ติดตามสถานะการณ์

ปอกเปลือก ทรราช
รัสเซียเตรียมเปิดที่ทำการหน่วยข่าวกรองและสืบราชการลับในคิวบาอีกครั้ง



--------------
เมื่อวันที่ 5 พ.ค.58 ที่ผ่านมาเห็นสำนักข่าวทาสส์ของรัสเซียลงข่าวว่าโฆษกสภาดูม่า (State Duma) ซึ่งเป็นสภาล่างของรัสเซียได้เดินทางไปเยี่ยมเจ้าหน้าที่รัฐสภาของคิวบา ปรึกษาหารือเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างรัฐสภาของทั้งสองประเทศให้แน่นแฟ้นและกว้างขวางยิ่งขึ้นด้วย แอ็ดมินเห็นว่าเหมือนมีการเคลื่อนไหวบางอย่างระหว่างรัสเซียกับคิวบา ซึ่งน่าจะเกี่ยวกับข้องกับท่าทีของสหรัฐฯที่หันมาทำทีเป็นมิตรกับคิวบาแทนการตัดสายสัมพันธ์อย่างที่ทำมาแล้วในอดีต แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลในรายละเอียดเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวในครั้งนี้มากนักจึงไม่ได้นำข่าวมาเล่าให้ฟัง
และแล้ว... เมื่อวันที่ 8 พ.ค.58 ที่ผ่านมาสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งซึ่งรวมทั้ง RT ของรัสเซียด้วยก็ลงพาดหัวข่าวว่า "รัสเซียเตรียมยกเครื่องเปิดฐานปฏิบัติการสายลับในคิวบา - สมาชิกรัฐสภากล่าว" นั่นไง... ว่าแล้วไง ต้องมีอะไรซักอย่างแน่ๆ และก็มีจริงๆด้วย แล้วดีหรือเปล่า? ต้องอ่านดู รับรองว่าบางคนพอรู้ข่าวนี้แล้วคงจะไม่ปลื้มสักเท่าไรนัก แต่ปูตินก็คงจะบอกว่ามันช่วยไม่ได้อ่ะ ก็รัสเซียกับคิวบาเค้าซี้ปึ๊กกันซะขนาดนั้นนิ
สมาชิกอาวุโสคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคงของประเทศในสภาดูม่าของรัสเซียกล่าวกับนักข่าวว่า ในขณะที่รัสเซียกำลังฟื้นฟูความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมทางทหารร่วมกับคิวบาอยู่นี้ ในเร็วๆนี้รัสเซียจะเปิดศูนย์ข่าวกรอง Lourdes ใกล้กรุงฮาวานาเมืองหลวงของประเทศคิวบา
ส.ส. Dmitry Gorovtsov ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว RIA Novosti (Sputnik news) ของรัสเซียว่า "ผมคิดว่าในอนาคตอันใกล้ที่สุดนี้ (ต้องมีที่สุดด้วยนะ เพราะมันใกล้จริงๆอ่ะ) พวกเราจะสามารถกลับมาเปิดฐานหน่วยข่าวกรองทางสัญญาณวิทยุใน Lourdes SIGINT ที่ใช้งานเป็นครั้งแรกตั้งแต่ยุคสหภาพโซเวียต (USSR) และต่อจากนั้นก็ใช้งานโดยรัฐบาลของรัสเซียได้อีกครั้งหนึ่ง"
ทำไมรัสเซียถึงกลับมาตั้งฐานสายลับในคิวบาอีกครั้งหนึ่ง? มาฟังคำพูดของสมาชิกสภาดูม่าของรัสเซียดูบ้าง Dmitry Gorovtsov กล่าวว่า "ภายใต้เงื่อนไขต่างๆที่สร้างขึ้นมาในเวทีนานาชาติซึ่งเป็นผลมาจากการกดดันจากฝั่งสหรัฐฯและนโยบายแซงชั่นต่อต้านรัสเซีย [เราจะ] พัฒนาความร่วมมือกับสาธารณรัฐคิวบาในทิศทางที่เป็นการฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่ประเทศทั้งสองได้มีมาจนถึงกลางปี 1980" ส่วนรายละเอียดในการสร้างความร่วมมือทางกองทัพระหว่างคิวบากับรัสเซียนั้นทางการของรัสเซียยังไม่เปิดเผย
ฐานปฏิบัติการสายลับ Lourdes (AKA the SIGINT facility) ของรัสเซียในคิวบาเปิดทำการครั้งแรกในปี 1967 ซึ่งถือว่าเป็นฐานปฏิบัติการด้านข่าวกรองสัญญาณวิทยุในต่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดของสหภาพโซเวียต มีบุคคลากรทำงานในยุคสงครามเย็นอยู่ถึง 3,000 คน หลังจากที่สหภาพโซเวียตล่มสลาย ฐานดังกล่าวก็ลดขนาดลง แต่ก็ยังมีปฏิบัติการอยู่เรื่อยมา ในปี 1993 ปธน. Raul Castro ซึ่งเป็นรมว.กลาโหมของคิวบาในสมัยนั้นกล่าวว่า รัสเซียได้รับสัญญาข่าวกรองทางวิทยุของอเมริกาผ่านศูนย์ Lourdes ถึง 75 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ตามในปี 1992 ทางคิวบาได้เรียกร้องให้รัสเซียจ่ายค่ารักษาศูนย์ข่าวกรองที่ยังเปิดอยู่ในคิวบาเป็นจำนวนเงินหลายร้อยล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ กรุงมอสโคว์ก็เริ่มมีแนวความคิดที่จะทำการปิดศูนย์ข่าวกรองดังกล่าว อย่างไรก็ตามในปี 2000 ทางสหรัฐฯได้ (ยื่นข้อเสนอให้) ทำการปิดศูนย์ Lourdes ภายใต้เงื่อนไขที่สำคัญแลกกับการปรับเปลี่ยนหรือยกเลิกหนี้สินของรัสเซียที่มีต่อสหรัฐฯ
ในปี 2001 ฐานปฏิบัติการข่าวกรอง Lourdes ของรัสเซียก็หยุดปฏิบัติการในคิวบา ต่อมาในปี 2014 หนังสือพิมพ์รายวัน Kommersant ด้านธุรกิจของรัสเซียรายงานว่า รัสเซียได้บรรลุข้อตกลงกับคิวบาในการเปิดใช้งานอุปรณ์ด้านข่าวกรองที่ Lourdes อีกครั้งระหว่างที่ปูตินเดินทางไปเยี่ยมผู้นำคิวบา หนังสือพิมพ์อ้างแหล่งข่าวที่สำคัญจากหลายแห่ง แต่ทูตรัสเซียประจำคิวบาก็ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว โดยอ้างว่ารายงานดังกล่าวเป็นความพยายามที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศมืดมนลงอีก
และแล้ว เมื่อสหรัฐฯเล่นเกมต่อต้านรัซเซีย พยายามจะโดดเดี่ยวรัสเซียเพื่อขยายจักรวรรดิอเมริกันปกครองโลกแต่เพียงผู้เดียว มีหรือที่รัสเซีย จีน อินเดีย และอีกหลายประเทศจะยอมให้สหรัฐฯมาชี้มือออกคำสั่งกับประเทศเหล่านั้นที่มีอธิปไตยเป็นของตัวเอง ปูตินจึงเดินเกมสั่งสอนอเมริกาบ้างหละ
นอกจากรัสเซียจะเปิดฐานหน่วยข่าวกรอง Lourdes ที่คิวบาแล้ว รัสเซียยังพยายาขยายฐานปฏิบัติการภาคพื้นดินของดาวเทียม GLONASS stations ทั้งในจีน คิวบา นิการากัว และเวียตนามอีกด้วย ระบบนี้ (GLONASS) ก็เหมือนกับการทำงานในระบบ GPS ของสหรัฐฯที่ใช้ติดตามและเป็นระบบนำทางผ่านดาวเทียมบอกตำแหน่งทางบก ทางทะเล และอากาศ ซึ่งรัสเซียได้ติดตั้งระบบนี้มาตั้งแต่ปี 1976 แล้ว ปัจจุบันนี้รัสเซียมีดาวเทียมที่ใช้ในระบบ GLONASS ของตนจำนวนทั้งสิ้น 28 ดวง โดย 24 ดวงนั้นใช้สำหรับปฏิบัติการด้านยานอวกาศ อีก 3 ดวงใช้เป็นดาวเทียมสำรอง ส่วนอีก 1 ดวงใช้สำหรับทดสอบ ความถูกต้องแม่นยำในการบอกตำแหน่งของระบบนี้ปัจจุบันนี้อยู่ที่ 3.5 เมตร รัสเซียกล่าวว่าในปี 2020 จะพัฒนาให้มีความถูกต้องแม่นยำอยู่ที่ 60 เซ็นติเมตรเลยทีเดียว
The Eyes
11/05/2558
----------
http://ทาสส์.ru/en/russia/792951
http://rt.com/politics/256829-russia-cuba-lourdes-base/
Lourdes SIGINT Station - Wikipedia, the free encyclopedia
http://ทาสส์.ru/en/non-political/791173
http://ทาสส์.ru/en/non-political/791173

 

กิน เที่ยว ที่ปากพนัง

"ข้อมูลจากเฟส กิน เที่ยว ที่ปากพนัง ลงวันที่ 10 พฤษภาคม 2558 เวลาประมาณ 19.00 น."







ที่ บ้านวงศ์เบี้ยสัจจ์ ปากพนัง

 

ค้าปลีกสหรัฐฯ-นอร์เวย์ เว้น 'เทสโก้' เลิกซื้ออาหารทะเลบริษัทไทย
โดย ข่าวต่างประเทศ 26 มิ.ย. 2557 14:44



บริษัทค้าปลีกในสหรัฐฯ, ไอซีเอ ในนอร์เวย์ ยกเว้นเทสโก้ของอังกฤษ ประกาศยกเลิกสั่งซื้ออาหารสดจากบริษัทซีพี ฟูดส์แล้ว หลังคาร์ฟูร์ ของฝรั่งเศส หยุดสั่งซื้อไปก่อนหน้า ตอบโต้ปัญหาการค้ามนุษย์และกระทำทารุณแรงงานต่างด้าวในไทย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 26 มิ.ย.ว่า บริษัทค้าปลีกในต่างประเทศหลายแห่ง ได้แก่ โฮลฟู้ดส์ ในสหรัฐฯ, ไอซีเอ ในนอร์เวย์ ประกาศยกเลิกการสั่งซื้ออาหารทะเลสด จากบริษัท CP Foods ของไทยแล้ว ขณะที่ คาร์ฟูร์ ของฝรั่งเศส ได้หยุดสั่งซ้ือไปก่อนหน้า หลังจาก นสพ.เดอะการ์เดียน ในอังกฤษรายงานปัญหาแรงงานต่างด้าวในประเทศไทย ถูกกระทำทารุณ โดยเฉพาะอย่างย่ิงในภาคอุตสาหกรรมการประมง การจับกุ้งส่งไปขายตามห้างค้าปลีกชื่อดังทั่วโลก อีกทั้งกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ยังได้ปรับลดระดับประเทศไทยลงไปอยู่ระดับ 3 หรือ Tier3 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดของการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์


ด้าน บริษัท โฮลฟู้ดส์ (Whole Foods) ออกแถลงการณ์ว่า บริษัทไม่ได้สั่งซื้อสินค้าจากบริษัทซีพี ฟู้ดส์ เนื่องจาก ‘บริษัทไม่สามารถอดทนได้’ กับการละเมิดสิทธิมนุษยชนในกระบวนการผลิต พร้อมกันนั้น บริษัทโฮลฟู้ดส์ยังระบุด้วยว่า สัญญาการสั่งซื้อสินค้ากับบริษัทซัพพลายเออร์ของโฮลฟู้ดส์ จะต้องมีการรักษามาตรฐาน อย่างไรก็ตาม บริษัทโฮลฟู้ดส์จะหยุดการทำธุรกิจกับบริษัทซีพีฟู้ดส์ชั่วคราว จนกว่าซีพีฟู้ดส์ จะสามารถแก้ปัญหาได้

