เพื่อการกุศล นิ่มป่าแดง...ตามอ่านประสบการณ์จริง

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย numthip, 14 มิถุนายน 2011.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ช่วงนี้ผมมีปัญหาเรื่องการใช้ภาษาไทยมากครับ
    ไม่รู้ว่าเป็นที่เริ่มแก่ตัวหรือเปล่า

    พิมพ์แค่บรรทัดเดียว ยังต้องทวนแล้วทวนอีก

    รู้งี้ไม่แก่ก็ดี.....

    ...........

    เรื่องครูบาฯ พักไว้พรุ่งนี้จะเล่าต่อ หรือไม่ก็อาจจะข้ามไปเรื่องอื่นเลย เล่ามากเดี๋ยวท่านฯเหนื่อย
     
  2. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    สมัยก่อนเราใช้เครื่องพิมพ์ดีดครับ กดยาก ต้องกดหนักๆ เลื่อนแคร่ก็ไม่สะดวก
    แต่ผมก็ผ่านมาได้ ด้วยอัตราที่เร็วเกินเกณฑ์ คนสมัยก่อนใครพิมพ์ดีดได้ จะเก่งมาก

    พอมาสมัยนี้ กลายเป็นเรื่องหมูๆไปเลย....

    ผมเองอยู่ในระดับหลับตาพิมพ์ และพิมพ์ได้เร็วเท่าที่คนติดอ่างจะพูดได้
    แต่ตอนนี้ กลายเป็นว่า พิมพ์ไม่กี่ตัวต้องย้อนกลับไปแก้แล้วแก้อีก แค่ตอนนี้ผมแก้ไม่รู้กี่ครั้งแล้วนะเนี้ยะ.....

    [​IMG]
     
  3. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    ผมจิ้มดีดครับ คนสอนด่าแล้วด่าอีก

    ครู "อย่ามองแป้นสิเดี๋ยวติดนิสัย พิมพ์สัมผัสหนะรู้จักไหม"
    อดีตนร. "จารย์ผมกลัวพิมพ์ผิด"
    ครู "เดี๋ยวติดนิสัย ก้ม ๆ เงย ๆอยู่นั่นแหละ จะทำให้พิมพ์ช้า"
    อดีตนร. "จารย์ผมไม่มีเวลาเงยหรอก มันจำตัวอักษรไม่ได้ว่าอยู่ตรงไหนต้องมองหา"
    ครู "เออ! ถ้างั้นก็ก้มหน้าเป็นหอยไปซะ บอกแล้วไม่ยอมเชื่อ"
    อดีตนร. ????????


    แล้วในที่สุดก็เช็คแป้นตลอด เหมือนที่ครูประกาศิตไว้เลย 55555+

    ระลึกถึงท่านครับ ท่านพักผ่อนสบายไปหลายสิบปีแล้ว เหลือแต่ลูกศิษย์ที่พิมพ์แล้วก้ม ๆ เงย ๆ เหมือนที่ท่านว่าไว้ไม่มีผิด
     
  4. เอกกมล

    เอกกมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    85
    ค่าพลัง:
    +235
    จอง พระปิดตาจตุพิธพรชัย(ปิดตาปั้น) องค์ละ 800 บาท 2 องค์, สีผึ้ง 1 ตลับครับ
     
  5. knurack

    knurack เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2010
    โพสต์:
    364
    ค่าพลัง:
    +1,202
    รบกวนสอบถามเพิ่มเติมครับ
    - ธาตุไฟเข้าแทรกนี่เป็นยังไงครับ
    - พอดีปลายปีที่แล้ว ผมได้ย้ายสายงาน เป็นสายงานที่มีความมั่นคงกว่าเดิม แต่รายได้ลดลงพอสมควร จึงได้ลงทุนทำธุรกิจเสริม ถึงตอนนี้รายได้จากธุรกิจเสริมก็ยังไม่ถึงเป้าเลยเครียดๆนิดหน่อย รายจ่ายก็มีเรื่องไม่เป็นเรื่องพอสมควรครับ
    - ดาวอังคารจะย้ายเมื่อไหร่ครับ
    ขอบคุณพี่ๆมากครับ
     
