
ตอบ:
เพื่อนรัก, มันขึ้นอยู่กับพวกคุณเท่านั้น ซึ่งหมายถึง มันขึ้นอยู่กับพวกคุณโดยตรงเลย ​

คุณอาจจะสร้างให้มันเป็นจริงขึ้นมาได้ โดยการจินตนาการว่าโลกนี้เต็มไปด้วย ธรรมชาติและสรรพชีวิตอันสวยสดงดงาม ​

จากนั้นก็ประทับภาพนั้นไว้ในใจของคุณ และนึกขอบคุณพระผู้สร้างที่สร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาให้​

การทำสมาธิเป็นประจำ จะสามารถช่วยพวกคุณได้เช่นกัน ยิ่งมีจำนวนผู้ทำสมาธิร่วมกันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะทำให้เกิดผลสำเร็จมากเท่านั้นด้วย ​

..พลังอันยิ่งใหญ่จะบังเกิดขึ้น..​

ที่มา http://palungjit.org/threads/การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก-เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก-ของมิตรจากต่างพิภพ-และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก.193101/page-7

<O</O<O

 

โลกเราจะเป็นอย่างไรเมื่อต้องเผชิญกับพายุสุริยะ
(เมื่อสนามแม่เหล็กโลกเกิดการแปรปรวน)​

​

"ฮารัลด์ เลสช์" (Harald Lesch) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย "มิวนิค" ได้สร้างแบบจำลองสนามแม่เหล็กโลกขึ้นมาศึกษาในเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ เพื่อหาคำตอบว่าโลกเราจะเป็นอย่างไรหากไม่มีสนามแม่เหล็ก

แบบจำลองที่ "ฮารัลด์ เลสช์" สร้างขึ้นพบว่า ถ้าโลกเราถูกพายุสุริยะกระหน่ำ ผลที่ได้สร้างความประหลาดใจอย่างยิ่ง จากภาพจำลองที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้นแสดงให้เห็นว่า เมื่อ มวลอนุภาคคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะมาถึงโลก จะทำปฏิกิริยากับชั้นบรรยากาศ เกิดเป็นสนามแม่เหล็กชุดใหม่มาแทนที่และทรงพลัง พอที่จะทานแรงปะทะของรังสีคอสมิก ทำให้รังสีคอสมิกที่เป็นอันตรายจากดวงอาทิตย์เบนออกสู่อวกาศ ​

แต่ถ้าหากโลกเรานั้นสามารถรอดพ้นจากอันตรายจากรังสีคอสมิกไปได้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากกระบวนการนี้ไม่ได้เป็นผลดีต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกเลย ตามหลักแล้วกระแสไฟฟ้าจะไหลไปสู่ที่ๆ มีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า และสนามแม่เหล็กชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้น ไม่ได้เสถียรเหมือนแม่เหล็กโลกเดิม ฉะนั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทำปฏิกิริยากับบรรยากาศโลก ย่อมไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น สิ่งที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะกระทำต่อไปนั้นก็คือ การปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าอันมหาศาลสู่ที่ๆมีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า ​

นั่นก็คือพื้นผิวโลก เหตุการณ์ที่ว่านี้คือ พายุฟ้าผ่านั้นเอง พายุฟ้าผ่านี้ อาจกินเนื้อที่ทั้งทวีปหรือทั่วโลก สายฟ้าที่กระหน่ำลงมาจากก้อนเมฆอิเล็กตรอนนั้น จะกระหน่ำผ่าลงมาทุกๆที่ โดยไม่หยุดจนกว่าพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะจะหมดลง และจะเกิดขึ้นอีกถ้าพายุสุริยะลูกต่อไปมาถึง หรือจนกว่าการกลับขั้วของแม่เหล็กโลกจะเสร็จสมบูรณ์ ​

จนทำให้กระบวนการสร้างสนามแม่เหล็กโลกจะทำงานได้อีก สิ่งมีชีวิตบนโลกมากมายจะต้องตาย และเทคโนโลยีต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นจะถูกทำลายลงในครั้งนี้ แต่ถ้ารังสีคอสมิกสามารถหลุดรอดมากจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้ สิ่งมีชีวิตที่รอดจากการถูกฟ้าผ่า ก็อาจจะต้องตายจากโรคมะเร็งและความร้อน ​

ที่มา http://mayom3000.multiply.com/journal/item/99/99

ฟ้าผ่าทำชาวกัมพูชาตาย 5 คนในวันเดียว​

​

พนมเปญ 28 มิ.ย.-หนังสือพิมพ์รัศมีกัมพูชารายงานว่า มีผู้เสียชีวิตถึง 5 คนในวันเดียวจากเหตุฟ้าผ่า ขณะที่ทางการเผยว่ากำลังรณรงค์ให้ความรู้ประชาชนเรื่องความปลอดภัยขณะเกิดฟ้าผ่า

รายงานระบุว่าผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาวจังหวัดกัมปอต ทางตอนใต้ของประเทศ อีก 3 คนเป็นชาวจังหวัดกัมปงชนังและกัมปงสะปือ ทางตอนกลางของประเทศ ขณะเกิดเหตุผู้เสียชีวิตเกือบทั้งหมดกำลังอยู่ในนา ชาวนาถือเป็นกลุ่มเสี่ยงถูกฟ้าผ่าอย่างมากหากยังอยู่ในท้องนาช่วงฤดูฝนเช่นในขณะนี้

ช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้มีชาวกัมพูชาถูกฟ้าผ่าเสียชีวิตแล้วราว 50 คน ส่วนสถิติของทางการเผยว่า ปีที่แล้วมีทั้งสิ้น 95 คน ผู้เชี่ยวชาญอธิบายว่ากัมพูชามีโอกาสสูงที่จะเกิดเมฆประเภทที่ทำให้เกิดฟ้าผ่าเนื่องจากมีแม่น้ำและทะเลสาบจำนวนมาก เมฆเหล่านี้ลอยตัวเหนือพื้นโลกเพียง 50 เมตร จึงมีผู้เสี่ยงถูกฟ้าผ่าได้ง่าย

ด้านผู้เชี่ยวชาญอุตุนิยมวิทยาในกระทรวงทรัพยากรน้ำและอุตุนิยมวิทยากัมพูชาเผยว่า ทางการกำลังรณรงค์ให้จังหวัดต่าง ๆ ตื่นตัวดำเนินมาตรการป้องกันการสูญเสียชีวิตจากฟ้าผ่า ด้วยการให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับความปลอดภัยขณะเกิดฟ้าผ่า.-สำนักข่าวไทย

2009-06-28 17:08:49

ที่มา http://news.mcot.net/international/

 

การร่วมมือกันทำสมาธิ เพื่อลดความรุนแรงของภัยพิบัติ​

​

<!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->แม่นายมล<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2218467", true); </SCRIPT> สมาชิก

(คิดว่า)...ที่อาจารย์ปริญญาบอก ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่าง จะจบสิ้นภายใน 3 ปีนะ แต่ในช่วงนี้จะได้เห็นภัยใหญ่ๆ เกิดขึ้นทั่วโลกหลายๆ เหตุการณ์ทีเดียว ​

- จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ครั้งมโหฬารไม่เว้นแม้แต่ประเทศไทย โดยเฉพาะ 2009-2010 จะมีฝนตกหนักทั่วโลก ประเทศไทยมีน้ำเหนือไหลลงมา-น้ำทะเลก็หนุน และกรุงเทพ จะเกิดน้ำท่วมขังยาวนานหลายเดือนมาก (อาจถึง 6 เดือน)​

- แผ่นดินไหวรุนแรงและถี่มากขึ้น..ประเทศบางประเทศเช่น เกาหลีเหนือและใต้แผ่นดินจะแยกออกจากกันให้เห็นเป็นแนวดิ่ง เพื่อให้ได้เรียนรู้บทเรียนแห่งความรักและความเป็นหนึ่งเดียวกันที่แท้จริง..​

- ผลจากการสร้างเขื่อนยักษ์ในประเทศจีน จะส่งผลให้ต้องเจอภัยพิบัติที่รุนแรงมากในประเทศ​

- เศรษกิจโลกอาจไม่สามารถแก้ไขได้ เพราะผลกระทบจากภัยธรรมชาติและโรคระบาดมาซ้ำเติม​

- โรคระบาดในอดีตทั้งหลายจะพัฒนาข้ามสายพันธุ์ และป้องกันได้ยากขึ้น (เช่น H1 N1 (รหัส 11) ฯลฯ)​

และที่อาจารย์แนะนำว่าควรทำอย่างที่สุดทุกๆวัน ก็คือ ช่วยบอกต่อๆกันไปด้วยว่า ให้ทุกคนอย่างน้อย 3 คน นั่งสมาธิเป็นวงกลมจับมือกัน และเพ่งจดจ่อถึงพลังด้านบวก เช่น กำหนดถึงพลังแห่งพระอาทิตย์อยู่ที่กลางวงกลม หรือนึกถึงบารมีของพระศาสดาที่ตนเองนับถือ นึกถึงพระบารมีแห่งในหลวง ช่วยกันส่งพลังแผ่ออกไป สู่แผ่นดินเบื้องล่างและแผ่นฟ้าเบื้องบน ราวช่วงเวลา 6.00 น.. 9.00 น...12.00 น..15.00 น. ครั้งละ 15 นาทีอย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อวัน​