ขณะเดียวกัน บริษัท วอลมาร์ท และ บริษัท คอสโก้ เครือข่ายร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตปลีกย่อยในอเมริกา ก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการตัดสินใจว่าจะดำเนินการทำธุรกิจกับซีพีฟู้ดส์ต่อไปหรือไม่ โดยในสัปดาห์นี้ วอลมาร์ท จะมีการประชุมหารือกับผู้ถือหุ้น องค์กรและบริษัทเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาแนวทางการแก้ปัญหาสำหรับกรณีนี้ และจะร่วมมือกับบริษัทคู่ค้า ร้านอาหาร และอุตสาหกรรมผลิตอาหารทะเลเพื่อแก้ไขปัญหานี้ต่อไป

ส่วน บริษัทคอสโก้ได้ออกมายืืนยันจุดยืนกับสื่อ ว่า คอสโก้จะช่วยผลักดันให้บริษัทคู่ค้าแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น และบริษัทได้เข้าร่วมกับโครงการ ‘โปรเจกต์อิสระ’ ซึ่งเป็นโครงการความร่วมมือนานาชาติเพื่อแก้ไขปัญหาแรงงานทาสระหว่างประเทศ และการกำจัดการค้าแรงงานทาสในอุตสาหกรรมอาหารทะเลในประเทศไทย โดยโครงการดังกล่าวมี วอล์มาร์ท คอสโก้ และคาร์ฟูร์ บริษัทเจ้าของเครือข่ายร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตสัญชาติฝรั่งเศส และเทสโก้ บริษัทเจ้าของเครือข่ายร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ในอังกฤษเข้าร่วมโครงการ

ทั้งนี้ บริษัท เทสโก้ ได้แถลงการณ์ชี้แจงผ่านหนังสือพิมพ์ เดอะ การ์เดียน เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ที่ผ่านมา ว่าบริษัทได้ทราบมาสักระยะหนึ่งแล้วว่าได้มีการใช้แรงงานทาสในการผลิตสินค้าในฟาร์มกุ้งในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทจะไม่เลิกสั่งสินค้าจากซีพี แต่จะใช้อิทธิพลของบริษัทช่วยผลักดันให้ซีพีเดินหน้าแก้ไขและยุติปัญหาแรงงานทาส

ค้าปลีกสหรัฐฯ-นอร์เวย์ เว้น 'เทสโก้' เลิกซื้ออาหารทะเลบริษัทไทย - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

ขรก.แห้วรัฐยกเลิกโครงการเงินกู้ซื้อบ้าน
+โพสต์เมื่อวันที่ : 8 พ.ค. 2558
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติยกเลิกโครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย
การประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 7 พ.ค. ที่ประชุม มีมติเห็นชอบให้ยกเลิกโครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของข้าราชการ และนำเงินงบประมาณในโครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของข้าราชการที่กรมบัญชีกลางฝากอยู่ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ส่งคลังเป็นรายได้แผ่นดิน
พร้อมกันนี้ อนุมัติหลักการร่างพระราชพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2535 พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วส่งให้คณะกรรมการประสานงานสภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณา ก่อนเสนอสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไป
สาระสำคัญของเรื่อง
ยกเลิกโครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของข้าราชการ และให้ตราร่างพระราชกฤษฎีกายกเลิกพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2535 พ.ศ. .... ซึ่งมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. กำหนดให้ยกเลิกพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2535
2.กำหนดให้ ธอส. นำเงินตามโครงการสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยของข้าราชการพร้อมดอกเบี้ย ที่เกิดจากโครงการดังกล่าวทั้งหมดคืนให้กรมบัญชีกลาง เพื่อส่งคืนเป็นรายได้แผ่นดิน
3. กำหนดให้ข้าราชการและลูกจ้างประจำซึ่งได้กู้เงินตามโครงการฯ ตามพระราชกฤษฎีกาสวัสดิการเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2535 และอยู่ระหว่างผ่อนชำระเงินกู้ในวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ ให้คงมีสิทธิและหน้าที่ความรับผิดชอบตามโครงการฯ ต่อไปจนกว่าสัญญาสิ้นสุด หรือออกจากการเข้าร่วมโครงการดังกล่าว
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ หนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ วันที่ 7 พฤษภาคม 2558

 

งานกร่อย! “กษัตริย์ซาอุฯ-บาห์เรน” ปฏิเสธเทียบเชิญประชุมซัมมิตกับ “โอบามา” ส่งเพียงมกุฎราชกุมารไปแทน โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 พฤษภาคม 2558 12:43 น.


@สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบีย และประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ

เอเอฟพี – สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานแห่งซาอุดีอาระเบียโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ มกุฎราชกุมารพระองค์ใหม่ เสด็จฯ แทนพระองค์ไปร่วมการประชุมซัมมิตซึ่งประธานาธิบดี บารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นที่แคมป์เดวิด มลรัฐแมริแลนด์ ในวันพฤหัสบดีนี้ (13 พ.ค.) โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันว่า การที่พระประมุขแห่งซาอุฯ ไม่เสด็จฯ มาด้วยพระองค์เองมิใช่การตอบโต้ในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง และไม่ถือว่าผิดมารยาทการทูตแต่อย่างใด

โอบามา ได้ส่งเทียบเชิญพระมหากษัตริย์ เอมีร์ และสุลต่านแห่งรัฐอ่าวอาหรับรวม 6 พระองค์ ให้เสด็จฯ มาเยือนบ้านพักแคมป์เดวิด ซึ่งถือเป็นความพยายามสร้างความเชื่อมั่นต่อชาติพันธมิตรในตะวันออกกลาง ในขณะที่วอชิงตันกำลังเจรจากับอิหร่านว่าด้วยการควบคุมกิจกรรมนิวเคลียร์

แผนจัดประชุมซัมมิตของ โอบามา ครั้งนี้ทำท่าจะไม่สำเร็จงดงามอย่างที่คิด เพราะจะมีบุคคลระดับประมุขรัฐเข้าร่วมการประชุมเพียง 2 พระองค์เท่านั้น

สถานทูตซาอุฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. แถลงเมื่อวานนี้ (10)ว่า เจ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ มกุฎราชกุมาร จะทรงเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนซาอุฯ เข้าร่วมประชุมกับโอบามา ขณะที่เจ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน พระราชโอรสของสมเด็จพระราชาธิบดีซึ่งมีตำแหน่งเป็นรัชทายาทลำดับที่ 2 และเป็นผู้ผลักดันให้ซาอุฯ ส่งเครื่องบินเข้าไปโจมตีกบฏเยเมน ก็จะเสด็จฯ ด้วย

ทั้งนี้ มีกระแสข่าวลือมาเนิ่นนานตั้งแต่ก่อนจะทรงครองราชย์ว่า สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานทรงพระประชวรโรคความจำเสื่อม ซึ่งทำให้พระราชโอรสและมกุฎราชกุมารต้องทรงปฏิบัติภารกิจด้านการต่างประเทศแทนพระองค์เสียเป็นส่วนใหญ่

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังคาดหมายว่าสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานจะเสด็จฯ เยือนสหรัฐฯ ด้วยพระองค์เอง จนกระทั่งค่ำวันศุกร์ที่แล้ว(8) จึงได้รับแจ้งจากทางการซาอุฯ ว่ามีการเปลี่ยนแปลง

“สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การตอบโต้เรื่องใดทั้งสิ้น” เจ้าหน้าที่อาวุโสในรัฐบาลสหรัฐฯ ยืนยัน

สมเด็จพระราชาธิบดี ฮามาด บิน อิสซา อัล-คอลิฟา แห่งบาห์เรน ก็โปรดเกล้าฯ ให้มกุฎราชกุมารเสด็จฯ ไปร่วมประชุมแทนพระองค์เช่นกัน ซึ่งหมายความว่า โอบามา จะได้พบบุคคลระดับประมุขรัฐจากกาตาร์และคูเวตเท่านั้น ทั้งที่ได้ส่งเทียบเชิญอย่างเอิกเกริก

ทำเนียบขาวหวังว่า การประชุมซัมมิตครั้งนี้จะช่วยลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจรจาควบคุมนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งรัฐอ่าวอาหรับมองว่าไม่ต่างจากการต่อรองกับ “ปีศาจ” และยังรู้สึกว่า โอบามา ให้ความสำคัญกับพันธมิตรสุหนี่ในตะวันออกกลางน้อยลง

เจ้าหน้าที่รัฐอ่าวอาหรับเรียกร้องให้สหรัฐฯ ยอมจำหน่าย F-35 ซึ่งเป็นสุดยอดเครื่องบินขับไล่สเตลธ์ยุคที่ 5 ให้แก่พันธมิตรแถบนี้ และทำข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะรับรองความมั่นคงหากเกิดภัยคุกคามจากอิหร่าน

ข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ฉบับสมบูรณ์ซึ่งจะต้องเจรจาให้สำเร็จลุล่วงภายในเดือนมิถุนายนนี้ จะทำให้อิหร่านต้องตัดทอนกิจกรรมนิวเคลียร์ลงอย่างมาก เพื่อแลกกับการเพิกถอนมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและปล่อยเงินทุนที่อายัดไว้เป็นมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

รัฐอ่าวอาหรับเกรงว่า เตหะรานอาจนำเม็ดเงินมหาศาลเหล่านี้ไปใช้ซื้ออาวุธ หรือสนับสนุนกองกำลังท้องถิ่นชีอะห์ในภูมิภาค

เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ประเด็นสำคัญที่จะมีการพูดคุยกับผู้นำรัฐอ่าวอาหรับคือการสนับสนุนโครงสร้างด้านการป้องกันประเทศ โดยเน้น “ความร่วมมือในด้านความมั่นคง การต่อต้านก่อการร้าย ความมั่นคงทางทะเล ความมั่นคงไซเบอร์ และระบบป้องกันขีปนาวุธ”

สถานทูตซาอุฯ ได้อ้างคำชี้แจ้งของ อเดล อัล-ญุเบร์ รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งระบุว่า สมเด็จพระราชาธิบดีซัลมานไม่สามารถเสด็จฯ เยือนสหรัฐฯ ได้ด้วยเหตุผลเรื่อง “เวลาในการจัดประชุม ซึ่งไปตรงกับช่วงที่ซาอุฯ และกบฏเยเมนทำข้อตกลงหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม รวมถึงพิธีเปิดศูนย์ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแห่งสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน”

 

ดีครับให้ท่านผู้นำรับรู้ถึงปัญหาการค้ามนุษย์ในบ้านตัวเองบ้างก็ดี ชาติจะได้เจริญขึ้น
ถ้าเราลดปัญหาการค้ามนุษย์ได้ จะดูซิว่าประเทศพวกนั้นมันจะกลับมาคบกับเรายังไง
ประเทศที่ไม่เจอเทียร์สาม ค้ามนุษย์มากกว่าเราก็มีเยอะทำไมไม่ไปลดระดับเขาบ้าง
อย่างประเทศปลายทางนี่ตัวดีเลย (ที่แบนเรามันเสียผลประโยชน์จากการรวมอาเซียน)

 

Re-Postโปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล
ข้อมูลแผ่นดินไหว 2 เขื่อนน่าห่วง
(โดย มติชน 25 มกราคม 2549, ASTVผู้จัดการออนไลน์ 25 มกราคม 2549 11:54 น.)



