เรื่องเด่น ตำนานรักเลือด เรื่องผี ที่ดังเรื่องชื่่อที่สุดของยุโรป

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย DuchessFidgette, 3 ธันวาคม 2012.

  1. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ผีนางเงือกแห่งเกาะคริต

    ผีนางเงือกแห่งเกาะคริต



    [​IMG]






    ทุกประเทศทั่วโลกล้วนมีตำนานและชื่อนางเงือกในตำนาน เช่น รัสเซีย รูเซลก้า, จีน โบตั๋น, หรือของ สกอตแลนด์ก็ ซิลกี้ ของพวกโรมันก็ ซีเรน ของไทยก็นางสุวรรณมัจฉา อินเดียก็ มัสยากาญดา หรือ พระแม่ มีนนัคชี



    [​IMG]

    ขอเล่าตำนานที่มาของนางเงือกในความเชื่อของชาวกรีก พอสังเขปคะ นานมาแล้วบนสวรรคณ์มีเทวีนางหนึ่งนามว่า
    เทวี อะธากาตีส ชื่อของนางปรากฏอยู่ในตำนานศาสนาโบราณของประเทศทางตะวันออกกลางที่อยู่ทางเหนือ ๆ
    และ ยุโรปใต้ เช่น ประเทศ ซีเรีย, อิรัก, เลบานอน, กรีก, โรมัน เป็นต้น

    ชื่่อของนางก็แตกต่างกันไปตามท้องถิ่นนั้นๆ แต่ต้นกำเนิดความเชื่อของ
    นางนั้นมาจากซีเรียและเลบานาน ในหมุ่ชาว อัสซีเรียน, คานาไนท์, นาบาเธี่ยน
    และ โฟนีเซี่ยน



    [​IMG]

    ตำนานนั่นเล่าว่านางนั้นมี รูปงามมาก ระหว่างอยู่บนสวรรค์และมองดูผู้คนบนโลกอยู่นั้นเอง นางเกิดไปเห็นผู้ชายรูปงามคนหนึ่งเข้า เลยเกิดกิเลสอยากเป็นคนขึ้นมา นางจึงจำแลงกายลงไปมีความสัมพันธท์สวาทกับชายหนุ่ม ซึ่งผิดกฏสวรรค์นางต้องลงมาเกิดเป็นปลา



    แต่ด้วยเหตุที่นางเป็นเทพผู้มีบุญสูงมาก่อนทำให้นางไม่สามารถมาเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานร้อยเปอร์เซ็น นางจึงกลับมาเกิดเป็นปลา ที่มีท่อนบนมีร่างกายเป็นคน หรือนางเงือกนั่นเอง


    [​IMG]


    แต่ตำนานผีนางเงือกนั้นเป็นเรื่องราวที่มีมาจนทุกวันนี้ที่เกาะ ครีต เกาะเล็กๆที่สวยงามของ ประเทศกรีก เมื่อสมัยโบราณเล่ากันว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่ง เล่นพิณไดไพเราะเพราะพริ้งมาก จนวันหนึ่งเขาจึงไปนั่งเล่นพิณที่โขดหินซึ่งยื่นเข้าไปในทะเล ที่ประเทศนี้ทุกคนต่างทราบกันดีว่า นางงือกนั้นเป็นพวกพลายทะเลและอันตราย แต่ชายหนุ่มก็ไม่ได้สนใจจนวันหนึ่งนั่งเล่นพิณอยู่นั่นเอง ก็มีนางเงือกกลุ่มหนึ่งโพล่ขึ้นมาจากน้ำสีน้ำเงินที่มีคลื่นแรงนั้น และราวกับโดนสะกดจิต พวกนางต่างเลื้อยขึ้นมาฟังเพลงจากพิณของชายหนุ่ม และไม่ได้มีท่าทีดุร้ายอะไร ครั้นเมื่อเล่นจบเพลงพวกเงือกก็ค่อยๆดำน้ำหายตัวไป


    [​IMG]

    ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นมากกับสิ่งที่เขาได้เห็นจึงมาเล่นอีกในวันถัดไป ซึ่งบรรดานางเงือกก็ขึ้นมาอีก เขาจึงมาอีกในวันหลังพวกเงือกก็มาทุกครั้ง แต่ในครั้งหลังๆชายหนุ่มเริ่มกวาดสายตาดูเงือกแต่ละตนชัดๆเขาก็รู้สึกว่านางเงือกนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่งดงามไม่น้อย โดยเฉพาะเงือกสาวตนหนึ่งที่มักจะอยู่ไกลจากที่ที่ชายหนุ่มนั่งอยู่ในทุกครั้งที่มา

    นางสวยมากมีผมเป็นคลื่นสีขาวราวกับสาหร่ายคลุมร่าง ชายหนุ่มจึงกลับไปที่หมู่บ้านถามหญิงชราผู้มีความรู้เรื่องสิ่งลี้ลับว่า เป็นไปได้ไหมถ้าเขาอยากจะจับนางเงือกเอาไปไว้ที่บ้าน หญิงชรากล่าวเตือนเขาว่าได้ไม่คุ้มเสีย แต่ก็ยอมแนะนำวิธี นางบอกแก่เขาว่าหลังที่เขาเล่นพิณเสร็จให้ดึงผมนางเงือกเอาไว้ และอย่าปล่อยไม่ว่านางจะกัดจะทำร้าย หรือแยกเขี้ยว กะพือคลีบอย่างไรก็ตาม ชายหนุ่มก็เชื่อและทำตาม

    [​IMG]

    ครั้นพอเล่นพิณจบคราวนี้ เขาได้ดึงผมของนางเงือกที่อยู่ไกลสุดนางนั้นไว้, ในขณะที่เงือกตนอื่นต่างตกตื่นกระโจนและดำน้ำหนี นางเงือกที่ชายหนุ่มดึงผมไว้นั้นได้กลายเปลี่ยนจากหน้างามๆเป็นอสูรร้าย ทั้งกัด ทั้งพ้นไฟ และทำร้ายชายหนุ่มสาระพัด

    [​IMG]

    แต่ชายหนุ่มก็ไม่ปล่อยเขาต้องรอให้นางทำเช่นนี้สิบครั้งและเมื่อไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ยอมปล่อยผมของนางแล้ว นางเงือกก็คลายฤทธิ์นางไม่สามารถจะทำอย่างนั้นได้อีก และเมื่อนั้นเองที่ชายหนุ่มได้จับนางเงือกใส่แหและอุ้มกลับบ้าน เขาได้นำนางมาทำเป็นเมียจนนางเงือกตั้งท้องออกลูกออกมาเป็นเด็กผู้ชาย

    ชายหนุ่มนับวันก็ยิ่งโมโหร้ายมากยิ่งขึ้นเพราะเมียเงือกของเขาไม่เคยเอ่ยปากพูดกับเขาเลยแม้แต่คำเดียวนอกจากใบหน้าที่บึ่งตึง และดวงตาที่เศร้าหมอง

    [​IMG]

    ชายหนุ่มจึงกลับไปถามหญิงชราคนเดมอีกครั้ง ซึ่งหญิงชราก็ไม่แนะนำให้เขาทำอีกเช่นเคย แต่ชายหนุ่มก็คะยั้นคะยอที่จะรู้ให้ได้ว่า ทำอย่างไรนางเงือกถึงจะพูด หญิงชราจึงแนะนำเขาว่าให้อุ้มลูกของนางไว้และขู่นางว่าหากนางไม่ยอมพูดก็จะโยนลูกของเราลงไปในกองไฟ ซึ่งชายหนุ่มก็ทำตามอีกเช่นเคย


    แต่คราวนี้ผิดคาด นางเงือกได้ยินเช่นนั้นก็น้ำตาไหล ก่อนที่จะกล่าวกับเขาว่า "เจ้าคนใจร้าย" แล้วนางก็กระโดดเข้าแย้งลูกของนางจากมือของชายหนุ่มก่อนที่จะกระโดลงกองไฟตาย หลังจากนั้นชายหนุ่มก็สูญเสียทั้งนางเงือกและลูกของเขา และไม่มีเงือกตนไหนปรากฏกายให้ให้มนษย์ได้เห็นอีกเลย

    ชายหนุ่มได้นำซากขี้เถ้าของนางเงือกและลูกของเขาเอาไปโปรยในบ่อน้ำธรรมชาติแห่งหนึ่งในเกาะซึ่งเป็นวังน้ำเชื่อมต่อไปยังทะเล และที่นี้เองที่นักท่องเที่ยยวทุกคนที่มาจะต้องไปชมจุดนี้ของเกาะ ซึ่งตอนกลางคืนหากมองลงไปจะเห็นเงาร่างของนางเงือกอุ้มลูกอยู่ในบ่อน้ำนั้น ซึ่งชาวบ้านของเกาะคริตเชื่อว่าเป็นวิญญาณของนางซึ่งโดนเนรเทศจากเงือกตนอื่นๆอันเนื่องมาจากการไปสมสู่กับมนุษย์นั้นเอง



    [MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.2394445/[/MUSIC]


    fishh_
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  2. ศรีใจ75

    ศรีใจ75 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +15
    เพลงและภาพประกอบการเล่าเรื่อง..อาร์ตมากค่ะ :cool:
     
  3. Pukku

    Pukku เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    327
    ค่าพลัง:
    +899
    น่าสงสารนางเงือกจริงๆ ทั้งโดนจับมา ทั้งโดนขู่อีก
     
  4. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานพลายน้ำ



    [​IMG]




    ผีพลายน้ำประเภทแรกนั้นอยู่ในตำนานพื้นบ้านของประเทศอังกฤษ ซึ่งพลายน้ำชนิดนี้ถูกเรียกว่าเจนนี่ กรีนทีช หรือ นาง เจนนี่ ฟันเขียว นั้นเอง ที่โดนเรียกเช่นนี้ก็เพราะว่า ผีเจนนี่ ฟันเขียวนั้น กล่าวกันว่าจะปรากฏตัวอยู่ในชายน้ำอย่าง แม่น้ำทะเลสาป นอกจากนี้ เจนนี่ฟันเขียวยังมีชื่อที่แตกต่างกัน ในแต่ละท้องถิ่นของอังกฤษ เป็นประเภทเดียวกันกับ แพ็ค พาวเร่อ และ
    กรินดี้โรว, คงไม่ต่างอะไรเช่นเดียวกับคนไทยเองก็มีผีในตำนานหลายชนิด เช่น กะสือ ปอป หรือ
    ผีกองกอย เป็นต้น

    [​IMG]

    ชาวบ้านในสมัยก่อนบรรยายลักษณะของ เจนนี่ กรีนทีช ว่า มีผิวสีเขียวเหมือนตระไคร้น้ำ ผมยาวเหมือนสาหร่ายห่มร่าง และมีฟันแหลมคม จะจับพวกเด็กๆหรือคนที่ชอบมาเล่นน้ำตอนกลางคืน ตำนานของ เจนนี่ฟันเขียวเรื่องลือในหมู่ชาวอังกฤษ จนผีพลายประเภทนี้โดนนำมาเป็นต้นแบบของ สัตว์ประหลาดที่เรียกว่า เม็ค มัคเกิลโบน ในงานเขียนของ ริดรี่ สกอต เรื่อง เดอะ รีเจ้น ซึ่งได้ำไปทำเป็นภาพยนตร์ ซึ่งข้าพเจ้าเองก็ได้ดู เป็นหนังเทพนิยายมืด ที่มีภาพ ฉาก งดงามมาก




    [​IMG]


    ภูตน้ำโลเรไลน์

    พลายประเภทที่สองนี้อยู่ในตำนานของประเทศ เยอรมัน ซึ่งสิงค์สถิตย์ ก้อนโขดหินใหญ่กลางแม่น้ำไรน์ กล่าวกันว่า
    ที่ก้อนโขดหินใหญ่กลางน้ำนั้นเองที่เป็นที่อาศัยอยู่ของผูสาวคนหนึ่งนามว่า โลเรไลน์ เป็นผู้หญิงสวยผมยาว ลากพื้น ไม่สวมเสื้อผ้า แต่เป็นบ้าเพราะโดนผีสิงค์หรือแม่มดสิงค์ นางไม่ได้มีเจตนาจะล่อลวงพวกผู้ชายด้วยเรื่องเพศ เพื่อจะฆ่าพวกเขาอย่างตำนานไซเรนอื่นๆ หากแต่เพราะว่าโดนผีเข้าจนเป็นบ้านั่นเองที่ทำให้ เวลาผู้ชายคนไหนแล่นเรือผ่านมาก็จะเอาแต่มองมาที่โลเรไลน์เพราะความงามของนาง และเลินเล่อจนขับเรือชนเกาะโขดหินของนางจนเรือล่มและถึงแก่ความตาย


    [​IMG]

    นางจึงโดนท่านบิชอพไปไตร่สวน โลเรไลน์ร้องไห้และกล่าวกับท่านบิชอพว่า นางไม่มีจุดประสงค์จะทำให้ผู้ชายเหล่านั้นตาย
    แต่ดวงตาของนางทีเหมือนมีเวทมนตร์นี้เอง และความงามทำให้พวกผู้ชายหันมามองจนเรือล่ม แต่นางไม่เคยรักใครเพราะนางมีหัวใจให้ชายเพียงผู้เดียวที่ เป็นคนรักของนาง ที่ออกเรือและไปตายในทะเล ท่านบิชอพผู้ใจดีจึงกล่าวกับนางว่าไม่เป็นไร และส่งอัศวินสามคนให้มาคุ้มกันนาง และให้นำนางไปอยู่ในคอนแวนซ์กับพวกแม่ชี แต่ทว่าก่อนไป โลเรไลน์ได้ขอไปที่โขดหินที่ที่นางอยู่ครั้งสุดท้ายเพื่อชมทิวทัศน์ของแม่น้ำไรน์ก่อนที่นางจะไม่ได้อยู่ที่นั้นอีก อัศวินทั้งหมดก็ไม่ว่ากะไร และพานางไปตามนั้น ครั้นพอเมื่อถึงที่หน้าผานางก็กระโดดลงไปตายในแม่น้ำไรน์เบื้องล่าง กลายเป็นที่มาของตำนาน ภูติสาวแห่งแม่น้ำไรน์