จะช่วยให้ภัยที่จะเกิดรุนแรงในประเทศนั้น บรรเทาเบาบางลง หรือไปเกิดในที่อื่นๆ นอกเขตประเทศไทยแทน​

ขอเพิ่มเติมการทำสมาธิ นั่งแบบสบายๆ บนเก้าอี้แล้ววางมือบนหน้าตัก ไม่ต้องขัดสมาธิก็ได้ กำหนดตรงกลางวงให้เป็นดวงสว่างแบบดวงอาทิตย์ก็ได้ แล้วนึกถึงความดีของใครก็ได้ตรงวงนั้นอย่างปิติ ซาบซึ้ง อิ่มเอิบในความดีนั้นอย่างสุดซึ้ง 15 นาที ในรูปยกตัวอย่างพ่อหลวงของเรา เพราะเห็นชัดสุด ตามเวลาที่คุณ mead โพสต์ไว้ จะทำที่บ้านหรือที่ทำงานก็แล้วแต่ จะช่วยบรรเทาการสั่นสะเทือนในแผ่นดินไทยได้ (ไปกระเทือนที่อื่น)​

ก็ตรงกับกระทู้คุณชยุต จะต่อต้านอิทธิพลของพลังลบ.. (มารต่างพิภพ) เรื่องนี้น่าจะช่วยกันทำเป็นอย่างแรก เผยแพร่ออกไปให้มากๆ​

ไม่รู้ใครซ่อนสมุดจด จะมาโพสต์ดันหาไม่เจอ ว่าจะมาเติมตอนท้้ายวิกฤตในไทย 2009-2012 สงสัยไม่อยากให้แพร่หลายเรื่องข่าวร้าย เอาธรรมะมาเผยแพร่ ดีกว่าอย่าไปเฝ้ารอภัย อะไรมันจะเกิดเราก็ไม่ตกใจแล้ว ขอเวลาไปพิมพ์ก่อน อาจารย์ บอกว่าหัวใจของธรรมะ คือ "การไม่ยึดติดอัตตาตัวตน" นี่แหละครอบจักรวาลเลย<!-- google_ad_section_end --> ​

ขอย้อนไปเมื่อ 29 ก.ค. 2550 จากการบรรยายครั้งที่ 132 เรื่อง "มนุษยธรรม"ตอนท้าย อจ.ปริญญา พูดถึง มวลอากาศร้อน-ไฟประลัยกัลป์ มวลอากาศร้อนสามารถติดไฟได้ ต่อไปในชั้นบรรยากาศโลก จะเกิดลูกไฟ ลุกห่อหุ้มโลก พวกก๊าซ ที่ลอยบนโลกเกิดประจุระเบิดติดไฟได้ (มนุษย์ก็เหมือนไก่อบฝางเลยเน๊าะ)

จาการบรรยายครั้งที่ 152 วันที่ 7 มิ.ย.52 เรื่อง อีก 3 ปีโลกนี้จะมีภัย

วิกฤตในไทยปี 2009-2012

1. เกิดโรคระบาดรุนแรง
2. ขาดแคลนอาหาร และอาชญากรรมมากขึ้น
3. คนว่างงาน ยาเสพติดระบาดขั้นโคม่า
4. ภัยธรรมชาติรุนแรงอีก 3 ครั้ง
5. สงครามกลางเมือง-ผู้นำอ่อนแอ
6. บุคคลสำคัญของชาติจะป่วย-อาจถึงขั้นเสียชีวิต
7. ได้รับผลกระกระทบจากภาวะเอลนินโญ่
8. เกิดเรื่องไม่งามในวงการศาสนา
9. แก้ปัญหาเศรษฐกิจ-การเมืองไม่สำเร็จ
10.คนไทยจะพึ่งอวิชชามากขึ้น - คนจะได้ฤทธิ์แบบไม่รู้ตัวมาก<!-- google_ad_section_end --> ​

จดไว้นานแล้วแต่ไม่เคยโพสต์ เห็นว่าตรงกับกระทู้คุณชยุต-พี่เกษม ก็บันทึกไว้ เก็บไปคิดกัน และดันกระทู้ไว้..กลัวหาไม่เจอ<!-- google_ad_section_end --> ​

27-06-2009, 01:18 PM ​

ที่มา http://palungjit.org/threads/ข่าวสารจากจิตจักรวาล.66981/page-31​

 

ตำรวจลากคอ ลูกทรพี ฆ่าแม่กับน้อง



<SCRIPT type=text/javascript><!-- google_ad_client = "pub-0032874521947222"; /* 468x15, ถูกสร้างขึ้นแล้ว 3/13/09 */ google_ad_slot = "7657140061"; google_ad_width = 468; google_ad_height = 15; //--> </SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"> </SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></SCRIPT><SCRIPT src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></SCRIPT><SCRIPT>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</SCRIPT><INS style="POSITION: relative; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 468px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 15px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="POSITION: relative; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; PADDING-BOTTOM: 0px; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 468px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; BORDER-TOP-STYLE: none; HEIGHT: 15px; VISIBILITY: visible; BORDER-LEFT-STYLE: none; PADDING-TOP: 0px"><IFRAME style="POSITION: absolute; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=google_ads_frame1 height=15 marginHeight=0 src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-0032874521947222&dt=1246243404169&lmt=1246243404&output=html&slotname=7657140061&correlator=1246243404169&url=http%3A%2F%2Fnews.mthai.com%2Fgeneral-news%2F49487.html&ref=http%3A%2F%2Fwww.mthai.com%2F&frm=0&ga_vid=180069832400602850.1242101222&ga_sid=1246243404&ga_hid=458872676&ga_fc=true&flash=10.0.22.87&w=468&h=15&u_h=1024&u_w=1280&u_ah=979&u_aw=1280&u_cd=32&u_tz=420&u_java=true&dtd=31&xpc=5DTod9dcq5&p=http%3A//news.mthai.com" frameBorder=0 width=468 allowTransparency name=google_ads_frame marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME></INS></INS>


บทความนี้เขียนโดย supernova, โพสต์เมื่อ <ABBR class=published title=2009-06-28T19:50:10+0700>28/06/2009 at </ABBR>, ในหมวด ข่าวทั่วไป, ข่าวเด่นประจำวัน และ ฆ่าแม่, ตำรวจ, น้อง, ลูกทรพี. เก็บกระทู้นี้ได้ที่ ลิ้งค์นี้. ติดตามความคิดเห็นในบทความนี้ ด้วยระบบ RSS feed. แสดงความคิดเห็น หรือทิ้งแทร็กแบค: Trackback URL.

หนุ่มทาสยาบ้า ก่อเหตุฆ่าแม่ กับน้องสาว จนมุมตำรวจโดนรวบได้ที่บ้านเพื่อน แต่ยังให้การปฏิเสธ เจ้าหน้าที่คุมตัวเค้นสอบสถานที่แห่งหนึ่ง หวั่นญาติบุกรุมทำร้าย …
พ. ต.ต.ชัชชัย แก้วอ่อน สวป.สภ.กะปาง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (28 มิ.ย.) พ.ต.ต.ชัชชัย พร้อมกับพวกได้เดินทางไปจับกุมตัว นายสุขสวัสดิ นรากร อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาฆ่านางอารีย์ นรากร มารดา กับ น.ส.ขนิษฐา นรากร อายุ 18 ปี น้องสาวได้ที่บ้านเพื่อนใน อ.ป่าพยอม จ.พัทลุง จากการตรวจค้นไม่พบปืนขนาด 9 มม. ที่ใช้เป็นอาวุธ สอบสวนนายสุขสวัสดิ์ ซึ่งติดยาบ้างอมแงม ยังให้การปฏิเสธเสียงแข็ง หลังจับกุมตัวได้แล้วได้นำตัวไปกักขัง เพื่อสอบสวนเค้นหาความจริงในที่แห่งหนึ่ง โดยทางตำรวจยังไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวพบตัว และไม่กล้านำตัวมาควบคุมที่ สภ.กะปาง เพราะเกรงว่าญาติที่กำลังโกรธแค้นจะพากันบุกมาทำร้าย
สำหรับ บรรยากาศในงานศพที่ตั้งบำเพ็ญกุศลคู่กันทั้งแม่ และลูก ที่บ้านเกิดเหตุได้มีเพื่อนบ้านมาร่วมงาน เป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันได้มีบรรดาเพื่อนนักเรียนของ น.ส.ขนิษฐา ซึ่งทราบข่าวว่า น.ส.ขนิษฐา เสียชีวิตได้พากันมาร่วมงาน โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความเศร้าสลด
ต่อ มาเวลา 17. 30 น. ที่ สภ.กะปาง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช พ.ต.อ.สมหมาย พุทธกูล รอง ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช พ.ต.ท.วิมล ทองตะกุก สวญ. สภ.กะปาง ได้นำตัวนายสุขสวัสดิ์ มาแถลงกับผู้สื่อข่าว
พ.ต.อ.สมหมาย กล่าวว่า พ.ต.ท.วิมล ทองตะกุก สวญ. สภ.กะปาง พร้อมด้วย พ.ต.ต.ชัชชัย แก้วอ่อน สวป.และกำลังตำรวจจำนวนหนึ่งได้ติดตามไปจับกุมตัวนายสุขสวัสดิ์ ผู้ต้องหารายนี้ได้ที่ ต.บ้านลานข่อย อ.ป่าพยอม จ.พัทลุง โดยหลังก่อเหตุฆ่ามารดากับน้องสาวนายสุขสวัสดิ์ หลบหนีไปกบดานอยู่ที่บ้านเพื่อน จากการตรวจค้นไม่พบอาวุธปืนขนาด 9 มม.ที่ใช้ในการก่อเหตุ
จากการสอบสวนนายสุขสวัสดิ์ ให้การปฏิเสธเสียงแข็งอ้างว่า หลังจากที่ออกจากบ้านไปหลายวันแล้วไม่ได้กลับมาที่บ้านอีกเลย และไม่ได้ฆ่านางอารีย์ กับ น.ส.ขนิษฐา เมื่อสอบถามว่า เสพยาบ้าจริงหรือไม่ นายสุขสวัสดิ์ ยอมรับว่า เสพและติดยาบ้าจริง เคยถูกตำรวจ ตชด. จับกุมได้ พร้อมของกลางยาบ้า 3 เม็ด และยังยอมรับว่าได้ชิงสร้อยที่ร้านทองแห่งหนึ่งในตัวเมืองทุ่งสง
พ. ต.อ.สมหมาย กล่าวต่อว่า คดีนี้ถึงผู้ต้องหาจะให้การปฏิเสธ แต่ทางตำรวจมีพยานหลักฐานแน่นหนา โดยเฉพาะญาติผู้ตายคนหนึ่ง ยืนยันว่าเห็นผู้ต้องอยู่ในร้านก่อนเกิดเหตุ เขาเป็นญาติกัน ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงจะไปกล่าวหาได้อย่างไร และจะไม่ยอมให้ผู้ต้องหาประกันตัวออกไป เพราะหากได้ประกันตัว จะไม่ปลอดภัย เพราะมีญาติบางคนโกรธแค้นมาก
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก ไทยรัฐ

