นิมิต - กรรมฐาน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 11 พฤษภาคม 2019.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,506
    +++ สติกับสมาธิ ต่างกันอย่างไร +++
    ถาม : สติกับสมาธิ ต่างกันอย่างไรบ้างครับ ? มีความสัมพันธ์ส่งเสริมกันอย่างไรบ้างครับ ?
    ตอบ : สติเป็นตัวระมัดระวัง สมาธิเป็นตัวตั้งมั่น #ถ้าสติรู้ระมัดระวัง #สมาธิก็ตั้งมั่นได้นาน สมาธิตั้งมั่นได้ ก็ระมัดระวังสติมากขึ้น
     
  2. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,506
    ขอให้มีความมั่นคงในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระสงฆ์
    อย่าได้ลังเลสงสัยอะไรสักอย่างเดียวเลย
    รักท่านให้มาก...กอดขาท่านไว้เลยก็ได้ กอดไว้ในหัวใจเลย
    พอมองไปในหัวใจนี่เห็นพระรัตนตรัยเลย เป็นดวงแก้วสามดวงอยู่ในหัวใจก็ได้
    นี่คือพระรัตนตรัยนะ...รักให้มาก กอดให้มาก เท่านี้ท่านก็แช่มชื่น ท่านก็มีความสุข

    1f9d8_200d_2640.png นึกอย่างนี้นะ นึกแล้วเห็นเป็นดวงแก้ว ๓ ดวง หรือเป็นองค์พระ ๓ องค์เป็นแก้วใสอยู่ในหัวใจเราก็ได้
    แล้วท่านจะมีกำลังใจเดินอีกเยอะ สุดท้ายท่านก็จะสำเร็จมรรคผลพระนิพพาน
    อย่าลืมว่า คนที่รักพระรัตนตรัย กอดพระรัตนตรัยทุกวันนี่ก็ไปพระนิพพานง่ายกว่าคนอื่นเขา..เอางี้ก็แล้วกันนะ

    ▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎▪︎ 1f338.png 1f340.png 270f.png
    #ตำเตือนศิษย์ #เสียงธรรมลูกนอกวัง : ตอนที่ ๒๔

    #พระอาจารย์เอกลักษณ์ #ปญฺญาคโม
    #วัดพุทธพรหมยาน
     
  3. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,506
     
  4. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,506
    คือว่าวิธีปฏิบัติเพื่อมรรคผลจริงๆ เขาทำกันแบบนี้นะ คือว่าในตอนนั้น หรือจุดเริ่มต้นน่ะ เราพอใจในอะไร ถ้ามันกระสับกระส่ายก็ใช้อานาปาเข้าควบคุมให้จิตสงบเสียก่อน เมื่อจิตสงบดีแล้ว ก็ถอยมาสู่อุปจารสมาธิมาพิจารณาขันธ์ 5 ไม่ใช่พิจารณาเฉยๆ ต้องเอาสังโยชน์เข้ามาคุมเป็นพื้นฐานด้วยว่า เราจะตัดจุดไหนกันแน่ พอพิจารณาไปอารมณ์มันจะซ่านออก พอซ่านออกต้องทิ้งการพิจารณาเสีย แล้วมาจับอานาปาใหม่ให้จิตทรงตัวดีแล้วมีอารมณ์เป็นสุข จิตมันทรงตัวดีเข้าไปพิจารณาใหม่ สลับกันไปสลับกันมาอย่างแบบนี้นะ


    TYOIonMuOUTwDxV28NYSwYarisCpQ_mKjP&_nc_ohc=uMwMX7nJN-IAX8NLHjJ&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-5.jpg
     