    [​IMG]



    ผีพลายแห่ง ทะเลสาป โฮลี่ ประเทศ เยอรมัน

    เรื่องนี้เกิดขึ้นในทะเลสาป ใกล้ๆหมู่บ้านนือฮอฟในโวลเมียร์สตัด ในราวปลายศตวรรษที่ 12 เบิร์กฮาร์ท วัยเพียง 27 ซึ่งได้ดำรงค์ตำแหน่งเป็น อาร์คบิชอพ มัคดีเบิร์ค ในสมัยนั้นทะเลสาปแห่งนี้มีคนมากมายตายกันเป็นว่าเล่น ซึ่งเชื่อกันว่ามาจากพลายน้ำนั้นเอง จนกระทั้งท่านอาร์คบิชอพต้องเดินทาไทำพิธีทางศาสนาเพื่อไล่ผีที่ทะเลสาป จนทุกวันนี้เรื่องผีนทะเลสาป ไม่มีปรากฏขึ้นมาอีก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  5. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    :boo:ตำนานมนุษย์หมาป่า


    [​IMG]


    มนุษย์มหาป่า หรือ เวอร์วูฟ นั้นมีชื่อเรียกในภาษาละตินว่า ไลคันไทรปี เป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกอย่างหนึ่งที่แม้ มนุษย์หมาป่าในความเป็นจริง หรือตามภาพยตร์ต่างๆมักจะอ้างอิงว่ามีถิ่นกำเนิดมาจากทายุโรปตะวันออก เช่น รูเมเนีย ฮังการี่ เซอเบีย เช็ค และสโลวัค ฯ แต่เมื่อนักประวัติศาสตร์ได้ไปค้นจริงๆจังๆแล้วกลับพบว่าผีชนิดนี้กลับมีอยู่ในตำนานทั่วโลกไม่เพียงแต่ในยุโรปเท่านั่น แต่ที่ จีน ญี่ปุ่น บราซิล และแม้แต่ชนอินเดียนแดงอเมลิกันพื้นเมืองก็ยังมีตำนานที่เกี่ยวข้องกับผีจิ้งจอก หรือ หมาป่า

    [​IMG]

    สำหรับในยุโรปนั้น ผี มนุษย์หมาป่าจะมีตำนานที่เกี่ยวข้องกับแวมไพร์
    และพิธีกรรมทางซาตานและมีปรากฏในศาสนาคริตส์ด้วย ในประเทศทางยุโรปในยุคล่า
    แม่มด และพวกนอกรีต ตลอดจนลัทธิ ซาตานิคั้น

    มีวิธีดูว่าใครเป็นมนุษย์หมาป่าด้วยวิธีดังนี้

    มีผมสีแดง, มีคิ้วดกซึ่งหัวคิ้วชนกันกับคิ้วอีกข้างหนึ่ง, เกิดวันคริตสมัส,นิ้วกลางและนิ้วชี้ยาวเสมอกัน, ชอบรับประธานของสุกๆดิบๆหรือของดิบ เช่นสเต็กที่ไม่สุกสนิท, และมีขนขึ้นบริเวณที่ ผิวหนังที่คนอื่นทั่วไปไม่มีขน เช่น, กลางแก้ม หรือ อาจจะกลางลำคอ ส่วนหน้า เป็นต้น, หากที่กำลังเป็นหมาป่า หากเขวี่ยง โลหะใส่บริเวณหัวจะกลายร่างเป็นคนดังเดิม

    ในชาวสวีเดนนั้นวิธีการดูมนุษย์หมาป่า คือจากหมาป่าที่ที่วิ่งด้วยสามขา ในณีที่ขาหลังข้างที่สี่จะชู ลู่ไปกับหางขณะวิ่ง,ในสมัยยุคกลางมีการผลิตยาแก้โรคมนุษย์หมาป่าโดยใช้ส่วนผสมของดอกวูล์ฟบลัน หรือ อีกชื่อหนึ่งคือ ราชินีอสรพิษ ผสมเข้ากับยา

    ตำนานมนุษย์หมาป่านั้นไม่เป็นที่เรื่องชื่อในยุโรปตะวันตกเช่นอังกฤษ เพราะภูมิประเทศค่อนข้างจะเป็นเขาลูกะนาดและป่าโปร่งกับทุ้งหญ้าซะส่วนใหญ่ ประกอบกับในสมัยพระเจ้าวิลเลี่ยม ผู้พิชิต ชาว แองโกล แซกซอน ได้มีการรับสั่งให้ถางป่าและล่าสนุกจิ้งจอก และหมาป่าให้หมดสิ้นโดยใครจับได้ให้ตัดหางพวงๆของมันมาถวายแลกเงิน ในขณะที่เรื่องราวมนุษยหมาป่าแพร่หลายทางยุโรปตะวันออก รัสเซีย โปลแลนด์และประเทศยุโรปเหนือที่มีป่าเขาทีบ อย่างสแกนดิเนเวียที่ได้รับอิทธิพลของพวกสลาวิก หรือรัสเซียมากกว่า


    [​IMG]
    กษัตริย์ ฮาโรลน์ ที่ 1 ของนอร์เวย์นั่นขึ้นชื่อว่าเกี่ยวข้องกับมนุษย์หมาป่าเพราะทรงกรบด้วยการสวมหัวและหนังของหมาป่า ซึ่งเป็นสไตน์ของพวกนักรบเบอเซอร์เกอร์ ที่ดุร้ายทายุโรปเหนือ บ้างก็สวมหมวกเขาสัตว์ เช่นเขาของแกะตัวผู้ ซึ่งเป็นที่มาการแต่งกายของพวกไวกิ้ง

    มนุษย์หมาป่านั้นเป็นสิ่งที่ต้องคำสาปหรือได้พลังมาจากปีศาจ การล่ามนุษย์หมาป่าในอดีต

    ในปี ค.ศ.1767 กองกำลังทหารของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 สามารถจัดการกับเจ้าสัตว์ประหลาด ที่มีลักษณะคล้ายกับมนุษยหมาป่า ได้สำเร็จ หลังจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเมือง เลอ เกอวูดอง ทางตอนใต้ของฝรั่งเศษ ได้ร้องเรียนขอความช่วยเหลือ คณะตามล่า ต้องใช้เวลาอยู่หลายปี และย้อนหลังไปในยุคศตวรรษที่ 15 ได้มีการจับกุ่มผู้ที่ฆ่าเหยื่อของตนเองยังอยู่ในร่างของคนธรรมดา แต่นำอวัยวะแขนขาของศพมากัดแทะกินราวกับหมาป่า ซึ่งพวกเขาเหล่านี้บอกว่าทำไปโดยไม่รู้ตัว

    ในปี 1692 ชายชราวัย 80 ปี ผู้หนึ่งนามว่า ทรีส อาศัยอยู่ใน ยังเง่นเบิร์ก ลิโวเนีย ในสแกนดิเนเวีย ได้สารภาพว่าตนเองเป็นมนุษย์หมาป่า ซึ่งมีเนื้อหาสาระว่าเขากับพรรคพวกคนอื่นๆที่เป็นมนุษย์หมาป่าได้รับเลือกจากพระเจ้าโดยการสาบานว่าจะเป็นสุนัขของพระองค์ซึ่งพระเจ้าได้เปิดระตูนรกให้พวกเขาลงไปสู้กับพวกซาตาลและแม่มดที่กำแหงก่อสงครามขึ้นในนรก

    นอกจากนี้เขายังกล่าวอีกว่าพวกขบวนการมนุษย์หมาป่าในเยอรมันและรัสเซีย ทั้งหมดก็ต่างได้รับโองการจากพระเจ้าให้มีพลังวิเศษในการกลายร่างเป็นหมาป่าเพื่อไปรบกับซาตานและแม่มดในนรกเช่นกัน จากการให้การนั้นทำให้เขาโดนลงโทษ เฆี่ยน สิบที ในฐานะที่เชื่อเรื่องเหลือเชื่อ

    ข้อมูลอื่นๆที่น่าสนใจ เกี่ยวกับมนุษย์หมาป่า

    ชาวสลาฟโบราณเชื่อว่า เด็กที่คลอดออกมาโดยมีถุงน้ำครํ่าติดออกมากับศีรษะ คือ มนุษย์หมาป่า, เรื่องราวของหมาป่าที่ดีงามก็มี เช่น หมาป่า ออสซอรี่ ซึ่งปกติจะอยู่ใน ร่างของมนุษย์ที่มีจิตใจดีงาม แต่เมื่อไหร่ที่มันโกรธก็จะแปลงร่างเป็นหมาป่า



    :boo::boo:


    ผีดูดเลือด แวมไพร์


    [​IMG]

    ตำนานแวมไพร์มีมานานนับเป็นพันๆ ปี เรียกว่าอยู่คู่กับประวัติศาสตร์มนุษย์ก็คงจะได้ แวมไพร์มิ ได้หมายถึงผีดูดเลือดแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ชนชาติต่างๆ ทั่วโลกต่างก็มีแวมไพร์ในแบบฉบับของ ตัวเอง ไล่ไปตั้งแต่แวมไพร์ฝรั่งผมบลอนด์ แวมไพร์จีน แวมไพร์ญี่ปุ่น ไปจนถึง
    แวมไพร์มาเลเซีย แบบ ที่เรียกกันว่า เพนังกะลัง อย่างไรก็ตาม แวมไพร์ที่เราๆ ท่านๆ คุ้นเคยกัน ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่จะกลาย พันธุ์ และภาพลักษณ์ไปหมด ทั้งนี้อาจจะเนื่องมาจาก อิทธิพลของหนังสือและภาพยนตร์ ซึ่งร้อยทั้ง ร้อย ล้วนมาจากยุโรปและอเมริกาทั้งสิ้น จุดกำเนิดของตำนานแวมไพร์มาจากตะวันออกไกล มัน กระจายมาโดยผ่านเส้นทางจากจีน - ธิเบต - อินเดีย - ผ่านเส้นทางที่เรียกกันว่าทางสายไหมเข้าสู่แถบ ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตำนานนี้กระจายไปทั่วประเทศแถบทะเลดำ คาบสมุทรบอลข่าน รวมไปถึงฮังการี และดินแดนที่เราคุ้นเคยกัน …ทรานซิลวาเนีย

    ปัจจุบัน แวมไพร์ในความนึกคิดของเรามักจะเป็นไปในแนวของ ปีศาจดูดเลือด, ผู้ที่ฟื้นคืนชีพจาก ความตาย, ดำรงชีวิตได้เฉพาะยามค่ำคืน สามารถกลายร่างเป็นค้างคาวได้… คุณสมบัติพวกนี้เป็นแวม ไพร์ของยุโรป และในหนังผีครับ จริงๆ แล้วแวมไพร์มีคุณสมบัติที่หลากหลายแตกต่างกันไปในแต่ละ พื้นที่ เรามาดูกันว่า แวมไพร์ของแต่ละชนชาตินั้นเป็นอย่างไร

    SLAVIC VAMPIRES

    [​IMG]

    ชาวสลาฟเป็นชาติที่ร่ำรวยเรื่องราวเกี่ยวกับแวมไพร์มากที่สุดในยุโรปตะวันออก ดินแดนนี้กิน พื้นที่ตั้งแต่ รัสเซีย บังแกเรีย เซอร์เบียร์ จนกระทั่งถึงโปแลนด์ ความเชื่อพวกนี้ฝังรกรากมาตั้งแต่ ศตวรรษที่ 8 แหล่งชุมนุมแวมไพร์ที่ใหญ่ที่สุดจะอยู่ที่ เมือง แม็กยาร์ เป็นชื่อเผ่านึงในยุโรปตะวันออก ซึ่งปัจจุบันเป็นพรมแดน ต่อกันระหว่างประเทศฮังการีกับโรมาเนีย คำว่าแวมไพร์ก็มาจากภาษาของพวกเขานี่แหละ แวมไพร์ พวกนี้จะมีเล็บมือและผมที่ทั้งยาวทั้งสกปรก มุมปากมีคราบเลือดเกรอะกรัง ไม่ชอบสุงสิงกับผู้คน วิธี การปราบแวมไพร์ของชาวสลาฟก็คือจับ เผาทั้งเป็นเลย หรือไม่ก็พรมน้ำมนต์ที่ได้มา จากโบสถ์ใส่พวกมันก็ได้


    เนื่องจากโรมาเนียถูกแวดล้อมไปด้วยประเทศของชนชาติสลาฟ จึงไม่น่าแปลกใจเลย ว่าแวม ไพร์ของพวกเค้าจะกระเดียดไปทางแวมไพร์เชื้อสายสลาฟนิดๆ ภาษาพื้นเมืองของโรมาเนียนั้น เรียก แวมไพร์ว่า Strigoi อาจจะหมายถึง นกฮูกแก่ๆ หรือปีศาจก็ได้ทั้งนั้น Strigoi มีอยู่หลายประเภทด้วย กัน Strigoi ส่วนมากคือพวกผู้ใช้คาถา ซึ่งจะกลายเป็นแวมไพร์เมื่อตายแล้ว เจ้า Strigoi พวกนี้จะถอด วิญญาณออกจากร่างไปเพื่อชุมนุมกันในคืนพระจันทร์เต็มดวง หรือไม่ก็ออกตระเวนดูดเลือด ซึ่งส่วน ใหญ่จะเป็นสมาชิกในครอบครัว หรือไม่ก็เพื่อนบ้านใกล้เคียง คนที่เกิดมาโดยมีสัญญลักษณ์ของปีศาจ (มีหาง เขี้ยวงอก ขนดกรุงรัง) หรือคนที่ตายอย่างผิดธรรมชาติ หรือตายโดยที่ยังไม่ได้ทำพิธีรับศีล พวก นี้มีสิทธิจะเป็นแวมไพร์ได้ทั้งนั้น ถ้าครอบครัวไหนมีลูกเพศเดียวกันถึงเจ็ดคน คนที่เจ็ดนั่นแหละ แวมไพร์มาเกิด, พวกผู้หญิงแถวนั้นเวลาท้องพวกเธอต้องกินเกลือ เพื่อป้องกันลูกที่อยู่ในครรภ์ ส่วนพวกสุดท้ายที่มีสิทธิเป็นแวมไพร์ คือพวกที่โดนแวมไพร์กัดเอา

