ติดตามสถานะการณ์

ตามความเห็นผม อีกประเด็นเทคนิคการก่อสร้าง เห็นว่าเป็นเทคนิคเฉพาะที่คิดค้นโดยบริษัทจีน บางครั้งเทคนิคเฉพาะพวกนี้ จะเหมาะเอามาใช้ได้ทุกพื้นที่หรือเปล่า ก็ไม่น่าใช่ เพราะต้องดูว่าไปทดสอบ การใช้งานที่สภาพแวดล้อมไหน พื้นดินแบบไหน อีก นี่ก็เป็นอีกประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญ

 

วิศวกรเราสามารถช่วยสร้างความมั่นใจ…อาคารทุกอาคารควรสำรวจตรวจสอบอย่างน้อยก็ Visual Inspection จากวิศวกรผู้เข้าใจ..คลื่นแบบขวามือที่เข้ามาที่กรุงเทพ ปริมณฑล
***วันนี้ก็แวปไปดูหลายอาคาร มีตึก 2-6ชั้น ไม่พบอะไรที่มีนัยเสียหายเลย เมื่อวานก็ดูตึกเราเอง 5-6 ชั้น แทบไม่รู้เลยว่าตึกมีปัญหาจาก อาคารเตี้ย การเคลื่อนตัวของดิน สั่นจริงแต่ไม่มีความเสียหาย ดูง่ายๆ ไปเหมือนคล้ายๆกันทั้งอาคาร
***แต่อาคารสูง คอนโด มันไม่ใช่ครับมันเป็นคลื่น(คาบยาว) เหมือนส่ายกว้างๆยาว ก็ความเสียหาย จากการเคลื่อนตัว
***มีเพื่อนๆน้องๆส่งรูปมาให้ดู ก็เป็น Case ที่ไม่เสียหายเชิงโครงสร้างหลัก เลย เห็นแต่ที่เค้า share กัน



https://www.facebook.com/share/163DFEfAPJ/

 

#เปิดโลกญี่ปุ่น ทำไมตึกสูงในญี่ปุ่นทนแรงแผ่นดินไหวได้ดี ?
⠀
เพราะใช้เทคโนโลยีและวิศวกรรมที่ออกแบบมาเฉพาะเพื่อรับมือกับแรงสั่นสะเทือน ต่อไปนี้คือเหตุผลหลักที่ทำให้ตึกเหล่านี้แข็งแกร่งและปลอดภัย ดังนี้..
⠀
1️⃣ ฐานรากกันแผ่นดินไหว (Seismic Isolation)
ตึกสูงมักใช้ ฐานรองรับแรงสั่นสะเทือน (Base Isolation System) ซึ่งเป็นชั้นยางหรือแบริ่งพิเศษที่ดูดซับแรงสั่นไหว ลดแรงสะเทือนที่ส่งจากพื้นดินไปยังตัวอาคาร
⠀
2️⃣ โครงสร้างเหล็กและคอนกรีตเสริมแรง
◾ อาคารใช้วัสดุที่ยืดหยุ่นสูง เช่น เหล็กกล้าและคอนกรีตเสริมแรง ซึ่งช่วยให้โครงสร้างบิดตัวและคืนสภาพได้โดยไม่พังลงมา
◾ โครงสร้างรูปทรงพิเศษ เช่น โครงถัก (Truss Structure) และ คานลดแรงสั่นสะเทือน (Dampers) ถูกออกแบบมาเพื่อลดการแกว่งของอาคาร
⠀
3️⃣ ระบบลดแรงสั่นสะเทือน (Damping System)
ตึกสูงในญี่ปุ่นติดตั้ง แดมเปอร์ (Dampers) หรือเครื่องช่วยลดแรงสั่น เช่น
◾ Tuned Mass Damper (TMD) ลูกตุ้มขนาดใหญ่ที่แกว่งในทิศทางตรงข้ามกับแรงแผ่นดินไหวเพื่อลดการโยกของตึก
◾ Oil Dampers / Hydraulic Dampers ใช้ของเหลวช่วยดูดซับแรงสั่นสะเทือน
⠀
4️⃣ การออกแบบให้ยืดหยุ่น (Flexible Design)
◾ ตึกสูงถูกออกแบบให้มีการ แกว่งตัวได้อย่างปลอดภัย (Controlled Flexibility) แทนที่จะต้านแรงแผ่นดินไหวอย่างแข็งทื่อ
◾ บางอาคารใช้ แกนกลางเสริมแรง (Core Structure) และ เสาค้ำยัน X-Bracing เพื่อช่วยกระจายแรง
⠀
5️⃣ กฎหมายและมาตรฐานการก่อสร้างที่เข้มงวด
◾ ญี่ปุ่นมีกฎหมาย Building Standards Act ที่กำหนดให้อาคารทุกหลังต้องผ่านมาตรฐานแผ่นดินไหว
◾ อาคารสูงต้องทดสอบด้วยการ จำลองแรงแผ่นดินไหว (Shake Table Test) ก่อนสร้างจริง
⠀
6️⃣ ระบบแจ้งเตือนล่วงหน้า
ญี่ปุ่นมี ระบบเตือนภัยแผ่นดินไหวล่วงหน้า (Earthquake Early Warning - EEW) ซึ่งช่วยให้คนในอาคารมีเวลารับมือ เช่น หยุดลิฟต์ เปิดประตูทางออก ฯลฯ
⠀
ตัวอย่างตึกสูง ที่ทนแผ่นดินไหวได้ดีในญี่ปุ่น
◾ Tokyo Skytree ใช้โครงสร้างแบบ "เจดีย์ญี่ปุ่น" ซึ่งเป็นโครงไม้ที่ยืดหยุ่นและกระจายแรงได้ดี
◾ Mori Tower (Roppongi Hills) ใช้แดมเปอร์และฐานรองรับแรงสั่นสะเทือน
◾ Abeno Harukas (โอซาก้า) ใช้เสริมโครงสร้างพิเศษเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง
⠀
สรุปแล้ว ตึกสูงในญี่ปุ่นสามารถทนแรงแผ่นดินไหวได้ดีเพราะเทคโนโลยีล้ำสมัย วัสดุที่แข็งแรง และมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวด
⠀
ขอบคุณภาพและที่มาจาก https://www.yomiuri.co.jp/pluralphoto/20230831-OYT1I50035/

https://www.facebook.com/share/1FWFj8Ce7B/

 