  6. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143

    เรื่องธาตุไฟ ผมเปรียบเปรยครับ พอดีช่วงนี้ ๑ (ธาตุไฟ) จรเข้ามาทับลัคนา เลยเอาความเป็นธาตุเข้ามาด้วย อีกทั้ง๑ เดิมยังเป็นเจ้าเรือนอริ (อุปสรรค ข้อขัดข้อง ความยุ่งยาก ความเจ็บป่วย) ติดตามมาด้วย
    ก็ลองสังเกตดูว่าช่วงนี้ วุ่นวายหรือเปล่า อยู่ไม่ติดที่หรือเปล่า มีเรื่องร้อนรนให้แก้ปัญหาโดยเฉพาะเรื่องงานมากกว่าปรกติ(๑เดิมลอยในเรือนกัมมะ(การงาน))

    ถ้าทายเจ็บป่วย ผมก็ทายว่าเจ็บตาหรือปากเป็นแผล แต่เรื่องเจ็บป่วยนี้ผมหนักไปทางเดาครับ ไม่น่าจะแม่น

    คุณเกิดเดือนธันวาคม ก็พอดีมีผลที่ปลายปี เพราะชันษาจรย้ายเข้ามาในภพปุตตะ (สภาวะใหม่,ตำแหน่งใหม่) พอดี

    ดาวเจ้าเรือนการงานในชันษาจรคือดาว๓ ไม่มีตำแหน่งอะไรพิเศษ แต่เป็นเกษตร คือมั่นคงขึ้น

    ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นลูกจ้าง หรือทำงานส่วนตัว เลยทายกว้างๆไปสองอย่าง ว่า
    วิ่งเต้นลับๆ หรือเอาไปปรับปรุงกิจการ เพื่อสร้างความมั่นคงทางรายได้หรือช่องทางรายได้ใหม่ๆ

    ซึ่งก็คือ คุณเป็นลูกจ้าง แล้วไปมีธุระกิจส่วนตัว เพื่อเป็นรายได้เสริม

    เรื่องเงินตอนนี้ก็เป็นแบบนี้อยู่ รายจ่ายด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องนั้น คุณก็รู้อยู่ ถ้าจ่ายแล้วมีความสุขก็จ่ายไปเถอะ ดีกว่าเก็บไว้ใส่ปากอม เหมือนพวกขี้เหนียว แต่ตอนที่ผมอายุขนาดคุณ ผมไม่จ่ายให้เรื่องพวกนี้เลย...

    ช่วงเดือนพฤศจิกายน รายได้จะดีขึ้นมาก มากกว่าตลอดทั้งปีเลย ก่อนที่ชันษาจะย้าย เข้าสู่โหมดความยุ่งยาก (รีบเก็บเงินซะตั้งแต่ตอนนี้)

    กลางปีไปแล้ว จะเห็นความสำเร็จของกิจการงานขึ้นมาบ้าง
     
  7. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ผมปุจฉา-วิสัชนากับครูบาสายทอง เรื่องทรัพย์มูลค่า 5มาสก
    ว่าเทียบกับปัจจุบันมีมูลค่ากี่บาท

    ใครมีความรู้เรื่องนี้บ้าง

    ...............
    [​IMG]

    กระทู้ผม มีการคลิกเข้ามาอ่านกว่า 7แสนคลิก ตัวเลขนี้เชื่อถือได้มากแค่ไหน
    ถ้าเชื่อถือได้ กระทู้ผมก็มียอดการคลิกสูงที่สุดไปเลยกระมั้ง....
     
  8. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    ในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิต ปี ๒๕๒๕ อธิบายไว้ว่า

    มาสก เป็นมาตราเงินสมัยโบราณ ๕ มาสกมีค่าเท่ากับ ๑ บาท (ป.ส)

    ในพจนานุกรมบาลี – ไทย

    โดย พระอุดรคณาธิการ (ชวินทร์ สระคำ) และศ. พิเศษ ดร. จำลอง สารพัดนึก ให้ความหมายคำว่า "มาสก" ไว้ว่า


    มาสก ป. มาตราเงินในครั้งโบราณเท่ากับ ๒๐ สตางค์, ๕ มาสกเท่ากับหนึ่งบาท

    เทียบเป็นอัตราส่วนดังนี้

    กึ่งมาสก = ๑๐ สตางค์
    หนึ่งมาสก = ๒๐ สตางค์
    ห้ามาสก = ๑๐๐ สตางค์
    ๑๐๐ สตางค์ = ๑ บาทไทย
    ทรัพย์ ๕ มาสก = หนึ่งบาทไทย


    เมื่อนักปราชญ์ทั้งหลายอธิบายเอาไว้อย่างนี้ ก็จนปัญญาที่จะแถไปทางอื่น
    เพราะเกิดไม่ทันรุ่นที่ใช้อัตราเงิน "มาสก" "กากนิก" "กาหปะ"
    หรือว่าเคยเกิดทันแต่นั่นก็เป็นอตีตังเส อนันตชาติผ่านมาแล้ว 555+

    ......................................

