ประสบการณ์วัตถุมงคล หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง

**
ผ้ายันต์ธงฯ ผมเองก็ใส่หลอดตะกรุดห่วงเดียวอยู่ 1 ผืนครับ...สะดวก....แต่ช่วงหลังจะติดกระเป๋า ไม่ค่อยได้แขวนคอแล้วครับ....อีกหลอดจะเป็นผงจากพระคำข้าวที่แตกบิ่น+ทรายเสกหลวงพ่อฯ ครับ....เช่นกันครับ...ติดกระเป๋า

 

***
ต้องขอบคุณผู้ที่ลงทุนแกะเหรียญ+ผ้ายันต์ที่เลี่ยมจากวัดเลยนะครับ....สุดยอด

 

ผ้ายันต์มหาพิชัยสงคราม





ประวัติผ้ายันต์มหาพิชัยสงคราม

ผ้า มงคลที่นำมาแจกนี้ได้จากตำราหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตามตำราท่านให้ชื่อว่า ธงมหาพิชัยสงคราม เป็นตำรา ที่หลวงพ่อปานท่านเรียนและได้รับตำรานี้จากท่านอาจารย์แจง เมืองสวรรคโลก (อำเภอสวรรคโลก ปัจจุบัน) ตามตำราแจ้งว่าเป็นตำราที่พระร่วงใช้ในสมัยกู้ชาติ ท่านอธิบายผลไว้มากมาย ขอแจ้งแต่เพียงสรรพคุณโดยย่อว่า ท่านใช้เป็นธงนำทัพ

วิธีใช้ผ้ายันต์ฯ ก่อนใช้ให้อาราธนาบารมีพระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์อื่นๆ สืบๆกันมา มีหลวงพ่อปานเป็นที่สุด แล้วปลุกด้วยคาถา " พุท ธะ สัง มิ. "

ผ้ามงคล(ธงมหาพิชัยสงครามนี้) จะมีผลประการใดบ้าง ก็ขอให้ท่านผู้ใช้ได้ทราบเอง เมื่อถึงวาระที่จำเป็น ทุกวันท่านให้อาราธนาเป็นปรกติ ตอนเช้าเมื่อตื่นนอนใหม่ๆ และเวลาเย็นก่อนอาราธนาขอให้ระลึกถึงบารมีพระ พุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ครูบาอาจารย์ทั้งหลายสืบๆกันมา มีหลวงพ่อปาน วัดบางนมโคเป็นที่สุด แล้วอาราธนาว่าดังนี้

" อิทธิฤทธิ พุทธะนิมิตตัง ขอเดชะเดชัง ขอเดชเดชะ จงมาเป็นที่พึงแก่มะอะอุนี้เถิด."

คาถาอาราธนานี้ หลวงพ่อปานบอกว่าเป็นคาถาอาราธนาของพระร่วง...

( ข้อมูล : จากหนังสือสมบัติพ่อให้. )


ความรู้เรื่องธงมหาพิชัยสงคราม เเละความหมายของยันต์บนผืนธง


พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านกรุณาเล่าให้ฟังว่า เป็น ธงออกศึกของพระร่วง ในสมัยก่อน
พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ได้ตำราการทำยันต์ธงมหาพิชัยสงครามนี้ มาจาก อ.แจง ชาวสวรรคโลก
ซึ่ง อ.แจงนี้ เป็น ฆราวาส แต่ ทรงสมาบัติ 8
ธงมหาพิชัยสงครามนี้ หากนำทัพเข้าสู่สงครามจะไม่ประสบกับความพ่ายแพ้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเคยกรุณาบอกไว้ว่า
ผืนเดียวคลุมทั้งฐาน หมายถึง ถ้ามีผ้ายันต์นี้ ผืนเดียวสามารถคุ้มครองได้ทั้งฐานทัพครับ ไม่ว่าจะสร้างเป็นค่าย หรือแค่ บังเกอร์?
ตัวอย่างมีเยอะครับพี่ๆ ทหารที่เคยไปรบด้านตาพระยา น่าจะรู้ซึ้งถึง พระพุทธคุณของธงมหาพิชัยสงครามนี้ดี
มี เกร็ดอยู่อีกหน่อยว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านสั่งห้ามว่า ถ้าได้ธงผืนนี้ไปแล้ว ห้ามปลุกโดยเด็ดขาด เพราะ อานุภาพสูงมาก ถ้าไปปลุกธงมหาพิชัยสงครามนี้? อาจถึงตายได้ครับ ในตำราสมุดพระร่วงได้จารึกตำราสร้างธงมหาพิชัยสงครามนี้
เเละยังรวมไปถึงวิธี การเป่ายันต์เกราะเพชรของสายพระเดชพระคุณหลวงปู่ปาน และ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี

ปัจจุบัน ตำรานี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี ท่านได้ถวายในหลวงไปตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 แล้ว เพราะหลวงพ่อฯ ท่านเป็นลูกหลานคนสุดท้ายของตระกูลพระร่วงที่สืบเขื้อสายมา ในส่วนของตำราพระร่วงนี้ ถ้าบุคคลอื่นได้ตำรานี้ไป
ก็ไม่สามารถทำวัตถุมงคลต่างๆ ได้ถึงอานุภาพสูงสุด อย่างเก่งก็ไม่เกิน 10 %
เพราะท่านเจ้าของตำราคือ ท่านผกาพรหม ท่านไม่อนุญาติ
ดังนั้น ตามคติคนเรียนวิชาแต่โบราณ ถ้าสิ้นสุดสายการสืบทอดวิชา
ถ้าจะเริ่มวิชาใหม่ ต้องไปขอต่อพระเจ้าแผ่นดินให้พระเจ้าเเผ่นดินครอบครูให้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีท่านทราบข้อบังคับนี้
ท่านจึงถวายตำรานี้แด่ ในหลวงครับ

............ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งได้ส่งเจ้าพระยาโกษาปาน ไปทำสัมพันธ์ไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ ที่ ๑๔
ซึ่งได้มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่า
?........... เมื่อเรือสำเภาอันจะเข้าสู่กรุงฝรั่งเศสนั้น จะต้องผ่านวังน้ำอันวนเชี่ยวใหญ่ เรือสินค้ามากมายถูกดูดลงสู่วังน้ำวน จมลงนับร้อย เรือสำเภาอันเจ้าพระยาโกษาปานราชทูตโดยสารมานั้น จะถูกดูดเข้าวังวน ปะขาวอาจารย์ของเจ้าพระยาโกษาปาน ได้ตั้งพิธีขึ้น ระลึกถึงพุทธานุภาพ ทำอาโปกสิณ บัดหนึ่งก็เกิดลมสลาตันยกเรือสำเภาของพระยาโกษาปาน ข้ามผ่านวังน้ำวนนั้นไปเป็นที่อัศจรรย์ ...........ในเวลาเที่ยง พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ได้ทรงให้ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์แม่นปืนสองหมู่ หมู่หนึ่งชุดแต่งกายแดงร้อยคน หมู่หนึ่งชุดแต่งกายดำร้อยคน ตั้งกองอยู่ตรงข้ามกัน ห่างกันสักสี่สิบห้าสิบวา ฝ่ายทหารชุดแต่งกายแดงทั้งร้อยคน ยิงปืนไปยังหน่วยทหารแต่งกายดำ ลูกปืนเข้าสู่ลำกล้องของทหารแต่งกายดำทั้งร้อยกระบอก พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ทรงตรัสว่า พระเจ้าแผ่นดินสยาม มีทหารแม่นปืนเช่นนี้หรือไม่ ? เจ้าพระยาโกษาปานตอบว่า ในเมืองสยามไม่มีทหารแม่นปืน เหมือนเช่นในฝรั่งเศส เพราะอาวุธปืน ไม่อาจทำอันตรายทหารสยามได้ จึงไม่มีความจำเป็น ในการตั้งกองทหารปืน พระเจ้าหลุยส์ ที่ ๑๔ จึงตรัสว่า มีเหตุเช่นนั้นจริงหรือ ?