#เปิดโลกญี่ปุ่น การตรวจสอบรอยร้าวของอาคารหลังเกิดแผ่นดินไหวเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินความปลอดภัยของโครงสร้าง ในญี่ปุ่น มีวิธีการตรวจสอบความเสียหายจากแผ่นดินไหวดังต่อไปนี้..
⠀
1️⃣ การตรวจสอบด้วยตนเอง
หลังแผ่นดินไหว ผู้อยู่อาศัยควรตรวจสอบสภาพบ้านของตนเองก่อน โดยใน จังหวัดอิชิกาวะ ได้แนะนำให้ตรวจสอบ การเอียงของบ้านและรอยร้าว เพื่อประเมินว่าสามารถอยู่อาศัยต่อไปได้ หรือควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
⠀
2️⃣ การตรวจสอบโครงสร้างโดยผู้เชี่ยวชาญ
หากพบความผิดปกติจากการตรวจสอบเบื้องต้น หรือมีความกังวลเกี่ยวกับความแข็งแรงของอาคาร สามารถขอรับ บริการตรวจสอบความแข็งแรงทางโครงสร้าง (耐震診断 - Taishin Shindan) จากผู้เชี่ยวชาญได้ โดยมีการตรวจสอบ 3 ระดับตั้งแต่เบื้องต้นไปจนถึงการวิเคราะห์เชิงลึก
⠀
3️⃣ การประเมินระดับความเสียหายของบ้านหลังแผ่นดินไหวแบ่งออกเป็น 2 ระดับ
⠀
การตรวจสอบครั้งแรก: ใช้วิธีการตรวจสอบด้วยสายตา เช่น รอยร้าวและการเอียงของอาคาร
⠀
การตรวจสอบครั้งที่สอง: เป็นการตรวจสอบเชิงลึกโดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งต้องมีการยื่นคำร้องเพื่อขอรับการประเมินเพิ่มเติม
⠀
4️⃣ การตรวจสอบอันตรายฉุกเฉิน (応急危険度判定 - Oukyuu Kikenndo Hantei) เพื่อลดความเสี่ยงจากอาฟเตอร์ช็อก ทางการญี่ปุ่นจะดำเนินการตรวจสอบด่วนเพื่อตัดสินว่าอาคารนั้นปลอดภัยหรือไม่ โดยการตรวจสอบนี้จะประเมินว่ามีโอกาสที่อาคารจะพังถล่มหรือไม่ และสามารถอยู่อาศัยต่อไปได้หรือไม่
⠀
5️⃣ การซ่อมแซมและเสริมความแข็งแรงของอาคาร
หากอาคารได้รับความเสียหายและจำเป็นต้องซ่อมแซม ควรดำเนินการแก้ไขโดยด่วนเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและรองรับแผ่นดินไหวในอนาคต
⠀
ญี่ปุ่นมีแนวทางการตรวจสอบอาคารหลังแผ่นดินไหวที่เป็นระบบ ตั้งแต่การตรวจสอบด้วยตัวเองไปจนถึงการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงมาตรการเสริมความปลอดภัยเพื่อให้มั่นใจว่าผู้อยู่อาศัยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัยหลังเกิดแผ่นดินไหว
⠀
ขอบคุณภาพและที่มาจาก https://www.pref.ishikawa.lg.jp/kenju/documents/0723kenbokyo_p01-04_web_a4.pdf

https://www.facebook.com/share/p/1AKxU7NWPQ/

 

#ข่าวร้อนในญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นชี้ แผ่นดินไหวที่เมียนมา ใหญ่กว่าของคาบสมุทรโนโตะถึง 2 เท่า เตือนอาฟเตอร์ช็อกขนาด 6.0 หรือมากกว่า
⠀
หลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในภาคกลางของเมียนมาเมื่อ 28 มี.ค. เวลา 12:50 น. (15:20 น. ตามเวลาญี่ปุ่น) ขนาด 7.7 ตามรายงานของ USGS และมีอาฟเตอร์ช็อกขนาด 6.4 ในอีก 12 นาทีต่อมา
⠀
ศ.ชินจิ โทดะ จากมหาวิทยาลัยโทโฮคุ ระบุว่า แผ่นดินไหวเกิดจากการเลื่อนตัวของรอยเลื่อน Sagaing Fault เป็นระยะทางราว 200 กม. ซึ่งถือว่ามีขนาดใหญ่กว่าการเกิดแผ่นดินไหวที่คาบสมุทรโนโตะถึง 2 เท่า
⠀
จุดศูนย์กลางอยู่ใกล้เมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่อันดับสองของเมียนมาที่มีประชากรกว่า 1.2 ล้านคน คาดว่าอาจเกิดความเสียหายในระดับเดียวกับแผ่นดินไหวที่ตุรกี-ซีเรียปี 2023
⠀
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าอาจมีอาฟเตอร์ช็อกขนาด 6.0 หรือมากกว่า และต้องจับตาผลกระทบต่อรอยเลื่อนอื่นๆ ที่ยังไม่เคลื่อนตัว
⠀
ขอบคุณภาพและที่มาจาก https://news.yahoo.co.jp/articles/b6a434a6c1135d81bfb59342042246c85144bdab

https://www.facebook.com/share/p/1MDEQazSTT/

 

#ข่าวร้อนในญี่ปุ่น ข่าวแผ่นดินไหวในไทย กลายเป็นข่าวร้อนในญี่ปุ่น ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวในญี่ปุ่นระบุ กทม มีดินอ่อน ทำให้แรงสั่นสะเทือนได้ แม้ไม่ได้อยู่ใกล้ศูนย์กลางของแผ่นดินไหว
⠀
ผู้เชี่ยวชาญ ยังวิเคราะห์ต่อว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นในไทยอาจเป็นผลจาก “แรงสั่นสะเทือนแบบคลื่นไหวสะเทือนช่วงยาว” (Long-period ground motion) ซึ่งสามารถส่งผลกระทบถึงพื้นที่ที่อยู่ไกลจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวได้
⠀
ศ. ทาคุยะ นิชิมูระ จากสถาบันวิจัยป้องกันภัยพิบัติ ม.เกียวโต อธิบายว่า แรงสั่นสะเทือนชนิดนี้สามารถส่งผลกระทบต่อ อาคารสูงและโครงสร้างขนาดใหญ่ เช่น สะพาน เนื่องจากมันสามารถทำให้เกิดการสั่นสะเทือนที่รุนแรงขึ้นผ่านปรากฏการณ์ “การสั่นพ้อง” หรือ Resonance นั่นเอง
⠀
อีกปัจจัยที่ทำให้กรุงเทพ ได้รับผลกระทบรุนแรงคือ ลักษณะชั้นดิน ในพื้นที่ กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มปากแม่น้ำ ซึ่งมีดินอ่อนและอาจขยายแรงสั่นสะเทือนให้รุนแรงขึ้น นักวิจัยกล่าวว่า ดินในพื้นที่เหล่านี้มีแนวโน้มที่จะสั่นสะเทือนมากกว่าพื้นที่ที่มีชั้นหินแข็ง
⠀
ดังนั้น มีความจำเป็นที่จะต้องรีบปรับปรุงมาตรฐานการก่อสร้างให้รองรับแผ่นดินไหว แม้ไทยจะไม่ใช่ประเทศที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อย แต่เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็นว่า แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในประเทศเพื่อนบ้านสามารถส่งผลกระทบต่อไทยได้อย่างรุนแรง จึงจำเป็นต้องมีมาตรการรับมือที่เข้มงวดขึ้น
⠀
ขอบคุณภาพและที่มาจาก https://news.tv-asahi.co.jp/news_international/articles/900021552.html?page2

https://www.facebook.com/share/p/1BFWMdzXRf/

 

