ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ค่าใช้จ่ายเก็บกับสหรัฐ สหรัฐพิมพ์เงินมาใช้ได้ไม่มีจำนวนจำกัด ต้องให้สหรัฐเห็นใจผู้อพยพ ยอมพิมพ์ดอลล่าห์มาจ่าย

    Jeerachart Jongsomchai

    [​IMG]

    ... อเมริกาบี้ไทยหนัก จะให้ไทยเปิดศูนย์อพยพแบบที่ครั้งหนึ่งเราเคยเปิดที่ถ้ำกระบอก สระบุรี เงินช่วยเหลือคงมาแค่นิดหน่อย ที่เหลือก็ภาษีคนไทยเหมือนเดิม อเมริกาได้หน้า สบายกระเป๋า อินโดนีเซีย มาเลเซีย ออสเตรเลีย ไม่ทำอยู่แล้ว รับคนบ้างประปราย ... ทำไมไม่บี้ประเทศที่กล่าวมาบ้างกล่ะ หรือบี้อิตาลีให้รับชาวอาฟริกาเหนือที่โดนอเมริกาไประเบิดบ้านเมืองเขา ... อยากให้อเมริการับบ้างจัง ประเทศใหญ่ดีออก เรือรบลำเดียวก็เหลือเฟือแล้ว ... เพราะเขาต้องการป่วนไทย สร้างภาระให้ไทย เพื่อบีบให้ต่อรองตามที่เขาต้องการ ... นี่แหล่ะอเมริกันสไตล์ จอมสร้างปัญหาและผู้ด่อการร้ายตัวจริงของโลก

    เผยสหรัฐฯต่อสายตรงขอไทยตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวโรฮีนจา
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 พฤษภาคม 2558 03:03 น.

    รอยเตอร์ - กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเผยในวันศุกร์(15พ.ค.) นายจอห์น เคร์รี รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงต่อสายถึงรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย เพื่อหาถึงความเป็นไปได้ในการตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวแก่ชาวมุสลิมโรฮีนจาที่ลอยลำอยู่กลางทะเล ขณะที่อเมริกาแสวงหาหนทางแก้ไขวิกฤต ซึ่งเกี่ยวข้องผู้อพยพที่ตกค้างหลายพันคน

    "ท่านรัฐมนตรีต่างประเทศได้โทรศัพท์ถึงรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยในคืนวันพฤหัสบดี เพื่อหารือถึงสถานการณ์ผู้อพยพในทะเลอันดามัน และพูดคุยถึงความเป็นไปได้ที่ไทยจะจัดหาที่พักพิงชั่วคราวแก่พวกเขา" เจฟฟ์ รัทเค โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯกล่าวระหว่างแถลงสรุป

    ชาวมุสลิมโรฮีนจาหลายพันคนที่หลบหนีมาจากพม่าและบังกลาเทศ ติดค้างอยู่บนเรือหลายลำกลางทะเล เนื่องจากรัฐบาลชาติต่างๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่ยอมให้พวกเขาขึ้นฝั่ง และรัฐบาลไทยดำเนินการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์อย่างเข้มข้น

    โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯเผยว่าตลอดทั้งสัปดาห์ มีผู้อพยพขึ้นฝั่งมาเลเซียและอินโดนีเซียเกือบ 3,000 คน และกำลังได้รับความช่วยเหลือ พร้อมระบุเหล่าเอกอัครราชทูตอเมริกาในภูมิภาคกำลังประสานงานอย่างคร่ำเคร่งกับรัฐบาลอาเซียนเพื่อตอบสนองด้านมนุษยธรรมให้รวดเร็วยิ่งขึ้น

    "เราร้องเรียกรัฐบาลชาติต่างๆในภูมิภาคร่วมมือกันโดยเร็ว สิ่งแรกและเป็นสิ่งสำคัญที่สุดคือการปกป้องชีวิตผู้อพยพที่อยู่กลางทะเล ซึ่งต้องการความช่วยเหลือในทันที" รัทเคกล่าว "และเราเรียกร้องรัฐบาลชาติต่างๆในภูมิภาค ระงับการผลักดันเรือลำใหม่ๆที่กำลังเดินทางมาถึง"


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 พฤษภาคม 2015
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    [​IMG]

    ... "กลุ่ม BRICS : เชิญ "กรีซ" เข้าเป็นสมาชิกลำดับที่ 6 ของธนาคารที่ BRICS ตั้งขึ้น ถ่วงอำนาจดอลล่าร์ ยุโรป"
    ... หลังการเดินทางไปเยือนรัสเซียเมื่อเดือนก่อนของไอ้หนุ่มคนจนไม่มีเงินซื้อเนคไท นายกของ กรีซ ก็เริ่มมีดอกผล เมื่อ "รัสเซีย" ได้ทำการเชื้อเชิญ "กรีซ" เข้าร่วมเป็นสมาชิกลำดับที่ 6 ของ "ธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่" [ New Development Bank (NDB) ] ซึ่งเป็นธนาคารที่กลุ่ม BRICS ก่อตั้งขึ้นมาเป็น "คู่แข่ง" โดบตรง กับ IMF, World Bank ของค่ายอเมริกา ที่มีมูลค่าลงทุนเริ่มต้น $100,000 ดอลล่าร์ และเป็นทางเลือกใหม่ ลดการ "ผูกขาด" ของระบบการกู้ยืมเงินของโลก
    ... และที่สำคัญ "กรีซ" มีท่าทีที่สนใจด้วยในการร่วมเป็นสมาชิกครั้งนี้ โดยบอกว่าขอเวลาคิดก่อน เดี๋ยวจะหาว่าใจง่ายเกินไป ( แม้ความจริงนั้นมีคนระดับเซเลบมาจีบ คงอยากตอบรับใจจะขาดแต่ต้องเก็บอาการ ใจเต้นตุ้บตั้บข้างใน )
    ... และถ้ากรีซไปร่วม ประเทศยุโรป อาฟริกา เอเชียอื่นๆก็อาจจะเข้าร่วมมากขึ้นอีก อะไรจะเกิดขึ้น เพราะแน่นอนมากๆ ว่าเงินที่ใช้ในการกู้ยืมจะไม่ใช้ดอลล่าร์เป็นหลัก ดอลล่าร์จะลดความสำคัญลงไปมาก
    ... โดยธนาคาร New Development Bank (NDB) นี้จะเริ่มให้กู้ยืมเปิดเป็นทางการในปลายปี 2015 นี้ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ "ประเทศที่กำลังพัฒนา" ที่ต้องการเงินไปพัฒนาระบบสาธาณนูปโภคของประเทศ ( และไม่ต้องการต้องขายบ้านขายที่ดิน ขายรัฐวิสาหกิจก่อนกว่าจะได้เงินกู้ปนเปื้อนเลือดแบบ IMF หรือ World Bank )
    ... นอกจากนั้น "รัสเซีย" ต้องการเสริมความสัมพันธ์กับกรีซในเข้มแข็งมากขึ้น เพื่อจะใช้ดินแดนกรีซเป็นทางผ่านของ "ท่อแก๊ส" ไปยุโรป และกรีซเองก็ต้องการเงินกู้จากรัสเซีย มา "ถ่วงดุลอำนาจ" การมาปล่อยเงินกู้แบบหน้าเลือดของ IMF และ ของธนาคารยุโรปด้วย และยิ่งกว่านั้นนักวิเคราะห์บางคนบอกว่า "กรีซ คือม้าไม้โทรจัน ที่รัสเซียส่งไปป่วนยุโรปให้แตกเป็นการแก้แค้นบ้าง หลังโดนแซงชั่นการค้าสารพัด ... วิน-วิน ทั้งคู่
    .
    http://rt.com/business/257701-greece-russia-brics-invitation/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Jeerachart Jongsomchai

    [​IMG]

    ... "จีน : ได้สิทธิ์ในการลงทุนรถไฟความเร็วสูงในรัสเซีย รับฟุตบอลโลก 2018 เป็นทางสายไหมเชื่อมยุโรป เพิ่มความสัมพันธ์ที่เหนียวแน่น"
    ... จีนได้สิทธิ์เริ่มลงทุน ในโครงการที่มีมูลค่าทั้งหมด 21,400 ล้านดอลล่าร์ เชื่อมจาก มอสโกว์ ไป Kazan เมืองหลวงของ Tatarstan ที่อนาคตจะเชื่อมไปถึงจีนได้ เพื่อจะกลายเป็น "ทางสายไหมแห่งใหม่" ระหว่างท้้งสองประเทศ
    ... Moscow–Kazan–Ekaterinburg จะออกแบบและวางแผนในระหว่างปี 2015-2016 the เพื่อก่อสร้างให้เสร็จทันฟุตบอลโลกครั้งต่อไปที่รัสเซียเป็นเจ้าภาพ 2018 FIFA World Cup
    ..." จีน" มองว่าทางสายนี้ไม่แค่เชื่อมจีนกับ "รัสเซีย" ทางการค้า วัฒนธรรม เท่านั้น แต่ยังเชื่อมกับ ยุโรปอีกด้วย โดยมีบางส่วนต้องผ่านมองโกเลีย เป็น Corridor เชื่อมทั้งสองประเทศ สองทวีป โดยมีการลงนามหลายสัญญาระหว่างที่ประะานาธิบดีสีจิ้นผิงเดินทางไปร่วมรำลึก 70 ครบรอบชัยชนะของรัสเซียต่อ นาซีเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย
    .
    http://rt.com/business/258241-china-russia-railway-construction/
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    แพทย์แถลง “หลวงพ่อคูณ” มรณภาพแล้ว น้องสาววัย 89 ปี ญาติ ลูกศิษย์ร่ำไห้ (ขมคลิป) โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 พฤษภาคม 2558 12:50 น. (แก้ไขล่าสุด 16 พฤษภาคม 2558 18:43 น.)

    [​IMG]
    ขอขอบคุณภาพจากคุณ Apisak

    ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - แพทย์ รพ.มหาราชนครราชสีมา แถลง “หลวงพ่อคูณ” มรณภาพแล้วอย่างสงบเมื่อเวลา 11.45 น. ขณะ น้องสาว“หลวงพ่อคูณ”วัย 89 ปี พร้อมญาติและลูกศิษย์นั่งร่ำไห้อยู่หน้าห้องไอซียู

    ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ที่พักรักษาอาการอาพาธด้วยภาวะหยุดหายใจ อยู่ที่ห้องไอซียู หอผู้ป่วยหนักอายุรกรรม เตียง 8 ชั้น 2 อาคารการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา หลังถูกนำส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วนเมื่อเช้าวานนี้ (15 พ.ค.) และอาการยังอยู่ในขั้นวิกฤต ตามที่เสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่อง นั้น

    เมื่อเวลา 12.30 น.วันนี้ (16 พ.ค.) ที่ห้องประชุมบุญประสงค์ หอผู้ป่วยหนักอายุรกรรม เตียง 8 ชั้น 2 อาคารการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา นพ.สมอาจ ตั้งเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และ นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา พร้อมคณะแพทย์ทีมรักษาอาการอาพาธหลวงพ่อคูณและลูกศิษย์ ได้ร่วมกันแถลงข่าวอาการอาพาธล่าสุด

    พร้อมกันนี้ คณะกรรมการแพทย์ผู้ทำการรักษา โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และโรงพยาบาลศิริราช ได้ร่วมกันออกประกาศโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เรื่อง อาการอาพาธพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) ฉบับที่ 4 ระบุว่า วันนี้ (16 พ.ค.) แพทย์ผู้ทำการรักษา รายงานว่า พระเทพวิทยาคมมีอาการโดยรวมทรุดลง ได้มรณภาพภาพเมื่อเวลา 11.45 น. จึงประกาศมาเพื่อโปรดทราบ

    นพ.สมอาจ ตั้งเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา แถลงว่า นพ.สมอาจ ตั้งเจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา กล่าวว่า สืบเนื่องจากการทำงานหลายระบบของหลวงพ่อคูณล้มเหลว และเนื่องจากภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น ทางคณะแพทย์โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมาและโรงพยาบาลศิริราชได้ให้การรักษาอย่างเต็มที่ และหลวงพ่อคูณ ได้มรณภาพอย่างสงบ เมื่อเวลา 11.45 น.

    ส่วนการจัดการกับสังขารของหลวงพ่อคูณจะมีการหารือกันอีกครั้ง เนื่องจากท่านได้บริจาคร่างกายให้แก่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น นั้น ทางมหาวิทยาลัยขอนแก่นกำลังเดินทางมา ส่วนการจัดพิธีการต่างๆ จะมีการหารือของจังหวัดและคณะลูกศิษย์อีกครั้งหนึ่ง

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าการแถลงข่าวของคณะแพทย์ มีบรรดาญาติโยมศิษยานุศิษย์จำนวนมากทยอยกันมาลงนามในสุดเยี่ยมอาการหลวงพ่อคูณ ในจำนวนนี้ มี นางคำมั่น วงศ์กายจนรัตน์ อายุ 89 ปี อาชีพทำไร่ทำนา ชาวบ้านบ้านบัวชุม ต.บัวชุม อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องสาว คนที่ 2 ของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ได้เดินทางมาเยี่ยมอาการหลวงพ่อคูณ นั่งอยู่หน้าห้องไอซียู พร้อมด้วยลูกหลาน พร้อมกับนั่งร้องไห้ตลอดเวลา บอกแต่เพียงสั้นๆ ว่า ตนทำใจไม่ได้ และทนไม่ได้ที่เห็นหลวงพ่อคูณ เป็นอย่างนี้ พร้อมกับใช้ผ้าเช็ดน้ำตาอยู่ตลอดเวลา

    ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกันนี้ (16 พ.ค.) คณะกรรมการแพทย์ผู้ทำการรักษา โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา และโรงพยาบาลศิริราช ได้ร่วมกันออกประกาศโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา เรื่อง อาการอาพาธพระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ) ฉบับที่ 3 ระบุว่า วันนี้ เมื่อเวลา 10.00 น.คณะแพทย์ผู้ทำการรักษาได้รายงานผลว่า การเฝ้าตรวจอาการอาพาธของพระเทพวิทยาคม มีภาวะแทรกซ้อนเพิ่มขึ้นจากการแข็งตัวของเลือดผิดปกติทำให้เลือดออกในช่องทรวงอก ส่งผลให้ระบบการหายใจล้มเหลว ภาวะหัวใจหยุดเต้น คณะแพทย์ได้ทำการช่วยฟื้นคืนชีพ สำหรับภาวะไตไม่ทำงานได้ให้การรักษาโดยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ขณะนี้อาการโดยรวมทรุดลง จึงประกาศมาเพื่อทราบ ณ วันที่ 16 พ.ค.2558

    เปิดประวัติหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ

    พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2466 ตรงกับแรม 10 ค่ำ เดือน 10 ปีกุน ที่บ้านไร่ หมู่ 6 ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา ในครอบครัวของชาวไร่ชาวนา บิดาชื่อ นายบุญ ฉัตรพลกรัง มารดาชื่อ นางทองขาว ฉัตรพลกรัง มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน 3 คน คือ หลวงพ่อคูณ นางคำมั่น วงษ์กาญจนรัตน์ นางทองหล่อ เพ็ญจันทร์

    โดยนางทองขาวเ ล่าให้เพื่อนบ้านฟังว่า ก่อนตั้งครรภ์นั้นกลางดึกของคืนวันหนึ่งเวลาประมาณตี 3 ฝันเห็นเทพองค์หนึ่งมีกายเรืองแสงงดงามลอยลงมาจากสวรรค์ มาที่บ้าน และกล่าวว่า “เจ้าและสามีเป็นผู้มีศีลธรรม เมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งปวง ประกอบการงานอาชีพด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งยังสร้างคุณงามความดีมาตลอดหลายชาติ เราขออำนวยพรให้เจ้า และครอบครัวมีแต่ความสุขสวัสดิ์ตลอดไป”

    และเทพองค์นั้นยังได้มอบดวงแก้วใสสะอาดสุกสว่างให้แด้วย “ดวงมณีนี้เจ้าจงรับไป และรักษาให้ดี ต่อไปภายหน้าจะได้เป็นพระพุทธสาวกหน่อเนื้อพระชินวร เพื่อสืบพระพุทธศาสนา เป็นเนื้อนาบุญ ที่พึ่งของสัตว์โลกทั้งปวง”

    เมื่อหลวงพ่ออายุครบ 11 ขวบ แม่ก็ถึงแก่กรรม พ่อได้นำไปฝากเป็นศิษย์วัดบ้านไร่ เพื่อให้เรียนหนังสือกับพระอาจารย์เชื่อม วิรโธ พระอาจารย์ฉาย และพระอาจารย์หลี ซึ่งได้เรียนทั้งภาษาไทยและภาษาขอมที่วัดบ้านไร่ ซึ่งเป็นสถานการศึกษาแห่งเดียวในหมู่บ้านขณะนั้น นอกจากเรียนภาษาไทย และขอมแล้ว พระอาจารย์ทั้ง 3 ท่าน ยังมีความเมตตาอบรมสั่งสอนวิชาคาถาอาคมเพื่อป้องกันอันตรายต่างๆ ให้แก่หลวงพ่อคูณ นับว่าหลวงพ่อคูณรู้วิชาไสยศาสตร์ตั้งแต่เป็นเด็ก

