บันทึกของพระคุณลุงคนเชียงใหม่ถึงหลานๆ เรื่องภัยพิบัติ

เพื่อนแจ้งมาตอนนี้ดอยอินทนนท์ มีหิมะตกแล้ว

 

เพื่อนแจ้งมาตอนนี้ดอยอินทนนท์ มีหิมะตกแล้ว



ขออนุญาต ได้รับข่าวมาเหมือกัน พร้อมรููป ครับ

 

ภาพเก่าครับ ไม่ใช่หิมะตกแต่อย่างใด
(26 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้คนในโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างกล่าวถึงภาพเหตุการณ์ที่ถูกแชร์กันอย่างแพร่หลาย ภาพคล้ายหิมะตกบริเวณดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ มีเกล็ดน้ำแข็งขาวโพลนเต็มไปทั่วบริเวณ จนเกิดคำถามขึ้นว่า ภาพที่เห็นดังกล่าวเป็นหิมะจริงหรือไม่?

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สภาพอากาศโดยทั่วไปบริเวณดอยอินทนนท์ยังคงหนาวจัด อุณหภูมิโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1-6 องศาเซลเซียส ขณะที่อุณหภูมิน้ำค้างยอดหญ้า ยังคงต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็ง หรือ เหมยขาบ ขึ้นอีกครั้ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเกล็ดน้ำแข็งในช่องแช่แข็งในตู้เย็น

เช่นเดียวกับ ภาพคล้ายหิมะตกบนดอยอินทนนท์ที่มีการแชร์ส่งต่อกัน ตรวจสอบพบว่าบางภาพเป็นภาพเป็นเก่า เช่น ภาพเจ้าหน้าที่โกยเกล็ดน้ำแข็งขาวโพลนบนถนน พบว่าเป็นเหตุการณ์พายุลูกเห็บตกที่ดอยอินทนนท์ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2556 แต่ภาพเกล็ดน้ำแข็งบริเวณหน้ากองบังคับการ ศูนบควบคุมและรายงานดอยอินทนนท์ พบว่าเป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันนี้ แต่เป็นเพียงปรากฏการณ์เหมยขาบ เนื่องจากอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย ไม่ใช่หิมะตกแต่อย่าง

 

แน่นอนเร็วนี้

 

สวัสดีครับ.. ทุกๆท่าน

สวัสดีครับ.. คุณ tossapornk และ คุณปิยาจาโร
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ..

ของผมเองเท่าที่ทราบ..
จากสายครูบาอาจารย์ ที่ผมเรียกว่า.. สายนครสวรรค์
ท่านเล่าให้ฟังว่า..

ชาติปัจจุบันของทั้ง.. ขุนวรวงศาฯ และ ท้าวศรีสุดาจันทร์
ก็อายุเลย 70 ปีไปแล้ว..

อีกทั้งกบฏในรัชกาลที่ 2
ปัจจุบันก็อายุเลย 60 ปีแล้วเช่นกัน..

หลายๆเรื่องที่วุ่นวาย.. ก็ไม่พ้นท่านเหล่านี้ที่มีส่วนที่ทำให้มันเกิดขึ้นทั้งสิ้น

แต่ก็.. ชั่งมันเถอะครับ !!!
เดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้เองอยู่แล้ว

ผมสนใจอะไรที่มันจะมาหลังจากจบเหตุการณ์วุ่นวายนี้ต่างหากครับ..!!!
นับวันยิ่งรวบรวมข้อมูล...

สมัยที่คุณหมอพรานจัดอบรมพบปะกันที่เวชศาสตร์การบินนั้น..
ผมคงเป็นคนเดียวที่บอกใที่ประชุมว่า.. ผมไม่ได้เก็บคุนเสบียงอาหารอะไรกับใครเขาเลย !!!

ส่วนช่วงปลายปี 2012
ผมเองก็ยังไม่ได้เคยเตรียมเก็บตุนอะไรเลยอีกเช่นกันครับ..!!!

แต่มาในวันนี้..
ผมเริ่มวางแผนไล่เก็บไล่หาอุปกรณ์ในการรับมือกับภัยพิบัติแบบเป็นเรื่องเป็นราวแล้วละครับ..!!!

 