Mar 29, 2025 ยอดดับเพิ่ม! เมียนมาชี้ยอดเสียชีวิตพุ่งแตะ 1,644 ราย บาดเจ็บเพิ่มเกินกว่า 3,400 ราย สูญหายกว่า 130 ราย กทม.ชี้ยอดเสียชีวิตเพิ่มเป็น 10 ราย สำนักธรณีวิทยาสหรัฐคาดยอดเสียชีวิตอาจพุ่งสูงกว่า 10,000 ราย กระทบเสียหาย 70% ของเศรษฐกิจเมียนมา

สำนักข่าวเอ็มอาร์ทีวี (MRTV) ซึ่งเป็นสำนักข่าวของทางการรัฐบาลทหารเมียนมาร รายงานว่า วันนี้ 29 มีนาคม 2025 เมื่อเวลา 21.35 น. ตามเวลาเมียนมา จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 1,644 ราย จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บมีมากกว่า 3,408 ราย จำนวนผู้สูญหายมีกว่า 139 ราย และคาดว่าตัวเลขดังกล่าวอาจเพิ่มสูงขึ้นมากกว่านี้ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.50 น. ตามเวลาประเทศเมียนมา ซึ่งตรงกับเวลา 13.20 น. ตามเวลาประเทศไทยโดยประมาณ สำนักงานธรณีวิทยาแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา หรือ USGS รายงาน แผ่นดินไหวครั้งนี้มีขนาดรุนแรงวัดได้ 7.7 แมกนิทูด สำหรับศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไปใต้ดินเพียงแค่ 10 กิโลเมตร โดยเกิดขึ้นที่บริเวณทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองมัณฑะเลย์

ขณะที่ กรุงเทพมหานคร รายงานวันนี้ 29 มีนาคม 2025 เมื่อเวลา 18.30 น. ว่า ตัวเลขอย่างเป็นทางการมีดังนี้ จำนวนผู้เสียชีวิตมี 10 ราย ผู้บาดเจ็บมี 42 ราย ผู้สูญหายมี 78 ราย ดังนั้น หากรวมข้อมูลทั้ง 2 ประเทศ จะพบว่า จำนวนผู้เสียชีวิตรวมเป็น 1,654 ราย ผู้บาดเจ็บรวมเป็น 3,450 ราย ผู้สูญหายรวม 217 ราย

ขณะที่ สำนักข่าวเอ็มอาร์ทีวี (MRTV) ของเมียนมา รายงานต่อไปว่า ที่อยู่อาศัยในเมือง และรอบเมืองมัณฑะเลย์มีจำนวนกว่า 1,591 หลัง วัดเสียหาย 670 แห่ง และโรงเรียน 60 แห่ง

สำนักธรณีวิทยาแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา หรือ USGS เปิดเผยรายงานผลสำรวจภาวะอันตรายแผ่นดินไหว USGS คาดการณ์ว่า จำนวนประชาชนเสียชีวิตอาจมีสูงระหว่าง 10,000 ถึง 100,000 คน และความเสียหายทางระบบเศรษฐกิจอาจได้รับผลกระทบมากถึง 70% ของมูลค่าขนาดเศรษฐกิจประเทศเมียนมา จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่และรุนแรงวัดระดับใต้ 7.7 แมกนิจูด ที่มีระดับความตื้นเพียง 10 กิโลเมตรจากผิวดิน ซึ่งเกิดขึ้นที่เมืองมัณฑะเลย์เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2025 ผ่านไป (มีต่อหน้า 2/2)

(หน้า 2/2) ด้านนายโรเจอร์ มัสสัน นักวิจัยกิติคุณ สำนักธรณีวิทยาแห่งชาติ อังกฤษ เปิดเผยว่า ภัยพิบัติจะมีความรุนแรงมาก สิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจ คือ คลื่นสั่นไหวจะกระจายตามแนวรอยเลื่อนทางยาวทั้งหมด ไม่ใช่เพียงแค่จุดศูนย์กลางของการสั่นไหวที่เกิดขึ้นไปแล้วเมื่อกว่า 12 ชั่วโมงผ่านมา ภาวะแผ่นดินไหวตื้น หมายถึง ศูนย์กลางสั่นไหวเกิดขึ้นไม่เกิน 70 กิโลเมตรจากผิวดิน ซึ่งเป็นภาวะปกติ และคิดเป็น 75% ของการปลดปล่อยพลังงานจากการเกิดแผ่นดินไหวในแต่ละปี

ในคืนวันที่ 28 มีนาคม 2025 ผ่านมา พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำสูงสุดรัฐบาลทหารประเทศเมียนมาร เปิดแถลงเมื่อสักครู่ที่ผ่านมาว่า จำนวนผู้เสียชีวิตมีมากกว่า 144 ราย จำนวนผู้ได้รับบาดเจ็บมีมากกว่า 732 ราย และคาดว่าตัวเลขดังกล่าวอาจเพิ่มสูงขึ้นมากกว่านี้ จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 12.50 น. ตามเวลาประเทศเมียนมา ซึ่งตรงกับเวลา 13.20 น. ตามเวลาประเทศไทยโดยประมาณ แผ่นดินไหวครั้งนี้มีขนาดรุนแรงวัดได้ 7.7 แมกนิทูด สำหรับศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไปใต้ดินเพียงแค่ 10 กิโลเมตร โดยเกิดขึ้นที่บริเวณทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองมัณฑะเลย์

สำหรับพื้นที่ที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากจะอยู่ที่กรุงเนปิดอว์ เป็นเมืองหลวง เมืองสะกาย และเมืองเจ่าท์เซ ดังนั้น รัฐบาลทหารเมียนมาจึงขอเรียกร้องให้ประชาชนตลอดจนความช่วยเหลือจากต่างประเทศเกี่ยวกับการขอรับบริจาคเลือด ไปยังโรงพยาบาลจำนวนมากในเมืองที่ได้รับความเสียหายทั้ง 3 เมืองข้างต้น ก่อนหน้านี้ รัฐบาลทหารเมียนมาได้ประกาศภาวะฉุกเฉินครอบคลุมทั้งหมด 6 เมืองสำคัญ รวมถึงเมืองหลวงกรุงเนปิดอว์ และเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองที่ขนาดใหญ่อันดับ 2 ของประเทศเมียนมา