......... เจ้าพระยาโกษาปานจึงกราบทูลตอบว่า ?ข้าพระพุทธเจ้า จะขอแสดงให้ทอดพระเนตรในวันพรุ่ง โดยขอให้หน่วยทหาร ทั้งชุดแดงและชุดดำ เป็นผู้ยิงปืน?
...........ในวันรุ่งขึ้น ปะขาวได้ตั้งศาลเพียงตา แลวางสายสิญจน์รอบปักธงธวัชแล้ว ให้กลาสีเรือชายสยามทั้งร้อย เข้าไปอยู่ภายในวงรอบสายสิญจน์ มลฑลพิธี ภายนอกห่างไปสักยี่สิบวา ทหารชุดแต่งกายแดง และทหารชุดแต่งกายดำ พร้อมปืนยืนรออยู่ เมื่อปะขาวผู้ทรงศีลให้สัญญาณ เจ้าพระยาโกษาปาน จึงกราบทูลให้พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ รับสั่งให้ทหารปืนทั้งหมด เล็งยิงไปยังกลาสีเรือชายสยามทั้ง ๑๐๐ คนนั้น ...................เสียงปืน ๒๐๐ กระบอก ดังสนั่นหน้าพระที่นั่ง ควันปืนอบอวลคลุ้งกระจาย ลูกกระสุนปืนทั้ง ๒๐๐ นัด มิได้ระคาย แม้ชายเสื้อทหารสยามทั้งหลาย เป็นที่อัศจรรย์ พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ จึงทรงตรัสถามเจ้าพระยาโกษาปานว่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราช มียอดทหารเช่นนี้อีกเท่าใด? เจ้าพระยาโกษาปานกราบทูลตอบว่า ?ชายสยามเหล่านี้ เป็นเพียงประชาชนชาวบ้านธรรมดาทั่วๆ ไป ที่เกณฑ์มาเป็นกลาสีเรือเท่านั้น ส่วนทหารของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเจ้านั้น เยี่ยมยอดกว่านี้มากมาย (ความจริงแล้ว กลาสีเรือทั้ง ๑๐๐ คนนี้ คือหน่วยอาทมาต ที่ได้ศึกษา วิชาชาตรี เจนจบในตำหรับพิชัยสงครามมาเป็นอย่างดีแล้ว) ..........พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ตรัสสรรเสริญ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ว่ามีบารมี ที่มีทหารหาญ ที่แกร่งกล้าและคงทนแก่ศาสตราวุธ จึงสามารถรักษาประเทศสยาม ให้เป็นเอกราชไว้ได้..........?

..........ธงมหาพิชัยสงครามนี้จะเป็น ธงที่ใช้ในการออกรบในสมัยพระร่วงเจ้า ได้รับชัยชนะต่อข้าศึกทั้งหลาย..........

...........ภายในธง ประกอบด้วย พระบารมี แห่ง พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยะสงฆ์เป็นหลัก..........

........... ดังในยอดธง มี พุทธะสังมิ ซึ่งเป็น คำย่อของ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง คัจฉามิ เป็นการสรางความมั่นคงต่อ พระรัตนะตรัย เป็นการประกาศขอยึดเป็นสรณะที่พึ่งอันสูงสุด ...........
............ถัดมา คือ อะ สัง วิ สุ โล พุ สะ พุ ภะ ซึ่งเป็นคำย่อ ของพุทธคุณ อันมี ตั้งแต่ อะระหัง จนถึงภควาติ...........

............ เป็นการนำใจที่เคารพแล้ว เข้าถึงความเป็นพุทธะ คือความสะอาด สว่าง สงบ ตามที่องค์สมเด็จพระจอมไตรได้ตรัสสั่งและสอน............
............ ถัดมาอีกในวงกลมแต่ล่ะวง นับได้ 10 วง เปรียบถึง บารมี 10 ประการ ภายในวงใหญ่ ได้อัญเชิญรูปภาพเปรียบแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อยู่ตรงการภายในวงกลม คือองค์สมเด็จองค์ปฐมต้นสุด รอบมีรูปองค์พระทั้ง 28 พระองค์ตามปรากฏในพระคัมภีร์ต่างๆ เช่น คัมภีร์พระไตรปิฎก เป็นต้น รอบกลับบัวมี คาถาบารมี 30 ทัศ ซึ่งกลับบัวเทียบเสมือนรัศมีแห่ง พระพุทธคุณ พระบารมี ที่แผ่กระจาย ปกคลุมผู่ที่ได้ครอบครอง และทั่วไปโดยรอบด้าน..........

...........กล่าว โดยสรุป ธงมหาพิชัยสงครามนี้ มีคุณทั้งทางโลกและทางธรรม ในทางโลกเป็นไปตามโลกธรรมต่างๆ ส่วนในทางธรรมแล้ว เปรียบประมาณค่ามิได้ คือ การเข้าถึงไตรสรณะคมส์ การบำเพ็ญบารมี 10 ให้สมบูรณ์บริบูรณ์ เพื่อละสังโยชน์ 10 ประการ เป็นทางแห่ง มรรคผล พระนิพพานในที่สุด...........