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ฉุนดุด่าเมา-พระลูกวัดแทงดับสมภ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>รวบพระลูก วัดทมิฬใช้มีดจ้วงแทงเจ้าอาวาสมรณภาพข้างโบสถ์อย่างน่าสยดสยอง หลังก่อเหตุตร.จับตัวไว้ได้ทันควัน สารภาพทำไปเพราะแค้นที่ถูกสมภาร เรียกไปต่อว่าถึงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ชอบแอบไปกินเหล้ากับโยมข้างวัดเป็นประจำ

หนักเข้าจึงคว้ามีดบุกจ้วงแทงเจ้าอาวาสจนมรณภาพคาวัด ตร.จับสึกดำเนินคดีทันที ชาวบ้านสาปแช่งขอให้ตายตกไปตามกัน สลดสุนัขที่เจ้าอาวาสเลี้ยงไว้นอนเฝ้าศพไม่ห่างเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. พ.ต.ต.เกรียงไกร ไม่โศก สารวัตรเวรสภ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร รับแจ้งจากนายเสน่ห์ สมศรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 ต.ย่อ อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร และนายอำคา สนุกค้า มัคนายกวัดบ้านคำม่วง ว่า ได้จับกุมตัวพระวิเชียร ก้านเกษ อายุ 29 ปี พระลูกวัดบ้านคำม่วง ไว้หลังก่อเหตุฆ่าเจ้าอาวาสวัดคำม่วงเสียชีวิต หน้ากุฏิข้างพระอุโบสถ

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วย พ.ต.ท.บุญจันทร์ ประทุมกลิ่น รองผกก.สส. และกำลังจำนวนหนึ่งรุดไปยังที่เกิดเหตุ

พบรอยเลือดที่บริเวณแคร่ไม้ไผ่หน้าห้องนอนกุฏิหลวงปู่ขาว ถิรคุโน จึงได้ควบคุมตัวพระวิเชียรไว้ นำไปให้เจ้าคณะอำเภอคำเขื่อนแก้ว สึกจากความเป็นพระ ก่อนนำตัวยัดเข้าห้องขังดำเนินคดีในข้อหาฆ่าผู้อื่นถึงแก่ความตาย จากการสอบสวนทราบว่า พระวิเชียรมักมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกับความเป็นพระ ไปนั่งมั่วสุมกับชาวบ้านที่ดื่มเหล้าข้างวัดเป็นประจำ แรกๆ ชาวบ้านมาเล่าให้หลวงปู่ขาวฟัง ท่านไม่เชื่อจึงไปดูให้เห็นกับตา จึงเรียกพระวิเชียรมาว่ากล่าวตักเตือน แต่ก็ยังไม่เชื่อฟัง

ช่วงเช้าก่อนเกิดเหตุหลังฉันอาหารเช้าแล้ว หลวงปู่ขาวจึงพูดขู่ไปว่าหากไม่เลิกก็สึกจากความเป็นพระเสีย "เพราะบวชเรียนแล้ว พระจะไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต"

ทำให้พระวิเชียร โกรธแค้น จึงพกมีดปลายแหลมบุกกุฏิจ้วงแทงเข้าที่หน้าอก พระลูกวัดและชาวบ้านได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ จึงพากันวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ และนำหลวงปู่ขาวส่งโรงพยาบาลยโสธร แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวมรณภาพระหว่างทาง ส่วนพระวิเชียรเตรียมจะวิ่งลงกุฏิเพื่อหลบหนี แต่ถูกชาวบ้านและพระรูปอื่นช่วยกันจับกุมตัวได้ พร้อมกับนำส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

จากนั้นพ.ต.ต.เกรียงไกร เดินทางมาร่วมกับแพทย์เวรร.พ.ยโสธร ชันสูตรศพหลวงปู่ขาวที่ห้องผู้ป่วยฉุกเฉินร.พ.ยโสธร พบบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมใต้ราวนมขวาทะลุแผ่นหลัง 1 แผล และที่ใต้ราวนมซ้ายไม่ทะลุอีก 1 แผล

ก่อนจะอนุญาตให้ญาติโยมรับศพกลับไปตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่วัดบ้านคำม่วง ท่ามกลางความเศร้าโศกของญาติๆ และชาวบ้านต่างพากันรุมสาปแช่งการกระทำของพระวิเชียร ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่ญาติโยมนำ ศพหลวงปู่ขาวตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลาการเปรียญวัดบ้านคำม่วง มีสุนัขพันธุ์ไทย เพศผู้ อายุประมาณ 3 ปี ชื่อ แบ๊ก ที่หลวงปู่ขาวนำมาเลี้ยงตั้งแต่เล็กๆ มานอนเฝ้าหีบบรรจุศพและเครื่องใช้ส่วนตัวของหลวงปู่ขาวไม่ยอมไปไหน แม้ญาติโยมจะเดินพลุกพล่านช่วงฟังสวดอภิธรรม เจ้าแบ๊กก็จะนอนเฝ้าอยู่ตรงนั้นไม่ยอมห่าง

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>พบรอยร้าวพระธาตุดอยสุเทพอีก หวั่นพังทลายถ้าเจอแผ่นดินไหว-ฝนตกหนัก </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน นายสหวัฒน์ แน่นหนา ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่

เปิดเผยภายหลังนายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เดินทางไปตรวจความคืบหน้าการบูรณะพระธาตุดอยสุเทพ วัดพระธาตุดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า การบูรณะพระธาตุดอยสุเทพนั้นมีความคืบหน้าไปมาก โดยได้แก้ปัญหาความชื้นภายในพระธาตุแล้ว และทำระบบระบายน้ำรอบองค์พระธาตุใหม่ทั้งหมด เหลือแต่ปัญหาพื้นที่ลาดเอียงด้านทิศเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ลาดเอียง 45 องศา

"นอกจากนี้ ยังมีฐานรากชั้นที่ 2 ของพระธาตุและพื้นที่บริเวณระเบียงคดด้านทิศเหนือเกิดที่รอยร้าวขึ้น ซึ่งมีทั้งที่เป็นรอยเก่าและรอยร้าวเพิ่มเติม และทางวัดได้นำปูนมาโบกปิดรอยร้าวเอาไว้ ตอนแรกคิดว่าเป็นรอยร้าวที่เกิดจากการแตกของเนื้อปูนธรรมดา แต่เมื่อศึกษารอยร้าวละเอียดจึงพบว่า รอยร้าวนี้เกิดจากการทรุดตัวของโครงสร้าง ดังนั้น หากฝนตกหนักดินบริเวณพื้นที่ลาดเอียงด้านทิศเหนือและดินในคันกั้นอ่อนตัวและไหลออกไป จะยิ่งทำให้โครงสร้างของพระธาตุเกิดปัญหาได้"นายสหวัฒน์กล่าว

นายสหวัฒน์กล่าวว่า สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย หรือ เอไอที และวิศวกรจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้คาดว่าหากเกิดฝนตกหนักระดับน้ำใต้ดินสูงขึ้น

ประกอบกับถ้ามีแผ่นดินไหวเกิน 5 ริคเตอร์ อาจทำให้โครงสร้างทรุดจากดินเหลวทำให้ดึงองค์พระธาตุพังทลายลงมาได้ ทั้งจะเร่งดำเนินการติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดระดับน้ำใต้ดิน และเสถียรภาพของมวลดินด้วย เพราะนับตั้งแต่ปี 2549 ไม่ได้มีการสำรวจระดับน้ำใต้ดิน และสภาพของดินอีก ดังนั้นเกรงว่าในช่วงฤดูฝน 3-4 เดือนนี้อาจเกิดอันตรายกับพระธาตุได้

ด้านนายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า ไปตรวจความคืบหน้าการบูรณะองค์พระธาตุ