#แผ่นดินไหว #กรุงเทพ #เมียนมา #BTimes

https://www.facebook.com/share/p/1DzPTpTSK1/

 

Mar 29, 2025 ขอให้เชื่อ! สมาคมอาคารชุดไทยมั่นใจมาตรฐานสร้างตึกสูงในไทย ไม่มีตึกไหนที่เปิดใช้อาคารแล้วพังกระทบชีวิตแม้แต่ตึกเดียวในครั้งนี้ ตึกสูงสร้างหลังปี 2550 รับแผ่นดินไหว ไม่พังลงทั้งหลัง

29 มีนาคม 2568 นายประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต นายกสมาคมอาคารชุดไทย แถลงการณ์ว่า มาตรฐานการก่อสร้างอาคารสูงของไทยรองรับแผ่นดินไหว การก่อสร้างอาคารสูงทุกอาคารในประเทศไทยหลังปี 2550 ต้องก่อสร้างตามมาตรฐานการก่อสร้างเพื่อรองรับแผ่นดินไหวทำให้อาคารสูงทั้งคอนโดมิเนียมและอาคารสำนักงานไม่พังลงเป็นอันตรายแก่ชีวิตคนในอาคาร มีแต่ความเสียหายในวงจำกัด เช่น กระเบื้อง/ หินอ่อนหลุดร่อนออก หรือผนังแตกร้าวมาจากแผ่นดินไหว, ฝ้าบางจุดหลุดหล่น หรือความเสียหายกับโครงสร้างอาคารบางส่วน แต่ไม่ถึงขั้นร้ายแรง วิบัติพังทลายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่สุดนี้ ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้

แสดงถึงมาตรฐานการก่อสร้างอาคารสูงของไทยจากบททดสอบแผ่นดินไหวสูงถึง 8.2 ริกเตอร์เป็นระดับสูงสุดที่มีมาในประเทศไทยว่าการก่อสร้างตึกสูงของไทยได้มาตรฐานจริงๆ โดยไม่มีตึกใดเลยที่เปิดใช้อาคารแล้วพังลงมากระทบต่อชีวิตผู้ใช้อาคารแม้แต่ตึกเดียวในครั้งนี้

หลังจากนี้ แต่ละอาคารคงต้องเข้าตรวจสอบความเสียหายของอาคาร ที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินไหวทุกแห่ง เพื่อเข้าซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดและเสียหาย ให้เกิดความปลอดภัยรวมถึงสร้างความมั่นใจของผู้ใช้อาคารต่อไป ร่วมแรงร่วมใจสร้างความเชื่อมั่นประเทศไทยปลอดภัยจากผลกระทบแผ่นดินไหว

#แผ่นดินไหว #กรุงเทพ #ไทย #เมียนมา #BTimes #คอนโด #อาคารชุด

https://www.facebook.com/share/p/1AcLhrtLZ8/

 