........... ภายในดอกบัวใหญ่ที่ปรากฏภาพพระพุทธเจ้านั้น เป็นพระนามของพระพุทธเจ้าทั้ง 28 พระองค์ กลีบบัวใหญ่บรรจุด้วยพระคาถาอาวุธพระพุทธเจ้านั่นคือ บารมี 10 ประหนึ่งว่าวงกลมทั้ง 10 วงบนยันต์ ก็คือบารมี 10 นั่นเอง ที่ยอดพุ่มของธง เป็นคำย่อของบท อิติปิโสฯ และบนยอดธงบรรจุคาถา พุท ธะ สัง มิ คือคำย่อของไตรสรณาคม ในวงย่อยแต่ละวง มีคำว่า พุท ธะ มะ อะ อุ นะ โม พุท ธา ยะ อยู่ด้วย ที่บัวดอกเล็กเป็นคาถา บารมี 30 ทัศ บทว่า อิ ติ ปา ระ มิต ตา ติง สาฯ ...........

............ ยันต์นี้ไม่เพียงแต่มีชัยในทางโลกธรรม หากแต่เป็นเครื่องหมายเตือนพระโยคาวจรทั้งหลายว่า หัวใจของการชนะกิเลสทั้งปวงอาศัยบารมี 10 เป็นเครื่องประหาร เมื่อสามารถทรงบารมีทั้ง 10 ประการครบถ้วน ท่านก็ชนะหมดโลก คือ ชนะกิเลสในใจของท่านทั้งหลายนั่นเอง ............

.............จึงถือได้ว่าพุทธานุภาพของยันต์พิชัยสงครามนี้ เป็นคุณแก่ท่านที่มีไว้ครอบครองแท้จริง ............

.............สงครามที่เหลืออยู่คือสงครามที่ท่านรบกับใจตัว ขอท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ชนะสมดังปรารถนาเถิด. .............

.............หมายเหตุ : *มะ อะ อุ - อุ อะ มะ - อะ มะ อุ

* หลวงปู่มหาอำพัน วัดเทพศิรินทราวาส ได้เมตตาเขียนไว้ดังนี้ .............

อะ - อรหัง สัมมาสัมพุทโธ
อุ - อุตตะมัง ธัมม มัชฌะคา
มะ - มหาสังฆัง ปะโพเธสิ อิจเจตังรตนัตตะยัง

ยอดธง
พุท-ธะ-สัง-มิ
ย่อมาจากไตรสมณคมณ์-พุทธังสรณังคัจฉามิ ธรรมมังสรณังคัจฉามิ สังฆังสรณังคัจฉามิ

บนพานใต้เสาธง
อะ
สังอะ
วิสังอะ
สุวิสังอะ
โลสุวิสังอะ
ปุโลสุวิสังอะ
สะปุโลสุวิสังอะ
พุสะปุโลสุวิสังอะ
ภะพุสะปุโลสุวิสังอะ

ยันต์กลม 1
ธา ลัง ถะ
ตัง มะ ติ
ตะ โน ยา

กลมดำ 2
ล้อมด้วย
ระมิติงสา-พัญญูมาคะ-ตาธิมนุปัตโต-โสจะเตนะโม
แถวกลาง
ปิ
ติ
โพติ อิ ติธา
ติ
สัพ

ถอดพิศดารมากจาก
อิติปาระมิตาติงสา อิติสัพัญญูมาคะตา อิติโพธิมนุปปัตโต อิติปิโสจะเตนะโม

วงกลมแถว 3
วงซ้าย นะโมพุทธายะมะอะอุ แบบตาหมากรุก(ม้า)อนุโลม
วงขวา นะโมพุทธายะมะอะอุ แบบตาหมากรุก(ม้า)ปฏิโลม
กลมแถว 4
กลมซ้าย
จะ ติ ยา
ลัง มะ นา
ธา ตัง ตะ
กลมขวา
ชิ ติ ยา
โส มะ เต
เน นา ชิ

อะ เต สะ ตา สะ มะ เต ถุ
ถะ ภะ สิ โล เพ วิ ติ มา
ติน วะ ภะ ธา ชุ นุ นา มา
ตะ นิ สะ เถ นิ รุ เม จะ


ลักษณะ เป็น ผ้ายันต์สี่เหลี่ยมผืนผ้าสีแดง มีขนาดเล็ก บูชาที่วัดท่าซุงหรือซอยสายลม ราคาทำบุญผืนละ 320 บาท และขนาดใหญ่ บูชาที่วัดท่าซุงหรือซอยสายลมผืนละ 800 บาท (ปัจจุบันได้ยินว่าผืนใหญ่หมดจากที่วัดแล้วครับ แต่ที่สายลมยังไม่ทราบ วันเสาร์นี้ไปทำบุญจะไปดูให้ครับ...หุหุ) แต่คิดว่าพุทธานุภาพผืนเล็กและผืนใหญ่น่าจะเสมอกันครับ....




