!!! จับตาพายุลูกใหม่ ที่กำลังก่อตัว ณ ขณะนี้ !!!

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"พายุดีเปรสชันในทะเลจีนใต้"
ฉบับที่ 7 ลงวันที่ 06 พฤศจิกายน 2556

เมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ (6 พ.ย.56) พายุดีเปรสชันได้เคลื่อนขึ้นบริเวณประเทศเวียดนามตอนใต้แล้ว โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 220 กิโลเมตร ทางด้านตะวันออกของเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 11.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 109.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
คาดว่า พายุนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำและเคลื่อนลงสู่อ่าวไทยตอนบน ในช่วงวันที่ 7-8 พฤศจิกายน 2556 ซึ่งจะส่งผลให้ภาคตะวันออก ภาคกลางตอนล่าง และภาคใต้ มีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวติดตามข่าวสภาวะอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดไว้ด้วย

กรมอุตุนิยมวิทยาจะประกาศครั้งต่อไปเวลา 21.30 น.



ประกาศ ณ วันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 17.00 น.

(ลงชื่อ) วรพัฒน์ ทิวถนอม

(นายวรพัฒน์ ทิวถนอม)

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา

 

เมื่อกี้มีฝนตกลงมาแล้วครับ ลงมาเบาๆพอเย็นๆบริเวณหน้านิคมอมตะนคร จ.ชลบุรี
ตกประมาณสองสามนาทีได้ เริ่มตกก็ประมาณสี่ทุ่มกว่าๆนี่ล่ะ ตอนนี้หยุดแล้ว ...

... ^^ ...

 

ซุปเปอร์ไต้ฝุ่นลูกนี้ใหญ่พอ ๆ กับประเทศฟิลิปปินส์เลย

 

จากการสังเกตุเส้นทางเดินพายุของเวปพยากรอากาศต่างๆมักจะผิดนะครับ ระวังข้อนี้กันด้วย
อย่าง TD30W ที่ 2-3วันก่อนบอกว่าจะขึ้นเหนือ แต่วันนี้กลับลงใต้หน้าตาเฉย

ผมว่า Haiyan ก็จะเป็นเหมือนกันครับ คือคาดว่าจะขึ้นเหนือ แต่กลับค่อยๆลงใต้

.

 

ซุปเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน กำลังจะถล่มฟิลิปปินส์ตอนกลางด้วย
ความแรงระดับ cat 5 ราว 260 กม.ต่อชั่วโมงเป็นอย่างน้อย
เท่ากับพายุแคทเทอริน่าที่ถล่มสหรัฐ




คงมีเจ็บตายกันไม่น้อย น่าสงสารนะครับ
ความเสียหายเริ่มมีมาให้เห็นแล้วครับถึงแม้ว่ายังไม่ขึ้นฝั่ง
http://paipibat.com/

<iframe width="420" height="315" src="//www.youtube.com/embed/BavLgBSUmWo" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="420" height="315" src="//www.youtube.com/embed/UyV6FXpeVMs" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

Super Typhoon HAIYAN (31W) CAT5 ซุบเปอร์พายุไต้ฝุ่นระดับ 5 รุนแรงที่สุดในโลกของปีนี้

CURRENT STORM ANALYSIS

เมื่อเวลา 5.00น.วันนี้ ตามเวลาฟิลิปปินส์ ซุบเปอร์พายุไห่เหยี่ยน ไต้ฝุ่นระดับ 5 มีศูนย์กลางอยู่เหนืออ่าวเลย์เต ห่างประมาณ 85 กม.ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง Tacloban ประเทศฟิลิปปินส์ หรือ 120 กม. ทางทิศตะวันออกของเมือง Ormoc ประเทศฟิลิปปินส์ กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 39 กม. / ชม. ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง ประมาณ 315 กม. / ชม.ขณะนี้เป็นพายุหมุนเขตร้อนที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางจาก 610 กิโลเมตร ถือว่าใหญ่โตมากในรอบปี ซึ่งจาากนี้จะเคลื่อนตัวลงทะเลจีนใต้ จะลดระดับลงเป็นระดับ 4 จะเคลื่อนขึ้นชายฝั่งเวียดนามตอนกลาง เป็นระดับ 3 ประมาณวันที่ 10-11 พ.ย. 56 นี้ และจะสลายตัวอย่างรวดเร็ว เพราะมีมวลอากาศเย็นจากจีนแผ่มาปะทะ