    ยังมีตำนานอีกเรื่องหนึ่งที่ เกี่ยวพันกับเรื่องของแวมไพร์อย่างใกล้ชิดคิดว่าเราๆ ท่านๆ ก็คงคุ้นเคยกัน นั่นคือเรื่องราวของมนุษย์ หมาป่านั่นเอง ตำราเค้าว่าไว้ว่ามีมนุษย์พวกหนึ่ง เมื่อถึงวันดีคืนดี จะมีปฏิกิริยากับดวงจันทร์ หรือดวง อาทิตย์ จนสามารถกลายร่างเป็นหมาป่า หมาดำ หรือแม้แต่หมูได้ สิ่งกลายพันธุ์พวกนี้ศัพท์วิชาการเค้า เรียก Lycanthropy ชาวโรมาเนียมีตำนานเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มากมายพอๆ กับแวมไพร์เลยทีเดียว ว่ากันว่าแวมไพร์นั้นจะแหวกหลุมศพขึ้นมาบนพื้นโลกเมื่อถึงเวลาอันควร มันมีใบหน้าที่ซีดเซียว ลม หายใจเหม็นเปรี้ยว และไม่ยอมแตะต้องอาหารที่มีส่วนประกอบของกระเทียมอย่างเด็ดขาด บ้านใดที่ สงสัยว่าสมาชิกในครอบครัวที่เสียชีวิตไปแล้วจะกลายเป็นแวมไพร์มักจะไปเปิดหลุมศพดูว่าศพยังอยู่ หรือไม่ เค้ามีเวลาในการสำรวจหลุมศพดังนี้ ถ้าเป็นเด็กก็สามปีหลังการตาย ห้าปีสำหรับหนุ่มสาว และเจ็ดปีถึงจะเปิดสำหรับผู้ใหญ่ที่โตแล้ว วิธีสังหารแวมไพร์ดูจะคล้ายๆ กันทุกที่เลย กล่าวคือ เมื่อ ชาว
    โรมาเนียพบหรือสงสัยว่าใครเป็นแวมไพร์ จะโดนจับเอากระเทียมยัดจนเต็มปากแล้วเอามาเผาไฟ หลุมศพใดที่ต้องสงสัยว่าเป็นแหล่งพำนักกายของแวมไพร์ก็จะมีการยิงกระสุนเงินทะลุฝาโลงเข้าไป ถ้า ถูกแจ็คพอทเจอแวมไพร์ โลงนั้นจะมีไฟลุกพรึ่บ


    [​IMG]

    ยิปซีดูจะเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับหนังผีดูดเลือดเลยจริงๆ เรียกได้ว่าเป็น ดารารับเชิญมันทุกเรื่องไป ในตำนานก็เช่นกัน ยิปซีมีบทบาทกับแวมไพร์อย่างใกล้ชิด วรรณกรรม ชื่อดังของ แบรม สโตเกอร์ ที่ชื่อ"แดร็คคิวล่า"นั้น ก็ได้กล่าวถึงสาวยิปซีที่คอยดูแลโลงของแดร็คคิวล่า อย่างจงรัก ในความเป็นจริง


    [​IMG]

    ชาวยิปซีมีต้นกำเนิดมาจากอินเดียทางตอนเหนือ และอพยพย้ายถิ่นฐาน เรื่อยมาจนเข้ามาถึงยุโรปราวๆ ศตวรรษที่ 14 ไล่เลี่ยกันกับการถือกำเนิดของจอมทรราชย์ วแลด แดร็คคิวล่า, ความเชื่อทางศาสนาและพิธีกรรมอันเร้นลับของชาวยิปซีมีอิทธิพลกับยุโรปในตอนนั้นไม่น้อย โดยเฉพาะความเชื่อเรื่องวิญญาณและโลกหลังความตาย ไม่นานนัก ตำนานต่างๆ ที่เล่าขานกันมาในหมู่ ยิปซีก็ถูกผนวกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องเล่าของยุโรปแถบโรมาเนียและตุรกี แน่นอน เรื่องเหล่านี้รวม เรื่องแวมไพร์เข้าไปด้วย

    บ้านเดิมของเหล่ายิปซี อินเดีย แหล่งรวมแห่งปรัชญาตะวันออก ที่นี่มีเรื่องเล่า ลือและตำนานเกี่ยวกับสิ่งที่คล้ายแวมไพร์อยู่มากมาย เป็นต้นว่าภูต(Bhuta) วิญญาณของคนที่ตายแบบ ผิดปกติชนิดวิญญาณยังสิงสู่อยู่ในร่าง ภูตเหล่านี้จะเดินท่อมๆ ไปตามถนนสายเปลี่ยวในยามค่ำคืน คอย ทำร้ายและดื่มเลือดมนุษย์เป็นอาหาร แวมไพร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของอินเดียเห็นจะได้แก่ Kali หรือ เจ้าแม่กาลีนั่นเอง นางนับเป็นภาคหนึ่งของพระแม่ทุรคา



    [​IMG]

    กาลีมีรูปร่างที่ดุร้าย สวมสายสังวาลย์ที่ทำจาก หัวกะโหลก เจ้าแม่กาลีนี้เองที่เป็นต้นกำเนิดเรื่องราวของยิปซีแวมไพร์ เพราะความเชื่อและศรัทธาใน ตัวพระนางยังติดอยู่กับชาวยิปซีแม้ว่าพวกเขาจะข้ามน้ำข้ามทะเลย้ายรกรากมานับร้อยๆ ปีแล้วก็ตาม นามของกาลีจะเปลี่ยนไปตามการเรียกของยิปซีแต่ละสาย แวมไพร์ของชาวยิปซีมีอยู่ตัวหนึ่งชื่อมุลโล มีพฤติกรรมที่น่าสนใจเอามากๆ อันว่าเจ้ามุลโลนี้ส่วนมากจะเป็นประเภทผีล้างแค้น กลับมาจาก ความตายเพื่อทวงหนี้จากศัตรูคู่แค้นด้วยการสูบเลือดเป็นอาหาร
    แวมไพร์ที่เป็นผู้หญิงยิ่งน่ากลัวใหญ่

    แวมไพร์พวกนี้สามารถมีชีวิตอย่างคนธรรมดาและดำรงชีพด้วยการกินเรี่ยวแรงสามีจนทำให้ พวกเขากระปลกกระเปลี้ย แวมไพร์ของยิปซีนั้นไม่ได้มีแค่คนตายเท่านั้น สัตว์เลี้ยงหรือผักผลไม้ก็เป็น แวมไพร์ได้ทั้งนั้น ฟักทองและแตงกวาที่ถูกทิ้งไว้ในบ้านนานๆ โดยไม่มีใครกินนี่ก็ด้วย วันดีคืนดีมันจะ เคลื่อนไหวได้เอง ส่งเสียงอึกทึกและมีเลือดหยดไหลออกมาเป็นทางดูน่าสยดสยองมาก

    ค้างคาว

    หลายครั้งหลายคราวที่มีการพาดพิงถึงแวมไพร์ สมาชิกกิตติมศักดิ์ที่มักจะโดนลากเข้ามามีเอี่ยว ด้วยก็คือค้างคาว ไม่มีพยานหลักฐานใดๆ มาพิสูจน์ได้ว่าแวมไพร์กับค้างคาวเกี่ยวข้องกันยังไง แต่ กระนั้นตำนานของแวมไพร์และค้างคาวก็ยังมีคู่กันแบบแยกไม่ออกเหมือนกาแฟกับคอฟฟี่เมทนั่นเชียว ตำนานของค้างคาวมีมากมายกระจัดกระจายไปทุกซีกโลก ในแอฟริกาใต้ มีเรื่องเล่าของคามาโซตซ์ เจ้าแห่งค้างคาวที่อาศัยในถ้ำยักษ์ใต้พิภพ ในยุโรปเองค้างคาวและนกเค้าแมวมักจะถูกโยงใยเข้ากับ เรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติอยู่บ่อยๆ


    [​IMG]



    โรคตื่นแวมไพร์ในศตวรรษที่ 18
    ตำนานแวมไพร์เป็นที่คุ้นเคยกับซีกโลกต่างๆ มานมนาน แต่เชื่อมั้ยว่าอังกฤษเพิ่งรู้จักแวม ไพร์เอาเมื่อศตวรรษที่ 18 นี้เอง ช่วงนั้นโรคกลัวแวมไพร์ระบาดหนักในยุโรปตะวันออกลามมาถึงอังกฤษ ชาวบ้านชาวช่องกลัวกันมาก ขนาดเดินไปไหนมาไหนยังต้องมีพวงกระเทียมแขวนคอไปด้วย มีการโต้ เถียงกันระหว่างกลุ่มผู้นำว่าเรื่องนี้เป็นไปได้จริงหรือไม่ และควรใช้นโยบายใดทำให้บ้านเมืองสงบลง สมัยนั้นการสื่อสารยังไม่เจริญนัก แต่ก็น่าแปลกที่ข่าวลือกระจายข้ามประเทศอย่างรวดเร็ว บางเรื่องก็เป็น ตลกร้ายที่เหลือเชื่อเอามากๆ เช่นกองทัพแวมไพร์บุกเข้าพระราชวังในฮังการีเล่นงานจนทหารและคน ในวังเป็นแวมไพร์กันหมด

    แม้แต่ข่าวที่ว่าพระราชวังเครมลินเต็มไปด้วยแวมไพร์ก็ยังมีออกมา ของแถม ที่มากับข่าวลือก็คือการออกล่าแวมไพร์ มีคนถูกย่างสดไม่เว้นแต่ละวันในข้อหาเป็นแวมไพร์ หลายราย ถูกทรมานอย่างทารุณก่อนเอาลิ่มตอกอก สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวแวมไพร์ของชาวยุโรปได้ เป็นอย่างดี ไม่ว่าแวมไพร์จะมีจริงหรือไม่ก็ตาม ตำนานของแวมไพร์ก็ถูกจารึกในประวัติศาสตร์เอาไว้มากมาย
    ที่มา : ตำนานแวมไพร์


    :boo:



    เดี๋ยวมาต่อเรื่อง ผีพระนาง อิลินนอร์ แห่ง อากีแตน ราชีนีฝรั่งเศษที่สวยที่สุด และร้ายที่สุดในยุคมืด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  6. Talrae

    Talrae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +138
    เข้ามาอ่านทุกวันเลยค่ะ ชอบเรื่องแนวๆยุโรปค่ะ ^^
    ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
     
  7. anusaya

    anusaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +212
    สนุกจัง ชอบมากค่ะ ได้ความรู้ดี และก็ขอบคุณค่ะสำหรับสาระดีๆ
     
  8. twanrat

    twanrat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +114
    อยากอ่านอีกค่ะ
     
  9. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    เดี๋ยวฝากถามท่านผู้อ่านนิดนึงคะ ว่า รูปภาพขึ้นครบทุกรูปไหมคะ เดี๋ยวจะเอามาลงเพิ่มคะ

    ;hi2
     
  10. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนาน แม่มด บาบา ยากา


    [​IMG]





    บาบา ยากา เป็นตำนานแม่มดของกลุ่มประเทศทางสลาวิก เช่น ประเทศรัสเซีย บัลแกเรีย เซอร์เบีย เป็นต้น ตำนานนี้มาจากเรื่องเล่าของพวกชาวรัสเซียและฟินแลนด์ที่อยู่ในป่าทางซีกโลกเหนือ ในเขตนี้นี้มีรูปปั้นโบราณที่คนในแถบนั้นเรียกว่า ยากา ซึ่่งสมัยก่อนพวกชาวบ้านจะสร้างศาลเป็นกระท่อมเล็กๆให้แก่ เทวียากา ซึ่งรูปปั้นเหล่านี้จะอาศัยอยู่ในบ้านเล็กๆบนต้นไม้ และผู้คนจะนำของขวัญไปถวาย ไม่ต่างจากศาลพระภูมิในเมืองไทย ชาวท้องถิ่นในฟินแลนด์ และรัสเซียนับถือรูปปั้นเหล่านี้เป็นเทวีเจ้า และมาขอพร หรือคำปรึกษา

    [​IMG]

    ภาษารัสเซียแปลว่าหญิงแก่ หรือ หญิงผู้อยู่ในวัย แต่งงานได้ หรือคุณนาย ส่วนยากานั้นเป็นชื่อของนาง แต่คำว่า บาบา นี้จะแปลว่า พ่อในภาษาทางอาหรับ และอิหร่าน
    ซึ่งคนละความหมายกับทางยุโรปตะวันออกเฉียง

    [​IMG]


    แม่มด บาบา ยากามีจุดที่น่าสนใจต่างจากแม่มดทางยุโรปตะวันตก ตรงที่บ้านของนางนั้น อยู่บนขาไก่ยักษ์ ซึ่งมันสามารถเดินได้ไปรอบๆบริเวณในรั้วของบ้านมัน ในขณะที่มีหน้ต่างใหญ่สองบานเสมือนลูกกะตา และมีประตูเป็นปาก ส่วนตัวแม่มด บาบา ยากา เอง ก็มีจุดสนใจที่ต่างจากแม่มดของประเทศตะวันตกที่ขี่ไม้กวาด ในขณะที่ บาบา ยากา นั้น จะขี่ครกยาวๆ และมี สาก ยาวแกว่งไกวในอากาศยามจะออกบินไปไหน นางเป็นหญิงแก่มาก ดูเหี่ยว จนออกสยองเล็กๆ รูปร่างสูงใหญ่แต่ผอมเกร็ง และมีพละกำลัง คล้ายผู้ชาย นางมีฝันที่เคลือบด้วยเหล็ก รักสวยรักงาม และมีเคล็ดลับอายุวัฒนะด้วยการกินเนื้อเด็ก


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]


    [​IMG]



    [​IMG]