เรียนคุณบอย

ตามเซ้นต์ของผมผิดถูกไม่รู้ครับ ภัยธรรมชาติจะเกิดในขณะที่ปัญหาการชุมนุมก็ยังยืดเยื้อไปเรื่อยๆ เพราะการสร้างทีมอาสาสมัครช่วยเหลือผู้ประสพภัยต้องการมวลชนร่วมเป็นทีมอาสาสมัครมากๆๆครับ แต่ลักษณะของภัยธรรมชาติที่จะเกิดจะค่อยๆทยอยเกิดเพื่อให้คนไทยได้ฝึกการเป็นอาสาสมัครที่ดีมีประสิทธิภาพต้องทำกันยังไงทีมแพทย์พยาบาลเป็นหัวหอกหรือเรียกว่าแม่งานก็ได้ ต่อมาก็ทีมกู้ภัยต่างๆที่ร่วมไปกับทีมแพทย์พยาบาล ต่อไปก็เป็นทีมรื้อซากอาคารที่ต้องคอยช่วยผู้ติดอยู่ภายใต้อาคารทีมนี้เป็นทีมที่มาจากหน่วยก่อสร้างต่างๆของเอกชน ต่อมาก็ทีมขนย้ายผู้ป่วยไปยังสถานพยาบาลที่อาจจะไม่ใช่โรงพยาบาลเป็นสถานพยาบาลเคลื่อนที่ครับ ต่อมาก็ทีมแพทย์พยาบาลบุคคลากรสาธารณะสุขทุกแผนกที่อยู่ในสถานพยาบาลเคลื่อนที่ ต่อมาก็ทีมเสบียงอาหารและน้ำดื่มและยารักษาโรคทั่วๆไปรวมถึงทีมจัดส่งอาหารยาน้ำดื่มเข้าพื้นที่เกิดภัยพิบัติ ต่อมาก็ทีมให้กำลังใจผู้บาดเจ็บมีวงดนตรีมีวงเล่นตลกมีทีมจิตแพทย์คอย consult ให้ผู้ป่วยผู้บาดเจ็บ มีทีมสาธารณูปการคอยให้ไฟฟ้าน้ำสะอาดแก่ทุกคนที่จุดเกิดภัย ผมเชื่อว่าผู้คนที่เข้าร่วมกับกปปสต่อไปจะถูกพัฒนาเป็นทีมอาสาสมัครที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไทย และเป็นที่กล่าวขวัญไปทั่;โลกว่ามีการบริหารจัดการได้ดีเยี่ยมมากจนสามารถช่วยให้คนไทยรอดได้เกิน 80 %

ทุกวันนี้ผมก็ยังเฝ้าดูอยู่ว่าจะมีการพัฒนาไปแนวๆนั้นเมื่อไหร่ และถ้าปฏิรูปสำเร็จคนไทยรอดเกิน 80 % แน่นอน ผมรู้สึกอย่างนี้จริงๆ

พระเจ้าอะลองพญาในอดีตจริงๆแล้วแพ้ภัยตัวเองครับเพราะป่วยจนต้องถอยทัพกลับพม่าไป ไม่รู้ว่าในปัจจุบันจะเป็นการฉายภาพยนตร์ซ้ำเหมือนในอดีตหรือเปล่า แต่ผมเชื่อกฏแห่งกรรมที่ทำไว้กับมาตุภูมิแรงกว่ากรรมใดๆครับแล้วเราจะได้เห็นผลแห่งกรรมนั้นไม่นานแน่นอน

 

สวัสดีครับ..

สำหรับเรื่องหิมะตามที่มีหลายท่านสอบถามกันนั้น..
ผมว่าเรากลับไปดูนิยามของคำว่า "หิมะ" กันดีกว่าครับ..!!!

ผมลองค้นหาบทความที่น่าจะอธิบายเรื่องหิมะได้ดีที่สุด
วิกิพีเดียเองก็ยังอธิบายได้แห้งๆแกนๆธรรมดาๆมากจริงๆเลยครับ..

ลองเข้าไปอ่านบทความตาม weblink ข้างล่างนี้สิครับ..
มีคำอธิบายและรูปภาพการเกิดเปรียบเทียบให้เห็นความแตกต่างของ

- ฝน ( Rain )
- หิมะ ( Snow )
- ฝนน้ำแข็ง ( Sleet )
- ฝนเยือกแข็ง ( Freezing rain )...... ได้ดีทีเดียวครับ

อ้างอิง : http://nstda.or.th/rural/public/100%20articles-stkc/92.pdf
.....................................................................

สรุปสั้นๆได้ว่า..
หิมะ.. มันต้องหล่นลงจากฟ้าเท่านั้น..
ส่วนที่มากองอยู่กับพื้นแล้วแข็งตัวนั้น.. มันไม่ใช่หิมะนะครับ..

อีกอย่างหนึ่ง.. หิมะจะมีรูปทรงของเกล็ดหิมะเป็นเอกลักษณะเฉพาะตน
ในหลายหลากรูปแบบ ซึ่งจะแตกต่างจากเกล็ดน้ำแข็งครับ..!!!

 

ก่อนต่อ... ขออนุญาตเอาบทครามของหลวงพ่อฤษีลิงดำ
ที่ทาง ดร. เอมี่ ได้ลงแชร์เอาไว้ในกลุ่มไลน์...
มาลงอ่านทบทวนและเป็นกำลังใจกันสักหน่อย
ว่า "ฟ้าหลังฝน".....มีสิ่งที่สดใสสวยงามรออยู่นะครับ..!!!

...............................................

คั่นเวลาด้วยคำพูดหลวงพ่อราชพรหมยาน

" ในราวปลายรัชกาลที่ ๙ หรือรัชกาลที่ ๑๐ นี้..
ประเทศไทยจะขุดพบแร่สำคัญชนิดหนึ่ง ซึ่งมีกำลังคล้ายแร่ยูเรเนียมแต่ทว่ามีกำลังสูงกว่า
ถ้าใช้ทางด้านสันติ... จะมีความเย็นสามารถเผาโรคได้ด้วยอำนาจของความเย็น
ถ้าใช้ทางด้านพลังงาน... ก็จะมีพลังงานสูงมาก
ถ้าใช้ฆ่าฟันกัน... ก็จะมีพลังงานมากยิ่งกว่าแร่ที่เขาใช้กันในปัจจุบัน
เวลานี้ขุดมาได้ก็เหนื่อยเปล่า ๆ ไม่มีประโยชน์ ถึงเวลามันจะปรากฎเอง
และเมืองไทยจะมีทรัพยากรต่าง ๆ ปรากฎขึ้นมาอีกมากมาย เริ่มตั้งแต่พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็นต้นไป
และจะค่อยๆ มีมากขึ้นอย่างเต็มที่ เมื่อกลางสมัยรัชกาลที่ ๑๐
ต่อไป ประเทศไทยจะมีความมั่งคั่งสมบูรณ์ ประเทศชาติจะร่ำรวยมาก "

.............................................................................