ภาพถ่ายดาวเทียมล่าสุด ณ ตอนนี้


ภาพถ่ายแบบเต็ม ทุกๆ 1 ชั่วโมง บนโลกของเราแถบเอเชีย เน้นมหาสมุทรนะครับ


ภาพถ่ายดาวเทียม RAINBOW ของพายุ (ทุกๆ 1ชั่วโมง) บ่งบอกถึงระดับอุณหภูมิที่พื้นผิวเมฆและชั้นบรรยากาศของพายุ


Tropical Storm Tracking Map - เส้นทางการเคลื่อนตัว ของพายุ จากหลายๆที่นะครับ












รวมการคาดหมายเส้นทางล่วงหน้า จากสำนักพยากรณ์ ดูเป็นแนวทางว่า สำนักไหน คาดหมายได้ดีสุด


ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิคด้านตะวันตกตอนเหนือ (ช่วง ลองจิจูดที่ 100-150 องศาตะวันออก)


ภาพถ่ายดาวเทียมบริเวณเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทุก ๆ 1 ชั่วโมง


NASA Tracks Super Typhoon Haiyan From Space (Photos)

 

<script height="266px" width="472px" src="http://player.ooyala.com/iframe.js#pbid=5bbbb2f96a0499fafcafb28bf66a34a&ec=hwZTF5ZzqF9qRPO65bkD8Uk6C8kGEM1C"></script>

 

'รอยล'ชี้ไทยไม่รอดซุปเปอร์ไต้ฝุ่น​

'รอยล' เรียกถกแผนป้องกันสถานการณ์น้ำจากอิทธิพลของหางพายุ 'ไห่เยี่ยน' 11-12 พ.ย. กระทบอีสาน-เหนือ จับตาระดับน้ำเขื่อนป่าสัก เชื่อลุ่มน้ำยมเอาอยู่



8 พ.ย. 56 นายรอยล จิตรดอน ประธานคณะอนุกรรมการบริหารน้ำและจัดสรรน้ำ คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย กบอ. เปิดเผยว่า วานนี้ คณะอนุกรรมการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หารือถึงสถานการณ์น้ำ และแนวทางการรับมือพายุไต่ฝุ่นไห่เยี่ยน (HAIYAN) บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งยังคงความรุนแรงเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 5 และมีแนวโน้มเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนไปทางเหนือ ใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 10-11 พ.ย. จากนั้นจะอ่อนกำลังลงแล้วเลี้ยวขึ้นไปทางตอนใต้ของจีน ปัจจุบันพายุลูกนี้อยู่ห่างประเทศไทย 572 กิโลเมตร ความเร็ว 36.41 Knot

"แม้พายุจะไม่เคลื่อนเข้ามายังประเทศไทยโดยตรง แต่จะมีอิทธิพลทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในวันที่ 11 พ.ย. และภาคเหนือในวันที่ 12 พ.ย. เป็นฝนที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ คาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงเช่นเดียวกับประเทศฟิลิปปินส์ ที่ได้รับอิทธิพลจากพายุโดยตรงจนทำให้ต้องอพยพประชาชน"

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์พายุที่เกิดขึ้นทำให้ประเทศไทยยังต้องเฝ้าระวังพื้นที่ฝนตกหนัก ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือในช่วงวันที่ 9-11 พ.ย. และ และภาคเหนือในช่วงวันที่ 11-12 พ.ย. เฝ้าระวังระดับน้ำในเขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนลำนางรอง เขื่อนมูลบน เขื่อนลำแซะ เขื่อนลำพระเพลิง เขื่อนกิ่วคอ หมา และเขื่อนกิ่วลม พร้อมทั้งเฝ้าระวังระดับน้ำที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในแม่น้ำมูล และแม่น้ำชีตอนบน