เพราะหากปล่อยไว้เกรงว่าอาจจะเป็นอันตรายกับองค์พระธาตุได้ เพราะช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝน โดยจากการหารือกับพระเทพวรสิทธาจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระธาตุดอยสุเทพ และรองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ทราบว่าหลังช่วงเทศกาลเข้าพรรษา ในเดือนกรกฎาคมนี้ ทางวัดจะปิดพื้นที่ชั้นในของพระธาตุ เพื่อตั้งห้างร้านให้สำนักศิลปากรที่ 8 เชียงใหม่ และวิศวกรจาก ม.เชียงใหม่ ดำเนินการบูรณะองค์พระธาตุและในส่วนรอยแตกร้าวต่างๆ

"การปิดพระธาตุนั้นจะปิดเฉพาะพื้นชั้นในที่จะทำการบูรณะเท่านั้น ส่วนบริเวณชั้นนอกยังเปิดตามปกติ ดังนั้น ใครที่ต้องเดินทางไปนมัสการพระธาตุก็ยังสามารถเดินทางไปได้ โดยส่วนตัวคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องปิดพื้นที่โดยรอบพระธาตุทั้งหมด การปิดเฉพาะพื้นที่ชั้นในก็น่าจะพอแล้ว เนื่องจากในแต่ละวันมีคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากเดินทางมาเที่ยวชมและนมัสการพระธาตุ"นายธีระกล่าว
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

การสอนธรรมะ จะต้องสอนให้ถูกกับจริตของผู้เรียน ​

ท่านเจ้าคุณพระเมธีธรรมาภรณ์ (ประยูร ธมฺมจิตฺโต)​

ท่านเจ้าคุณพระเมธีธรรมาภรณ์ กล่าวว่า จุดสำคัญของการสอนธรรมะ จะต้องสอนให้ถูกกับจริตของผู้เรียน ถ้าหากสอนไม่ตรงกับจริตแล้ว การสอนก็ไม่สัมฤทธิ์ผล เช่นตัวอย่างพระสารีบุตร สอนกรรมฐานแก่พระภิกษุรูปหนึ่ง ใช้เวลาถึง ๓ เดือน แต่ก็ไม่สามารถทำให้บรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ เมื่อพระภิกษุรูปนั้น ได้เข้าเผ้าและรับฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า ท่านได้นั่งพิจารณาดอกบัวสด จนกระทั่งดอกบัวเหี่ยวเฉา ด้วยการเพ่งกระแสจิตมองเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และบรรลุเป็นพระอรหันต์ ในที่สุด

เพราะฉะนั้น การสอนธรรมจะต้องสอนให้ถูกกับลักษณะจริต คนหนึ่งๆ อาจจะมีหลายจริตรวมอยู่ เช่น สัทธาจริตกับราคจริตมีลักษณะคล้ายกัน ส่วนพุทธิจริตกับโทสจริตมีลักษณะใกล้เคียงกัน

ในหลักสูตรวิชาพระพุทธศาสนาระดับมัธยม จัดให้เรียนพระไตรปิฎกในแง่ต่างๆ เช่น พระสุต ตันตปิฏก เรียกว่าอนุโลมเทศนา เป็นการแสดงตามอุปนิสัยหรือพื้นเพเดิม ตามความถนัดของแต่ละบุคคล การสอนธรรมจึงต้องมีเทคนิคการสอนหลายวิธี ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับผู้ฟัง พระพุทธเจ้าก่อนจะแสดงธรรมแก่ใครแล้ว บุคคลนั้นก็จะสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้เร็ว

สำหรับในเรื่องนี้ มีตัวอย่างคือ เรื่องพระจูฬปันถก ท่านออกบวชตามคำแนะนำของพระมหาปันถกซึ่งเป็นพี่ชาย ท่านท่องคาถาเพียงคาถาเดียวอยู่ ๔ เดือน แต่ก็ไม่สามารถจำได้ คาถานั้นคือ

"ปทฺมํ ยถา โกกนุทํ สุคนฺธํ ปาโต สิยา ผุลฺลมวีตคนฺธํ องฺครสํ ปสฺส วิโรจนมานํ ตปนฺตมาทิจฺจมิวนฺตลิกฺเข"

"ดอกบัวโกกนุท มีกลิ่นหอม บานแต่เช้า และหอมหวนอยู่นาน พระพุทธเจ้า ทรงรุ่งเรืองงามยิ่ง ดุจพระอาทิตย์ ส่องแสงในกลางหาว"

พระพี่ชายเคี่ยวเข็ญให้ท่อง ท่านก็พยายามท่องตลอด แต่ไม่สามารถที่จะจดจำได้ พระพี่ชายจึงขับไล่ ท่านจึงตัดสินใจที่จะสึกและได้เดินทางไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบ ทรงปลอบใจและไม่ให้ท่องคาถานั้นอีก พระองค์ประทานท่อนผ้าแก่จูฬปันถก ตรัสว่า เธอจงผินหน้าไปทางทิศตะวันออก ลูบผ้าท่อนนี้และภาวนาไปด้วยว่า "รโชหรณํ รโชหรณํ" หมายถึงผ้าเช็ดธุลีๆ

พระจูฬปันถกท่านนั่งลูบอยู่พักหนึ่ง เมื่อผ้าเปื้อนเหงื่อเกิดสีคล้ำ ท่านจึงเกิดความสงสัยแล้วคิดว่า "ผ้ามันสะอาดอยู่แท้ๆ เพราะมือของเรานี่เองทำให้ผ้ามันสีคล้ำ" ท่านได้ข้อเปรียบเทียบนี้มาเปรียบเทียบกับตัวเองว่า จิตใจของเราก็เหมือนกันเดิมที่เดียวเหมือนผ้าขาว ต่อมาก็สกปรก เพราะกิเลสคือความโลภ ความโกรธ และความหลงนี่เอง และเมื่อท่านได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าจึงบรรลุเป็นพระอรหันต์

จะสังเกตเห็นได้ว่า เทคนิคการสอนมีหลายวิธี ควรเลือกให้เหมาะสมกับจริตของแต่ละคน แต่คนไทยมักถกเถียงกันในเรื่องวิธีการ หรือแนวทางปฏิบัติ ซึ่งมันไม่ดีไปกว่ากัน ทุกวิธีนำไปสู่จุดมุ่งหมายอันเดียวกัน คือการบรรลุมรรคผล ดังนั้น จึงไม่ควรถกเถียงกันว่าสำนักไหนดีกว่าสำนักไหน เพราะแต่ละแนวทางมันดีพอๆ กัน

ที่มา http://www.tungsong.com/Read/prayuak/p_9.htm

 

พระธาตุดอยสุเทพ

พึ่งจะบูรณะ เสร็จเองนิครับทำไมยังมี รอยร้าวเกิดอีกละ

ต้องไปดูว่า ขั้นตอนการทำงานตอน บูรณะครั้งใหญ่ยังไงถึงไม่สมบูรณ์

แล้วครั้งนั้นทำไม ไม่ทำหรือทำไม่ดีพอ หรือ ลดต้นทุน หิน ดิน ทราย ค่าแรง จึงทำให้ยัง

คงมีปัญหาเกิดขึ้นอีก

นี้ทำงานกับ พระธาตุดอยสุเทพ นะ

ครับไม่ใช้ สร้างถนนที่รู้ๆกันอยู่ว่าห่วย

มากสร้างถนนเสร็จไม่กี่เดือน ถนน พัง

ของบ ซ่อมแล้วซ่อมอีก

สร้างใหม่อีก ไม่รู้จบสิ้น

นี้จะมาทำกับ พระธาตุดอยสุเทพ

แบบนี้ไม่ไหวนะครับ

แล้วจะมาของบประมาณ100ล้านอีก

แบบนี้เค้าจะเรียกว่า หากิน กับ

พระธาตุดอยสุเทพ กันเกินไปไหม

 

อ้างอิง:ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ wateee
พวกชอบเล่าความฝัน แนะนำให้ไปลงความฝันของท่านที่กระทู้นี้

"ความฝัน เทพสังหรณ์" สัญญานเตือนจากเบื้องบน

อ้างอิง:ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ ragpon
ผมชอบอยู่ห้องนี้ครับ แบบว่าถ้าฝันเกี่ยวข้องกันกับการเตือนภัยพิบัติ ให้ห้องนี้ฟังบ้างก็ดีไม่น้อยครับ ใครฝันอะไรที่กล่าวมาข้างต้นผมคนนึงครับไม่ขัดข้องเลยแต่จะร่วมอนุโมทนาบุญแก่การเตือนของผู้ฝันอีกด้วยครับ

เห็นด้วยหล่ะ เราคนนึงก็ชอบมาอ่าน

ลองทำความเข้าใจเรื่องหาบเร่บนทางเท้าดีไหม

หลายคนชอบเพราะซื้อหาง่ายดี เดินไปซื้อที่ตลาดมันลำบาก

ขณะที่หลายคนไม่ชอบเพราะกีดขวางเส้นทางสัญจรของคนส่วนใหญ่ เพราะว่าวัตถุประสงค์ของมันคือทางเท้า ไม่ใช่ที่วางหาบเร่

ผมจะไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้ว ขออ่านในกระทู้นี้อย่างเดียวต่อไป ผิดถูก ทุกคนคิดเองได้

 