    ตามตำนานเล่ากนว่า น้องสาวของ บาบา ยากา ได้แต่งงานกับชายชราผู้หนึ่งในหมู่บ้าน
    ซึ่งมีลูกสาว จากภรรยาเก่า นามว่า วาซิล ลิซ่า บางตำราว่า นาตาชิงก้า หรือ นาตายา แต่ไม่ว่าจะชื่ออะไร
    เด็กหญิง ถูกแม่เลียงแกล้งให้ไปขอยืม ด้าย และเข็มปักผ้า ที่บ้านของบาบา ยากา ซึ่งอยู่ในป่าลึก
    และมีตำแหน่งให้รู้ว่าถึงแล้ว ด้วยการดูว่ามีต้นไม้ตายใหญ่ต้นหนึ่งอยู่บริเวณทางเข้าบ้าน
    แต่ครั้นเมื่อเด็กหญิงไปถึง บาบา ยาก้า นั่นไม่อยู่บ้านในขณะนั้น เธอจึงไปพบกับเด็กอีกคนหนึ่ง
    ซึ่งก็คือลูกสาวของบาบา ยากา หรือ บางตำราบอกว่าเป็นเด็กรับใช้ ทั้งสองจึงเล่นกัน และในที่สุด
    ลูกสาว หรือเด็กรับใชของ แม่มด บาบามยากา ได้พยามช่วย วาซิล ลิซ่า จากการโดน
    บาบา ยากา วางแผนจะต้มกิน และก็ได้กลับมายู่บ้านกับพ่อของเธอดังเดิม ในขณะที่
    พ่อของ วาซิล ลิซ่า รู้ความจริงเรื่องแม่เลี้ยง เขาจึงหย่ากับนาง ทั้งที่แต่ก่อนรักนางมาก
    และก็รับลูกสาวของบาบา ยากา และแมวมาเลี้ยงด้วย



    [​IMG]



    [​IMG]



    [​IMG]



    ช่วยตอบด้วยนะคะ ว่าเห็นรูปครบทุกรูป หรือขึ้นกากบาทสีแดง? หรือเปล่าจะได้แก้ได้ ถ้าเห็นไม่ครบ


    :boo:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  11. ศรีใจ75

    ศรีใจ75 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +15
    เท่าที่ดู ภาพขึ้นครบทุกรูปนะคะ
     
  12. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ราชินีแห่งความมืด

    ราชินีแห่งรัตติกาล


    [​IMG]



    ลิลิธ หรือ พระนางอิชตาร์จะเป็นคนละคนกับ เทวี เฮเคท หรือ เฮเคที ราชินีแห่งความมืดของ
    กรีก

    ลิลิธ หรือ เทวี อิชตาร์ นั้นจัดได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของแวมไพร์
    ประวัติของนางนั้นมีย้อนหลังไปโบราณมากถึงสมัย อาณาจักร
    สุเมเรี่ยน และ อัสสิเรี่ยน ตลอดจนปรากฏอยู่ในคำภีร์ยูดายของชาวยิว
    และแม้แต่ใน ไบเบิ้ลพระนางลิลิธ หรือ เทวี อีชตาร์ ที่ปรากฏ
    อยู่ในรูปปั้นกำแพงเมือง บาบิโลนในอิรัก เป็นภาพของ
    หญิงเปลือยที่มีช่วงท่อนขาด้านล่างเป็นแบบนกฮูก
    ตลอดจนมีปีกแบบนกจะว่าไปก็กระเดียกไปทางกินรีในบ้านเรา
    แต่จะผิดกันก็คือลิลิธนั้นเป็นราชินีแห่งความชั่วร้าย



    [​IMG]


    ตำนานของนางได้อันตรธานหายไปกับพระคัมภีร์ไบเบิ้ลฉบับ
    พันธสัญญาเก่าของชาวยิว
    ลิลิธ คือผู้หญิงคนแรกจากพระเจ้าสร้าง
    ให้เป็นภรรยาคนแรกของอดัม ก่อนหน้าที่
    พระเจ้าจะสร้างอีฟ ความขัดแย้งเกิดขึ้นเมื่ออดัมยืนกรานว่า
    ขณะที่มีเพศสัมพันธ์กัน ลิลิธเป็นหญิงดังนั้นจะต้อง
    ด้านล่างอดัมเท่านั้น นี่คือวิธีการที่เขาใช้ใน
    การแสดงอำนาจความเป็นผู้นำครอบครัว หากทว่าลิลิธเชื่อมั่น
    ในความเท่าเทียมระหว่างกับ หญิงชายนางจึงไม่ยอมอดัม
    นางจึงหนีไป พระเจ้าจึงได้ส่งทูตสวรรค์สามองค์ไปตาม
    ลิลิธกลับมาแต่นางไม่ยอมกลับ และได้ไปแต่งงานกับ
    ซาตานแทน และสืบทอดสายเลือดแวมไพร์มาตั้งแต่บัดนั้น
    พระจ้าจึงต้องสร้างอีฟ หรือเอวา ขึ้นมาเป็นคู่อดัมแทน




    [​IMG]

    ส่วนอีกตำนานที่สองกล่าวว่า
    ลิลิธกับอดัมเอาแต่สนใจกับเรื่องเสพสมกันจนลิลิธ
    ตั้งครรภ์มีลูกถึง 5คน พระเจ้าได้เสด็จาเยี่ยมคนทั้งสอง
    ปรกฏว่าอดัมไม่อยู่ในขณะที่ ลิลิธอยู่กับลูกเล็กๆ 5คน
    ครั้นพอพระเจ้ามาถึงนางรู้สึกอับอายกลัวพระองค์
    จะหาว่านางเป็นคนไม่มียางอายถึงเสพสมกันจนมี
    ลูกแยอะแยะ นางจึงเอาพวกลูกๆไปแอบซ่อนไว้
    ในห้องใต้ดินไม่ให้ออกมาพบพระเจ้า ทั้งที่พระองค์รู้
    ว่านางคิดอะไรอยู่ จึงทรงสั่งสอนนางให้เข็ดหราบ
    โดยการสาปให้ลูกของนางทั้ง กลายเป็น เป็นลิง
    แต่ถ้าเป็นของทางสแกนดิเนเวียลูกของนาง
    จะโดนสาปเป็น สัตว์ในเทพนิยายชนิดหนึ่ง
    ที่เรียกว่า บิททีเง่น
    ลิลิธ โกรธมากจึงเป็นปรปักษ์กับพระองค์
    และไปร่วมมือกับซาตานตั้งแต่บัดนั้น



    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  13. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    ตำนานโลกในศาสนาของชาวไวกิ้ง


    ตำนานโลกในศาสนาของชาวไวกิ้ง


    [​IMG]

    ก่อนจะกล่าวถึงผีและสัตว์ประหลาด
    ในตำนานแสกนดิเนเวียนั้นขอกล่าวถึงลำดับชั้นในโลกตาม
    ความเชื่อโบราณขอชาวไวกิ้งก่อน
    ซึ่งในจักรวาลนี้จะมีโลกอยู่ ชั้นด้วยกันดังนี้



    [​IMG]


    Ásgarðr
    จะเป็นชั้นสูงสุดที่อยู่ของเทพเจ้านักรบองค์ต่างๆ เช่น
    เทพ โอดิน, ธอร์, ฟริก, เบาล์เดอร์, ไทร์ เป็นต้น




    [​IMG]

    Vanaheimr
    เป็นชั้นที่อยู่ของเทพ เทวี ผู้บันดาล
    เรื่องความอุดมสมบูรณ์
    ความงาม การสร้างสรรภ์
    เช่นเทวี เฟรย่า เป็นต้น




    [​IMG]


    Álfheimr
    ที่อยู่ของพวก เอล์ฟ ถ้าใครไม่รู้จัก เอล์ฟ
    คืออะไร? เอล์ฟ คือเทวดาที่อยู่ตามป่า
    ถ้าของฝรั่งก็จะมีปีกแบบแมลงและ
    ตัวเล็ก แต่ก็สามารถจำแลงให้ขนาด
    เหมือนคนธรรมดาได้



    [​IMG]


    Miðgarðr,
    มิดการ์ด ที่อยู่ของมนุษย



    [​IMG]


    Jötunheimr
    ที่อยู่ของพวกยักษ์ เช่น โทรว์


    [​IMG]
    Niðavellir
    โลกของพวกคนแคระ



    [​IMG]
    Múspell
    โลกที่มีแต่ไฟ


    [​IMG]
    Niflhel
    โลกที่มีแต่ หมอก น้ำแข็ง และความเย็น



    [​IMG]
    Hel
    โลกของคนที่ตายไปแล้ว และเทวีแห่ง โลกใต้ดิน





    โทรว์ ยักษ์ เขียวแห่ง สแกนดิเนเวีย

    [​IMG]



    [​IMG]




    โทรว์เป็นสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ
    ในตำนานของแสกนดิเนเวีย อาศัยอยู่ตามซอกเขา
    หรือภูเขาที่ยังไม่มีคนรุกร่ำเข้าไป ในยุคหลังๆที่ศาสนาคริตส์
    เผยแพร่สู่สแกนดิเนเวีย จะหมาถึงพวกคนที่ไม่ได้รับศิล
    หรือมีพฤติกรรมแปลกแยกหรืออันตรายต่อมนุษย์
    โทรลว์ ประเภทตัวเล็กและอาศัยอยู่ใต้ดิน ในตำนาน
    นอรเวย์ หูเกาะออกเน่ และเชตแลนด์
    จะเรียกว่า โฮวดรี่ พวกนี้อันตราย

    ในขณะที่ สวีเดน และเดนมาร์ก ได้กล่าวถึงโทรว์
    คือ เกรนเดล ในตำนานของ เบโอวูล์ฟ
    จัดเป็นโทรว์ยักษ์ ชนิดหนึ่ง และไม่ค่อยมีไหวพริว
    โทรว์นั้นจะขนาดใหญ่กว่าคน แต่ไม่ใหญ่เท่ากับยักษ์ นั่นเอง




    [​IMG]


    ขอตัวไปงีบแล้วเดี๋ยวจะมาเล่าต่อ คะ (f)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  14. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301

    พระนาง อิลินนอร์ แห่ง อากีแตนน์ราชินีผู้ร้ายกาจของยุคมืด



    [​IMG]


    หมายเหตุ เรื่องที่ข้าพเจ้าเล่าจะลึกและแรงกว่า ตามวิกี้พีเดีย
    ของไทย ที่แปลจากฝรั่งมาแบบไม่ละเอียดตัดข้อมูลเสียๆ
    ของราชวงค์ยุโรปออก และไม่เปิดเผย
    ข้อมูลทั้งหมดของราชสำนักยุโรป
    แต่ข้าพเจ้าแปลเองจากตำราฝรั่งแท้ๆและจากที่เคยอ่าน
    ตำนานราชินียุโรป และ การปกครองในประวัติศาสตร์
    ฉบับกะเทาะแก่น ดังนั้นเนื้อหาจะเป็นจริงและแรง
    แบบที่หาอ่านได้ยากในเมืองไทยคะ




    พระนาง อิลินนอร์ หรือ เอลเลียนอร์,
    อิลิโอนอร่า แห่ง อากีแตนน์ ขึ้นชื่อว่าเป็นสตรีที่มีอำนาจ
    และรวยมากที่สุดของต้นยุโรปยุคกลาง ด้วยความร้ายกาจ
    ของพระนาง


    [​IMG]

    พระนางเป็น ธิดาของ วิลเลียมที่ 10 ดยุกแห่งอากีแตน
    และ ดัชเชส เอนอร์ แห่ง แชเทลเลโรลท์ชื่อของพระนาง
    เอลเลียนอร์มาจากภาษาลาติน มาจากชื่อของพระมารดา
    อันมีนามว่า เอนอร์ แต่เต็ม คำว่า "เลีย" เข้าไป ระหว่าง
    คำว่า เอนอร์ : อันภาษาทางตะวันตกหลายๆภาษา
    จะมีการเต็ม คำย้ำตัวสะกดให้ยาวขึ้น ในการบอกความ
    หมายของคำเดิม แต่มีจำนวนเพิ่ม หรือการใช้เชื่อมคำ
    สร้างประโยคใหม่ เป็นต้น, ชื่อของนางจึงกลายเป็น
    เอเลียนอร์ ซึ่ง แปลว่า เอนอร์อีกคนหนึ่ง, ไม่เฉพาะ
    ภาษา ลาติน เท่านั้นที่มีไวยกรณ์เช่นนี้, แต่แม้ ภาษา
    อังกฤษ, เยอรมัน, ดัชต์, ฝรั่งเศษ และแม้แต่
    ภาษาบาลี- สันสฤต ซึ่งก็อยู่ในกลุ่ม
    ภาษา อินโด- ยูโรเปี่ยน ไกล ก็มี ไวยกรณ์
    ที่คล้ายๆกันนี้ เช่นกัน
    ยกตัวอย่าง : คำว่า กุมาร แปลว่า เด็ก
    แต่ ถ้าพูดถึง หมอรักษาเด็กก็จะใช้คะว่า
    กุมารแพทย์ กุ- มา- ระ- แพทย์ โดยมีเสียง
    ระ อยู่ตรงกลางเพื่อเชื่่อมคำให้ได้คำใหม่
    หรือ คำว่า อายุรเวท ก็มา จาก อายุ หรือ
    Age ผสม กับ คำว่า เวทย์ โดยไม่ต้องไป
    สร้างเป็นประโยคยาวๆ, และนี้คือความก้าวหน้า
    พัฒนา และมีระเบียบแบบแผนของ ภาษาตระกูล
    อินโด-ยูโรเปี่ยน ซึ่งไม่มีเช่นนี้ในภาษา ตระกูลอื่น



    [​IMG]

    กล่าวกันว่าพระนาง อิลินนอร์นั้น
    เป็นหญิงที่รูปงามที่สุดในยุคกลาง นางมีผมสลวยสี
    เทาดำหม่นๆ ยาวจนถึงเข่า ตัดกับผิวสีขาวดังสีงาช้าง และดวงตาสีฟ้าเทา
    รูปร่าง ระหง เพรียว สะโอดสะอง ใบหน้ารูปไข่เกลี้ยงเกลา
    เครื่องหน้าละเอียดอ่อนโยน ปราณีต ไม่จัดจ้าน
    หรือสวยเรียบๆ


    [​IMG]