    จนอายุครบ 16 ปี ได้ออกจากวัดมาอยู่ในความอุปการะของน้าชายชื่อ โหม น้าสะใภ้ชื่อ น้อย ศิลปชัย ซึ่งมีอาชีพทำนา หลวงพ่อจึงได้ช่วยน้าชายทำนา แต่ด้วยอยากรู้อยากลอง และอยากเป็นหมอเพลงโคราช จึงได้ชักชวนเพื่อน คือ นายเล เพียมขุนทด เดินทาง ไปบ้านมะระ ต.ดอนชมพู อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา ฝากตัวเป็นศิษย์ครูสน ซึ่งเป็นครูเพลงที่มีชื่อเสียง ลูกศิษย์ทั้งชายและหญิงของครูสน ทุกคนต้องพักอยู่กินหลับนอนที่บ้านครูสนทั้งหมด โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น แต่ระหว่างหัดเพลงต้องช่วยครูสนทำนา ใช้เวลาเรียนคนละ 2-3 ปี จึงจะออกเล่นเพลงได้

    เมื่ออายุได้ 21 ปี ก็ได้เข้าอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดถนนหักใหญ่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2487 ตรงกับวันศุกร์ เดือน 6 ปีวอก โดยพระครูวิจารย์ดีกิจ อดีตเจ้าคณะอำเภอด่านขุนทด เป็นพระอุปัชฌาย์ ส่วนพระกรรมวาจาจารย์ คือ พระอาจารย์สุข วัดโคกรักษ์ ได้รับฉายาว่า "ปริสุทโธ"

    หลังจากอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ได้ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อแดง วัดบ้านหนองโพธิ์ ต.สำนักตะคร้อ อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา พระนักปฏิบัติทางด้านคันถธุระ และวิปัสสนาธุระอย่างเคร่งครัด และทั้งเป็นพระเกจิอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมเป็นอย่างยิ่ง จนเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของผู้คนและลูกศิษย์เป็นอย่างมาก

    หลวงพ่อคูณปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อแดง มานานพอสมควร หลวงพ่อแดง จึงพาหลวงพ่อคูณไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อคง พุทธสโร ซึ่งเป็นเพื่อนกัน ต่างให้ความเคารพซึ่งกันและกัน เมื่อมีโอกาสได้พบปะมักแลกเปลี่ยนธรรมะ ตลอดจนวิชาอาคมแก่กันเสมอ

    กระทั่งหลวงพ่อคง เห็นว่ามีความรอบรู้ชำนาญการปฏิบัติธรรมดีแล้ว จึงแนะนำให้ออกธุดงค์จาริกไปตามป่าเขาลำเนาไพร ฝึกปฏิบัติธรรมเบื้องสูงต่อไป แรกๆ หลวงพ่อคูณก็ธุดงค์จาริกอยู่ในเขตจ.นครราชสีมา จากนั้นจึงจาริกออกไปไกล กระทั่งถึงประเทศลาว และประเทศกัมพูชา มุ่งเข้าสู่ป่าลึกเพื่อทำความเพียรให้เกิดสติปัญญา เพื่อการหลุดพ้นจากกิเลส ตัณหา และอุปทานทั้งปวง

    หลังจากที่พิจารณาเห็นสมควรแก่การปฏิบัติแล้ว หลวงพ่อคูณ จึงออกเดินทางจากประเทศกัมพูชา สู่ประเทศไทย ข้ามเขตด้าน จ.สุรินทร์ สู่จ.นครราชสีมา กลับบ้านเกิดที่บ้านไร่ เริ่มก่อสร้างถาวรวัตถุทางพระพุทธศาสนา เริ่มจากพระอุโบสถ พ.ศ.2496 โดยชาวบ้านได้ช่วยกันเข้าป่าตัดไม้ ซึ่งในสมัยก่อนมีอยู่มาก แต่การตัดไม้ในสมัยนั้นไม่ค่อยสะดวกนัก เพราะไม่มีเครื่องจักร ไม่มีถนน กว่าจะได้ไม้ที่เลื่อยแล้วต้องขนย้ายอย่างยากลำบาก อาศัยโคเทียมเกวียนบ้าง แรงงานคนลากจูงบนทางที่แสนทุรกันดารบ้าง แต่ละเที่ยวจึงต้องใช้เวลา 3-4 วัน แต่หลวงพ่อก็สามารถนำชาวบ้านช่วยกันสร้างพระอุโบสถจนสำเร็จ ซึ่งปัจจุบันได้รื้อลงแล้ว และก่อสร้างหลังใหม่แทน

    นอกจากสร้างพระอุโบสถแล้ว หลวงพ่อยังสร้างโรงเรียน กุฏิสงฆ์ ศาลาการเปรียญ รวมทั้งขุดสระน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค ยังความสะดวกสบาย และความเจริญในบ้านไร่ยิ่งนัก แม้ปัจจุบันจะไม่ได้เห็นสิ่งดังกล่าว เนื่องจากหลวงพ่อได้เปลี่ยนสิ่งก่อสร้างทั้งหมด มาเป็นปูนเป็นอิฐให้สวยงามและทนทานยิ่งขึ้น นอกจานี้ หลวงพ่อคูณยังนำเงินบริจาคที่ศิษยานุศิษย์ถวายไปใช้สร้างโรงพยาบาล ช่วยเหลือด้านสาธารณสุข สาธารณกุศล ไม่เว้นแม้แต่กับเพื่อนบ้านอยาง สปป.ลาว

    หลวงพ่อคูณ บอกว่า ที่ทำแบบนี้เพราะ “หลวงพ่อเป็นคนยากจนมาแต่กำเนิด จึงอยากคิดช่วยเหลือคนอื่น การนำเงินออกไปช่วยคนอื่นก็จะมีคนบริจาคเรื่อยๆ ถ้าเก็บไว้จะทำให้อาตมาตาบอด ใจก็บอดอีกด้วย จึงอยากช่วยคนอื่นอยู่เรื่อยไป วันใดไม่มีคนมาขอเงิน ก็ไม่ค่อยสบายใจ”

    หลวงพ่อคูณ มีชื่อเสียงด้านการสร้างวัตถุมงคลตั้งแต่บวชแล้ว 7 พรรษา โดยเริ่มทำวัตถุมงคลเป็นตะกรุดโทน ตะกรุดทองคำ เพื่อฝังที่ใต้ท้องแขน ณ วัดบ้านไร่ ราว พ.ศ.2493 ซึ่งได้ชื่อว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะหลวงพ่อคูณมอบวัตถุมงคลให้แก่ทุกคน แม้แต่โจรผู้ร้ายจนศิษยานุศิษย์ถามว่าอย่างนี้ไม่บาปหรือ ซึ่งหลวงพ่อคูณมักตอบว่า “ใครขอกูก็ให้ ไม่เลือกยากดีมีจน กูจะไปรู้หรือว่ามันเป็นใคร ถ้ามันเป็นโจร เมื่อมันได้รับประโยชน์จากของที่กูแจก มันคงคิดได้ว่าเป็นเพราะพระศาสนา มันจะได้เข้ามาสนใจปฏิบัติธรรม”

    เหรียญหลวงพ่อคูณ แต่ละรุ่นเป็นที่นิยมของนักสะสม และเป็นที่ต้องการของลูกศิษย์เป็นอย่างมาก หลายรุ่นมีราคาแพงมาก โดยเฉพาะเหรียญหลวงพ่อคูณรุ่นแรก แต่การเช่าหาพระหลวงพ่อคูณต้องระมัดระวังในกรณีที่พระราคาสูง ส่วนเครื่องรางของขลังที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปถึงต่างประเทศ คือ “ตะกรุดทองคำ” ซึ่งเป็นตะกรุดทองคำฝังแขน มีข้อห้าม 2 ข้อ คือ 1.ห้ามด่าแม่ 2.ห้ามผิดลูกเมียผู้อื่น

    หลวงพ่อคูณ เคยสั่งว่า เมื่อมีวัตถุมงคลของหลวงพ่อติดตัวให้ภาวนา “พุทโธ” ทำจิตให้เป็นสมาธิแน่วแน่ ละเว้นถ้อยคำด่าทอ ด่าพ่อแม่ตน และพ่อแม่บุคคลอื่น และอย่าผิดสามี หรือภรรยาผู้อื่น ให้สวดมนต์ก่อนเข้านอนทุกคืน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด และยังย้ำว่า “ถ้ามีใจอยู่กับพุทโธ ให้เป็นกลางๆ ไม่สอดส่ายไปที่ไหน นั่นหมายความว่า ใจเป็นสมาธิ จะช่วยปกป้องคุ้มครองเราได้ดียิ่ง ยิ่งกว่ามีวัตถุมงคลใดๆ ในโลก”

    เวลานั่งสมาธิหายใจเข้า ให้บริกรรมว่า “ตาย” หายใจออก ให้บริกรรมว่า “แน่” เป็น ตายแน่…ตายแน่…ตายแน่ไปเรื่อยๆ จะรู้สึกสบาย จิตสงบ ซึ่งคำสอนนี้น่าจะเป็นเพราะหลวงพ่อคง พุทธสโร เคยสอนให้ใช้หมวดอนุสติโดยดึงเอาวิธีกำหนดความตายเป็นอารมณ์ เรียกว่า “มรณัสสติ” เพื่อให้เกิดความรู้เท่าทัน ไม่หลงในในอารมณ์ รูป รส กลิ่น เสียง ไม่ประมาทในความโลภ ความโกรธ และความหลง กำหนดลมหายใจเข้าออกทำจิตให้เกิด สัมมาสมาธิ เรียกว่า “อานาปานสติ”

    นอกจากวัตถุมงคลแล้ว หลวงพ่อคูณ ยังมีเอกลักษณ์ประจำตัว คือ ท่านั่งยอง ซึ่งหลวงพ่อคูณให้เหตุผลว่า เป็นท่าที่สบายที่สุด อีกทั้งเป็นลักษณะของคนเตรียมพร้อมที่ลุกเดินไปไหนมาไหนได้ทันที จะหยิบจับอะไรก็ง่าย และสะดวกในการทำงาน

    หลวงพ่อคูณ มักถูกมองว่าเป็นพระที่เก่งกล้าอาคม แต่หากได้พบ และได้สนทนาธรรม จะทราบทันทีว่า คือ “ปราชญ์แห่งที่ราบสูง” สนทนาธรรมแบบไปตรงมา พูดจา “มึง-กู” แต่แท้จริงหลวงพ่อคูณ เป็นพระที่เป็นพระจริงๆ คือ มีจิตเมตตาเป็นที่ตั้ง แม้ในยามที่วัดบ้านไร่มีปัญหา หรือมีความขัดแย้งระหว่างลูกศิษย์ หลวงพ่อคูณ ตัดสินใจเดินจากวัดบ้านไร่ไปอย่างเงียบๆ พร้อมปรัญชาที่ว่า “เป็นธรรมดา เปรียบเสมือนต้นไม้หากมีลูกไม้ ย่อมจะเป็นที่จิกกินของสัตว์ หรือนก แม้ กระทั่งคนหากแม้นเมื่อหมดลูกหมดผล ก็หมดการแก่งแย่ง แต่อีกไม่นานต้นไม้นั้นก็จะออกลูกออกผลมาให้ เป็นเช่นนี้เรื่อยไป”

    ไม่เคยมีใครเคยเห็นหลวงพ่อคูณ กราดเกรี้ยว หรือทุกขเวทนาต่อเหตุการณ์ร้ายๆ ที่เกิดขึ้นภายในวัด ทั้งที่วัดมีรายได้มากมายจากประชาชนที่ศรัทธาในบารมีของหลวงพ่อคูณ แสดงให้เห็นว่ามีจิตที่แจ่มใส หมดสิ้นแล้วซึ่งกิเลส เป็นที่พึ่งทางธรรมอย่างแท้จริง

    หลวงพ่อคูณ ถูกนิมนต์ไปทั่วประเทศ ทั้งทางรถ ทางเรือ เฮลิคอปเตอร์ เพื่อความสะดวกรวดเร็ว อาคาร ห้างร้าน จึงเต็มไปด้วยสารพัดเหรียญหลวงพ่อ รูปหลวงพ่อนั่งยองๆ สูบยา สร้างความความมั่งคั่งร่ำรวยให้แก่ผู้ขอนุญาตสร้างเหรียญออกสู่ตลาด เงินสะพัดจนธนาคารส่งพนักงานมาบริการให้ถึงที่วัด

    ทานบารมีของหลวงพ่อคูณ ปรากฏชัดเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2535 พร้อมกับเรื่องเลาขานที่กลายเป็นตำนานของหลวงพ่อ เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงยกช่อฟ้าอุโบสถ เททองหล่อพระประธานวัดบ้านไร่ มีเรื่องเล่าขานกันว่า ก่อนถึงเสด็จฯ ข้าราชการหลายคนเข้ามาแนะนำการใช้คำราชาศัพย์ง่ายๆ ให้หลวงพ่อคูณ พร้อมกำชับว่าให้ระมัดระวังภาษาที่หลวงพ่อใช้อยู่ประจำ เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ และจนพิธีแล้ว ได้เสด็จฯ โดยมีหลวงพ่อคูณ และผู้ว่าราชการจังหวัด เดินตามมา หลวงพ่อคูณดูมีท่าทางอึดอัดจนผิดปกติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงตรัสถามก็มีแต่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่คอยถวายคำอธิบายอยู่เช่นนั้น จนพระองค์ตรัสถามว่า “ทำไมหลวงพ่อไม่พูดกับหนูล่ะคะ” คำตอบสั้นๆ ของหลวงพ่อคูณ ที่ทำให้ข้าราชการแทบจะเป็นลมล้มลงกับพื้น คือ “ก็ไอ้นี่มันไม่ให้กูพูดกับมึง” พร้อมชี้นิ้วไปที่ที่นายอำเภอด่านขุนทด

    และเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2538 เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ มายังวัดบ้านไร่ เพื่อทรงประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่บุษบกเหนือพระอุโบสถวัดบ้านไร่ ครั้งนี้มีการจัดสร้างพระยอดธงรุ่นแรก หรือรุ่นทูลเกล้าฯ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบว่า ชาวด่านขุนทด มีปัญหาขาดแคลนน้ำทุกปีในช่วงหน้าแล้ง จึงมีพระราชดำริ และพระราชทานเงินให้กรมชลประทาน จัดทำโครงการพัฒนาลำน้ำสาขาห้วยสามบาท อันเนื่องมาจากโครงการพระราชดำริ ซึ่งหลวงพ่อคูณคูณ ได้ทูลเกล้าฯ ถวายเงิน 72 ล้านบาทโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย

    หลวงพ่อคูณ กล่าวต่อศิษยานุศิษย์ว่า “กูรู้สึกดีใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ บุญทานอื่นทำมามาก แต่ทำบุญกับพระเจ้าอยู่หัว ยังไม่ได้ทำ ภูมิใจมหาศาล เงินที่ลูกหลานบริจาคทีละเล็กละน้อยสะสมรวมไว้เพื่อทูลเกล้าฯ ถวาย พี่น้องจะได้รับอานิสงส์ด้วย พี่น้องรู้ว่าทูลเกล้าฯ ถวายพระเจ้าอยู่หัว ก็ดีใจมาก ชาวต่างประเทศก็มากันมาก จีนก็มา เกาหลีก็มา อินเดียก็มา ทำแล้วแต่กำลัง คนละสิบบาท ยี่สิบบาท มากันทุกวัน ยิ่งถ้ามาช่วยกันแล้วก็ไม่ได้มาหาสิ่งตอบแทนอะไร เขามาด้วยศรัทธากันจริงๆ”

    มีเรื่องเล่าว่า ก่อนหน้าที่จะมีงานใหญ่ ลูกศิษย์ต่างเป็นห่วงกลัวว่าหลวงพ่อคูณจะพูดราชาศัพท์ไม่ได้ ซึ่งหลวงพ่อบอกว่า “จะไปยากอะไร ก็พูดว่าขอถวายพระพรมหาบพิตร หรือไม่ก็ถวายพระพรคุณโยม ท่านสบายดีหรือ ท่านคงจะไม่ถือ เพราะท่านเป็นจอมปราชญ์ พูดอย่างไรกับท่าน ท่านก็ย่อมรู้ดี”

    ลูกศิษย์เลยถามหลวงพ่อว่า “ในหลวง” ทรงตรัสอะไรกับหลวงพ่อบ้าง หลวงพ่อคูณตอบมาว่า “มึงรู้ไหม มือพระองค์เป็นมือคนทำงานอย่างก๊ะชาวไร่ชาวนา แข็งกระด้างมากๆ”

    เมื่อถูกถามอีกว่า หลวงพ่อใช้คำเรียกพระองค์ว่าอะไร หลวงพ่อก็ตอบว่า พระองค์ตรัสประโยคแรกว่า “หลวงพ่อครับ พูดตามปกตินะครับ ผมเป็นคนไทย”

    ล่วงเข้าวันที่ 4 ตุลาคม 2550 คณะศิษยานุศิษย์จัดสร้าง “พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ” เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแห่งความศรัทธา และบารมีทานอันยิ่งใหญ่ของหลวงพ่อ เนื่องในโอกาสอายุครบ 86 ปี การก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยเมื่อปี 2552 และเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2552 เวลา 14.45 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ทรงเป็นประธานเปิดพิพิธภัณฑ์หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ

    ล่าสุด วันที่ 4 ตุลาคม 2556 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานผ้าไตร น้ำสรง และพุ่มดอกบัวถวายแด่หลวงพ่อคูณพระเทพ เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 90 ปี และวันที่ 3 ตุลาคม 2557 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานน้ำสรง และกระเช้าดอกไม้สด แด่หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 91 ปี

    ซึ่งทั้ง 2 โอกาสอันเป็นมงคลนี้ หลวงพ่อคูณ อาพาธหนัก เข้า-ออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น แต่ก็ยังมีศิษยานุศิษย์ไปกราบนมัสการกันไม่เว้นวัน จนวันสุดท้ายที่โรงพยาบาลทหาราชนครราชสีมา

    หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญ ที่ พระญาณวิทยาคมเถร วันที่ 12 สิงหาคม 2535 พระราชาคณะชั้นราชฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ พระราชวิทยาคม อุดมกิจจานุกิจจาทร มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี วันที่ 10 มิถุนายน 2539 เป็นพระราชาคณะชั้นเทพฝ่ายวิปัสสนาธุระที่ พระเทพวิทยาคม อุดมธรรมสุนทร ปสาทกรวรกิจ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี วันที่ 12 สิงหาคม 2547

    “กูให้มึง...” คือ คำคมที่หลวงพ่อคูณ หรือเทพเจ้าแห่งที่ราบสูง มักชอบบอกกับลูกหลานที่มาขอพึ่งใบบุญ แต่ยังมีคำสอนทิ้งไว้ให้ลูกหลานอีกมากมาย เช่น

    “ยิ่งเอามันยิ่งอด ยิ่งสละให้หมดมันยิ่งได้”

    “กูไม่เคยยินดียินร้ายในลาภยศสรรเสริญ”

    “กูดีใจที่เกิดมาเป็นคนจน เพราะได้สร้างทานบารมี ถ้ากูเกิดมาเป็นคนรวยป่านนี้คำว่าบุญก็ไม่รู้จักกัน”

    “เงินเป็นทาสกู กูไม่ยอมเป็นทาสเงิน”

    “เกิดมาแล้ว...รักความสงบ ให้มีศีลธรรมไว้ประจำใจทุกๆ คน โลกจะได้อยู่ชุ่มกินเย็น”

    “คนเรา เมื่อมีเมตตาให้กับผู้อื่น ผู้อื่นเขาก็จะ ห้ความเมตตาตอบสนองต่อเรา ถ้าเราโกรธเขา เขาก็จะโกรธเราตอบเช่นกัน ความเมตตานี่แหละ คือ อาวุธ ที่จะปกป้องตัวเราเอง ห้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง เป็นอาวุธที่ใครๆ จะนำเอาไปใช้ก็ได้ จัดว่าเป็นของดีนักแล”

    คิดได้ ปฏิบัติได้หรือไม่ คงเป็นเรื่องของแต่ละคน!!!

