เพื่อการกุศล ท้าวมหาราชทั้งสี่Lotแรกวัดศาลฯ(พิเศษกรอบลายไทยและกล่อง)เสก2วาระหพ.หนุน&วัดเขาวง<ชนวนพิเศษ>ภายใน31สค.#แรงมาก

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย รตนหทัย, 31 มีนาคม 2016.

  1. รตนหทัย

    รตนหทัย ธเนศร์ โทร 0819197488 หรือ ID Line : Millionboon สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    8,682
    ค่าพลัง:
    +2,527
    หลวงพ่อ.....เล่าเรื่องนิพพาน
    "วันหนึ่งสมเด็จท่านพามาที่วิมาน นิพพานที่มันกว้างลิ่ว และบ้านนี่นะนานๆจะได้ไปสักที ส่วนมากก็ไปนั่งป๋ออยู่ที่วิมานพระพุทธเจ้า ถ้าเราไปอยู่ที่นั่นแล้ว เวลาเราตายมันจะไปไหน อาตมาเป็นคนเกาะ พุทธานุสสติกรรมฐานเป็นอารมณ์ตลอดเวลา ถ้าวันไหนไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้าวันนั้นตายดีกว่า มันจะเป็นยังไงก็ตาม ยิ่งป่วยยิ่งไข้ยิ่งหนัก ป่วยนิดเดียวจิตจะไม่ยอมคลาดพระพุทธเจ้า เราถือว่าถ้าเราเกาะพระพุทธเจ้าอยู่ มันจะตายลงนรกก็ยอม ท่านคงไม่ยอมให้ลง แล้วท่านก็พาไปดูที่วิมาน ชี้ให้ดูบอกว่า "คณะของคุณมันมาก เพราะคุณใช้เวลาบำเพ็ญบารมีถึง ๑๖ อสงไขยกับแสนกัป และเป็นฝ่ายวิริยาธิกะ"
    เป็นอันว่าคณะของเราที่ตามกันมาเป็นระยะ ไอ้ที่เขาหนีไปนิพพานแล้วนับไม่ถ้วน พวกนั้นขี้ขลาดสู้เราไม่ได้ ไอ้เราต้องมาตกระกำลำบาก ช่วยกันวิ่งโน่นวิ่งนี่ ไอ้ที่จะกินก็ยังไม่มี แต่ยังพยายามหาเลี้ยงคนอื่น ใช่ไหม....
    วันนี้มีเวลาลองสอบดูนิดหนึ่ง ถามว่า "คณะของข้าพระพุทธเจ้ามีกี่สาย จากหลังบ้านไปนี่"
    ท่านบอกว่า "มี ๓๗ สาย"
    ถามว่า "สายหนึ่งมีระยะยาวเท่าไร....?"
    ท่านบอกว่า "สองแสนโยชน์ของนิพพาน"
    แล้วก็ไปดูเห็นหมดทั้ง ๓๗ สาย สองฝั่งของถนนวิมานเต็มหมด มันไม่มีจุดพร่อง สายหนึ่งประมาณ ๒ แสนโยชน์ แต่ละสาย ๓๗ คูณด้วย ๒ วิมานมันจะตั้งสายละสองฝั่งถนน ๓๗ ถนนยาวเหยียด ถนนกลายเป็นแก้วแพรวเป็นประกายสวยสดงดงามไปหมดบอกไม่ถูก วิมานแต่ละหลังก็แพรวพราวหาที่ติไม่ได้เลย หัวหน้าทีมตั้งบ้านใหญ่อยู่ด้านหน้า ต่อไปก็มีถนนซอยเข้าไป
    ทางด้านของนิพพานนี่เขาอยู่กันเป็นกลุ่มๆ อย่างกลุ่มของพระกกุสันโธ ท่านก็อยู่กลุ่มหนึ่ง วิมานของพระพุทธเจ้าก็ตั้งข้างหน้า บริวารก็เป็นสายอยู่ข้างหลัง พระโกนาคม ท่านก็อยู่กลุ่มหนึ่ง พระพุทธกัสป ก็ตั้งอยู่จุดหนึ่ง ของสมเด็จพระสมณโคดม ท่านก็ตั้งอยู่จุดหนึ่ง
    ตอนนี้ของอาตมาก็เป็นจุดที่แปลก วิมานตั้งอยู่ในเกณฑ์เรียงของพระพุทธเจ้า ใหญ่คล้ายคลึงกัน แต่สวยสู้ของท่านไม่ได้ เพราะเราไม่ใช่พระพุทธเจ้า แต่ในฐานะที่ปรารถนาพุทธภูมิมาสิ้นระยะเวลา ๑๖ อสงไขยกับแสนกัปพอดี แต่ว่าต้องเกิดไปอีก ๗ ที ทนไม่ไหวไม่เอา แค่นี้พอ รอเกิดอีก ๗ ครั้ง ก็ในกัปนี้แหละ และต้องไปรอองค์ที่ ๒๒ หลังจากพระศรีอาริย์ ต้องไปนั่งรออยู่ชั้นดุสิต ไม่ไหวเปิดดีกว่า ฉะนั้นกลุ่มของพวกเราจึงมีวิมานตั้งอยู่ในระหว่างกลุ่มของพระพุทธกัสป และกลุ่มของพระสมณโคดม
    เป็นอันว่าหาจุดพร่องไม่ได้ตามสายของพวกเรา วิมานสวยไม่เต็มที่มีอยู่มากพอสมควร แต่ก็ไม่เต็มสาย ที่วิมานสวยไม่มากก็เพราะว่า จิตของบุคคลใดถ้ารักพระนิพพาน วิมานจะปรากฎที่นั่น แต่ถ้าจิตใจของท่านผู้นั้นยังไม่ถึงอรหัตผลเพียงใด วิมานจะสวยไม่เต็มที่ ไอ้จิตกับวิมานมันสวยเท่ากัน เดินไปจึงรู้ เป็นอันว่าวิมานมันนั่งคอยอยู่ เป็นอันว่าคนที่ติดตามมาไม่พลาดพระนิพพาน
    สมเด็จท่านตรัสต่อไปว่า
    ทุกคนที่เอาจริง ที่ตามแกมาตั้ง ๑๖ อสงไขยกับแสนกัปมันมีที่อยู่กันหมดแล้ว คำว่าถอยหลังไม่มี ประการที่สองให้เตือนไว้ว่า
    ในระหว่างชีวิตที่ยังไม่ตาย
    ใครจะปฏิบัติดีบ้างปฏิบัติชั่วบ้าง ขณะใดที่เราสร้างความดีเพราะจิตมันดี แต่บางครั้งจิตมันจะเศร้าหมองลงไปให้มีแต่ความวุ่นวาย นั่นต้องถือว่าเป็นเรื่องของกรรมที่เป็นอกุศลของชาติก่อนเข้ามาบันดาล แต่เรื่องนี้เราจะแพ้มันในระยะต้น เวลาตายน่ะไม่มีหรอก มันจะทำร้ายได้ชั่วคราวเท่านั้น
    เราจะให้มันในขณะที่มีชีวิตทรงอยู่เท่านั้น ถ้าใกล้ตายจริงๆ ไม่สามารถจะสังหารจิตเราได้ เมื่อใกล้จะถึงความตาย พอจิตเข้าถึงจุดนั้น ไอ้กิเลสไม่สามารถเข้ามายุ่งได้เลย เพราะว่ากรรมที่เป็นกุศลใหญ่ที่บำเพ็ญมาแล้วจะเข้าไปกีดกันหมด กรรมที่เป็นอกุศลเข้าไม่ถึง อาตมารับรองผลว่าทุกคนไม่ไร้สติ และไม่ไร้ความดีที่ปฎิบัติ
    เพราะอะไรเพราะไปตรวจบ้านมาแล้วสบายใจ หมดเรื่องหมดราวเสียที ตามธรรมดาเราจะตำหนิกัน บางคนเราก็เห็นว่ามานั่งกรรมฐานกัน มาศึกษากัน กลับไปก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง เอะอะโวยวาย ก็ถือว่าเป็นการชำระหนี้ชำระสินกันไป ถือว่าช่างมันไว้ ท่านบอกว่าไปบอกเขานะ เพื่อความมั่นใจ
    เป็นอันว่าทุกคนที่มีวิมานอยู่ที่นิพพานละก็ควรจะภูมิใจว่าเราเข้าถึงกิจสูงสุดในพระพุทธศาสนาแล้ว ขึ้นชื่อว่าการถอยหลังกลับไปสู่อบายภูมิย่อมไม่มี ถึงแม้ว่าในชาตินี้เราจะประมาทพลาดพลั้งในด้านอกุศลกรรมเป็นธรรมดา ก็แต่ว่าจิตเราก็ต้องหน่วงเหนี่ยวเอาไว้ ถือว่าขันธ์ ๕ ไม่มีความหมายสำหรับเรา ว่าช่างมันๆเอาไว้ อารมณ์ดีก็ช่างมัน เวลาคันก็ช่างเผือก หมดเรื่องหมดราว อย่างนี้สลับกันไปสลับกันมา คำว่า ฌาน ก็คือ อารมณ์ชิน จิตมันชินอยู่อย่างนั้น จิตมันก็ตั้งอยู่ในอารมณ์พระนิพพานโดยเฉพาะ จิตก็เข้าถึงพระโสดาบัน เรื่องสกิทาคา อนาคา อรหันต์ เป็นของไม่ยาก ยากอยู่ที่พระโสดาบันเท่านั้น
