จากการสังเกตและพูดคุย..กระเจียวพบว่าคนทั่วไปยังไม่เข้าใจเรื่องแนวนี้

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย กระเจียว, 29 กันยายน 2004.

  1. mirinda

    mirinda บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    ความคิดของเด็กคนหนึ่ง

    ทำไมคนที่เค้ามีฤทธิ์มาก ๆ ไม่แสดงฤทธิ์ให้เห็นไปเลยล่ะ เหมือนกับ คุณไม่เชื่อว่านรกมีจริง สวรรค์มีจริง ก็เปิดให้ดูไปเลยซิ จะได้เชื่อ นี่กว่าจะเห็นต้องรอ ต้องใช้เวลา ยังสงสัยอยู่จนบัดนี้เนี่ย ว่าทำไมต้องเป็นการอวดอุตริมนุษยธรรม
     
  2. Catwater

    Catwater บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    อืมมม รู้สึกว่าการที่แสดงให้คนอื่นเห็นว่าตนเองมีฤทธิ์นั้นเป็นไปโดยเจตนาที่จะยกตนเองสูงกว่าคนอื่นอ่ะนะ เพราะว่าการที่จะทำให้คนอื่นเกรงกลัวความชั่ว และปราถนาที่จะทำดีนั้น สามารถที่จะทำได้หลายๆวิธีโดยไม่จำเป็นต้องให้มันไปเห็นนรก การที่เราจะขัดเกลาจิตใจผู้อื่นโดยแสดงฤทธิ์ให้ดูนั้นจึงย่อมจะแฝงไว้ด้วยความรู้สึกที่อยากจะยกตนเองให้อยู่เหนือผู้อื่นเสมอ เพราะว่าถ้าเราต้องการที่จะขัดเกลาจิตใจผู้อื่น เราก็สามารถทำได้โดยไม่ต้องแสดงฤทธิ์ในเกือบๆทุกกรณีที่สามารถจะเกิดขึ้นได้น่ะ และถ้าเราสอนคนอื่นให้เกรงกลัวความชั่วโดยการแสดงฤทธิ์ให้ดูนั้นก็สรุปได้ว่า เราอยากจะให้มันเลิกทำอะไรชั่วๆซะ และอยากจะขึ้นไปอยู่บนหัวมันด้วยพร้อมๆกันน่ะ :[
     
  3. น่านฟ้า

    น่านฟ้า สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +0
    ที่แน่ๆ คนไม่รู้มีเยอะค่ะ โดยเฉพาะเยาวชน ส่วนให_่จะคิดว่าตอนนี้ใครสนใจศาสนาก็เป็นคนเพี้ยนคนนึงค่ะ

    เราต้องหาทาง ต้องคิดกันค่ะ ว่าจะให้พวกเขาซึมซับคุณค่าอย่างไร
     
  4. แพรว

    แพรว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +166
    เข้ามาใหม่ยังไม่ค่อยรู้ศัพย์ภาษาทางพระ
    อยากให้มีระบบค้นหาคำศัพย์(y)
     
  5. anantachin

    anantachin สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    ทำไม่ "ธรรมะ" ยิ่งศึกษายิ่งละเอียด?
    เพราะ "กิเลส" เป็นของที่ละเอียด
     
  6. wanted

    wanted Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +50
    สองทางที่ทำนิพพานใกลออกไป

    ทางแรกคือ ความสงสัยคือการสงสัยเป็นปกติธรรมชาติของมนุษย์แต่สงสัยเพราะอยากรู้ต่อหรือสงสัยเพราะต้องการขัดขวางประเด็นหลังคงทำให้ผู้ที่คิดอยู่ไปสู่อบายภพ
    ทางที่สอง คือความเขลา ก็เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่มีสามั_สำนึกมากกว่าสัตว์ชนิดใดการที่มีสามั_สำนึกนี้เองบางคนยังคิดว่าตนเองเข้าใจถูกต้องและทุกอย่างที่ตัวเองนั้นมักบอกว่าเป็นไปไม่ได้ทั้งที่ยังไม่ได้สัมผัสหรือลองทำประเภทนี้มักจะอวดตัวว่าเก่งอยู่เสมอจึงทำให้รู้น้อย
     
  7. คนเก่า

    คนเก่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,355
    ค่าพลัง:
    +15,055
    อยากให้มีสาวใสสมัยใหม่แบบสมาชิกเว็บนี้มากๆ ดีกว่ามีแต่สาวรุ่นที่คอยดูโฆษณามือถือรุ่นใหม่ๆ เพื่อคิดซื้อหามาอวดกัน หรือนั่งฝันว่าจะเป็นดาราได้อย่างไร หรือวิ่งไปกรี๊ดรับนักร้อง-ดาราแถวสนามบิน

