ตามรอยพระขลังพระอภิญญาเหนือโลก

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย ole, 4 กันยายน 2012.

  1. anexta

    anexta เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2014
    โพสต์:
    49
    ค่าพลัง:
    +179
    ได้รับแล้วครับ ลืมเข้ามาแจ้ง
    สวยถูกใจ ขอบคุณมากครับ
     
  2. ole

    ole เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    919
    ค่าพลัง:
    +784
    -ครับผม
     
  3. ole

    ole เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    919
    ค่าพลัง:
    +784
    พระมงคลมหาลาภพิมพ์เล็กสภาพสวยสนใจสอบถามราคาทาง pm.ครับ(ปิดครับ)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 ตุลาคม 2014
  4. ole

    ole เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    919
    ค่าพลัง:
    +784
    พระมงคลมหาลาภพิมพ์คะแนนหลังเรียบเนื้อดินหายากครับ ราคาทางpm.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. ole

    ole เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    919
    ค่าพลัง:
    +784
    พระพุทโธพิมพ์กลางบัวติดขอบไม่สวยแต่แท้ครับราคาทาง pm.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. ole

    ole เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    919
    ค่าพลัง:
    +784
    แหวนวัดสารนาทหายากครับราคาpm.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  7. ole

    ole เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    919
    ค่าพลัง:
    +784
    งาแกะรูปเหมือนหลวงพ่อสังวาลย์สวยมากครับ ราคาทางpm.
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. THATCHAKON

    THATCHAKON เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,248
    ค่าพลัง:
    +3,250
    ตังค์หมดแล้วครับ แต่ขอทราบราคาด้วยได้ไหมครับ สวยมาก
     
  9. mookung27

    mookung27 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    1,382
    ค่าพลัง:
    +570
    ขอทราบราคาพระมงคลมหาลาภพิมคะแนนกับพิมพ์เล็กด้วยครับ
     
  10. ole

    ole เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    919
    ค่าพลัง:
    +784
    -ผมตอบให้ทาง PM.แล้วนะครับ
     
  11. ole

    ole เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    919
    ค่าพลัง:
    +784
    -ผมตอบให้ทาง Pm.แล้วนะครับ
     
  12. ่jackyooh

    ่jackyooh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2014
    โพสต์:
    403
    ค่าพลัง:
    +781
    ขอราคาแหวนครับ
     
  13. cassanover

    cassanover เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    608
    ค่าพลัง:
    +1,603
    ขอราคา 4 รายการนี้ครับ ขอบคุณครับ
     
  14. ole

    ole เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    919
    ค่าพลัง:
    +784
    -ตอบให้แล้วทาง pm.นะครับ
     
  15. ole

    ole เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    919
    ค่าพลัง:
    +784
    -ส่งราคาทั้ง4รายการให้แล้วนะครับ
     
  16. ole

    ole เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    919
    ค่าพลัง:
    +784
    "พญาเต่าคำ" หรือ ที่คนภาคกลางนิยมเรียกว่า "พญาเต่าเรือน" นับเป็นเครื่องราง-ของขลังที่พระเกจิอาจารย์ต่างๆ สร้างขึ้น เพื่อแจกจ่ายให้กับลูกศิษย์นำไปใช้ โดยมีวัตถุประสงค์หลักก็คือ เรื่องโชคลาภ ความสำเร็จ เมตตามหานิยม ความเจริญรุ่งเรือง และยังปกป้องคุ้มครองภัยอันตรายได้เป็นอย่างดี แถมผู้ที่บูชาเต่า มักจะปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ และมีอายุยืนยาวเหมือนเต่าอีกด้วย

    ในสมัยเมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ได้ทรงสร้างสมพระบารมีอยู่นั้น ในพระชาติหนึ่งพระองค์ได้เสวยพระชาติเป็นพญาเต่า มีพระวรกายใหญ่โตเท่ากับบ้านเรือน ชนทั้งหลายจึงพากันเรียกว่า พญาเต่าคำ อาศัยจำศีลภาวนาอยู่กลางเกาะใหญ่ท่ามกลางมหาสมุทร ในครั้งนั้นได้มีสำเภาพานิชย์ลำหนึ่งไปค้าขายกลางมหาสมุทร บังเอิญสำเภาล่มแตกกระจัดกระจายกลางทะเล ผู้คนที่ไปกับสำเภาลำนั้นต้องสูญเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก แต่ยังมีบางคนที่รอดตาย โดยเกาะเศษกิ่งไม้ไว้เป็นเครื่องพยุงตนไปในมหาสมุทร ในที่สุดก็ได้ไปถึงที่เกาะใหญ่ ที่พญาเต่าจำศีลภาวนาอยู่ จึงได้พากันขึ้นไปอาศัยอยู่บนเกาะนั้น และก็ได้พบกับความหิวโหยอำนาจความหิวถึงกับจะฆ่ากันตาย เพื่อเอาเนื้อมาเป็นอาหารแก้ความหิว พระพุทธองค์ทรงทราบดังนั้นแล้ว อยากจะช่วยเหลือผู้ที่ประสบเคราะห์ร้ายเหล่านั้นเพื่อให้พ้นทุกข์ พญาเต่าคำจึงได้ไต่ขึ้นไปบนยอดเขา แล้วปล่อยให้ตัวเองกลิ้งลงมาจากยอดเขา แล้วพญาเต่าก็เสียชีวิต พวกพ่อค้าเหล่านั้นได้อาศัยกินเนื้อของพญาเต่าเป็นอาหารเพื่อแก้ความหิว และผลสุดท้ายยังได้ใช้กระดองของพญาเต่าทำเป็นเรือกลับบ้านเมืองของตนด้วยความปลอดภัย ได้บันทึกไว้ในคัมภีร์ใบลานเต่าบ้านเต่าเมือง หลวงปู่ครูบาชัยวงค์ได้บอกไว้ว่า เมื่อผู้ใดกราบไหว้พญาเต่าคำ จะเกิดศิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว มีกินมีใช้ตลอด ไม่มีอดอยากขัดสน

    หลวงปู่ครูบาวงศ์ท่านจึงได้เมตตาจัดทำขึ้นเต่าไว้ แจกจ่ายแก่บรรดาลูกศิษย์ไว้บูชา มหาลาภ มีทั้ง เต่าสำลี เต่าสำลีชุบสีผึ้ง เต่ากระดาษ ทุกสิ่งที่นำมาทำเต่านั้นมาจากของใช้ของท่านครูบา บรรจุเกศาพระธาตุ พระธาตุข้าวบิณฑ์และของศักดิ์สิทธิ์มงคลไว้ภายในตัวเต่าท่านทำเอง และปลุกเสกเองทุกตัว สำหรับคาถาที่ใช้บูชาพระโพธิสัตว์เจ้าพญาเต่าเรือน มีว่า (นะโม ๓จบ) นะเมตตาโมกรุณา พุทธปราณี ธายินดี ยะเอ็นดู เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ไมตรี นานาจิตตังปิยังมะมะ ใช้ในทุกด้าน เด่นทางด้านเมตตามหาลาภ ค้าขาย ซื้อง่ายขายคล่อง ขึ้นล่องปลอดภัย ป้องกันภัยอันตราย บูชาแล้วไม่อดอยากขัดสน

    หลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก "พระธาตุข้าวบิณฑ์" ดังนั้น ผมจึงขอนำมาเล่าสู่กันฟัง ดังนี้

    ในสมัยพุทธกาล สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อโปรดเวไนยสัตว์ วันหนึ่งได้เสด็จมาถึง วัดตะเมาะ ในจังหวัด เชียงใหม่ และได้ประทับรอยพระบาทไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ จึงเรียกสถานที่นั้นว่า "พระพุทธบาทตะเมาะ" มาจนถึงปัจจุบันนี้