    ตัวเลขคลิกชมคาดว่าคงไม่ใช่แค่วันเดียว แต่อาจหมายถึง ๑ สัปดาห์รวมกัน หรือ ๑ เดือนหรือหลาย ๆ เดือนรวมกันก็เป็นได้ แต่ถ้าเป็นวันเดียวนี่คงมีหน้าม้ารับจ้างคลิกเพื่อรับของ "สมนาคุณ" จากคุณหนุ่มทิพย์กระมัง
     
  9. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    5มาสก เท่ากับหนึ่งบาทไทย แต่มันเป็นบาทไทยเมื่อ 2,500 ปีก่อน
    ตอนนั้นทองคำมีมูลค่าจริงเท่าไหร่ ซื้อควายได้เลยนะครับ

    เรื่องมูลค่า 5มาสก
    ผมจำได้ว่า สมเด็จ(ในพระบรมโกศ) ท่านฯเปรียบเทียบไว้ได้ 300บาทไทยในสมัยเมื่อ 10กว่าปีก่อน

    เพราะในสมัยพุทธกาล 5มาสก เป็นทรัพย์มูลค่าที่น้อยที่สุดที่รับเป็นคดีความให้มีการลงโทษ

    สนทนากับท่านครูบาสายทอง ท่านฯประเมินไว้หลายพันบาทอยู่ เพราะเปรียบเทียบกับน้ำหนักทองของข้าว 20เมล็ด ที่มาชั่งตวง

    ในปัจจุบัน ถือเอาทรัพย์ของผู้อื่น ตั้งแต่กี่บาท เจ้าหน้าที่ถึงรับแจ้งความดำเนินคดีครับ
     
  10. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    เคยเห็นผ่านตาอยู่เหมือนกันกับข้อความที่ว่า

    ๑ มาสก เท่ากับเม็ดทองคำขนาดเท่ากับเม็ดข้าวเปลือก ๒๐ เม็ดรวมกัน

    แต่มาพิเคราะห์ดูแล้ว ในพระบาลีมีอยู่มากแห่งที่กล่าวถึงทรัพย์ ๑ มาสกบ้าง กึ่งมาสกบ้าง ที่ชาวบ้านใช้กันในสมัยพุทธกาลและชาวบ้านในยุคนั้นก็คงไม่รวยถึงกับขนาดพกเม็ดทองคำไปใช้จ่ายในนตลาดเป็นแน่ จึงน่าจะหมายเอาว่า มาสก น่าจะเป็นอัตราเงินที่ค่าน้อยที่สุด

    ส่วนที่บอกว่าเท่ากับ เม็ดทองคำ ๒๐ เม็ด น่าจะมีคำต่อท้ายว่า มาสกทองคำ

    ดังเช่น ๑ บาท ที่หมายถึงเงิน ๑๐๐ สต. กับ ๑ บาททองคำ ย่อมมีค่าต่างกัน
     
  11. อนันตภพ

    อนันตภพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    1,175
    ค่าพลัง:
    +2,969
    โอนค่าพระปิดตาปั้นและลป.ทวด ปัญจธาตุ ที่พี่เขาจองไว้แล้วนะคะตามใบโอนนี้ ที่อยู่ตามPMค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    ขอบคุณครับ เป็นสาวคนเดียวที่ผมพยายามนึก แต่นึกไม่ออก

    เป็นสาวที่ตั้งใจทำอะไรแล้วจะทำให้เสร็จไม่ชอบค้างคากิจการงาน ไม่เรื่องมากและไม่ชอบวุ่นวาย ชอบอยู่แบบเก็บตัวมากกว่า แต่ไม่ปิดกั้น มีสังคมของตัวเอง