ราชวงศ์จักรีจะมีเพียง ๑๐ รัชกาลเท่านั้นรึ????

" ปัญหาที่น่าคิดต่อไปก็คือว่า ทำไมพระพุทธโฆษาจารย์จึงทำนายเหตุการณ์บ้านเมืองไว้เพียง ๑๐ รัชกาลเท่านั้น???
กรุงเทพมหานครจะมีพระมหากษัตริย์เพียง ๑๐ พระองค์เท่านั้นหรือ???

เป็นเรื่องที่อาตมาสนใจเป็นพิเศษ จึงได้สอบถามเรื่องนี้กับ หลวงพ่อปาน และพระอาจารย์ต่างๆ
ซึ่งจิตของท่านเป็นสมาธิเข้าถึงขั้นอภิญญา สามารถที่จะรู้จริงในเรื่อง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต
ซึ่งก็ยังมีอยู่หลายๆ องค์ในขณะนี้ ทุกๆ รูปที่อาตมาสอบถามจากท่าน ต่างก็ยืนยันตรงกันว่า...

พระมหากษัตริย์จะยังคงมีอยู่คู่กับชาติไทยตลอดไปอีกนาน มิใช่เพียงแค่ ๑๐ พระองค์เท่านั้น !!!
แต่ที่พยากรณ์ไว้เพียงแค่นั้นก็เพราะว่าเริ่มตั้งแต่รัชกาลที่ ๑๐. เป็นต้นไป..
บ้านเมืองจะมั่งคั่งสมบูรณ์ ร่มเย็นผาสุก ประชาชนในชาติจะร่ำรวย
ประเทศไทยจะเป็นประเทศมหาอำนาจประเทศหนึ่ง ซึ่งจะมีแต่ความเจริญตลอดไป
ไม่ล้มลุกคลุกคลานดังที่แล้วมา จึงไม่จำเป็นจะต้องพยากรณ์ต่อไปอีก ”

......................................................................

ใครอยากอ่านให้จุใจ ตามไปที่นี่ค่ะ

http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=680

 

ผมขอขอบคุณครับทุกท่าน.................

 

การเตรียมการรองรับภัยพิบัติรุนแรงจะต้องพิจารณาประเมินสิ่งที่เราจะต้องพบแล้วนำมาเป็นหลักในการหาทางแก้เป็นข้อไขต่างๆที่จะเกิดขึ้นได้อันได้แก่
1)บ้านพักอาศัย จะทำเป็นรูปแบบเดิมๆที่เป็นบ้านปกติแล้วเพิ่มoptionไม่ได้จะต้องเริ่มทำเป็นแบบเต็มรูปแบบของการหลบภัยที่จะอยู่ไม่สบายแน่นอนจะแพงแค่ไหนถ้าเป็นแบบหลบภัยจะไม่มีทางอยู่ได้แบบสบายเหมือนบ้านปกติได้เพราะมันเริ่มต้นกันคนละความคิดไปกันคนละทางเลย ในที่นี้ถ้าท่านจะทำเป็นเหมือนบ้านหลังที่สองและหลบภัยได้มันเหมือนเหยียบเรือสองแคมจะต้องแยกพท.พักอาศัยปกติกับที่หลบภัยออกจากกันอย่างชัดเจนอย่าเอาโครงสร้างมาปะปนกันมันไม่ปลอดภัยและเสึยปล่าวเสี่ยงอีกด้วย
รวมทั้งระบบไฟฟ้าและประปาจำเป็นต้องแยกระบบกันชัดเจนแต่จะมีระบบปกติมาใช้ในช่วงทึ่ปกติได้แต่จะต้องมีขั้นตอนprocedureที่จะshiftมาใช้ระบบแยกต่างหากที่ใช้ในช่วงที่เกิดภัยพิบัติ. ภัยครั้งนี้การที่มนุษย์จะแค่ไปหาถำ้อาศัยหรือหาทำเลกางเต็นท์นอนมันไม่เพียงพอแน่นอน. ยำ้ว่าไม่เพียงพอที่จะเผชิญภัยจนจบได้ในยุคนี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีฐานถาวรในที่ปลอดภัยก่อนเป็นลำดับแรกสุดในการที่จะสู้กับภัยพิบัติ
2)น้ำสะอาดสำหรับอุปโภคและบริโภค. เราต้องแยกน้ำสำหรับกินและสำหรับใช้อย่างชัดเจน การอาศัยพึ่งพาจากแหล่งน้ำผิวดินตามธรรมชาติไม่ได้ และการอาศัยน้ำบาดาลสรุปว่าไม่ปลอดภัย100%ที่ดีที่สุดคือการเก็บมันไว้ก่อนล่วงหน้าในระบบปิดมิดชิดโดยต้องคำนวนประมาณการการใช้งานอย่างถูกต้องอย่างรอบคอบ
น้ำที่จะวางแผนไว้จะต้องแบ่งเก็บชัดเจนเช่นกันคือ1)น้ำดื่ม. จะต้องเก็บในปริมาณมากตามจำนวนคน คน1คนดื่มน้ำวันละ3ลิตรเดือนละ90ลิตรเท่ากับ60ขวดขนาดน้ำสิงห์1.5ลิตรต่อเดือน โดยจะต้องเก็บในที่ไม่มีแสงแดดส่องถึงจึงจะเก็บได้นานหลายปี. ข้อพิจารณาคือมันจะกินspaceมากในการเก็บดังนั้นต้องจัดหาที่เก็บที่เพียงพอ
2)น้ำใช้จะต้องเลือกถังเก็บน้ำขนาดใหญ่มาเก็บตุนน้ำโดยเป็นถังแบบปิดฝาถังแบบเกลียวฝาหมุนปิดแนะนำแบบไฟเบอร์ขนา5,000ลิตร4-6ถังพร้อมจัดหาเม็ดคลอรีนไว้คอยเติมฆ่าเชื้อเป็นระยะๆทุก3-5วันเวลาเกิดเหตุภัยพิบัติ
ส่วนการใช้น้ำในพท.นั้นจะต้องรอระยะที่โรคระบาดสงบลงสัก2-4สัปดาห์จึงอาจเริ่มใช้ได้แต่จะต้องtestก่อนเสมอคือตรวจค่าPh ยัอมเชื้อดู gram stain. Wright stain. Wet smear. ก่อนว่าไม่มีเชื้อปนเปื้อนแล้วจึงนำมาทำเป็นน้ำประปาได้. โดยผ่านกระบวนการตกตะกอน กรอง เติมคลอรีนแล้วจึงใช้ได้