​

<fieldset class="fieldset"> <legend>รูปขนาดเล็ก</legend>
</fieldset>
ขอนุญาติคุณน็อต นำประวัติการสร้างแผ่นยันต์พิชัยสงครามมาแบ่งปันกันศึกษาครับ เพื่อให้เกิดอนุสติ อนุโมทนาครับ

 

กรี๊ดด.. อ่านแล้วถึงขั้นหลอนเลยทีเดียวค่ะ

 

ขอนุญาติคุณน็อต นำประวัติการสร้างแผ่นยันต์พิชัยสงครามมาแบ่งปันกันศึกษาครับ เพื่อให้เกิดอนุสติ อนุโมทนาครับ


ยินดีและโมทนาบุญด้วยครับพี่ป๊อก....สามารถนำข้อมูลในกระทู้ผมมาเผยแพร่ให้สมาชิกทั่วไป
ได้ศึกษาหรืออ่านได้ตลอดเลยนะครับพี่ป๊อก เผื่อว่าจะมีประโยชน์ ต่อพี่ๆน้องๆ สมาชิกท่านอื่นในการบูชาวัตถุมงคลของหลวงพ่อด้วยนะครับ...โมทนาบุญด้วยครับ....

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้าเวบนะคร้าบ...เนื่องจากงานยุ่งคร้าบ...บ....

 

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ
หนูก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันค่ะ แต่หลอนเลยค่ะ ยิ่งขี้กัวอยู่ด้วยค่ะ ขั้นขี้ขึ้นสมองเลยหล่ะค่ะ หนูไม่ชอบฝันเห็นไรแบบนี้ และไม่อยากเจอด้วยค่ะ :'(

แต่พอเมื่อคืนกลับมาใส่ลูกแก้วหลวงปู่พระราชพรหมยานแล้ว ก็ไม่ฝันไม่ดีอีก ต้องลองสังเกตตัวเองดูอีกที
ค่อยยังชั่ว(tm-love)

 

สำหรับน๊อต น๊อตเลือกพระหางหมาก ครับ เพราะว่าหลวงพ่อท่านเคยบอกประมาณว่า พระคำข้าวและพระหางหมากนั้นมีลาภเสมอกัน
แต่พระหางหมากนั้นเด่นทางเรื่องคุ้มครองอีกต่างหาก เนื่องจากสมเด็จท่านสงเคราะห์ให้มีชาตรีซุกอยู่ด้วย.... อาจจะต่างจากชานหมากเล็กน้อยตรงที่ชานหมากนั้นชาตรีจะนำหน้าครับ...

แฮร่ๆ ค่อยโล่งอกไปที...นึงว่าเด็กบ้านนอกคนนี้...จะโดนหลอกซะแล้ว.....ฮ่าๆๆๆๆ (แซวกันเล่นๆ นะครับ....)

สาธุๆ ขอโมทนาบุญกับพี่พิชญากร ด้วยนะคร้าบ..บ....

 

ถ้าหากว่ายังกลัวอีกนี่ขออนุญาติแนะนำนะคร้าบ...ว่าให้สวดพระคาถายันทุน ก่อนนอนครับ หรือถ้าหากว่าฝันร้ายแล้วตื่นขึ้นมากลางดึกก็ให้กลับหมอนที่นอน หลังจากนั้นก็กราบพระขออาราธนาบารมีคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ให้ช่วยคุ้มครอง แล้วตั้งนะโมสามจบ จากนั้น ก็สวดพระคาถายันทุน (ที่ขึ้นต้นว่ายันทุน นิมิตตัง อะวะมังคะลัญจะโย จามะนะโป.....) นะครับจะช่วยให้เรานอนหลับสบายและจิตใจสงบและไม่นอนฝันร้ายได้นะครับ....