    สมเด็จท่านตรัสเรื่องพระศาสนาว่า
    "การขึ้นคราวนี้กว่าจะลงของพระพุทธศาสนา คนที่จะบรรลุมรรคผล คราวนี้นับโกฏิเหมือนกัน และจะไปโทรมเอา พ.ศ. ๔๕00 ช่วงนี้จะขึ้นเรื่อยๆต่อไปไม่ช้าคำว่าพระนิพพานจะพูดกันติดปาก ชินเป็นของธรรมดา จะเห็นเป็นเรื่องปกติ"
    ถ้าเราจะถอยหลังไปจากนี้ ๒0 ปี จะเห็นว่าจิตใจของคนเวลานี้ต่างกันเยอะ พูดถึงด้านความดีนะ เวลานี้ฟังแล้วทุกคนอยากไปนิพพาน สังเกตที่จดหมายมาบอกอยากจะไปนิพพานทั้งนั้น
    และจากนี้ไปอีกไม่ถึง ๒0 ปี จะมีพระอริยเจ้านับแสนไม่ใช่ฉันสอนเป็นผู้เดียวหรอกนะ คือว่าเขาสอนกันโดยทั่วๆไป แต่ว่ากลุ่มเราจะมาก หมายถึงว่าอาจจะไม่มีตัวมาแต่มีหนังสือมีเทป กาลเวลามันเข้ามาถึง เวลานี้คนที่เข้าถึงมุมง่ายแล้ว กำลังใจมันตีขึ้นมา ถามว่าตอนก่อนทำไมไม่ให้สอนแบบนี้ ท่านบอกว่า คนมันหาว่าง่ายเกินไป มันเลยไม่เอาเลย จะต้องยากๆ แต่พวกของแกไม่มีใครเหลือ ท่านชี้จุดเลย ก็เลยดีใจ แล้วท่านก็บอกว่า
    "ต่อไปภาระมันจะหนัก ต้องวางพื้นฐานไว้"
    ก็ถามว่า "พื้นฐานจากพระองค์อื่นไม่มีหรือ"
    ท่านก็บอกว่า "พระองค์อื่นเขาก็มีความสามารถ ไม่ใช่ไม่มี แต่สงสัยว่าคนที่เรียนกรรมฐาน ๔0 กับมหาสติปัฏฐานจนครบกันนี่มีกี่องค์ หมายถึงว่าทำได้ฌาน ๔ หมด"
    บอก "ไม่เคยถามชาวบ้านเขาเลย" ท่านบอก "ไม่มีหรอก ปัจจุบันนี้ ไม่มีใครเขาจบ มันเหลืออยู่แกคนเดียว ท่านปานก็ตายเสียแล้ว"
    ท่านบอกว่า "ผู้ที่จะทรงกรรมฐาน ๔0 นี่ ต้องเป็นฝ่ายพุทธภูมิถึงขั้นปรมัตถบารมี ถ้ายังไม่เต็มปรมัตถบารมีนี่ยังไม่ได้กรรมฐาน ๔0 ครบ พระโพธิสัตว์ต้องเรียนวิชาครู"
    ท่านก็ถามว่า "คุณทำไมไม่หมั่นขึ้นมา"
    ก็บอกว่า "เหนื่อยเต็มที ร่างกายเพลียมากก็ต้องชำระตัว เกรงว่าจะประมาท"
    ท่านถามว่า "คนอย่างแกยังมีคำว่าประมาทหรือ....?"
    เลยบอกท่านว่า มี
    ท่านถามว่า "ทำไมว่ามี....?"
    ก็เลยบอกว่า "ยังไม่รู้ตัวว่าดี"
    ท่านบอกว่า "เออ ใช้ได้"
    คือว่าถ้ารู้ตัวว่าดีเมื่อไรก็เลวเมื่อนั้น รู้ตัวว่าเราวิเศษแล้วเราประเสริฐแล้ว เราสำเร็จแล้ว ทุกข์มันก็เกิด แต่ว่าอารมณ์จิตถึงระดับนี้แล้ว มันก็คิดงั้นไม่ได้แล้วนะ เรื่องตัวนี้ชำระกันอยู่ตลอดวันเป็นปกติ คำว่าชำระก็หมายความว่า พิจารณาว่าร่างกายไม่มีความหมาย โลกนี้ไม่มีความหมาย คำว่าไม่มีความหมายมันติดอารมณ์
    สมเด็จท่านตรัสต่อไปว่า
    "งานสาธารณประโยชน์ มันเป็น ปรมัตถบารมี อย่างสูงสุด อันนี้จะทำให้เร็วที่สุด ทำให้เร่งรัดพวกเราให้เร็วที่สุด ท่านบอกว่าให้คุณบอกลูกหลานไว้ จะได้รู้ว่าเป็นจุดที่มีกำลังแรงให้เข้าถึงได้เร็วที่สุด เป็นการบั่นทอนไอ้กฎของกรรมต่างๆ ที่มันคอยกั้นขวางเรา งานนี้มันเป็นเมตตากฎของกรรมมันก็ดันไม่อยู่"
    ต่อไปเรื่อง "สมเด็จองค์ปฐม" ซึ่งทรงพระนามว่า พระพุทธสิกขี พระพุทธเจ้านี่มีชื่อซ้ำกันนะ อย่าง เรวัติ ก็มีชื่อซ้ำกัน พระพุทธสิกขีนี่องค์ปฐมจริงๆ
    วันนั้นพบท่านเข้า พบจริงๆสมัยที่ พล.อ.ท.อาทร โรจนวิภาค อยู่ที่นครราชสีมา วันนั้นไปนั่งกรรมฐานกันเห็นพระพุทธเจ้าท่านเยอะ ยืนสองแถวพนมมือ เราคิดว่าพระพุทธเจ้าไหว้ใครไม่มี ใช่ไหม...ก็เลยถามหลวงพ่อปานว่า มีเรื่องอะไรกัน ท่านบอกว่า
    "ประเดี๋ยวพระพุทธเจ้าองค์ปฐมจะเสด็จ"
    องค์ปฐม หมายถึงองค์แรกสุด ไม่มีครูสำหรับท่านเลย ต้องบำเพ็ญบารมีอย่างหนัก ต้องเข้มแข็ง เดี๋ยวท่านเดินมากลางพระพุทธเจ้า ยืนสองข้างพนมมือตลอดสวยสว่าง จิตเราเลยสว่างเห็นอะไรชัดหมด"
    จากหนังสือ "หลวงพ่อตอบปัญหาธรรม ฉบับพิเศษ เล่ม ๓"
    โดย พระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
    ****************************************************************
    คำอุทิศส่วนกุศล
    โดยพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ)
    วัดจันทาราม(ท่าซุง) อ.เมือง จ.อุทัยธานี
    อิทังปุญญะผะลังผลบุญใดที่ข้าพเจ้าทั้งหลายได้บำเพ็ญแล้ว ณ โอกาสนี้ข้าพเจ้าทั้งหลายขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่เจ้ากรรมนายขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าตั้งแต่วันนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน
    และข้าพเจ้าทั้งหลาย ขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลายที่ปกปักรักษาข้าพเจ้าและเทพเจ้าทั้งหลายทั่วสากลพิภพ และพระยายมราชขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราชจงโมทนาส่วนกุศลนี้ขอจงเป็นสักขีพยานในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด
    และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดีเสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลายจงโมทนาส่วนกุศลนี้พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับ
    ร่วมสร้างศาลา ๑๐๐ ปี ได้ที่ :
    https://www.facebook.com/thanate.eakoraphan
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. รตนหทัย