แผ่นดินไหวเขย่าไทยสะเทือนทั่วกรุงและเกือบทั่วไทย ต้องเตรียมพร้อม รับมืออย่างไรให้ปลอดภัย ทำไมแผ่นดินไหวจึงเตือนภัยล่วงหน้าไม่ได้?
.
เป็นเหตุการณ์ระทึกครั้งใหญ่ในชีวิตของใครหลายคนเลยก็ว่าได้กับเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว
.
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 มี.ค. 2568) ประเทศไทยได้เผชิญกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่นับเป็นครั้งใหญ่ในรอบหลายปี เมื่อเวลาประมาณ 13:22 น. ซึ่งที่มาของแรงสั่นสะเทือนเกิดจากแผ่นดินไหวในประเทศเมียนมา ขนาด 7.7 เมืองมัณฑะเลย์ ส่งแรงสะเทือน 24 จังหวัดของไทย
.
<แผ่นดินไหวเกิดที่เมียนมา กระทบมาถึงไทย>
คุณพิชิต สมบัติมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี แถลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (28 มี.ค. 2568) ว่าเกิดแผ่นดินไหวบนบกขนาด 7.7 ขนาดความลึก 10 กม. ศูนย์กลางที่ประเทศเมียนมา ถือเป็นแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ จากนั้นอีกเพียง 12 นาที ยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 6.4 ตามมา (ตามประกาศของ USGS)
.
สำหรับจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดจากรอยเลื่อนสะกายในเมืองมัณฑะเลย์ ห่างไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือค่อนไปทางเหนือของเมืองสะกายของเมียนมาเพียง 16 กม. และอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานคร 1,100 กิโลเมตร ส่งผลให้ประชาชนที่อยู่ในประเทศไทยรับรู้ ได้ถึงแรงสั่นสะเทือนหลายพื้นที่โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
.
ซึ่งอธิบดีกรมทรัพยากรธรณี บอกอีกว่าการขยับของรอยเลื่อนสะกาย ตามแนวระนาบเหลื่อมขวามีอัตราเคลื่อน 2 ซม.ต่อปี โดยรอยเลื่อนสะกาย ก่อหน้านี้เคยมีเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อปี 2473 ขนาด 7.3 และมีผู้เสียชีวิต 500 คน และความเสียหายจำนวนมาก
.
<24 จังหวัดได้รับแรงสั่นสะเทือนอย่างหนัก>
นอกจากชาวกรุงเทพและปริมาณฑลที่รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนจนต้องอพยพผู้คนออกจากตึกสูงกันแล้ว กรมทรัพยากรธรณียังรายงานด้วยว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้สามารถรับรู้แรงสั่นสะเทือนในภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย ตาก แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง พิษณุโลก ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ ขอนแก่น นครราชสีมา อุดรธานี อุบลราชธานี ภาคตะวันออก ชลบุรี ส่วนภาคกลาง เช่น สุพรรณบุรี กาญจนบุรี นครสวรรค์ ราชบุรี ลพบุรี นครนายก กรุงเทพมหานคร และจังหวัดปริมณฑล รวมแล้ว 24 จังหวัด
.
แต่ที่เป็นเหตุระทึกขวัญมากที่สุดในครั้วนี้ก็คือการที่อาคารสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (แห่งใหม่) ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง อยู่บริเวณถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร พังถล่มลงมา โดยโครงการก่อสร้างอาคารนี้ ดำเนินการก่อสร้างบนพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ 3 งาน คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติงบก่อสร้าง 2,560 ล้านบาทเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2563 โดยผู้ที่ชนะการประกวดราคาการสร้างอาคารดังกล่าว คือกิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด) ซึ่งเป็นผู้เสนอราคาต่ำสุด 2,136 ล้านบาท
.
หลังจากนั้นศูนย์นเรนทร สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ได้รับแจ้งจากหัวหน้างานก่อสร้างอาคารดังกล่าวว่ามีคนงานก่อสร้างทั้งหมด 320 คน และเจ้าหน้าที่กู้ภัย พร้อมด้วยสุนัขตำรวจเร่งค้นหาสัญญาณชีพของผู้รอดชีวิตอย่างต่อเนื่อง
.
คุณภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเข้าพื้นที่อาคารถล่มว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ไม่เคยเกิดมาในรอบ 100 ปี สำหรับกรุงเทพมหานคร และตอนนี้กำลังกังวลว่าอาจมีเหตุแผ่นดินไหวตามมาอีก (อาฟเตอร์ช็อก) กำลังติดตามอย่างใกล้ชิด
.
<ปิดทางลงทางด่วนดินแดง เพราะเศษวัสดุหล่นลงมาบนพื้นผิวจราจร>
หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวเมื่อเวลา 14.36 น. มีรายงานการปิดการจารจรทางลงทางด่วนดินแดงทุกช่องทาง หลังเครนบนอาคารที่กำลังก่อสร้างล้มทับและมีเศษวัสดุก่อสร้างตกหล่นกีดขวางการจราจรช่องทางลงทางด่วนดินแดงขาออก เพื่อเดินทางไปถนนวิภาวดีฯ ซึ่งแน่นอนว่า รถติด! และแน่นอนว่าติดทุกเส้นทาง เพราะทุกคนที่อพยพลงมาจากตึกต่างก็เดินทางกลับบ้านและที่พักกันทั้งนั้น
.
<นายกฯ ประชุมด่วน ประกาศให้ กทม. เป็นพื้นที่ฉุกเฉิน>
ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. คุณแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดแถลงข่าวกรณีเหตุแผ่นดินไหวตรงจาก จ.ภูเก็ต ระหว่างว่าราชการ โดยได้ประกาศให้กรุงเทพมหานครเป็นเขตประสบสาธารณภัย เพื่อให้การช่วยเหลือและฟื้นฟูสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
.
“ได้รับรายงานเกี่ยวกับเหตุตึกถล่มในย่านจตุจักรในกรุงเทพฯ แล้ว และสั่งการให้กระทรวงมหาดไทยแจ้งให้กรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ฉุกเฉินและได้แจ้งทั่วประเทศให้ทำเสมือนว่าเป็นเหตุการณ์ฉุกเฉินทั้งหมด เพื่อให้เมื่อมีเหตุการณ์ที่จะต้องช่วยเหลือประชาชนทำได้ทันที” นายกฯ กล่าว
.
<กรมอุตุฯ ชี้แผ่นดินไหว เตือนภัยล่วงหน้าไม่ได้>
กรมอุตุนิยมวิทยาอธิบายว่าภัยแผ่นดินไหวยังคงเป็นภัยธรรมชาติที่ยังไม่สามารถพยากรณ์ได้ การป้องกันและบรรเทาภัยแผ่นดินไหวที่มีประสิทธิภาพ จึงจำเป็นต้องได้รับข้อมูลความสั่นสะเทือนของพื้นดินที่ถูกต้อง จากระบบตรวจวัดที่มีมาตรฐานสากล ได้แก่ สถานีตรวจวัดอัตราเร่งของพื้นดิน สถานีวัดการเคลื่อนตัวของเปลือกโลก และสถานีวัดระดับน้ำทะเล ที่ติดตั้งอยู่ทั่วประเทศไทย เพื่อตรวจวัด เฝ้าระวัง และให้บริการข้อมูลที่เกี่ยวกับเรื่องภัยแผ่นดินไหวในประเทศอย่างต่อเนื่อง 24 ชั่วโมง ตลอดจนแจ้งเตือนภัยให้กับพื้นที่เสียงภัยกรณีเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในทะเล เมื่อตรวจพบความผิดปกติก็จะสามารถส่งข้อมูลแจ้งเตือนได้ทันที
.
สำหรับประเทศไทยพบว่ามีโอกาสการเกิดแผ่นดินไหวได้น้อย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น สิ่งที่ประชาชนสามารถทำได้เพื่อป้องกัน และบรรเทาภัยแผ่นดินไหว คือการติดตามข่าวสารด้านภัยธรรมชาติอยู่เสมอๆ เพื่อรับข้อมูลได้รวดเร็ว หากเกิดเหตุขึ้นก็จะสามารถเตรียมตัวอพยพได้ทันท่วงที
.
<วิธีเอาตัวรอดจากแผ่นดินไหว>
กรมทรัพยากรธรณี ได้บอกข้อปฏิบัติเพื่อให้ปลอดภัยจากภัยแผ่นดินไหวไว้ ดังนี้
ก่อนการเกิดแผ่นดินไหว
1. ควรมีไฟฉายพร้อมถ่านไฟฉาย และกระเป๋ายาเตรียมไว้ในบ้าน
2. ศึกษาการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
3. ควรมีเครื่องมือดับเพลิงไว้ในบ้าน
4. ควรทราบตำแหน่งของวาล์วปิดน้ำ วาล์วปิดก๊าซ สะพานไฟฟ้า สำหรับตัดกระแสไฟฟ้า
5. อย่าวางสิ่งของหนักบนชั้น หรือหิ้งสูงๆ เมื่อแผ่นดินไหวอาจตกลงมาเป็นอันตรายได้
6. ผูกเครื่องใช้หนักๆ ให้แน่นกับพื้นผนังบ้าน
7. สร้างอาคารบ้านเรือนให้เป็นไปตามกฎเกณฑ์ที่กำหนด สำหรับพื้นที่เสี่ยงภัยแผ่นดินไหว
.
ระหว่างเกิดแผ่นดินไหว
1. อย่าตื่นตกใจ พยายามควบคุมสติอยู่อย่างสงบ
2. ถ้าอยู่ในบ้านให้ยืนหรือมอบอยู่ในส่วนของบ้านที่มีโครงสร้างแข็งแรง และให้อยู่ห่างจากประตู ระเบียง และหน้าต่าง
3. หากอยู่ในอาคารสูง ควรตั้งสติให้มั่น หลังจากแผ่นดินไหวหยุดแล้วให้รีบออกจากอาคารโดยเร็ว
4. ถ้าอยู่ในที่โล่งแจ้ง ให้อยู่ห่างจากเสาไฟฟ้า และสิ่งห้อยแขวนต่างๆ
5. อย่าใช้ เทียน ไม้ขีดไฟ หรือสิ่งที่ทำให้เกิดประกายไฟ เพราะอาจมีแก๊สรั่วอยู่บริเวณนั้น
6. ถ้าท่านกำลังขับรถให้หยุดรถและอยู่ภายในรถ จนกระทั่งการสั่นสะเทือนจะหยุด
7. ห้ามใช้ลิฟท์โดยเด็ดขาดขณะเกิดแผ่นดินไหว
8. หากอยู่ชายหาดให้อยู่ห่างจากชายฝั่ง เพราะอาจเกิดคลื่นขนาดใหญ่ซัดเข้าหาฝั่ง
.
หลังเกิดแผ่นดินไหว
1. ควรตรวจตัวเองและคนข้างเคียงว่าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ให้ทำการปฐมพยาบาลขั้นต้นก่อน
2. ควรรีบออกจากอาคารที่เสียหายทันที
3. ใส่รองเท้าหุ้มส้นเสมอ เพราะอาจมีเศษแก้ว หรือวัสดุแหลมคมอื่นๆ และสิ่งหักพังแทง
4. ตรวจสายไฟ ท่อน้ำ ท่อแก๊ส ถ้าแก๊สรั่วให้ปิดวาล์วถังแก๊ส ยกสะพานไฟ อย่าจุดไม้ขีดไฟหรือก่อไฟจนกว่าจะแน่ใจว่าไม่มีแก๊สรั่ว
5. ตรวจสอบแก๊สรั่วด้วยการดมกลิ่นเท่านั้น ถ้าได้กลิ่นให้เปิดประตูหน้าต่างทุกบาน
6. ให้ออกจากบริเวณที่สายไฟขาด และวัสดุสายไฟพาดถึง
7. เปิดวิทยุฟังคำแนะนำฉุกเฉิน อย่าใช้โทรศัพท์ นอกจากจำเป็นจริงๆ
8. สำรวจดูความเสียหายของท่อส้วม และท่อน้ำทิ้งก่อนใช้
9. อย่าเป็นไทยมุงหรือเข้าไปในเขตที่มีความเสียหายสูง หรืออาคารพัง
10. อย่าแพร่ข่าวลือ
.
<รอยเลื่อนสะกายเคยรุนแรงสุดจากปี 2473>
หากย้อนไปเมื่อกว่าประมาณปีครึ่ง ช่วงวันที่ 20 มิ.ย. 2566 ได้เคยเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.0 เมื่อเวลา 08.40 น.ที่ระดับความลึก 10 กม.บริเวณตอนเหนือของทะเลอันดามัน ประเทศเมียนมา ห่างจากกรุงเทพมหานคร 490 กม. พบว่าเกิดจากการเคลื่อนตัวของแนวรอยเลื่อนสะกายในเมียนมา ตามแนวระนาบแบบเหลื่อมขวา ซึ่งมีอัตราการเคลื่อนตัวประมาณ 2 ซม.ต่อปี ซึ่งไอ้เจ้า “รอยเลื่อนสะกาย” เคยก่อให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในอดีตเมื่อปี พ.ศ.2473 เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ขนาด 7.3 และทำให้มีผู้เสียชีวิตในเมียนมามากกว่า 500 คนเลยทีเดียว
.
และในรอบ 50 ปีช่วง 2516–2566 เกิดแผ่นดินไหวตามแนวรอยเลื่อนสะกาย ทั้งหมด 668 ครั้ง ขนาด 2.9–7.0 ครั้งใหญ่สุดรอบ 50 ปีขนาด 7.0 เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 2534 ที่เมือง Mogok ในมัณฑะเลย์
.
โดยรอยเลื่อนสะกาย ถือเป็นรอยเลื่อนมีพลังมากที่สุดในผืนแผ่นดินใหญ่ประเทศในอาเซียน เทียบเท่ากับรอยเลื่อนซานแอนเดรียส (San Andreas Fault) ของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยรอยเลื่อนสะกายมีความยาว 1,500 กิโลเมตร และพาดผ่านตอนกลางของเมียนมา เทือกเขาหิมาลัย ผ่านลงมาถึงกรุงย่างกุง ยาวลงในอ่าวเบงกอล และทะเลอันดามัน หากย้อนกลับไป ในช่วงต้นรัชกาลที่ 3 กรุงรัตนโกสินทร์ รอยเลื่อนสะกายเคยเกิดแผนดินไหวใหญ่ ขนาดใหญ่ 8.0 ในด้านตะวันตกนของเมืองมัณฑะเลย์ ที่ทำให้เจดีย์สำคัญพังถล่ม และแรงสะเทือนรับรู้ถึงภาคเหนือ และกทม.มาแล้ว
.
<โอกาสเกิดแผ่นดินไหวในไทยมีไหม?>
จากข้อมูลของ ศูนย์ปฎิบัติการธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรธรณี แจ้งว่าประเทศไทย ยังมีรอยเลื่อนที่ยังมีพลัง 15 กลุ่มรอยเลื่อน ประกอบด้วย
1. กลุ่มรอยเลื่อนแม่จัน พาดผ่าน จ.เชียงราย และ เชียงใหม่
2. กลุ่มรอยเลื่อนแม่อิง พาดผ่าน จ.เชียงราย
3. กลุ่มรอยเลื่อนแม่ฮ่องสอน พาดผ่าน จ.แม่ฮ่องสอน และ จ.ตาก
4. กลุ่มรอยเลื่อนเมย พาดผ่าน จ.ตาก และ จ.กำแพงเพชร
5. กลุ่มรอยเลื่อนแม่ทา พาดผ่านจ.เชียงใหม่ จ.ลำพูน จ.เชียงราย
6. กลุ่มรอยเลื่อนเถิน พาดผ่าน จ.ลำปาง และ จ.แพร่
7. กลุ่มรอยเลื่อนพะเยา พาดผ่าน จ.พะเยา จ.เชียงราย และ จ.ลำปาง
8. กลุ่มรอยเลื่อนแม่ลาว พาดผ่าน จ.เชียงราย
9. กลุ่มรอยเลื่อนปัว พาดผ่าน จ.น่าน
10. กลุ่มรอยเลื่อนอุตรดิตถ์ พาดผ่าน จ.อุตรดิตถ์
11. กลุ่มกลุ่มรอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ พาดผ่าน จ.กาญจนบุรี
12. กลุ่มรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ พาดผ่าน จ.กาญจนบุรี จ.สุพรรณบุรี จ.อุทัยธานี จ.ตาก
13. กลุ่มรอยเลื่อน ระนอง พาดผ่าน จ. ระนอง จ.ชุมพร จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ จ.พังงา
14. กลุ่มรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย พาดผ่าน จ.สุราษฎร์ธานี จ.กระบี่ จ.พังงา และ จ.ภูเก็ต
15. กลุ่มรอยเลื่อนเพชรบูรณ์ พาดผ่าน จ.เพชรบูรณ์ และ จ.เลย