  5. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,506
    1f4a6.png 1f33f.png 1f33e.png คำปรารภ 1f33e.png 1f33f.png 1f4a6.png
    ...การที่สอนกรรมฐานมโนมยิทธิขึ้น ก็เพราะว่ารู้สึกอายญาติโยมที่อุตส่าห์ให้ข้าวให้น้ำขุนมาจนอ้วน แต่ไม่มีอะไรสนองความดีของญาติโยม มีทางเดียวคือ รับของโยม ละอายใจ เรื่องนี้จึงหาทางเสาะหาความรู้ที่รู้จริงตามที่พระพุทธเจ้าสอนมา สนองคุณญาติโยม เวลานี้ดีใจมากที่มีญาติโยมที่มีอุปการะ "ขุน" ให้อิ่มจนอ้วน คือ "อาตมาเอง" ท่านได้รับความพอใจจากการปฏิบัติจริง มีผลจริง จนกระทั่งพิสูจน์ตนเองได้ว่า
    ๑. ก่อนเกิดมาจากไหน?
    ๒. เมื่อตาย ถ้าความดีขนาดนี้จะไปเกิดที่ไหน?
    ๓. ทราบว่าผู้ตายนั้นไปอยู่ที่ไหน?
    ๔. หมดความสงสัยเรื่องสวรรค์ นรก ไปพบเองเห็นเองได้
    ๕. รู้เนื้อนาที่ควรจะทำบุญว่า เป็นนาแล้ง นาน้ำท่วม หรือนาดี และรู้ว่านาทั้งหลาย นาแปลงไหนตายแล้วจะไปสวรรค์ นรก พรหม และที่ไปแล้วไม่กลับ รู้ก่อนนาตาย คำว่า "นา" ในที่นี้คือ "นักบุญที่คอยรับการทำบุญ" อย่างนี้เป็นต้น
    ความรู้ที่ให้ไว้ ถึงแม้จะเป็นความรู้ผิวๆ ในพระพุทธศาสนา ก็ยังดีใจว่าได้มีโอกาสสนองความดีท่านผู้มีคุณให้ชีวิต เลี้ยงดูมาเป็นเวลาหลายสิบปี ให้เข้าใจตามความเป็นจริงบ้างตามสมควร ตามความสามารถของคนที่มีความรู้ขั้นอนาถาอย่างอาตมา ซึ่งไม่มีความดีเลิศประเสริฐสูงส่งอย่างท่านผู้ทรงความดีทั้งหลาย
    อ้างอิง - หนังสือ..มโนมยิทธิและประวัติของฉัน...โดยหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี



    9QIgSmKitvJwVRsG4m2xAsfPOrbqSkD18E&_nc_ohc=THdgC-DUq14AX8jg_-q&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-4.jpg
     
  6. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,506
    กสิณไฟภายใน

    คำถาม : อยากเรียนถามหลวงพี่เรื่องทำเตโชกสิณอย่างง่ายๆเจ้าคะ

    ท่านจิตโต : อ๋อง่ายมากเลย เอาแบบกองเล็กกองใหญ่ ? ถ้ากองเล็กยากหน่อย กองใหญ่ง่าย

    ที่วัดนี้ในป่ามีฟืนเยอะ ก็เอาขอนฟืนห่มๆหน่อยนะ มันลุกง่ายดี เอามากอง กองๆไว้ เทินนะ เอานำ้มันราดเข้าแล้วเธอก็ไปนั่งอยู่บนกองไฟ แล้วเธอก็บริกรรม เตโชกสิณัง เตโชกสิณัง นะ แล้วก็จุดพรึ่บ เดี๋ยวก็เตโชขึ้นเลย

    นิมิตเตโชปรากฏสว่างไสวรอบตัวเลย เห็นไหมได้ผลแล้ว ง่ายไหมล่ะ รับรองไม่ลืมแน่เลยเตโชกสิณัง

    ไฟมันไฟภายนอก ไฟภายในมองเห็นไหมล่ะ จับกสิณไฟภายในได้ไหมล่ะ … ทำไม่เป็น ?

    ไฟโลภะ ไฟโทสะ ไฟโมหะ เวลามันร้อนรุ่มในจิตใจ เห็นมันไหมล่ะ เห็นเป็นสีอะไร … มีสี เวลามันเผาแล้วดำเป็นตอตะโกเลย ใช่ไหมล่ะจิตใจเราเวลาเราถูกเผาด้วยไฟแบบนี้มันสีดำ ได้หรือยังกสิณ ?

    ไฟภายนอกน่ะ มันไม่ได้ใช้ประโยชน์มากนักเหมือนไฟภายใน ไฟภายในเรา เวลาเราเกิดขึ้นมานะ เธอลองจับดูสิ ใจเรานี่มันจะรุ่มร้อนกระสับกระส่าย มันจะเห็นจิตเรากระสับกระส่ายรุ่มร้อนถูกเผาไปด้วยไฟ แล้วมันก็จะหม่นหมอง เศร้าหมอง ใช่ไหมล่ะ

    นั่นล่ะ ก็จับไว้เป็นกสิณ …

    โห จิตกูเองเป็นอย่างนี้เหรอ ทำไมมันดำปิ๊ดปี๋อย่างนี้วะ ทำได้ไหม ? ทำได้กี่วาระ ?