จะกินขนมจีนน้ำยา ต้องไปซื้อเส้นซอยนี้ ซื้อน้ำยาซอยโน้น

ผักซอยนั้น น้ำปลาซอยนั่น คนมีเวลาเดินหา ก็เพลืนดี

คนที่ต้องการสำเร็จ ถ้ารวมกันก็สดวกดี

มีทั้งสองแบบก็ดีนะ

 

หันไปดูจิตตัวเองดีไหม อย่ามัวเพ่งโทษแต่คนอื่น

 

ฟ้าผ่าชาวอินเดียตาย 18 คนในคืนเดียว​

​

ปัฏนา 29 มิ.ย. - เจ้าหน้าที่อินเดียเผยว่า เกิดฟ้าผ่าที่รัฐพิหาร ทางตะวันออกของประเทศ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา มีประชาชนถูกฟ้าผ่าราว 30 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิต 18 คน

เจ้าหน้าที่เผยว่า ขณะเกิดฟ้าผ่า เด็กหลายคนเล่นกันอยู่กลางแจ้งท่ามกลางสายฝน ทำให้ถูกฟ้าผ่า เป็นฝนที่มาเร็วกว่าฤดูฝนตามปกติ ฝนตกฟ้าคะนองตลอดคืนที่ผ่านมา ประกอบกับลมกระโชกแรง ทำให้ต้นไม้และเสาไฟฟ้าล้มโค่น บ้านเรือนพังเสียหายทั่วรัฐพิหาร ซึ่งเป็นรัฐยากจนรัฐหนึ่งของอินเดีย. - สำนักข่าวไทย

2009-06-29 16:04:50

รถไฟชนกันในจีน เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 60 คน​

​

ปักกิ่ง 29 มิ.ย.-สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า เกิดเหตุรถไฟโดยสาร 2 ขบวนชนกันเมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ ทางภาคกลางของจีน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 คน และบาดเจ็บอีก 60 คน

แหล่งข่าวในบริษัทรถไฟท้องถิ่นระบุว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นเมื่อเวลา 02.34 น.วันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลา 01.34 น.ในไทย ที่สถานีรถไฟในเมืองเฉินโจว มณฑลหูหนาน เป็นเหตุให้ตู้รถไฟหลายตู้ตกราง โดยรถไฟทั้ง 2 ขบวนต่างมุ่งหน้าสู่เมืองเสิ่นเจิ้น ทางตอนเหนือของฮ่องกง

ขณะนี้นายหลิว จื้อจวิน รัฐมนตรีกระทรวงการทางรถไฟ ได้รุดไปยังเมืองเฉินโจวเพื่อกำกับดูแลการกู้ภัย.-สำนักข่าวไทย

2009-06-29 08:47:13

คนงานบังกลาเทศเผาโรงงานประท้วง​

​

ธากา 29 มิ.ย. - คนงานโรงงานเสื้อผ้านับหมื่นคนใกล้กรุงธากา บุกเข้าไปในโรงงานแห่งหนึ่งและจุดไฟเผาในวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่ 3 ของการชุมนุมประท้วงการลดค่าจ้างและค้างจ่ายค่าแรงของพวกเขา

คนงานราว 20,000 คน บางคนพกไม้และหินมาด้วย ชุมนุมประท้วงอยู่ตามท้องถนนของเมืองอาชูเลียชาน ห่างจากกรุงธาการาว 30 กิโลเมตร บางคนจุดไฟเผาโรงงาน ตำรวจต้องยิงกระสุนยางและแก๊สน้ำตาสลายกลุ่มผู้ประท้วง ซึ่งบางส่วนนำเครื่องกีดขวางมากั้นทางหลวงที่เข้ามายังกรุงธากา เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงเข้าสกัดเปลวไฟและควบคุมเพลิงได้แล้ว ทั้งนี้ ตำรวจยังไม่แน่ใจว่ามีผู้บาดเจ็บอยู่ในอาคารสูง 10 ชั้นดังกล่าวหรือไม่ หลังจากที่คนงาน 2 คน ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยิงเสียชีวิต ระหว่างการชุมนุมประท้วงเมื่อวันเสาร์และวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ผลสำรวจของสำนักงานตรวจสอบโรงงานของรัฐ ระบุว่า โรงงาน 122 แห่ง จากที่สำรวจ 825 แห่ง หรือคิดเป็นเกือบร้อยละ 15 ไม่ได้จ่ายค่าจ้างตามกำหนดเวลาในช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม ส่วนอีก 53 แห่ง ไม่ได้จ่ายค่าตอบแทนล่วงเวลา และ 8 แห่ง จ่ายค่าแรงต่ำกว่าที่รัฐกำหนดไว้ขั้นต่ำที่เดือนละ 1,662.5 ธากา (820 บาท). - สำนักข่าวไทย

2009-06-29 15:27:41

เรียกคืนเนื้อวัวสหรัฐที่คาดว่าทำให้คนป่วยเกือบ 20 คน​

​

ชิคาโก 29 มิ.ย.- บริษัทผู้ผลิตเนื้อวัวในรัฐโคโลราโด ของสหรัฐ เรียกคืนเนื้อวัวที่คาดว่าปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียอีโคไล โอ157:เอช7 หลังจากสอบพบว่าอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้ป่วย 18 คน

กระทรวงเกษตรของสหรัฐ และบริษัทเจบีเอสสวิทฟ์บีฟ ในเมืองกรีลีย์ แถลงว่า ทางบริษัทได้ประกาศเรียกคืนเนื้อวัว เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ขณะนี้ได้ขยายประกาศดังกล่าวให้ครอบคลุมผลิตภัณฑ์เนื้อวัวหลากหลายประเภทอีก 380,000 ปอนด์ รวมเป็นการเรียกคืนทั้งหมด 421,000 ปอนด์ เป็นเนื้อวัวที่ผลิตเมื่อวันที่ 21 เม.ย. จำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ

กระทรวงเกษตรระบุว่า ผลิตภัณฑ์ที่เรียกคืนเป็นเนื้อส่วนที่ใช้ทำสเต็กและเนื้อย่าง ไม่ใช่เนื้อบด แต่ก็เป็นไปได้ว่าบางบริษัทอาจนำเนื้อส่วนที่ปนเปื้อนไปทำเนื้อบด ขณะที่โฆษกของบริษัทกล่าวว่า การปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียอีโคไล โอ157:เอช7 อาจเกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการแปรรูปที่บริษัทอื่น ทางบริษัทจะสอบถามลูกค้าว่าได้จำหน่ายเนื้อเหล่านั้นไปยังที่ใดบ้าง

เชื้ออีโคไล โอ157:เอช7 เป็นเชื้อแบคทีเรียที่อาจทำให้เสียชีวิตได้ เพราะทำให้ท้องร่วงหนักถึงขั้นถ่ายเป็นเลือด เกิดภาวะขาดน้ำ และไตวาย เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอคือกลุ่มเสี่ยงมากที่สุด.-สำนักข่าวไทย

2009-06-29 13:53:00

สหรัฐว่าแผนคว่ำบาตรเกาหลีเหนือใหม่จะส่งผลกระทบแน่นอน​

​

วอชิงตัน 29 มิย. - ดร.ซูซาน ไรซ์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า มาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อให้เกาหลีเหนือยกเลิกโครงการนิวเคลียร์จะส่งผลกระทบอย่างแน่นอน เมื่อบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบ

ดร.ไรซ์ให้สัมภาษณ์ในรายการเฟซ เดอะ เนชั่น ของสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสว่า สหประชาชาติเฝ้าสังเกตการณ์เรือเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิด ซึ่งสหรัฐสงสัยว่าจะเป็นเรือขนส่งอาวุธและนิวเคลียร์ ซึ่งขัดต่อระเบียบของสหประชาชาติที่ห้ามเกาหลีเหนือจำหน่ายอาวุธ

ดร.ไรซ์กล่าวว่า เมื่อมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือมีผลบังคับใช้อย่างเต็มที่ ไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อเรือขนส่งที่ละเมิดมาตรการดังกล่าวเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการขนส่งอาวุธ การดำเนินธุรกรรมทางการเงินและการอายัดทรัพย์สินต่าง ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อเกาหลีเหนือ.-สำนักข่าวไทย

2009-06-29 10:34:57

พายุทรายถล่มอิรัก ทำให้ต้องปิดใช้งานสนามบิน​

​

อิรัก 28 มิ.ย. - กรุงแบกแดดของอิรักเผชิญกับพายุทรายรุนแรงพัดถล่ม ทำให้ต้องปิดใช้งานสนามบิน

พายุทรายที่พัดปกคลุมอิรัก ส่งผลให้ทัศนวิสัยเหลือเพียง 2-3 เมตรเท่านั้น จนสนามบินในกรุงแบกแดดต้องปิดใช้งานลงชั่วคราว เช่นเดียวกับร้านค้าหลายแห่งที่ต้องพากันปิดร้าน ถนนหนทางแทบไม่มีรถยนต์สัญจรไปมา ขณะที่ชาวอิรักหลายร้อยคนมีอาการป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หลายสิบคนต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล ด้านแพทย์ระบุว่าทางโรงพยาบาลได้เตรียมความพร้อมด้านบุคลากรอย่างเต็มที่ เพื่อให้การรักษาผู้ป่วยจากพายุทรายดังกล่าว. -สำนักข่าวไทย

2009-06-28 17:07:53

ที่มา http://news.mcot.net

 

28 มิ.ย. 52

เรื่องการทำฌาน

ขอขอบคุณ คุณพี่เกษมมากเรื่องการค้นหา จากวันที่ได้ถามขอความรู้ คืนนั้นผมก็ลองเข้าค้นหาที่ "กูเกิ้ล" ผมได้พบสิ่งที่ผมต้องการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ขอบคุณครับ

17 มิ.ย. 52

พระเจ้าอยู่หัวกับการทำสมาธิ

ในภาพผมได้เห็นพระองค์ท่านชอบเสด็จไปที่ๆแห่งหนึ่ง ในความฝันบอกผมว่า พระองค์ท่านมักจะมาที่ตรงนี้ทำสมาธิเสมอๆ วันละไม่ต่ำกว่า 3ครั้ง

ความหมาย
ให้ผมทำสมาธิให้มากกว่าเดิม

 

พระพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ได้อย่างไร?​

​

ถามว่า พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ได้อย่างไร ?