ศรีนครินทร์-เขาแหลม "รอยเลื่อน"พร้อมปะทุ จี้"12จว.-กทม."รับมือ
ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวยกข้อมูลล่าสุดเตือน พบรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์เคลื่อนตัวตลอดเวลา จี้วางระบบเตือนภัย เตรียมแผนอพยพ ดูแล 2 อำเภอในเมืองกาญจน์เป็นพิเศษ เชื่อแค่ไหวไม่ถึง 7.5 ริกเตอร์ เขื่อนศรีนครินทร์-เขาแหลม มีโอกาสแตกสูง อดีตวิศวกร กฟผ.อ้างข้อมูลบริษัทที่ปรึกษา 3 ประเทศ ระบุหากเขื่อนแตก น้ำจะท่วม 13 จว.
คณะอนุกรรมการสิทธิในทรัพยากรน้ำและแร่ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเวทีสัมมนาการเสี่ยงต่อภัยพิบัติและอันตรายจากการพิบัติของเขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี ขึ้นที่สำนักงาน กสม.เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 24 มกราคม โดยมีนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหว ตัวแทนจากบริษัท กฟผ. จำกัด (มหาชน) หรือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเดิมเข้าร่วม ทั้งนี้ ในเวทีสัมมนามีการเปิดเผยข้อมูลที่ค้นพบใหม่จากนักวิชาการผู้ชำนาญการเรื่องแผ่นดินไหว ที่อาจจะนำไปสู่ข้อสรุปที่ว่าพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งของเขื่อนศรีนครินทร์ ปัจจุบันมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดแผ่นดินไหวจากรอยเลื่อนที่มีพลังมหาศาลหากเกิดแผ่นดินไหวอาจทำให้เขื่อนแตกได้
ดร.ปัญญา จารุศิริ อาจารย์ประจำภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เชี่ยวชาญเรื่องแผ่นดินไหว กล่าวว่า จากการศึกษาเก็บข้อมูลรอยเลื่อนที่มีผลกระทบต่อตัวเขื่อนศรีนครินทร์ ซึ่งทำร่วมกับกรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ครั้งล่าสุด พบข้อมูลใหม่ที่น่าสนใจมากคือ รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ ที่อยู่ในเขตประเทศพม่า เคลื่อนตัวอยู่ตลอดเวลาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และมีรอยเลื่อนที่ชัดเจนมาก โดยรอยเลื่อนดังกล่าวจะค่อยๆ เลือนหายไปเมื่อเข้ามาในเขตประเทศไทย
"จากข้อมูลนี้ทำให้วิตกว่าพื้นที่ที่ถูกขนาบด้วยรอยเลื่อนคืออำเภอไทรโยค และสังขละบุรี (จ.กาญจนบุรี) ที่อยู่ติดกับชายแดนพม่าอาจได้รับอันตราย เราสำรวจพบว่าบริเวณดังกล่าวมีชุมชนอยู่ 550 หลังคาเรือน สะพาน 38 แห่ง และอ่างเก็บน้ำขนาดต่างๆ อีก 5 แห่ง รวมทั้งเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนเขาแหลม พื้นที่เหล่านี้ต้องได้รับการดูแลพิเศษเรื่องการเตือนภัย และเตรียมแผนอพยพไปสู่ที่ปลอดภัยให้พร้อม" ดร.ปัญญากล่าว
ดร.ปริญญา นุตาลัย นักวิชาการด้านแผ่นดินไหว กล่าวว่า ก่อนที่เขื่อนศรีนครินทร์จะถูกสร้างขึ้นมานั้น เคยคุยกับวิศวกรชาวญี่ปุ่น สมัยนั้นไม่ได้นำข้อมูลเรื่องแนวรอยเลื่อนแผ่นดินไหวมาพิจารณาในการก่อสร้างเลย สำหรับข้อมูลที่ กฟผ.อ้างอยู่ตลอดเวลาที่มีการถกเถียงเรื่องแผ่นดินไหวแล้วทำให้เขื่อนแตกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเขื่อนนี้สร้างไว้รองรับการไหวของแผ่นดินได้ถึง 7.5 ริกเตอร์นั้น ก็ไม่เป็นความจริง เพราะในอดีตก่อนสร้างไม่ได้นำเรื่องนี้มาเป็นตัวตั้ง และยังไม่มีความรู้เรื่องแนวรอยเลื่อนเท่ากับปัจจุบัน
"พื้นที่ตามแนวรอยเลื่อน ซึ่งมีเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนเขาแหลมรวมอยู่ด้วยนั้น ถ้าเกิดแผ่นดินไหวใต้เขื่อน ไม่จำเป็นต้องถึง 7.5 ริกเตอร์ เขื่อนก็มีโอกาสแตกอยู่ดี" ดร.ปริญญากล่าว
นายธำรง ธวัชชัยประชา ซึ่งร่วมในเวทีสัมมนาครั้งนี้ด้วย เปิดเผยว่า ตัวเองเป็นอดีตวิศวกรโยธา กฟผ.ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มวิศวกรที่ปรึกษาที่ดูแลรักษาเขื่อนศรีนครินทร์มาตั้งแต่เริ่มก่อสร้าง
"ยอมรับว่า ขณะนั้นผมมีความฮึกเหิมอย่างมากที่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างเขื่อนศรีนครินทร์ มั่นใจระบบการก่อสร้าง และไม่เคยยอมฟังคำทัดทานของใคร โดยเฉพาะอาจารย์ปริญญาที่ค้านมาตลอดว่าอันตรายมากที่สร้างเขื่อนทับแนวรอยเลื่อนที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหว กระทั่งเขื่อนสร้างเสร็จระยะหนึ่ง กฟผ.ให้บริษัทที่ปรึกษาจากสหรัฐอเมริกา สวีเดน และแคนาดา ตรวจประเมินเขื่อนจากข้อมูลเรื่องการเกิดแผ่นดินไหว ทั้ง 3 แห่ง สรุปผลออกมาเหมือนกันว่าจังหวัดกาญจนบุรีอาจเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ขนาด 7.5-8.0 ริกเตอร์ นั่นคือ มากกว่าที่ กฟผ.ออกแบบเขื่อนไว้ 500-4,000 เท่า และทั้งหมด แนะนำให้ กฟผ.เพิ่มมาตรการเสริมความแข็งแรงของเขื่อน" นายธำรงกล่าว
นายธำรงกล่าวว่า ที่ กฟผ.บอกกับสาธารณะว่าเขื่อนรับแรงไหวของแผ่นดินได้ 7.5 ริกเตอร์นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะความจริงคือ ตัวเลข 7.5 ริกเตอร์ ที่เขื่อนจะรองรับความเสียหายได้ จุดศูนย์กลางการเกิดแผ่นดินไหว จะต้องห่างจากตัวเขื่อนมากกว่า 250 กิโลเมตร แต่จากข้อมูลใหม่และความรู้ในปัจจุบัน พบว่าแนวรอยเลื่อนแผ่นดินไหวที่มีพลังนั้น อยู่บริเวณเดียวกับที่เขื่อนสร้างอยู่นั่นเอง
นายธำรงกล่าวว่า บริษัทที่ปรึกษาเหล่านั้นยังระบุอีกว่าหากเขื่อนศรีนครินทร์แตกแล้ว โอกาสที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมเป็นบริเวณกว้าง ครอบคลุม 13 จังหวัด 65 อำเภอ เป็นพื้นที่ถึง 7,500 ตารางกิโลเมตร หรือราว 4,700,000 ไร่ สำหรับพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) นั้น น้ำจะไหลมาถึงเขตบางกอกน้อย ตลิ่งชัน ธนบุรี ภาษีเจริญ จอมทอง ราษฎรบูรณะ และบางขุนเทียน ภายใน 35 ชั่วโมง และ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี จะเจอสภาพหนักสุด คือ น้ำจะไหลสู่ อ.เมือง ภายใน 5 ชั่วโมง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี 11 ชั่วโมง
"สมัยที่ผมอยู่ กฟผ.รู้สึกสำนึกผิดที่มีส่วนร่วมให้เกิดเขื่อนแห่งนี้ขึ้น หลังจากทราบข้อมูลจากหลายๆ ฝ่ายแล้ว จึงเขียนบันทึกขึ้นมา 25 หน้า ขอให้ กฟผ.เปลี่ยนเครื่องวัดระดับน้ำที่ท้ายเขื่อน เพื่อเพิ่มมาตรการเตือนภัย เพราะมาตรวัดล้าสมัยมาก รวมทั้งข้อมูลเรื่องรอยเลื่อนต่างๆ แต่บันทึกดังกล่าว ต้องผ่านผู้ใหญ่หลายระดับ ผมพยายามติดตาม แต่กระทั่งออกมาจาก กฟผ.ก็ยังไม่ได้ข่าวว่าบันทึกที่ผมทำขึ้นมานั้น ไปอยู่ที่ไหนกับใคร แต่ผมก็สำเนาเอกสารเก็บเอาไว้" นายธำรงกล่าว
ขณะที่นายแกว่น สีตะธนี ผู้จัดการฝ่ายบำรุงรักษาโยธา กฟผ. ซึ่งนั่งในเวทีนี้ด้วย กล่าวว่า ขณะนี้ กฟผ.มีแผนป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดจากเขื่อนแตกอยู่แล้ว ทั้งนี้ เมื่อเกิดข้อมูลใหม่ๆ ขึ้น กฟผ.ก็ได้เพิ่มการกวดขันในการตรวจสอบรอยร้าวรอยรั่วของเขื่อนเพิ่มมากขึ้น
Cr.Tipbig Meboon

 

ปอกเปลือก ทรราช
อัพเดทสถานการณ์ในเยเมน : เครื่องบินรบ F-16 ของกองกำลังอาหรับนำโดยซาอุดิหายสาบสูญในเยเมน