 

อืม....เท่าที่เคยได้ยินได้ทราบมานะครับ เหมือนอ่านเจอในหนังสือเล่มไหนสักแห่งนะครับ ว่าผ้ายันต์มหาพิชัยสงครามนี้นอกจากจะช่วยคุ้มครองป้องกันแล้ว ยังช่วยดึงดูดสิ่งดีๆที่เป็นมงคลต่างๆเข้ามาในชีวิต ทำให้ชีวิตของเราดีขึ้นได้ด้วยนะครับ ถ้าเรารู้จักอาราธนาใช้งาน ถ้าจำไม่ผิดหลวงพ่อท่านบอกว่าให้ภาวนาควบคู่กับพระคาถาเงินล้านพร้อมทั้งกำหนดรู้ลมหายใจเข้าออกด้วยนะครับ

ไม่แน่ใจว่าอยู่ในหนังสือเรื่องจริงอิงนิทาน หรือหลวงพ่อตอบปัญหาธรรมนะครับ น๊อตจำไม่ได้จำได้แต่ว่า มีลูกศิษย์ผู้หญิง ท่านนึงได้กราบเรียนถามหลวงพ่อว่าแถวๆบ้านของเขามีการเล่นของ ไสย์ดำกันมาก แล้วเขามีแต่พระคำข้าวกับผ้ายันต์มหาพิชัยสงครามอยู่เท่านั้น แล้วจะกันได้ไหมอ่ะครับ ใครจำได้เอามาเล่าที...น๊อตจำได้คร่าวๆแค่นี้่อ่ะจ้า...แหะๆๆๆๆ

 

อ้างอิง:
<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: 1px inset; BORDER-TOP: 1px inset; BORDER-LEFT: 1px inset; BORDER-BOTTOM: 1px inset">ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ Norragate
ขอบคุณมากๆกับความคิดเห็นเรื่องนี้นะครับ...เพราะผมคนหนึ่งเป็นคนที่เชื่อเรื่องผีหรือวิญญาณแต่ก็ไม่เคยพบเจอหรือสัมผัสกับสิ่งนี้ในชีวิตเลยสักครั้งแต่ถ้าเป็นผีในความฝันก็เคยเห็นบ่อยและเริ่มสังเกตุตนเองว่า ถ้าหากคืนไหนที่ไม่ได้สวดมนต์หรือเว้นจากการสวดมนต์สักสามคืนติดๆ ถึงแม้จะหลับไปพร้อมกับการบริกรรมพุธโธก็ตามมักจะฝันเห็นผีหรือฝันร้ายครับ..ขอยกตัวอย่างเมื่อคืนเลยครับ..จู่ฝันว่ามีคนแปลกหน้าเข้ามาในบ้านเพื่อหวังที่จะทำร้ายคนในบ้านเรา และสมาชิกในบ้านคนหนึ่งก็ถูกคนร้ายใช้มีดปาดคอ... ตื่นเช้ามาผมจึงต้องสวดมนต์แผ่เมตตาให้.. และหากมีโอกาศก็จะรีบแวะตักบาตรตอนเช้าทันทีครับ...
</TD></TR></TBODY></TABLE>

นี่แค่สรุปใจความของฝันร้ายคืนนั้นนะครับ..แต่เรื่องราวเต็มๆในฝันทั้งหมดน่ากลัวมากครับ....เหมือนคนในฝันนั้นจะมาแสดงความอาฆาตให้ผมได้เห็นเพื่อเตือนอะไรบางอย่างครับ..

สวัสดีครับคุณ น๊อต....มีประสบการณ์เกี่ยวกับพระหางหมากมาเล่าให้ฟังกันบ้างมั้ยครับ...(^_^)

 

อืม...ถ้าพระหางหมากนี่ผมไม่ค่อยได้แขวนเดี่ยวนะครับ ถ้าแขวนเดี่ยวของผม ผมจะเลือกแขวนพระคำข้าวหรือเหรียญของขวัญวันเกิดมากกว่าหน่ะครับ เพราะว่าเลี่ยมกรอบไว้แล้วหน่ะครับ....แหะๆ

 

อ่อ...เล่าเรื่องพระคำข้าวก็ได้ครับ..(^_^) เด๋วรออ่าน อิอิ

 

***
อานุภาพของผ้ายันต์ธงฯ ยอดเยี่ยมมากจริงๆครับ เพราะ หลังจากที่ผมมอบเหรียญสามัคคีมีสุข+ผ้ายันต์+เชือกแดง(เดิมๆจากวัด)แด่ผู้ที่เคารพนับถือไปแล้ว....ผมก็มีเพียงผ้ายันต์ธงฯ ม้วนใส่หลอดตะกรุด อาราธนาแขวนคออยู่นานมาก.....จนกระทั่งได้พระคำข้าวมา.....แล้วก็พระหางหมาก....และวัตถุมงคลชิ้นอื่นๆของหลวงพ่อฯมาบูชา ....แม่ไม่มากมายอะไร แต่ก็สมใจปรารถนา

...ตอนนี้ก็กำลังจะนำ"พระคำข้าว+พระหางหมาก" ที่ยังไม่ได้เลี่ยม มาใส่ตลับรวมกันเป็นชิ้นเดียว...เป็นตลับพระร่วงหลังรางปืนนะครับ.....ไอเดียนี้เคยเห็นคุณบอย specialized (เจ้าของกระทู้นี้) ทำอยู่....เลยเลียนแบบ...แต่ผมไม่ได้ใส่ตลับเงินนะครับ เป็นตลับสแตนเลสซื้อมา 100 บาท...