อย่างไรก็ตาม ค่าระดับความรุนแรงแผ่นดินไหว (Intensity) มีโอกาสเกิด 10% ในคาบเวลา 50 ปี
.
แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้น เป็นตัวสะท้อนได้ดีเลยว่า ในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน หลายคนอาจจะมองว่าประเทศไทยมีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวได้น้อยแต่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ นอกเหนือจากตัวเราเองที่ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุไม่คาดฝัน โดยเฉพาะการพก “สติ” ไปด้วยทุกที่จะเป็นอุปกรณ์สำคัญในการรับมือได้ดีที่สุด แต่เชื่อว่าทุกคนย่อมไม่อยากให้เกิดขึ้น และไม่คาดคิดหรอก ว่ามันจะเกิดขึ้นและรุนแรงขนาดนี้
.
แต่ในส่วนของหน่วยงานที่รับผิดชอบ อาจจะต้องทบทวนแนวทางการรับมือในอนาคต เพื่อให้ความเสียหายเกิดขึ้นน้อยที่สุด โดยเฉพาะ “ชีวิต” ที่ไม่ควรสูญเสียในเหตุการณ์ใดเลยก็ตาม เพราะสิ่งที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น มันได้เกิดขึ้นแล้ว...
.
อ่านเพิ่มเติม คลิก https://bit.ly/3FFm9kD
.
Website: https://btimes.biz
Facebook: https://web.facebook.com/btimesch3
YouTube: https://www.youtube.com/@BTimes_ch3
TikTok : https://www.tiktok.com/@btimes_ch3
.
#แผ่นดินไหว #ภัยพิบัติ #รับมือแผ่นดินไหว #ประเทศไทย #BTimes