--------------
ซ่ามากนัก โดนเข้าจนได้... วันนี้สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งอ้างรายงานจากกองทัพของราชอาณาจักรโมร็อคโครายงานว่า เครื่องบินรบ F-16 ของประเทศโมร็อคโคหนึ่งในกองกำลังผสมชาติพันธมิตรอาหรับที่บินเข้าไปทิ้งระเบิดโจมตีเยเมนหายสาบสูญในเยเมนตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ผ่านมา
แถลงการณ์จากกองทัพราชอาณาจักรโมร็อคโค (Moroccan Royal Armed Forces) กล่าวว่า "หนึ่งในเครื่อง F-16 ของกองทัพราชอาณาจักร (FAR) ที่เข้าร่วมในกองกำลังผสมนำโดยซาอุดิอาระเบียเพื่อเรียกร้องความชอบธรรมในเยเมนได้หายสาบสูญไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเวลา 6 pm (18.00 น.) ตามเวลาท้องถิ่น" รายงานแจ้งว่านักบินในเครื่องบินรบลำที่สองในฝูงบินเดียวกันไม่สามารถบอกได้ว่านักบินได้ดีดตัวออกมาจากจากเครื่องบิน F-16 หรือไม่
เมื่อวานนี้มีรายงานว่า มาเลเซียได้ส่งกองทัพจำนวน 2,000 นายเข้าร่วมปฏิบัติการโจมตีเยเมนร่วมกับกองกำลังผสมชาติพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดิฯเป็นประเทศที่ 12
ก่อนหน้านี้ซาอุดิฯได้ประกาศโจมตีเยเมนเป็นเวลา 5 วันหลังจากที่ถูกกลุ่มฮูติถล่มเมือง Najran จนมีผู้เสียชีวิตหลายราย (ตามที่เคยรายงานให้ทราบแล้ว) ต่อมาเมื่อวันที่ 8 พ.ค.58 ที่ผ่านมาทางกองกำลังผสมของอาหรับนำโดยซาอุดิฯก็เล่นตลกส่งเครื่องบินรบของตนเข้าไปถล่มเมือง Saada ของเยเนใกล้ชายแดนซาอุดิฯซึ่งอยู่ไม่ใกลจากเมือง Najran ของซาอุดิฯนัก เป้าหมายคือทำลายจุดที่มั่นทางทหารและปืนใหญ่ที่กลุ่มฮูติยึดมาได้จากกองทัพตามชายแดนของซาอุดิฯ
วันที่ 9 พ.ค.58 มีรายงานว่าทางอิหร่านจะส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปให้ชาวเยเมนทางเรือ ซึ่งมีน้ำหนักถึง 2.5 ตัน ซึ่งประกอบด้วยอาหารและเวชภัณฑ์ รายงานบอกว่าเรือจะเดินทางออกจากอิหร่านในวันเสาร์ไปถึงเยเมนในวันอังคาร โดยเจ้าหน้าที่ทางการของอิหร่านจำนวน 50 คนจะร่วมเดินทางไปกับเรือบรรทุกสิ่งของช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในครั้งนี้ด้วย
วันที่ 10 พ.ค. 58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เจ้าหน้าที่ประสานงานด้านมนุษยธรรมของยูเอ็นประจำเยเมนกล่าวว่าการยิงปืนใหญ่และทิ้งระเบิดใส่พื้นที่พลเรือนซึ่งกระทำโดยกองกำลังผสมอาหรับนำโดยซาอุดิฯนั้นถือว่าเป็นการ "ละเมิดกฎหมายด้านมนุษยธรรมระหว่างประเทศ" (เฮ้อ… ยูเอ็นพึ่งรู้หรือนี่? กรรม!)
เมื่อวานนี้มีรายงานมาอีกว่า กองกำลังฮูติในเยเมนประกาศยอมรับการหยุดยิงเพื่อให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่เสนอโดยซาอุดิฯ
คำพูดของฝั่งซาอุดิฯเชื่อได้ซะที่ไหนหละ ขนาดบอกว่าหยุดยิงก็ยังส่งเครื่องบินรบเข้าไปในเยเมน จนสุดท้ายเป็นไง... F-16 ถูกสอยร่วงสิครับท่าน! มันสะใจนิดๆ...อ่ะ
The Eyes
11/05/2558
----------
Jet Fighter From Saudi-Led Coalition Goes Missing in Yemen / Sputnik International
Malaysian Forces Join Saudi-led Yemen Operation / Sputnik International
Yemeni Houthis Agree to Five-Day Humanitarian Ceasefire / Sputnik International
UN Official: Coalition’s Indiscriminate Bombing of Yemen Violates Int'l Law / Sputnik International
Iran to Send Ship With Humanitarian Aid to Yemen – Rights Activist / Sputnik International
Saudi-led Forces Pound Northern Yemen's Saada / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
เรือบรรทุกสินค้าของตุรกีถูกโจมตีจากกองทัพลีเบียใกล้ชายฝั่งลีเบีย ผู้ช่วยกัปตันเรือเสียชีวิต1ราย บาดเจ็บหลายคน



--------------
เรือพาณิชย์ MV Tuna 1 ของตุรกีติดธง Cook Islands ได้บรรทุกสินค้าเดินทางออกจากสเปนมุ่งหน้าท่าเรือ Libyan แต่ถูกโจมตีด้วยปืนใหญ่ใกล้ท่าเรือ Libyan เมือง Tobruk ส่งผลให้ผู้ช่วยกัปตันเรือเสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายราย รมว.ต่างประเทศของตุรกีกล่าวว่า เรือลำดังกล่าวถูกโจมตีทางอากาศ 2 ครั้งในขณะที่กำลังออกจากบริเวณดังกล่าว โดยอ้างว่าเรือของตนอยู่ในน่านน้ำสากล
ทางโฆษกชองกองทัพลิเบียตอบโต้ต่อคำพูดของฝั่งตุรกีทันทีว่า เรือลำดังกล่าวถูกโจมตีเนื่องจากเพิกเฉยต่อคำเตือนไม่ให้เข้าใกล้เมือง Derna ซึ่งอยู่ห่างจากเมือง Tobruk ประมาณ 145 กม. โฆษกกองทัพของลิเบียกล่าวว่า "เรือพาณิชย์ลำนั้นถูกยิงโจมตีประมาณ 10 ไมล์จากชายฝั่งเมือง Derna เราได้ส่งสัญญาณเตือนในขณะที่เรือกำลังเข้าใกล้ท่าเรือ Derna"
ประเทศลิเบียยังคงอยู่ในความวุ่นวายของสงครามกลางเมืองหลังจากการโค่นล้ม Muammar Gaddafi ในการลุกฮือ Uprising ปี 2011 และนาโต้นำโดยสหรัฐฯอ้างความชอบธรรมในเพื่อโค่นล้มกัดดาฟี่ในการเปิดฉากโจมตีลิเบียอย่างที่ทำในซีเรีย ตอนนี้แบ่งกันปกครองกลายเป็น 2 รัฐบาลต่างอ้างความชอบธรรมของตัวเองในการบริหารประเทศ
เมื่อมกราคมที่ผ่านมาเครื่องบินรบของลิเบียได้โจมตีเรือบรรทุกน้ำมันของกรีซที่ทอดสมออยู่นอกชายฝั่ง การโจมตีดังกล่าวมาจากกองทัพของฝั่งรัฐบาลของลิเบียที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติ ซึ่งมีแรงจูงใจจากกลุ่มต่อสู้เพื่อควบคุมการส่งออกน้ำมันของลิเบีย ลูกเรือ 2 รายเสียชีวิตจากการโจมตีดังกล่าว
ตอนนี้ลิเบียเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจถดถอยมากที่สุด เต็มไปด้วยการต่อสู้และสงครามกลางเมือง เป็นแหล่งซ่องสุมของผู้ก่อการร้ายสากลไอซิสซึ่งเดินทางไปจากอิรัคและซีเรีย
นั่นก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่เป็นผลงานอันน่าภาคภูมิใจของสหรัฐฯและนาโต้ในการชูธงว่าเพื่อรักษาสันติภาพของโลก ซึ่งต้องใช้สงครามนำหน้าตลอด แต่ก็ไม่เคยเห็นสันติภาพที่แท้จริงเกิดขึ้นในประเทศเหล่านั้นที่สหรัฐฯส่งกองทัพของตนเข้าไปทำสงครามเลย ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต่างล้มตายเป็นจำนวนมาก ไร้ที่อยู่เพราะภัยสงครามอีกเป็นแสนเป็นล้านคน สหรัฐฯก็ยังยืนยันว่าจะดำเนินนโยบายอย่างนี้ต่อไปอีก ผู้คนเหล่านั้นก็ไหลทะลักเข้าสู่ยุโรปผ่านเครือข่ายการค้ามนุษย์ในยุโรปเอง ที่ประสบอุบัติเหตุเรือจมเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมากก็มี ที่ถูกทางการของประเทศนั้นๆจับได้แล้วส่งไปขังรวมกันในค่ายผู้อพยพก็มีหลายแสนหลายล้านคนทั่วยุโรป
The Eyes
11/05/2558
----------
http://rt.com/news/257393-turkey-libya-ship-attack/

 

ปอกเปลือก ทรราช
"ผมไม่เชื่อใจสหรัฐฯ!" คำพูดของฟิเดล คาสโตร ต่อการที่สหรัฐฯเข้าไปง้อเพื่อสานสัมพันธ์ด้วย



--------------
ข่าวนี้เคยลงให้อ่านแล้วเมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมาซึ่งสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งต่างก็มาลงกลายเป็นข่าวใหญ่ระดับโลกเลย (ดูลิ้งคข้างล่าง) วันนี้พอแอ็ดมินโพสต์ปูตินกอดกันกับราอุล คาสโตร ปธน.คนปัจจุบันของคิวบา (น้องชายของคุณปู่ฟิเดล คาสโตร) ก็มีพวกโปรอเมริกาปากแข็งบอกว่า "คุณว่าใครเป็นโปรอเมริกา?" (อ้าวแล้วใครเดือดร้อนหละ?) เธอบอกให้แอ็ดมินเอาภาพนั้นออกซะ มันเจ็บปวดมาก (พูดเป็นภาษาอังกฤษตลอด) เธอรับไม่ได้ เธอบอกว่านั่นเป็นภาพเก่า อ้าว… ก็ภาพเก่านะสิตอนที่ปูตินไปเยือนคิวบาในปี 2014 ไงในข่าวก็ลงไว้แล้วนิไม่ได้อ่านรึ? ประชาธิปไตยแบบไหนของพวกโปรอเมริกาของเขานะนี่ เห็นเราโพสต์ภาพปูตินกอดกันกับผู้คิวบาบอกว่ารับไม่ได้ เฮ้อ… เสรีภาพของโปรอเมริกาก็เป็นแบบนี้แหละ
วันก่อนก็รายหนึ่งแล้วเราก็เขียนข่าว (แปลข่าว) จากความคิดเห็นของชาวอเมริกันที่วิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องความขี้อิจฉาของสหรัฐฯที่มีต่อรัสเซียกับอินเดียก็มาห้ามคนอื่นไม่ให้วิจารณ์ซะงั้น ทั้งๆที่เราก็ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรเลย ความคิดเห็นที่แปลให้ฟังนั้นก็มาจากคนอเมริกันเขาวิจารณ์รัฐบาลของเขาเองทั้งนั้น ส่วนคนไทยขี้ข้าอเมริการับไม่ได้จึงดิ้นสุดฤทธิ์ นี่แหละผลเสียของการเสพข่าวจากสื่อฯตะวันตกมากเกินไป มันทำให้สมองไม่พัฒนารู้หรือเปล่า สื่อฯตะวันตกกับสื่อฯสหรัฐฯพูดอะไรมาพวกโปรอเมริกาก็จะบอกว่าถูกต้องทุกอย่าง ไม่ได้ใช้ความคิดของตัวเองซักนิดเดียว สมองส่วนที่จะใช้ในการวิเคราะห์จึงหยุดพัฒนาไปในที่สุด
ไหนๆ ก็มีคนส่งอินบ็อกซ์มาบอกให้เอาภาพปูตินสนิทสนมกันกับผู้นำคิวบาออกแล้ว และยังบอกด้วยว่าตอนนี้สหรัฐฯกับคิวบาเขากำลังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เป็นเพื่อนกัน ว่างั้นนะ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือสหรัฐฯนั้นไปง้อคิวบาตะหาก ไม่ใช่คิวบาไปของ้อสหรัฐฯให้มาเป็นเพื่อน วันนี้ก็จะเอาข่าวเก่าบางส่วนที่เป็นคำพูดของฟิเดล คาสโตร มาฉายซ้ำอีกครั้ง หวังว่าโปรอเมริการายนั้นจะยังรออ่านอยู่นะ ล่าสุดเธอบอก "เดี้ยนไม่แคร์คิวบา" หลังจากที่ส่งข้อความมาหล่อนก็ลบมันออกไป แต่เราสามารถอ่านได้
----------------
ข่าวเมื่อวันที่ 27 ม.ค.58 : เมื่อวานนี้สำนักข่าว RT ของรัสเซียลงข่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ อดีตประธานาธิบดีฟิเดล คาสโตร ของคิวบา วัย 88 ปี ได้เขียนจดหมายส่งไปถึงสหพันธ์นักศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาวานาและพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ Communist Party ว่า "ผมไม่เชื่อมั่นใจสหรัฐฯ และจะไม่เจรจาต่อรองกับพวกเขา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ผมปฏิเสธแนวทางการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งแปซิฟิก เราจะให้ความร่วมมือและเป็นมิตรกับทุกคนทั่วโลก รวมทั้งฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองของพวกเราด้วย"
---------------
ป.ล. คำพูดของหล่อนคนที่ส่งข้อความอินบ็อกซ์เป็นภาษาอังกฤษมาให้แอ็ดมินอ่านนั้นหยาบคายมาก... มันคงเป็นส่วนหนึ่งที่หล่อนได้เรียนรู้มาจากวัฒธรรมของอเมริกันบางส่วนหนะ
The Eyes
11/05/2558
----------
‘I don’t trust US’: Fidel Castro breaks silence on Cuba-America reconciliation — RT News
http://www.npr.org/…/i-dont-trust-u-s-politics-fidel-castro…
http://news.yahoo.com/fidel-castro-dont-trust-us-nor-spoken…
https://www.facebook.com/fisont/posts/1617388291814638