 

การคาดการณ์ สภาพอากาศที่จะต้องพบยามcrisis max. period
หนาวจัด0-5องศาC. ลมกรรโชก80-120กม/ชม ลูกเห็บตก
แสงแดดน้อยมากๆ สลับกับเฆฆฐานตำ่ยอดสูงถึง40,000-50,000ฟุตเป็นCB
ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำมาก ฝนตกเป็นละอองเล็กกระจายสลับเม็ดใหญ่เป็นพักๆตลอดเวลาไม่หยุด. มีควันในบรรยากาศมากในอากาศจะมีอนุภาคที่มีขนาดเล็กกว่า5ไมครอนสูง
ระยะเวลา3-6เดือน ส่งผลกระทบเรียงลำดับเหตุการณ์ก่อน-หลังดังนี้
1) Tปป.กระทันหันปอดบวมตายกันมากโดยเฉพาะคนแก่เด็ก. ตายกันมาก
2) ต้นไม้เขตร้อนพอผ่านไป3วันจะเริีมใบเหลืองร่วงหมดต้นและแห้งตายใน7-14วัน
3)แหล่งน้ำธรรมชาติเกิดภาวะเน่าเสียจากมีค่าODลดลงรวดเร็วจากมีการตายของจุลลินทรีในนำ้และสัตว์น้ำที่ตายไปและปนเปื้อนฝนกรดที่ตกต่อเนื่อง
4)โรคระบาดจะเกิดขึ้นที่สำคัญที่สุด2โรคคือ FLU และ cholera. ก็จะมาทางอากาศและทางน้ำเป็นหลัก
5)ขาดแคลนเครื่องนุ่งห่มและอาหารที่สำคัญน้ำดื่มที่สะอาด ถ้าขาดสิ่งเหล่านี้เกิน14วันจะเกิดโรคระบาดแน่นอน ยิ่งถ้าเป็นกลุ่มที่รับผู้อพยพไว้ในปริมาณมากแต่ขาดปัจจัย3อย่างที่เพียงพอถ้าเกิดโรคระบาดในชุมชนลี้ภัยถ้าขาดมาตราการรองรับหรือวิธีการจัดการตามหลักการควบคุมโรคระบาดที่ถูกต้องผลคือจะสูญเสียบุคคลากรไปมากยารักษาปลายเหตุมาก
6)การเพาะปลูกเป็นไปไม่ได้ใน3-6เดือนเนื่องจากสภาพอากาศที่ปป. และกสิกรรมเดิมตัองสูญสิ้นไปจำเปํนต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการกสิกรรมรูปแบบของใหม่

 

3)อาหาร. ส่วนใหญ่จะเป็นการตุนสำรองอาหารกันไม่ว่าแบบแห้ง แบบกระป๋อง dry freeze
แต่จะมีบางความคิดที่จะเน้นการทำกสิกรรมผสมแบบยั่งยืน เพื่อที่จะเลี้ยงตัวเองได้
ทีนี้มาดูภาพโดยรวมที่จะต้องเผชิญกับภัยพิบัติ เนื่องจากสภาพอากาศที่มีการปป.ไปอย่างมากจนเกินกว่าพืชพรรณแบบเดิมจะทนได้ ไม่เกิน2-3สัปดาห์เหี่ยวตายหมดทุกพท.
จะเพาะปลูกใหม่ก็ไม่ขึ้นเนื่องจากความชื้นสัมพัทธ์น้อยมาก Tลดลงมาก แสงแดดไม่พอ
ดังนั้นที่จะหวังจะทำกสิกรรมช่วงประสบภัยไม่มีทางเป็นไปได้อย่างก็ได้แค่รีบเก็บเกี่ยวที่ยังมีเหลือก่อนแห้งตายหมด ทางรอดมีอย่างเดียวคือตุนอาหารให้พอ5-6เดือนเท่านั้นซึ่งเราได้ตุนเป็นMREเป็นหลักเหตุผลคือเก็บไว้ได้นานปลอดภัยจากภาวะท้องร่วงแน่นอน เราจะไม่เสี่ยงกินอะไรที่ปนเปื้อนในขณะเกิดภัยพิบัติจะเป็นปัญหาและภาระที่เพิ่มขึ้นมาอีกโดยไม่จำเป็น