    อิลินนอร์ แห่งอากีแตนได้รับการ
    เลี้ยงดูขึ้นมาในราชสำนักที่ถือกันว่ามีวัฒนธรรมประเพณี
    ชั้นสูง สำนักอื่นๆในยุโรปในสมัยนั้น
    ซึ่งเป็นที่กำเนิดของปรัชญารัก
    ในราชสำนัก ดยุกวิลเลียมที่ 10 ส่งเสริมให้
    ลูกๆของพระองค์ทุกๆพระองค์
    มีการศึกษาที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
    ภาษาแม่ของ อิลินนอร์ จะเป็นภาษา
    ปัวเตแวน แต่ก็ทรงได้รับการศึกษาในภาษาละติน
    การดนตรี วรรณคดี การทรงม้า การล่าด้วยเหยี่ยว
    และการล่าสัตว์ อิลินนอร์ ทรงมีฉลาดเฉลียวมากพอๆ
    กับความร้าย ช่างวางแผน
    และชักใยอำนาจเบื้องหลังทั้งสามี
    และลูกๆทุกคน
    ไม่ต่างจาก ซูสี ไทเฮา ของจีน

    เมื่ออิลินนอร์มีพระชนได้ 8
    พรรษา วิลเลียมพระอนุชาผู้มี
    พระชนมายุ 4 พรรษาและพระมารดาก็สิ้นพระชนม์
    ที่ปราสาททาลมองต์ทางฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติค
    ของอากีแตน อิลินนอร์จึงกลายเป็นทายาทของ
    แคว้นอากีแตนซึ่งเป็นแคว้นที่ใหญ่และร่ำรวยที่
    สุดในฝรั่งเศสในเวลานั้น ปัวตูและอากีแตน
    รวมกันมีเนื้อที่กว่าหนึ่งในสามของฝรั่งเศสปัจจุบัน
    อิลินนอร์ มีน้องที่เป็นธิดาร่วมแม่เดียวกัน
    ( ลูกเมียแต่งจดทะเบียน) คือองค์
    เดียวชื่อเอลิธ แต่มักจะเรียกกันว่า
    เพโทรนิลลาแห่งอากีแตน พระเชษฐาต่างพระมารดา
    วิลเลียม และ จอส เซแล็ง ยอมรับกันว่าเป็นบุตร
    ของดยุกวิลเลียมที่ 10 แต่มิได้เป็นมิสิทธิเป็น
    ทายาท ต่อมาระหว่าง4 ปีแรกของรัชสมัยของ
    พระเจ้าเฮนรีที่ 2 แห่งอังกฤษ พระขนิษฐา
    และอนุชาสามพระองค์ก็เข้าเป็นส่วนหนึ่งของ
    ราชสำนักของพระราชินี
    อิลินนอร์


    ในปี ค.ศ. 1137 ดยุกวิลเลียมที่ 10
    ก็เดินทางจากปัวตูไปบอร์โดซ์โดยนำ
    อิลินนอร์ และเพโทรนิลลาไปด้วย
    เมื่อไปถึงบอร์โดซ์ อิลินนอร์และเพโทรนิลลา
    ก็ถูกทิ้งไว้ในความปกครองของเจฟฟรีย์แห่งโลรูซ์
    บาทหลวงแห่งบอร์โดซ์ ผู้ที่วิลเลียมไว้วางใจ
    ให้ดูแลลูกสาว
    แล้วดยุกวิลเลียมก็เดินทางไป
    มหาวิหารเซนต์เจมส์
    ทางตะวันออกเฉียงเหนือของสเปนเพื่อไปแสวงบุญ
    แต่เมื่อวันศุกร์ศักดิ์สิทธิ์ (Good Friday)
    ดยุกวิลเลียมก็ล้มป่วยด้วยสาเหตุที่อาจจะ
    มาจากอาหารเป็นพิษ วิลเลียมสิ้นชีวิตค่ำ
    วันเดียวกัน อากีแตนจึงตกไปเป็นของอิลินนอร์
    ผู้มีพระชนมายุได้ เพียง15 ปีเท่านั้น

    เมื่อได้เป็นดัชเชสแห่งอากีแตน
    จึงทำให้เป็นผู้ที่เป็นที่ต้องการ
    ในการเสกสมรสไปทั่วยุโรป ในสมัยนั้นการ
    ลักพาตัวของผู้มีตำแหน่งดีเป็นการกระทำ
    ที่ยอมรับกันว่าว่าเป็นวิธีที่เร็วที่สุดที่จะ
    ได้ดินแดนและตำแหน่งใหม่ แต่วิลเลียม
    บอกพินัยกรรมในวันที่สิ้นชีวิตยกอากีแตน
    ให้อิลินนอร์ และขอให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 6
    แห่งฝรั่งเศส พระนามเล่น “พระเจ้าหลุยส์อ้วน”
    เพื่อนรักของตน ให้เป็นผู้ดูแลอิลินนอร์
    ดยุกวิลเลียมขอให้ พระเจ้าหลุยส์ที่ 6
    ทรงดูแลทั้งแผ่นดินอากีแตน
    และอิลินนอร์, พร้อมทั้งช่วยจัดหาคู่ครองที่
    เหมาะสมให้กับนาง

    วิลเลียมสั่งให้รักษาข้อความในพินัยกรรมไว้
    เป็นความลับจนกว่าจะถึงพระหัตถ์ของ
    พระเจ้าหลุยส์ที่ 6 ผู้ถือพินัยกรรมจึงเดินทาง
    อย่างเร่งด่วนข้ามเทือกเขาพิเรนีสโดยแวะที่บอร์โดซ์
    เพื่อบอกข่าวแก่บาทหลวงแห่งบอร์โดซ์ก่อนที่จะเดิน
    ทางไปเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 6 ที่ปารีส

    พระเจ้าหลุยส์ที่ 6 เองในขณะนั้นก็ประชวร
    หนักจากโรคบิด และดูเหมือนว่าจะไม่ทรงรอด
    แต่แม้ว่าจะประชวรหนักพระเจ้าหลุยส์ก็ทรงมี
    พระสติดีพอที่จะคำนึงถึงสถานะการณ์ของ
    พระองค์เองและสถานะการณ์ใหม่ แทนที่จะ
    ทรงดูแลอากีแตนและอิลินนอร์
    อย่างที่ดยุกวิลเลียมขอไว้ พระเจ้าหลุยส์ที่ 6
    ได้จับให้อิลินนอร์แต่งงานกับลูกชายตัวเอง
    แทน เพราะหวังว่าจะเป็นการผนวกดินแดน
    อากีแตนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ
    อาณาจักรฝรั่งเศส และเป็นการเพิ่ม
    อำนาจของฝรั่งเศสและของราชวงศ์
    คาเปต์ ฉะนั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจาก
    ได้รับข่าว


    [​IMG]

    พระเจ้าหลุยส์ที่ 6 ก็ทรงมี
    พระราชโองการให้หลวงพ่อซูแกร์จัดการเสก
    สมรสระหว่างเจ้าชายหลุยส์พระราชโอรสกับ
    อิลินนอร์ เจ้าชายหลุยส์ทรงถูกส่งไปบอร์โดซ์
    พร้อมกับอัศวินอีก 500 คน รวมทั้ง
    หลวงพ่อซูแกร์, ทีโอโปนที่ 2 เคานท์
    แห่งชองปาญ และ ราอูลที่ 1 เคานท์แห่งแวร์มองดัว

    [​IMG]

    พอวันรุ่งขึ้นก็ทรงพบกับเจฟฟรีย์แห่ง
    โลรูซ์ บาทหลวงแห่งบอร์โดซ์ผู้ดูแลนาง
    และเพโทรนิลลา เจ้าชายหลุยส์ และ อิลินนอร์
    ทรงเสกสมรสกันเป็นพิธีใหญ่โตมีผู้เข้าร่วมพิธี
    ราวพันคน แต่ในเรื่องดินแดนมีข้อแม้ว่าดินแดน
    อากีแตนเป็นอิสระจากฝรั่งเศส และจะรวมกับ
    ฝรั่งเศสก็ต่อเมื่ออิลินนอร์ มีพระโอรส
    พระโอรสองค์โตที่เกิดกับนางจึงจะได้ดำรงตำแหน่งเป็น
    ทั้งพระเจ้าแผ่นดินของฝรั่งเศสและดยุกแห่งอากีแตน
    ฉะนั้นดินแดนของอิลินนอร์จะไม่ได้รับการ
    ผนวกกับฝรั่งเศสจนรุ่นพระโอรส
    ถ้าทรงมี

    ของขวัญที่อิลินนอร์
    ถวายเจ้าชายหลุยส์ในวันเสกสมรสเป็นแจกัน
    ทำจากควอตซ์ ซึ่งปัจจุบันตั้งแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ลูฟร์

    มีบันทึกว่า อิลินอร์นั้นมีอุปนิสัย
    ที่เอาแต่ใจตัวเอง
    และนอกจากนี้ยังหลงว่าตัวเองสวยและเก่ง
    นางไม่เป็นที่นิยมของชาวฝรั่งเศสทางเหนือ
    เท่าใดนัก
    (ตามความเห็นของ ราชินี อเดเล็ด แห่ง มอเรียน
    พระมารดาของเจ้าชายหลุยส์ที่กล่าวว่า
    นิสัยของอิลินนอร์นั้นแย่มาจากการที่ถูกตามใจเกินไป)
    พระจริยาวัตรต่างๆถูกวิพากษ์วิจารณ์โดยพระอาวุโส
    โดยเฉพาะจากเบอร์นาร์ดแห่งแคลโวซ์
    และหลวงพ่อซูแกร์เองว่าไม่เหมาะสมกับ
    คนจะเป็นจ้าวเป็นนาย
    แต่เจ้าชายหลุยส์ทรงหลงรักนางอย่างหัวปรักหัวปรำ
    และทรงเอาพระทัยนางทุกอย่างแม้ว่า
    นางจะมีนิสัยเสียเพียงใด
    ทรัพย์ที่พระราชทานส่วนใหญ่
    ใช้ตกแต่วังในปารีสและ
    ซื้้อเครื่องประดับ เสื้อผ้าสตรีให้นาง


    [​IMG]

    ครั้นพออายุได้ 19 ปี ในสมัยนั้นสงครามครูเสตกำลังดัง
    บรรดาพวกจ้าวๆในยุโรปต้องออกตัวปกป้องศาสนา
    คริตส์กันเป็น แฟชั่น โดยการเดินทางถือกางเขน
    ไปเชียร์พวกทหารที่รบกับพวกมุสลิมที่ตะวันออกกลาง
    จนเป็นแฟชั่นอย่างหนึ่ง ความจริงพวกเจ้าเหล่านี้
    ก็ไม่ได้ไปรบด้วยตัวเองแต่อย่างใด แต่ถือข้ออ้าง
    นี้เพือจะไปเที่ยวตากอากาศไปในตัว


    อิลินนอร์เองก็เช่นเดียวกับจ้าวคนอื่นๆนาง
    ได้ไปกับสามีที่วิหารแคลว์วัคทำเอาพวก พระ
    บาทหลวง ต่างๆฮื่อฮาไปตามๆกันกับการปรากฏกาย
    ของราชินี ในชุดแฟชั่น นักรบสาวอเมซอน
    ที่ออกแบบมาอย่างหวูหวา ซึ่งในสมัยนั้นการ
    ที่สตรีจะใส่ชุดเกราะแบบอัศวินนี้ก็ถือว่าประหลาด
    มากแล้ว แต่ชุดของนางถูกออกแบบผสมผสาน
    มาจากเกราะอัศวินแต่ใมีการแกะสลัก
    ด้วยลวดลายแบบผู้หญิงๆ และ ประกอบกับ
    ผ้าคลุมไหล่ผ้าไหม และ หมวกอัศวิน
    แต่มีผมเปียยาวประดับประดาด้วยเครื่องเครา
    ไข่มุข อัญมณี ออกมานอกหมวกเหล็ก

    นาง เสนอทหารคนรับใช้ผู้ติดตมจะไปช่วยใน
    สงครามครูเสตนางถึงกับทำให้บรรดาผู้คนฮือในชุด
    นักรบสาวสไตน์อเมซอน ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ
    เพื่อความสวยงาม เพื่อจะไปเป็นขวัญกำลังใจ
    พวกทหารสู้รบกับพวกมุสลิมในสงครามครูเสตที่อิสราเอล
    นางและ บรรดานางกำนันผู้ติดตามรับใช้ได้ขนเอา
    เครื่องอำนวยความสะดวก
    และเสื้อผ้าอาภรณ์ เครื่องประดับไปด้วยมากมาย
    จนทำให้ขบวนรบกลับเดินทางล้าช้ามากยิ่งขึ้น
    ทำให้บรรดาแม่ทัพนายกอง บ่นอุกไปตามๆกันว่า
    ไม่รู้จะแบกผู้หญิงเหล่านี้ให้มาเป็นภาระ
    ในการเดินทางไปออกรบทำไม
    เพราะระหว่างทางผ่านถิ่นธุระกันดาน
    ตลอดจนภเขา หุบเหว และทะเลทราย
    ไหนจะโดนดักรอบปล้น
    และต้องเห็นศพทัพจากเยอรมันโดนมุสลิมฆ่า
    นอนกันกราดเกลื่อน พระเจ้าหลุยส์จึงตัดสินพระทัย
    ข้ามเทือกเขาฟริเจียนเพื่อจะไปเจอทัพสมทบที่
    แอนติอ็อคให้เร็วที่สุด
    ก็ถูกโจมตีโดยคาดไม่ถึงไม่มีทางหลบหนี
    ผู้ที่พยายามหนีก็ถูกสังหาร ผู้คน ม้า และสิ่งของ
    เครื่องอำนวยความสะดวก เสื้อผ้าอาภรณ์
    ที่อิลินนอร์และนางกำนัน นางต้นห้อง
    หอบมา ต่างถูกโยนทิ้งลงเหวไปจนหมดสิ้น
    พวกแม่ทัพนายกองต่างกล่าวโทษ
    ถึงหายนะที่เกิดขึ้นระหว่างทางว่า
    เป็นเพราะมีสตรีมาด้วย และต้องล้าช้า
    ห่วงหน้าพะวงหลังเพราะต้องลากข้าว
    ของไร้สาระของพวกผู้หญิง


    [​IMG]