 

ปอกเปลือก ทรราช

ปธน.สาธารณรัฐเช็กกล่าวว่าเสียงของฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการแซงชั่นรัสเซียกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ



--------------
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาประธานาธิบดี Milos Zeman ของสาธารณรัฐเช็กกล่าวว่า "จำนวนของฝ่ายตรงข้ามต่อการแซงชั่นต่อต้านรัสเซียในกลุ่มประเทศยุโรปกำลังเพิ่มขึ้นเป็นเหตุผลหลักที่ว่าอาจจะมีการยกเลิกแซงชั่นรัสเซียในเร็วๆนี้" ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Idnes ในกรุงปราก
ปธน.ของเช็กกล่าวอ้างแถลงการณ์ของ Werner Faymann นายกรัฐมนตรีออสเตรียเมื่อเร็วๆนี้ว่า "การแซงชั่นต่อต้านรัสเซียนั้นไม่ได้ผลและไม่มีความหมาย" ผู้นำเช็กกล่าวเสริมอีกว่า "จากแถลงการณ์ล่าสุดที่ผมสามารถอ้างคำพูดของ Jose Manuel Garcia-Margallo รมว.ต่างประเทศของสเปนซึ่งก็พูดในลักษณ์เดียวกันนี้"
ผู้นำเช็กได้เข้าร่วมงานวัน V-Day ที่กรุงมอสโคว์เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 58 ที่ผ่านมาด้วย หลังจากก่อนหน้านี้ออกมาบอกว่าประตูทำเนียบประธานาธิบดีของสาธารณรัฐเช็กไม่ต้อนรับเอกอัครราชทูตของสหรัฐฯ เนื่องจากทูตสหรัฐฯบังอาจมาออกคำสั่งไม่ให้ปธน.ของเช็กเข้าร่วมงานวัน V-Day ร่วมกับผู้นำชาติอื่นๆที่รัสเซีย (เคยเล่าให้ฟังแล้ว) ในการเดินทางไปรัสเซียในครั้งนี้ปธน.เช็กได้เข้าพบกับปธน.วลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียด้วย
โดยปธน.เช็กกล่าวกับปูตินว่า เขามั่นใจว่าการแซงชั่นรัสเซียโดยพวกตะวันตกอาจจะถูกยกเลิกโดยเร็ว ความสัมพันธ์ด้านการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมระหว่างรัสเซียกับยุโรปกจะเข้าสู่ภาวะปกติ
ก็นับเป็นสัญญาณที่ดีต่อรัสเซียและยุโรป ส่วนสหรัฐฯกับนาโต้ก็ยังขยันซ้อมรบในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านของรัสเซียอยู่เรื่อยๆ พวกที่หูเบาอยากจะสร้างสงครามก็เฮไปทางสหรัฐฯ ส่วนพวกที่ต้องการสันติภาพก็มองหาการเจรจาและความร่วมมือด้านการค้าและเศรษฐกิจกับรัสเซียและประเทศอื่นๆแทน ขนาดผู้นำเยอรมันก็ยังต้องเดินทางไปกรุงมอสโคว์เพื่อร่วมเข้าพิธีวางพวงมาลาเพื่อเป็นเกียรติต่อทหารนิรนามและประชาชนผู้ที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองด้วยน้ำมือของนาซีในวันที่ 10 พ.ค. แม้ผู้นำเยอรมันจะไม่เข้าร่วมงานวัน V-Day เพราะจะทำให้สหรัฐฯไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ก็เข้าร่วมงานในวันที่ 10 จนได้ซึ่งสหรัฐฯไม่อาจจะตำหนิเยอรมันได้
ป.ล. สำหรับผู้ที่เห็นเพจนี้นำเสนอภาพปูตินแล้วทำใจไม่ได้ ก็แนะนำให้ไปพบจิตแพทย์บ้างนะ เพราะเพจนี้เล่าข่าวจากสื่อฯฝั่งรัสเซียเป็นส่วนมาก อันที่จริงก็เอามาจากทั่วโลกนั่นแหละ และหากไม่ชอบใจที่เพจนี้ลงภาพผู้นำรัสเซีย คิดว่าก็คงต้องไปบอกให้สื่อฯอื่นๆโดยเฉพาะของสหรัฐฯและตะวันอย่าลงภาพผู้นำรัสเซียด้วยสิ แต่เนื่องจากเป็นสื่อฯรัสเซีย (หมายถึง sputnik news, RT และอื่นๆ) และลงข่าวเกี่ยวกับผู้นำของเขา ถ้าไม่ให้ลงภาพของปูตินแล้วจะให้ลงภาพของโอบามาแทนหรือไง? เราเอาข่าวมาจากสื่อรัสเซียฯ เราก็ต้องลงภาพตามต้นฉบับของเขาสิ และอาจจะหาภาพอื่นๆมาประกอบเพิ่มด้วยเป็นบางครั้ง การลงภาพปูตินในเฟซบุค คงไม่เป็นการผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญของสหรัฐฯหรอกมั๊ง ว่าป๊ะ?
The Eyes
12/05/2558
----------
Czech President Claims Number of Anti-Russian Sanctions’ Opponents Growing / Sputnik International

 

ปอกเปลือก ทรราช
เจ้าหน้าที่ตำรวจกับกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดและต่อต้านฟาสซิสต์ในลอนดอนปะทะกันหลังเลือกตั้ง



--------------
ไปเที่ยวอังกฤษบ้างนะครับ ใครที่มองว่าเศรษฐกิจของอียูโดยเฉพาะของอังกฤษกำลังพื้นตัวนั้น คงต้องบอกว่าตรงข้ามกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในอังกฤษในตอนนี้ เพราะหลังเลือกตั้งเมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา มีประชาชนออกมาเดินขบวนต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดที่รัฐบาลตัดงบด้านสวัสดิการต่างๆของภาคประชาชนออกเป็นจำนวนมาก ทำให้ภาคประชาชนของอังกฤษไม่พอใจจึงเกิดการประท้วงขึ้น
การประท้วงในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษในครั้งนี้ ระหว่างวันที่ 9-10 พ.ค.58 ที่ผ่านมามีอยู่สองกลุ่มใหญ่ๆด้วยกันคือกลุ่มแรกต่อต้านมาตรการรัดเข็มขัดของรัฐบาล ส่วนกลุ่มที่สองต่อต้านพวกนิยมฟาสซิสต์ในยุโรป สื่อฯหลักของตะวันตกพยายามที่จะไม่เล่นข่าวนี้ และหลบข่าวจากหน้าหลักในเว็บไซต์ของตน ต้องใช้วิธีค้นหาถึงจะเจอข่าวดังกล่าว
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาเกิดเหตุปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงที่ไม่ได้มีการวางแผนอย่างเป็นทางการกับเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมฝูงชน รายงานแจ้งว่า มีผู้ประท้วงถูกจับกุมอย่างนี้ 17 คน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บประมาณ 4 คน โดยกลุ่มผู้ประท้วงจำนวนหลายพันคนได้ออกมาเดินขบวนประท้วงตามท้องถนนในกรุงลอนดอนมุ่งหน้าไปที่ทำเนียบรัฐบาลและบ้านพักของนายเดวิด คาเมรอน นายกฯของอังกฤษที่พึ่งชนะการเลือกตั้งสมัยที่สองมาหมาดๆ
ส่วนการประท้วงต่อต้านพวกนิยมฟาสซิสต์ในอังกฤษนั้นจัดขึ้นที่ถนน Walthamstow ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงลอนดอน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาโดยกลุ่มฝ่ายขาวที่เรียกตัวเองว่า "สมาคมพิทักษ์อังกฤษ" (English Defence League - EDL) และกลุ่มต่อต้านลัทธิฟาสซิสม์ (anti-fascism) ต่างฝ่ายต่างประท้วง พวก EDL นี้ก็คือพวกต่อต้านอิสลามที่มีการเคลื่อนไหวเช่นเดียวกับกลุ่มเพจิด้าที่เกิดขึ้นในเยอรมันนีและประเทศอื่นๆในยุโรป เป็นพวกนีโอนาซีหัวรุนแรงฝ่ายขวาจัด ส่วนพวกต่อต้านฟาสซิสต์คือกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับกลุ่ม EDL กลุ่ม nti-fascism เป็นพวกคัดค้านการเหยียดผิว ทั้งสองม็อบเฉียดปะทะกัน
นี่แหละเสรีภาพและประชาธิปไตยของจริงในอังกฤษต้นตำหรับประชาธิปไตย (รองจากกรีซโบราณ) ที่ใครๆก็อ้างถึง ผู้ที่อยู่เบื้องหลังของกลุ่ม EDL นี้น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มเพจิด้าในยุโรป เพราะรูปแบบการเคลื่อนไหวนั้นไม่ต่างกัน
The Eyes
12/05/2558
----------
At Least 17 Arrested in London After Post-Election Protests - Reports / Sputnik International
English Defence League Marches in London, Anti-Fascists Stage Counter-Rally / Sputnik International
http://www.mirror.co.uk/…/anti-tory-protests-live-updates-5…
http://rt.com/uk/257537-tory-cuts-disaster-britons/
http://rt.com/uk/257469-tory-human-rights-act/

 