https://www.facebook.com/share/p/19fbviWHyV/

 

#ความรู้รอบเอว สื่อญี่ปุ่นหลายสำนัก (weathernews/ Nikkei/ Jiji) วิเคราะห์อาคารสูงในกรุงเทพน่าจะเจอปรากฏการณ์ 長周期地震動 long-period ground motion、LPGM (การสั่นของคลื่นแผ่นดินไหวคาบยาว) ทำให้แผ่นดินไหวที่มีจุดศูนย์กลางในพม่าครั้งนี้ความเสียหายมากขึ้นมาไกลถึงกทม.

ปรากฏการณ์ 長周期地震動 long-period ground motion、LPGM (การสั่นของคลื่นแผ่นดินไหวคาบยาว) คืออะไร?

(1) [ลักษณะเฉพาะ]
◾️มักเกิดขึ้นเมื่อ ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ตื้น
- ครั้งนี้ที่พม่าลึก 10 กิโลเมตร = ตื้น
◾️มักเกิดเมื่อ แมกนิจูด > 7.0
- รอบนี้ M 7.7 บางข่าว M 8.2
◾️มักจะเกิดในพื้นที่ไกลออกไปหลายร้อยกิโล
- กทม. ห่างจุดศูนย์กลางไปเกิน 1,000 กิโลเมตร
◾️มักเกิดกับพื้นที่ที่เป็นดินอ่อน
- กทม…. ได้ข่าวว่า ดินอ่อนนะคะ (แอ่งกรุงเทพ)
◾️ตึกสูง 14-15 ชั้นขึ้นไปมักจะได้รับผลกระทบคือ ไหวนาน และ ไหวกว้าง (เช่น ไหวซ้าย-ขวากว้าง ความถี่ต่ำ)

(2) [ความเสียหาย]
◾️เฟอร์นิเจอร์ และข้าวของเสียหาย
◾️ลิฟท์เสียหาย
◾️คนบนอาคารบาดเจ็บ มึนหัวอาเจียน

บางครั้งอาจไหวนานถึง 10 นาที ช่วงแผ่นดินไหวโทโฮคุ ตอนนั้นหลายอาคารในโตเกียวและโอซาก้าก็ไหวยาว ๆ เช่นกัน
- ด้านล่างหยุดไปนานแล้ว ด้านบนไหวต่อยาว ๆ

(3) [ตึกโยกแรง ๆ เป็นอะไรไหม]
- กรณีญี่ปุ่น ตึกสูงส่วนใหญ่จะดีไซน์มาให้โยกซ้ายขวา เพื่อลดทอนความแรงของแผ่นดินไหวไม่ให้ถล่มอยู่แล้ว โอกาสที่จะถล่มค่อนข้างยาก แต่ยิ่งสูงจะยิ่งโยกแรง คนข้างบนอาจจะอาเจียนได้
- กรณีไทย อาคารที่สร้างก่อนปี 2550 เพราะสร้างก่อนมีกำหนดมาตรการแผ่นดินไหว อาจจะต้องตรวจสอบดูอีกครั้งว่าตึกกันได้เท่าไหร่ // ส่วนหลังปี 2550 คงต้องไปคอนเฟิร์มกับผู้สร้างว่ากันได้เกิน M 7.0 ตามกฎหมายใหม่ใช่หรือเปล่า

(4) [วิธีป้องกัน]
- ทำการล็อกเฟอร์นิเจอร์ที่น่าจะเลื่อน/ล้มมาทับ
- รัฐ (อันนี้ญี่ปุ่นนะคะ ) จะประกาศข่าวความน่าจะเป็นที่จะเกิดปรากฏการณ์นี้เมื่อเกิดแผ่นดินไหวในพื้นที่ห่างออกไป ขอให้ทุกคนเตรียมตัว โดยจะมีความเสียหายแบ่งเป็น 4 เลเวล

—————-

ในขณะที่ทีวีอาซาฮีวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้อีกอย่างคือ

️“อีกสาเหตุหนึ่งคือ บริเวณรอบกรุงเทพฯ ตั้งอยู่ใกล้ปากแม่น้ำสายใหญ่ ทำให้พื้นดินค่อนข้างอ่อนนุ่ม อาจเป็นบริเวณที่แรงสั่นสะเทือนสามารถส่งผ่านได้ง่าย เนื่องจากอยู่ห่างจากรอยต่อของแผ่นเปลือกโลก

หากเป็นพื้นที่แบบประเทศญี่ปุ่นแรงสั่นสะเทือนจะลดลงได้ค่อนข้างง่าย แต่ในพื้นที่แบบนี้ แรงสั่นสะเทือนสามารถส่งผ่านไปได้ไกล”

️“กรณีนี้ต้องคิดเผื่อเป็นบทเรียนให้นันไกทรัฟด้วย เพราะตึกสูงในโตเกียวอาจเกิดเหตุแบบเดียวกันได้”

#กิ๊ฟจังนั่งเล่า #ข่าวญี่ปุ่น

ต้นทาง: อยู่ในคอมเมนท์

https://www.facebook.com/share/14mYMNBWBw/

 

สมาคมวิศวกรโครงสร้างไทย เปิด 3 ข้อสันนิษฐาน สาเหตุตึกสตง.ถล่มจากแผ่นดินไหว
: https://www.naewna.com/local/873325

 