 

การทำกสิกรรม. ทุกคนคงทราบถึงการทำกสิกรรมผสมตามหลักปรัชญาเศรฐกิจพอเพียงมาแล้ว ทีนี้ต้องมาจับจังหวะเวลาที่จะต้องเริ่มต้นการทำ หนทางที่ดีที่สุดคือเริ่มทำมันไว้ก่อนเลยหัดไว้เพื่อที่จะทำเป็นแชะรู้ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น เกิดภัยพิบัติขึ้นแม้นทุกอย่างจะต้องเสียไปแต่ทำเลและผังงานต่างๆก็ยังอยู่ที่เดิม เริ่มตันใหม่ได้แต่ลักษณะของพันธ์พืชต่างๆจะต้องปป.แปรตามสภาพทางกายภาพที่ปป.ไปเช่นกัน อันนี้ซิท้าทายมากที่สุดว่าจะหาและประกอบสิ่งใหม่ต่างๆให้เป็นLoopที่สมบูรณ์เป็นวงจรได้เหมือนที่ได้เคยทำมาก่อนหรือไม่ อันนี้ถือเป็นหัวใจของหลักเศรฐกิจพอเพียงแบบประยุกษ์ที่พระองค์ท่านได้ทรงพระราชทานเป็นตัวอย่างไว้ใหญ่ทั่วทุกภาคในไทย เน้นว่าเป็นตย.ให้ฝึกตนเองให้เชี่ยวชาญเพื่อเป็นรากฐานที่จะไปพบเจอกับสิ่งที่ทัาทายใหม่ๆทึ่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่นาน

 

สิ่งที่ต้องได้เจอ
1)แผ่นดินไหว
2)สภาพอากาศหนาว/ฝน/ลมกรรโชก/พายุฟ้าผ่า/ลูกเห็บ
3)น้ำหลาก

 

วล์อีกวาวล์เราจะไว้สำหรับต่อน้ำจากปั้มโซล่าที่มาจากถัง700ลิตรข้างบ่อน้ำที่มาจากการทำประปาตกตะกอนไว้แล้วมาเติมใส่ถังนี้เพื่อรอการใส่เม็ดคลอรีนฆ่าเชื้อต่อไป. ต่อไปถ้าเราไล่ท่อน้ำที่ออกจากถังเรียง4ถังมาประมาณ2ม.ที่บริเวณตรงแถวหน้าห้องน้ำก็จะพบกับวาวล์น้ำที่เป็น shunt ที่สามารถต่อตรงเข้าตัวบ้านได้เลยโดยไม่ผ่านกรองน้ำหลังบ้านและไม่ผ่านปั้มน้ำ จะใช้ในกรณีที่ไฟฟ้าดับ/ปั้มน้ำเสีย/กรองเสียหรือตันหรือซ่อม
ถัดจากshunt valve เราเดินท่อลอยต่อไปและแยกยังกรองWatercoแล้วไปยังกรองเหล็กใหญ่แล้วผ่านกรองเล็ก5กรองจึงเข้าสู่ตัวบ้านต่อไป สำหรับรายระเอียดของต่ำแหน่งวาวล์,การเดินท่อ,และขั้นตอนการเปิดปิดวาวล์ในกรณีต่างๆได้เขียนไว้ในไดอะแกรมรูปภาพแล้วและไดแปะไดอะแกรมนี้ไว้ที่กำแพงข้างตู้สวิทย์ปั้มน้ำหลังบ้านใกล้ครัวแล้ว
วิธีทำน้ำประปาในฐาน เราจะทำก็ต่อเมื่อแรกซึ่งจะเป็นการดีที่สุด
จากนั้นทิ้งน้ำไว้โดยใส่สารส้มกรวด(Aluminium sulfate) เพื่อทำการกวนช้า (การสมานตะกอนFlocculation) ในอัตราส่วน30mg/lit หรือ30gm/ลบ.ม. เราใช้700lit ก็ใช้สารส้ม21-25mg. แนะนำใช้แค่20gmก็พอแล้วและสำหรับถัง4,000ลิตรก็จะใช้แค่120gm. ต่อจากนั้นก็ใช้ไม้พายอันใหญ่ที่อยู่ใต้ถุนบ้านมากวนช้าๆนาน20-30นาทีแล้วปล่อยให้ตกตะกอนนิ่งๆอีก20นาที. จากนั้นใช้โซล่าปั้มแบบจุ่มที่ติดตั้งไว้ที่ด้านข้างโรงรถชิดตัวบ้านมาจุ่มลงไป50cm.จากผิวน้ำดูดน้ำไปแค่ครึ่งก็พอแล้วเปิดวาวล์ที่ก้นถังระบายตะกอนทิ้งเป็นพักๆตามลักษณะของตะกอนที่ตรวจพบในแต่ละรอบของการทำซึ่งมักจะมีปริมาณตะตอนแตกต่างกัน
จากปั้มจุ่มจะต่อสายยางไปลงที่ถังใหญ่4ถังหลังบ้านที่ถัง4ใบนี้สามารถปิดวาวล์ใช้ที่ละถังได้โดยเราจะใช้ถัง2,200litเป็นหลักในการผสมทำน้ำประปาเพราะจะกะปริมาณสารเคมีได้แม่นยำกว่า
เราจะปิดวาวล์ที่ต่อในแต่ละถัง แล้วถ่ายน้ำที่อยู่ในทุกถังทิ้งถ้าคิดว่าปนเปื้อนหรือใส่คลอรีนในแต่ละถังในอัตราส่วน1เม็ด/50ลิตรแล้วใช้ให้หมดไปก่อนก็ได้จากนั้นเราจึงดูดน้ำจากถังตกตะกอน700ลิตรมาเติมใส่ที่ถัง800ลิตรถังเดียวโดยปิดวาวล์ระหว่างถังทุกถังไว้ จากนั้นเติมปูนขาวเย็นอัตราส่วน1.2-4.5gm/ลิตรแนะนำแค่2gm/ลิตรก็พอเพื่อลดความกระด้างของน้ำและขจัดSO4ซัลเฟตในน้ำและฆ่าสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน คนให้ละลาย20นาทีเพื่อฆ่าสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน. จากนั้นค่อยเติมครอลีนเม็ดในอัตราส่วน1เม็ดต่อ50ลิตร ทิ้งไว้30นาทีจึงใช้จ่ายถ่ายไปยังถังอื่นๆโดยการเปิดวาวล์ที่ต่อกันระดับน้ำก็จะเท่าๆกันในแต่ละถังแล้วก็ปิดวาวล์ทุกถังใหม่แล้วก็ทำใหม่เช่นนี้ไปเรื่อยๆโดยเราจะทำน้ำประปาแค่พอใช้2-3วันดังนั้นทำแค่3รอบแล้วหยุดพอใกล้หมดก็ทำใหม่จะปลอดภัยและประหยัดที่สุด
จายกันเห็นชัดเจนทุกจุด