     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    กษัตริย์จอร์แดน ย้ำ จะไม่เข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีเยเมนภาคพื้นดินเป็นอันขาด
    ตะวันออกกลางเกาะติดสถานการณ์เยเมนby เอบีนิวส์ทูเดย์ - พ.ค. 16, 2015

    [​IMG]

    กษัตริย์จอร์แดน ขณะเดินทางเยือนเยอรมนี เผยว่า ทหารของจอร์แดนจะไม่เข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีเยเมนภาคพื้นดินเป็นอันขาด

    เพรสทีวี – กษัตริย์ อับดุลลอฮ์ ที่สอง แห่งจอร์แดน ประกาศว่า ไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถบีบบังคับทหารจอร์แดนให้เข้าปฏิบัติการโจมตีเยเมนทางอากาศได้

    แหล่งข่าว เยเมนเพรส รายงานว่า กษัตริย์ อับดุลลอฮ์ ที่สอง แห่งจอร์แดน หลังจากพบปะกับ อังเกล่า แมร์เคิ่ล ผู้นำแห่งเยอรมนี ก็ได้กล่าวย้ำว่า จอร์แดนเป็นประเทศอาหรับชาติเดียวที่เข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตรในการโจมตีกลุ่มก่อการร้ายไอซิสในอิรักทางอากาศ

    เขาย้ำว่า การตัดสินใจโจมตีกลุ่มไอซิสในอิรักทางอากาศ หรือการยุติการโจมตีนั้น ขึ้นอยู่กับสถานะและการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายในอิรัก

    กษัตริย์จอร์แดน ย้ำ จะไม่เข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีเยเมนภาคพื้นดินเป็นอันขาด | abnewstoday
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    องค์กรสิทธิมนุษยชนเผย ยอดผู้เสียชีวิตเหตุซาอุโจมตีเยเมน ล่าสุดมีจำนวน 3,794 คน ตะวันออกกลางเกาะติดสถานการณ์เยเมนby เอบีนิวส์ทูเดย์ - พ.ค. 16, 2015

    [​IMG]

    presstv – องค์กรสิทธิมนุษยชนในเยเมนเผย นับตั้งแต่แรกที่ซาอุดิอาระเบียได้บุกโจมตีเยเมนทางอากาศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วจำนวน 3,794 คน

    ตามสถิติและยอดล่าสุดที่ทางองค์กรสิทธิมนุษยชนในเยเมน รายงานนั้น ในบรรดาผู้เสียชีวิต มีเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 15 ปี จำนวน 571 คน และสตรี จำนวน 249 คน

    นอกจากนั้น มีผู้บาดเจ็บอีกจำนวน 6,887 คน ในจำนวนนี้เป็นสตรีจำนวน 1,106 คน และ เด็กๆ อีกจำนวน 775 คน

    ตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา อาคารบ้านเรือนและที่อยู่อาศัย ตกเป้าโจมตีทางการอากาศของซาอุดิอาระเบียและพันธมิตร จำนวน 7,021 ครั้ง

    ในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา จากการที่เยเมนถูกโจมตีทางอากาศโดยซาอุดอาระเบียและพันธมิตรนั้น โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ เช่น โรงงาน สถานีบริการน้ำมัน รถไฟ สนามบิน อาคารสาธารณะ ที่อยู่อาศัยสถานีอนามัย โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย มัสยิด อาคารสำนักงานของรัฐ และเอกชน ถูกโจมตีมาแล้ว จำนวน 913 ครั้ง

    องค์กรสิทธิมนุษยชนเผย ยอดผู้เสียชีวิตเหตุซาอุโจมตีเยเมน ล่าสุดมีจำนวน 3,794 คน | abnewstoday
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จรวดส่ง “ดาวเทียมเม็กซิโก” ของรัสเซียร่วงในไซบีเรีย
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 พฤษภาคม 2558 16:45 น.

    [​IMG]

    รอยเตอร์ – จรวดนำส่งรุ่นโปรตอน-เอ็ม (Proton-M) ที่บรรทุกดาวเทียมดวงหนึ่งของเม็กซิโกเกิดทำงานผิดปกติและตกลงในไซบีเรียไม่นานหลังจากการปล่อยตัวในวันนี้ (16) ซึ่งถือเป็นเคราะห์ร้ายครั้งล่าสุดในหลายๆ ครั้งสำหรับอุตสาหกรรมอวกาศรัสเซีย

    ช่วงระยะที่สามของจรวดลำนี้ที่บรรทุกดาวเทียมสื่อสาร MexSat-1 ประสบกับปัญหาหลังจากที่ถูกปล่อยจากฐานปล่อยจรวด “ไบโคนูร์ คอสโมโดรม” ในคาซัคสถานราว 500 วินาที สื่อแดนหมีขาวรายงานโดยอ่างจากคำพูดของเจ้าหน้าที่อวกาศรัสเซีย

    ในขณะนี้ยังไม่มีการพิสูจน์หาสาเหตุของอุบัติเหตุครั้งนี้ ซึ่งทำให้ดาวเทียมดวงดังกล่าวไม่ถูกนำขึ้นสู่วงโคจร สำนักข่าว RIA รายงานโดยอ้างจากคำพูดของเจ้าหน้าที่อวกาศรายหนึ่งว่า ในตอนนี้การปล่อยจรวดนำส่งทั้งหมดจะถูกระงับชั่วคราว

    ในตอนที่มันตกลงมายังแคว้นชีตาของไซบีเรีย ช่วงระยะสุดท้ายของจรวดโปรตอนอาจยังมีเฮปทิล ซึ่งเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงขับเคลื่อนจรวดที่เป็นพิษสูง หลงเหลืออยู่ประมาณ 2-3 ตัน รายงานระบุโดยอ้างจากคำพูดของเจ้าหน้าที่อวกาศรายหนึ่ง

    จรวดขับดันหนักโปรตอนของรัสเซีย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันภายใต้รหัส UR-500 ได้ถูกจัดทดสอบบินครั้งแรกในช่วงกลางทศวรรษ 1960

    เดิมทีมันถูกออกแบบมาเพื่อเป็นขีปนาวุธพิสัยไกลข้ามทวีปที่จะบรรทุกหัวรบนิวเคลียร์ ซึ่งพุ่งเป้าที่ปฏิปักษ์ช่วงสงครามเย็นของสหภาพโซเวียตอย่างสหรัฐฯ แต่มันกลับไม่เคยถูกใช้เป็นอาวุธนิวเคลียร์เลย

    อุตสาหกรรมอวกาศของแดนหมีขาว ซึ่งบุกเบิกการสำรวจอวกาศด้วยการปล่อยดาวเทียมดวงแรกและนำมนุษย์คนแรกขึ้นสู่อวกาศ ได้ถูกตามหลอกหลอนจากอุบัติเหตุครั้งต่างๆ ที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับชื่อเสียงของตน

    ในช่วงปลายเดือนเมษายน รัสเซียได้ล้มเลิกภารกิจส่งเสบียงให้กับสถานีอวกาศนานาชาติ (ไอเอสเอส) ซึ่งมีมูลค่าถึง 2,600 ล้านรูเบิล หลังจากที่ยานขนส่ง "โปรเกรส M-27 M" ประเภทไร้มนุษย์ควบคุมที่บรรทุกเสบียงเกือบ 3 ตันไม่สามารถทำการลงจอดบนไอเอสได้ด้วยปัญหาหลายๆ ประการ

    ในเดือนกรกฎาคมปี 2013 จรวดนำส่งโปรตอนลำหนึ่งที่บรรทุกดาวเทียมนำร่อง 3 ดวงมูลค่าสูงถึง 200 ล้านดอลลาร์ เกิดร่วงตกไม่นานหลังจากที่ถูกปล่อยจากฐานปล่อยจรวด “ไบโคนูร์ คอสโมโดรม” ของรัสเซีย

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000055824
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Weekend Focus : เคราะห์ซ้ำกรรมซัด! เนปาลเจอแผ่นดินไหว 7.3 ถล่มรอบสอง เจ็บ-ตายอีกอื้อ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 พฤษภาคม 2558 06:27 น.

    [​IMG]

    จริงอยู่ที่เคยมีหลายต่อหลายท่านกล่าวเอาไว้ว่า ภัยพิบัติทางธรรมชาติโดยเฉพาะภัยที่เกิดจากแผ่นดินไหวนั้นเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน และไม่อาจคาดการณ์ได้ล่วงหน้า แต่ถึงกระนั้นข่าวการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหม่ถอดด้ามล่าสุดที่ประเทศเนปาล ซึ่งสามารถวัดความรุนแรงได้ถึงระดับ 7.3 ตามมาตราแมกนิจูด ถือเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดและช็อกความรู้สึกนึกคิดของผู้คนทั่วโลกอย่างยิ่งยวด และไม่แปลกหากดินแดนแห่งเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้จะถูกมองไม่ต่างจากการต้องเผชิญกับ “เคราะห์ซ้ำกรรมซัด”

    การเกิดแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงถึงระดับ 7.3 ถล่มเนปาลซ้ำสองในวันอังคาร (12 พ.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งติดตามมาด้วยการเกิดแรงสั่นสะเทือนหลังแผ่นดินไหวหรือ “อาฟเตอร์ช็อก” ที่มีความรุนแรงตามมาอีกหลายระลอก ยังไม่นับรวมถึงการเกิดดินถล่มในหลายพื้นที่ ถือเป็น “ข่าวร้าย” ที่เข้ามาซ้ำเติมหัวจิตหัวใจอันบอบช้ำของชาวเนปาลให้ยิ่งต้องยิ่งช้ำชอกระทมทุกข์มากยิ่งขึ้นไปอีก

    ก่อนหน้านี้ไม่ถึง 3 สัปดาห์ชาวเนปาลเพิ่งเผชิญบาดแผลจากเหตุธรณีพิโรธระดับ 7.8 ซึ่งเกิดขึ้นในวันที่ 25 เมษายน และถือเป็นเหตุแผ่นดินไหวที่มีความรุนแรงที่สุดในรอบ 81 ปีที่ส่งผลให้มีผู้คนเสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 8,150 คน

    รายงานข่าวระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งใหม่ซึ่งวัดแรงสั่นสะเทือนได้ที่ระดับ 7.3 ตามมาตราแมกนิจูดนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.35 น.วันอังคาร (12) ตามเวลาท้องถิ่นของเนปาล ตรงกับเวลาประมาณ 13.50 น.ตามเวลาในไทย โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองนัมเช บาซาร์ ไม่ไกลจากเทือกเขาเอเวอเรสต์ซึ่งสูงที่สุดในโลก รวมถึงพรมแดนทิเบต และอยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปราว 76 กิโลเมตร ในระดับความลึกลงไปใต้ดินราว 18.5 กิโลเมตร ตามการรายงานของสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติของสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส)

    ท้องที่ต่างๆ ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองหลวงอย่างกรุงกาฐมาณฑุ ถือเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากความเกรี้ยวกราดของแผ่นดินไหวครั้งใหม่นี้รุนแรงที่สุด อีกทั้งสร้างความหวาดผวาให้แก่ประเทศที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาหิมาลัยแห่งนี้ ที่ยังไม่ทันฟื้นตัวจากแผ่นดินไหวใหญ่คราวก่อนหน้าที่ทำให้หมู่บ้านหลายแห่งพังราบในชั่วพริบตา เช่นเดียวกับผู้คนอีกเรือนแสนในเนปาล ที่มีอันต้องกลายสภาพเป็น “คนไร้บ้าน” เพียงชั่วข้ามคืน

    จนถึงตอนนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหม่ในเนปาลอยู่ที่อย่างน้อย 83 ราย แต่ตัวเลขเหยื่อยังมีแนวโน้มพุ่งไม่หยุด ขณะที่ยอดผู้ได้รับบาดเจ็บได้ขยับทะลุ 2,000 คนภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ท่ามกลางรายงานข่าวที่ระบุว่าภัยพิบัติธรณีพิโรธครั้งใหม่ในเนปาลนี้ได้สร้างแรงสั่นสะเทือน ซึ่งสามารถรับรู้ได้ไกลถึงอีก 4 ประเทศ คือ อินเดีย บังกลาเทศ อัฟกานิสถาน รวมถึงเขตปกครองทิเบตของสาธารณรัฐประชาชนจีน

    บรรดาทีมกู้ภัยต่างใช้ความพยายามอย่างเร่งรีบเมื่อวันพุธ (13 พ.ค.) เพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตจากแผ่นดินไหวครั้งใหม่ในเนปาลที่ทำให้เกิดดินถล่มรุนแรงในหลายบริเวณ รวมทั้งส่งผลให้อาคารขนาดใหญ่ๆ พังทลายลงมา

    แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดนี้ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิต ซึ่งเมื่อนำไปรวมยอดกับเหยื่อจากแผ่นดินไหวใหญ่ครั้งก่อนแล้วมีจำนวนมากกว่า 8,200 ราย ขณะที่ทั่วทั้งเนปาลยังคงต้องการที่พักพิง อาหาร น้ำสะอาด ยารักษาโรค และสิ่งของบรรเทาทุกข์อื่นๆที่จำเป็น

    องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ออกคำแถลงที่มีเนื้อหาระบุว่า หน่วยงานของตนกำลังเผชิญกับ “ความท้าทายอันมโหฬาร” ในการนำสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปให้ถึงมือเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายจำนวนมาก ซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณที่ถูกตัดขาดจากโลกภายนอกและเข้าถึงได้ด้วยการเดินเท้าหรือใช้เฮลิคอปเตอร์เท่านั้น นอกจากนั้น การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมนี้ยังต้องเร่งดำเนินการแข่งกับเวลา คือจะต้องลุล่วงก่อนที่ “ฤดูมรสุม” ในเนปาลจะมาเยี่ยมเยือน

    เจมี แม็กโกลดริค ผู้ประสานงานของยูเอ็นประจำเนปาลระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งใหม่ ส่งผลทำให้สถานการณ์ที่ย่ำแย่เลวร้ายอยู่แล้วในเนปาลยิ่งทรุดหนักลงไปอีก พร้อมกับเรียกร้องให้นานาชาติเร่งให้การสนับสนุนด้านเงินทุนสำหรับใช้จ่ายในการจัดหาความช่วยเหลือจำเป็นเร่งด่วน

    ดังนั้น คงไม่ผิดนักหากจะสรุปว่าสิ่งที่เกิดขึ้นล่าสุดในเนปาลไม่ต่างจากการถูกเคราะห์ซ้ำกรรมซัด และเป็นเรื่องที่ต้องติดตามช่วยเหลือกันต่อไปอย่างขนานใหญ่ด้วยความเอาใจใส่ ถึงแม้จะมีนักวิชาการอย่างเช่น คาร์เมน โซลานา ผู้เชี่ยวชาญด้านภูเขาไฟวิทยาจากมหาวิทยาลัยพอร์ตสมัธในอังกฤษ ที่ออกมาให้คำอธิบายในทำนองที่ว่า แผ่นดินไหวระดับ 7.3 เมื่อวันอังคารที่เนปาล เป็นเพียงแค่ “ปฏิกิริยาลูกโซ่” ตามหลักวิทยาศาสตร์ ที่เกิดตามมาหลังจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ระดับ 7.8 เมื่อปลายเดือนเมษายนเท่านั้นเอง

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000054828
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    หุ้นสหรัฐฯคงที่-น้ำมันลง3วันติดจากข้อมูลศก.สหรัฐฯ ทองคำปิดแคบ
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 พฤษภาคม 2558 05:15 น.