คำถามนี้เป็นการถามที่ผิดอย่างถนัดเลย เพราะเมื่อเป็นพระพุทธเจ้าแล้วจะไม่ตรัสรู้อะไรอีก ต้องถามว่า ปุถุชนที่เรียกว่า " โพธิสัตว์ " ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไร ?

เอาแบบย่อๆ นะ แรกเริ่มเดิมทีเลยคือ คนธรรมด๊าธรรมดาเหมือนกันกับเราๆ ท่านๆ นี่แหละ ต่อมาเมื่อคนธรรมดานั้นได้พบเจอพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งเข้า ก็เกิดความอยากขึ้น อยากที่จะเป็นเหมือนดั่งพระพุทธเจ้าที่ตนพบเห็นนั้น

ทีนี้ก็เลยตั้งความปราถนา ขอให้ได้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งในอนาคตกาลเช่น คราวที่พระพุทธเจ้าของพวกเราเสด็จลงจากดาวดึงส์ที่เมืองสังกัสสะนคร มนุษย์ที่อยู่ที่นั่นในวันนั้น ยกเว้นพระอริยะ นอกนั้นไม่มีสักรายที่ไม่ปราถนาเป็นพระพุทธเจ้า

ทีนี้ก็เริ่มคิด ก็คิดอยู่น๊าน....นาน จากนั้นก็เริ่มพูด ก็พูดอยู่น๊าน.....นาน ทำบุญกุศลอะไรก็จะคิดว่า ด้วยบุญนี้ขอให้ข้าบรรลุโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาลข้างหน้าโน้น ทำอยู่แบบนั้นแหละ ไ่ม่ท้อถอย ตั้งมั่น แน่วแน่ ยาวนาน

จนมาวันหนึ่งคนธรรมดาคนนั้น ก็ได้รับการทำนายจากพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งว่า"บุีรุษนี้จักได้เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งในอนาคตกาล จักทรงมีพระนามว่าอย่างนี้ มีโคตรอย่างนี้ เป็นต้น"

นับจากวันที่ำไ้ด้รับการทำนายจากพระพุทธเจ้าแล้ว คนธรรมดานั้นก็ก้าวเข้าสู่ความเป็น " โพธิสัตว์ " อย่างเต็มตัว ไม่เปลี่ยนแปลงแปรผันเป็นอย่างอื่น นอกจากพุทธเ่่ท่านั้น

โพธิสัตว์ที่ว่านี้ก็ต้องสร้างบารมี 30 ทัศ เพิ่มขึ้นอีกบางท่านก็ใช้เวลา 4 อสงไขยแสนกัปบ้าง 8 อสงไขยแสนกัปบ้าง 16 อสงไขยแสนกัปบ้าง โพธิสัตว์่ที่ได้รับทำ่นายจากพระพุทธเจ้า จะต้องไม่สร้างบารมีน้อยไปกว่านี้ และจะไ่ม่สร้างบารมีมากไปกว่านี้

อย่างพระพุทธเจ้าของพวกเรานี้ก็ 4 อสงไขยกับอีกแสนกัป องค์ต่อไปคือพระศรีอริยเมตไตรนั้นก็ 16 อสงไขยกับอีกแสนกัป

เมื่อโพธิสัตว์องค์นั้นๆ สร้างบารมีดังว่ามาครบ เรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ครบจบถ้วนกระบวนความของการสร้างพุทธภูมิ ลุยนรก - บุกสวรรค์ - บุกพรหม เรียนรู้มาหมด เมื่อบารมีเต็มก็ไ่ม่มีอะไรจะขัดขวางได้ ต้องได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแท้แน่นอนมิแปรผันเป็นอื่น สมความปราถนาที่ไ้ด้ตั้งเอาไว้อย่างยาวนานมาก

ปุถุชนที่ำได้ตั้งความปราถนาและสร้างบารมีจนได้เป็นพระพุทธเจ้านั้น ได้ชื่อว่าเป็นผู้เสียสละ - มีความพยายามอย่างยิ่งใหญ่ หาสิ่งใดเปรียบเทียบไม่ได้ เป็นบุคคลผู้เลิศ เป็นบุคคลผู้เอก เป็นยอดแห่งสัตว์่ทั้งหลาย ครอบงำสรรพสัตว์ทั้งหลายในวัฏฏะจักรหมดทั้งสิ้น นับตั้งแต่พรหมชั้นสูงสุดลงมาด้วยเดชแห่งคุณคือ ศีล - สมาธิ - ปัญญา เป็นต้น ไม่มีใครจะสามารถเทียบเท่ากับพระองค์ไ้ด้

ถามอีกทีว่า พระโพธิสัตว์ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าได้อย่างไร ?
ตอบว่า เป็นพระพุทธเจ้าได้ ด้วยความพยายามที่ไม่เคยหยุดยั้ง.....

พระธรรมเทศนาโดย พระพันธกานต์ อภิปญฺโญ สำนักสงฆ์ป่าสามแยก จ.เพชรบูรณ์

บารมี 30 ทัศ​

บารมีทั้ง ๑๐ ประการ อันเป็นองค์บารมีของพุทธการกธรรม สามารถแตกเป็น ๓ ระดับ คือ​

๑. (สามัญ)บารมี หรือบารมีต้น
๒. อุปบารมี หรือบารมีกลาง
๓. ปรมัตถบารมี หรือบารมีปลาย​

การจำแนกระดับของบารมีนี้มีหลายประการ เช่น จำแนกด้วยการกระทำ
บารมีต้น เป็นการอนุโมทนาการกระทำของผู้อื่น
อุปบารมี เป็นการให้ผู้อื่นทำ
ปรมัตถบารมี เป็นการกระทำด้วยตนเอง​

จำแนกด้วยธรรม
บารมีต้น เป็นธรรมขาวเจือด้วยธรรมดำ
อุปบารมี เป็นธรรมขาวไม่เจือด้วยธรรมดำ
ปรมัตถบารมี เป็นธรรมไม่ดำไม่ขาว​

จำแนกด้วยกาล
บารมีต้น บำเพ็ญในกาลตั้งความปราถนาทางใจ
อุปบารมี บำเพ็ญในกาลตั้งความปราถนาทางวาจา
ปรมัตถบารมี บำเพ็ญในกาลตั้งความปราถนาทางกาย​

จำแนกด้วยความยาก
บารมีต้น เนื่องด้วยวัตถุและทรัพย์นอกกาย
อุปบารมี เนื่องด้วยอวัยวะและเลือดเนื้อ
ปรมัตถบารมี เนื่องด้วยชีวิต​

(อรรถกถาพระไตรปิฎก เล่มที่ ๗๔ อรรถกถา จาริยาปิฏก)​

บารมีทั้งสิบอย่างที่เป็นบารมีต้น รวมกันเรียกว่า บารมี ๑๐ ทัศ
บารมีทั้งสิบอย่างที่เป็นอุปบารมี รวมกันเรียกว่า อุปบารมี ๑๐ ทัศ
บารมีทั้งสิบอย่างที่เป็นปรมัตถบารมี รวมกันเรียกว่า ปรมัตถบารมี ๑๐ ทัศ​

ผู้ปรารถนาสาวกภูมิ ต้องบำเพ็ญบารมี ๑๐ ทัศ
ผู้ปรารถนาปัจเจกภูมิ ต้องบำเพ็ญบารมี ๒๐ ทัศ คือ บารมีและอุปบารมี
ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ต้องบำเพ็ญบารมี ๓๐ ทัศ คือ บารมี อุปบารมี และปรมัตถบารมี​

เมื่อแจกแจงบารมีทั้ง ๓๐ ทัศ ตามความยาก จะได้ดังนี้​

๑. ทานบารมี
บารมี สละธนสารสมบัติ บุตร ภริยา ให้เป็นทาน
อุปบารมี สละอวัยวะและเลือดเนื้อ ให้เป็นทาน
ปรมัตถบารมี สละชีวิต ให้เป็นทาน​

๒. ศีลบารมี
บารมี ยอมสละธนสารสมบัติ บุตร ภริยา เพื่อรักษาศีล
อุปบารมี ยอมสละอวัยวะและเลือดเนื้อ เพื่อรักษาศีล
ปรมัตถบารมี ยอมสละชีวิต เพื่อรักษาศีล​

๓. เนกขัมมบารมี
บารมี ถือบวช โดยไม่อาลัยในธนสารสมบัติ บุตร ภริยา
อุปบารมี ถือบวช โดยไม่อาลัยในอวัยวะและเลือดเนื้อ
ปรมัตถบารมี ถือบวช โดยไม่อาลัยในชีวิต​