    ครั้นเมื่อไปถึงกองทัพของ
    นางก็ไม่ได้ช่วยประโยชน์อะไร หนำซ้ำยังเกณท์
    ทหารบางส่วนมาช่วยคุ้มกันนาง เพราะมีอยู่คืนหนึ่ง
    ที่มีทหารของกองทัพฝ่ายตรงข้ามเห็นรูปโฉม
    ความงามของนางแล้วถึงกับแอบลักลอบเข้าไปในเต้นท์
    ที่ประทับเพื่อที่จะข่มขืนราชินีสาว


    ครั้นเมื่อถึง นคร แอนติอ็อค นางได้
    ไปเจอกับทัพร่วมช่วยสนับสนุนพวกอัศวินเทมปล้าร์
    ของชาวคริสเตียน และที่นั่นเองที่นางได้พบกับ
    ลอร์ดเรย์ม่อน ชายหนุ่มรูปหล่อผู้มีศักดิ์
    เป็นอา ที่เกิดกับมารดาคนละคนกับพระมารดาของนาง
    หนำซ้ำ ท่านอาสุดหล่อนามว่า ลอร์ด เรย์มอน
    ยังอายุมากกว่านางแค่เพียง 2 ปี เท่านั้น
    และดูน่าสนใจกว่าลูกชายที่ไหมเอาไหน
    ของพระเจ้าองค์อ้วนหลุยส์ เป็นไหนๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  15. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    [​IMG]


    ระหว่างการได้เจออาหนุ่ม
    รูปหล่อนั้นเองที่นาง
    ได้ถกเรื่องการเมืองและการปกครองกับเขา
    เพื่อดึงดูดความสนใจของลอร์ดหนุ่มได้เห็นว่า
    นางเป็นผู้หญิงที่ชาญฉลาดผิดยุคผิดสมัย
    และนั้นเป็นสิ่งที่นางชอบที่จะให้ใครๆเห็น
    อยู่เสมอว่า นางเป็นราชินีที่ แสนฉลาด
    น่ารัก อายุน้อย แต่เป็นผู้นำสามี
    ลอร์ดเรย์ม่อนจึงได้แรก
    เปลี่ยนความเห็นทางการสงครามกับนางว่า


    เขาเห็นดีที่ จะให้พวกมุสลิมยังอยู่ในส่วน
    ของตัวเอง, ประมาณว่า สนับสนุนนโยบาย
    ปรองดอง ให้คนต่างศาสนาอยู่ในเยรูซาเล็ม
    ได้ทุกคน แต่ขออย่าได้ทะลาะกัน และอยาก
    ให้มีการจัดตั้งกองกำลังพิเศษ
    สนันสนุน และพิทักษ์ผู้แทน ศาสนาคริตส์
    ที่เยรูซาเล็ม ให้เข้มแข็ง
    ส่วนประเด็นที่เขาสนใจมากที่สุดคือ
    ยึดเมือง
    อิเดสสา ให้ได้


    [​IMG]

    อิลินนอร์รู้ดังนั้นจึงนำความของลอร์ดหนุ่ม
    ไปถกกับ หลุยส์สามีของนาง
    ว่านางอยากจะอยู่ช่วยท่านอา รูปหล่อที่
    แอนติอ็อค ในขณะที่พระเจ้าหลุยส์ยังคง
    พระทัยเดิมที่ต้้งเป้าเอาไว้ว่าจะไปช่วยรบที่เยรูซาเล็ม
    พระองค์ ปรารถนาจะเดินทางไปถึงเยรูซาเล็มให้ได้
    และยึดเยรูซาเล็มจากพวกมุสลิม
    และไล่มุสลิมออกไปให้หมดให้จนได้
    ทำให้ทรงทะเลาะกับ อิลินอร์
    เพราะนางประสงค์จะให้ทำตามที่
    ลอร์ดเรย์ม่อน ท่านอาผู้รูปหล่อเสนอ

    [​IMG]


    ในระหว่างที่ทะเลาะกันนั้นเองที่นางได้นำเรื่องไม่เข้าท่า
    ตามระสาผู้หญิงมาต่อว่าสามี เช่นกล่าวว่าการแต่งงาน
    ระหว่างทั้งสองนั้นไม่ได้รับการอนุมัติจากพระเจ้า ถือผิด
    และนอกรีต เพราะการแต่งงานนี้เกิดจากพ่อของหลุยส์
    ฝ่ายเดียวที่อยากจะใช้การแต่งงานนี้เป็นตัวเชื่่อมทาง
    การเมือง ไร้ซึ่งความรักต่อกัน คำกล่าวของนางที่ตำหนิ
    สามีเช่นนี้ถอว่าแรงมากสำหรับสตรีในสมัยนั้น
    ที่ล้วนสงบปากสงบคำทำตามสามี อย่าว่าแต่เรื่องขอ
    เป็นมาเยรูซาเล็มเลย สตรีทั่วไปในสมัยนั้น
    โดนผู้ชายใช้เป็นสมบัติชิ้นหนึ่งเท่านั่น
    แต่อิลินอร์นั่นต่างจากผู้หญิงทั่วไปมาก
    เพราะทรงกร่างที่เป็นธิดาดยุ๊คผู้ยิ่งใหญ่
    และมีที่ดินมากกว่าพระเจ้าหลุยส์อ้วนบิดา
    ของสามีนางเอง แคว้นอากีแตนแคว้นเดียว
    จากบิดานางก็ใหญ่กว่าประเทศฝรั่งเศษ
    ในเวลานั้นทั้งประเทศ



    หลังจากทรงทะเลาะกันไปกันมานางก็งอน
    ทำให้พกแม่ทัพนายกองและขบวนหลวงพ่อผู้ร่วม
    เดินทางไปเผยแพร่ศาสนาต้องหยุดชะงัก
    จะไปต่อก็ไม่ได้เพราะราชินีอิลินนอร์วัย 19
    อยากจะอยู่ช่วยท่านอารูปหล่อที่แอนติอ็อค
    พระเจ้าหลุยส์จึงต้องใช้มาตรการณ์เด็ดขาดออกคำสั่งให้
    อัศวินคุมตัว พระราชินีอลินนอร์ให้ไปเยรูซาเล็ม
    กับพระองค์ต่อให้จนได้
    การเดินทัพไปกรุงเยรูซาเลม เป็นการเดินทางที่ทำความตรากตรำ
    ให้แก่กองทัพ แต่ที่ยิ่งทำความลำบากใจให้แก่อัศวินมากขึ้น คือการ
    ต้องคุมตัว พระราชินี กองทัพที่แตกแยก ไม่สามารถเอาชนะทหารมุสลิมได้
    ด้วยสาเหตุที่ไม่อาจทราบ ซึ่งอาจจะเพราะที่เยอรมันต้องการ
    เอาชัยชนะ ผู้นำกองทัพครูเสดจึงเลือกโจมตี ดามาสคัสซึ่งเป็นเมือง
    เป็นพันธมิตรก่อน แต่เมื่อโจมตีไม่สำเร็จกองทัพครูเสด
    ก็ถอยจากเยรูซาเลมและในที่สุดก็ถอยกลับยุโรป


    ตอนขากลับ ท้้งหลุยส์และอิลินนอร์ นั่งเรือคนละลำกลับ
    ฝรั่งเศษ โดยอิลินนอร์กลับก่อนสามี
    ทั้งสองพระองค์นั่งเรือคนละลำกันในระหว่างทาง
    กองเรือถูกโจมตีโดยกองเรือไบเซ็นไทน์ของ
    สุรต่าน ชาวเติร์ก ที่พยายามจะจับทั้งสองพระองค์
    แต่ทรงหลบหนีได้ทัน โดยเรือของพระราชินีอิลินอร์
    โดนพายุพัดเลยไปฝั่งบาร์บารี (อัฟริกาเหนือ เช่น อียิปต์, ลิเบีย)
    เมื่อพระราชินีมาถึงจึงกลับมาถึงชายฝั่งยุโรปล่าช้า
    ราวกลางเดือนกรกฎาคม
    ที่ พาร์เลอร์โม ในซิซิลีเมืองหน้าด่านของยุโรป
    ที่อยู่ใกล้เขตพวกตะวันออกกลางมากที่สุด
    ผู้คนต่างคิดว่าทั้งสองพระองค์เสด็จสวรรคตไปนานแล้ว
    หลังจากทรงหายไปสองเดือนโดยไม่มีข่าวคราว
    แต่พระเจ้าหลุยส์ยังทรงหายไปอยู่
    พระเจ้าโรเจอร์แห่งซิซิลีทรงประทาน
    ที่พักอาศัยให้พระราชินีอิลินอร์
    ทรงพักค้างคืนที่เกาะซิซิรี่ใต้ประเทศ อิตาลี
    ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
    ระหว่างนั้น นาวีร์เร็วได้นำข่าวที่ทำให้
    นางต้องหัวใจสลายมาบอกว่า ท่านอาหนุ่ม
    ผมบรอนซ์ทอง ผู้รูปหล่อของนางได้สิ้นชีพ
    ในสงครามไปเสียแล้ว และพวกมุสลิมได้ตัดหัว
    ของเขาส่งไปเป็นเครื่องบรรณาการ
    องค์ กาหริบ แห่ง กรุงแบกแดด (อิรัก)

    [​IMG]


    หลังจากกลับมาถึง ยุโรปพร้อมกันทั้งสองพระองค์
    ทั้งสองพระองค์ก็เสด็จไปเฝ้า พระสันตะปาปาที่ทัสคิวลัม
    อิตาลี เพื่อขอให้ช่วยทำให้การแต่งงานเป็นโมฆะ
    หรือว่าง่ายๆขอหย่า
    แต่ พระสันตตะปาปาทรงปฏิเศท
    อยากให้ทั้งคู่ประณีประนอมกันก่อน
    นอกจากนั้นยังทรง
    พยายามให้สองพระองค์คืนดีกันอีกด้วย
    ทรงเน้นความถูกต้องตามกฎหมายของ
    การเสกสมรสและทรงย้ำว่าการเสกสมรส
    เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทำให้เป็นโมฆะไม่ได้
    ไม่ว่าด้วยข้ออ้างใดใด ในที่สุดก็ทรงจัดการ
    ให้พระราชินีและพระเจ้าหลุยส์บรรทมบน
    พระแท่นเดียวกันที่พระสันตะปาปา
    ทรงเตรียมให้ด้วยพระองค์เอง

    นางจึงใช้ชีวิตแต่งงานกับหลุยส์ต่อไป
    ในเวลาต่อมา อิลินนอร์จึงตั้งครรภ์
    ไม่กี่ปีก็ให้กำเนิดธิดาแก่พระองค์สองคนชื่อ
    เจ้าหญิง มารี กับ เจ้าหญิง อลิกซ์
    แต่การมีพระราชธิดาก็มิได้ช่วยให้สถานะการณ์
    ระหว่างสองพระองค์ดีขึ้นแต่อย่างใด
    เพราะอิลินนอร์ไม่มีพระราชโอรส ก็ยังเป็นเหตุที่ทำให้ขุนนางฝรั่งเศส
    ไม่พึงพอใจและป็นปฏิปักษ์ต่อพระองค์มากขึ้น
    แต่การเป็นปฏิปักษ์นี้กลับเป็นสิ่งที่มีประโยชน์กับ
    พระราชินีอิลินนอร์เพราะช่วยทำให้การหย่าร้าง
    เป็นไปตามที่ทรงต้องการ ด้วยความช่วยเหลือของ
    อัครบาทหลวงอิว ซองส์ ชาวฝรั่เศษ
    โดยการยื้นขอหย่าว่าไม่ถูกต้องด้วยเหตุผลที่ว่า
    ทั้งหลุยส์ และอิรินอร์ เป็น ญาติห่างกัน สี่ช่วง
    ไม่ควรจะแต่งงานกัน อันที่จริงข้อกล่าวนี้เป็นไป
    เพื่อจะให้การหย่าเสร็จๆไปอย่างนั้นเอง
    เพราะอิลินอร์ ก็ รู้ อยู่แก่ใจว่า
    จ้าวทุกๆพระองค์ในยุโรป ก็ล้วนแล้วแต่
    แต่งงานกันระหว่าง ญาติพี่น้องทั้งสิ้น
    บางพระองค์แต่งกับ น้องสาวต่างมารดาด้วยซ้ำ
    และน้องสาวต่างมารดาแต่พ่อเดียวกันนั้น ก็ยังมีปู่
    หรือย่าคนเดียวกัน เพื่อให้สายราชตะกูลบริสุทธิ์มากที่สุด


    หลังจากนั้นไม่กี่ปีความสัมพันธ์ระว่างนาง
    กับหลุยส์ก็สิ้นสุดลง นางได้ที่ดินนางกลับคืน
    แต่ลูกสาวของอิลินนอร์ที่เกิดกับหลุยส์โดนปลด
    เป็นลูกนอกสมรส มีศักดิ์ไม่ต่างจากลูกเมีย
    หรือนางบำเรอ อิลินนอร์ ช่างเป็น
    แม่ที่เห็นแก่ตัว
    แต่หลุยส์ก็รับลูกๆของนางไว้ใน
    ความดูแลของพระองค์

    ครั้นพออายุได้ 30 ปีอิลินนอร์ก็เสกสมรสใหม่กับ
    เจ้าชายเฮนรี่ที่ 2 แห่งอังกฤษ ผู้อายุน้อย
    กว่านางถึง 10 ปี และกำลังจะได้เป็นกษัตริย์
    อังกฤษอีกสองปีข้างหน้าและก็เป็นญาติวง
    ใกล้ชิดกับนางยิ่งกว่าหลุยส์ เสียอีก

    [​IMG]

    หลังจากสมรสกับเฮนรี่ที่2 แห่งอังกฤษ นางได้
    มีลูกกับเขา 8 คน (ไม่รวมลูกสาวสองคนจาก
    สามีเก่า) อันได้แก่
    วิลเลี่ยม, เฮนรี่, ริชาร์ดที่ 1,เจฟฟรี่ และ จอห์น
    กับ ลูกสาวสาม คนได้ แก่ แมทิลดา,
    เลโอโนร่า และ โจแอน

    [​IMG]