    [​IMG]

    รอยเตอร์ - วอลล์สตรีททรงตัวเมื่อวันศุกร์(15พ.ค.) แต่เอสแอนด์พี 500 ทุบสถิติสูงสุดตลอดกาลอีกครั้ง ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่ไม่น่าประทับใจนัก อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวฉุดให้น้ำมันขยับลง 3 วันติด ส่วนทองคำปิดบวกเล็กน้อยจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง

    ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 20.32 จุด (0.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,272.56 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 1.63 จุด (0.08 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,122.73 จุด แนสแดค ลดลง 2.51 จุด (0.05 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 5,048.29 จุด

    เอสแอนด์พี 500 ปิดบวกร้อยละ 0.08 ต่อเนื่องจากวันพฤหัสบดี(14พ.ค.) ที่พุ่งขึ้นร้อยละ 1.08 อย่างไรก็ตามด้วยข้อมูลผลผลิตอุตสาหกรรมและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอในวันศุกร์(15พ.ค.) กัดเซาะความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ดัชนีหลักอื่นๆแกว่งตัวในแดนลบตลอดทั้งวัน

    ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐฯ ชาติผู้บริโภครายใหญ่ ส่งผลให้ราคาน้ำมันตลาดนิวยอร์กขยับลง 3 วันติดในวันศุกร์(15พ.ค.) เนื่องจากมันก่อความกังวลต่อภาวะอุปทานล้นตลาด

    น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 19 เซนต์ ปิดที่ 59.69 ดอลลาร์ ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้น 11 เซนต์ ปิดที่ 66.59 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ทิม อีแวนส์ นักวิเคราะห์จากซิตี ฟิวเจอร์ส บอกว่ามีการขายทำกำไรในช่วงปลายสัปดาห์อย่างกว้างขวาง ขณะที่ตลาดเปลี่ยนเป้าหมายไปจับตาอุปทานโลกในช่วงไตรมาสสอง ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่ายังล้นตลาดอยู่ พร้อมชี้ว่าข้อมูลทางเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังของสหรัฐฯ มีสิทธ์กัดเซาะแนวโน้มอุปสงค์ภายในชาติผู้บริโภครายใหญ่ของโลกแห่งนี้

    ด้านราคาทองคำเมื่อวันศุกร์(15พ.ค.) ปิดในกรอบแคบๆ และยังทรงตัวใกล้ๆระดับสูงสุดในรอบ 3 เดือน หลังดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 10 เซสนต์ ปิดที่ 1,225.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000055656
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จากการที่สหประชาชาติ "แสดงความตกใจต่อนโยบายของทางการไทย มาเลเซียและอินโนเซีย ที่จะผลักดันเรือผู้อพยพกลับออกไป "สิ่งที่ควรให้ความมสำคัญคือปกป้องชีวิต ไม่ใช่ทำให้พวกเขาต้องอยู่ในอันตรายกว่าเดิม" โฆษกข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งยูเอ็นกล่าว" ผมว่าองค์กรนี้สุดจะแย่ ทำไมไม่ไปแก้ไขปัญหาที่ประเทศพม่าบ้านเกิดเขา แต่กลับทำเป็นไม่รู้ ไม่รับทราบปัญหาอะไรเลย ทำเป็นแกล้งไม่รู้เรื่อง เอาแต่ปัญหามนุษยธรรมมาอ้าง พวกเขาต้องการให้รับประชากรโรฮิญญาล้านกว่าคนที่พม่ามาเป็นพลเมืองไทยหมดเลยหรือ สหรัฐมีเรือรบลำเบ้อเร่อ ไปรับคนล้านกว่าแค่ไม่กี่ครั้งก็รับได้หมด แล้วพาพวกเขาไปอยู่ที่อเมริกา แล้วก็พิมพ์เงินมาดูแลพวกเขาบ้างสิ

    อินโดฯช่วยผู้อพยพ 700 คน หลังเรือจมนอกชายฝั่ง UNโวยไทยขับไสพ้นน่านน้ำของปท. โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 15 พฤษภาคม 2558 22:19 น. (แก้ไขล่าสุด 15 พฤษภาคม 2558 23:52 น.)

    [​IMG]


    บีบีซี/เอเอฟพี - สื่อต่างชาติรายงานผู้อพยพจากบังกลาเทศและพม่ามากกว่า 700 คนได้รับความช่วยเหลือจากเรือลำหนึ่งที่กำลังจมนอกชายฝั่งของอินโดนีเซียในวันศุกร์(15พ.ค.) แต่เรืออีกลำถูกกองทัพเรือแดนอิเหนาผลักดันกลับ ส่วนสหประชาชาติตำหนิไทยที่ผลักดันเรือผู้อพยพออกจากน่านน้ำ ขณะที่ความพยายามแก้ปัญหาส่อแววยุ่งยาก หลังพม่าบ่งชี้ไม่ร่วมประชุมที่ไทยเป็นเจ้าภาพ

    บีบีซีรายงานเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่องค์กรสิทธิมนุษยชน "ฮิวแมนไรท์วอชต์" เตือนว่าการโยนความรับผิดชอบกันไปมาในทะเลอันดามัน กำลังทำให้ชีวิตผู้อพยพหลายพันคนที่ล่องลอยอยู่กลางทะเลตกอยู่ในอันตราย

    ชาวมุสลิมโรฮีนจา ต้องหลบหนีออกจากประเทศพม่า เนื่องจากพวกเขาไม่ได้รับการรับรองในฐานะพลเมืองของประเทศและเจอการตามประหัตประหารอย่างไม่หยุดย่อน ส่วนชาวบังกลาเทศที่อยู่กลางทะเลนั้น ลงเรือมาเพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีกว่านอกประเทศบ้านเกิดเมืองนอน

    สื่อชื่อดังของอังกฤษระบุว่าในทุกๆปีพวกเขาจะพยายามหลบหนีนอกฤดูกาลมรสุม แต่พวกลักลอบค้ามนุษย์ที่ลอบพาพวกเขาขึ้นฝั่งประเทศไทยหวาดผวาต่อการปราบปรามอย่างจริงจังของเจ้าหน้าที่รัฐเมื่อเร็วๆนี้ และตัดสินใจทิ้งผู้อพยพเหล่านั้นไว้กลางทะเลแทน

    ผู้บัญชาการตำรวจในจังหวัดอาเจะห์ของอินโดนีเซียบอกกับเอเอฟพี เชื่อว่าเรือที่ได้รับความช่วยเหลือนั้น ถูกผลักดันออกมาจากน่านน้ำมาเลเซียโดยกองทัพเรือแดนเสือเหลือง เขาบอกต่อว่าเรือลำดังกล่าวกำลังจมและถูกลากขึ้นฝั่งโดยชาวประมง ขณะที่เจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์เผยว่ามีอพยพ 8 คนบนเรือลำดังกล่าวมีป่วยหนักอาการสาหัส

    นอกเหนือจากเรือทั้งสองลำข้างต้นแล้ว ชะตากรรมของผู้อพยพบนเรืออีกลำที่ตกค้างนอกชายฝั่งไทยก็ยังไม่ชัดเจน หลังถูกลากออกจากน่านน้ำของประเทศ

    ในเรื่องนี้ สหประชาชาติในวันศุกร์(15พ.ค.) แสดงความตกใจต่อนโยบายของทางการไทย มาเลเซียและอินโนเซีย ที่จะผลักดันเรือผู้อพยพกลับออกไป "สิ่งที่ควรให้ความมสำคัญคือปกป้องชีวิต ไม่ใช่ทำให้พวกเขาต้องอยู่ในอันตรายกว่าเดิม" โฆษกข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งยูเอ็นกล่าว

    โฆษกรายนี้ยังตำหนิการตัดสินใจของกองทัพเรือไทยที่ผลักดันเรือที่บรรทุกชาวมุสลิมโรฮีนจากว่า 300 คน ที่ลอยลำอยู่ใกล้เกาะหลีเป๊ะ ออกนอกน่านน้ำของไทยในค่ำคืนวันพฤหัสบดี(14พ.ค.) ว่า "ไม่สามารถเข้าใจได้" และ "ขาดมนุษยธรรม" แม้เจ้าหน้าที่ไทยอ้างว่าผู้อพยพเหลานั้นไม่ต้องการขึ้นฝั่งและหวังเดินทางต่อไปยังมาเลเซีย

    นายโจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวบีบีซีที่เดินทางไปยังเรือลำนี้เมื่อวันพฤหัสบดี(14พ.ค.) รายงานผู้อพยพเหล่านั้นเผยว่ามีกลุ่มชายในเครื่องแบบและติดอาวุธขึ้นไปบนเรือ ช่วยซ่อมเครื่องยนต์ที่ได้รับความเสียหาย มอบอาหารและพาเรือมุ่งหน้าไปทางใต้ นอกจากนี้ยังพบเห็นเฮลิคอปเตอร์นำอาหารมาหย่อนลงน้ำใกล้ๆเรือและเหล่าผู้อพยพก็ว่ายมาเอา

    อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานนี้บอกว่าหลังต้องล่องลอยอยู่กลางทะเลมาเกือบ 3 เดือน พบว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อยๆ 10 คน ส่วนคนอื่นๆต้องดื่มปัสสาวะประทังชีวิต และบางส่วนดูเหมือว่าจำเป็นต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์

    ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีเรือที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนกี่ลำที่ยังลอยลำอยู่กลางทะเล แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนคาดหมายว่าน่าจะมีผู้อพยพติดค้างหลายพันชีวิตเลยทีเดียว

    ไทยได้แถลงจัดประชุมฉุกเฉินระดับภูมิภาคในวันที่ 29 พฤษภาคม แต่ความพยายามแก้ไขปัญหาของเหล่าชาติอาเซียนนั้นต้องพบกับอุปสรรค หลังพม่าเปรยอาจจะไม่เข้าร่วมการประชุมที่ไทยเป็นเจ้าภาพครั้งนี้

    ผู้อำนวยการประจำสำนักประธานาธิบดีพม่า นายซอ เท แถลงวันศุกร์ (15 พ.ค.) ว่าพม่าอาจจะไม่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ เนื่องจากรับไม่ได้หากประเทศไทยเชิญพม่าเพียงเพื่อลดแรงกดดันจากปัญหาการค้ามนุษย์ที่ไทยกำลังเผชิญอยู่ เขากล่าวด้วยว่า ต้นตอของปัญหาดังกล่าวคือมีการค้ามนุษย์เพิ่มมากขึ้น และปัญหาเรื่องหลุมศพของผู้อพยพก็ไม่ใช่ปัญหาของพม่า แต่เป็นผลมาจากความอ่อนแอในการป้องกันการค้ามนุษย์และหลักนิติธรรมของไทยเอง

    http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9580000055595
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    “ไพบูลย์” เผย 45 ขรก.ที่ถูกคำสั่ง คสช.ใช้ม.44 พักงานแค่ล็อตแรก ยังมีอีกกล่า 100 นาย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 พฤษภาคม 2558 16:33 น.

    [​IMG]
    @พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา (แฟ้มภาพ)

    รมว.ยุติธรรม เผย 45 ข้าราชการที่ถูกคำสั่ง คสช. พักงานแค่ล็อตแรก ที่ ศอตช.ส่งถึงมือนายกฯ จาก 198 รายชื่อ ที่เหลืออยู่ระหว่างการพิจารณา บางส่วนต้องคัดออกเพราะเกษียณไปแล้ว

    พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะ ประธาน ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ให้สัมภาษณ์ถึง ประกาศคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 16/2558 สั่งย้ายเจ้าหน้าที่รัฐ 45 คนที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบกรณีอาจเกี่ยวข้องการทุจริต ว่า รายชื่อทั้ง 45 รายชื่อ เป็นส่วนหนึ่งของรายชื่อข้าราชการที่อาจเกี่ยวข้องกับการทุจริต ที่ ศอตช. ส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้า คสช. พิจารณาในล็อตแรก ที่มีทั้งสิ้น 198 รายชื่อ แต่ขณะนี้ตัวเลขดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงได้ เพราะจะมีการคัดผู้เกษียณอายุราชการออกไป

    ซึ่งการโยกย้ายข้าราชการในส่วนนี้ ทราบว่าสามารถแบ่งได้เป็นสองกลุ่มคือกลุ่มที่ เจ้ากระทรวงสามารถดำเนินการได้เอง หลังจาก นายกฯส่งรายชื่อไปให้กระทรวงต่างๆ ซึ่งกระทรวงยุติธรรมที่ตนรับผิดชอบได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงดำเนินการโยกย้ายข้าราชการที่มีรายชื่อตามที่ นายกฯส่งมาแล้ว 5 ราย โดยเป็นข้าราชการในระดับที่สามารถดำเนินการได้ภายในกระทรวงเอง และอีกส่วนหนึ่งเป็นส่วนที่กระทรวงไม่สามารถดำเนินการได้เอง ต้องอาศัยอำนาจมาตรา 44 ดำเนินการ ซึ่งส่วนนี้จะมีเพิ่มเติมหรือไม่นั้นตนไม่สามารถตอบได้

    http://manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9580000055768
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เปิดพฤติกรรม 4 ‘ขรก.-บิ๊ก’พันคดี 4.3 พันล. สังเวยคมดาบ“ประยุทธ์”-ไร้ชื่อ 13 คน
    วันจันทร์ ที่ 18 พฤษภาคม 2558 เวลา 07:26 น

    [​IMG]

    ไล่เรียงคน !ย้อนดูพฤติกรรม 4 ขรก.กรมสรรพากร พัวพันคดีคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 4.3 พันล. จาก “มานิตย์ -พายุ-ศุภกิจ-สาธิต” ก่อน สังเวยคมดาบ ม.44 นายกฯประยุทธ์ ชื่อหายปริศนา 13 คน

    ในจำนวนข้าราชการ 24 ราย (จากทั้งสิ้น 45 ราย) ที่ถูก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)มีคำสั่งที่ 16/2558
    “ระงับการปฏิบัติราชการในตําแหน่งเดิมเป็นการชั่วคราวและไปปฏิบัติราชการในตําแหน่งประจําสํานักงานปลัดกระทรวงในกระทรวงที่สังกัดโดยไม่ขาดจากอัตราเงินเดือนทางสังกัดเดิมและให้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐมนตรีเจ้าสังกัดมอบหมาย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีจะมีคําสั่งให้ผู้นั้นไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นของรัฐเป็นการชั่วคราวก็ได้ นายกรัฐมนตรีอาจมีคําสั่งเปลี่ยนแปลงคําสั่งข้อนี้ได้ตามที่เห็นสมควร”

    (อ่านประกอบ:นายกฯใช้ ม.44 เชือดยกลอต"บิ๊กขรก. ล้าง ก.ท่องเที่ยว-นักการเมืองท้องถิ่น 45 ราย )

    มีข้าราชการ กระทรวงการคลัง 6 ราย คือ

    (1) นายสาธิต รังคศิริ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวง
    (2) นายป้อมเพชร วิทยารักษ์ ผู้เชี่ยวชาญประจําภาค 7 (ตำแหน่งเดิม นักวิชาการสรรพากร สำนักงานสรรพากรภาค 4-7 พ.ย.56 )
    (3) นายศุภกิจ ริยะการ หรือชื่อใหม่ (นายสิริพงษ์ รยะการธีโชติ) สรรพากรพื้นที่นราธิวาส จังหวัดนราธิวาส อดีต สรรพาพรพื้นที่ 22 บางรัก กรุงเทพฯ (ถูกไล่ออกจากราชการแล้ว)
    (4) นายพายุ สุขสดเขียว สรรพากรพื้นที่ปัตตานีจังหวัดปัตตานี (อดีตสรรพากรพื้นที่ สมุทรปราการ)
    (5 ) นายมานิตย์ พลรัตน์ สรรพากรอําเภอ สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาเมืองตาก จังหวัดตาก
    (6) นายราฆพ ศรีศุภอรรถ ผู้ตรวจราชการกระทรวง (อดีตอธิบกรมศุลกากร)

    จากการตรวจสอบพบ 4 รายใน 5 ราย เกี่ยวพันกับคดีทุจริตภาษีมูลค่าเพิ่ม 4.3 ล้านของกรมสรรพากรซึ่งตกเป็นข่าวอื้อฉาวในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

    เรียบเรียงข้อมูลได้ดังนี้

    1.นายสาธิต รังคศิริ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวง เคยเป็นอธิบดีกรมสรรพากรในยุคที่เกิดคดีทุจริตคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม และเคยถูกนายศุภกิจ ริยะการ สรรพากรพื้นที่บางรักขณะนั้นอ้างในบันทึกความเห็นซึ่งเป็นหนังสือเวียนภายในว่า

    “ท่านอธิบดีได้แจ้งให้ที่ประชุมคราวตรวจเยี่ยม สท.22 ให้คืนได้ทันทีเมื่อผลการตรวจไม่พบประเด็นความผิด โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ครบ 6 เดือน”