    ยังไม่ได้เกิดไฟจริงๆเลย ลองดูไหมล่ะ … ลองไฟโทสะดูก่อน

    ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๕
    คำสอนของครูบาอาจารย์⚜️ท่านจิตโต⚜️
    ถอดความเสียง By Dhipya


    ?temp_hash=6f74ad90ca22e5c3f4cda470d1ee640c.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,506
     
  8. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,506
    306747774_607543704365625_5495851384813766024_n-jpg.jpg



    บรรลุช้า-บรรลุเร็ว

    เมื่อเราศึกษากันก็ศึกษาเพื่อความเป็นพระอรหันต์ แต่ว่าจะถึงหรือไม่ถึงหรือไม่ถึงมันก็เรื่องของ *การปฏิบัติ* หรือ *บารมี* ถ้าขึ้นชื่อว่าทำความดีแล้วก็เป็นการก้าวเข้าไปสู่ความเป็นพระอรหันต์กันทุกคน เมื่อใครจะก้าวยาวก้าวสั้น เดินถูกทางผิดทางกันเท่านั้น ถ้าเดินเฉทางมันก็ช้าหน่อย ถ้าเดินตรงทางมันก็เร็วขึ้นหน่อย เดินตรงทางขี้เกียจก็ถึงช้า ถ้าเดินตรงทางขยันก็ถึงเร็ว แต่ว่าถ้าขยันรืบเดินไปถึงช้าเพราะเมื่อยล้าเดินไม่ไหว ในที่สุดกำลังกายทนไม่ไหวก็พับอยู่กลางทาง ฉะนั้น การเจริญพระกรรมฐานเพื่อหวังผลก็ต้องระวังสูตร 2 ประการ ระวังอย่าให้เข้ามาถึง นั่นคือ

    1. อัตตกิลมถานุโยค อย่าทรมานตนเกิน ถ้าทรมานตนเกินไปร่างกายทนไม่ไหว จะเกิดโรคภัยไข้เจ็บ ประสาทจะไม่ดี ดีไม่ดีก็เสียสติสัมปชัญญะ อันนีิต้องระมัดระวัง

    ประการที่ 2 กามสุขัลลิกานุโยค ย่อหย่อนเกินไป ถือนิมิต ถืออุปาทานเป็นสำคัญ ไม่ได้อะไรแต่ว่าคิดว่าได้ นี่เสร็จ

    2 ประการนี้ไม่มีผล ต้องเดิมตามสาย มัชฌิมาปฏิปทา คือเดินสายกลางๆ เอาแค่พอสบาย พอชักเริ่มไม่สบายต้องทนหนักก็เลิก ถ้าขืนต้องทนเกินไปก็ไร้ผล ถ้าหากว่าทำเข้าถึงอันดับทน ก็แสดงว่าสมาธิจิตหรืออารมณ์ของ เราใช้ไม่ได้แล้ว ถ้าอารมณ์เป็นฌานจริงๆ เข้าถึงสุขจริงๆ จะนั่งสักกี่ชั่วโมงก็ได้ มันไม่ต้องทน มันสบาย แต่ทว่าการสบายนั้นต้องระวัง ถ้าเป็นการฝืนร่างกายเกินไปทรมานเก็นไปก็ต้องเลิก เอาแค่พอดี ต้องหวังร่างกายให้มากเหมือนกัน ถ้าหากว่าร่างกายของเราทุพพลภาพไป จิตใจไม่สบาย การก้าวหน้าทางเจริญพระกรรมฐานก็ไม่มีผล. นี่พูดกันถึงผลให้ฟัง

    คำสอนพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน( พระมหาวีระ ถาวโร) วัดจันทาราม(ท่าซุง)จ.อุทัยธานี
    จากหนังสือธรรมปฏิบัติ เล่ม 27 หน้า 70-82



    เพจ:คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    พิมพ์ธรรมทาน นภา อิน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,506
    7zH_nmjfLHqzvB&_nc_ohc=Ykr_KSxmN00AX9Q6juW&tn=iNdwwKaZ6rwHh03z&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-3.jpg
     
  10. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,506
    392-DJSWKADDe4yrOP7GaszkQ_m0AF90uF&_nc_ohc=6naXBNRRbo4AX964477&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk2-7.jpg
     
  11. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,506
    ธรรมานุสสติเป็นวิปัสสนาญาณ
    …นี่เราก็ดูตัวอย่างของพระพุทธเจ้า