    แม้จะมีลูกแล้วเสียหลายคนแต่ความใฝ่ฝัน
    ของนางในการจะเดินทางไปเป็นตัวตั้งตัวตี
    สู้รบกับพวกมุสลิมที่เยรูซาเล็มก็ไม่เคยสิ้นสุด
    แต่ก็น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่มีกฏหมายการรบ
    ออกมาใหม่ว่า ครูเสต ครั้งที่ 2 นี้
    ห้ามไม่ให้สตรีผู้ใด
    หน้าไหน เข้าร่วมทำกิจกรรมไม่ว่าจะด้านใด
    ก็ตามแต่


    [​IMG]

    มีต่อ

    :boo:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  16. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    [​IMG]


    ครั้นเมื่อแต่งงานใหม่ไปจนมีลูกออกมาหลายคน
    จนข้าวใหม่ปลามันกลายเป็นขาวเก่าปลาเหม็น
    อิลินนอร์เริ่มแสดงพฤติกรรมชอบข่มขู่วาง
    อำนาจใส่ลูกและสามีเช่นที่เคยทำกับ สามีเก่า
    พระเจ้าหลุยส์ ที่ 6




    [​IMG]


    คราวนี้นางก็กลับมาทำเช่นเดิมกับ สามีคนที่สอง
    เฮนรี่ ที 2 เช่นกัน ทำให้สองสามีภรรยากลาย
    เป็นศัตรูกันเองในบ้าน และพวกลูกๆก็แบ่งพรรค
    แบ่งพวกกันเอง เช่น จอห์น ลูกชายคนเล็ก
    ขี้โรคจะลูกโปรด พ่อ


    [​IMG]


    ในขณะที่ริชาร์ด ที่1 ลูกชายคนกลาง
    หน้าตาหล่อเหลาทรงมี ผมสี สตอรเบอรี่ บรอนซ์
    ตาสีฟ้าอ่อน และสูงถึง 196 ซม
    ทำให้อิลินนอร์หวงลูกชายคนนี้ของนางมาก
    เป็นลูกโปรดของอิลินนอร์
    อิลินนอร์หมายมั่นจะให้ริชาร์ด
    ไดขึ้นเป็นกษัตริย์ องค์ต่อไป ทั้งที่
    พระองค์ทางเป็นโอรสองค์ที่3
    และตามกฏมณเฑียรบาล ยังต้องผ่าน
    พวกพี่ๆองค์โต อย่าง วิลเลี่ยม และเฮนรี่ ก่อน



    เจ้าชายริชาร์ดนั้นไม่สนิทกับพ่อนักตอนพระองค์
    เป็นเด็กเล็กมักจะอยู่กับแม่นมนามว่า โฮเดียร์น่า
    ซึ่งทรงรักนางมาก จนแม้กระทั้งโตขึ้นได้ออกเงินบำนาน
    ให้แม่นมของพระองค์อีกด้วย

    พระเจ้าเฮนรี่นั้นขึ้นชื่อว่ามีสนมหลายคน แบบลับๆ
    อิลินอร์ เองก็รู้แต่ก็ไม่ได้ทรงว่าอะไร
    ซึ่งเห็นได้จากทรงเลี้ยงดู
    เจฟฟรีหนึ่งในลูกชายของนางสนมของ
    พระเจ้าเฮนรี่ที่เกิดที่วิหารเวสมินเตอร์



    [​IMG]


    อิลินอร์กล่าวว่าแม้เฮนรี่จะมีเมียน้อยมากมายเพียงใด
    แต่พระนางก็ยังว่า พระองค์ยังดีกว่าสามีเก่า
    อย่างพระเจ้าหลุยส์ ที่แสนสุภาพ ใจดี
    และไม่สนใจเรื่องอย่างว่า ไม่ทรงขยันทการบ้าน
    และไม่เก่งเรื่องเอาใจสาวๆ เช่น พระเจ้าเฮนรี่
    ด้วยเหตุนี้เอง อิลินนอร์ จึงทนอยู่กับเฮนรี่ได้มากว่าหลุยส์



    :boo:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013
  17. taiie

    taiie สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +21
    สนุกมากครับ
     
  18. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    เรื่อง อิลินนอร์นี้ยังไม่จบนะคะจนนางกลายเป็นผีเดี๋ยวมาเล่าต่อคะ

    qsquchearr
     
  19. Talrae

    Talrae เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +138
    เข้ามาอ่านทุกวันเลยค่ะ ><
    รูปประกอบก็สวยมากๆเลย ดูแล้วอยากไปเที่ยวยุโรปเลยค่ะ

    ขอบคุณมากๆเลยนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^
     
  20. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    [​IMG]

    ฝ่าย อิลินนอร์แม้ในยามนั้นนางไม่
    สามารถกลับไปร่วมสงครามครูเสตได้อีก
    แต่ก็ยังมีลูกชายของนางอีก
    หลายคนทีพอจะไปได้เช่น ริชาร์ด ลูกโปรดของนาง
    ถึงตอนนี้ขอเท้าความถึงชีวิตครอบครัวขอนาง
    หลังแต่งงานไปเป็นครั้งที่ 2
    พวกนักสิทธิสตรีสมัยนี้
    ต่างยกย่องอิลินนอร์ว่าเป็นหญิงตัวอย่าง
    ของสิทธิสตรีในสมัยยุคมืดเลยทีเดียว


    [​IMG]


    ในการที่นางไม่เคยกลัวชายหน้าไหน, เอาแต่ใจตัวเอง
    และวางแผน บงการลูก และสามีจนผิดวิสัยหญิง
    ในสมัยนั้น แต่กระนั้นนางก็ต่างจากราชินี โบดิก้า
    ที่ ข้าพเจ้าเคยเล่าให้ฟังไปแล้วว่าเป็นวีระสตรีชาวเคลท์
    ที่ออกรบสู้พวกผู้ชายแม้จะโดนจับมาโบยภายหลัง
    แต่สิ่งที่อิลินนอร์เหนือชั้นโบดิก้า ตรงที่นางไม่จำเป็น
    ต้องออกรบหรือลงทุนลงแรงเอง

    [​IMG]

    เพราะนางสามารถใช้ความฉลาดเข้ากับความร้ายกาจ
    ของนางเพื่อไม่ต้องตกไปอยู่ในสถานะการณ์แย่ๆ
    เช่นพวกวีระสตรีคนอื่นๆที่มีแต่ความกล้า และ คติประจำใจ
    แต่ไร้ซึ่ง ความร้าย หรือความเลว ในการจะเอาตัวรอด


    [​IMG]

    แม้ อิลินนอร์จะยอมให้เฮนรี่ที่2 สามีคนที่สองของนาง
    มีนางสนมบำเรออยู่หลายคน แต่ การกระทำบางอย่าง
    ของเฮนรี่ที่2 ก็ทำให้อิลินนอร์ แทบคลั่งเหมือนกัน
    อย่างเช่นเมื่อคราวที่พวกลูกๆของนางยังเด็กอยู่
    เฮนรี่ที่2ทรงไปทาบทามของเจ้าหญิง อลิส วัย8 ขวบ
    ลูกสาวของพระเจ้าหลุยส์สามีเก่าของอิลินนอร์ กับ
    ภรรยาใหม่ของพระองค์ เคาเตส คอนสแตนซ่า
    แห่ง คาสตีลว์ สาวสเปนผิวเข้ม, หลังจากที่อิลินนอร์หย่าไปแล้ว

    [​IMG]

    ให้มาเป็นพระคู่หมั้นของ ริชาร์ด ลูกชายคนที่ สาม ของนาง
    ซึ่งทีแรกอิลินนอร์ก็ไม่ว่าอะไรกับเรื่องนี้
    พระเจ้าหลุยส์สามีเก่าของอิลินนอร์ก็ได้ส่งตัวเจ้าหญิง อลิส
    วัย แปด ขวบ ลงเรือไปให้อยู่ในรากของเฮนรีและอิลินนอร์
    ที่อังกฤษ แต่ครั้นพอเจ้าหญิงน้อยเจริญชันษาขึ้นมาได้ราว
    16ปีเท่านัน กษัตริย์ เฮนรี่ พ่อตา ผู้เรื่องชื่่อว่าเป็นกษัตริย์
    ที่รูปหล่อ เซกซี่ เอาใจสาวๆเก่ง แม้จะเข้าใกล้วัยกลางคนแล้ว
    ก็ยังทรงสนพระทัยในเรื่องรักๆใคร่ๆอยู่ ทรงแอบมีใจให้แก่
    เจ้าหญิง อลิซ ว่าที่ลูกสะใภ้ของตัวเอง
    ซึ่งอลิสเองก็ทรงหลงคารมหนุ่มใหญ่คราวพ่อ
    ผู้มากประสบการณ์ในการพูดจาเอาอกเอาใจผู้หญิง

    [​IMG]

    กล่าวกันว่า พระมารดาของ เจ้าหญิงอลิส นั้นเป็นลูกสาวกษัตริย์
    สเปน แคว้นกาลิเซีย ทางใต้จึงทรง มีผิวคร้ำ ผมสีเข้ม
    คล้ายพวกแขกตะวันออกกลาง ในขณะที่นางมีเชื่อสาย
    ด้านพ่อ พระเจ้าหลุยส์ชาวฝรั่งเศษ เชื้อสายนอร์มัน
    แก้มยุ้ย ผมและผิวสีขาวชมพู ทำให้รูปลักษณ์ของ
    เจ้าหญิงอลิสนั้นงดงาม แปลกตาแบบลูกผสมมาก
    แถมยังอายุน้อยอีกด้วย จึงทำให้กษัตริย์ เฮนรี่
    หลงนางมาก จนแทบอยากจะหย่าขาดจากอิลินนอร์
    และหาทางจะแต่งงานกับว่าที่ลูกสะใภ้ของพระองค์
    อย่างเปิดเผย

    [​IMG]

    มีข่าวเป็นที่ฮือฮาไปทั่วว่าทรงมีความสัมพันธ์กับ
    เจ้าหญิงอลิส และเก็บนางเป็นนางบำเรอไว้เงียบๆ
    เพื่อเตรียมรอแผนการจะแต่งงานกับนาง
    แต่สิ่งที่จำเป็นต้องทำอันดับแรกคือ ต้องหาทางยุติ
    ให้การหมั้นในครั้งแรกระหว่างเจ้าหญิง อลิสและ
    ริชาร์ด ลูกชายของพระองค์เป็นโมฆะเสียก่อน
    แต่แล้วในระหว่างนั้นเองที่เจ้าหญิงอลิสก็ได้ตั้งครรภ์ขึ้นมา
    และลูกในท้องของนางก็คือ ลูกของกษัตริย์ เฮนรี่
    ว่าที่พ่อสามีของนางนั่นเอง

    [​IMG]

    กษัตริย์ เฮนรี่ ได้พยามส่งหนังสือขอถอนหมั้น
    ระหว่างริชาร์ดลูกชายของพระองค์กับเจ้าหญิงอลิส
    ไปสู่สันตะปาปา แต่ถูกปฏิเศททั้งยังถูกข่มขู่ให้เร่ง
    การแต่งงานของทั้งสองพระองค์ แน่นอน
    เรื่องนี้ทำให้อิลินนอร์ โมโหทั้งสามีของนางและว่าที่ลูกสะใภ้
    เป็นอย่างยิ่ง แต่ความโมโหของนางก็ประทุหนักกว่าเก่า
    เมื่อได้ทรงมีนางสนมมาใหม่อีกคน แต่คนนี้ทำ
    ให้สถานการณ์ของอิลินนอร์ ยิ่งย่ำแย่
    อิลินนอร์นั้นแก่กว่าเฮนรี่ถึง10 ปีและพระองค์ไม่ได้
    ทรงใยดีทะนุถนอมนางอย่างกับ พระเจ้าหลุยส์
    สามีเก่า ที่ดีกับนาง และไม่เคยมีภรรยาน้อย
    แต่ทรงไม่เก่งเรื่องทำการบ้านหรือเอาใจสาวๆ
    เช่นเสือผู้หญิงอย่างเฮนรี่


    [​IMG]

    นางสนมผู้นี้มีนามว่า เลดี้ โรซามัน หรือ โรซาแมนดี้
    แปลว่ากุหลาบของโลก, นางเป็นธิดา ของ ท่าน มาร์เชอร์
    ลอร์ด วอลเตอร์ เดอ คลิฟฟอร์ด ขุนนางยศ (มาเชอร์ของชาวเวลช์)
    ความงามของนางนั้นเรื่องลือไปจนแม้แต่กวีในยุค
    ต่างๆนำนางไปเขียนกราบกลอนและนวนิยาย
    นางมีใบหน้าอิ่มรูปไข่คางสวยได้รูป ผิวและริมฝีปาก
    เป็นสีชมพูระเรื่อเหมือนกุหลาบ ดวงตาหวาน
    เปลือกตาลึก ขนตางอน เหมือนนัยตากุหลาบ
    และมีผมหยักศกสีทองแก่ เหมือนเถาวัลย์ที่
    รายร้อมรอบใบหน้ากุหลาบของนาง
    เฮนรี่เจอนางยื้นหน้าออกมาจากหน้าต่าง
    ปราสาท ในขณะที่เฮนรี่เดินทางไปทาน
    อาหารที่ปราสาทของ มาเชอร์ เดอ คลิฟฟอร์ด
    บิดาของนาง ในเวลานั้นอิลินนอร์กำลังตั้งครรภ์
    จอห์นลูกชายคนสุดท้องของนาง อยู่ที่ปราสาท



    [​IMG]

    เฮนรี่นั้นทรงโปรดโรซามันเป็นอย่างยิ่ง
    เพราะนางมีอุปนิสัยอ่อนหวาน ใจดี ยิ้มหวาน
    ต่างจากอิลินนอร์ผู้ที่ก้าวร้าว เอาแต่ใจตัวเอง
    และกุมอำนาจเจ้ากี้เจ้าการ
    ในเมื่อไม่สามารถแต่งกับเจ้าหญิงอลิสได้
    เพราะสันตะปาปากีดกันเพราะเป็นว่าที่สะใภ้
    เฮนรี่ซึ่งกำลังหาหญิงงามที่เหมาะสมมาตกแต่ง
    เป็นราชินีแทนอิลินนอร์ก็ทรงหมายตา
    เลดี้ โรซามันดี้ แทน เพราะนางสวยและ
    เพียบพร้อมกว่าผู้หญิงทุกคนที่ทรงผ่านๆมา
    กษัตริย์เฮนรี่ได้นำนางกลับไปที่ปราสาทที่
    ทรงอยู่กับอิลินนอร์เพื่อจะยั่วให้อิลินนอร์
    ขอหย่ากับพระองค์ อีกทั้งยังทรงนำนางออกงานเลี้ยง