๔. ปัญญาบารมี
บารมี ใช้ปัญญารักษา ธนสารสมบัติ บุตร ภริยา ของผู้อื่น
อุปบารมี ใช้ปัญญารักษา อวัยวะและเลือดเนื้อ ของผู้อื่น
ปรมัตถบารมี ใช้ปัญญารักษา ชีวิต ของผู้อื่น​

๕. วิริยะบารมี
บารมี มีความเพียร ไม่อาลัยใน ธนสารสมบัติ บุตร ภริยา
อุปบารมี มีความเพียร ไม่อาลัยใน อวัยวะและเลือดเนื้อ
ปรมัตถบารมี มีความเพียร ไม่อาลัยใน ชีวิต​

๖. ขันติบารมี
บารมี อดทนต่อผู้ที่จะทำร้ายต่อ ธนสารสมบัติ บุตร ภริยา
อุปบารมี อดทนต่อผู้ที่จะทำร้ายต่อ อวัยวะและเลือดเนื้อ
ปรมัตถบารมี อดทนต่อผู้ที่จะทำร้ายต่อ ชีวิต​

๗. สัจจบารมี
บารมี ยอมสละธนสารสมบัติ บุตร ภริยา เพื่อรักษาสัจจะ
อุปบารมี ยอมสละอวัยวะและเลือดเนื้อ เพื่อรักษาสัจจะ
ปรมัตถบารมี ยอมสละชีวิต เพื่อรักษาสัจจะ​

๘. อธิษฐานบารมี
บารมี ไม่หวั่นไหวแม้ต้องสูญเสีย ธนสารสมบัติ บุตร ภริยา
อุปบารมี ไม่หวั่นไหวแม้ต้องสูญเสีย อวัยวะและเลือดเนื้อ
ปรมัตถบารมี ไม่หวั่นไหวแม้ต้องสูญเสีย ชีวิต​

๙. เมตตาบารมี
บารมี มีเมตตาแม้ต่อผู้ที่จะทำร้าย ธนสารสมบัติ บุตร ภริยา
อุปบารมี มีเมตตาแม้ต่อผู้ที่จะทำร้าย อวัยวะและเลือดเนื้อ
ปรมัตถบารมี มีเมตตาแม้ต่อผู้ที่จะทำร้าย ชีวิต​

๑๐. อุเบกขาบารมี
บารมี วางเฉยได้ต่อผู้ที่จะทำร้าย ธนสารสมบัติ บุตร ภริยา
อุปบารมี วางเฉยได้ต่อผู้ที่จะทำร้าย อวัยวะและเลือดเนื้อ
ปรมัตถบารมี วางเฉยได้ต่อผู้ที่จะทำร้ายชีวิต​

ที่มา http://larndham.net/index.php

 

ใครชอบทำอะไรก็จงทำเถิด หากผลของการกระทำนั้นว่าดี หรือ ดีน้อยก็ยังถือว่าดีอยู่ จงทำ แต่หากการทำอะไรถือไม่เกิดผลดี หรือ การเห็น รู้ว่าผู้อื่นทำดีแล้วไม่สับสนุนกันก็ไม่ว่าอะไร แต่....จงเพ่งโทษว่าการขัดขวางการทำความดีนั้นอะไรคือผลที่จะตามมาก็อย่าทำเลย เมื่อเห็นแล้ว แก้ไขได้ อย่าเอาความดีใครหรือการกระทำในทางธรรมไปเปรียบกับทางโลกเลยเช่นการค้าขาย มันคนละทางกัน มองใหม่ ทำใหม่ แก้ไขได้ๆ สาธุ เราว่าเธอเจตนาดีแล้วแต่พินิจ เพิ่มเมตตาอีกนิดจะส่งผลงามเลิศกว่าเดิมมาก ข้อความนี้มอบให้ใครพิจรณาจะแจ้งด้วยตนเอง รักและเป็นกำลังใจพี่ๆทีมงานทุกคนเสมอครับ

 

การสอนธรรมะแบบผิดๆ เป็นโทษอย่างไร?​

​

ตอบปัญหาธรรมะโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ประธานกรรมการมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา

ถาม - การสอนธรรมะที่ผิดๆ นั้นเป็นการทำทุจริตหรือเปล่าครับ

ตอบ - เป็นโทษค่ะ อย่าลืมนะคะเป็นโทษ

ถาม - คือผู้ที่สอน เข้าใจว่าคำสอนนั้นเป็นคำสอนที่ถูก แล้วก็มีความปรารถนาดี มีความเมตตาต่อผู้อื่น ถึงสอนครับ

ตอบ - อันนี้ต้องขอให้แยกกันนะคะ ขณะที่ปราถนาดีหวังดีนั้นเป็นส่วนหนึ่ง แต่ขณะที่เข้าใจธรรมะผิดเป็นอีกส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นมโนกรรมถ้าเข้าใจธรรมะผิด เพราะฉะนั้นไม่ได้อยู่เพียงแค่ความเข้าใจผิดของตนเองผู้เดียวนะคะ ยังขยายออกไปถึงบุคคลอื่นที่จะทำให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดด้วย

ถาม - ขณะที่ผู้ที่สอนดังนั้น เป็นวจีทุจริตไหมครับ

ตอบ - ค่ะ เป็นมโนกรรมทางวจีทวาร

ถาม - ก็จะเป็นอกุศลกรรมบท

ตอบ - ค่ะ เป็นอกุศลกรรม

ถาม - ก็แล้วแต่ว่าความรู้สึกใช่ไหมครับ คือถ้าหากว่าบางขณะก็มีจิตที่คิดมีความปราถนาดี ขณะจิตนั้นก็ไม่เป็นอกุศลกรรม ก็สลับกันไป

ตอบ - ค่ะ เพราะฉะนั้นก็ต้องแล้วแต่ผู้ฟังด้วยนะคะ ที่จะช่วยผู้พูดธรรมะ ไม่ให้ได้รับโทษมาก คือพิจารณาสี่งที่ได้ฟังและเลือกเชื่อสิ่งที่ถูกต้อง อันนี้ก็จะเป็นทางที่จะช่วยผู้พูดธรรมะนะคะ ที่คลาดเคลื่อนหรือว่าที่เข้าใจผิด เพราะเหตุว่าเรื่องของวจีกรรม เมื่อได้กล่าวไปแล้ว โทษมากหรือโทษน้อยย่อมขึ้นอยู่กับการทำลายประโยชน์ เมื่อผู้ที่ได้ฟังเชื่อมากนะคะ เสียประโยชน์มากก็เป็นโทษมาก

แต่ถ้าได้ยิน ได้ฟังแล้วพิจารณาในเหตุในผล แล้วก็เลือกเชื่อในสิ่งที่มีเหตุมีผลนะคะ สิ่งที่ไม่เป็นเหตุเป็นผลก็ไม่เชื่อ นั่นก็ผู้ที่มีความเห็นผิดที่กล่าวผิดผู้เดียว ก็ย่อมเป็นผู้จะได้รับโทษจากความเห็นผิดของตนเอง แต่ว่าผู้ที่พิจารณาแล้วและก็เลือกเชื่อในสิ่งที่มีเหตุมีผลนะคะ ก็ช่วยบรรเทาผลหรือโทษที่จะเกิดเพราะวาจาผิดของบุคคลนั้นได้ เช่นเดียวกับเรื่องของมุสาวาท ถ้าใครพูดสิ่งที่ไม่จริงนะคะ ทำให้คนอื่นเชื่อเกิดความเข้าใจผิด เสียหายมาก ก็เป็นโทษมาก แต่ถึงเขาจะพูดสิ่งที่ไม่จริง แต่คนที่ฟังไม่เชื่อนะคะ โทษก็น้อยกว่าการที่ทำให้คนอื่นเชื่อผิด

ที่มา http://www.dhammahome.com/front/audio/show.php?id=3802

 

เครื่องบินเยเมนตกพร้อม 150 ชีวิต ยังไม่ทราบชะตากรรม​

​

โมโรนี 30 มิ.ย.- เจ้าหน้าที่คอโมโรสแจ้งว่า เครื่องบินของสายการบินเยเมเนียแอร์ของเยเมนประสบเหตุตกที่คอโมโรส ประเทศหมู่เกาะในมหาสมุทรอินเดียพร้อมผู้โดยสารและลูกเรือรวม 150 ชีวิต ขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม

นายอีดี นาดโออิม รองประธานาธิบดีคอโมโรสเผยที่ท่าอากาศในกรุงโมโรนี เมืองหลวงของประเทศว่า ยังไม่ทราบว่ามีผู้รอดชีวิตจากเหตุเครื่องบินเยเมนตกหรือไม่ เหตุเกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น และยังไม่ทราบจุดที่เครื่องบินตก ด้านเจ้าหน้าที่แพทย์คนหนึ่งในเมืองมิตซามิอูลี บนเกาะหลักของประเทศเผยว่า ถูกเรียกตัวไปยังโรงพยาบาลและได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเครื่องบินตก ขณะที่แหล่งข่าวตำรวจเชื่อว่า เครื่องบินตกลงในทะเล และเสริมว่าทางการไม่มีอุปกรณ์กู้ภัยทางทะเลเลย.-สำนักข่าวไทย