    รตนหทัย ธเนศร์ โทร 0819197488 หรือ ID Line : Millionboon สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    8,682
    ค่าพลัง:
    +2,527
    *** วิธีที่จะไปนิพพาน ***
    ... " วิธีที่จะไปนิพพาน ต้องมีอารมณ์ปล่อยร่างกาย คือ ไม่ใช่ปล่อยคนทั้งหมด ปล่อยคนทั้งหมด อันนี้มันยาก จริง ๆ แล้ว ปล่อยร่างกายที่เรียกว่า สักกายฐิฏฐิ ให้มีความรู้สึกตามความเป็นจริง ว่า ร่างกายไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา..ร่างกายเป็นแต่เพียง ธาตุ ๔ คือ ธาตุน้ำ ธาตุดิน ธาตุลม ธาตุไฟ มันประกอบเข้ามาเป็นร่างกาย..
    ... "เรา" ตามภาษาหนังสือ เขาเรียกว่า "จิต" แต่ตามภาษาของพระ เรียกว่า "อทิสสมานกาย" มันเข้ามาสิงในร่างที่เป็น เนื้อ แบบนี้ ถ้าถึงวาระที่ร่างกายมันจะพัง เราต้องไปจากร่างนี้ หาร่างใหม่..
    ... ฉนั้น ในเมื่อร่างนี้ มันมีสภาพไม่ดีอย่างนี้ เราไม่ต้องการมันอีก ขึ้นชื่อว่าการเกิดเป็นมนุษย์ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย ในการเกิดต่อไป ที่มีธาตุ ๔ หรือ ขันธ์ ๕ แบบนี้จะไม่มีกับเรา..
    ... หลังจากนั้น ก็ขอบรรดาท่านพุทธบริษัท ยึด "พุทธานุสสติกรรมฐาน" ไว้เป็นอารมณ์ ภาวนา "พุทโธ" ก็ได้.. "สัมมาอรหัง" ก็ได้.. "อิติสุคโต" ก็ได้.. ภาวนาว่าอย่างไร ไม่ว่า แต่ว่า อันดับแรก ก่อนภาวนา นึกถึงพระพุทธเจ้า ก่อน..
    ... ถ้านึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน อย่างนี้ ก็คิดว่า : พระพุทธเจ้าดีกว่าเรามาก ดีกว่าเทวดา ดีกว่าพรหม ยังนิพพาน.. ในเมื่อ พระพุทธเจ้า ยังนิพพานจากขันธ์ ๕.. เราก็ต้องตายเหมือนกัน..ถ้าเราตายจากชาตินี้ ขอไปนิพพานจุดเดียว คิดไว้อย่างนี้ทุกวันนะ..
    ... ก่อนจะหลับ ทบทวนว่า ร่างกายนี้มันไม่ใช่ของเรา มันต้องตาย มันตาย เราไม่ตาย.. เราไม่ตาย เราจะอยู่ที่ไหน เราจะไปนิพพาน.. ตื่นมาใหม่ๆ คิดว่า ร่างกายนี้ มันต้องตาย มันตายแล้ว ไปไหน เราจะไปนิพพาน..
    ... แล้วจับภาพ พระพุทธเจ้า ภาวนาว่า "พุทโธ" ก็ได้.. "อิติสุคโต" ก็ได้.. "สัมมาอรหัง" ก็ได้ ตามใจชอบ จิตรักพระนิพพาน เป็นอารมณ์.. นี่ สำหรับ "สุขวิปัสสโก" นะ..
    ... สำหรับท่านที่ได้ในด้านของ "ฉฬภิญโญ" คือ "มโนมยิทธิ".. ก่อนจะหลับ ตั้งใจรวบรวมกำลังใจ นึกถึงพระรูปพระโฉมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้ชัดเจนแจ่มใสตามกำลัง.. พุ่งใจไปที่ นิพพาน ทันที ไปอยู่ที่นั่น..
    ... ถ้าจะให้ดี ไปอยู่ที่นั่น จนกว่าจะหลับไป ถ้าทนอย่างนั้นไม่ไหว ไปอยู่สัก ๒ - ๓ นาที.. ก็คิดว่า : ถ้าตายเมื่อไร ขอมาที่นี่แห่งเดียว แล้วก็กลับ.. เมื่อตื่นใหม่ๆ ทำอย่างนั้น ไม่ต้องลุกขึ้นมา พอตื่นปั๊บ รวบรวมกำลังใจ ทำตามนั้น แล้วก็ไปนิพพาน..."
    ------------------------------------
    ธรรมโอวาท พระราชพรหมยาน
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง
    **************************************************************
    ร่วมสร้างศาลา ๑๐๐ ปี พระราชพรหมยานได้ที่ :
    https://www.facebook.com/thanate.eakoraphan/posts/10209809227738110
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. tokker04

    tokker04 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2010
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +21
    ขอบูชาเนื้อโลหะชุบเงิน 1 องค์ และเนื้อโลหะชุบทอง 2 องค์ครับ
     
  4. รตนหทัย

    รตนหทัย ธเนศร์ โทร 0819197488 หรือ ID Line : Millionboon สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    8,682
    ค่าพลัง:
    +2,527
    รับทราบการจอง สาธุครับ
     
  5. รตนหทัย

    รตนหทัย ธเนศร์ โทร 0819197488 หรือ ID Line : Millionboon สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    8,682
    ค่าพลัง:
    +2,527
    ทุกรายการยังร่วมบุญกันได้ครับ
     
  6. tokker04

    tokker04 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2010
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +21
    โอนเงินค่าบูชาพระให้แล้วครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. tokker04

    tokker04 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2010
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +21
    รบกวนส่งของให้ตามที่อยู่ข้างล่างด้วย

    นาย วิทวัส เต่าจันทร์
    แผนก วิศวกรรม
    บริษัท ยูเนี่ยนพลาสติก จำกัด(มหาชน)
    11/1 หม่ 14 นิคมอุตสาหกรรมบางชัน
    ถนนเสรีไทย มีนบุรี กรุ่งเทพ 10510
     
  8. รตนหทัย

    รตนหทัย ธเนศร์ โทร 0819197488 หรือ ID Line : Millionboon สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    8,682
    ค่าพลัง:
    +2,527
    นาย วิทวัส เต่าจันทร์
    แผนก วิศวกรรม
    บริษัท ยูเนี่ยนพลาสติก จำกัด(มหาชน)
    11/1 หม่ 14 นิคมอุตสาหกรรมบางชัน
    ถนนเสรีไทย มีนบุรี กรุ่งเทพ 10510