 

แม้บางคืนจะเหนื่อยและเพลียจนไม่ได้สวดมนต์ก่อนนอน...แต่ในเวลาเช้าและกลางวันก็มักจะภาวนาคาถาของหลวงพ่อเสมอๆ...แบบว่ารู้สึกติดคาถานี้ไปโดยปริยาย...ไม่ว่าจะเวลาใดที่ว่างๆก็จะบริกรรมคาถานี้เสมอๆครับ ขนาดเวลาประชุมยังเผลอสวดอยู่ในใจเป็นบางครั้งบางคราวเลยครับ...ไม่รู้ว่าคุณพิญากรเป็นเหมือนกันรึป่าว..

 

ที่รถผม จะแขวน
- พระเหรียญ กูผู้ชนะ - ผ้ายันต์ - เหรียญไพรีพินาศ ที่เลี่ยมด้วยกันในกรอบ และ
- พระเหรียญ หลวงพ่อ - ท้าวเวสสุวัณ

แขวนไว้ที่กระจกมองหลัง ทำให้มีความรู้สึกอบอุ่นใจดี มีเหตุการณ์ หลายอย่างเกิดขึ้นที่ไม่สามารถอธิบายได้ เช่น

หลายเดือนก่อน ผมได้ไปส่งเพื่อนที่บ้านในซอยแห่งหนึ่ง เวลาใกล้ ๒๔.๐๐ น. ขากลับออกจากซอยมาถนนใหญ่ มองทางด้านขวาเห็นรถวิ่งสวนมา หลายคันจึงหยุดรอ จนรถคันสุดท้ายผ่านไป ผมเตรียมตัวจะออก ในเวลานั้น ผมได้เห็นภาพ มีรถมอเตอร์ไซด์วิ่งผ่าน ผมจึงชะงักหยุดรอ ทั้งๆที่บนถนนไม่เห็นรถ ผมรออยู่ ๓-๔ วินาที จากนั้นก็มีรถมอเตอร์ไซด์ ๓ คัน ไม่เปิดไฟหน้า เด็กวัยรุ่นทั้งหมด บางคันมีคนซ้อนท้าย ทั้งหมดไม่สวมหมวกกันน็อก แข่งกันมา นี่ถ้าผมออกไปเลยเมื่อรถบนถนนผ่านไปหมด รับลองได้ว่า มอเตอร์ไซด์ทั้ง ๓ คันผมเก็บเรียบ เนื่องจากว่าผมออกไปแล้วต้องชิดขวาทันทีเพราะต้องกลับรถ

ทำให้ผมนึกถึง หลวงพ่อ และตอนหนึ่งของคำ สมาทานพระกรรมฐาน ว่า "........เหตุใดที่จะพึงบังเกิดแก่ข้าพเจ้า ขอให้ข้าพเจ้าได้รู้เหตุนั้นได้โดยมิต้องกำหนดจิต แม้แต่ประการใด....."

น่าตื่นเต้นครับ ผมได้แต่กล่าวคำว่า สาธุ สาธุ สาธุ...ผมไม่คิดว่านี่เป็นลางสังหรณ์ที่เกิดจากตัวผมเอง ต้องมีพระ มีครูบาอาจารย์ มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยบันดาลให้เกิดให้เห็น มาตักมาเตือน

สาธุครับ / ขอให้รู้ทันในปัจจุบัน

 

ขอบพระคุณมากๆนะครับ สำหรับเหตุการณ์และประสบการณ์ที่ ppock นำมาถ่ายทอดให้พี่ๆน้องๆได้รับทราบกัน....

...ที่รถผมแขวนเหรียญมหาลาภปี30เลี่ยมรวมกับผ้ายันต์ธงฯ ที่กระจกส่องหลังครับ....แคล้วคลาดปลอดภัย...

...บนคอนโซลก็วางสมเด็จองค์ปฐม(60 ปีในหลวงครองราชย์) กระจกหน้าก็ติดสติกเกอร์รูปหลวงพ่อล้อมรอบด้วยคาถาเงินล้านครับ...