    ถ้าผมไม่ลืม จะส่งของฝากไปให้ แทนคำขอบคุณที่เป็นธุระแทนพี่เค้านะครับ
     
  13. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    ๑ บาทไทย ไม่ต้องถึง ๒๕๐๐ ปีก่อนหรอกครับ เมื่อสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ หรือช่วงสมัยรัชกาลที่ ๕ - ๖ - ๗ หรือต้นรัชกาลที่ ๙ นี่ก็ค่ามหาศาลแล้ว ขนาดเมื่อ ๘๐ - ๙๐ ปีก่อนนี่คุณตาเคยบอก ช้างตัวละ ๓ บาท ควาย ตัวละ ๕๐ สตางค์ สมัยยังเป็นเด็กผมได้ฟังก็ร้อง อูว์ แล้ว เกิดไม่ทันยุคนั้น แต่ทันได้กินข้าวแกงจานละบาท กวยจั๊บถ้วยละ ๕๐ สตางค์ก็หรูแล้ว

    เรื่องรับแจ้งความดำเนินคดีเรื่องลักทรัพย์นี่คงต้องถามเจ้าหน้าที่ รู้แต่ว่ายืมเงินตั้งแต่ ๕๐ บาทต้องเขียนสัญญากู้ยืมเงิน ถ้ามีหลักฐานคงใช้แจ้งความดำเนินคดีได้ ส่วนสิ่งของนี่ไม่ทราบจริง ๆ ว่าต้องเท่าไหร่ แต่น่าจะถือเอาเรื่องกรรมสิทธิ์ถือครองและความประสงค์ของเจ้าทรัพย์ในการแจ้งดำเนินคดีกระมัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 เมษายน 2014
  14. pakatu

    pakatu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    127
    ค่าพลัง:
    +679
    PAKATU แจ้งโอนพระปิดตาพิพิธฯ ยอด1,360.49 บาท วันที่ 31/03 20:52 ครับ
     
  15. charoen.b

    charoen.b เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    5,726
    ค่าพลัง:
    +15,488
    ต่างกับผมที่ความแก่ไปปรากฎที่สายตา ยิ่งถ้าได้เห็นสาวน้อยหุ่นดีหน้าตาสวยเมื่อไรสายตาจะแสดงความแก่ได้ชัดเจนมาก...

     
  16. nop070

    nop070 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    577
    ค่าพลัง:
    +1,338
    วันนี้โอน 560.25 บาท ให้แล้ว ช่วยตรวจสอบด้วย
     
  17. บรม

    บรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,926
    ด้วยเวลาเร่งรัดจึงยังไม่ได้ชำระเงินทำบุญบูชาพระ ตอนเย็นจะโอนให้ครับ

    ขอบคุณครับ
     
  18. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143

    ผมรอได้ถึงวันที่6 เมษายน ศกนี้ครับ

    เวลาไม่ได้เร่งรัด มันค่อยๆเดินเท่ากันๆทุกวันๆ ไปเรื่อยๆ

    เย็นนี้ไม่ทัน เย็นพรุ่งนี้ก็ได้ เย็นพรุ่งนี้ไม่ได้ก็ไปเย็นมะรืน เย็นมะรืนไม่ได้ เป็นเย็นอาทิตย์หน้า..... ผมไม่กังวลครับ เรื่อยๆ
     
  19. numthip

    numthip เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2008
    โพสต์:
    7,094
    ค่าพลัง:
    +65,143
    "เอ็งว่าเงินหนึ่งล้าน หนักกี่กิโลฯ"

    "1กิโลฯครับ"

    ครูบาสายทอง เอื้อมหยิบย่ามของท่านฯให้ผมถือ

    "เอ็งว่าหนักแค่ไหน มีเงินเท่าไหร่"

    ผมรับมาถือ น่าจะเกินหนึ่งกิโลกรัมไปไม่มาก

    "ถ้าเป็นแบ็งค์พัน ก็ได้ซักล้านครับ"

    ท่านฯบอกมีมากกว่านั้น ผมก็เถียงว่าถ้าเป็นทองคำ ก็เบาไป
    ท่านฯรับคืนแล้วหยิบให้ผมดู เห็นสมบัติของท่านฯแล้วก็ต้องรับว่ามีคุณค่าอยู่ แต่ไม่ได้เอ่ยปากขอ เพราะผมดูไม่เป็น เป็นพระซุ้มกอที่น่าจะเจอตามข่าว

    แล้วท่านฯก็เล่าเรื่องที่มีลูกแก้วลอยมาตามนิมิตร ลืมตาดูก็เจออยู่สองอัน ว่าแล้วก็หยิบจากอังษะส่งให้ผมดู ผมก็เห็นเป็นลูกแก้วธรรมดา แต่ใสอมเขียว ก็สวยดีอยู่ ลิงอย่างผมเห็นพลอยก็เฉยๆ

    ถามท่านฯว่าพระเจ้าตาก โดนปลงพระชนม์จริงหรือเปล่า

    "ประวัติศาสตร์เค้าเขียนอย่างนั้น แต่ที่ข้าฯหลับตาเห็น ไม่ใช่..."