    พรุ้งนี้ผมจัดส่งแล้วจะแจ้งเลข ems ให้ครับขออนุโมทนาบุญครับ
     
  9. รตนหทัย

    รตนหทัย ธเนศร์ โทร 0819197488 หรือ ID Line : Millionboon สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    8,682
    ค่าพลัง:
    +2,527
    วันหยุดยาว ... ขอให้ทุกท่าน รวยทรัพย์ รวยบารมี สะสมบุญกันทุกท่านครับ เดินทางปลอดภัย สมปรารถนาทุกประการดังใจหวัง
    *********ขอกราบบารมีหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค เนื่อง ในวันคล้ายวันเกิด ๑๔๑ ปี วันที่ 16 กรกฎาคม 2559***********************
    ***************คำสอนหลวงพ่อปาน****************
    ร่างกายของคนและสัตว์มันเป็นอนิจจัง มีสภาพไม่เที่ยง เวลาอยู่ก็เป็นทุกข์ แต่ในที่สุดก็เป็นอนัตตาคือตาย ใครบังคับบัญชาไม่ได้ เวลาเผาศพอย่าตั้งหน้าตั้งตาเผาเขา เวลาเราไปเผาศพก็เผากิเลสในใจของเราเสียด้วย กิเลสส่วนใดที่มันสิงอยู่ที่เรา คิดว่าเราจะไม่แก่ไม่เจ็บไม่ตายน่ะ เผามันเสียให้หมดไป เราคิดว่าวันนี้เราเผาเขาไม่ช้าเขาก็เผาเรา คนเกิดมาแล้วตายอย่างนี้เราจะเกิดมันทำไม ต่อไปข้างหน้าเราไม่เกิดดีกว่า เราไปพระนิพพานนั่นละดีที่สุด เรื่องอัตภาพร่างกายสิ่งที่มีชีวิตหรือไม่มีชีวิต ไม่มีอะไรเป็นความหมาย ไม่มีอะไรเป็นที่พึ่ง ตายแล้วหาสาระหาแก่นสารไม่ได้ หาประโยชน์ไม่ได้ ให้ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะตายได้ ให้ขยันหมั่นเพียร ชำระจิตใจให้สะอาด มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ จงวางภาระว่า เราของเรา เสียให้สิ้นด้วยไม่มีอะไรเลยเป็นของเรา แม้แต่ร่างกายก็มีเจ้าของคือ มรณภัยมันมาทวงคืน ให้คิดว่าเราไม่มีอะไรเป็นของเรา เราไม่ต้องการมนุษย์โลก เทวโลก พรหมโลก เรามีนิพพานเป็นที่ไป
    "พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสไว้ว่า สัตว์ก็ดี คนก็ดี หรือสิ่งที่ไม่มีชีวิตก็ดี มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้น แล้วมีความเปลี่ยนแปลงไปในระหว่างกลาง ที่สุดมันก็แตกทำลายหมด ถ้าเป็นสัตว์เป็นบุคคลก็ตายในที่สุด ถ้าเป็นของวัตถุธาตุ ก็แตกทำลายในที่สุด ไอ้บ้านเรือนโรงภูเขา ลำเนาป่า อะไรมันก็เหมือนกัน ภูเขามันเป็นหินแข็งแต่ว่านานๆ เข้าก็เป็นหินผุกลายเป็นดินไป ที่นี้ไอ้คนหรือสัตว์ก็เหมือนกัน มันเกิดขึ้นมาในตอนต้น มันตัวเล็กๆ แล้วมันก็เปลี่ยนแปลง มันเปลี่ยนสภาพเข้ามาทุกทีๆ ถึงความเป็นคน เป็นบุคคลใหญ่ เป็นหนุ่ม เป็นสาว แล้วก็แก่ ในระหว่างนั้นสภาพของร่างกายก็ไม่ปกติ โรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน นี่เป็นอาการเปลี่ยนแปลง จัดเป็นอนิจจัง ทีนี้ตัวอนิจจังไม่เที่ยง มีความทุกข์ก็บังเกิดขึ้น ไอ้ความทุกข์มันเกิดขึ้นก็เพราะตัวอนิจจังนี่แหละ ไม่มีใครต้องการให้มันเป็น "นิจจัง" คือมันเที่ยงแน่นอน มีสภาพปกติ แต่อนิจจังมันขับรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ให้เคลื่อนไปจากความปกติ ให้มีความเปลี่ยนแปลง แปรสภาพเสื่อมโทรมลงไปเป็นธรรมดา แล้วในเมื่อความเสื่อมโทรมมันปรากฏ ความทุกข์ใจของเจ้าของร่างกายก็ปรากฏ คือโรคภัยไข้เจ็บมันก็เกิดขึ้น ความทุกข์ใจของเจ้าของร่างกายก็ปรากฏ นี่มันเป็นตัวทุกข์ อนิจจังมันทำให้ทุกข์ ไม่มีใครจะห้ามความตาย ไม่มีใครจะห้ามความเสื่อมความสูญ ความสลายตัวได้ คนทุกคนเกิดมาแล้วเป็นอย่างนั้น สัตว์ทุกตัวเกิดมาแล้วเป็นอย่างนั้น สภาพของวัตถุต่างๆ เป็นอย่างนั้น ตรงตามความเป็นจริงทุกอย่าง ซึ่งมนุษย์ทุกคนที่เกิดมาในโลกยากนักที่จะคิดอย่างนี้ที่จะเห็นตามความเป็นจริงอย่างนี้
    นี่พระพุทธเจ้าทรงสอนกฏของธรรมดา ซึ่งคนทั้งหลายที่เกิดมาแล้วด้วยอำนาจของกิเลสแลตัณหาเข้าไปปิดบังใจไม่ยอมรับนับถือกฏธรรมดา เช่น กระดูกนี่เป็นของปฏิกูลน่าเกลียด ร่างกายเราเมื่อสภาพการหมดไปแล้ว ก็คงมีโครงกระดูกนี่เป็นเรือนร่าง เป็นแก่นของร่างกาย คนและสัตว์ที่เกิดมาแล้ว ไม่มีสภาพจะคงที่ได้ ถ้ามีร่างกายบริบูรณ์สมบูรณ์ เมื่อสิ้นลมปราณแล้ว ร่างกายก็จะผุพังน้ำเหลืองจะไหล ธาตุดินไปส่วนหนึ่ง ธาตุน้ำไปส่วนหนึ่ง ธาตุไฟไปส่วนหนึ่ง ธาตุลมไปส่วนหนึ่ง ผลที่สุดเนื้อหนังก็จะละลายไป เหลือแต่ธาตุกระดูก กระดูกก็จะเป็นโครงอย่างนี้ หาความสวยไม่ได้หาความงามไม่ได้ อัตตภาพร่างกายอย่างนี้ มันเกิดขึ้นในเบื้องต้น มันเป็นอนิจจังคือ เปลี่ยนแปลงมาในระหว่างกลางแล้วต่อไปก็ผุพังทำลายไปในที่สุด เป็นอนัตตาอย่างนี้ ไม่มี อิจจัง สุขขัง อัตตา หมายความว่า นิจจังมีสภาพคงที่ สุขขังไม่มีทุกข์ อัตตามีสภาพ เป็นตัวตน ยืนตลอดกาลตลอดสมัย ไม่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างนั้นไม่มี
    สำหรับอัตตภาพที่มีขันธ์ 5 มันต้องเป็นอนิจจัง คือเปลี่ยนแปลงไม่เที่ยงอยู่เรื่อยไป เพราะความไม่เที่ยงมันจึงเป็นทุกข์ เพราะเป็นทุกข์นี่แหละสภาวะอนัตตาจึงปรากฏคือ ความไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตน มันพัง มันทำลาย นี่่ร่าง กระดูกที่เราเห็นนี่ เมื่อก่อนก็มีเรือนร่างครบถ้วนบริบูรณ์อย่างเรา มีลมปราณเหมือนกัน มีชีวิตจิตใจเหมือนกัน แต่ว่านี่เนื้อหนังมังสารมันหมดไปแล้วเหลือแต่กระดูก อันเป็นส่วนแก่นแท้ภาพในร่างกาย เมื่อพิจารณาไปส่วนไหนมันก็ไม่น่ารัก ไม่น่าดู ไม่น่าชม มันน่าเกลียด
    จึงกล่าวได้ว่า ชีวิตเป็นของไม่เที่ยง แต่ความตายเป็นของเที่ยง การเกิดเป็นมนุษย์มันเต็มไปด้วยความทุกข์ หาความสุขไม่ได้ จงอย่าอาลัยในชีวิต มันจะตายเมื่อไหร่ก็ได้ช่างมัน เอาดีเข้าไว้ ดีนั่นคือธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ให้คิดว่าร่างกายมันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา ร่างกายเป็นเพียง ธาตุ 4 เข้ามาประชุมกัน มีธาตุน้ำ ธาตุดิน ธาาตุลม ธาตุไฟ มันก็ปั้นเป็นก้อนขึ้นมา เขาแยกเป็นอาการ 32 ในไม่ช้าก็ตาย อย่าลืมความตายเป็นสำคัญ
    "ถึงแม้เราจะมีคาถาอาคมของดีอะไรก็ตามเราก็ต้องตาย ก่อนตายควรเลือกทางเดินเอาอย่างน้อยที่สุด เราควรไปสวรรค์ชั้นกามาวจรให้ได้ ขอให้ทุกคนนะ เวลาก่อนจะหลับ ให้นึกถึงความดีที่ตอนเคยทำ ทรัพย์สินที่สละเป็นวิหารทาน ธรรมทาน สังฆทาน เลี้ยงพระ นึกถึงศีลที่ตอนเคยรับมา เทศน์ที่ตนเคยฟัง แล้วหมั่นภาวนาถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ พระพุทโธ ธัมโม สังโฆ เมื่อจะเจริญกรรมฐาน ให้ตั้งอยู่ในพรหมวิหาร 4 ให้เป็นฌาณสมาธิแน่วแน่ ให้แผ่เมตตาไปทั่วจักรวาล แล้วจึงพิจารณาตามอารมณ์วิปัสสนาหรือภาวนาตามแบบสมถะ ทุกคนตายแล้วจงไปสวรรค์ จงไปพรหมโลก จงไปนิพพาน"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. รตนหทัย