ศิษย์อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร

ดวงเมืองประจำปี (๒๕ เม.ย. ๒๕๕๘ - ๒๔ เม.ย. ๒๕๕๙) ตอนที่ ๓
ในบทความตอนแรกได้แสดงรูปดวงและจุดสำคัญของดวงเมืองประจำปี
โดยตอนที่ ๒ ได้อธิบายรายละเอียดของตำแหน่งดาวที่ดีและผลดีไปแล้ว
ซึ่งบทความในตอนที่ ๓ นี้ จะอธิบายสรุปจุดที่น่าจะเกิดปัญหาต่างๆ ของดวงเมืองประจำปีนี้
เมื่อครั้งแรกเริ่มวางดวงเมืองนั้น คณะโหราจารย์คงจะมีความตั่งใจให้ "ดาวอาทิตย์มีความเข้มแข็ง" โดยวางไว้ทีตำแหน่งองศา "ปรมอุจน์" คือที่ ๑๐ องศา ซึ่งดาวอาทิตย์นั้นแทนได้กับ "ประมุขของประเทศ ชนชั้นผู้นำ ยศฐาบรรดาศักดิ์ ซึ่งยังมีความหมายรวมไปถึง การลงทุน ตลาดหุ้น ความสุข ความรื่นเริงบรรเทิงใจ ฯลฯ ซึ่งจะเห็นได้ว่าดวงวรรษจักราของทุกปี ดาวอาทิตย์ก็จะเข้มแข็งเช่นนี้ตลอด สิ่งต่างๆ ของบ้านเมื่องในความหมายของดาวอาทิตย์ก็มีความเข้มแข็ง
แต่ในการพิจารณาเรื่องดาวเคราะห์ที่ได้ตำแหน่งมหาอุจน์นั้น ยังมีเคร็ดเกร็ดย่อยออกไปอีกมากที่หลายท่านยังไม่รู้หรือไม่เข้าใจกล่าวคือ "ดาวอุจน์ที่เป็นเจ้าเรือนทุสถานะภพ จะไม่ให้คุณเมื่ออยู่ในเรือนปกติ" โดยเฉพาะดาวอุจน์ที่เป็นเจ้าเรือนมรณะ
ดวงวรรษจักราปีนี้ ลัคนาสถิตย์ราศีมังกร ดาวอาทิตย์เป็นเจ้าเรือนมรณะ โดยมาเป็นอุจน์ที่เรือนพันธุ ดังนั้น ความหมายของเรือนพันธุจะถูกดาวอาทิตย์บาปพระเคราะห์ที่มีกำลังมาก ทำร้ายทำลายในปีนี้
ความหมายของภพพันธุคือ บ้านเรือนที่อยู่อาศัย พาหนะ ทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับที่ดิน แร่ธาตุ แผ่นดิน "มารดา" ฯลฯ
ในชาตาบุคคลที่มีลัคนาอยู่ราศีมังกรแล้วมีดาวอาทิตย์อยู่ราศีเมษ ถ้าไม่มีมุมโยคดีหรือศุภเคราะห์มาช่วยแล้ว "ความวิบัติมักจะมีมากกว่าความวิวัฒน์"
ดังนั้นโดยภาพรวมในรอบปีนี้ บ้านเมืองมีโอกาสจะเกิดปัญหาในเรื่องดังกล่าวได้สูง
ดาวอาทิตย์ที่แทนได้กับผู้นำ ซึ่งเมื่อมีกำลังมากแต่มาจากเรือนที่ไม่ดีเช่นนี้ ท่านผู้นำจึงควรที่จะระมัดระวังตัวให้มากในการที่จะกระทำการสิ่งใด ๆ
พึง "ใช้ธรรมเป็นอำนาจ" ไม่ใช่ "ใช้อำนาจเป็นธรรม"
พระราหูสารัมภ์ บาปพระเคราะห์แห่งความลุ่มหลงมัวเมาและเบียดเบียน สถิตย์ในเรือนที่ ๙ (ศุภะ แทน กฎหมาย การศาสนา กระบวนยุติธรรม คดีความ ฯลฯ) โดยอยู่ใกล้กับจุดศูนย์กลางภพตามดวงภวจักรด้วย
ดังนั้นพระราหูจึงมีอิทธิพลต่อเรือนนี้มาก ซึ่งดาวเจ้าเรือนศุภะ (ดาวพุธ) สถิตย์อยู่ประชิดร่วมกับดาวอังคารในราศีเมษ แต่ยังดีที่ว่าทำมุมโยคดี ๖๐ องศากับดาวจันทร์
โดยความหมายของภพศุภะยังจะไม่เป็นปกติวิสัยนัก เราคงจะคาดหวังความบริสุทธิยุติธรรมในเรื่องตัวบทกฏหมายตลอดจนคุณงามความดีและข้อวัตรปฏิบัติของพระสงฆ์องค์เจ้าได้เพียงแค่ระดับหนึ่งเท่านั้น
บทความตอนต่อไป จะสรุปภาพรวมทั้งหมดของชาตาเมืองในปีนี้ให้เราท่านได้ทราบกัน
admin ดิลก แสงอุทัย

 

Jeerachart Jongsomchai

... เดลิเมล์ เขียนได้ตรงแรงว่า "วาติกัน" โดยโป๊ปฟรานซิสพยายามออกตัวเป็นกาวใจเชื่อม "อเมริกากับคิวบา" อย่างจริงจัง โดยจะเยือนคิวบาในกันยายนนี้ เน้นชัดว่าเป็นนายหน้าตัวแทนในการเจรจาให้คิวบาคืนดีกับอเมริกา ที่ทั้งสองตัดสัมพันธ์การทูตกันตั้งแต่ "ปฏิวัติคิวบา 1959" เปลี่ยนเป็นคอมมิวนิสต์ ที่อเมริกาประกาศไม่คบค้าสมาคมด้วย วาติกันก็เลิกครบ ... คิวบาเองก็หันไปคบหารัสเซียกับเพื่อนๆโลกคอมมิวนิสต์ไป ( ที่ไม่ยอมขายรัฐวิสาหกิจให้ต่างชาติ ) ... คิวบาเองก็ตอบโป๊ปไปหวานหอมว่าจะกลับมาคบหากับ "คาทอลิก" อีกครั้ง หลังจากเลิกคบกันนาน เพราะวาติกันเองก็ประกาศตัวเป็นศัตรูกับระบอบคอมมิวนิสต์มานานแล้ว อย่างไม่ลับเท่าไหร่
... เพราะว่าถ้าอเมริกาได้คิวบามาเป็นพวก รัสเซียก็เอาฐานทัพต่างๆมาแวะพักที่นี่ไม่ได้ เป็นการป้องกันประเทศได้อย่างดีรอดตาย เพราะคิวบาก็เหมือนยูเครนของรัสเซีย เป็นเมืองหน้าด่านของอเมริกา จุดยุทธศาสตร์สำคัญ ... คิวบาหลอกให้อเมริกาดีใจ หรือจะคล้อยตามรอคอยกันต่อไป



http://www.dailymail.co.uk/news/art...ro-played-key-role-restoring-ties-island.html

 

กรรมตามสนอง !

ยืนยันแล้ว! เครื่องบิน F-16 โมร็อกโกถูก “ยิงตก” ขณะช่วยซาอุฯ บอมบ์กบฏเยเมน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 พฤษภาคม 2558 09:25 น. (แก้ไขล่าสุด 12 พฤษภาคม 2558 09:31 น.)


@กองกำลังชนเผ่าในเยเมนถ่ายรูปคู่กับซากเครื่องบินขับไล่ F-16 ของโมร็อกโกที่ถูกยิงตก
รอยเตอร์ - โฆษกกองทัพซาอุดีอาระเบียเผย เครื่องบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศโมร็อกโกประสบอุบัติเหตุตกระหว่างปฏิบัติภารกิจทิ้งระเบิดโจมตีกบฏในเยเมน ขณะที่ฝ่ายกบฏฮูตีอ้างว่าเครื่องบินลำนี้ถูกปืนต่อต้านอากาศยานของกองกำลังชนเผ่าสอยร่วง

การที่โมร็อกโกสูญเสียเครื่องบินทางทหารไป 1 ลำ ประกอบกับการยิงปะทะบริเวณแนวชายแดนระหว่างกบฏนิกายชีอะห์ กับ กองกำลังซาอุฯ ที่ยังไม่ยุติ อาจทำให้ข้อตกลงหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม 5 วัน ที่จะเริ่มบังคับใช้ในวันนี้ (12) ต้องมีอันสะดุด

เมื่อค่ำวานนี้ (11) ฝูงบินรบซาอุฯและชาติพันธมิตรได้ร่วมกันโจมตีฐานทัพและคลังอาวุธของกบฏฮูตีในกรุงซานา โดยชาวบ้านในเมือง เล่าว่า แรงระเบิดทำให้จรวดในคลังแสงถูกยิงขึ้นไปในอากาศและตกลงมายังชุมชนที่พวกเขาอาศัยอยู่

“เสียงระเบิดได้ยินไปทั่วเมือง ผมรู้สึกเหมือนว่ามันจะตกลงมาใส่หัวอย่างไรอย่างนั้น พวกเราทุกคนต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างหวาดกลัว” อาเหม็ด ฟาวาซ ชาวเยเมนที่อาศัยอยู่ในกรุงซานา กล่าว

ซาอุฯ และประเทศพันธมิตรซึ่งมีสหรัฐฯ คอยหนุนหลังได้ส่งเครื่องบินเข้าไปโจมตีฐานที่มั่นของกบฏฮูตี และหน่วยทหารที่ยังภักดีต่ออดีตประธานาธิบดี อาลี อับดุลเลาะห์ ซาเลห์ เยเมน ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. โดยหวังที่จะคืนอำนาจปกครองอันชอบธรรมให้แก่ประธานาธิบดี อับดุร-รับบูห์ มันซูร์ ฮาดี ที่ถูกพวกกบฏยึดเมืองหลวง และตามไล่ล่าจนต้องหนีออกนอกประเทศ

ความสัมพันธ์ระหว่างกบฏฮูตีกับมหาอำนาจอย่างอิหร่านทำให้บรรดารัฐอ่าวอาหรับอยู่ไม่เป็นสุข และขณะนี้พวกกบฏยังคงมีกำลังเข้มแข็งกว่าฝ่ายรัฐบาลเยเมน

ซาอุดีอาระเบียซึ่งเป็นชาติผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลก ถือว่ากบฏฮูตีเป็นภัยคุกคามร้ายแรง

โมร็อกโกเป็น 1 ใน 8 ชาติที่ร่วมมือกับซาอุดีอาระเบียในการถล่มฐานที่มั่นกบฏฮูตี โดยได้รับการสนับสนุนด้านการขนส่งทั้งจากสหรัฐฯ อังกฤษ และ ฝรั่งเศส

“ตอนนี้เรายืนยันได้แล้วว่าเครื่องบินประสบอุบัติเหตุตกจริงๆ และทราบจุดที่ตกแล้วด้วย” พลจัตวา อาเหม็ด อัล-อัสซิรี โฆษกกองกำลังพันธมิตรซาอุฯ แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์อัล-อราบียา วันนี้ (12)

“เรายังไม่รู้ชะตากรรมของนักบิน แต่จากข้อมูลของ อัล-อราบียา เราเชื่อว่ากบฏฮูตีและสมัครพรรคพวกจะต้องรับผิดชอบหากนักบินผู้นี้เป็นอะไรไป”

สถานีโทรทัศน์ อัล-มาซีราห์ ซึ่งเป็นสื่อทางการของกบฏฮูตี รายงานวานนี้ (11) ว่า กองกำลังชนเผ่าใช้ปืนต่อต้านอากาศยานยิงเครื่องบิน F-16 ลำหนึ่งตกในเขต วาดี นาชูร์ ทางตะวันเฉียงเหนือของจังหวัดซาดา ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลหลักของพวกฮูตี

สื่อสำนักนี้ยังเผยแพร่ภาพสมาชิกชนเผ่าถือปืนชูกำปั้น และตะโกนว่า “อเมริกาไปตายเสีย!” โดยมีชายคนหนึ่งถือเศษเหล็กที่คล้ายกับซากเครื่องบิน พร้อมพูดว่า “พระเจ้าทำให้เครื่องบินลำนี้ตกลงมา ถึงพวกเราจะมีเพียงอาวุธขั้นพื้นฐาน แต่ก็ยิงมันตกลงมาได้ด้วยพระประสงค์ของพระเจ้า”

 

น้ำมันลงหลังความกังวลอุปทานหวนคืน หุ้นสหรัฐฯ-ทองคำปิดลบ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 12 พฤษภาคม 2558 05:18 น. (แก้ไขล่าสุด 12 พฤษภาคม 2558 09:16 น.)



เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันเมื่อวันจันทร์ (11 พ.ค.) ขยับลงเล็กน้อย จากความกังวลต่อปัญหาอุปทานล้นตลาดหวนคืนมาอีกครั้ง หลังพบกำลังผลิตสหรัฐฯฟื้นคืนมาในบางพื้นที่ ส่วนวอลล์สตรีทและทองคำปิดลบ ท่ามกลางความวิตกต่อวิกฤตการเงินกรีซ

น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมิถุนายน ลดลง 14 เซนต์ ปิดที่ 59.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน ลดลง 48 เซนต์ ปิดที่ 64.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

คอมเมอร์ซแบงก์ ระบุว่า แนวโน้มราคาน้ำมันที่่ค่อยๆ ขยับขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ส่วนหนึ่งมาจากปัจจัยเหล่าบริษัทพลังงานระงับปฏิบัติการขุดเจาะในสหรัฐฯ ตอบสนองต่อภาวะอุปทานล้นตลาด

อย่างไรก็ตาม คอมเมอร์ซแบงก์ บอกว่า จากข้อมูลล่าสุดพบว่าเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีแท่นขุดเจาะน้ำมันสหรัฐฯที่ยุติปฏิบัติการเพิ่มเติมแค่ 11 แห่ง เหลือที่ยังปฏิบัติการอยู่ 668 แห่ง นับเป็นการลดลงของจำนวนแท่นขุดเจาะที่ยังปฏิบัติการอยู่ น้อยที่สุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายน

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันจันทร์ (11 พ.ค.) ขยับลงพอสมควร จากแรงฉุดกลุ่มพลังงาน และความกังวลว่าวิกฤตการเงินกรีซจะไร้ทางออก

ดาวโจนส์ ลดลง 85.94 จุด (0.47 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 18,105.17 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 10.77 จุด (0.51 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,105.33 จุด แนสแดค ลดลง 9.98 จุด (0.20 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,993.57 จุด

เบื้องต้นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของจีนสนับสนุนหุ้นในเอเชียและยุโรปบางแห่ง ทว่าราคาน้ำมันที่ปรับลดฉุดให้หุ้นกลุ่มพลังงานเป็นตัวถ่วงของดัชนีเอสแอนด์พี 500

ในอีกด้านหนึ่ง แม้ข้อมูลภาคแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯเมื่อวันศุกร์ (8 พ.ค.) แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของอเมริกากำลังฟื้นตัวร้อนแรงขึ้น แต่เรื่องนี้เป็นข่าวเก่าไปแล้วสำหรับวันจันทร์ (11 พ.ค.) ขณะที่นักลงทุนหันไปจับตามองความเป็นไปได้ที่กรีซอาจต้องออกจากยูโรโซน

แม้กรีซได้ชำระหนี้วงเงิน 750 ล้านยูโร แก่กองทัพการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) หนึ่งวันก่อนครบกำหนด แต่มันก็ไม่เพียงพอที่จะยับยั้งความกังวลต่อปัญหาในการชำระหนี้ในงวดถัดๆ ไป

ความกังวลที่หวนคืนมาอีกครั้ง เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่กรีซอาจต้องพ้นจากการเป็นสมาชิกยูโรโซน ฉุดให้ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และเป็นผลให้ราคาทองคำในวันจันทร์ (11 พ.ค.) ปิดลบพอสมควร โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 5.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,183.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์

 

In Pics : ปูตินประกาศ “รัสเซียสามารถชี้นำยูเครนตะวันออก แต่เป็นปัญหาของเคียฟที่ต้องแก้ไขวิกฤตประเทศเอง”ระหว่างพบอังเกลา แมร์เคิล ในสัปดาห์วันแห่งชัยชนะ โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 พฤษภาคม 2558 18:36 น.



เอเจนซีส์ – เมื่อวานนี้(10)นายกรัฐมนตรีเยอรมัน อังเกลา แมร์เคิล ได้กระตุ้นให้รัสเซียร่วมมือมากกว่านี้ในวิกฤตยูเครน หลังจากที่เธอได้เดินทางมากรุงมอสโกเพื่อวางพวงมาลารำลึกถึงทหารอดีตสหภาพโซเวียตที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 ในช่วงสัปดาห์รำลึกวันแห่งชัยชนะของรัสเซียซึ่งมีการเดินสวนสนามกลางจตุรัสแดงที่ได้จัดขึ้นก่อนหน้านั้น และทำให้ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ได้แถลงตอบโต้ว่า “การที่สัญญาหยุดยิงมินสค์ (Minsk)จะประสบความสำเร็จได้นั้นขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้กุมอำนาจ ซึ่งคือรัฐบาลเคียฟ และรัสเซียอาจจะใช้อิทธิพลเพื่อหว่านล้อมยูเครนตะวันออก แต่เป็นปัญหาของเคียฟที่ต้องแก้ไขวิกฤตประเทศเอง”

RT สื่อรัสเซีย รายงานในวันอาทิตย์(10) ถึงการพบปะระหว่างนายกรัฐมนตรีเยอรมัน อังเกลา แมร์เคิล และประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ในสัปดาห์รำลึกวันแห่งชัยชนะสงครามโลกครั้งที่ 2 ในกรุงมอสโก โดยเดลีเมล สื่ออังกฤษ รายงานว่า การพบปะของผู้นำทั้งคู่แสดงออกอย่างเย็นชาจากสีหน้าและท่าทาง โดยแมร์เคิลขอให้รัสเซียให้ความร่วมมือมากกว่านี้ในการทำให้สัญญายุติการหยุดยิงมินสค์(Minsk)เป็นผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรมในขณะที่เธอได้วางพวงมาลาไว้อาลัยทหารอดีตสหภาพโซเวียตที่ได้สละชีพในสงครามโลกครั้งที่ 2

ซึ่งในการเจรจาหารือกับปูตินที่กรุงมอสโกนั้น แมร์เคิลย้ำถึงความสำคัญในการหาทางออกด้วยวิถีทางการทูต “เป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเราที่ต้องทำงานร่วมกัน และให้ความร่วมมือต่อสถานการณ์ที่มีความสลับซับซ้อนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เพื่อหาช่องทางออกทางการทูต” แมร์เคิลกล่าว

อย่างไรก็ตาม สื่อรัสเซียรายงานว่า ในแถลงการณ์ร่วมของสองชาติผู้นำ ปูตินได้ประกาศว่า “การที่แผนการเจรจาสันติภาพจะได้ผลหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับว่าใครเป็นผู้กุมอำนาจ และในที่นี้คือรัฐบาลเคียฟ แต่ในทางกลับกันรัสเซียจะยังคงพยายามใช้ความสัมพันธ์ใกล้ชิดเพื่อหว่านล้อมผู้นำใน โดเนตสค์ (Donetsk) และลูกานสค์ ( Lugansk) “

และปูตินแถลงเพิ่มเติมว่า “อย่างไรก็ตามรัสเซียเชื่อว่าเคียฟจำเป็นต้องยกเลิกการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อภูมิภาคดอนแบส (Donbass region) รวมไปถึงเปิดให้บริการระบบทางการการธนาคารเช่นเดิม และรวมไปถึงเข้าสู่กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญยูเครนที่เปิดให้มีตัวแทนจากตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนเข้าร่วม” ซึ่ง RT รายงานว่าทุกสิ่งที่ประธานาธิบดีรัสเซียได้กล่าวมานั้นล้วนถูกกำหนดในแผนการหยุดยิงมินสค์ทั้งสิ้น และถูกลงนามรับรองโดย รัสเซีย ยูเครน ฝรั่งเศส และเยอรมัน

นอกจากนี้ประธานาธิบดีรัสเซียยอมรับว่า “มีปัญหาในทางปฎิบัติตามข้อตกลงจากทั้งสองฝ่าย” แต่กระนั้นผู้นำรัสเซียชี้ว่า สถานการณ์ความรุนแรงได้ลดลงในช่วง 3 เดือนล่าสุดในยูเครนตะวันออก และพร้อมกับระบุว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากข้อตกลงสันติภาพ

ในเดือนที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติได้ประเมินยอดรวมการเสียชีวิตนับต้งแต่แรกเริ่มนั้นมีถึง 6,100 คน

ด้านแมร์เคิลได้ออกแถลงการณ์ว่า ขอให้ผู้นำรัสเซียได้ใช้อิทธิพลที่มีต่อกบฏยูเครนตะวันออก อย่างน้อยเพื่อทำให้แน่ใจว่าสัญญาการหยุดยิงสัมฤทธิ์ผล พร้อมกับเรียกร้องให้มีการเคารพเขตแดนของยูเครนอย่างจริงจัง ซึ่งผู้นำเยอรมันนั้นไม่ได้เพียงแค่หมายถึงบริเวณยูเครนตะวันออกเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงไครเมีย ซึ่งได้ถูกผนวกรวมเข้ากับรัสเซียในต้นปี 2014

และในแถลงการณ์ร่วมเมื่อวานนี้(10) ปูตินยังได้กล่าวถึงการใช้ระบบสองมาตรฐานของชาติตะวันตก ในปัญหาวิกฤตเยเมนซึ่งมีซาอุดีอาระเบียเป็นชาติผู้นำในการโจมตีกบฎฮูตีเพื่อทำให้ประธานาธิบดีเยเมน อาเบด รับโบ มานซูร์ ฮาดี ( Abd-Rabbu Mansour Hadi) ที่ถูกไล่ลงจากอำนาจในต้นปี 2015 สามารถกลับคืนสู่อำนาจดังเดิมได้

“มีการทำรัฐประหารเกิด และผู้นำของประเทศประกาศยอมแพ้ แต่ทว่าในขณะนี้ประเทศต่างๆที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดอันดีกับเราพยายามหาหนทางเพื่อนำผู้นี้กลับคืนสู่อำนาจทางการเมืองอีกครั้ง ซึ่งสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนี้ถูกยอมรับรู้ว่า เป็นการทำรัฐประหาร แต่ทว่าเมื่อเกิดการทำรัฐประหารในยูเครนในต้นปีที่ผ่านมา แต่เรากลับได้ยินแต่เสียงประณามอดีตประธานาธิบดียูเครน วิกเตอร์ ยานูโควิช ที่ถูกปล้นอำนาจไป ในขณะกลุ่มผู้ที่เข้ายึดอำนาจกลับได้แรงสนับสนุนและกำลังใจอย่างท่วมท้นแทน” ปูตินกล่าวตอบในการตั้งคำถามของสื่อ

และผู้นำรัสเซียที่ได้เคยเรียกร้องขอให้ยูเอ็นเข้ามาเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ยความขัดแย้งยังกล่าวต่อว่า “และหากเราจะต้องแก้ปัญหาในเหตุการณ์ที่คล้ายกัน แต่กลับมีความคิดที่ตรงข้ามกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว เราคงไม่มีวันที่จะสามารถหาจุดยืนร่วมได้ เพราะในเวทีโลก คงไม่สามารถใช้หลักการ “มีอำนาจเท่านั้นที่จะถูกต้อง” ได้เสมอไป แต่ทว่าจากขนบของกฎหมายระหว่างประเทศ บังคับและปกป้องทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง”

และในช่วงท้ายปูตินยังได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีเยอรมัน ที่เป็นผู้นำชาติตะวันตกประเทศเดียวที่ได้เดินทางมาร่วมงานวันแห่งชัยชนะในกรุงมอสโก ที่รำลึกถึงการชนะกองทัพนาซีเยอรมันในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในขณะที่ผู้นำชาติตะวันตกอื่นๆ รวมไปถึงผู้นำสหรัฐฯ ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ปฎิเสธที่จะมาร่วมงานนี้ ซึ่งปูตินยอมรับว่า สถานการณ์ความขัดแย้งยูเครนในปัจจุบันทำให้เป็นการ “ยาก” สำหรับทั้งสองประเทศจากการที่มีทัศนะที่ต่างกัน และส่งผลทำให้ความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีของสองชาติชาเย็นลง แต่อย่างไรก็ตามปูตินยังหวังว่า สถานการณ์ในอนาคตจะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ของสองชาติให้ดีขึ้น

ซึ่งทำให้แมร์เคิลต้องออกมาแถลงแก้ และตอกย้ำว่า “เยอรมันจะทำงานร่วมมือกับรัสเซีย ไม่ได้ต้องการเป็นศัตรูกับรัสเซีย”

In Pics :

 

“สี่จิ้นผิง”เยือน “เบลารุส” เซ็นข้อตกลงร่วม 20 ฉบับ-ดันยุทธศาสตร์ “เส้นทางสายไหมใหม่” โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 พฤษภาคม 2558 16:01 น.


@ประธานาธิบดี อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก แห่งเบลารุส และประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง ของจีน จับมือในพิธีลงนามข้อตกลงและบันทึกความเข้าใจ ที่กรุงมินสก์ เมื่อวันที่ 10 พ.ค.