    จากนั้นจึงเสด็จต่อไปยังจอมเขาทางตะวันออกของแม่ระมิงค์ (แม่น้ำปิง) ทรงหยุดพักระหว่างทางซึ่งเป็นดอยเล็กๆ เป็นป่าละเมาะไม่มีต้นไม้ใหญ่ และแดดก็ร้อนจัด ขณะนั้นพอดีกับ พระเจ้าอโศกราช พร้อมทั้ง พระยาศรีสู่ และ ขุนแสงดอง เดินทางผ่านมา เมื่อเห็นพระพุทธองค์เสด็จประทับพักผ่อนพระอิริยาบถอยู่ จึงเอาฉัตรมาเกิ้ง (บัง) แดด ถวายองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์ก็ทรงโปรดให้พระเจ้าอโศกราช และบริวารรับศีล และแสดงพระธรรมเทศนา เมื่อได้สดับพระธรรมเทศนาแล้ว พระเจ้าอโศกราชก็ทรงปิติยินดี และระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณขององค์สมเด็จพระประทีปแก้ว จึงขอพระราชทาน พระเกศา ไว้เป็นที่สักการบูชา องค์พระมหามุนี จึงเอาพระหัตถ์ลูบพระเศียร ได้พระเกศามา ๑ เส้น จึงทรงประทานให้พระเจ้าอโศกราช พระเจ้าอโศกราชได้นำไปบรรจุไว้ในผอบ ๓ ชั้น คือ ทองคำ เงิน โลหะ แล้วเอาใส่ครอบแก้ว ประดิษฐานไว้ในถ้ำที่ดอยแห่งนั้น พร้อมทั้งสร้างเจดีย์ครอบพระเกศาธาตุนั้นไว้ พระอินทร์ได้เนรมิตจักรยนต์ไว้คอยคุ้มครองรักษาพระธาตุด้วย ที่นั้นจึงเรียกว่า "ดอยเกิ้ง" ตั้งแต่นั้นมา เพราะเอาฉัตรไปบัง (เกิ้ง) แดดถวายพระพุทธองค์

    ต่อจากนั้น พระพุทธเจ้าได้เสด็จต่อไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของแม่ระมิงค์ เพื่อไปโปรด พวกละว้า พวกละว้าเหล่านั้น อยู่ในภาวะอดอยาก ผืนดินแห้งแล้ง ทำการเพาะปลูกไม่ได้ผล ต้องหาหัวเผือกหัวมันมาต้มผสมกับข้าว กินเป็นอาหาร เมื่อพระพุทธองค์ได้เสด็จมาถึงที่นั่น พวกละว้าก็เอาข้าวผสมมัน ซึ่งเป็นโภชนาหารของตนมาใส่บาตร

    พระบรมโลกนาถ ก็ทรงรับแล้วฉันภัตตาหารเช้า ณ ที่นั้นซึ่งเรียกว่า ดอนน้อย เสร็จแล้วก็ทรงให้ศีลให้พรพวกละว้าทั้งหลาย หลังจากนั้น จึงทรงนำข้าวที่เหลือก้นบาตรไปเทคว่ำไว้ และแสดงปาฏิหาริย์ให้ข้าวนั้นกลายเป็นหิน (เป็นพระธาตุข้าวดังที่เห็นในปัจจุบันนี้) พวกละว้าเมื่อเห็นดังนั้น ก็เกิดเลื่อมใสศรัทธาเป็นอันมาก พระพุทธองค์จึงทรงให้ศีลห้า และแสดงธรรม และรับสั่งให้พวกละว้ารักษาดอนน้อยไว้ให้ดี และให้รักษาศีลห้าไว้เป็นปกติ ถ้ารักษาได้ก็เหมือนอยู่ใกล้พระพุทธองค์ ถ้ารักษาไม่ได้ ก็เหมือนอยู่ไกลสุดขอบฟ้าจักรวาล

    เมื่อออกจากดอนน้อยแล้ว พระพุทธองค์ก็เสด็จต่อไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของแม่ระมิงค์ เรียกว่า ห้วยฮอด เพื่อไปโปรดละว้าอีกกลุ่มหนึ่ง พวกละว้าต่างนำข้าวของมาถวายตามมีตามเกิด พระพุทธองค์ทรงให้รับศีลห้า และแสดงธรรมโปรด เมื่อจบแล้วพวกละว้าก็มีความปิติยินดี และขอประทานรอยพระบาทไว้เป็นอนุสรณ์ สมเด็จพระชินวรก็ทรงประทับรอยพระบาทไว้เหนือหินแก้วข้าว (หินสีดำ) ให้พวกละว้าสักการบูชาต่อไป รอยพระพุทธบาทนี้ยังคงปรากฏอยู่จนถึงปัจจุบัน ต่อมา พระครูบาศรีวิชัยได้สร้างวิหารครอบไว้ เรียกสถานที่นั้นว่า วัดพระพุทธบาทแก้วข้าว อยู่ที่อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ หินแก้วข้าว นี้ นิยมมาทำเป็น พระเนตรดำของพระพุทธรูป ซึ่งจะหาดูได้ที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม

    การแสดงพุทธปาฏิหาริย์แต่ละครั้ง ก็เฉพาะมีสาเหตุอันสมควรเท่านั้น พวกละว้าเหล่านี้ แต่เดิมก็นับถือภูตผีต่างๆ การแสดงธรรมให้ผู้ที่ขาดความเลื่อมใสศรัทธาฟัง ก็เป็นการเสียเวลาเปล่า ดังนั้น พระพุทธองค์จึงได้ให้พวกละว้า เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระองค์ก่อน จึงจะบังเกิดผล

    ข้าวก้นบาตรที่กลายเป็นหินนี้ แต่ละเม็ดมีเทพคุ้มครองอยู่ จากนั้น พระธาตุข้าวก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ.เมื่อหลวงปู่ครูบาวงศ์ ได้มาจำพรรษาเพื่อพัฒนาวัดพระพุทธบาทห้วยต้มที่ อ.ลี้ จ.ลำพูน ท่านได้นิมิตเห็นพระธาตุข้าว ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ ๒๐๐ กม. ที่ดอยเกิ้ง ท่านจึงได้อัญเชิญพระธาตุข้าวบางส่วนมาไว้ที่วัด และแจกให้ลูกหลานนำไปสักการบูชา ผู้ที่อยู่ในศีลในธรรมที่มีพระธาตุข้าวไว้บูชาแล้ว ความอดอยากขาดแคลนจะไม่บังเกิดขึ้น การทำมาค้าขายโดยสุจริต จะได้ผลเจริญงอกงาม เมื่อประสงค์สิ่งใดให้ทำสมาธิจิต ระลึกถึงคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และครูบาวงศ์ แล้วตั้งจิตขอในสิ่งที่ปรารถนา จะได้ผลดีมากสำหรับผู้ที่มีศีล ๕ เป็นปกติ

    .............ถ้าหากเกิดโรคภัยไข้เจ็บ ที่รับประทานยาแผนปัจจุบัน แล้วไม่สามารถบรรเทาทุกข์เวทนาให้หายลงได้ ก็ให้ทำน้ำพระพุทธมนต์ โดยจุ่มพระธาตุข้าวลงในภาชนะใส่น้ำที่จะทำน้ำพระพุทธมนต์ ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วดื่มน้ำพระพุทธมนต์นั้น จะบรรเทาทุกข์เวทนาที่เกิดขึ้นได้ และพระธาตุข้าวนี้อาจแตกหักได้ ๒ กรณีคือ.๑. แตกโดยการชำรุด..๒. แตกหักโดยนำไปในสถานที่ที่ไม่เป็นมงคล