    รตนหทัย ธเนศร์ โทร 0819197488 หรือ ID Line : Millionboon สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    8,682
    ค่าพลัง:
    +2,527
    ทุกรายการยังร่วมบุญกันได้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 กรกฎาคม 2016
  11. เอมมา

    เอมมา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2015
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +26
    ยังขอบูชาท่านท้าวมหาราชเนื้อเงิน 2องค์ได้นะคะ จะได้โอนเงินวันสองวันนี้ค่ะ....ขอบคุณค่ะ
     
  12. รตนหทัย

    รตนหทัย ธเนศร์ โทร 0819197488 หรือ ID Line : Millionboon สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    8,682
    ค่าพลัง:
    +2,527
    ได้ครับ ขออนุโมทนาสาธุครับ
     
  13. รตนหทัย

    รตนหทัย ธเนศร์ โทร 0819197488 หรือ ID Line : Millionboon สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    8,682
    ค่าพลัง:
    +2,527
    ทุกรายการยังร่วมบุญกันได้ครับ
     
  14. รตนหทัย

    รตนหทัย ธเนศร์ โทร 0819197488 หรือ ID Line : Millionboon สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    8,682
    ค่าพลัง:
    +2,527
    พระพุทธเจ้าเทศน์โปรดเทวดา โปรดนางฟ้า โปรดพรหม อาตมาก็ฟังด้วย ท่านเทศน์ไม่ยาก ท่านบอกว่า
    "เทวดาก็ดี นางฟ้าก็ดี พรหมก็ดีทั้งหมดจงอย่าเมาในความเป็นทิพย์ จงอย่าคิดว่าเราเกิดเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหม เราจะมีความสุขตลอดกาลตลอดสมัย ความจริงไม่ใช่ เทวดา นางฟ้า หรือพรหม เมื่อหมดอายุขัยนั่นหมายความถึงหมดบุญ ถ้าใครขังบาปอยู่ ทำบาปไว้ก่อน แต่ยังไม่ลงอบายภูมิ มาสวรรค์ก่อนมาพรหมก่อน ก็ต้องลงอบายภูมิต่อ ถ้าใครสร้างความดีไว้มาก ก็อาจจะเกิดเป็นมนุษย์ที่มีความสุข ดาวดึงส์ก็ดี แดนอบายภูมิก็ดี..."
    ท่านชี้ให้ดู พอท่านชี้ปั๊ปจะเห็นนรกทั้งหมด ดินแดนเปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานเห็นหมด เห็นชัดเจนมาก ท่านบอก "เทวดา นางฟ้า พรหมทั้งหมด จงดูเสียว่านรกมีความสุขหรือความทุกข์..." ไฟมันไหม้คึ่ก ๆ ๆ ใช่ไหม ไอ้หอกก็แทง ดาบก็ฟัน ฆ้อนก็ทุบ พื้นก็เป็นเหล็กไฟก็แดงโชน เป็นทุกข์ ไปดูแดนเปรตก็เป็นทุกข์ ดูแดนอสุรกาย อสุรกายก็เป็นทุกข์ ไปดูแดนสัตว์เดรัจฉาน สัตว์เดรัจฉานก็มี ๒ พวก สัตว์เดรัจฉานนี่ถ้ามีคนสงเคราะห์ก็มีทุกข์น้อยหน่อย ถ้าสัตว์เดรัจฉานถ้าไม่มีคนสงเคราะห์ก็ทุกข์มากหน่อย แม้แต่สัตว์เดรัจฉานที่มีคนสงเคราะห์ก็ยังมีความทุกข์
    เพราะมีความปรารถนาไม่สมหวัง อย่างคนคิดว่าสุนัขจะต้องกินเนื้อเสมอไปใช่ไหม ซื้อเนื้อกินทุกวัน แต่มันอยากกินอย่างอื่นแต่มันพูดไม่รู้เรื่อง หมายความไม่รู้ภาษาหมา ทีหลังต้องเรียนภาษาหมาด้วนนะจะได้เข้าใจกัน ให้กินเนื้อทุกวัน ในเมื่อมันไม่มีอย่างอื่นจะกินมันก็ต้องกิน มันก็รู้จักเบื่อเหมือนกัน อยากจะกินอย่างอื่นก็ไม่ได้กิน ถ้าไม่ได้กินตามความประสงค์จิตก็เป็นทุกข์.
    ต่อมาท่านบอกให้ดูแดนมนุษย์ "ดูซิว่ามนุษย์มีความสุขหรือว่ามีความทุกข์" มนุษย์มีชีวิตชั่วคราวประเดี๋ยวเดียว อายุขัยเวลานี้แค่ ๗๕ ปี ไม่ถึง ๑ วันในดาวดึงส์ เทวดาหรือนางฟ้าชั้นดาวดึงส์นี่เขามีชีวิตของเขาพันปีทิพย์ แต่ร้อยปีของเราเป็นหนึ่งวันของเขา เรามีชีวิตเต็มอายุขัย ๗๕ ปีนี่ไม่ถึงวันของเขาใช่ไหม และดูมนุษย์เดินไปเดินมาหากินบ้างนอนบ้างขี้บ้างเยี่ยวบ้างมีไหมมีหรือไม่มี ถ้าไม่มีที่บ้านไม่ต้องทำส้วม มีแต่ความทุกข์ ประเดี๋ยวก็ตาย ไม่มีใครมีความสุข.
    โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน
    ************
    ร่วมบุญท่านปู่ท่านย่า ท่านท้าวมหาราชทั้งสี และเหรียญเศรษฐี ๑๐๐ ปีหลวงพ่อได้ที่
    https://www.facebook.com/thanate.eakoraphan/posts/10209934447548527
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  15. dawut_con

    dawut_con เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2007
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +342
    ร่วมบุญ เนื้อชุบเงิน 1 องค์ครับ
     