 

ระบบไฟฟ้าฐานลี้ มี3ระบบคือ-ไฟฟ้าจาก กฟผ.220V
-ไฟฟ้ากระแสตรง24V
- sine wave 24V/1,500wattx1 ให้ต่อใช้งานเพิ่มเติมได้ซึ่ง2ตัวนี้เราประจำการอยู่ที่กทม.แต่จะถูกนำขึ้นไปด้วยในช่วงที่ต้องลี้ภัยพร้อมกับแบตฯdeep cycle 120ampอีก4ลูกและเราได้ทำจุดต่อเป็นbreaker24Vไว้ที่เสาไม้ในห้องพระนอกจากนี้เราได้ติดตั้งwatt meter real timeไว้ที่ข้างตู้ไฟในบ้านหมายเลข1เพื่อเอาไว้ประเมินmonitorการใช้ไฟฟ้าแบบreal time ได้ตลอดเวลาและยังมีอีกตัวที่ต่อไว้กับตัวinverterในตู้คอนฯไว้คอยmonitor เราสามารถตัดทิ้งได้ในกรณีที่

 

การบำบัดน้ำกระด้าง
Hard Water Treatment
1. ประเภทน้ำกระด้าง มี 2 ประเภท คือ น้ำกระด้างชั่วคราว และน้ำกระด้างถาวร
2. น้ำกระด้างชั่วคราว มีอิออน ชนิด แคลเซียม (Ca) แมกนีเซียม (Mg)
3. น้ำกระด้างถาวร มีอิออน ชนิด ซัลเฟต(SO4) และคลอไรต์ (Cl)
4. น้ำที่มี Ca+, Mg+ กับประจุลบ อัลคาไลน์ บำบัดโดยเติมปูนขาว ให้ตกตะกอน
5. น้ำกระด้างทำให้สบู่กิดฟองยาก สิ้นเปลืองสบู่ มีสาเหตุจาก เหล็ก(Fe) แมงกานีส (Mn) และแมกนีเซียม (Mg)
6. น้ำที่มีซัลเฟตสูง อยู่ในน้ำประปาปลายตัน จะเกิดแก๊สไข่เน่า (H2S)
7. น้ำกระด้าง ทำให้สิ้นเปลืองสบู่ เกิดตะกรันในหม้อน้ำ อาจทำให้เกิดนิ่ว
8. น้ำประปา ควรมีความกระด้าง 50-80 มก./ลิตร CaCO3
9. อัตราคนใช้น้ำในชุมชนเมืองใหญ่ใช้ 200-350 ลิตร/คน/วัน
10. ความกระด้าง เป็นผลรวมอิออนทั้งหมด ที่จะบำบัดในรูป Ca, Mg หากเกิน 150 มก./ลิตร ของ CaCO3 จะเรียกว่าน้ำกระด้างแล้ว
11. อิออนในน้ำ
อิออนบวก (Cation) มี แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก ทองแดง ตะกั่ว โซเดียม สังกะสี แมงกานีส ปรอท
อิออนลบ (Anion) มี ไนเตรต ซัลเฟต คลอไรด์ ไบคาร์บอเนต
การวัดค่าอิออน
- grains per gallon (gpg)
- parts per million (ppm)
- milligrams per liter (mg/l) = ppm
12. ปูนขาว (Lime Softening) นิยมใช้ในการลดความกระด้างของน้ำ ก่อนนำไปกรอง กลายเป็น OH ของ Ca, Mg
13. เทคโนโลยีการบำบัดน้ำกระด้าง
เติมปูนขาว เติมโซดาแอส ใช้เรซินแลกเปลี่ยนประจุ ต้มน้ำ ใช้ระบบแผ่นเยื่อบาง (RO : Reverse osmosis) ใช้ระบบแม่เหล็ก ใช้ระบบไฟฟ้าตรงกับอิเลคโทรด พ่นแก๊สโอโซน(O3) กรองด้วยซีโอไลต์
14. เทคโนโลยี Lime-Soda Process บำบัดน้ำกระด้าง
ประเภทน้ำกระด้างที่เกิดจากคาร์บอเนต โดยเติมปูนขาว (CaO) กับน้ำ กลายเป็น Ca(OH)2 ทำให้ Ca ในน้ำ ทำปฏิกิริยากับ CO2 เกิดเป็น CaCO3 แล้วตกตะกอน pH ที่เหมาะสมที่สุด 10.3 Mg ก็เช่นกัน แต่ตกตะกอนดีที่ pH 11.0-11.3 แล้วมาปรับ pH ให้เป็น 8 โดยใช้ แผ่นเยื่อ MF เมนเบรน ที่พ่นกรดซัลฟูริก(H2SO4) หรือกรดเกลือ (HCl) ผ่านปั้ม