    ท่านดีกว่าเราโดยฐานะ ดีกว่าเราโดยบารมี ถ้าเป็นฆราวาสท่านก็จะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิราชปกครองโลกโดยธรรม เมื่อมาบวชท่านก็เป็นพระพุทธเจ้า จัดว่าเป็นผู้ดีเด่นที่สุด แต่ท่านก็ยังเห็นว่าร่างกายของมนุษย์มันเป็นของไม่ดี ความเกิดเป็นของไม่ดี แล้วพวกเราจะมานั่งนึกหาความดีถึงว่าการเกิดเป็นของดีเพื่อประโยชน์อะไร แล้วพระองค์เองก็ทรงเห็นภัยในวัฏฏะ เห็นว่าการครองร่างอยู่อย่างนี้ มันเต็มไปด้วยความทุกข์ ความทุกข์มีอะไรบ้างเราพูดกันมานานแล้ว ใคร่ครวญหาความทุกข์ให้เจอ บุคคลใดถ้าไม่เห็นทุกข์ บุคคลนั้นก็เชื่อว่ายังมีอวิชาหรือโมหะบังหน้าอยู่เต็มที่ องค์สมเด็จพระชินสีห์ทรงกล่าวว่า คนโง่ย่อมมองไม่เห็นทุกข์ ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะเห็นว่าความทุกข์เป็นความสุขไม่หมด ยังมีความปรารถนาในความทุกข์ เห็นเป็นปัจจัยของความสุขจะเหน็จเหนื่อยยากลำบากสักเท่าไรก็ตามที่เห็นว่า ดีอยู่เสมอ นี่เป็นอารมณ์ของความโง่คือ อวิชาเข้าปิดบังใจ

    แต่องค์สมเด็จพระจอมไตรไม่ได้คิดอย่างนั้น เวลาใกล้รุ่งอรุณแห่งวันเพ็ญกลางเดือนหก พระองค์ก็ทรงยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนาญาน เห็นอริยสัจสี่คือทุกข์เป็นจุดต้น สัตว์และคนทั้งหลายที่เกิดมาทั้งหมดจะเป็นเทวดา หรือพรหมก็ตามเป็นผู้ไม่พ้นจากความทุกข์ หาความสุขจริงจังอะไรไม่ได้ แล้วตัวทุกข์ทั้งหลายเหล่านี้มันมาจากไหน พระองค์ก็ใคร่ครวญต่อไปว่า มันมาจากเหตุของความทุกข์คือ สมุทัย ได้แก่ ความอยาก คือว่า อยากเกิด อยากสวย อยากงามอยากร่ำรวย อยากมีฐานะใหญ่ อยากเป็นผู้มีอำนาจวาสนาบารมีสูง อยากอย่างนี้อยากได้ แต่ไม่อยากตาย ไม่อยากป่วยทั้งๆ ที่มันจะต้องตาย จะต้องป่วย ความอยากตัวนี้เป็นภัยอย่างยิ่งเพราะเป็นการปิดบังใจของท่าน บรรดาพุทธบริษัทชายหญิงให้เห็นว่านั้นเป็นของดี และองค์สมเด็จพระชินสีห์ย่อมมองไม่เห็นด้วย เจ้าความอยากตัวนี้แหละเป็นปัจจัยให้เราเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏะ เกิดเป็นคน เกิดเป็นเทวดา เกิดเป็นพรหมนี่น้อยนัก ส่วนใหญ่แห่งการเกิดของพวกเรา ก็คือเกิดในอบายภูมิ มีนรก เป็นต้น เกิดเป็นเปรตอสุรกาย เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานมีมากต่อมาก แสดงว่าดินแดนแห่งการเกิดในเมื่อเราเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏะมันมีความทุกข์มากกว่าความสุข นี่ถ้าหากว่าเราไม่พึงปรารถนาความเกิดเสียแล้ว มันก็จะมีแต่ความสุขอย่างยิ่งหาความทุกข์เจือปนไม่ได้ สมเด็จพระจอมไตรบรมมาศาสดา จึงทรงพิจารณาว่า การตัดตัณหาเป็นของดี การตัดตัณหาตัวนี้ไม่ต้องตัดที่ไหน ตัดกันที่ตัวเราเป็นสำคัญ ไม่ต้องไปตัดที่ชาวบ้านชาวบ้านเป็นเรื่องของเขา ถ้าเราตัดตัวเราเสียได้อย่างเดียว เราก็ตัดคนอื่นได้หมด เพราะทุกสิ่งทุกอย่างในโลกที่เราจะพอใจยิ่งไปกว่าร่างกายของเราไม่มีส่วนที่เราห่วงใยมากที่สุดก็คือร่างกายของเรา

    วิธีตัดร่างกายเราจะตัดกันอย่างไร

    ก็มานั่งพิจารณาร่างกายดู นี่ธรรมานุสสติกรรมฐานนะ ทั้งหมดนี้เป็นธรรมะทั้งนั้นว่าร่างกายของเรานี่มันมาจากไหน? ดูเป็นอันดับแรก จะเห็นว่า ร่างกายของเรานี่มันมาจากธาตุ ๔ คือ ธาตุน้ำ ธาตุดิน ธาตุลม ธาตุไฟ

    แล้วมันตั้งอยู่นานไหม? มันทรงตัวไหม? ก็เห็นว่ามันตั้งอยู่ไม่ได้นาน มันไม่มีการทรงตัว มันเคลื่อนไปหาความสลายตัวในที่สุด