    มีครูบาอาจารย์องค์หนึ่งเคยออกปากกับลูกศิษย์ไว้ว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาของผู้มีบุ_ เพียงเท่านี้เชื่อว่าลูกศิษย์ก็ลงใจ ไม่ต้องเดือดร้อนวุ่นวายใจว่าทำอย่างไรคนอื่นเขาจึงจะศรัทธาในพระศาสนาเหมือนตน

    เมื่อคืนนี้นำหนังสือเกร็ดประวัติเล่มหนึ่งของหลวงปู่มั่นไปถวายท่านอาจารย์ที่เคารพบูชายิ่งองค์หนึ่ง เหมือนท่านรู้ว่า มาทำเป็นผู้รู้ธรรมอยู่แถวนี้ ท่านเปิดหนังสือดูไปก็เมตตาพูดให้ฟัง มีใจความว่า

    ....ศัพท์ภาษาธรรมนั้นสืบทอดมานานกว่า 2,500 ปีแล้ว ความเข้าใจในความหมายดั่งเดิมแท้จริงๆย่อมผิดเพี้ยนไป คนที่รู้ธรรมสมัยนี้ จึงยึดถือเป็นที่พึ่งได้ยาก เพราะเข้าใจความหมายผิด ธรรมะที่รู้จึงเป็นธรรมะปฏิรูป เป็นของปลอม ธรรมะที่อ่านจากหนังสือจึงไม่ใช่ธรรมะของเราจริง เป็นของพระพุทธองค์ เป็นของครูบาอาจารย์

    หลวงปู่มั่นท่านไม่ให้ใช้ตำรา ท่านนำธรรมะของท่านมาบอกสอนให้ปฏิบัติ ให้ทำเอง ให้ได้ถึงธรรมในตนเอง ของตนเอง ครูบาอาจารย์ในสมัยก่อน อย่างหลวงปู่ตื้อ หลวงปู่ฝั้น หลวงปู่แหวน หลวงปู่ชอบ หลวงปู่บุ_มา หลวงปู่สิม และอีกมาก จึงเป็นพระที่พึ่งของมนุษย์ทั่วไปอย่างแท้จริง เพราะองค์ท่านเป็นธรรมทั้งองค์ คนมีความทุกข์มีปั_หา เข้าไปกราบ ถาม ...หลวงปู่ทำอย่างนั้น ทำอย่างนี้ ได้ไหม ดีไหม ท่านก็ตอบสั้นๆ ได้ หรือ บ่ คนก็มั่นใจ จะเป็นตามนั้นจริงๆ องค์ธรรมของแท้ไม่มีผิดไม่มีพลาด....

    ครั้งหนึ่งท่านอาจารย์ได้ยินมาเอง พระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปกราบ ถามหลวงปู่ฝั้น ว่าเมืองไทยจะเป็นคอมมิวนิสต์ไหม หลวงปู่ตอบ ...ไม่เป็น เป็นคอมมูหน่อย

    พระเจ้าอยู่หัวถามหลวงปู่ว่าคอมมูหน่อยคืออะไร หลวงปู่ตอบคำเดียว "กิเลส"

    ฟังแล้วก็ยิ่งวางพวกที่หนูกระเจียวกล่าวถึงที่ต้นกระทู้ ตัวเราเอง ครูบาอาจารย์ท่านยังมองเป็นมดเป็นแมงอยู่เลย ภาระอุปสรรค งานหนักยังรออยู่ข้างหน้าอีกมาก สู้รักษาตัวทุ่มเทกำลังฝ่าฟันให้เป็นที่พึ่งแก่ตนอย่างแท้จริงให้ได้เสียก่อน ดีกว่าจะเสียแรงเสียเวลาไปกับคนที่เขาอยากจมน้ำ

    นึกถึงหลวงปู่ที่เคารพบูชาสูงสุดอีกองค์หนึ่ง ไปกราบที่ไร ท่านก็ยิ้มให้อย่างเมตตา ทักทายเล็กน้อยแล้วก็เมตตาให้ธรรมะอย่างไพเราะ งดงาม ไล่ไปนิพพานทุกครั้ง มีอยู่วันหนึ่งท่านอาจจะเซ็งในอารมณ์กับหมู่ศิษย์ ณ ที่นั้น ที่คงเห็นดื้อด้าน ไม่สนองตอบความเมตตาของหลวงปู่เท่าที่ควร อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หลวงปู่ก็โพลงขึ้นมาว่า "มัวบริโภคความโง่อยู่ทำไม"