    "ท่านฯไปบวชก่อนมรณะภาพ..."


    "แล้วพระนเรศวรฯ มีพระมัสสุ(หนวด)หรือเปล่าครับ ผมเห็นเค้าเถียงกันอยู่"

    "เอ็งถามตอนโกนแล้วหรือยังไม่โกน จะได้ตอบถูก...."
     
  20. พ่อประดู่09

    พ่อประดู่09 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    283
    ค่าพลัง:
    +4,378


    ผมมาช้าเพราะอยากได้ความรู้มากๆ ก็สมใจ ได้รับความคิดเห็นแง่มุมต่างๆ มามาก เฝ้ารออดีต นักเรียนเปรียญธรรมจากวัดไทรยืด ก็เงียบเก็บ

    ตัวอย่างระมัดระวังตัว ผมได้มาก็แค่พระนวก ท่านอุปัชฌาย์ของผมท่านก็ว่า เราน่าจะเอามาจากค่าหรือราคาที่เปรียบเทียบได้ อย่างเป็นกลางๆ

    เช่น สมมติว่าเราตีราคาว่าหมู 2 ตัว แลกได้วัว 1 ตัว เราก็เอามันตามนั้น อย่าไปคิดให้มันมากจนถึงกับว่า ตอนนั้นหมูมันตัวละเท่านั้น วัวตัวละเท่า

    นี้ เอามันแบบราคาปัจจุบันนั่นแหละดี เพราะมันยากที่จะไปหาราคาในสมัยก่อนโน้น อาศัยแผ่วผ่านวิชาเศรษฐศาสตร์มานิดๆ แผ่วผ่านวิชา

    กฎหมายมาหน่อยๆ จะลองเอามาเปรียบเทียบดู ตามหลักกฎหมาย ไม่มีข้อยกเว้นว่าจะตัดสินความไม่ได้เพราะไม่มีในกฎหมาย ให้ผู้พิพากษา

    ต้องหาทางเปรียบเทียบเอาเอง เรียกว่าไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องหาทางยุติหรือตัดสินให้ได้ ซึ่งก็ควร(ผมคิดเอง)เป็นไปตามบริบท คือ สภาพแวด

    ล้อม และ เงื่อนไขต่างๆ ที่รายล้อมเหตุการณ์ใดเหตุการณ์หนึ่ง หมูแลกวัวแลกแพะแลกแกะแลกไก่ฯลฯ ทำกันมาตั้งแต่ยังไม่มีเงินตราก็ผ่านมา

    ได้ ฟังปู่แหล่เทศน์มหาชาติ พอจำค่าตัว 2 กุมารได้ว่า ราชกุมารีกัณหา มีค่าตัวเป็น ทาสี ทาส โคตัวเมีย โคตัวผู้ อย่างละ 100 ส่วนชาลีราช

    กุมาร มีค่าเท่ากับทองคำ 1,000 ตำลึง ถ้าคดีนี้เอามาตัดสินวันนี้ เราจะบอกชูชกว่า ตาเฒ่า ค่าไถ่ตัวของกัณหาราชกุมารี เราจะคิดเป็นเงินให้

    ท่านตามราคา ณ วันนั้น และค่าไถ่ของชาลีราชกุมาร เราจะจ่ายให้ท่านเป็นเงินตามราคาทองคำ ณ วันนั้น ตาเฒ่าชูชกคงไม่ยอม ตาชูชกคงขอ

    เป็นราคาในปัจจุบันเป็นแน่(ตามบริบท)...และศาลก็ต้องตัดสินอย่างนี้ เรียกว่าต้องเป็นไปตาม"บริบท"ในปัจจุบัน .....................