    ส่วนเรื่องราวของ พระธาตุ พระอรหันต์ ๕๐๐ องค์ นั้น จะมาเล่าให้ฟังในคราวหน้า

    หลวงปู่ครูบาวงศ์ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ ที่ปรารถนาพุทธภูมิ ไม่ลาพุทธภูมิเหมือนดังหลวงพ่อมหาวีระ วัดท่าซุง ท่านเป็นพระที่เปี่ยมล้นด้วยบารมีธรรม แม้กระทั่งครูบาศรีวิชัยยังให้การยอมรับ นอกเหนือไปจากพระสุปฏิปันโนอีกหลายองค์ในสายพระอาจารย์มั่น เช่น หลวงปู่แหวน หลวงปู่สิม และพระเกจิอีกหลายองค์ที่หลายท่านเชื่อว่าสำเร็จอรหันต์ เช่น หลวงปู่พรหมา วัดพระพุทธบาทตากผ้า,หลวงปู่ชุ่ม วัดวังมุย, หลวงปู่ครูบาอินท์ วัดฟ้าหลั่ง, หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุนนาคฯลฯ และท่านเป็นที่เคารพสักการะของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จพระราชดำเนินเป็นการส่วนพระองค์ กราบนมัสการหลายครั้ง ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๔ เป็นต้นมา ท่านละสังขารเมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๔๓ สิริอายุ ๘๗ ปี ๖๗ พรรษา โดยที่สรีระของท่านนั้น ไม่เน่าเปื่อย แข็งเป็นหิน โดยทางวัดได้บรรจุไว้ในโลงแก้ว ปิดทองคำเปลวแท้เหลืองอร่ามทั่วองค์ (ตามประเพณีล้านนา) ให้สาธุชนได้กราบไหว้บูชาจนทุกวันนี้ (มีพิธีเปลี่ยนผ้าไตรครองทุกปี ในวันครบรอบมรณภาพของท่าน)

    เหมือนหลวงปู่ครูบาวงศ์ ท่านจะทราบล่วงหน้าถึงภัยเศรษฐกิจ ที่จะเกิดขึ้นกับประเทศไทยในกาลข้างหน้า ดังที่พี่น้องชาวไทยประสบกันอยู่ทุกวันนี้ พวกที่มีเงินเดือนกิน หรือรายได้ประจำนั้น อาจจะไม่ค่อยมีปัญหา แต่คนจนๆ หาเช้ากินค่ำไปวันๆ สิครับ กว่าจะหามายาไส้ได้ในแต่ละวัน เลือดตาแทบกระเด็น ท่านจึงสร้างพระเครื่องรางของขลัง อธิษฐานจิตมุ่งเน้นไปที่มีเมตตา มหานิยม อุดมลาภผล ค้าขายดี ไม่ฝืดเคือง ฯลฯ เป็นหลักใหญ่ นอกเหนือไปจากการคุ้มครองป้องกันภัยอันตรายต่างๆ อย่างดีเยี่ยม

    ดังนั้น เราจะเห็นว่า พระเครื่องของท่านหลายรุ่น มักจะบรรจุพระธาตุข้าวบิณฑ์ พระธาตุอรหันต์ ๕๐๐ องค์ พระธาตุสิวลี แม้กระทั่ง ผงหลวงปู่พระครูโลกอุดร (ซึ่งหายากมาก มีน้อยมาก) ก็ยังนำมาบรรจุไว้ใต้ฐานพระกริ่งขวานฟ้าโลกอุดร และพระสมเด็จอวตาร ๘๔ ซึ่งมีจำนวนสร้างที่น้อยมาก นอกจากเต่ามหาลาภ หรือพญาเต่าคำแล้ว ท่านยังสร้าง ปลาตะเพียนมหาลาภ ซึ่งแปลกพิสดารกว่าพระอาจารย์อื่นๆ ตรงที่ ท่านนำคาถาโชคลาภ มาทำเป็นเกล็ดปลา ออกมาสวยงามมากๆ ซึ่งก็เป็นเครื่องรางของขลังอีกชิ้นหนึ่งด้านลาภผลที่ได้รับความนิยมรองลงมาจากพญาเต่าคำ

    หากท่านได้ศึกษาประวัติของหลวงปู่โดยละเอียดแล้วจะทราบว่า ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ บำเพ็ญบารมีเพื่อที่จะเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต และในชาตินี้ของท่าน ท่านเกิดในตระกูลที่ยากจนมากแทบจะไม่มีอาหารกินในแต่ละมื้อ ท่านจึงมุ่งเน้นที่จะสร้างสิ่งมงคล เพื่อเกื้อหนุนให้ทุกคนมีความเป็นอยู่สุขสบาย ไม่อัตคัดขัดสนอย่างที่ท่านเคยผจญมาก่อน