    นี่ขนาดเจอทั้งไม้น่วมทั้งไม้แข็งมาสารพัด ยังย่ำเท้าอยู่แค่นี้เอง จะคิดไปช่วยใครเขาได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 ธันวาคม 2004
  8. koymoo

    koymoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    2,067
    ค่าพลัง:
    +7,067
    สำหรับก้อยนะคะ ก้อยก็ถือเป็นคนยุคใหม่ และก้อยก็ยอมรับว่าเคยคิดอย่างที่พี่กระเจียวพูดทั้งหมดเลยค่ะ แต่ตอนนี้พอก้อยมาศึกษาให้มากขึ้น ก้อยถึงได้เปลี่ยนความคิด
    1.เรื่องผีนั้น :ก้อยไม่อยากจะใช้คำว่า "ผี" นะคะ อยากใช้คำว่าวิญญาณมากกว่า ซึ่งวิญญาณนั้น มีอยู่จริงแน่นอนค่ะ
    2.ชาติที่แล้วและชาติหน้ามีจริงหรือไม่ : อันนี้ก้อยไม่แน่ใจนะคะ แต่ถ้าถามก้อย ก้อยก็จะตอบว่า "มี"ค่ะ เพราะกรรมที่เราได้ทำไว้ในชาตินี้ ถ้าในชาตินี้เรายังเสวยไม่หมด ชาติหน้าเราก็ต้องกลับมาเสวยต่อค่ะ
    3.ทำไมต้องทำบุญ ทำแล้วได้อะไร : ก้อยว่าผลบุญจะส่งผลให้เราในชาตินี้และตอนที่เราตายไปน่ะค่ะ เรื่องนี้ใครไม่เคยตายก็คงไม่รู้นะคะ ต้องไปถามจากปากของคนที่เขาตายแล้วฟื้น ถึงจะรู้ว่าทำญนั้นมีประโยชน์มากมายเพียงใด
    4.พวกธรรมะธัมโม พวกนั่งสมาธิน่ะ พวกเพี้ยน : อืม...อันนี้ก็แล้วแต่คนจะคิดนะคะ
    ** ก้อยว่าอย่าไปว่าอะไรกับผู้ที่ยังไม่เข้าใจ ทำอุเบกขาไปซะดีกว่า คนเรานานาจิตตังนะคะ วันนี้เขาไม่รู้ แต่วันหน้าเขาอาจจะรู้ก็ได้ เหมือนก้อยไงคะ ก็ลองอธิบายตามความจริงให้เขาเข้าใจ แต่ถ้าเขาไม่อยากรับรู้ เห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ก็ปล่อยเค้าไปเถอะค่ะ เราจะบังคับให้คนทั้งประเทศเข้าใจหมดก็คงไม่ได้ เพราะโลกยุคนี้ห่างเหินพวกธรรมะ มีแต่พวกเทคโนโลยี ทำให้คนไม่ค่อยจะใส่ใจเกี่ยวกับพุทธศาสนา เมื่อพวกเขาไม่เห็น ก็คิดว่าไม่มีจริง ก้อยว่าเขาจะเชื่อก็ต่อเมื่อวันที่เขาตายไปแล้วน่ะค่ะ... พี่กระเจียวอย่าไปคิดมากเลยนะคะ...
     
  9. theyork99

    theyork99 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +30
    ใครจะคิดอย่างไรก็ช่างเขา ดีแสนดีมันก็ติ ชั่วแสนชั่วมันก็ชม
     
  10. Anonymous

    Anonymous Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2004
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +35
    จะแนะนำหรือชักชวนใครต้องพิจารณาให้มากครับ เพราะคนบางคนบางพวกเป็นอเวไนยสัตว์(ฝึกไม่ได้สอนไม่ไป) พระท่านยังไม่ยอมเข้าไปยุ่งด้วยเลย เสียเวลาเปล่า เอาเวลามาฝึกตัวเองดีกว่าครับ
     