    บันทึกความเห็นฉบับนี้เกิดขึ้นภายหลังจาก นางชนาทิพย์ วีรสืบพงศ์ และคณะผู้ตรวจราชการสำนักมาตรฐานการกำกับและตรวจสอบภาษี เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2556 เพื่อสุ่มตรวจสำนวนการตรวจสอบภาษี รับฟังปัญหา ข้อเสนอแนะและให้คำแนะนำทางการแก้ไขปัญหาในการปฏิบัติงาน นางชนาทิพย์มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ชะลอการคืนภาษีช่วง 6 เดือนภาษีแรกไว้ก่อน แม้ว่าผลการตรวจจะกลับมาก่อนครบ 6 เดือนก็ตาม

    2.นายศุภกิจ ริยะการ หรือชื่อใหม่ (นายสิริพงษ์ รยะการธีโชติ) สรรพากรพื้นที่นราธิวาส จังหวัดนราธิวาส อดีต สรรพาพรพื้นที่ 22 บางรัก กรุงเทพฯ (ถูกไล่ออกจากราชการเมื่อ)ที่เกิดความเสียหาย 2.8 พันล้าน และถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไต่สวนคดีมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ 40 ล้านบาท

    3.นายพายุ สุขสดเขียว สรรพากรพื้นที่ปัตตานีจังหวัดปัตตานี อดีตสรรพากรพื้นที่สมุทรปราการพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการมีความเสียหายรองลงมา 1,135 ล้านบาท ขณะเกิดเหตุมีนายพายุ สุขสุดเขียว สรรพากรพื้นที่สมุทรปราการ 1 ผู้บริหารระดับ 9 เป็นผู้รับผิดชอบ

    จากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่นี้ได้คืนภาษีมูลค่าเพิ่มให้บริษัทกลุ่มนายวีระยุทธ แซ่หลก อย่างน้อย 5 บริษัท ได้แก่ 1.บริษัท ฟรีไทม์ ค้าโลหะ จำกัด 2.บริษัท เอ็นอีเอ โลหะการค้า จำกัด 3.บริษัท บีบีรีไซเคิล จำกัด 4.บริษัท บีบีกรุ๊ป วัน จำกัด 5.บริษัท บีบีบิ๊ก จำกัด รวม 5 บริษัท 650.8 ล้าน บาท

    ต่อมาหลังจากถูกตรวจสอบพบว่ามีการทุจริต นายพายุเป็นผู้ทำหนังสือถึงหัวหน้าสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้าจังหวัดสมุทรปราการขอให้ระงับการจดทะเบียนเลิกบริษัทดังกล่าวในเวลาต่อมาอีกด้วย

    4.นายมานิตย์ พลรัตน์ สรรพากรอําเภอ สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขาเมืองตาก จังหวัดตาก

    ขณะนั้นเป็น นักตรวจสอบภาษีชำนาญการพิเศษ (หัวหน้าทีมกำกับดูแล ก06) ซึ่งปรากฎชื่อเป็นผู้ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักบริการข้อมูลธุรกิจ 4 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขอให้ระงับการรับจดทะเบียนเสร็จการชำระบัญชีบริษัท 30 บริษัทเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2556 ซึ่งทีมกำกับดูแลทีม ก06 มีเจ้าหน้าที่ ทั้งหมด 6 คน มีหัวหน้าทีมย่อย 2 คน คือ นางสาวกรพินธุ์ ปิ่นมี หัวหน้าทีมย่อย และนางสาวจารุณี ฉิมคล้าย หัวหน้าทีมย่อย และมีเจ้าหน้าที่ในทีมย่อยอีก 4 คน

    ส่วนราย นายป้อมเพชร วิทยารักษ์ เดิมเป็นนักวิชาการสรรพากร สำนักงานสรรพากรภาค 4 ต่อมาถูกคำสั่งปลัดกระทรวงการคลัง ย้ายเป็น ผู้เชี่ยวชาญประจําภาค 7 เมื่อ 7 พ.ย.56 (คำสั่งกระทรวงการคลังที่ 1477/2556 จำนวน 76 ราย) ไม่มีข้อมูลว่าเกี่ยวพันกับคดีคืนภาษีหรือไม่

    อย่างไรก็ตาม หากย้อนไปดูผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีคืนภาษีมูลค่าเพิ่มจากการส่งออกมีนายประสิทธิ์ สืบชนะ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง เป็นประธานคณะกรรมการฯเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2556 สรุปผลในเบื้องต้นว่ามีเจ้าหน้าที่อาจจะเกี่ยวข้อง จำนวน 18 ราย แบ่งเป็นข้าราชการอำนวยการระดับสูง ซี 9 จำนวน 4 ราย และ ข้าราชการระดับปฏิบัติงานอีกจำนวน 14 ราย

    ถ้าใช้จำนวนดังกล่าวเป็นฐาน ข้อมูล เท่ากับยังมีข้าราชการกรมสรรพากรที่ไม่ปรากฏชื่อในคำสั่งตาม ม.44 ของหัวหน้า คสช.อีกประมาณ 13 ราย

    http://www.isranews.org/investigative/investigate-news/item/38638-pppuuu_888.html
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เอาจริง! 7 ป.ป.ช.จังหวัดลุยจับสด“นายกอบต.-บิ๊กขรก.”เรียกรับเงินหาผลปย.
    เขียนวันที่ วันอาทิตย์ ที่ 17 พฤษภาคม 2558 เวลา 13:29 เขียนโดยisranews หมวดหมู่รายงาน-สกู๊ป | เรื่องเด่น - สำนักข่าวอิศรา

    [​IMG]

    7 ป.ป.ช.จังหวัด โชว์ผลงาน “จับสด-บี้สอบข้อเท็จจริง” นายก อบต.-บิ๊ก ขรก. คาห้องทำงาน ปมเรียกรับเงินแสวงหาผลประโยชน์ สูงสุดรายละแสน !
    หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา สำนักข่าวอิศรา : เมื่อเร็ว ๆ นี้ สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัด 7 แห่ง ได้ดำเนินการ “จับสด” และเข้าตรวจสอบโครงการที่ชาวบ้านได้ให้เบาะแสว่า อาจจะมีการทุจริตโครงการต่าง ๆ ในพื้นที่ ดังนี้
    ----
    1.สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดอุบลราชธานี
    เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2558 ป.ป.ช.อุบลฯ ได้ประสานงานและวางแผนร่วมกับ สภ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อจับกุม ว่าที่ ร.ต.ธีระศักดิ์ ศรีพิมพ์ ผู้อำนวยการกองช่าง องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ไร่น้อย อ.เมืองอุบลราชธานี พร้อมของกลางเงินสด 7 พันบาท บริเวณร้านขายกาแฟภายในปั๊มน้ำมัน ปตท. ไร่น้อย
    ทั้งนี้สืบเนื่องจากสำนักงาน ป.ป.ช.อุบลฯ ได้รับแจ้งจากผู้จัดการ หจก.อุบลการดับเพลิง ซึ่งรับเหมาะทำถนนสายบ้านคำพ่อปลา ม.9 ต.ไร่น้อย เป็นเงิน 199,500 บาท งานเสร็จตามสัญญา เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2557 เพื่อส่งมอบงานเพื่อขอเบิกเงิน ว่าที่ ร.ต.ธีระศักดิ์ ในฐานะเป็นประธานกรรมการตรวจสอบรับ ขอเงินค่าดูแล 1 หมื่นบาท แลกกับการส่งเบิก จึงได้ติดต่อมอบเงินก้อนแรก 7 พันบาท และนำไปสู่การจับกุมดังกล่าว
    2.สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสุรินทร์
    เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 2558 ป.ป.ช.สุรินทร์ ได้รับยื่นหนังสือจากปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แกใหญ่ อ.เมืองสุรินทร์ พนักงานส่วนตำบล สมาชิกสภาฯ และผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ เพื่อให้ตรวจสอบการปฏิบัติงานของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง อ.เมืองสุรินทร์ กรณีดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงล่าช้า
    ทั้งนี้ สืบเนื่องจากกรณี สำนักงาน ป.ป.ช.สุรินทร์ ประสานงานและวางแผนร่วมกับ สภ.เมืองสุรินทร์ จนมีการจับกุม นายมนตรี บุญสุยา นายก อบต.แกใหญ่ เรียกรับเงินเปอร์เซ็นต์โบนัสจากพนักงานส่วนตำบล จำนวน 44 ราย รายละ 35% รวมเป็นเงิน 4,8 แสนบาท ที่ห้องทำงานใน อบต.
    พนักงานส่วนตำบล ผู้นำท้องที่ และผู้นำท้องถิ่น เห็นว่า ปัจจุบันนายมนตรี ยังคงปฏิบัติหน้าที่นายก อบต.แกใหญ่ ตามปกติ ทำให้ฝ่ายผู้ร้องและพยานถูกดดัน และถูกกลั่นแกล้งเป็นอย่างมาก โดยในส่วนของสำนักงาน ป.ป.ช.สุรินทร์ เสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้ว มีมติเห็นชอบให้ส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามมาตรา 89/2 แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช.
    ขณะที่ในส่วนของจังหวัดสุรินทร์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงมีความล่าช้า จึงประสงค์ให้สำนักงาน ป.ป.ช.สุรินทร์ ตรวจสอบการทำงานของคณะกรรมการฯดังกล่าว ทั้งยังได้เข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อจะให้ผู้ว่าฯ ออกคำสั่งให้นายมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน จนกว่าผลสอบจะเสร็จสิ้น
    3.สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดเลย
    เมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2558 ป.ป.ช.เลย เข้าตรวจสอบเพื่อรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น กรณีมีผู้แจ้งเบาะแสว่า การก่อสร้างสนามกีฬาตำบล ในเขตพื้นที่ ต.นาด้วง อ.นาด้วง ซึ่งเป็นงบประมาณกรมพลศึกษา 11,999,000 บาท ผู้รับเหมาะคือ กิจการร่วมค้า บริษัท เคมิสต์ จำกัด แอนด์ บริษัท ยูไนเต็ด สปอร์ต ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด สัญญาเริ่ม 29 ก.ค. 2556 สิ้นสุด 25 พ.ค. 2557 เป็นการก่อสร้างสนามฟุตบอลพร้อมลู่วิ่ง 8 ลู่ (ลู่ดิน) 1 สนาม โรงยิมเอนกประสงค์ 1 หลัง ขนาด 25 คูณ 45 เมตร ลานกีฬาเอนกประสงค์ 30 คูณ 50 เมตร พร้อมไฟฟ้าส่งสนามสร้างไม่เสร็จ ผู้รับเหมาทิ้งงานไปร่วมปี ชาวบ้านไม่ได้ใช้งาน
    แต่เรื่องดังกล่าวไม่มีผู้ร้องเรียนกับสำนักงาน ป.ป.ช.เลยโดยตรง ดังนั้นจึงต้องรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น เพื่อเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาว่า มีเหตุอันควรสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำความผิดตามมาตรา 88 แห่ง พ.ร.บ.ป.ป.ช. หรือไม่
    4.สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดร้อยเอ็ด
    เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 2558 ป.ป.ช.ร้อยเอ็ด เข้าตรวจสอบเพื่อรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น กรณีมีผู้แจ้งเบาะแสว่า โครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็กสายบ้านถนนเรียบ-บ้านสุวรรณสารี ต.พนมไพร อ.พนมไพร งบประมาณ 2,469,000 บาท ตามแบบมีความยาว 685 เมตร กว้าง 6 เมตร หนา 15 เซนติเมตร มีการก่อสร้างไม่ถูกต้องตามแบบแปลน และไม่ติดตั้งป้ายแสดงรายละเอียดโครงการ ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นเพิ่มเติม
    5.สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดน่าน
    เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2558 ป.ป.ช.น่าน ประสานงาน วางแผนและสนธิกำลังทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองเพื่อจับกุมนายเดชาวุธ เสนยะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) น้ำตก อ.นาน้อย พร้อมของกลาง เงินสด 29,400 บาท ณ ที่ทำการ อบต.น้ำตก
    ทั้งนี้สืบเนื่องจากสำนักงาน ป.ป.ช.น่าน ได้รับแจ้งจากผู้รับเหมาก่อสร้างรายหนึ่งว่า นายเดชาวุธ ได้เรียกรับเงินในโครงการก่อสร้างถนนคอนกรีตเสริมไม้ไผ่ บ้านเปา ม.5 ต.น้ำตก อ.นาน้อย ในอัตราร้อยละ 5 ของวงเงินตามสัญญา แลกกับการลงชื่อสั่งจ่ายเช็คค่าก่อสร้าง โดยผู้รับเหมาะได้แบ่งจ่ายให้นายเดชาวุธ 2 งวด งวดแรกจ่ายไป่กอนแล้ว 1.5 หมื่นบาท และงวดที่สองต้องจ่ายอีก 29,400 บาท จึงแจ้งให้สำนักงาน ป.ป.ช.น่านทราบ และนำไปสู่การจับกุมดังกล่าว
    6.สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดหนองบัวลำภู
    เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2558 ป.ป.ช.หนองบัวลำภู ประสานงานและวางแผนร่วมกับ สภ.เมืองหนองบัวลำภู เพื่อจับกุมนายสมภาค เคนหาญ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) กุดจิก อ.เมืองหนองบัวลำภู พร้อมของกลางเงินสด 2 หมื่นบาท ณ ลานจอดรถข้าง อบต.กุดจิก
    ทั้งนี้สืบเนื่องจากสำนักงาน ป.ป.ช.หนองบัวลำภู ได้รับแจ้งว่า นายสมภาร เรียกรับเงินจากผู้สมัครสอบคัดเลือกเป็นลูกจ้างตามสัญญาจ้างของ อบต.กุดจิก ประจำปี 2558 จำนวน 10 ตำแหน่ง เรียกรับเงินคนละ 20,000-60,000 บาท ตามระดับตำแหน่ง ในส่วนของผู้แจ้งเบาะแสทราบเรื่องมาจากคนรู้จักคุ้นเคยมาขอยืมเงินเพื่อนำไปจ่ายให้กับนายสมภาร จึงได้ให้ยืมเงินจำนวนดังกล่าวไป และนำไปสู่การจับกุมนายสมภาร ทั้งยังได้จับกุมนายไกรสร พันมาลา ในฐานะผู้ให้หรือรับว่าจะให้ด้วย
    7.สำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดสิงห์บุรี
    เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2558 ป.ป.ช.สิงห์บุรี ประสานงานและวางแผนร่วมกับ สภ.อินทร์บุรี เพื่อจับกุมนายสิรภพ ภูนิสัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ทองเอน และนายวรวุฒิ ยิ้มจันทร์ รองนายกฯ ที่สำนักงาน อบต.ทองเอน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี พร้อมของกลางเงินสด 1 แสนบาท โทรศัพท์มือถือ 2 เครื่อง
    ทั้งนี้สืบเนื่องจากสำนักงาน ป.ป.ช.สิงห์บุรี ได้รับแจ้งจาก หจก.วีแคร์ เซอร์วิส ว่าถูกนายสิรภพ เรียกรับเงินเป็นค่าตอบแทนในการว่าจ้างให้ติดตั้งกล้องวงจรปิด จึงได้นัดหมายจ่ายเงินและนำไปสู่การจับกุมดังกล่าว
    หมายเหตุ : ภาพประกอบ ป.ป.ช. จาก newsplus
    http://www.isranews.org/isranews-scoop/item/38631-nacc_1161_01.html#.VVhELVuwV9o.facebook
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช

    [​IMG]