    ท่านเป็นผู้ที่มีจิตเมตตาสูงมากมาตั้งแต่เด็ก ฉันมังสวิรัติมาตั้งแต่เป็นเณร อายุ ๑๒ ขวบ สร้างบารมีโดยการสร้างวัดวาอารามต่างๆ ไว้มากมาย โดยเฉพาะเจดีย์ชเวดากองของไทยที่ท่านสร้างไว้ใหญ่โต สวยงาม ไม่แพ้พม่า ท่านได้ประทับรอยเท้าไว้บนแผ่นหิน ถึง ๙ แห่ง เช่น ที่บริเวณน้ำตกห้วยแก้ว เมื่ออายุ ๒๒ ปี, ที่ประเทศศรีลังกา เมื่อคราวไปแสวงบุญ และที่วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม ซึ่งในประเทศไทยจะมีพระสงฆ์สักกี่องค์ ที่ประทับรอยเท้าเช่นเดียวกับพระพุทธเจ้า (มีผู้ขออาราธนาให้ทำ ทั้งมนุษย์ และเทวดา ท่านถึงทำ ไม่ได้นึกอยากจะทำก็ทำนะครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2014
  17. ole

    ole เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    919
    ค่าพลัง:
    +784
    เต่าสำลีและเต่าสำลีชุบเทียนรูปแบบต่างๆที่ปั้นทีละองค์ของเลียนแบบมากมายในปัจจุบัน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. ole

    ole เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    919
    ค่าพลัง:
    +784
    พระพุทโธองค์นี้เคยโดนขโมยไปเมื่อ8เดือนที่แล้วได้คืนมาเพราะอธิษฐานขอบารมีของคุณแม่บุญเรือน ให้ได้คืนกลับมาปาฎิหาริย์มีจริงครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 40035.jpg
      40035.jpg
      ขนาดไฟล์:
      73.2 KB
      เปิดดู:
      75
    • 40036.jpg
      40036.jpg
      ขนาดไฟล์:
      64.9 KB
      เปิดดู:
      64
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กันยายน 2014
  19. ole

    ole เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    919
    ค่าพลัง:
    +784
    เครื่องมือสู่นิพพานของครูบาวงษ์

    ประคำเม็ดหวานหินเป็นเอกลักษณ์ของหลวงปู่ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา
    - ตุ๊สมบัติเล่าให้ฟังว่า"หลวงปู่บอกว่าประคำนี้ดีใช้ภาวนากรรมฐาน ต่อไปจะหายากต้องเอาทองคำเส้นเท่ากันมาแลก.
    - หลวงปู่กล่าวว่า " ประคำนี้ดีเป็นเครื่องมือสู่พระนิพพาน "
    วิธีการนับลูกประคำของหลวงปู่
    ตั้งนะโม ๓ จบ
    รอบแรก...อิติปิโสภะคะวา อะระหังสัมมาสัมพุทโธ (บริกรรม)....พุทโธพุทโธ พุทโธ .....
    รอบสอง...สวากขาโต ภะคะวะตาธัมโม (บริกรรม)....ธัมโม ธัมโม ธัมโม.....
    รอบสาม...สุปฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ....(บริกรรม) สังโฆ สังโฆ สังโฆ.....
    รอบสี่ (บริกรรม)...เมตตา เมตตา เมตตา .....
    รอบห้า (บริกรรม)...กรุณากรุณา กรุณา .....
    รอบหก (บริกรรม)...มุทิตา มุทิตา มุทิตา .....
    รอบเจ็ด(บริกรรม)...อุเบกขา อุเบกขา อุเบกขา .....

    - ประคำ 108 เม็ด เริ่มนับทีละเม็ด บทสวดพระพุทธคุณ "อิ ติ ปิ โส ภะ คะ วา อะ ระ หัง สัม มา...."
    - พระธรรมคุณ " สะ หวาก ขา โต ภะ คะ วะ ตา ธัม โม ..."
    - พระสังฆคุณ " สุ ปะ ฏิ ปัน โน ภะ คะ วะ โต สา วะ กะ สัง โฆ " ครบพอดี 108 เม็ด
    - บางเส้นมีเพิ่มอีก 1 เม็ด คือ พระนิพพาน รวม 109 เม็ด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2014
  20. ole

    ole เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    919
    ค่าพลัง:
    +784
    ประคำหวายหิน เครื่องมือสู่นิพพานเส้นที่1 เหลาด้วยมือยุคแรกหายากมากๆครับแบ่งให้บูชา 3,500 บาทครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...