2009-06-30 09:07:01

แก๊สระเบิดหลังรถไฟตกรางที่อิตาลี คนตายแล้ว 6​

​

โรม 30 มิ.ย.-สถานีโทรทัศน์ทางการอิตาลีรายงานว่า มีผู้เสียชีวิต 6 คน บาดเจ็บอีกราว 50 คน หลังจากรถไฟขบวนหนึ่งตกรางทางตอนเหนือของประเทศ ทำให้แก๊สจากตู้ขบวน 2 ตู้ระเบิด สร้างความเสียหายแก่อาคารใกล้เคียง

สถานีโทรทัศน์อาร์เอไอรายงานว่า ถังแก๊ส 2 ถังที่ระเบิดบรรจุก๊าซปิโตรเลียมเหลว ด้านสำนักข่าวอันซาของทางการอิตาลีรายงานอ้างตำรวจเมืองวิอาเรจโจที่แจ้งตัวเลขผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บตรงกัน โดยระบุว่าผู้บาดเจ็บบางคนอาการสาหัส นอกจากนี้ยังมีอาคาร 2 แห่งใกล้สถานีรถไฟวิอาเรจโจพังถล่ม ตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงกำลังค้นหาผู้อาจติดอยู่ใต้ซากปรักหักพัง ขณะเดียวกันมีรายงานหลายกระแสแจ้งเบื้องต้นว่ามีผู้เสียชีวิตหลายคน.-สำนักข่าวไทย

2009-06-30 07:59:20

รถชนกันในอุโมงค์ที่นอร์เวย์ ไฟลุกท่วมเสียชีวิต 5 คน​

​

นอร์เวย์ 29 มิ.ย.- เกิดอุบัติเหตุรถชนกันจนเกิดเพลิงลุกไหม้ในอุโมงค์ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของนอร์เวย์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 5 คน

ตำรวจเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุที่อุโมงค์ไอค์ซุนด์ความยาว 7.7 กิโลเมตร ในเมืองออร์สต้า หลังได้รับแจ้งว่ามีรถยนต์ 2 คันชนกันอยู่ภายใน แต่เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าไปถึงจุดที่เกิดรถชนกัน เนื่องจากความร้อนสูงในอุโมงค์และควันจำนวนมาก กว่าจะไปถึงที่เกิดเหตุก็พบว่ารถทั้งสองคันถูกเพลิงไหม้จนจำสภาพเดิมไม่ได้ เจ้าหน้าที่บอกว่าพบผู้เสียชีวิตในรถยนต์คันหนึ่ง 4 ศพ ส่วนอีกคันมีผู้เสียชีวิต 1 คน เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้

ส่วนที่ตุรกี เกิดอุบัติเหตุรถโดยสารเสียหลักพุ่งตกลงข้างทางในเมืองอมาสย่า ทางตอนกลางของประเทศ ส่งผลให้มีผู้โดยสารเสียชีวิต 5 คน และอีก 45 คนได้รับบาดเจ็บ ส่วนสาเหตุคาดว่าเกิดจากคนขับหลับใน.- สำนักข่าวไทย

2009-06-29 22:53:56

ผู้ติดเชื้อหวัดใหญ่ 2009 ทั่วโลกพุ่งทะลุ 70,000 รายแล้ว​

​

เจนีวา 30 มิ.ย.-จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั่วโลกพุ่งทะลุ 70,000 รายแล้ว และ มีจำนวนผู้เสียชีวิต 311 คน

องค์การอนามัยโลกแถลงว่า จนถึงปัจจุบันมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสขนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ทั้งสิ้น 70,893 ราย ในจำนวนนี้รวมถึงผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วโลก 11,079 ราย ที่เพิ่งได้รับรายงานตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมีผู้เสียชีวิตทั่วโลก 311 ราย สหรัฐมีผู้ติดเชื้อ 27,717 ราย เสียชีวิต 127 คน แคนาดามีผู้ติดเชื้อ 7,775 ราย เสียชีวิต 21 คน ส่วนออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อ 4,038 ราย เสียชีวิต 7 คน

ที่ประเทศเคนยา รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข รายงานพบผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 รายแรกของประเทศ เป็นนักศึกษาชาวอังกฤษวัย 20 ปีที่เดินทางมาจากบ้านเกิดพร้อมกับกลุ่มนักศึกษาอีก 33 คน แต่นักศึกษาคนอื่น ๆ ได้ถูกกักตัวไว้ภายในโรงแรมเมืองคิซูมูทางตะวันตกของประเทศ เพื่อติดตามอาการแล้ว.-สำนักข่าวไทย

2009-06-30 03:20:32

ศาลตัดสินให้ เมดอฟฟ์ รับโทษจำคุกสูงสุดถึง 150 ปี​

​

นิวยอร์ก 30 มิ.ย.-นายเบอร์นาร์ด เมดอฟฟ์ เข้ารับการพิจารณาคดีฉ้อโกงมูลค่ามหาศาลถึง 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งล่าสุดเขาถูกตัดสินให้รับโทษจำคุกสูงสุดถึง 150 ปี

นายเมดอฟฟ์ เดินทางไปขึ้นศาลแขวงนครนิวยอร์ก โดยมีทั้งอดีตลูกค้าของเขาที่เป็นเหยื่อฉ้อโกง สื่อมวลชน รวมถึงประชาชนจำนวนมากรอฟังการพิจารณาคดี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายเมดอฟฟ์ ถูกศาลสั่งริบทรัพย์สินจำนวน 171,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 6 ล้านล้านบาท ซึ่งมากกว่าที่เขาเคยออกมารับสารภาพว่า ได้หลอกนำเงินของลูกค้าจำนวนมากไปจัดตั้งกองทุนในลักษณะแชร์ลูกโซ่มูลค่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นายเมดอฟฟ์ วัย 71 ปี ยอมรับสารภาพใน 11 ข้อหา รวมถึงฉ้อโกงและฟอกเงิน ซึ่งล่าสุด ผู้พิพากษาตัดสินให้เขาได้รับโทษจำคุกสูงสุดถึง 150 ปี แม้ว่าก่อนหน้านี้ ทนายความของเมดอฟฟ์ จะเตรียมยื่นต่อศาลขอให้ลูกความของเขารับโทษจำคุก 12 ปี ก็ตาม.-สำนักข่าวไทย

2009-06-30 02:13:57

ราคาน้ำมันดิบทะลุ 72 ดอลลาร์สหรัฐ จากเหตุไม่สงบในไนจีเรีย​

​

สิงคโปร์ 30 มิ.ย.- ราคาน้ำมันดิบทะลุ 72 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในการซื้อขายที่ตลาดเอเชียเช้านี้ จากเหตุการณ์ความไม่สงบในไนจีเรีย ประเทศผู้ผลิตน้ำมันแห่งสำคัญในแอฟริกา

โดยระหว่างการซื้อขายที่ตลาดเอเชียเช้านี้ น้ำมันดิบไลท์สวีทของนิวยอร์ก งวดส่งมอบเดือน ส.ค. มีราคาขยับขึ้น 1.08 ดอลลาร์สหรัฐ มาเคลื่อนไหวอยู่ที่ 72.57 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์ ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือน ส.ค. มีราคาพุ่งขึ้น 1.21 ดอลลาร์สหรัฐ มาเคลื่อนไหวที่ 72.20 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบกลับมาพุ่งทะยานอีกหน หลังกลุ่มติดอาวุธในไนจีเรียยืนยันได้บุกโจมตีผลประโยชน์ของบริษัทน้ำมันเชลล์ และได้เข่นฆ่าทหารไปอย่างน้อย 20 นาย ระหว่างการยิงต่อสู้กัน แต่กองกำลังความมั่นคงของไนจีเรียออกมาปฏิเสธเรื่องนี้ว่า ไม่เป็นความจริง ขณะที่โฆษกบริษัทน้ำมันเชลล์ ยืนยันถูกกลุ่มติดอาวุธบุกเข้าโจมตีจริง ส่งผลให้การผลิตน้ำมันได้รับผลกระทบ

กลุ่มติดอาวุธที่ใช้ชื่อว่า กลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อการปลดปล่อยสามเหลี่ยมไนเจอร์ ระบุว่า แหล่งน้ำมันดิบ ฟอร์คาดอส ของบริษัทเชลล์ นอกชายฝั่งรัฐเดลตา ได้ลุกไหม้จากเหตุระเบิดครั้งใหญ่ ซึ่งเกิดขึ้นหลังถูกกลุ่มติดอาวุธบุกโจมตีเมื่อเวลา 02.30 น. ของเมื่อวานตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 10.30 น. ของเมื่อวาน ตามเวลาในไทย ถือเป็นเหตุโจมตีผลประโยชน์ของบริษัทเชลล์ครั้งล่าสุด หลังถูกกลุ่มติดอาวุธในไนจีเรียโจมตีมาหลายระลอกแล้วในเดือนนี้ ทั้งที่ประธานาธิบดี อุมารู ยาร์อดัว แห่งไนจีเรีย เพิ่งเสนอจะอภัยโทษให้กลุ่มติดอาวุธ

ราคาน้ำมันดิบยังพุ่งสูงขึ้นจากรายงานในช่วงสุดสัปดาห์ว่า จีนมีแผนจะเพิ่มปริมาณสำรองน้ำมันดิบทางยุทธศาสตร์อีกร้อยละ 60 เป็น 270 ล้านบาร์เรล ในอีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งจะส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นในระยะยาว. - สำนักข่าวไทย

2009-06-30 11:05:32

ที่มา http://news.mcot.net