 

พระคำข้าว นี่ไม่เคยสังเกตุครับงั้นขอเป็นประสบการณ์ของเหรียญของขวัญวันเกิดก็แล้วกันครับ ก็คือ เมื่อประมาณปีที่แล้วครับ ตอนที่ยังอยู่บ้านหลังเก่า พอดีวันนั้นที่บ้านฝนตกหนักครับ น้ำก็เลยท่วมบ้าน ตอนจะนอนก็ไม่ได้คิดอะไรครับ ก็นอนไปตามปรกติ พอประมาณตีสองได้มั้งครับ ก็รู้สึกว่าเจ็บแปล๊บๆ บริเวณส้นเท้า ตรงเอ็นร้อยหวายหน่ะครับ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ก็นอนต่อ นอนไปอีกสักแป๊บรู้สึกว่าเจ็บแป๊บๆ ที่หัวเข่า อีกก็เลยเอื้อมมือไปเกาๆ แล้วก็นอนต่อ (ด้วยนิสัยคนขี้เซา...แหะๆ...) จากนั้นก็เริ่มเจ็บที่รักแร้ซ้ายอีก ความนี้เจ็บมากกว่าทุกครั้งเลยตะบบลงไป ในใจคิดว่าเป็นจิ้งจกเห็นมันดิ้นดุ๊กดิ๊กในมือ พอเปิดไฟเท่านั้นแหล่ะพระเจ้า...แหกปากลั่นบ้านเลยครับ ตะขาบตัวยาวสัก 4-5 นิ้วเห็นจะได้ ก็เลยสลัดทิ้งแล้วก็เอาผ้าไล่ต้อนมันไว้มุมห้องแล้วเอาที่ตักผงเขี่ยมันทิ้งไป จากนั้นก็ดูรอยตรงที่รู้สึกเจ็บๆ ปรากฏว่า เหลือไหลแดงแจ๋เลยครับ ก็เลยไปล้างในห้องน้ำแล้วกลับมาสลัดผ้าห่มผ้าปูที่นอน (เพราะกลัวมันมีหลายตัวครับ...) แต่ที่น่าแปลกก็คือว่า โดนตะขาบกัดจนเลือดไหลขนาดนั้นแต่ไม่มีอาการปวดหรือบวม ทั้งๆที่แต่ก่อนโดนผึ้งโดนแตนต่อย ก็บวมตุ่ยแล้ว แต่คราวนี้รู้สึกแค่เจ็บๆแผลและเหมือนเป็นเสี้ยนให้เจ็บแปล๊บๆตรงแผลเท่านั้นเอง... ก็เลยคิดว่าเป็นเพราะอานุภาพของเหรียญของขวัญวันเกิดแท้ๆครับ ที่ช่วยบรรเทาไม่ให้เกิดความเจ็บปวดและอาการบวมครับของรอยตะขาบกัดครับ..

ปล. ความเชื่อส่วนบุคคลนะคร้าบ.บ.บ.....

 

ขอบคุณมากเลยค่ะ
ปกติเวลาฝันถึงวิญญาณอะไรแบบนี้จะฝันว่าตัวเองแผ่เมตตาในฝันเลย พอสะดุ้งตื่นก็จะแผ่เมตตาอีกรอบ แล้วตามด้วยยันทุนค่ะ
แต่ตั้งแต่เอาลูกแก้วหลวงพ่อมาติดตัวขึ้นคอไว้ก็ไม่ฝันร้ายเลยนะคะ
มีวันก่อนที่จะมาเล่าให้พี่ๆฟังน่ะค่ะ พลาด มาร์คหน้าแล้วถอดทิ้งไว้ ลืมใส่ เพราะเวลาล้างมาร์คออกมันชอบเป็นคราบที่สร้อย กว่าจะล้างสะอาดลำบาก
เลยถอดไว้ที่โต๊ะทำงาน
ขนาดเมื่อคืนดูรายการคนอวดผี (กลัวแต่ก็อยากรู้อยากเห็น) ปกติดูหนังผีหรือรายการแบบนี้จะเก็บไปฝันไม่ดี เมื่อคืนก็หลับสบายดีมากๆเลยค่ะ เป็นเรื่องแปลกมากๆ

คราวนี้ไม่มีทางลืมใส่แล้วเป็นแน่แท้

 

หลายท่าน เลือก พระหางหมากกันหมดเลยครับ ผมคงต้องนำพระหางหมากไปเลี่ยมแล้วละ