  16. รตนหทัย

    รตนหทัย ธเนศร์ โทร 0819197488 หรือ ID Line : Millionboon สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    8,682
    ค่าพลัง:
    +2,527
    ขออนุโมทนาบุญทุกท่านที่ได้ร่วมจองและร่วมบุญกันครับ
    ร่วมถวายปัจจัยวันที่ 31 กค 2559 ครั้งที่ 3 เพื่อสร้างศาลา ๑๐๐ ปี และพระนอนหน้าศาลาริมน้ำ วาระชาติกาลหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดศาลฯ
    ทุกรายการยังร่วมบุญกันได้ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. เอมมา

    เอมมา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2015
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +26
    โอนแล้ว ท้าวมหาราชเงิน 2 ชุด 1450 บาท ธนาคาร กรุงเทพ ที่อยู่ข้อความส่วนตัวค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. รตนหทัย

    รตนหทัย ธเนศร์ โทร 0819197488 หรือ ID Line : Millionboon สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    8,682
    ค่าพลัง:
    +2,527
    วันนี้มากราบหลวงตาชลอและหลวงน้าสุภาพ .....พร้อมทั้งคุยความคืบหน้าในการสร้างศาลา ๑๐๐ ปี หลังคาและพระนอน ๓๒ เมตร ได้กราบเรียนหลวงตาจะนำปัจจัยประมาณ 3 แสนบาทที่พวกเราคณะญาติธรรมได้ร่วมบุญกันมาหลวงตาให้นำมาถวายวันอาทิตย์ที่ 7 สค เพื่อนำปัจจัยทั้งหมดสร้างพระนอนหน้าศาลาที่ตอนนี้กำลังเร่งสร้างมาฝากกระแสบันทึกบุญฝากกระแสความดีร่วมกันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. รตนหทัย

    รตนหทัย ธเนศร์ โทร 0819197488 หรือ ID Line : Millionboon สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    8,682
    ค่าพลัง:
    +2,527
    อานิสงส์ของบุญ
    โดย พระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
    (เทศนา ณ. วันอังคารที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๓๓)
    นโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ( ๓ จบ )
    “ ปุญญานิ ปรโลกัสมิง ปติฏฐา โหนติ ปาณินันตีติ ”
    ณ.โอกาสบัดนี้ อาตมภาพจะแสดงพระสัทธรรมเทศนา ในเรื่อง อานิสงส์ของบุญ เพื่อเป็นเครื่องโสรจสรงองคศรัทธาบารมี ที่บรรดาท่านนริศราทานบดีทั้งหลาย ได้พร้อมใจกันมาบำเพ็ญกุศลประจำปักษ์ในวันนี้
    การทำบุญของบรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ความต้องการก็มีอยู่ว่า ต้องการความพ้นทุกข์ ความพ้นของบรรดาท่านพุทธบริษัทจริงๆ มี ๓ ชั้นด้วยกันคือ
    (๑) สวรรค์
    (๒) พรหมโลก
    (๓) นิพพาน
    และเวลานี้ ถ้าบรรดาท่านพุทธบริษัทท่านใดมีความปรารถนานิพพานไว้เป็นเบื้องหน้า แม้จะตายจากความเป็นคน เป็นเทวดาก็ตาม เป็นพรหมก็ตาม มีหวังพระนิพพานเป็นอย่างยิ่ง
    ทั้งนี้ก็เพราะว่าในศาสนานี้ยังมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอีกองค์หนึ่ง มีนามว่า “ พระศรีอาริยเมตไตรย ” จะตรัสไม่นานนัก สมมติว่าบรรดาท่านพุทธบริษัทเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก บนดาวดึงส์นี่เขามีเวลาอยู่ ๑,๐๐๐ ปีทิพย์ แต่ว่าท่านจะอยู่เพียง ๓๐๐ ปีทิพย์ ก็พบ พระศรีอาริย์ แล้ว เมื่อพบองค์สมเด็จพระประทีปแก้ว ฟังเทศน์เพียงจบเดียว คนที่ยังไม่ได้เป็นพระอริยเจ้า ก็จะเป็นพระโสดาบัน ถ้าฟังเทศน์เพียงครั้งที่ ๒ เทวดา นางฟ้าพวกนั้นก็จะเป็นพระอรหันต์ ต่อไปเป็นอันว่า ขณะใดที่องค์สมเด็จพระจอมไตรบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ขณะที่พระองค์ทรงเทศน์จบ เทวดากับนางฟ้าและพรหมเป็นพระอริยเจ้ามากว่าเป็นมนุษย์
    ในการบำเพ็ญกุศลของบรรดาพุทธบริษัทวันนี้มีอะไรบ้างที่เป็นบุญเป็นกุศล ในอันดับแรก บรรดาท่านพุทธศาสนิกชนตั้งใจจะมาบำเพ็ญกุศลในพระพุทธศาสนาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัด คำว่า “ วัด ” ก็มีทั้งพระพุทธรูป มีทั้งพระธรรม มีทั้งพระสงฆ์ การนึกถึงวัดก็คือว่านึกถึง ๓ อย่างคือ
    (๑) นึกถึงพระพุทธเจ้าด้วย
    (๒) นึกถึงพระธรรมด้วย
    (๓) นึกถึงพระอริยสงฆ์ด้วย
    การนึกถึงพระพุทธเจ้าจัดว่าเป็น พุทธานุสสติกรรมฐาน
    การนึกถึงพระธรรมคำที่พระสวด หรือคำที่พระเทศน์เป็น ธัมมานุสสติกรรมฐาน
    การนึกถึงพระสงฆ์เป็น สังฆานุสสติกรรมฐาน
    กรรมฐานทั้ง ๓ อย่างนี้ ถ้าบรรดาพุทธบริษัทท่านใดต้องการมีความมั่นคงอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะเป็นพุทธานุสสติ นึกถึงพระพุทธเจ้าก็ดี เป็นธัมมานุสสติ นึกถึงพระธรรมก็ดี เป็นสังฆานุสสติ นึกถึงพระสงฆ์ก็ดี
    โดยเฉพาะไว้ กำลังใจมีความมั่นคงตรงต่อพระพุทธเจ้า หรือพระธรรม หรือพระสงฆ์องค์ใดองค์หนึ่งโดยเฉพาะ อย่างนี้บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายตายแล้วลงนรกไม่ได้ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องไปสวรรค์
    นอกจากนั้นบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านตั้งใจไว้ว่า มาถึงวัดเราจะรับศีล ๕ ก็ดี ขึ้นชื่อว่าศีล อานิสงส์ของศีล ก็มีอยู่ว่า
    ที่พระพุทธเจ้าตรับไว้ตอนท้ายว่า
    “ สีเลนะ สุคติง ยันติ ”
    ศีลเป็นปัจจัยให้เกิดบนสวรรค์
    “ สีเลนะ โภคสัมปทา ”
    ศีลเป็นปัจจัยให้เราเกิดไปชาติหน้า มีทิพยสมบัติมาก
    “ สีเลนะ นิพพุติง ยันติ ”
    ศีลเป็นปัจจัยให้เข้าพระนิพพานได้โดยง่าย
    รวมความว่า กำลังใจขั้นที่ ๒ ของบรรดาท่านพุทธบริษัททำให้เกิดบนสวรรค์ก็ได้ เกิดบนพรหมโลกก็ได้ บนนิพพานก็ได้
    ในขั้นที่ ๓ บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลาย ตั้งใจรับรสพุทธพจน์เทศนาเป็นคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อันนี้เป็นตัว “ ปัญญา ” เป็นปัจจัยทำให้เข้าถึงนิพพานโดยง่ายเช่นเดียวกัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. รตนหทัย