    ตะลึงตึงโบ๊ะ! ผลการจัดอันดับโลกภาควิชาคณิตศาตร์และวิทยาศาสตร์ของเด็กนักเรียนอายุ 15 ปีประจำปี 2015 พบว่ากลุ่มประเทศเอเซียครองแชมป์อันดับ1-5 สหรัฐฯอยู่อันดับที่ 28 ที่เจ๋งกว่านั้นก็คือผลเรียนของเด็กไทยภายใต้การนำของรัฐบาลคสช.สูงขึ้นกว่าสมัยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งซะอีก เป็นไปแล้ว! กิ้วๆ
    ---------------
    ชอบข่าวนี้อ่ะ เห็นตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้เขียน เพราะมีข่าวอื่นตัดหน้าตลอด วันนี้ได้ฤกษ์หละ ขอจัดซะหน่อยนะครับ เป็นข่าวดีต้องช่วยกันบอกต่อ เมื่อวันที่ 13 พ.ค.58 ที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า องค์กรเพื่อความร่วมมือและพัฒนาด้านเศรษฐิจ (Organisation for Economic Co-operation and Development) ซึ่งเรียกชื่อย่อว่า "OECD" จัดโปรแกรมการประเมินผลทางการศึกษานานาชาติ (Programme for International Assessment - Pisa) ขึ้นมาในปี 2015 เพื่อทำการประเมินผลการศึกษาในภาควิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ของเด็กนักเรียนม.ต้น (อายุ 15 ปี) จากทั้งหมด 76 ประเทศทั่วโลก ซึ่งไทยก็เป็นหนึ่งประเทศที่เข้าร่วมในโปรแกรมนี้ด้วย
    โปรแกรม (หลักสูตร) นี้เป็นการทดสอบเพื่อจัดอันดับโลก และจากผลการสอบแข่งขันกันในการทดสอบครั้งนี้ (ปี 2558) พบว่า เด็กอายุ 15 ปีที่เรียนเก่งที่สุดในวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ 5 อันดับแรกของโลกได้แก่กลุ่มประเทศในเอเซีย ดังนี้ 1.) สิงคโปร์ 2.) ฮ่องกง 3.) เกาหลีใต้ 4.) ญี่ปุ่น และ 5.) ไต้หวัน ว้าววว! อยู่ในกลุ่มเชื้อสายจีน ญี่ปุ่น เกาหลีเป็นส่วนมากอ่ะ เวียตนามติดอันดับที่ 12 เยอรมันนีได้อันดับที่ 13 อังกฤษได้อันดับที่ 20 ฝรั่งเศสได้อันดับที่ 23 สหรัฐฯได้อันดับที่ 28 รัสเซียได้อันดับที่ 34 ไทยได้อันดับที่ 47 มาเลเซียเพื่อนบ้านเราได้อันดับที่ 52 รองบ๊วยคือแอฟริกาใต้ ส่วนอันดับสุดท้ายคือกาน่า (Ghana)
    อ้าว! แล้วจีนหายไปไหน? จีนนั้นเขาได้แชมป์ตั้งแต่ปี 2012 โน่นแล้วได้คะแนนสูงสุดทั้งด้านคณิตศาสตร์ การอ่าน และวิทยาศาสตร์ สงสัยเขาไม่ให้แชมป์ลงแข่งด้วยมั๊ง ถือว่าเป็นประเทศที่ประสบความสำเร็จใน 3 ภาควิชานี้แล้ว
    มาดูสถิติย้อนหลังในปี 2555 (2012) บ้างว่าเป็นอย่างไรบ้าง ในปี 2012 ภายใต้โปรแกรมเดียวกันนี้พบว่าอันดับ 1-5 มีดังนี้ 1.) เซี่ยงไฮ้ไชน่า (จีน) 2.) สิงคโปร์ 3.) ฮ่องกง 4.) ไต้หวัน 5.) เกาหลีใต้ ญี่ปุ่นอยู่อันดับ 7 เยอรมันนีอยู่อันดับที่ 16 เวียตนามอยู่อันดับที่ 17 แสดงว่าปีนี้ (2015) เวียตนามแซงเยอรมันได้ อังกฤษอยู่อันดับที่ 26 ฝรั่งเศสอยู่อันดับที่ 25 สหรัฐฯอยู่อันดับที่ 36 รัสเซียอยู่อันดับที่ 34 (เท่าเดิม) พี่ไทยเราอยู่อันดับที่ 50 รองบ้วยคืออินโดนีเซียได้อันดับที่ 64 และสุดท้ายคือเปรู ได้อันดับที่ 65
    จุดที่แอ็ดมินสนใจก็คือการศึกษาของไทยในสองภาควิชานี้เมื่อเทียบกับเวียตนามแล้ว เราตามหลังเวียตนาม โปรอเมริกาบอกว่าระวังนะเดี๋ยวไทยจะเป็นสังคมนิยมโดยไม่รู้ตัว โดยส่วนตัวนั้นแอ็ดมินไม่ได้ให้ความสำคัญหรอกนะว่าจะเป็นระบบไหน แต่มองที่การบริหารจัดการในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนส่วนมากของประเทศอย่างเป็นธรรมและ "มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" ตามที่ลุงตู่บอกไว้มากกว่า จีนและเวียตนามเป็นสังคมนิยม แต่ผลการเรียนของเด็กนักเรียนทั้งสองประเทศนี้ดีกว่าของสหรัฐฯและชาติมหาอำนาจในยุโรปบางประเทศซะอีก น่าคิดมะ?
    ประเด็นที่สอง ผลการศึกษาในปีนี้ของเด็กไทยภายใต้การนำของรัฐบาลคสช. ดีขึ้นกว่าผลการเรียนของเด็กไทยภายใต้การบริหารของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในอดีตซะอีก แม้ว่ารัฐบาลคสช.พึ่งจะเข้ามาบริหารงานได้ไม่นานก็สามารถทำให้การจัดอันดับระดับของเด็กไทยในภาควิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์สูงขึ้นกว่ารัฐบาลที่ผ่านๆมาซะอีก น่าแปลกใจไหม? นี่ถ้ารัฐบาลลุงตู่อยู่ต่ออีกซัก 5-10 ปีนะ รับรองเราต้องติด Top5 แน่ๆ ว่าป๊ะ? พวกเผาไทยอาจจะบอกว่าเอ้ยยยยย... นั่นเป็นเพราะว่าอดีตรมว.ศึกษาธิการบางคนในสมัยก่อนเขายุบโรงเรียนทิ้งไปตั้งหลายแห่งแล้วแจกรถตู้ให้ต่างหากจึงทำให้ผลการเรียนของเด็กไทยดีขึ้น เอ้อ… ก็ว่ากันไปน้อ ฮ่าๆๆ
    มาดูอีกข่าวหนึ่งเกี่ยวกับการศึกษาเช่นกัน นี่ก็น่าสนใจอีก เมื่อวานนี้สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกำลังตกเป็นที่วิพากวิจารณ์ว่าเลือกปฏิบัติไม่เป็นธรรมต่อนักศึกษาชาวเอเซีย กลุ่มเครือข่ายองค์ต่างๆจำนวน 64 องค์กรได้กล่าวอ้างงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่านักศึกษาชาวเอเซียที่จะเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดจะต้องทำคะแนนให้สูงกว่านักศึกษาผิวขาวเฉลี่ย 140 คะแนนในภาควิชาสถิติ และต้องทำคะแนนให้ได้สูงกว่านักศึกษาเชื้อสายสเปนและโปรตุเกส (Hispanic students) ถึง 270 แต้ม และให้สูงกว่านักศึกษาชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันถึง 450 แต้ม เพื่อให้มีโอกาสได้เข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอย่างเท่าเทียมกับคนอื่นๆ การทดสอบมีคะแนนผ่านอยู่ที่ 2,400 คะแนน
    มีการออกมาตำหนิทางมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดว่า การศึกษาจำนวนมากได้แสดงให้เห็นว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมีพฤติกรรมเลือกปฏิบัติอย่างเป็นระบบและต่อเนื่องสำหรับชาวอเมริกันเชื้อสายเอเซียในการสอบเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย ทางตัวแทนของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดออกมากล่าวแก้ตัวว่า มหาวิทยาลัยได้รักษาความยุติธรรมของตนในกระบวนการรับนักศึกษา (นี่แหละคือคำว่ายุติธรรมแบบอเมริกันสไตล์ฮาร์วาร์ด)
    จากการศึกษาพบว่าสถิติการเข้าศึกษาระดับปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้โดยนักศึกษาชาวอเมริกันเชื้อสายเอเซียเพิ่มขึ้นถึง 21 เปอร์เซ็นต์จากเมื่อ 10 ปีที่แล้วซึ่งมีไม่ถึง 18 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ
    มาดูอีกตัวเลขหนึ่งที่น่าสนใจเช่นกัน (พบข่าวนี้เมื่อช่วงต้นเดือนนี้เองแต่ไม่ได้ลงให้อ่าน) สำนักข่าว sputnik news รายงานว่าจีนแซงหน้าเม็กซิโกกลายเป็นประเทศที่มีผู้อพยพไปอยู่ในอเมริกามากที่สุด จากข้อมูลผู้อพยพในปี 2013 ที่ได้จากข้อมูลการสำรวจสำมะโนประชากรของชาวอเมริกันซึ่งทำการศึกษาโดย Eric Jensen ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการอพยพระหว่างปี 2000-2013 พบว่าจากยอดผู้อพยพที่เข้ามาอยู่ในสหรัฐฯมีจำนวนทั้งหมด 1,201,000 คน มาจากจีนจำนวน 147,000 คน จากเม็กซิโกจำนวน 129,000 คน และจากอินเดียอีกราว 147,000 คนซึ่งรวมทั้งผู้ที่เกิดในสหรัฐฯและจากครอบครัวของผู้อพยพด้วย
    จากการศึกษาพบว่าเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมาตัวเลขผู้อพยพจากเม็กซิโกลดลง ในขณะที่จากจีนและอินเดียเพิ่มขึ้นในสหรัฐฯ นอกจากนี้แล้วยังมีผู้อพยพจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฟิลิปินส์ที่ย้ายเข้าไปอยู่ในสหรัฐฯเพิ่มมากขึ้นด้วย ทั้งไปเพื่อหางานทำและไปเพื่อศึกษาต่อ จากการคาดการณ์ของผู้ศึกษาข้อมูลนี้บอกว่าภายในปี 2044 ที่จะถึงนี้ สหรัฐฯจะไม่มีเชื้อชาติใดเป็นชนกลุ่มใหญ่ แต่จะเต็มไปด้วยชนกลุ่มน้อยมากมายหลายกลุ่มแทน
    เมื่อนำเอาตัวเลขจากสถิติเด็กเรียนเก่งด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ทั่วโลกมาดูก็พบว่าเด็กเอเซียเรียนเก่งกว่าเด็นอเมริกันและเก่งกว่าเด็กยุโรปหรือชาติใดๆในโลกในสมัยปัจจุบัน (คนเอเซียภูมิใจตัวเองหรือเปล่า?) ประจวบกับจีนและอินเดียเป็นผู้ส่งออกประชาชนของตนไปตั้งหลักปักฐานอยู่ในอเมริกาสูงกว่าชาติใดๆในโลก นั่นเพราะว่าประชากรของทั้งสองประเทศนี้สูงกว่าประเทศอื่นด้วย จึงทำให้สหรัฐฯรู้สึกเป็นกังวลว่า ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้ต่อไป รับรองว่าคนเอเซียครองสหรัฐฯและครองโลกแน่ๆ และต่อไปคนรุ่นใหม่หัวดีเหล่านี้จะก้าวขึ้นไปมีบทบาททั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และธุรกิจต่างๆในสหรัฐฯและทั่วโลกด้วย
    ดังนั้นสหรัฐฯจึงพยายามหาทางสกัดคนเอเซียเอาไว้ เช่นเพิ่มมาตรการกีดกันและเลือกปฏิบัติในการรับนักศึกษาจากเอเซียให้โหดกว่าชาติอื่นๆ ในการเข้าศึกต่อมหาวิทยาลัยชั้นนำและมีชื่อเสียงของโลก เห็นตัวเลขแบบนี้แล้วบอกได้เลยว่าอเมริกาต้องเป็นกังวลเกี่ยวเรื่องนี้มากแน่ๆ ช่วยไม่ได้นิก็คนจะเก่งซะอย่าง ยิ่งกีดกันเท่าไร คนเอเซียก็ยิ่งมองว่านั่นเป็นการท้าทายและจะเอาชนะให้ได้ ถ้าทำได้เขาก็ภูมิใจ เพราะว่าเด็กเอเซียทำสามารถทำคะแนนได้สูงกว่าเด็กอเมริกันซะอีก
    ป.ล. ดูผลการจัดอันดับทุกประเทศทั่วโลกได้จากลิงค์ด้านล่าง
    The Eyes
    18/05/2558
    ----------
    Asian nations take 5 top spots in major global school rankings — RT News
    Asia tops biggest global school rankings - BBC News
    http://www.theguardian.com/…/pisa-results-country-best-read…
    Lawsuit: Harvard Discriminates Against Asians / Sputnik International
    Move Over Mexico: China Now Sends Most Immigrants to US / Sputnik International
    Record Numbers of Unaccompanied Children Cross US Southern Border / Sputnik International
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    สหรัฐฯโดนอีกแล้วครับท่าน... ประชาชนชาวญี่ปุ่นในจังหวัดโอกินาวา 35,000 คนประท้วงการย้ายฐานทัพแห่งใหม่ของสหรัฐฯ

    [​IMG]

    ---------------
    จากรัสเซียบินไปที่ยุโรป จากนั้นก็บินกลับมาที่ญี่ปุ่นในเอเซียบ้าง ว้าววว!... เพจเรานี่นำเสนอข่าวรอบโลกจริงๆครับ เดี๋ยวจะนำเสนอข่าวเด็ดๆ เจ๋งๆ แบบชนิดที่ว่าเหล่าโปรอเมริกาอ่านแล้วต้องกรี๊ดดดด ไม่หยุดแน่ๆ
    เอาข่าวแรกเลยนะ "ประชนชาวญี่ปุ่นต่อต้านกองทัพสหรัฐฯ!" เป็นไงครับถูกใจป๊ะ? อันนี้เรื่องจริง ไม่ได้พูดเล่น ไม่ได้ปั้นข่าวใส่ความหรือโจมตีใครนะ ความจริงมีอยู่ว่า ตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมาจนถึงล่าสุดวันอาทิตย์ (วันนี้) ประชาชนชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่บนเกาะ Okinawa ประเทศญี่ออกมารวมตัวกันเดินขบวนประท้วงสหรัฐฯตามท้องถนนและจัดชุมนุมใหญ่ในสนามกีฬาในเมือง Naha ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น มีประชาชนเข้าร่วมประท้วงราว 35,000 คน การประท้วงยืดเยื้อต่อไปเรื่อยๆ ตามรายงานข่าวบอกว่าลามไปทั่วประเทศญี่ปุ่นแล้วในตอนนี้
    เขาประท้วงเรื่องอะไรกันรึ? ก็เรื่องที่สหรัฐฯกับรัฐบาลญี่ปุ่นตกลงกันที่จะย้ายฐานทัพและสนามบินของกองทัพนาวิกโยธินสหรัฐฯจาก Futenma Air Base เมือง Ginowan ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะโอกินาวาไปตั้งอีกที่เมือง Henoko ในใจกลางเกาะแห่งนี้แทน เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการประท้วงโดยชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้กล่าวว่าสนามบินของกองทัพสหรัฐฯสร้างความรำคาญเดือดร้อนและปล่อยมลภาวะให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่โดยรอบเป็นจำนวนมาก ซึ่งอันที่จริงเป็นพื้นที่จำกัดด้วย เพราะบริเวณโดยรอบสนามบินแห่งนี้มีแต่ชุมชนของญี่ปุ่นอาศัยอยู่ทั้งนั้น ครั้นกองทัพสหรัฐฯจะขยายฐานทัพของตัวเองในจุดนี้ก็ทำไม่สะดวก จึงหาเหตุที่จะย้ายไปตั้งที่ใหม่ซึ่งกว้างขวางกว่าเดิม บนเกาะโอกินนาวาแห่งนี้มีกำลังพลของกองทัพสหรัฐฯประจำการประมาณ 4,000 นาย
    แม้รัฐบาลกลางของญี่ปุ่นจะเห็นด้วยกับสหรัฐฯในการย้ายฐานทัพนาวิกโยธินของสหรัฐฯไปทั้งอยู่ที่ Henoko แต่ผู้ว่าจังหวัดโอกินาวา (Takeshi Onaga) และชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งนี้ไม่เห็นด้วย และต้องการให้กองทัพสหรัฐฯย้ายออกไปจากเกาะแห่งนี้เสีย จึงเกิดการประท้วงครั้งใหญ่ขึ้นมาหลายครั้ง ในอดีตนั้นก็มีกรณีทหารของกองทัพสหรัฐฯก่อคดีลักพาตัวและข่มขืนเด็กนักเรียนหญิงชาวญี่ปุ่นวัย 12 ขวบและฆ่าทิ้ง และคดีอื่นๆในลักษณะนี้อยู่บ่อยครั้งตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมาซึ่งทำให้ชาวเกาะแห่งนี้และชาวญี่ปุ่นรู้สึกโกรธแค้นทหารสหรัฐฯมากที่มาอาศัยอยู่บนเกาะในประเทศของเขาแล้วทำอย่างนี้กับประชาชนพลเมืองชาวญี่ปุ่น
    ยุทธวิธีค่อยๆกลืนกินไปทีละนิดแบบนี้แล้วยึดเกาะแห่งนี้มาเป็นของตนในภายหลัง ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีมาก่อน กรณีเกาะกวม (Guam Island) ที่อยู่ในทะเลฟิลิปินส์สหรัฐฯก็ยึดและประกาศเป็นอาณาเขตของตนมาแล้ว เดิมทีเกาะกวมนั้นเป็นของฟิลิปินส์ (แต่ดูเหมือนว่าฝั่งสหรัฐฯพยายามที่ไม่พูดถึงประวัติศาสตร์ตรงนี้) ในสมัยก่อนจักวรรดิสเปนได้เข้ายึดเกาะแห่งนี้มาจากฟิลิปินส์ในปี 1668-1898 ต่อมาเกิดสงครามกันระหว่างสหรัฐฯกับสเปนบนเกาะแห่งนี้และกองทัพของสเปนพ่ายแพ้จึงถูกสหรัฐฯยึดเกาะนี้ไป
    ในปี 1941 ญี่ปุ่นเข้ายึดเกาะแห่งนี้ได้จากกองทัพสหรัฐฯ ต่อมาหลังจากที่สหรัฐฯใช้ระเบิดปรมาณู 2 ลูกทิ้งใส่ประชาชนชาวญี่ปุ่นตายเป็นจำนวนมาก กองทัพญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงคราม และสหรัฐฯก็เลยกลับเข้าไปยึดเกาะกวมแห่งนี้อีกครั้งหนึ่งในปี 1944 ต่อมาสหรัฐฯก็ประกาศว่าพื้นที่แห่งนี้ดินแดนนอกแผ่นดินแม่อีกแห่งหนึ่งของสหรัฐฯ
    กรณีการกลืนกินทีละน้อยแบบนี้เป็นวิธีเดียวกับที่อังกฤษใช้ในกรณียึดหมู่เกาะ Falkland/Malvinas Islands ของอาร์เจนติน่าที่เคยเล่าให้ฟังแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนแรกอังกฤษก็ทำเป็นทำสัญญาเช่าระยะยาวหลังจากที่ส่งกองทัพเข้ายึดจากสเปนในลาตินอเมริกา จากนั้นก็ทะยอยส่งพลเมืองของตนเข้าไปอาศัยอยู่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเกิดการต่อต้านจากชาวบ้านท้องถิ่นและรัฐบาลอาร์เจนติน่าต้องการจะได้สิทธิ์บนหมู่เกาะนั้นคืน อังกฤษก็ได้ส่งกองทัพของตนเข้าไปตั้งฐานทัพไว้เรียบร้อยแล้ว และอังกฤษก็ใช้แผนให้ทำประชามติออกเสียงเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่บนเกาะแห่งนั้นซึ่งมีชาวอังกฤษอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากกว่าชาวลาตินอเมริกา แน่นอนว่าผลการโหวตออกมาอังกฤษก็ย่อมเป็นฝ่ายชนะอยู่แล้ว อังกฤษบอกว่าเป็นความชอบธรรมทางกฎหมาย ทางอาร์เจนติน่าบอกว่าไม่แฟร์ ดังนั้นผู้นำอาร์เจนติน่าจึงได้เดินทางมาขอความช่วยเหลือจากรัสเซียเมื่อต้นเดือนเมษายนปีนี้ ดังที่ได้เสนอข่าวไปแล้วหนหนึ่ง (วันนี้กรรมนั้นกำลังตามสนองอังกฤษเพราะสก็อตแลน์ อิงแลนด์เหนือ และนิวซีแลนด์กำลังจะแยกตัวออกจากอังกฤษเช่นกัน)
    กรณีเกาะโอกินาว่านั้น ในระยะยาวก็คงจะมีชะตาไม่ต่างอะไรจากเกาะกวมและหมู่เกาะ Falkland/Malvinas แน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าสหรัฐฯจะหาทางขับไล่ชาวญี่ปุ่นให้ออกไปจากเกาะนี้ได้อย่างไร หรือหาทางเช่าระยะยาวแล้วก็ยึดซะเลยหากเกิดอุบัติเหตุใดๆเกิดขึ้นระหว่างญี่ปุ่นกับจีนในอนาคต โปรอเมริกาบางคนบอกว่าที่กองทัพสหรัฐฯเข้าไปอยู่ในบ้านของผู้อื่นได้นั้นก็เพราะเจ้าบ้านเชิญให้เข้าไป เฮ้อ… จะหลับหูหลับตาเชียร์สหรัฐฯไปถึงไหนกันนะ แต่ที่แน่ๆวันนี้ประชาชนชาวญี่ปุ่นทั่วประเทศเขาไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของรัฐบาลญี่ปุ่น และชาวญี่ปุ่นที่ตื่นรู้ต้องการให้กองทัพสหรัฐฯออกไปจากญี่ปุ่นในขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นให้อยู่ต่อเพื่อแลกกับเครื่องบินรบและอาวุธจากสหรัฐฯ โดยว่าเพื่อป้องกันการรุกรานจากจีน ทั้งๆที่จีนไม่เคยรุกรานญี่ปุ่นมาก่อน มีแต่ญี่ทหารญี่ปุ่นเท่านั้นที่เข้าไปรุกรานจีนและเข่นฆ่าคนจีนตายไปเป็นแสนเป็นล้านคนมาแล้วในอดีต
    The Eyes
    17/05/2558
    ----------
    http://rt.com/news/259373-okinawa-protest-us-base/
    https://www.youtube.com/watch?v=KbPU4TRcoDA#t=44
    U.S. Military Base Map in Okinawa | Research Web Site
    Okinawa and Guam: In the Shadow of U.S. and Japanese “Global Defense Posture”  沖繩とグアム——日米「世界的防衛体制」の陰で | The Asia-Pacific Journal
    Guam - Wikipedia, the free encyclopedia
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    นายกฯฝรั่งเศสปฏิเสธแผนโควต้าแบ่งดูแลผู้ลี้ภัยจากลิเบียในกลุ่มประเทศยุโรป