เอเจนซีส์ – ประธานาธิบดี สี่ จิ้นผิง ของจีนและรัฐบาลเบลารุสได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดส่งแร่โพแทชจากเบลารุสให้แก่จีนในระยะเวลา 5 ปี รวมถึงข้อตกลงขยายวงเงินกู้ให้แก่ธนาคารเบลารุสอีก 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความพยายามของปักกิ่งที่จะผลักดันโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ (New Silk Road) เพื่อขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจสู่ภูมิภาคเอเชียกลาง

รัสเซียซึ่งถือเป็นพันธมิตรที่สำคัญของเบลารุสก็ได้เบนเข็มเศรษฐกิจมุ่งมาทางฟากฝั่งตะวันออกเช่นกัน หลังจากวิกฤตการณ์ยูเครนทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างมอสโกกับตะวันตกเสื่อมถอย

ผู้นำจีนได้กล่าวชื่นชมนโยบายต่างประเทศของเบลารุส ซึ่งรับหน้าที่เป็นคนกลางเจรจาระหว่างกบฏโปรรัสเซียในภาคตะวันออกของยูเครนกับรัฐบาลกรุงเคียฟ จนเกิดเป็นข้อตกลงหยุดยิงกรุงมินสก์ขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์

“ท่านมีความมุ่งมั่นที่จะเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยปัญหาที่เกิดขึ้น” สี่ แถลงต่อสื่อมวลชน หลังจากลงนามข้อตกลงราวๆ 20 ฉบับกับประธานาธิบดี อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก แห่งเบลารุส เมื่อวานนี้ (11)

ธนาคารพัฒนาจีน (China Development Bank – CDB)) ตกลงปล่อยกู้ให้แก่ธนาคารเพื่อการพัฒนาของเบลารุสเป็นวงเงิน 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยมีกำหนดจ่ายคืนในเวลา 15 ปี และคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำสุด นอกจากนี้ ซีดีบียังตกลงที่จะขยายวงเงินกู้ให้แก่ธนาคาร เอเอสบี เบลารุสแบงก์ อีก 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วย

สี่ และ ลูคาเชนโก ยังได้ลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการที่เบลารุสจะจัดส่งแร่โพแทชซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตปุ๋ยให้แก่จีนเป็นระยะเวลา 5 ปี

ลูคาเชนโก กล่าวชมข้อตกลงที่ทำร่วมกับ สี่ ว่าเป็นการแสดงถึงเจตนารมณ์ของทั้ง 2 รัฐบาลที่จะร่วมมือ และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

“เราทั้งสองตกลงที่จะสนับสนุนกันและกัน ทั้งในด้านผลประโยชน์ระหว่างประเทศ ความมั่นคง และอธิปไตย”

“เราได้พูดคุยเกี่ยวกับโครงการร่วมขนาดใหญ่ และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของเบลารุสให้ทันสมัย รวมถึงวงเงินกู้เพื่อปรับปรุงระบบการผลิตให้มีความก้าวหน้า”

สี่ ซึ่งเป็นประธานาธิบดีจีนคนแรกที่ไปเยือนกรุงมินสก์ในรอบ 14 ปี ชี้ว่า เบลารุสจะเป็นหนึ่งศูนย์กลางสำคัญบน "เส้นทางสายไหมใหม่" ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ของจีนที่จะเชื่อมโยงทวีปเอเชียกับยุโรปเข้าด้วยกัน ทั้งในด้านการขนส่งและพลังงาน

เจ้าหน้าที่ฝ่ายจีนระบุว่า ข้อตกลงทั้งหมดที่ สี่ ทำร่วมกับ ลูคาเชนโก มีมูลค่าสูงถึง 15,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ในส่วนของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดส่งแร่โพแทช รัฐบาลเบลารุสตกลงที่จะส่งแร่โพแทชจำนวน 4 ล้านตันให้แก่จีนภายในระยะเวลา 5 ปี รวมมูลค่าประมาณ 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตามราคาตลาดในปัจจุบัน

“ราคาซื้อขายที่แน่นอนจะต้องเจรจากันอีกครั้งหนึ่ง” บริษัท เบลารุสเซียน โพแทช (BPC) ระบุ

เมื่อเดือนมีนาคม รัฐบาลเบลารุสเพิ่งคว้าสัญญาจำหน่ายแร่โพแทชให้แก่จีนในปี 2015 อย่างไม่คาดฝัน โดยใช้วิธีตัดราคาคู่แข่งอย่างรัสเซียและกลุ่มประเทศแถบอเมริกาเหนือ

เศรษฐกิจของอดีตรัฐโซเวียตแห่งนี้กำลังอยู่ในช่วงดิ่งเหว เพราะผลกระทบจากปัญหาเงินรูเบิลรัสเซียอ่อนค่า และราคาน้ำมันโลกตกต่ำ

“จีนได้เปิดประตูแห่งโอกาสให้แก่เบลารุสโดยแท้” จาโรสลาฟ โรมันชุก นักเศรษฐศาสตร์ชาวเบลารุส กล่าว

“สิ่งที่ ลูคาเชนโก ได้รับวันนี้เปรียบได้กับไม้กายสิทธิ์ ซึ่งจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินมหาศาลเข้าสู่ประเทศในฐานะที่เป็นจุดเชื่อมต่อ และรัฐบาลเบลารุสก็ต้องพยายามยกระดับประเทศให้กลายเป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าจากจีนไปยังยุโรปให้ได้”

 

สมาชิกรัฐสภาคูเวตยื่นขอซักฟอกรัฐมนตรีเรื่องเข้าไปสู้รบในเยเมน
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 พฤษภาคม 2558 21:42 น. (แก้ไขล่าสุด 12 พฤษภาคม 2558 10:09 น.)



@รัฐมนตรีต่างประเทศคูเวต "ชีค ซาบาห์ คาห์เลด อัล-ซาบาห์" ผู้ถูกยื่นขอซักฟอก

เอเอฟพี - สมาชิกรัฐสภาคูเวตรายหนึ่งซึ่งเป็นมุสลิมชีอะห์ ได้ออกมาเรียกร้องในวันจันทร์ (11 พ.ค.) ให้มีการซักฟอกรัฐมนตรีต่างประเทศเกี่ยวกับเรื่องการเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรอาหรับเพื่อทำการโจมตีทางอากาศเข้าใส่พวกกบฏฮูตีในเยเมน

อับดุลฮามีด แดชตี สมาชิกรัฐสภาคูเวต ระบุว่ากองทัพอากาศของคูเวตเข้าไปมีส่วนร่วมในปฏิบัติการโจมตีดังกล่าวโดยไม่มีการแจ้งต่อรัฐสภา เขาบอกว่าการทำเช่นนั้นถือว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญที่ห้ามมิให้มีการเปิดฉากทำสงครามโดยเป็นฝ่ายรุก รวมถึงห้ามรัฐบาลประกาศทำสงครามที่เป็นฝ่ายตั้งรับโดยมิได้แจ้งเรื่องต่อรัฐสภาก่อน

แดชตี กล่าวหารัฐมนตรีต่างประเทศ “ชีค ซาบาห์ คาห์เลด อัล-ซาบาห์” ว่าเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการที่คูเวตเข้าไปเกี่ยวข้องกับการสู้รบในเยเมน ทั้งยังเป็นผู้ผลักดันให้รัฐสภาทำสัตยาบันในข้อตกลงด้านความมั่นคงของอ่าวอาหรับ ซึ่งเต็มไปด้วยบทบัญญัติที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญคูเวต

การยื่นญัตติเพื่อตั้งกระทู้ซักฟอกรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งถูกระบุไว้ว่าจะมีขึ้นในการประชุมรัฐสภา วันที่ 19 พฤษภาคม แต่เนื่องจากสมาชิกรัฐสภาคูเวตที่เป็นมุสลิมชีอะห์นั้นมีเพียงแค่ 7 ราย ส่วนที่เหลือล้วนแต่เป็นสุหนี่ ดังนั้นญัตติของแดชตีจึงถูกปฏิเสธโดยสมาชิกรัฐสภารายอื่นๆ

ก่อนหน้านี้ แดชตียังเคยวิพากษ์วิจารณ์ชาติที่ปกครองโดยมุสลิมสุหนี่ อาทิ บาห์เรน สำหรับข้อกล่าวหาที่ว่ามีการปฏิบัติที่แย่ต่อมุสลิมชีอะห์ รวมถึงวิจารณ์ซาอุฯ เรื่องการส่งทหารไปกรุงมานามา

สมาชิกรัฐสภาคูเวตรายนี้กำลังถูกสืบสวนใน 2 คดีอาญา ด้วยข้อกล่าวหาบ่อนทำลายความสัมพันธ์ด้านการทูตของประเทศที่มีต่อบาห์เรนและซาอุดีอาระเบีย

คูเวต บาห์เรน และซาอุดีอาระเบีย ทั้งสามชาติล้วนเป็นสมาชิกคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ ส่วนสมาชิกที่เหลือก็คือ โอมาน กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

โอมานคือสมาชิกของคณะมนตรีฯ เพียงรายเดียวที่ไม่ได้เข้าร่วมพันธมิตรอาหรับที่นำโดยซาอุฯ เพื่อปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในเยเมน

 

สอบ 2 บิ๊ก สกสค.ปิดปากเงียบเงินกว่าพันล้าน.-โฉนดที่ดินอื้อซ่า ซุกเซฟ สกสค.
+โพสต์เมื่อวันที่ : 10 พ.ค. 2558

นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครู และบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า กรณีที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ได้เข้ามาตรวจสอบความไม่โปร่งใสภายใน ศธ.โดยได้เข้าตรวจสอบสำนักงาน สกสค.และพบเงินสดจำนวนมากในตู้เซฟภายในห้องทำงานของผู้บริหารของสำนักงาน สกสค. 2 ราย

เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นเงินสกุล คูนา เป็นสกุลเงินของสาธารณรัฐโครเอเชีย ประเทศในทวีปยุโรป มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท พร้อมโฉนดที่ดินอีกจำนวนหลายฉบับ และเอกสารหลักฐานต่างๆ ซึ่ง พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ระบุว่าหลักทรัพย์ที่พบในตู้เซฟทั้งหมดมีมูลค่ามากกว่า 2,100 ล้านบาท ว่า

ภายหลังจากตน และคณะทำงาน ได้ตรวจสอบเจอทรัพย์สิน ทั้งเงินสดสกุลเงินต่างประเทศ โฉนดที่ดิน และเอกสารจำนวนมากในตู้เซฟในห้องผู้บริหาร สกสค. 2 ราย ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ที่บริษัทบิลเลี่ยน อินโนเวเท็ดกรุ๊ป จำกัด ใช้ค้ำประกันเงินที่ สกสค.นำไปลงทุนกับโครงการโรงผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี วงเงิน 2,100 ล้านบาท จึงได้ตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงเพื่อตรวจสอบหาผู้เกี่ยวข้องทันที และได้เชิญผู้บริหาร สกสค. 2 คน ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาตรวจสอบแล้ว

โดยผู้บริหาร สกสค.ทั้ง 2 คน ได้ชี้แจงว่าทรัพย์สินทั้งหมดที่พบในตู้เซฟ เป็นหลักทรัพย์ที่บริษัทบิลเลี่ยนฯ นำมาค้ำประกัน เมื่อสอบถามว่าทำไมจึงนำทรัพย์สินทั้งหมดมาเก็บไว้ที่ห้องผู้บริหาร สกสค.โดยไม่นำไปเก็บไว้ที่อื่นนั้น

ทางผู้บริหาร สกสค.ทั้ง 2 คน ไม่ยอมบอกว่าเป็นเพราะสาเหตุใด อย่างไรก็ตาม ตนจะเร่งสรุปผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จเพื่อรายงาน นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ.ในสัปดาห์หน้า ซึ่งขณะนี้ทั้ง พล.ร.อ.ณรงค์ และ นพ.กำจร ได้เร่งให้ตนดำเนินการเรื่องนี้ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว


ที่มา มติชนออนไลน์ วันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2558