ประเภทน้ำกระด้างที่ไม่ได้เกิดจากคาร์บอร์เนต ใช้โซดาแอส (Na2CO3) จากนั้นทำให้เป็นคาร์บอเนต (recarbonate) ด้วยแก๊ส CO2 ในอัตรา 40 มก./ลิตร เพื่อให้ความกระด้างจาก Ca ต่ำสุด จากนั้นก็ผ่านเครื่องกรอง เติมคลอรีน แล้วส่งต่อไปใช้งาน
15. เทคโนโลยี ความร้อน (Heat Process) บำบัดน้ำกระด้าง
ใช้ความร้อน แบบเครื่องทำน้ำอุ่น ตั้งอุณหภูมิที่จุดเดือด +10% ให้น้ำวิ่งในท่อโลหะ แล้วให้ความร้อนด้วยระบบไฟฟ้า หรือ ระบบเผาธรรมดาด้วยน้ำมันหรือแก๊ส ปล่อยช้าๆ น้ำกระด้างชั่วคราวเมื่อถูกความร้อน จะตกตะกอนเมื่อเย็น
16. เทคโนโลยี Electrolytical Process บำบัดน้ำกระด้าง
ใช้กระแสไฟฟ้าตรงแยกเกาะสารละลายอิออน โดยใช้แผ่นอิเลคโทรดเหล็ก 2 แผ่น กับ แผ่นอิเลคโทรดอลูมิเนียม 2 แผ่น วางสลับกัน ที่หน้าตัด 50 ตร.ซม. หนา 2 มม. วางห่างกัน 0.5 ซม เป็นตัวเหนี่ยวนำให้อิออนวิ่งไปเกาะที่แผ่นอิเลคโทรด ตามชนิดประจุ
17. เทคโนโลยี Zeolite Process หรือ Permutit บำบัดน้ำกระด้าง
ใช้ ซีโอไลต์ หรือ Porous sodium aluminium silicate (Na-Al-SiO2) ทีมีคุณสมบัติความพรุนตัว โดยใช้โซเดียม (Na) เป็นตัวดักจับ กำจัดอิออน Ca, Mg
โซเดียมไม่ทำให้น้ำกระด้าง สารตัวนี้คือ ซีโอไลต์ (Zeolites) เป็นสารกรอง
18. เทคโนโลยีผงซักฟอก ใช้สารลดความกระด้าง
โซเดียมไทรโพลิฟอสเฟต (STPP) เกลือของกรดไนทริไทรแอซิติก เกลือของกรดซิตริก (NTA) เกลือของกรดโพลิคาร์บอกซิลิก (PAC) เกลือฟอสเฟต และซีโอไลต์
19. เทคโนโลยี Resin บำบัดน้ำกระด้าง
-SAC : Strongly acidic cation exchange resin ใช้โซเดียมบำบัดความกระด้างที่เป็นอิออน + แล้วใช้เกลือแกงตอนฟื้นสภาพ(regenerated)
-WAC : Weakly acidic cation exchange resin
-SBA : Strongly basic anion exchange resin
-WBA : Weakly basic anion exchange resin
20. เทคโนโลยี Magnetic บำบัดน้ำกระด้าง
โดยให้น้ำไหลในท่อผ่านสนามแม่เหล็กขั้วบวกและขั้วลบ อาจเป็นได้ทั้งแม่เหล็กถาวร และแม่เหล็ไฟฟ้า
21. บำบัด Ca,Mg ในน้ำ โดยการเติมเกลืออิออน หรือใช้โปแตสเซียมคลอไรต์
22. บำบัด Si ในน้ำ ด้วยปูนขาวที่เผาจากหินปูนโดโลไมต์ ซึ่งจะบำบัดตัวอื่นด้วยพวก แมงกานีส (Mn), เหล็ก (Fe), ฟลูออไรต์ (F)
23. บำบัดน้ำกระด้างมีหินปูนมาก
-เติมปูนขาว (CaO) กำจัด Ca, Mg น้ำจะมีสภาพเป็นด่าง
-เติมแก๊ส CO2 ปรับ pH ของน้ำ ให้เป็นกลางหรือกรดเล็กน้อย