    [​IMG]

    ---------------
    เมื่อวานนี้ (16 พ.ค.58) ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับปัญหาการค้ามนุษย์และปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายในยุโรปและอิสราเอล (ซึ่งอันที่จริงก็คือปัญหาเดียวกันนั่นแหละ) ไปแล้วหลายโพสต์ ทั้งบทความข่าวและคลิปวีดีโอ มีจุดที่น่าสนใจในการเสนอการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุโดยกรุงบรัสเซลส์หนึ่งในสมาชิกสหภาพยุโรปซึ่งได้ยื่นข้อเสนอแบบโยนหินถามทางต่อกลุ่มประเทศสมาชิกอียูทั้ง 28 ประเทศเพื่อให้ช่วยกันแบ่งโควต้ากลุ่มผู้อพยพเหล่านี้ไปดูแลในค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศของตนเอง ซึ่งยังไม่มีรายละเอียดอะไรเกี่ยวกับแผนนี้มากนักว่าจะแบ่งกันอย่างไร
    ก็มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยกับแผนดังกล่าวเช่นเยอรมันนี และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยและปฏิเสธเลยว่าจะไม่ยอมรับผู้อพยพเหล่านั้นเข้าประเทศของตนโดยเด็ดขาดซึ่งก็คืออังกฤษหนึ่งในประเทศที่ไปบอมลิเบียในปี 2011 นั่นเอง นอกจากนี้ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และตำหนิแผนดังกล่าวและแผนที่อียูเสนอให้มีการปราบปรามขบวนการแก๊งค้ามนุษย์ในลิเบียด้วยการใช้กำลังทางทหารอีกครั้ง แต่อียูไม่พูดถึงการใช้กำลังทหารในการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ในประเทศปลายทางที่อยู่ในอียูบ้างเลย เน้นแต่จะหาเรื่องเปิดศึกถล่มลิเบียอีกรอบเท่านั้น
    โดยการถล่มลิเบียในรอบแรกนั้นสหรัฐฯและยุโรปได้ยกเรื่องการโค่นล้มอำนาจกัดดาฟี่เพื่อเปิดทางไปสู่ประชาธิปไตยแบบสหรัฐฯและยุโรปซึ่งผลที่ตามมาก็คือกัดดาฟี่ตายสมใจสหรัฐฯ แต่ลิเบียกลายเป็นประเทศที่ไร้กฎหมาย อาชญากรรม และการก่อการร้ายเต็มบ้านเต็มเมือง ประชาชนอยู่ในประเทศของเขาต่อไปไม่ได้เพราะบ้านเรือนถูกเครื่องบินรบของอังกฤษกับฝรั่งเศสถล่มหมดแล้ว ก็ถูกขบวนการค้ามนุษย์หลอกให้ลักลอบเข้าไปอยู่ในยุโรปหลายแสนคนอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
    คราวนี้อียูมาแผนเดิมอีกเพื่อหาทางระบายอาวุธสงครามออกจากคลังและสต็อกของตัวเอง เนื่องจากผลิตมากแล้วแต่ถ้าไม่ถูกนำไปใช้ครั้งต่อๆไปก็จะไม่สามารถผลิตได้ ธุรกิจก็เจ๊งสิ ดังนั้นจึงต้องหาทางระบายของออกด้วยการไปก่อนสงครามต่างถิ่นโดยรัฐบาลและกองทัพของสหรัฐฯและอียู เพื่อเปิดทางให้พ่อค้าอาวุธของตนสามารถขายของให้กับกองทัพได้โดยใช้เงินจากภาษีประชาชนของพวกเขาเอง เข้าหลักเศรษฐศาสตร์เป๊ะ แผนหนึ่งที่อียูบอกว่าเพื่อเป็นการแก้ไขและป้องกันไม่ให้มีผู้อพยพจากลิเบียไหลเข้ามาสู่ยุโรปก็คือ ต้องใช้กำลังทางทหารในการปราบปรามกลุ่มผู้ค้ามนุษย์ในลิเบียนั่นเอง ฟังดูเหมือนจะดี แต่เอาเข้าให้จริงก็คือหาเรื่องถล่มลิเบียซ้ำอีกรอบต่างหาก
    ล่าสุดเกี่ยวกับแผนแบ่งโควต้าผู้อพยพจากลิเบียในยุโรป ทาง Manuel Valls นายกรัฐมนนตรีของฝรั่งเศสออกมาปฏิเศสแผนดังกล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาทันทีเลยว่า "ผมขอคัดค้านข้อเสนอให้แบ่งโควต้ารับผู้อพยพ แผนดังกล่าวไม่เคยอยู่ในกรอบข้อเสนอของฝรั่งเศสเลย" (แต่ฝรั่งเศสก็ไม่ได้บอกว่าเมื่อปฏิเสธแผนดังกล่าวแล้วฝรั่งเศสจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร เช่นฝรั่งเศสไม่ต้องการให้มีการแบ่งโควต้าให้ประเทศอื่นโดยฝรั่งเศสจะรับไว้เองทั้งหมดหรือเปล่าก็ไม่พูด)
    รายงานจาก Eurostat บอกว่าเมื่อปีที่แล้ว (2014) ได้มีผู้ยื่นใบสมัครในฐานะผู้ลี้ภัยในยุโรปจำนวนถึง 600,000 คน และมีผู้ยื่นความจำนงว่าจะไปอยู่ที่ฝรั่งเศสจำนวน 64,000 คน
    แหม… ทั้งสหรัฐฯและอียูต่างออกมาเรียกร้องให้ไทยดูแลผู้อพยพโรงฮิงญาในประเทศไทย แต่พอถึงทีตัวเองบ้างบอกว่าไม่รับ ไม่เอา ไม่ช่วย ต้องผลักดันกลับออกไปซะอย่างนั้น ล่าสุดทางสหรัฐฯประกาศขยายระยะเวลาแซงชั่นพม่าต่อไปอีก 1 ปี เพื่อเป็นการกดดันให้รัฐบาลพม่ายอมรับผู้อพยพชาวโรฮิงญาเป็นพลเมืองของตนและให้ที่อยู่ที่ทำกินและสวัสดิการต่างๆเหมือนกับพม่า นั่นไงแผนของสหรัฐฯ ต่อไปสหรัฐฯก็คงจะสนับสนุนด้านอาวุธให้กับคนเหล่านั้นเช่นเดียวกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายในซีเรียที่ตอนแรกบอกว่าเป็นพวกไอซิส ต่อมาก็ตั้งชื่อให้ใหม่ว่าเป็นพวกกบฎสายกลางต่อต้านรัฐบาลของซีเรียที่มาจากการเลือกตั้งแต่สหรัฐฯไม่ยอมรับเพราะไม่สามารถควบคุมได้อย่างรัฐบาลของยูเครน
    เวลาสื่อฯตกวันตกและสื่อฯไทยสมองไหลที่เหมือนจะชอบเห็นความขัดแย้งนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการกระทบกันระหว่างชาวโรฮิงญาและชาวพม่าในรัฐยะไข่ประเทศพม่า ก็จะเล่นประเด็นทางศาสนาแทน มองว่าเป็นความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างชาวพุทธกับชาวมุสลิมในพม่า เพื่อชี้นำให้สังคมโลกเข้าใจว่าเหตุการปะทะกันนั้นเป็นความไม่ยุติธรรมที่ชาวพุทธซึ่งเป็นชนส่วนใหญ่ของพม่าไปรังแกชาวมุสลิมโรฮิงญาซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย และต้องการจะชี้นำว่าหนึ่งในสาเหตุของความขัดแย้งนั้นก็คือประเด็นทางศาสนา
    วิธีการแบบนี้เป็นจิตวิทยาใช้ในเรียกร้องความสนใจและการสนับสนุนจากกลุ่มประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามให้มุ่งเป้าไปที่พม่า หากได้รับการสนับสนุนมากขึ้น ความรุนแรงก็จะขยายตัวออกไปเรื่อยๆเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง สหรัฐฯไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เล่นข่าวแบบนี้ซ้ำๆ เดี๋ยวคนก็เชื่อเอง จากนั้นก็ส่งพวก ngo และเจ้าหน้าที่ยูเอ็นลงพื้นที่ในพม่าแล้วทำรายงานต่อยูเอ็นเพื่อออกมาตรการกดดันพม่าต่อไปอีกอย่างที่เคยทำอยู่เป็นประจำ และมันก็ได้ผลดีซะด้วยสิ แล้วพม่าว่าอย่างไรต่อกรณีที่สหรัฐฯขยายระยะเวลาแซงชั่นนี้? พม่าบอกว่าโดนจนชินแล้ว โดนต่อไปอีกซักปีจะเป็นไรไป
    The Eyes
    17/05/2558
    ----------
    French Prime Minister Rejects EU’s Refugee Quota Proposal / Sputnik International
    Guards at Australian Refugee Camps Trained in Using Force on Migrants / Sputnik International
    Italian Government Wants Migrants to Work for Free / Sputnik International
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    ปูตินลงสนามไอซ์ฮ้อกกี้ที่ NHL เมืองโซชิทำคะแนนนำ 8 แต้ม, ทีมไอซ์ฮ็อกกี้ของรัสเซียถล่มสหรัฐฯ 4-0 ที่ประสาธารณรัฐเช็กเมื่อวานนี้

    [​IMG]

    -----------
    ขอจัดข่าวเบาๆให้โปรอเมริกาหงุดหงิดเล่นๆกับความพ่ายแพ้ของสหรัฐฯอีกรอบก่อนนะครับ คริๆ... เอาข่าวแรกก่อนเลยนะเมื่อคืนวันเสาร์ที่ 16 พ.ค.58 ที่ผ่านมา ปธน.วลาดิมีร์ ปูติน ลงเล่นกีฬา Ice Hockey ร่วมกับเหล่านักการเมือง นักธุรกิจ และนักกีฬาไอซ์ฮ็อกกี้สมัครเล่นที่สนามกีฬา NHL (Night Hockey League) เมือง Sochi ประเทศรัสเซีย สมาคมไอซ์ฮ็อกกี้สมัครเล่นนี้ปูตินก่อตั้งขึ้นมาในปี 2011 ในการลงสนามครั้งนี้มี Arkady Dvorkovich รองนายกฯของรัสเซีย และ Sergey Shoigu รมว.กลาโหมของรัสเซียร่วมเล่นด้วย ในขณะที่นายกฯ Dmitry Medvedev เป็นผู้เล่นสำรอง ปูตินเดินหน้าทำแต้มได้ 8 คะแนนนำก่อน ผลการแข่งขันสุดท้ายทีมของปูตินชนะด้วยคะแนน 18:6 การแข่งขันในครั้งนี้เป็นหนึ่งในกิจกรรมฉลองครบรอบ 70 ปีที่โซเวียตเอาชนะกองทัพนาซีในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
    นั่นคือข่าวผู้นำรัสเซียเล่นกีฬาไอซ์ฮ็อกกี้สมัครเล่น อ้อ… ทางสื่อฯของสรัฐฯขี้อิจฉา ตั้งฉายาให้ปูตินว่า "พ่อนักแสดง" (Action Man) เพราะเห็นมีภาพปูตินเล่นกีฬาสารพัดอย่าง ทำกิจกรรมทางการทหารได้ทุกอย่าง เป็นทั้งอดีตสายลับเก่า KGB ขับเครื่องบินรบก็ได้ ขับเฮลิค็อปเตอร์ดับเพลิงก็ได้ เล่นกีฬาตกปลา ล่าสัตว์ เลี้ยงเสือแล้วปล่อยเข้าป่า ฯลฯ สุดจะพรรณา ซึ่งปธน.ของสหรัฐฯทำได้ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของปูตินด้วยซ้ำไป ครั้นสื่อฯสหรัฐฯจะชื่นชมปูตินตรงๆก็กลัวจะเสียหน้าและเกรงว่าจะถูกด่า ก็เลยเบี่ยงไปเหน็บปูตินซะงั้น นั่นแหละสื่อฯอเมริกา ที่พูดนี่หมายถึงซีเอ็นเอ็นนะ
    คราวนี้มาดูข่าวกีฬาไอซ์ฮ็อกกี้ระดับมืออาชีพของทีมชาติรัสเซียซัดกับทีมชาติสหรัฐฯบ้าง ในการแข่งขันไอซ์ฮ็อกกี้เวิร์ลด์แชมเปียนชิป (2015 IIHF Hockey World Championship) ที่กรุงปราก สาธารณรัฐเช็กเมื่อวันเสาร์ที่ผ่่าน ในรอบรองชนะเลิศ (semifinal) รัสเซียเจอสหรัฐฯ ทีมรัสเซียสามารถเอาชนะทีมสหรัฐฯไปได้ 4:0 ยู้ฮู! อเมริกาแพ้รัสเซีย! กิ้วๆ ในปีนี้รัสเซียช่วยตกย้ำและยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้แก่ทีมไอซ์ฮ็อกกี้ของสหรัฐฯได้อีกครั้งส่วนอีกคู่คือ แคนนาดาเจอกับเช็ก ผลปรากฎว่าแคนาดาเอาชนะเจ้าบ้านไปได้ 2:0 ดังนั้นการแข่งขันนัดสุดท้ายวันนี้ก็คือ แคนาดา vs รัสเซีย ชิงเหรียญทอง และ สหรัฐฯ vs เช็ก ชิงเหรียญทองแทง
    The Eyes
    17/05/2558
    ----------
    http://rt.com/news/259285-putin-plays-hockey-league/
    http://rt.com/news/259305-russia-us-world-hockey/
    Ice Hockey World Championship 2015 - 2015 WM - International Ice Hockey Federation IIHF
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช ·
    อิงแลนด์เหนือขอไปอยู่กับสก็อตแลนด์ด้วย