    รตนหทัย ธเนศร์ โทร 0819197488 หรือ ID Line : Millionboon สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    8,682
    ค่าพลัง:
    +2,527
    ตายจากมนุษย์ไปเกิดเป็นท่านท้าวมหาราชบนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
    จาก หนังสือ ตายแล้วไม่สูญ...แล้วไปไหน
    "..วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๑ สองวันที่ผ่านมาร่างกายไม่ดี ใช้กำลังสมถภาวนาไม่ได้ ต้องใช้กำลังวิปัสสนาญาณเป็นตัวยืน อารมณ์ของคนเราถ้าเจริญพระกรรมฐานต้องเข้าใจว่า กรรมฐานที่ทรงตัวจริงๆ พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ๑๑ อย่าง และกรรมฐานแบบคิดอีก ๒๙ อย่าง เวลาที่ร่างกายมีกำลังดี ไม่ป่วยไข้ไม่สบายมากจิตจะทรงตัว ใช้กรรมฐานทรงตัวได้ แต่ถ้าจิตเกิดฟุ้งซ่านขึ้นมาด้วยโรคภัยไข้เจ็บมันกวนมาก มันเพลียมาก ก็ต้องใช้กรรมฐานคิดใช้วิปัสสนาญาณควบ ไม่ต้องการรู้อะไรทั้งหมด
    ท้าวจตุโลกบาล
    มาวันนี้อารมณ์เริ่มทรงตัวขึ้นมาบ้าง ก็ใช้กำลังทรงตัวได้ แต่ถ้าใช้กำลังทรงตัวแน่นไปอีกก็ไม่เห็นอะไร พอขยับจิตเคลื่อนลงมานิดหนึ่งอยู่ในขั้นอุปจารสมาธิ ก็เห็นท่านท้าวมหาราชนั่งอยู่ข้างๆ ท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ เขาเรียกว่า ท้าวจตุโลกบาล มีหน้าที่รักษาคุ้มครองชาวมนุษยโลก ถ้าสร้างความดีก็หาทางป้องกันช่วยเหลือ จะส่งเทวดาไปอารักขา ถ้าสร้างความชั่วก็สุดวิสัยที่จะช่วยได้ก็อดใจไว้ และก็มีหน้าที่บันทึกความดีความชั่วของคนทั้งการพูด การคิด การทำทุกอย่าง สวรรค์ชั้นจาตุมหาราชอยู่กึ่งกลางเขาพระสุเมรุ คนที่ตายแล้วมาเกิดเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชได้ ต้องเคยได้ฌานสมาบัติ แต่เวลาตายไม่ได้เข้าฌานตาย ถ้าขณะที่ตายเข้าฌานตาย ก็จะไปเกิดเป็นพรหม
    ท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ คือ
    ๑) ท่านท้าวเวสสุวัณ คุมด้านทิศเหนือ
    ๒) ท่านท้าววิรุฬหก คุมด้านทิศใต้
    ๓) ท่านท้าวธตรฐ คุมด้านทิศตะวันออก
    ๔) ท่านท้าววิรูปักข์ คุมด้านทิศตะวันตก
    ท่านท้าวเวสสุวัณ เป็นท่านท้าวมหาราชคุมด้านทิศเหนือ
    ท่านท้าวเวสสุวัณ เป็นท่านท้าวมหาราชคุมด้านทิศเหนือ และเป็นประธานของท้าวมหาราชทั้ง ๔ บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช ในเมืองมนุษย์มักจะทำสัญลักษณ์เป็นรูปยักษ์ จะเห็นได้ตามวัด ตามถํ้าจะมีรูปปั้นยักษ์อยู่ทางด้านหน้าทางเข้า ก่อนที่ท่านจะมาเป็นท่านท้าวมหาราชเขตจาตุมหาราช ถอยหลังไป ๑ ชาติ ในตอนต้นเลยทีเดียวที่ยังไม่มีพระพุทธศาสนา มีแต่ศาสนาพราหมณ์ ท่านมีนามว่า "กุเวรพราหมณ์" เป็นชื่อเดิม ต่อมาท่านเป็นกษัตริย์ครองกรุงราชคฤห์มหานครทรงพระนามว่า "พระเจ้าพิมพิสารบรมกษัตริย์" ท่านเกิดรุ่นราวคราวเดียวกับเจ้าชายสิทธัตถะราชกุมารครองกรุงกบิลพัสดุ์ ซึ่งต่อมาทรงออกผนวชบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าทรง พระนามว่า "สมเด็จพระสมณโคดม" ท่านมีพระสหายอีก ๒ องค์คือ พระเจ้าปเสนทิโกศลครองกรุงสาวัตถีกับท่านพันธุรเสนา รวมเป็น ๔ องค์ เป็นเพื่อนรักกันมาก ต่างคนต่างเป็นลูกกษัตริย์ สมัยนั้นไปเรียนหนังสือที่เมืองตักศิลาด้วยกัน
    ต่อมาเจ้าชายสิทธัตถะราชกุมารทรงออกมหาภิเนษกรมณ์ พระเจ้าพิมพิสารทรงคิดว่ามีเรื่องราวกับใคร จึงนิมนต์ให้เข้าประทับในเมือง จะมอบอำนาจให้ครึ่งหนึ่งและสมบัติให้ครึ่งหนึ่ง ให้เป็นมหาอุปราช พระพุทธเจ้าทรงบอกว่า "ไม่ได้หนีใคร ทรงเบื่อความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ต้องการแสวงหาโมกขธรรม คือธรรมอันเป็นเครื่องหลุดพ้นจากความตาย และต้องการเอาธรรมนั้นมา สอนคนอื่น"
    พระเจ้าพิมพิสารจึงบอกว่า "ถ้าพระองค์ทรงบรรลุเมื่อไร ขอมาโปรดท่านก่อน"
    พระพุทธเจ้าก็ทรงรับ เมื่อองค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์บรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณแล้วก็ทรงสอนคนมาตามทาง จนกระทั่งถึงกรุงราชคฤห์มหานคร พบพระเจ้าพิมพิสารพร้อมด้วยบริวาร ก็ทรงเทศน์ พอเทศน์จบปรากฏว่า พระเจ้าพิมพิสารเป็นพระโสดาบันพร้อมกับคนจำนวนมาก หลังจากนั้นก็ได้อาราธนาพระพุทธเจ้าเข้าประทับในพระเวฬุวันมหาวิหาร
    อานิสงส์ของการถวายทาน
    ขณะที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ ที่นั้น พระเจ้าพิมพิสารไปเฝ้าทุกวัน ได้ถวายทานทุกวัน ฟังเทศน์ทุกวัน จึงมีอานิสงส์ดังนี้คือ
    การถวายทาน เป็นปัจจัยให้ได้ทิพยสมบัติ
    การถวายพระเวฬุวันมหาวิหาร เป็นเหตุให้ได้วิมานสวยงาม
    กำลังความเป็นพระโสดาบันและทรงฌานสมาบัติด้วย เป็นเหตุให้มีกำลัง เมื่อไปเป็นเทวดาก็ทรงอำนาจมาก