สื่อต่างประเทศรายงานอ้างความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ เตือนเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงระดับ 7.7 ที่เขย่าพม่าและไทยในวันศุกร์(28มี.ค.) เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น และอาจมีแผ่นดินไหวเลวร้ายกว่าตามมาอีกในอนาคตในภูมิภาคแห่งนี้

เดลิเมลรายงาน เกรงว่าอาจมีผู้เสียชีวิตหลายพันคน หลังเกิดแผ่นดินไหวระดับ 7.7 สั่นสะเทือนพม่าและไทย โดยทางสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ คาดการณ์ว่าอาจมีผู้เสียชีวิตราว 10,000 ถึง 100,00 คน ตามหลังแผ่นดินไหวที่มีศูนย์กลางใกล้เมืองมัณฑะเลย์ เมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของพม่า

พลังทำลายล้างของแผ่นดินไหวมีบ่อเกิดจากรอยเลื่อนขนาดมหึมาที่ทอดผ่านตอนกลางของประเทศพม่า และหลังจากเกิดแผ่นดินไหวรอบ 2 ที่ระดับ 6.4 ราว 12 นาที ตามหลังแผ่นดินไหวครั้งแรก เดลิเมลอ้างความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า "สิ่งที่เลวร้ายที่สุดอาจยังมาไม่ถึง"

รายงานของเดลิเมลระบุว่าพม่าตั้งอยู่ด้านบนตรงๆของรอยเลื่อนสะกาย โซนแผ่นดินไหวที่มีความเคลื่อนไหวสูง ทอดยาวเป็นระยะทาง 1,200 กิโลเมตรผ่านใจกลางของประเทศ ในภูมิภาคนี้แผ่นเปลือกโลกอินเดียและแผ่นเปลือกโลกซุนดา เคลื่อนตัวเข้าหากัน ณ ความเร็วหนึ่ง ราว 49 มิลลิเมตรต่อปี

เมื่อแผ่นเปลือกโลกทั้ง 2 มุดกัน พวกมันสะสมพลังงานสำรองไว้มหาศาล จากนั้นก็ปลดปล่อยแผ่นดินไหวตามแนวราบ อย่างที่เกิดขึ้นในวันศุกร์(28มี.ค.) และด้วยแผ่นดินไหวที่ถูกปลดปล่อยจากรอยเลื่อนนี้รุนแรงและค่อนข้างตื้น มันจึงมีศักยภาพก่อความเสียหายร้ายแรงแก่ศูนย์กลางประชากรที่อยู่ใกล้เคียง

อ้างอิงจากสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ ระบุว่าแผ่นดินไหวครั้งนี้เขย่าภาคกลางของพม่า ตอนเวลา 13.20 น. โดยมีศูนย์กลางห่างจากเมืองมัณฑะเลย์ ไปแค่ 17.2 กิโลเมตร ส่วนในไทย อาคารต่างๆได้สั่้นไหวตามแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ตอนเวลาประมาณ 13.30น.

ในขณะที่ผู้คนหลายล้านคนยังคงอยู่ในอาการช็อค แผ่นดินไหวรุนแรงลูก 2 ระดับ 6.4 ได้สั่นสะเทือนพื้นที่เดียวกัน ในอีก 12 นาทีต่อมา แรงสั่นสะเทือนสามารถสัมผัสได้ถึงมณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน อ้างอิงข้อมูลของสำนักงานแผ่นดินไหวของปักกิ่ง ที่วัดความรุนแรงของแผ่นดินไหวลูกแรกได้ 7.9

บิล แมไกวร์ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ด้านธรณีฟิสิกส์และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แห่งมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน ให้ความเห็นกับเดลิเมล ว่า "พม่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเคลื่อนไหวทางแผ่นดินไหวมากที่สุดในโลก ดังนั้นแผ่นดินไหวครั้งนี้จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเท่าไหร่"

"ดูเหมือนมันจะเกิดขึ้นกับรอยเลื่อนสะกาย ซึ่งเป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างแผ่นเปลือกโลก 2 แผ่น และทอดยาวจากเหนือไปใต้ ใกล้กับศูนย์กลางพลเมืองขนาดใหญ่จำนวนหนึ่ง" ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ระบุ

แผ่นดินไหวครั้งนี้พวกนักธรณีวิทยาเรียกกันว่าแรงสั่นสะเทือนแนวระนาบ มีต้นตอจากการที่แผ่นเปลือกโลก 2 แผ่น เคลื่อนที่เข้าหากันและมุดกัน ตอนที่แผ่นเปลือกทั้ง 2 ติดกันอยู่ในรอยเลื่อนนั้น มันสะสมพลังงานอย่างเต็มกำลังอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ตามรายงานของเดลิเมล และพอท้ายที่สุดแล้ว กำลังของมันเอาชนะแรงเสียดทาน ทุกพลังงานก็ถูกปลดปล่อยออกมาภายในเวลาไม่กี่วินาที โหมกระพือแผ่นดินไหวมหึมา

แม้แผนที่ส่วนใหญ่จะโชว์ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวเป็นแค่จุดๆหนึ่ง แต่ความจริงแล้วมันแผ่ลามออกจากพื้นที่รอยเลื่อนขนาดใหญ่มากๆ

นับตั้งแต่ช่วงต้นปีที่แล้ว เป็นอย่างน้อย พวกนักธรณีวิทยามีความกังวลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ว่า "แผ่นดินไหวใหญ่" เข่นฆ่าชีวิตผู้คนจำนวนมาก จากรอยเลื่อนสะกาย อาจอยู่บนเส้นทางที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

ก่อนหน้านี้ พวกนักธรณีวิทยาจากสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน พบว่าช่วงตอนกลางจองรอยเลื่อนสะกาย มีการอัดแน่นกันสูง ซึ่งหมายความว่าแผ่นเปลือกโลกทั้ง 2 มุดกันมาเป็นเวลานานผิดปกติ มันบ่งชี้ว่ามีการสะสมพลังงานมากกว่าปกติและพวกนักวิจัยเตือนว่ารอยเลื่อนสะกาย "มีแนวโน้วที่จะก่อให้เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่อีกในอนาคต"

พวกนักวิจัยระบุในเอกสารว่า ความหมายของเรื่องนี้ก็คือ มันเป็นคำเตือนถึงเมืองต่างๆที่อยู่ใกล้เคียง อย่างเช่นมัณฑะเลย์ เกี่ยวกับภัยคุกคามอย่างมีนัยสำคัญของ"อภิมหาแผ่นดินไหว(Megaquake)" และหมายความว่าแผ่นดินไหวที่ก่อกำเนิดขึ้น มีโนวแน้มว่าจะทำลายล้างมากกว่าเดิม

(ที่มา:เดลิเมล)

https://www.facebook.com/share/15GB27fbk2/