  11. mikky

    mikky เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    892
    ค่าพลัง:
    +577
    ลองคิดดูสิว่าตอนเรียนพุทธศาสนาน่ะ โรงเรีนสอนอะไรพวกเรามา เขาสอนไหมเรื่องนี้น่ะ ไม่มีเลย ผมเรียนจปริญญาตรีแล้ว มาศึกษาเองถึงรู้ว่า พระพุทธเจ้าสอนให้เราไปนิพพาน เมื่อก่อนนึกว่านิพพานนี่คือพระพุทธเจ้าตาย ส่วนพระอรหันต์ผมก็นึกว่า เป็นพระที่พระพุทธเจ้าบวชให้ ส่วนเรื่อง ภพภูมิต่าง ๆ นี่ไม่เคยมีกล่าวในบทเรียนเลย

    ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเลยน้องกระเจียว
     
  12. Candle

    Candle เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2004
    โพสต์:
    269
    ค่าพลัง:
    +909
    เห็นด้วยกับน้องกระเจียวและคุณปาริสัชชาครับ
     
  13. polary

    polary เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2004
    โพสต์:
    192
    ค่าพลัง:
    +130
    จ๊ะ
     
  14. singhatonai

    singhatonai สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    22
    ค่าพลัง:
    +24
    และผมก็รู้สึกว่า เชื้อโรคนั้นก็ยังคงมีอยู่เป็นปรกติ และยังคงทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บได้ โดยไม่เกี่ยวว่าจะมีใครเชื่อหรือไม่ ...

    หากแต่ว่า ถ้าบุคคลใดเห็นเชื้อโรคว่ามีอยู่จริง บุคคลนั้นก็จะรีบขวนขวายหาวิธีกำจัดเชื้อโรคได้เองหละนะครับ ... จริงมะ :)[/QUOTE]

    สาธุครับคร้าบ ไม่ต้องอธิบายอะไรมากกกกกกกกกกกกก[b-wai]
     
  15. ploy

    ploy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มกราคม 2005
    โพสต์:
    137
    ค่าพลัง:
    +113
  16. PalmPlamnaraks

    PalmPlamnaraks เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2005
    โพสต์:
    764
    ค่าพลัง:
    +5,790
    สัตว์ทุกตัวเป็นไปตามกรรมครับ

    เพราะคนเหล่านั้นกิเลสหนา กรรมชั่วมาบังตาให้มีความเห็นไปในทางชั่ว กลายเป็นมิจฉาทิฐิไป เราอย่าไปสนใจเขาเลย พระพุทธเจ้าท่านยังโปรดเฉพาะสัตว์ที่มีบุญวาสนาพอจะโปรดได้เท่านั้น เราเป็นแค่สาวกแห่งท่านนะครับ เราต้องวางอุเบกขาด้วยเพราะสัตว์ทุกตนเป็นไปตามกรรมของมัน เราแนะนำเขา แล้วเขาไม่เอา ก็อย่าคิดมาก เราหนะได้บุญ เขานั้นยังเป็นไปตามกรรมชั่วของเขา เมื่อไหร่ที่ปัญญาบารมีและเขาทำความดีมากพอ บุญวาสนาจะพาเขามาเองครับ
     
  17. คนเดินดิน

    คนเดินดิน สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    ตอบคุณกระเจียว

    สำหรับผมเองมีความคิดเห็นคล้อยตามคุณกระเจียวด้วยครับ เพราะเป็นผู้เริ่มต้นศึกษาเหมือนกัน การตอบของหลายๆท่านอยากเสนอว่าน่าจะตอบแบบเข้าใจได้ง่ายๆรวบรัดได้ใจความ ส่วนท่านที่อยากเผยแพร่หลักธรรมอื่นๆอยากขอให้พิจารณาด้วยว่าเหมาะสมกับสภาวะผู้เริ่มต้นหรือไม่ครับ เพราะว่า บอร์ดนี้เท่าที่ดูมาก็มีแบ่งแยกไว้แล้วดูเหมาะสมดีครับ

    สำหรับคุณกระเจียวเอง ขออนุโมทนาความหวังดีของคุณ แต่อย่าไปมุ่งอะไรมากไปครับ ทุกอย่างก็เป็นอย่างนั้นเอง


    (good)
     
  18. pongsiri

    pongsiri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2005
    โพสต์:
    1,074
    ค่าพลัง:
    +638
    เข้ามาอ่านดูครับ
     
  19. undeath13

    undeath13 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    1,480
    ค่าพลัง:
    +1,830
    เหมือนเรากิน ขนมอ่ะคับ เราว่าอย่อย แต่เพื่อนไม่ได้กิน จะไปรู้รสอย่างไร
     
  20. lert

    lert Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +39
    นี่คือสิ่งปกติของโลก เมื่อวาระมาถึงก็จะถึงเองครับ

    ขอบคุณครับ
    เลิศ
     

แชร์หน้านี้

Loading...