    พระราชบัญญัติเงินตรา พุทธศักราช 2501 มาตรา 30 กำหนดสิ่งอันชอบด้วยกฎหมายที่ประกอบขึ้นเป็นทุนสำรองเงินตราดังนี้.-

    1. ทองคำ

    2. เงินตราต่างประเทศฯ

    3. หลักทรัพย์ต่างประเทศฯ

    4. ทองคำสินทรัพย์ต่างประเทศฯ

    5. ใบสำคัญสิทธิ์ซื้อส่วนสำรองฯ

    6. ใบสำคัญสิทธิ์พิเศษฯ

    7. หลักทรัพย์รัฐบาลไทยฯ

    8. ตั๋วเงินในประเทศฯ

    กำหนดไว้อย่างนี้ จะได้ไม่พิมพ์เงินหรือใช้จ่ายกันส่งเดช ทั้งธนาคารชาติ และ กระทรวงการคลังจะได้เอาไว้เป็นหลักการปฏิบัติฯ รายละเอียดทั้ง

    8 ข้อ ไม่สำคัญเท่ากับว่า หลักทรัพย์ต่างๆ มันมีอายุและราคาเปลี่ยนแปลงอย่างสม่ำเสมอ และก็เอามาใช้ได้เหมือนราคาไม่ตก เพราะเปรียบ

    เทียบค่าได้ตลอดเวลา ถ้าราคาทองคำยังคงที่เหมือนตอนผมแต่งงาน ค่าแรงช่างไม้ช่างปูนในปัจจุบันซื้อทองได้วันละ 1 บาท เป็นอย่างน้อย

    แต่ทองคำแทบจะเป็นตัวกลางในการเปรียบเทียบค่ามาตั้งแต่ยุคโบราณฯ เราต้องเอาไปเปรียบเทียบกับกฎหมายเพื่อให้บทบัญญัติใช้ได้ตลอด

    ไป เพราะคงไม่มีใครไปอุตริบัญญัติพระวินัยขึ้นมาใหม่ แต่ควรจะปรับใช้อย่างไรให้มันเป็นไปตามบทบัญญัติ อย่าลืมว่าการที่พระพุทธองค์ทรง

    บัญญัติ บทอทินนาทานสิกขาบท พระพุทธองค์ได้ทรงปรึกษากับพระภิกษุผู้เคยรับราชการมาก่อน ทรงตรัสถามถึงโทษที่ใช้กับราษฎร ในคดีลัก

    ทรัพย์ ว่ากำหนดโทษกันอย่างไร จำนวนเท่าไหร่จึงเป็นโทษแบบไหนในคดีลักทรัพย์ แล้วจึงเอามาบัญญัติฯ....แต่ ค่าของทองคำ เป็น

    มาตรฐานการคิดราคาค่าแลกเปลี่ยนตั้งแต่ในสมัยโบราณมาจนถึงปัจจุบัน มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ เหมือนกับพระพุทธองค์จะทรงรู้ล่วงหน้าแล้วว่า

    สักวันจะมีปัญหา จึงตราไว้ด้วยค่าทองคำ.......แม้จะย้อนขึ้นไปจนถึงเมื่อกว่าสี่พันปีมาแล้ว หลักฐานจากบันทึกบนแผ่นดินเหนียวที่ได้มาจาก

    ยุค"บาบิโลน"รุ่งเรือง ก็ใช้ทองเป็นหลักในการค้าขายทั้งเพชรนิลจินดาหรือว่าอูฐหรือแพะ ตลอดจนการกู้ยืม แม้กระทั่งค่าเช่าบ้านในเขตเมือง

    บาบิโลน ก็คิดกันเป็นลิ่มทองฯลฯ

    *พระวินัยปิฎก อทินนาทาน สิกขาบท ทรงปรับอาบัติ ปาราชิก มูลค่าตั้งแต่ 5 มาสกขึ้นไป

    *ในอรรถคาถาและฎีกา 5 มาสก เปรียบได้กับมูลค่าทองคำมีน้ำหนักเท่ากับ 20 เมล็ดข้าวเปลือก หรือประมาณ ครึ่งกรัม(มีคนเอาไปชั่งแล้ว

    บอกว่าได้ 0.56 กรัม แต่ไม่บอกว่าเป็นข้าวเปลือกที่ไหน? เคยเขียนไปแล้วว่า น้ำหนักข้าวมีความแตกต่างกัน แต่ก็พอถือได้ว่าไม่มากนัก) หรือ