    ขณะที่มันตั้งอยู่มันสกปรกหรือมันสะอาด? เราก็จะเห็นว่ามันสกปรกด้วยประการทั้งปวง

    การทรงชีวิตอยู่เต็มไปด้วยความสุขหรือความทุกข์? ใคร่คราญไปด้วยปัญญาทรงฌานจะเห็นชัดเห็นว่า เต็มไปด้วยความทุกข์

    เราดูซิว่า ร่างกายของเรานี้น่ารักตรงไหน? น่าประคับประคองตรงไหน? มองไปจะเห็นแต่ความสกปรกทั้งกาย ไม่มีอะไรเป็นที่น่าประคับประคอง

    แล้วก็ดูต่อไปว่า ร่างกายของเรานี้มันเป็นเราหรือไม่ใช่เรา เราเป็นเจ้าของมันหรือว่า มันเป็นเจ้าของเรา เรามีการควบคุมมันได้ตลอดกาลตลอดสมัย หรือว่ามันให้เราอยู่กับมันตลอดกาลตลอดสมัย? ทำไมพิจารณาไปด้วยกำลังฌานสนับสนุน เราก็จะเห็นได้ว่า ร่างกายนี่มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา มันเป็นเรือนร่างที่อาศัยสำหรับเราชั่วคราวเท่านั้นในที่สุดมันก็สลายตัว ถ้าเรายังแบกความโง่เข้าไว้ เราก็ต้องไปหาร่างกายเพื่อเกิดใหม่ ถ้าเจอะร่างกายคนก็พอทำเนาถ้าเป็นคนดี ถ้าไปเจอะเอาร่างกายคนง่อยเปลี้ยเสียขาทุพพลภาพเข้าก็จะมีอารมณ์หนัก นี่เพราะอาศัย การอยากเกิดมันไม่แน่นัก ดีไม่ดีก็ไปคว้าเอาร่างกายสัตว์เดรัจฉานเข้าเพราะกรรมที่เป็นอกุศลสนับสนุน หรือมิฉะนั้นก็ไปคว้าเอากายของสัตว์เดรัจฉานหรือกายเปรต กายอสุรกายเข้ามันก็เป็นไม่เป็นเรื่อง มิฉะนั้นเราไปคว้ากายเทวดาหรือพรหมมันก็สุขชั่วคราว หมดบุญวาสนาบารมีก็หล่นลงมาใหม่

    เป็นอันว่า การปรารถนาในร่างกายนี้ไม่เกิดประโยชน์ ร่างกายที่เราได้แต่ละคราว มันก็ไม่คงทนถาวร ไม่อยู่ตลอดกาลไม่อยู่ตลอดสมัย การที่เราจะตัดความอยาก คือตัณหาตัวนี้ได้ก็คือตัดร่างกายของเราเสีย พิจารณาว่าร่างกายนี้มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น แล้วก็มีความแปรปรวนไปภายในท่ามกลาง มีการแตกสลายไปในที่สุด ชาติปิ ทุกขา ความเกิดเป็นทุกข์ ชราปิ ทุกขา ความแก่เป็นทุกข์ มรณัมปิ ทุกขัง ความตายเป็นทุกข์ นั่งนึกมันอยู่แค่นี้พอว่า เกิดมันก็ทุกข์ แก่ก็ทุกข์ เจ็บก็ทุกข์ ตายก็ทุกข์ในเมื่อมันทุกข์ทุกอย่างแล้ว ในขณะที่แบกทุกข์อยู่เราก็ทนไม่เป็นไร มันจะทุกข์ก็ไม่ว่าขอให้มันอยู่กับเราตลอดกาลตลอดสมัย มันก็ไม่ยอมอยู่เสียอีกมันก็พัง อย่างนี้เราจะคบมันไปเพื่อประโยชน์อะไร เราก็ไม่ครบมันดีกว่า



    กรรมฐาน ๔๐ หน้า ๑๖๑- ๑๖๔
    โดยพระมหาวีระ ถาวโร (ฤาษีลิงดำ)
    วัดจันทาราม (ท่าซุง) อ. เมืองจ.อุทัยธานี
    P. pisit คัดลอก
     
  12. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,506
    #องค์หลวงพ่อชี้ทาง
    • คิดถึงบุญที่ทำแล้ว บุญที่กำลังทำอยู่ บุญที่จะทำต่อไป ใจสบายตายแล้วไปสวรรค์
    • นึกรู้ลมเข้าลมออก ใจไม่มีนิวรณ์ไปพรหมโลก