    เวลาที่ท่านจะตาย ท่านถูกลูกชายคือ พระเจ้าอชาตศัตรู ทรมาน คือพระเจ้าอชาตศัตรูเป็นกบฏทรยศต่อพ่อ แย่งราชสมบัติแล้วก็ทรมานพ่อ โดยจับขังคุก ต่อมาให้อดข้าว เมื่อท่านยังเดินจงกรมได้ ท่านอยู่ด้วยธรรมปีติ แม้จะอดข้าวก็ไม่ตายผิวพรรณยังผ่องใส ในที่สุดเขาก็เฉือนเท้าไม่ให้เดิน ท่านก็มีความเจ็บปวดมาก แต่จิตใจก็นึกถึงองค์สมเด็จพระจอมไตร ท่านก็มีจิตใจชุ่มชื่น ปวดน่ะปวด แต่ท่านก็ยอมรับนับถือกฎของธรรมดาว่า คนเราที่เกิดมาทุกคน แม้ฐานะจะต่างกัน แต่สภาพจริงๆ มันเหมือนกันคือ มีความเกิดขึ้นในเบื้องต้นเหมือนกันหมดทุกคน และก็เดินเข้าไปหาความแก่ มีทุกขเวทนา มีการทรมานจากร่างกาย และในที่สุดก็เป็นคนตาย ไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ จะเป็นเศรษฐี คหบดี หรือคนยากจนก็ตาม มีสภาพเหมือนกันไม่มีอะไรแตกต่างกัน
    พระเจ้าพิมพิสารบรมกษัตริย์ท่านเป็นพระโสดาบันขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เวลาตายท่านออกด้วยกำลังของฌาน ๔ จะต้องไปเกิดเป็นพรหม แต่พอจิตแยกออกจากกายแล้ว ท่านมีความรู้สึกด้วยอำนาจกำลังจิตที่เป็นทิพย์ว่า ก่อนที่ท่านจะมาเกิดเป็นพระเจ้าพิมพิสารท่านเคยเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชมาก่อน ท่านก็เลยไม่ไปอยู่พรหม มาอยู่ชั้นจาตุมหาราชที่เดิม เมื่อท่านเป็นเทวดาแล้ว ท่านก็ฝึกฝนจนเป็นพระอนาคามี และท่านไม่กลับมาเกิดอีกแล้ว
    ท่านท้าววิรุฬหก ท่านเป็นท้าวมหาราชคุมด้านทิศใต้
    ท่านท้าววิรุฬหก ท่านเป็นท่านท้าวมหาราชคุมด้านทิศใต้ บนสวรรค์ชั้นจาตุมหาราช ในเมืองมนุษย์มักเข้าใจว่า ท่านท้าววิรุฬหกและบริวารของท่านเป็น กุมภัณฑ์
    "กุมภะ" แปลว่า "หม้อ" ท่านจึงแสดงรูปร่างอ้วนใหญ่เหมือนกับพ้อมใส่ข้าว ผิวดำปี๋ พุงก็ปลิ้น คอก็สั้น หัวก็โต ฟันก็ขาว เขี้ยวก็โง้งออกจากปาก มีริมฝีปากนูนๆ ตาใหญ่มาก สว่างแวววาวเหมือนกับไฟฉาย มองส่ายไปส่ายมา ทำให้น่ากลัว แต่ความจริงท่านสวยสดงดงามมาก ท่านมาบอกอาตมาว่า ในสมัยเป็นมนุษย์ท่านเป็นคนกรุงเทพฯ อาชีพของท่านเป็นคนมีเงินเดือน เป็นหัวหน้าคนกลุ่มใหญ่มีคนใต้บังคับบัญชานับพันคน ท่านบอกท่านเคยมีโอกาสเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวเหมือนกัน เคยเข้าสมาคมกับขุนนางชั้นสูงและกับคนทุกชั้น เพราะท่านมีเมตตาความรัก กรุณาความสงสาร ท่านถือว่าทุกคนฐานะไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่กำลังใจเท่านั้น นอกจากนั้นท่านมีความต้องการหนังเหนียวยิงไม่ออก แคล้วคลาดจากอาวุธ และสามารถแสดงฤทธิ์ ท่านมีอาจารย์เป็นพระและเป็นฆราวาสก็มี ถ้ามีความดีเป็นกรณีพิเศษ การทำให้หนังเหนียวต้องใช้คาถา ก่อนที่จะใช้คาถาทั้งหมด ท่านต้องมีความเคารพพระพุทธเจ้าด้วยความจริงใจ เคารพในพระธรรมคำสอน และเคารพในพระสงฆ์ที่เป็นครูบาอาจารย์ หลังจากนั้นต้องทำจิตให้มั่นคงโดยภาวนาให้จิตทรงตัว ก็คือ จิตเป็นสมาธินั่นเอง ถ้าจิตมีสมาธิสูง กำลังอานุภาพที่ต้องการก็จะมีอานุภาพมาก ถ้ากำลังสมาธิตํ่าของที่เรียนมาก็มีอานุภาพตํ่า การท่องคาถาอาคม การปลุกตัว การปลุกของ ต้องทำทุกวันเพื่อความมั่นคง จิตต้องเข้าถึงฌานสมาบัติ แต่เวลาที่ท่านตาย ท่านไม่ได้เข้าฌานตาย
    เมื่อตายแล้วท่านไปเกิดเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราช ต่อมาก็ขึ้นเป็น เทวดาชั้นอินทกะ (คำว่า "อินทกะ" แปลว่า "ผู้เป็นใหญ่" คือเป็นรองท่านท้าวมหาราช อินทกะนี้มีได้ทิศละพันองค์ พร้อมที่จะเป็นท้าวมหาราชได้ตามความสามารถและวาสนาบารมี ในเมื่อท่านท้าวมหาราชไปจากชั้นนี้ คือจากชั้นจาตุมหาราชไปเกิดเป็นเทวดาชั้นสูงบ้าง หรือว่าไปเป็นพรหมบ้าง หรือมาเกิดเป็นมนุษย์ก็ตาม) จากอินทกะท่านก็เป็นท้าวมหาราช คือท่านท้าววิรุฬหกในปัจจุบันนี้
    ท่านท้าวธตรฐ ท่านเป็นท้าวมหาราชคุมด้านทิศตะวันออก
    วันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๑ เห็นท่านท้าวมหาราชมานั่งอยู่ องค์หนึ่งมาตัวสูงเท่ายอดตาล จึงหันไปถามว่า "ใคร" ท่านท้าววิรุฬหกตอบว่า "ท่านธตรฐครับ" พอท่านเข้ามาใกล้ก็เลยถามว่า "ทำไมสูงเหมือนเปรตแบบนี้ล่ะ" ท่านตอบว่า "อย่างนี้เขาเรียกสูงแบบเทวดา ไม่ใช่สูงแบบเปรต" ถามท่านท้าวธตรฐว่า "อดีตของท่านเคยเป็นอะไรมาตอนเป็นมนุษย์" ท่านตอบว่า "อดีตผมเป็นพระราชาเมืองพาราณสีครับ" ก็เลยถามท่านว่า "เวลานั้นไม่มีพระพุทธศาสนาเป็นเทวดาได้อย่างไร"
    ท่านตอบว่า "เทวดาหรือพรหมไม่จำเป็นต้องนับถือพระพุทธศาสนาเสมอไป พราหมณ์ก็เป็นเทวดาเป็นพรหมได้" เวลานี้ท่านเป็นพระอนาคามี เป็นพระอริยเจ้าเบื้องสูง ท่านไม่กลับลงมาเกิดอีกแล้ว
    ท่านท้าววิรูปักษ์ ท่านเป็นท้าวมหาราชคุมด้านทิศตะวันตก
    ในวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๓๑ วันเดียวกันนั้นอาตมาได้หันไปถาม ท่านวิรูปักษ์ ว่า "อดีตท่านเป็นอะไร" ท่านตอบว่า "อดีตผมอยู่ปักษ์ใต้ ประเทศไทยนี่เอง เป็นผู้ชายไทย ฐานะสูงมากสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้ฌานสมาบัติแต่เวลาตายไม่ได้เข้าฌานตาย ตายแล้วไปเป็นอินทกะเลย เมื่อท่านวิรูปักษ์องค์เก่าขึ้นไปเป็นพรหม ท่านก็ขึ้นเป็นแทน ท่านเก่งมาก
    เป็นอันว่าก็ได้ทราบประวัติของท่านท้าวมหาราชทั้ง ๔ แล้วว่าใครเป็นใคร ทำให้ทราบว่าการเป็นเทวดาก็ไม่หนักสำหรับพวกเรา การเป็นพรหมก็ไม่หนัก การไปพระนิพพานก็ไม่หนัก การไปนรกก็ไม่หนัก ชอบทางไหนก็ไปได้ทั้งนั้น.."
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...