    จะคิดง่ายๆ ว่าประมาณ 0.5 - 0.6 กรัม ก็คงจะได้ฯ

    *ทองหนัก 1 บาท เท่ากับ 15 กรัม เท่ากับราคาปัจจุบันประมาณ 20,000 บาท

    ดังนั้นครึ่งกรัมก็ประมาณ 650 บาท หรือจะให้ดีกว่าก็น่าจะเลิกพูดถึงหน่วยเงินบาท แต่เอาเป็นหน่วยน้ำหนักทองคำ 0.5 - 0.6 กรัม แล้วเอา

    ไปคิดเป็นเงินบาทเมื่อต้องตัดสินอธิกรณ์ ตามราคาทองคำ ณ เวลานั้น (ต้องค้นหาเอามาจาก วิญญาณของสิกขาบทนี้ว่า ได้มาอย่างไรด้วย

    เหมือนเราค้นหาวิญญาณของกฎหมายว่า...มันเริ่มต้นมาอย่างไร หรือที่เรียกเป็นทางการว่า"เจตนารมย์ของกฎหมาย")

    *เราควรจะตีความตามหลักอรรถกถาและฎีกา ตามพระวินัยตั้งแต่สมัยพุทธกาลเป็นต้นมา

    *ปัจจุบันในสากลโลกก็ถือทองคำเป็นมาตรฐานการเปรียบเทียบค่าเงิน ทองคำในประเทศต่างๆ ราคาไม่ต่างกันนักหรอก แต่ที่เขาขนทองเถื่อน

    นั้น มันเป็นเรื่องของขบวนการ การฟอกเงิน

    ผมก็มั่วได้แค่นี้ แต่ก็มั่วแบบมั่นใจอย่างชาวบ้าน ไม่ใช่พระวินัยธร ขอขอบคุณมากครับ... สวัสดีครับ

    ปล.บทบัญญัติต่างๆ ถ้าปรับใช้ตามบริบทจะทำให้บทบัญญัติเหล่านั้นทันสมัยอยู่เสมอโดยไม่ต้องแก้ไข เช่น กฎหมายของประเทศสหรัฐที่เกี่ยว

    ข้องกับสิทธิและเสรีภาพในการเสนอข่าวของสื่อมวลชน สองร้อยกว่าปียังใช้ได้ไม่ต้องแก้ไข หลักการยังคงอยู่ แม้วันที่ร่างกฎหมายยังไม่มีวิทยุ,

    โทรทัศน์,ดาวเทียม จะมีอะไรเพิ่มขึ้นมาในภายหลังก็ใช้ได้เสมอ เพียงแต่ให้เป็นไปตามบริบทฯ ดังนั้นกฎหมายที่ลงรายละเอียดมากๆ จึงทำให้

    คับแคบจำกัดการใช้ แต่ถ้าเขียนหลวมๆ ให้คนที่มีหน้าที่ใช้ปรับใช้ตามบริบท กฎหมายก็จะมีผลบังคับใช้อย่างกว้างขวางและไม่ล้าสมัย ไม่ต้อง

    แก้ไขบ่อยๆ เพราะโลกทั้งใบนี้มีหลักการ(เน้น...หลักการ)เหมือนๆ กันคือ ไม่สามารถปฏิเสธ ความไม่รู้กฎหมายนำมาอ้างเพื่อให้พ้นผิดได้ และ

    ผู้ที่มีหน้าที่ใช้หรือตัดสินผิดถูก ก็ไม่สามารถปฏิเสธว่าไม่สามารถทำได้เพราะไม่มีเขียนไว้ในกฏหมาย เพราะถูกกำหนดไว้ว่าต้องหาทางปรับใช้

    เอาเองฯลฯ การที่ อทินนาทาน สิกขาบท กำหนดไว้เสร็จว่า 5 มาสก เท่ากับน้ำหนักทองคำ 20 เมล็ดข้าวเปลือก ถ้าเราถือเป็นค่า

    Constant ก็จบง่ายไม่ต้องตีความ ที่มีปัญหาก็เพราะไปยึดค่าของคำว่า"บาท" ไม่ยึดค่า 5 มาสก/หรือน้ำหนักทองคำ 20 เมล็ดข้าวเปลือก

    และผมมั่นใจว่าพระพุทธองค์ไม่ทรงเคยใช้เงินบาท บรรดาอาจารย์ของเราแสดงภูมิมากไป จึงเอาไปผูกกับค่าเงินบาทฯ จนลืม...อนิจจัง.....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2014
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...