    IJBRrhAxhWmd-uZDVjWBqj5GaphmIZ-pY&_nc_ohc=7jT9T9cJ0pwAX893uDV&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-1.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,506
    #ตุ๊พ่อเล่านิทาน
    เรื่องที่ ๑ (ตอนที่ ๒)
    เราจะเก่งคนเดียวไม่ได้เราจะไม่พ้นทุกข์ การที่จะพ้นทุกข์ได้แบบง่าย ๆ มีหลายวิธีหลายจนนับไม่ได้ ครูบาอาจารย์องค์ท่านแต่ละองค์ได้มาแบบไหนพ้นทุกข์มาได้แบบใด ก็จะแนะนำบริวารไปตามวิธีปฏิบัติที่องค์ท่านได้มา (องค์หลวงพ่อแนะนำว่า ถ้าไปเห็นท่านผู้ใดคณะใดปฏิบัติแตกต่างไปจากคณะเรา อย่าไปติเขา เพราะกุศโลบายทางเข้าพระนิพพานมีหลายทาง)


    37uf2ljx7CPf-ShfnIVZFqOBqkde-ExKb&_nc_ohc=-nnogjtopzYAX-vyE_v&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-6.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,506
    พระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)โอวาทสุดท้ายเพื่อจบกิจ

     
  15. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,506
     
  16. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,506
    upload_2023-1-4_19-9-5.png


    #คำสอนหลวงพ่อฤาษี
    ⚡การใช้ญาณรู้⚡
    การใช้ญาณ เมื่อชำนาญในฌาน 4 แล้ว ท่านให้เข้าฌาน 4 ให้เต็มขนาด ของฌานก่อน จนจิตสงัด เป็นอุเบกขาดีแล้ว ค่อยๆคลายจิต ออกมาสู่อุปจารสมาธิ แล้วกำหนดจิตอธิษฐานว่า ขอภาพที่ต้องการจงปรากฏ แล้วเข้าฌาน 4 ใหม่ ออกจากฌาน 4 กำหนดรู้
    ภาพที่ต้องการจะปรากฏแก่จิต คล้ายดูภาพยนตร์ พร้อมทั้งรู้เรื่องไปตลอด จะใช้ญาณอะไรก็ตาม ทำเหมือนกันหมดทุกญาณ จงพยายามฝึกฝน ให้คล่องแคล่วว่องไว ต้องการเมื่อไรรู้ได้ทันที การรู้ จะคล่องหรือฝืด ขึ้นอยู่กับฌาน
    ถ้าเข้าฌาน ออกฌานคล่อง การกำหนดก็รู้ก็คล่อง ทั้งนี้ ต้องหมั่นฝึก หมั่นเล่นทุกวัน วันละหลายๆครั้ง เล่นทั้งวันทั้งคืนยิ่งดี ความเพลิดเพลินจะเกิดมีขึ้นแก่อารมณ์ ความรู้ ความฉลาดจะปรากฏ
    ปัญญารู้แจ้งเห็นจริง ในส่วนแห่งวิปัสสนาญาณจะเกิดขึ้นอย่างง่ายดาย นิพพิทาญาณ ความเบื่อหน่าย ในการเกิด จะปรากฏแก่จิตอย่างถอนไม่ออก ความตั้งมั่น ในอันที่จะไปสู่พระนิพพาน จะเกิดแก่จิต อย่างชนิดไม่ต้องระวังว่า จิตจะคลายจากพระนิพพาน
    คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน
    หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง
     
  17. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,506
    #ทางสายเอก ของลูกหลานพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีฯวัดท่าซุง
    dJRJ0VZv9xdtY_va3RkHB3GPS4PXUPgDB&_nc_ohc=Scu5jAwKfFAAX-pJHc8&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-2.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,506
    • ครูบาอาจารย์ ทั้งฝ่ายโลกิยะและโลกุตระ ที่ยังไม่มีสมาธิเวลาจะใช้คาถาหรืออธิษฐานสิ่งใดก็ให้อั้นใจเหมือนคนดำน้ำจิตก็จะมีพลัง
    • จะขอเทวดาก็นึกถึงเทวดา มีภาพก็ดูภาพด้วย จะขอพระก็นึกถึงภาพพระด้วย พระและเทวดามีจิตเป็นทิพย์ทั้งกายวาจาใจของเราตลอด ที่มีหน้าที่ก็จดบุญจดบาปของคนตลอดเพื่อส่งงานตามหน้าที่ เป็นสิ่งที่ไม่น่าสงสัย
    • ให้ใช้ปัญญาคิดตามคำสอนพระพุทธเจ้า หมั่นดูลมหายใจเข้าออก ถ้าจิตพวกเรานิ่งมีสมาธิแล้ว จิตเราจะได้เป็นทิพย์อย่างพระอย่างเทวดาเน้อ จะได้บรรลุได้ง่ายด้วยเน้อ

    • ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาเป็นอย่างสูงลูกมีเมตตาช่วยตุ๊พ่อ มีคนทดลองปลูกต้นไม้สองต้น ให้ปุ๋ยให้น้ำเสมอกัน ต้นหนึ่งแช่ง ต้นหนึ่งให้พร ต้นที่แช่งอับเฉาไม่สวยงาม ต้นที่ให้พรสวยดีงามดี
    • ที่บ้านป่าไผ่ปลูกมะม่วงไว้ ไม่ยอมให้ดอกให้ผล เขาไปขู่ว่า กินอิ่มอ้วนแต่กิ่งแต่ใบไม่มีผล ปีนี้ถ้าไม่มีผลจะโค่นทิ้งแล้วนะ เขาก็ออกผลเพราะกลัวตายเหมือนกัน ถ้าไม้มีแก่นมีเทวดาทุกต้น อย่าไปตัดไปรังแกเขาเน้อ
    • ถ้าจำเป็นต้องทำศาลให้เขาอยู่แทน และถวายสังฆทานให้เขาด้วย พระโบราณเข้าป่าจะตัดต้นไม้ต้องไปเจรจากับต้นไม้ก่อน เขาต้องการอะไรทำบุญให้เขาจนเขาเต็มใจดีแล้ว จึงจะตัด
    • อย่าเผาไฟไปเรื่อยเน้อ มดแมงเดือดร้อนวิญญาณเดือดร้อน แผ่เมตตาให้ตนเองทุกวัน แผ่เมตตาให้ทุก ๆ วิญญาณเน้อ
    • แต่สิ่งที่เป็นธรรมดาเช่นแก่เจ็บตายเป็นสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ แต่ก็ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ ถ้าโชคดีพบหมอดียาดีพระดีก็จะได้ผลดีมาก บางคนตายไปแล้วเป็นเจ้าภาพสร้างโบสถ์ยังไม่เสร็จ เขาต่ออายุให้มาสร้างโบสถ์ บอกวันเวลาตายรอบใหม่ให้ เขาเตรียมงานศพให้ตนเองตั้งแต่ต้นจนเผาเสร็จไว้หมดเลย
    จบข่าว
    รักคิดถึงสบายดี
    ตุ๊พ่อพระมหาสิงห์ วิสุทฺโธ
    วัดพระพุทธบาทถ้ำป่าไผ่ อ.ลี้ จ.ลำพูน
    ๓๐ กันยายน ๒๕๖๒
    ที่มา เสียงธรรมจากถ้ำป่าไผ่
    ภาพจาก ที่พักสงฆ์เขาธัมมสรณ์


    ?temp_hash=9fec507d3245ab106aad5860a1eb59f6.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,506
     
  20. นโมพุทธายะ๕

    นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,667
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +70,506
    fGrfQq2NE0dMsDYkgCX9Q-Y9zCo9E1gOQ&_nc_ohc=zzaLeFaRo68AX_LLeXB&_nc_zt=23&_nc_ht=scontent.fbkk22-4.jpg -


    หนีของปลอม มาแสวงหาของจริง

    ถาม : ส่วนตัวพระอาจารย์ทำไมถึงหันมาในศาสนาเต็มที่ขนาดนี้ครับ

    พระอาจารย์สิริปัญโญ : เพราะว่าผมเห็นโทษ เห็นว่ากามมันจำกัด และก็เรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องใหญ่ สำหรับผมตอนเป็นวัยรุ่น เรื่องภาวะโลกจะต้องเจอวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม ไม่ใช่ข้อมูลที่เพิ่งออกมาใหม่ ปัญหาที่ว่ามีร้อนมีน้ำท่วมอะไรเป็นของเก่ามีมานานแล้ว เพียงแต่ว่าโดนปกปิด

    ส่วนอาตมาสิ่งที่เกิดในชีวิตของอาตมาก็ พ่อแม่หย่ากัน ก็เลยเห็นตั้งแต่เด็กว่าแบบนี้ก็ไม่แน่นอน จึงคิดว่าต่อไปจะมีความอบอุ่น ความรักในชีวิต มีภรรยาเดี๋ยวมีลูก ทุกคนก็ Happy เรารู้ตั้งแต่เด็กว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น ตามความเป็นจริงมันไม่ใช่

    แล้วก็ดูวัตถุ ด้วยการอยู่ใกล้ๆกับคนมีวัตถุเยอะ มีเงินเยอะ แต่ไม่เห็นคนที่จะดีสักคนหนึ่ง พูดตรงๆนะ คนระดับสูงแค่เอาศีล 5 เป็นหลักแทบจะไม่มี ก็เลยเมื่อเรามีโอกาสมาบวชเรียนตอนอายุ 18 แล้วก็โชคดี ช่วงนั้นได้มาบวชที่วัดป่าสาละวัน หลวงพ่อพุธ ฐานิโย เป็นพระอุปัชฌาย์ เขาส่งให้ไปศึกษาที่วัดป่านานาชาติ