-เติมโซดาแอส (Na2CO3) กำจัด SO4
24. บำบัดน้ำกระด้างถาวร มีซัลเฟต (SO4) ด้วยปูนขาว (CaO) และ Sodium hydroxaluminate (NaAl(OH)4)
อีกวิธีหนึ่ง ใช้อลูมิเนียมไฮดรอกคลอไรต์ ลดความกระด้าง ที่มีซัลเฟต 1200-4500 มก./ลิตร แล้วใช้โซเดียมอลูมิเนตช่วยตกตะกอน ตามด้วยพ่นแก๊ส CO2 เพื่อปรับ pH
อีกวิธีหนึ่งใช้ BaCl2 ช่วยตกตะกอน เป็น BaSO4
25. บำบัดน้ำกระด้างจากหินปูน โดยใช้แก๊สโอโซน ทำให้เกลือไบคาร์บอเนต เป็นเกลือเปอร์คาร์บอเนต แล้วสลายตัวเป็น เกลือคาร์บอเนต แล้วตกตะกอน
26. บำบัดน้ำกระด้างมี pH สูง 9-9.8 เป็นด่างจัด หากเร่งด่วนใช้ โซเดียมไทโอซัลเฟต 10 กรัมต่อน้ำ 50 ลิตร
27. ลดความกระด้างน้ำโดยการต้มในกาน้ำ เริ่มจากเติมมะนาวแผ่นลงในกาน้ำ ใส่น้ำ แล้วต้ม กาที่มีตะกรัน ใช้ ไบคาร์บอเนตโซดา และน้ำส้มสายชู ทำความสะอากภาชนะต่างๆ
28. ลดความกระด้างในบ่อปลา และบ่อน้ำการเกษตร โดยใช้ฟางข้าวมัดเป็นฟ่อนๆ เท่าคนโอบ 4-5 ฟ่อน โยนลงบ่อตามมุมบ่อ เติมปุ๋ยคอกลงไป แช่หลายๆวัน ตามสภาพความกระด้าง โดยดูน้ำเริ่มใสหากความกระด้างลดลง ทั้งนี้ฟางข้าวปุ๋ยคอกจะดูดซับหินปูนที่ละลายน้ำ ให้ตกตะกอนลงใต้บ่อปลา
29. บำบัดโดยการเติมอากาศ สูบน้ำบาดาลจากใต้ดิน พ่นหรือโปรยใส่อากาศ ตกลงไปพักในบ่อพักให้หินปูนตกตะกอน หากเป็นด่างอีก ให้ใส่น้ำส้มควันไม้ลงไปปรับ pH ซึ่งเป็นการล้อเลียน ที่น้ำมีสารละลายหินปูนที่ไหลเคลือบตามท่อพีวีซี แล้วเป็นคราบขาวติดท่อ หรือผิวหน้าน้ำถูกอากาศนานๆ จะเป็นฝ้าลอยอยู่บนผิวน้ำ
30. ล้างตะกรันหินปูนติดภาชนะ ที่มีสาเหตุจากน้ำกระด้าง ด้วยน้ำส้มสายชูเทียม เทลงไป ปล่อยทิ้งไว้ แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด
31. น้ำละลายหินปูน เติมด่าง Ca(OH)2, CaO, NaOH ทำให้แคลเซียมตกตะกอน แต่ pH สูง เอาแก๊ส CO2 หรือกรด H2SO4 กรดฮิวมิค น้ำส้มควันไม้ น้ำส้มสายชู ไปปรับ pH

 

แผนการปฏิบัติการฐานลี้.
แผนการเดินทางเข้าที่ตั้งใน

 

นที่ของท่านมาgoppyได้ครับเดี๋ยวผมจะมีแผนงานที่จะต้องไปทำปรับปรุงร่วมกันแจกจ่ายครับ

 

ข้อมูลผลการวิเคราะห์น้ำที่ส่งตรวจพบว่ามีการปนเปื้อนแร่เหล็ก,ซัลเฟต,มังกานีสในปริมานสูงเกินมาตราฐานสำหรับแหล่งน้ำผิวดิน เดี๋ยวรอผลการตรวจน้ำบ่อที่บ้านและน้ำประปาหมู่บ้านเดือนเมษานี้ครับ หวังว่ามันจะทันการนะ
แต่เราได้จัดซื้อถังกรองมังกานีส,ถังกรองทรายเพิ่มเติมนอกจากนั้นคุณพี่โป้งยังได้แนะนำการใช้ด่างทับทิมคั่วกับทรายมาใช้ในการกรองแร่มังกานีสไว้ใช้เองในยามวิบัติอีกด้วยผมได้ทำสำเนาไว้แล้วครับ