    [​IMG]

    ถ้าอิลินนอร์ทรงยอมหย่า ตามที่พระเจ้าเฮนรี
    ประสงค์ พระเจ้าเฮนรีก็จะทรงตั้งให้อิลินนอร์
    เป็น แม่อธิการแห่ง วิหาร ฟองเทวฟรอด์
    ซึ่งถ้าทำเช่นนั้นก็มีความหมายเท่ากับนาง
    ต้องยอมสละอำนาจในแคว้นอากีแตนของ
    นางแก่พระองค์ คือ ต้องประกาศสละทรัพย์ทางโลก
    แต่อิลินนอร์ก็ทรงฉลาดพอที่จะไม่ยอมหย่าง่าย
    ( กรรมสนองกรรม เจอเหมือนที่ตัวเองทำกับพระเจ้าหลุยส์ เป๊)
    แต่อิลินนอร์เลือกจะทำกรรมที่แรงกว่าเพื่อที่จะ
    ได้ไม่ต้องหย่ากับเฮนนี่ และนั่นคือ วางยาสังหาร
    เลดี้ โรซามัน นางสนมคนโปรดของเฮนรี่
    ทั้งที่เลดี้ โรซามันไม่อยากเป็นเมียน้อยของเฮนรี่
    และได้ขอตัวไปบวชเป็นแม่ชีที่คอนแวนซ์
    ก็อดสโตว์ อิลินนอร์ได้จ้างวานคนให้ไปสังหาร
    นางด้วยยาพิษ ทั้งที่นางอยู่ในสถาณะ
    แม่ชีรับใช้พระเจ้าแล้วด้วยซ้ำ

    ความเกลียดชังที่นางมีต่อบรรดาผู้หญิงของ
    กษัตริย์เฮนรี่ที่ 2 ดูจะยังไม่สิ้นสุดในเวลานั้น
    เจ้าหญิงอลิส ว่าที่ลูกสะใภ้ของนาง ผู้ซึ่ง
    เป็นเมียเก็อีกคนของเฮนรี่ก็ยังอยู่
    นางได้เป่าหูพวกลูกชายของนางให้ เป็นปรปักษ์
    และก่อกบฏ ล้มบัลลังค์ พ่อตัวเอง
    จึงโดนพ่อตัวเองออกหมายล่าตามจับตัว
    เฮนรี่ ลูกชายคนที่สองผู้มีชื่อเดียวกันกับ
    พ่อได้หลบหนีไปฝรั่งเศษ และได้รับ
    การต้อนรับ จัดหาที่อยู่ให้ โดยพระเจ้าหลุยส์
    สามีเก่าของอิลินนอร์ ผู้ซึ่งเป็นคนดี
    แม้จะเคยโดนอิลินนอร์ด่าพระองค์ว่าโง่เขลามาก่อน

    เฮนรีกลับมาอากีแตนอย่างลับๆ เพื่อมาชักชวนพระอนุชา
    อีกสองพระองค์ ริชาร์ดและเจฟฟรี ที่ยังประทับอยู่
    กับพระมารดา อิลินนอร์ ให้เข้าร่วมด้วย
    พระราชินีเทรงส่งพระโอรสทั้งสององค์ไปฝรั่งเศส
    เพื่อให้ไปช่วยเฮนรีก่อการปฏิวัติต่อพระบิดา
    เมื่อส่งพระโอรสไปแล้ว อิลินนอร์ก็ยุยงให้
    ขุนนางทางใต้ให้ลุกขึ้นสนับสนุนพระโอรส


    ระหว่างปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนพฤษภาคม
    อิลินนอร์ก็เดินทางจากปัวตีเยร์ไปปารีส
    แต่ทรงถูกจับระหว่างทางและถูกส่งไปให้
    พระเจ้าเฮนรีที่รูออง พระเจ้าเฮนรีก็มิได้
    ทรงประกาศข่าวการจับอย่างเป็นทางการ
    ปีต่อมาก็ไม่เป็นที่ทราบว่าที่ประทับของ
    พระราชินีอิลินนอร์อยู่ที่ใด เมื่อค.ศ. 1174
    พระเจ้าเฮนรีก็เสด็จกลับอังกฤษจากบาร์เฟลอร์
    ทรงนำพระราชินีอิลินนอร์กลับไปด้วย
    เมื่อเรือถึงท่าที่ เซาทแธมตัน อิลินนอร์ก็ถูก
    นำตัวไปกักขังที่ปราสาทวินเชสเตอร์
    และก็ที่ ปราสาทเซรัมที่ เมืองซอลบุรี
    โทษฐานก่อกบฏ

    นางโดนติดคุกอยู่ 15 ปี โดยโดนจับย้ายคุก
    ไปเรื่อยๆ ตามที่ต่างๆในอังกฤษ จนเฮนรี่
    ลูกชายคนรองได้ก่อกบฏอีกครั้ง
    แต่โดนทหารของเฮนรี่ผู้พ่อร้อมเมืองเอาไว้หมดแล้ว
    เฮนรี่ลูกชายจึงหนีตะเปิดตะเปิงเข้าป่าไปจน
    กระทั้งไปติดเชื้อบิด เข้าท้องร่วงอย่างแรง
    แทบจะเสียชีวิตแต่มีคนช่วยไว้ทัน
    ทรงขอพระราชทานอภัยโทษจากพระบิดา
    และกล่าวขอโทษ พระเจ้าเฮนรี่ผู้บิดาจึงส่ง
    แหวนประจพระองค์ไปให้ เฮนรี่ลูกชายจึจูบ
    ธำมรงค์นั้นพร้อมน้ำตา ว่าขออภัยก่อนจะทรง
    เสียชีวิตจากอาการไข้สูงเพราะท้องร่วมาหลายวัน

    อิลินนอร์ทราบข่าวว่าลูกชายคนรองเสีย
    ชีวิตก็เสียพระทัยเป็นอย่างยิ่ง ทรงกล่าว
    ว่าก่อนวันที่เฮนรี่ลูกชายจะเสียหนึ่งวัน
    ทรงมาหานางในคุก ด้วยกระแสจิต
    เป็นวิญญาณมา และทำให้นางเริ่มสำนึก
    และผ่อนปลนความโอหังลง
    ทรงกล่าวว่าเป็นความทรงจำที่
    เลวร้ายที่สุดที่ไม่เคยลืมเลย

    [​IMG]

    หลังจากเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้น
    จึงทำให้ครอบครัวหันมาประสานกันอีกครั้ง
    หลังจากนั้นกษัตริย์เฮนรี่สวามีของนาง
    ก็ได้สั่งให้ปล่อยนางออกมาจากคุก
    และพาออกงาน ไปไหนต่อไหนด้วย
    กันได้เหมือนเดิมในปีหลังๆแต่ยังทรง
    ให้มีอัศวินคอยคุมขะนาบข้างตลอดเวลา
    ทำให้นางพอมีอิสระบ้าง ดีกว่าอยู่ในคุก
    หลายปีให้หลังกษัตริย์เฮนรี่สวามีของ
    นางทรงเสียชีวิตจากการได้รับบามเจ็บ

    จาก กีฬาอัศวินบนหลังม้า
    เมื่อนั่นเองที่ริชาร์ด
    ลูกชายคนที่สามได้ขึ้นครองเป็นกษัตริย์
    อังกฤษต่อ ทรงส่งจดหมายไปอังกฤษว่า
    ให้ปล่อยอิลินอร์ มารดพระองค์ออกจาก
    คุกแต่ก็ได้รับทราบทีหลังว่า บิดาของ
    พระองค์ได้ปล่อยนางออกมานานแล้ว

    พระราชินีอิลินนอร์ทรงม้าไปยัง
    เวสต์มินสเตอร์เพื่อรับคำสาบาน
    แสดงความสวามิภักดิ์ต่อพระเจ้า
    แผ่นดินองค์ใหม่จากขุนนางและ
    ผู้ครองนครต่างๆ ในนามของพระเจ้าริชาร์ด
    อิลินนอร์ ทรงปราบปลื้มยินดีกับ
    ลูกชายของนางคนนี้มาก

    ทรงหาลูกสะใภ้ให้ลลูกชายด้วย
    ตัวของพระนางเอง อิลินนอร์หมายตา
    ไปที่ เจ้าหญิง เบเรงแกเรีย
    แห่ง แคว้น นาวาร์ รัฐทางเหนือเสปน
    ที่มีพรมแดนติดต่อกับ แคว้น อากีแตน
    ของ ประเทศ ฝรั่งเศส

    ทรงทำให้การหมั้นระหว่าง เจ้าหญิงอลิส
    คู่หมั้นเก่าของ ริชาร์ด ซึ่งได้ไปมีสัมพันธสวาทกับ
    พระเจ้าเฮนรี่ สวามีของนางเป็น โมฆะเสีย
    อิลินนอร์ แสดงท่าทีเกลียดชังเจ้าหญิอลิส
    ไม่เสื่อมคลาย ไม่ต่างจากที่ทรงเกลียดชัง
    เลดี้ โรซาแมนดี้ นางสนมเอกของพระสวามี
    ที่ถูกอิลินนอร์สังหาร

    พระเจ้าฟิลลิปที่ 2 แห่งฝรั่งเศษ ผู้มีศักดิ์เป็น
    น้องชายต่างมารดาของ เจ้าหญิงอลิส
    ทรงสงสารพี่สาวที่ถูกส่งมาเป็นคู่หมั้นของริชาร์ด
    แต่ดันไปมีสัมพันสวาทกับพ่อสามี ซึ่งอายุคราวพ่อ
    ครั้นยังไม่ได้ตบแต่งกับพระองค์เป็นตัวเป็นตน
    เฮนรี่ก็มาสวรรคต ส่วนริชาร์ด วาที่คู่หมั้นก็ปฏิเศท
    ไม่ยอมรับหญิงที่เคยเป็นเมียพ่อมาแต่งเป็นภรรยา
    เพราะศาสนะจักรถือว่าผิดศีลธรรม พระเจ้าฟิลิปจึง
    เสนอ เจ้าหญิง อลิสให้แต่งกับ เจ้าชายจอห์นน้อง
    ชายคนเล็กของกษัตริย์ริชาร์ดแทน แต่ก็ถูกปฏิเศท
    โดยอิลินนอร์ นางกล่าวว่าในแผ่นดินมีผู้หญิงดีๆ
    มากมายก่ายกองกว่าอลิส และนางจะไม่ยอมให้
    ลูกชายคนไหนของนางไปเอา อลิส อดีต
    นางบำเรอของพ่อตัวเองมาทำเมียเด็ดขาด


    [​IMG]

    เจ้าหญิงอลีส ทรงเจ็บแค้นในคำพูดของ
    อิลินนอร์ เป็นอย่างยิ่ง จนนางจะต้องแก้แค้นคืน
    ณ เวลานั้น กระแสสงครามครูเสตครั้งที่ 3
    ประทุขึ้นมาอีก กษัตริย์ ริาร์ดลูกชายของอิลินนอร์
    จำต้องออกเดินทางไปกับคณะสงฆ์คริตส์
    เพื่อช่วย ชาวเยอรมัน รบกับพวกมุสลิม


    [​IMG]

    ข่าวเรื่องผู้นำมุสลิมนามว่า สุรต่าน ซาลาดิน
    วีรบุรุษมุสลิมชื่อดังผู้เก่งกาจชาญฉลาดกับลังแรง
    และพวกครูเสตโดนทัพของซาลาดินตียับเยิน
    เจ้าหญิงอลิสแอบเดินทางไปเยรูซาเล็มด้วย
    ความหวังจะล้างแค้นต่อ อิลินนอร์ และริชาร์ด
    นางได้เข้าร่วมเป็นสายลับให้สุรต่าน ซาลาดิน
    สงครามครูเสตยังคงยืดเยื้อต่อไป
    และในปี ค.ศ. 1187 ท่าน ซาลาดิน สุรต่านนักรบชาวเคิร์ท
    ผู้เติบโตมาจากการเป็นที่ท่านเชื่อมั่นในหลักคำสอนอิสลาม
    และได้มาเป็นแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ทีหลัง
    พร้อมตำแหน่งสุรต่าน แห่ง ประเทศทางตะวันออกกลาง
    และอัฟริกาหนือ หลายประเทศ
    ท่าน ซาลาดิน ได้ทำคุณาประการใหญ่หลวง
    ได้เข้ายึดเยรูซาเล็มจากการควบคุมของ
    พวกแฟรงค์ เยอรมันได้สำเร็จ


    [​IMG]

    กองทัพมุสลิมของท่านซาลาดินสามารถเข้า
    ยึดราชอาณาจักรเยรูซาเล็มได้เกือบทั้งหมด
    เมืองอัคเร, โตรอน, เบรุต, ไซดอน, นาซาเร็ธ,
    ซีซาเรีย นะบลุส, ญัฟฟา และ อัสคาลอน
    ได้ตกเป็นของมุสลิมภายใน3เดือน
    ชาวเมืองเยรูซาเลมทุกคนม่ว่าอิสลาม ยิว
    หรือ คริตส์ต่างได้รับการปฏิบัติจากกองทัพมุสลิม
    ของท่านซาลาดิน อย่างมีอารยธรรม
    จนท่านได้รับการยอมรับไปทั่วยุโรป ผิดกับ
    พวกกองทัพ ครูเสตที่อาศัยแต่ความเหี้ยมโหด
    กับพวกตรงข้ามและพวกต่างศาสนา


    เจ้าหญิงจึงมีชัยเหนืออิลินนอร์ในเวลานี้แล้ว
    เพราะนางมีส่วนช่วยให้พวกมุสลิมยึด
    เยรูซาเล็มสำเร็จ นอกจากนี้ริชาร์ดลูกชาย
    คนโปรดของอิลินนอร์ยังโดนจับเป็นเชลย


    มีต่อ:boo:
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 กันยายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...