    อย่างที่ผมพูดแรกๆอย่างน้อยขอให้มีพระวินัยกับกิจวัตร 14 เพราะว่าอันนั้นเป็นสิ่งที่ปรากฏภายนอก จะเห็นได้ เห็นได้ชัด ภายในยังไม่รับรอง ยังพิสูจน์ไม่ได้ อารมณ์อะไรแปลกๆหลายอย่าง แต่อย่างน้อยมีการควบคุมภายนอก โดยกายและวาจาก็เลยเห็นแบบนี้แล้ว แค่นี้เรามีความรู้สึกสบาย เรารู้ว่าเราอยู่กับคนที่เราไปได้ถูกทาง

    พออยู่ในวัดนี้ไม่นาน ก็เริ่มจะฟังเทศน์ฟังธรรม ก็มีอาจารย์ ชยสาโร ซึ่งมีความสามารถในการอธิบายธรรมะให้คนฟัง ท่านเป็นคนอังกฤษผมก็เป็นคนอังกฤษ มีความรู้สึกว่าพี่คนนี้เขาเป็นอาจารย์ได้ เขามีปัญญาขนาดนี้ได้ ก็อยู่ 10 กว่าปีได้ ก็เราเคารพศรัทธาท่าน

    แต่ในขณะเดียวกันเราคิดว่า ถ้าท่านทำได้ทำไมเราทำไม่ได้ ใช่ไหม? ก็ท่านดีกว่า เก่งกว่าทุกคนที่เราเคยเห็นมาก่อน ไม่มีใครเทียบกับท่านได้ แล้วก็รู้จักกับครูบาอาจารย์องค์อื่น ก็เลยมีความรู้สึกว่าสิ่งเหล่านี้ถูกต้อง มันเป็นรสชาติอธิบายไม่ถูก เออ..ที่นี่ใช่ ข้างนอกไม่ใช่ ตอนนั้นผมก็ยังอายุน้อยก็เลยสึกไป ไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย

    แต่ไม่ลืมบรรยากาศที่นี่ ไม่ลืมรสชาติที่นี่ พอเรียนจบแล้วทำงานสักพักหนึ่งมีความรู้สึกว่า ถึงเวลาแล้ว อย่างน้อยก็มาชั่วคราวเพื่อมาศึกษาต่อ ทำให้ธรรมะหรือศีลธรรมมั่นคงหน่อย พอที่จะสู้ในชีวิต พออยู่ไม่นานมีความรู้สึกว่า จริงๆไม่ต้องเอาธรรมวินัยเพื่อใช้ในชีวิตฆราวาส เอาทำวินัยใช้ในเพศพรหมจรรย์ดีกว่า เพราะว่าดูแล้วมันไม่มีประโยชน์อย่างอื่น ก็เลยโชคดี

    พูดง่ายๆผมอาศัยกัลยาณมิตร เพื่อนที่จะเป็นแรงบันดาลใจ ที่จะอยู่ไปเรื่อยๆได้ แล้วอาจจะเป็นโชคดีที่ว่า เห็นว่าวัตถุมันจำกัด จะรวยแค่ไหนก็ไม่มีความสุข จะประสบความสำเร็จแค่ไหนมีแต่ปัญหาเพิ่มขึ้นๆ ความเครียด ความฟุ้งซ่าน และก็คนที่เราต้องเกี่ยวข้อง ไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องศีลเลย ก็เลยไม่น่าเข้าไปใกล้

    พูดง่ายๆ หนี หนีเข้าบวชหนีเข้าวัดปลอดภัยกว่า บางคนว่าพระนี่หนีในโลกนี้จากความเป็นจริง เพราะว่าโลกนี้มีภัยอันตราย มีไฟ แต่จะว่าหนีจากความเป็นจริงผมว่าไม่ใช่ มาหันหน้าจากความเป็นจริง ก็ดูตามความเป็นจริงว่าตัวเองมีอะไรบ้าง ก็เลยหนีของปลอม มาแสวงหาของจริง

    แล้วจะไปให้ทุกคนเห็นด้วยก็ไม่ได้ คนที่เข้าใจก็โดยส่วนมากคนจะสนับสนุน แต่บางคนจะมองพระว่าเป็นคนไม่ทำงาน ไม่ช่วยสังคม อยู่ในโลกส่วนตัวก็แล้วแต่เขา ช่างมัน เราไม่ต้องไปพยายามพิสูจน์ หรือบังคับให้เขาเชื่อฟัง เราไม่สนใจ

    โอวาทธรรม พระอาจารย์สิริปัญโญ (Ajanh Siripannyo)

    *******************************
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...