    [​IMG]

    -----------
    หลังจากได้รับความนิยมและคะแนนเสียงเพิ่มขึ้นในการเลือกตั้งทั่วไปในอังกฤษที่เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พรรค SNP ของนาง Nicola Sturgeon แห่งสก็อตแลนด์ก็เดินหน้าแผนแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักรอีกครั้ง และผลจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาทำให้ Nicola Sturgeon ได้รับตำแหน่งรมต.สก็อตแลนด์ในอังกฤษด้วย (Scottish First Minister)
    เมื่อสก็อตแลนด์เดินหน้าแผนแยกดินแดนออกจากอังกฤษอีกครั้ง ประจวบกับเสียงคัดค้านมาตรการรัดเข็มขัด (Anti-Austerity, Anti-Tory) ก็แรงขึ้นทุกวัน มีการเดินขบวนประท้วงในอังกฤษบ่อยมาก ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาลนายเดวิด คาเมรอนก็หันมาสนับสนุนฝ่ายสก็อตแลนด์ด้วย เมืองทางตอนเหนือของอังกฤษหลายเมืองเช่น Newcastle, Manchester, Liverpool, Sheffield และ Leeds ได้ทำการรณรงค์ทางออนไลน์ (Online petition) ลงชื่อขอแยกตัวออกจากอังกฤษโดยเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสก็อตแลนด์ภายใต้แคมเปญจ์ "Allow the north of England to secede from the UK & join Scotland" ขณะนี้มียอดผู้ร่วมลงนามแล้วจำนวน 35,000 รายชื่อ อุณหภูมิทางการเมืองภายในของอังกฤษกำลังจะกลับมาร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง น่าจับตาดู
    The Eyes
    17/05/2558
    ----------
    #TakeUsWithYouScotland: 1000s in N. England sign petition to join 'future independent Scotland' — RT UK
    Cameron Cannot Keep Scotland From Holding New Referendum - SNP / Sputnik International
    Anti-Austerity Rallies Terminate in Cardiff, Sheffield / Sputnik International
    Around 1,000 People Take Part in UK's Sheffield Anti-Austerity Protests / Sputnik International
    UK Government Slammed for Plans to Cover Up Political Lobbying / Sputnik International
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    หรือว่าจักวรรดิอังกฤษใกล้จะถึงคราวอวสานซะแล้ว... นิวซีแลนด์เร่งประกาศเปลี่ยนธงชาติใหม่

    [​IMG]

    --------------
    เมื่ออเมริกายังแยกการปกครองออกมาจากอังกฤษได้ แล้วทำไมประเทศอื่นในเครือจักรภพของอังกฤษจะเอาอย่างบ้างไม่ได้ กรณีของสก็อตแลนด์นั้นเล่าให้ฟังบ่อยแล้ว คราวนี้มาดูอีกประเทศหนึ่งบ้างซึ่งก็คือนิวซีแลนด์ (อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของออสเตรเลีย) ซึ่งทำท่าทีอยากจะแยกตัวออกจากการปกครองของอังกฤษมานานแล้ว แต่ก็ยังกล้าๆกลัวๆ ต้องเร้าอารมณ์ของประชาชนในชาติให้ได้ที่และรอเวลาสุกงอมซะก่อนถึงรุกฆาตก็ยังไม่สาย
    เมื่อราวเดือนตุลามคมปีที่แล้ว (2014) รัฐบาลนิวซีแลนด์ประกาศว่าจะเปลี่ยนธงชาติของประเทศนิวซีแลนด์ใหม่ จุดมุ่งหมายก็คือเอาภาพ "Union Jack" ที่เป็นเครื่องหมายบวกกับเครื่องหมายคูณซ้อนกันมีแถบสีแดงขอบสีขาวอยู่มุมบนด้านซ้ายของธงชาตินิวซีแลนด์ในปัจจุบันนี้ออกไป โดยมีการประกวดแข่งขันการออกแบบธงชาติใหม่
    นาย John Key นายกรัฐมนตรีและนาย Bill English รองนายกฯของนิวซีแลนด์ได้กล่าวเมื่อปีที่แล้วว่า "ธงของพวกเราเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญในการกำหนดอัตลักษณ์ประจำชาติของพวกเรา และผมเชื่อว่าบัดนี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้วสำหรับประเทศนิวซีแลนด์ที่จะพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงการออกแบบธงชาติที่แสดงให้เห็นถึงสถานะของพวกเราให้เหมาะสมกว่าเดิมในฐานะที่เป็นประเทศเอกราชและให้ทันสมัย"
    หากแผนนี้ไม่ประสบผลสำเร็จ นายกฯของนิวซีแลนด์ก็มีแผนบีกันหน้าแตกเอาไว้ว่า "อย่างไรก็ตาม ผมก็ขอกล่าวไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยว่า การรักษาไว้ซึ่งธงผืนปัจจุบันก็เป็นผลที่อาจะเป็นไปได้ในกระบวนการนี้ และการพิจารณาทางเลือกต่างๆจะกระทำด้วยความระมัดระวังและด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ต่อมติที่ไม่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลง"
    กระบวนการเปลี่ยนธงชาติของนิวซีแลนด์นี้ใช้เวลาประมาณ 2 ปี ซึ่งสรุปได้ดังนี้ ขั้นแรกตั้งคณะกรรมการพิจารณาตัดสินการออกแบบธงชาติขึ้นมาก่อน ขั้นตอนที่สองก็คือออกร่างกฎหมายให้สามารถทำการลงประชามติเกี่ยวกับการออกเสียงเลือกธงชาติใหม่ 2 รอบ โดยการลงประชามติรอบแรกจะจัดขึ้นในปลายปีนีื (2015) ซึ่งจะให้ประชาชนออกเสียงเลือกแบบธงชาติที่มีผู้ส่งเข้าประกวดและส่งต่อไปให้กับคณะกรรมมการตัดสิน (เลือกหลายผืนหลายแบบ?) จากนั้นก็จะจัดให้มีการทำประชามติขึ้นมาอีกครั้งในปี 2016 ซึ่งจะเป็นการตัดสินว่าจะเอาธงชาติที่มีการออกแบบใหม่หรือว่าจะเอาแบบเดิมที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้
    โครงการนี้ใช้งบประมาณทั้งหมด $25.7 million (ประมาณ 863 ล้านกว่าบาท) ดูจากภาพการออกแบบที่มีผู้ส่งเข้าไปประกวดแล้วตอนนี้มีจำนวนทั้งหมดประมาณ 850 แบบ นี่คือก้าวแรกในการขยับออกจากเงาของจักรวรรดิอังกฤษทีละน้อย ค่อยเป็นค่อยไป ทำให้ประชาชนรุ่นใหม่มีความรักชาติของตัวเองมากขึ้น ลดความสำคัญและอิทธิพลของอังกฤษลง เมื่อได้ที่แล้วก็ประกาศทำประชามติเรียกร้องความเป็นเอกราช/ประกาศอิสรภาพจากอังกฤษทันที หากนิวซีแลนด์ทำได้ ออสเตรเลียก็จะอาจจะทำตามบ้าง อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ในอดีตของอังกฤษที่ได้มาจากการล่าอาณานิคมก็จะค่อยๆเสื่อมสลายไปทีละนิดๆ ตามหลักไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา)
    The Eyes
    16/05/2558
    ----------
    New Zealanders Draw Up New Flags in Project to Ditch Union Jack / Sputnik International
    Process to Consider Changing the New Zealand Flag | DPMC
    https://www.govt.nz/browse/engaging-with-government/the-nz-flag-your-chance-to-decide/gallery/
    First steps taken towards flag referendum | Ministry for Culture and Heritage
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มกราคม 2017
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,631
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ปอกเปลือก ทรราช
    วิธีแก้ไขปัญหาผู้อพยพจากต่างถิ่นของอิสราเอล : "จะกลับบ้านหรือจะเข้าคุก!" ง่ายๆ ชัดเจน ยูเอ็นพูดไม่ออก!

    [​IMG]

    --------------
    สื่อฯตะวันตกและสื่อฯกระแสหลักของไทยกำลังเล่นข่าวผู้อพยพชาวโรงฮิงญาในเมืองไทย ครั้นแอ็ดมินจะเล่นข่าวนี้ด้วยก็เกรงว่าสมาชิกแฟนเพจจะเบื่อซะก่อน แอ็ดมินก็เลยพาไปดูเรื่องผู้อพยพลี้ภัยและการค้ามนุษย์ในต่างประเทศบ้างเพื่อเปลี่ยนสถานที่ แต่บรรยากาศเดียวกัน วันนี้ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับเรื่องผู้อพยพจากลิเบียในยุโรปให้ทั้งอ่าน ฟัง และชมติดต่อกันไปถึง 3 โพสต์แล้ว ขอต่ออีกซักโพสต์นะครับ อารมณ์จะได้ต่อเนื่อง จากนั้นค่อยไปดูข่าวอื่นๆที่น่าสนใจกัน
    คราวนี้ก็มาดูอีกประเทศหนึ่งบ้างว่าเขามีวิธีการจัดการปัญหาเกี่ยวกับเรื่องผู้อพยพลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายอย่างไรบ้าง จะพาไปดูที่อิสราเอล ฮึ! ฟังผิดหรือเปล่า อิสราเอลมีผู้อพยพมาอาศัยอยู่ด้วยรึ? มีสิครับ ไม่ใช่ชาวปาเลสไตน์นะ มาจากที่อื่นในแอฟริกา ซึ่งก็คือเอธิโอเปีย เป็นประเทศที่ไม่ติดทะเล เพราะมีโซมาเลีย จิบูติ และเอริเทรียคั่นเอาไว้กึ่งกลางระหว่างทะเลแดงกับอ่าวอาดัง (Aden) ของเยเมน
    เมื่อวานนี้ (15 พ.ค.58) สำนักข่าว RT News ของรัสเซียรายงานข่าวจากประเทศอิสราเอลว่า อิสราเอลกดดันให้ผู้อพยพชาวแอฟริกันออกจากประเทศอิสราเอลด้วยการยื่นคำขาดว่า "Go home or go to jail!" (จะกลับบ้านหรือจะเข้าคุก!) นี่คือการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ผู้อพยพชาวต่างชาติสไตล์อิสราเอลหละ ชัดเจน แจ่มแจ้ง เล่นเอายูเอ็นกุมกระหมับพูดไม่ออกเลย
    คืออย่างนี้ครับ ตามรายงานข่าวบอกว่าทางรัฐบาลอิสราเอลได้ยื่นข้อเสนอให้กับผู้อพยพผิดกฎหมายหลายรายเป็นจำนวนเงิน $3,500 (ประมาณหนึ่งแสนกว่าบาท) พร้อมให้ตั๋วเดินทางแบบเที่ยวเดียว (a one-way ticket) เพื่อเป็นการเริ่มต้นสะกัดกั้นผู้ลี้ภัยจากต่างถิ่น หากผู้อพยพไม่รับข้อเสนอนี้จะถูกรัฐบาลอิสราเอลจับขังคุกแทน ส่วนจะติดคุกนานแค่ไหนนั้นรัฐบาลอิสราเอลไม่ได้บอกไว้
    อิสราเอลบอกว่าการออกมาตรการรุนแรงและเข้มงวดแบบนี้ก็เพื่อเป็นการส่งสัญญาณไปยังกลุ่มผู้อพยพที่กำลังจะตามมาให้รับรู้ว่าการเดินทางมาที่อิสราเอล (ในฐานะผู้อพยพผิดกฎหมาย) ไม่คุ้มค่าหรอก และเพื่อเป็นการหยุดยั้งการไหลทะลักของผู้อพยพเข้ามาในอิสราเอล ทางรัฐบาลอิสราเอลก็ได้สร้างรั้วเหล็กตามแนวชายแดนอียิปต์เอาไว้ด้วย นอกจากนี้ยังได้สร้างบ้านพักสำหรับผู้อพยพในค่ายกักกันไว้ในกลางทะเลทรายด้วย รวมทั้งได้งดออกใบอนุญาตทำงานเพื่อยับยั้งกลุ่มผู้อพยพที่กำลังจะมา นี่แหละวิธีการต้อนรับผู้อพยพของรัฐบาลอิสราเอล เอาไปขังคุกไว้กลางทะเลทรายโน่น ใครจะแอบเข้าเมืองในอิสราเอลอีก ถ้าจับได้ จะถูกส่งไปอยู่ในค่ายกักกันกลางทะเลทรายซะเลย
    อิสราเอลได้สร้างค่ายผู้ลี้ภัยขึ้นมาเพื่อรองรับและต้อนรับชาวยิวที่เดินทางมาจากทั่วโลกที่หวังว่าจะไปตั้งหลักปักฐานอยู่ที่อิสราเอลตามคำโฆษณาเชิญชวนของรัฐบาลอิสราเอล ตั้งแต่ปี 1990 มีชาวยิวจากทั่วโลกรวมทั้งจากสหภาพโซเวียตได้เดินทางไปอยู่ที่อิสราเอลแล้วมากกว่าหนึ่งล้านคน ชาวยิวจากประเทศเอธิโอเปียก็มองหาช่องทางที่จะไปตั้งหลักปักฐานอยู่ในอิสราเอลด้วย แต่ชีวิตไม่ได้เป็นไปตามที่ฝันไว้เสมอไป
    เพราะอะไร? คำว่า "ชาวยิว" (Jews/Jewish) หมายถึงทั้งกลุ่มชาติพันธุ์ (ผิวขาวคล้ายคนยุโรป) ซึ่งเคยเป็นทาสของอียิปต์เมื่อราว 2,000 กว่าปีที่แล้ว และยังหมายถึงศาสนิกที่นับถือศาสนายูดาย และยังหมายถึงสัญชาติด้วย ในเอธิโอเปีย (แอฟริกา) ก็มีชาวแอฟริกัน (ผิวดำ) นับถือศาสนายูดาย (ยิว) ด้วย เมื่อรัฐบาลอิสราเอลประกาศให้ชาวยิวทั่วโลกเดินทางมาอยู่ที่อิสราเอล ชาวยิวเชื้อสายแอฟริกันก็เดินทางมาที่อิสราเอลด้วย ก็มีทั้งที่ถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ชาวยิวเชื้อสายแอฟริกันส่วนมาที่มาอาศัยอยู่ในอิสราเอลก็จะอยู่ที่เมือง Haifa
    ปัญหาก็คือเรื่องเหยียดผิวจากฝั่งอิสราเอลผิวขาวก็เกิดขึ้น อิสราเอลผิวขาวบางกลุ่มไม่ชอบแอฟริกัน-อิสราเอลผิวดำ ขนาดทหารเป็นคนผิวดำยังถูกตำรวจอิสราเอลผิวขาวรุมอัดปางตายมาแล้ว เมื่อวันที่ 13 พ.ค.58 ที่ผ่านมาก็พึ่งเกิดการประท้วงเหยียดผิวครั้งใหญ่ขึ้นในเมือง Haifa ของอิสราเอลด้วย มีการกระทบกระทั่งกันระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐชาวอิสราเอลผิวขาวกับประชาชนชาวอิสราเอลผิวดำอยู่บ่อยครั้ง แต่สื่อฯกระแสหลักของตะวันตกก็ไม่ค่อยจะกล้าลงข่าวซักเท่าไรนัก
    กลับมาที่เรื่องการแก้ปัญหาผู้อพยพชาวแอฟริกันในอิสราเอลต่อ รัฐบาลอิสราเอลได้ทำการต่อรองกับประเทศต่างๆในแอฟริกาให้รับผู้ลี้ภัยเพิ่มขึ้น โดยสื่อฯเดาว่าทางอิสราเอลอาจจะเสนอเทคโนโลยี่ เงิน และสัญญาต่างๆให้กับประเทศเหล่านั้นเป็นข้อแลกเปลี่ยน หากประเทศเหล่านั้นรับผู้อพยพลี้ภัยชาวแอฟริกันที่พยายามจะเข้ามาตั้งหลักปักฐานในอิสราเอลเพิ่มขึ้น
    เห็นได้ชัดว่าในขณะที่อิสราเอลพยายามชักชวนชาวยิวจากทั่วโลกให้ไปอยู่ที่อิสราเอล แต่ในขณะเดียวกันอิสราเอลก็พยายามผลักดันชาวยิวที่เป็นเชื้อสายแอฟริกันออกไปจากอิสราเอลและไม่ต้อนรับอีกด้วย ยกเว้นคนรวย มีความรู้ มีฐานะเท่านั้น แล้วอย่างนี้เข้าข่ายการเหยียดผิวไหม? ชัดยิ่งกว่าชัดซะอีก
    The Eyes
    16/05/2558
    ----------
    Go home or go to jail: Israel pressures African migrants to leave — RT News
    http://rt.com/news/258033-ethiopian-jews-protest-haifa/
    'Ethiopian Jews protests indicate failed Israeli absorption policy' — RT Op-Edge
     

แชร์หน้านี้

Loading...