ขณะที่สถานการณ์น้ำในเขื่อนป่าสักยังน่าเป็นห่วง อย่างไรก็ตามคณะกรรมการฯ เชื่อว่าลุ่มน้ำยมตอนบนยังสามารถรับมือกับสถานการณ์น้ำได้ หากพายุที่กระทบไทยไม่รุนแรงตาม โดยระดับน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนบน ระดับน้ำในลำน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงวันที่ 15 พ.ย. แม้จะไม่ล้นตลิ่ง แต่อาจมีน้ำท่วมขังในบางพื้นที่ได้

สำหรับสถานการณ์ปัจจุบันยังคงเฝ้าระวังหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง บริเวณอ่าวไทยตอนบนและภาคใต้ตอนบน ที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชั่น “30W” ที่กำลังจะเคลื่อนตัวไปปกคลุมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนใน วันที่ 9 พ.ย. จะส่งผลให้มีฝนตกหนาแน่นในภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาค ใต้ในช่วงวันที่ 8-9 พ.ย.

ภาคใต้ยังคงต้องเฝ้าระวังพื้นที่ฝนตกหนัก ภาคใต้ตอนบนบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพรใน ช่วงวันที่ 8-9 พ.ย. โดยเฝ้าระวังระดับน้ำที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น แม่น้ำเพชรบุรี แม่น้ำปราณบุรี คลองบางสะพาน และแม่ น้ำกุยบุรี

เฝ้าระวังเขื่อน เขื่อนแก่งกระจานและเขื่อนปราณบุรี ที่ปัจจุบันมีปริมาณน้ำกักเก็บที่ 88% และ 86% สามารถรับน้ำได้อีก 84 และ 48 ล้าน ลบ.ม. และคาดการณ์ปริมาณน้ำ ไหลเข้าเขื่อนแก่งกระจานและเขื่อนปราณบุรีระหว่างวัน ที่ 8-13 พ.ย. ประมาณ 12 และ 23 ล้าน ลบ.ม. โดยสถานการณ์ฝนในภาคใต้หลังจากนี้คาดว่าจะลดลง

นายรอยล บอกว่า สถานการณ์พายุรุนแรงขึ้นในช่วงรอยต่อของพายุหลายลูกที่เกิดขึ้นจากอิทธิพลของปรากฏการณ์ลานินญ่า จากนี้ยังมีพายุอีกลูกที่กำลังก่อตัว แต่ยังไม่ทราบทิศทางและส่งผลกระทบต่อประเทศไทยหรือไม่ ซึ่งต้องติดตามต่อไป





'กรมชล' เผยน้ำปีนี้มากกว่าปี 55



ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งประเทศ ล่าสุด (8 พ.ย.) มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้น 53,032 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 75 ของความจุอ่างฯ ขนาดใหญ่รวมกันทั้งหมด เทียบกับปีที่ผ่านมา ปริมาณน้ำในปีนี้จะมากกว่าปี 2555 ประมาณ 1,200 ล้านลูกบาศก์เมตร

สำหรับสภาพน้ำในเขื่อนใหญ่ ในพื้นที่ภาคเหนือ ที่ เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีปริมาณน้ำ 7,190 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 53 ของความจุอ่างฯ เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีปริมาณน้ำ 5,959 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 63 ของความจุอ่างฯ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา จ.เชียงใหม่ มีปริมาณน้ำ 116 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 44 ของความจุอ่างฯ เขื่อนกิ่วลม จ.ลำปาง มีปริมาณน้ำ 98 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 92 ของความจุอ่างฯ และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก มีปริมาณน้ำ 887 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 94 ของความจุอ่างฯ

ส่วนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี มีปริมาณน้ำ 95 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 70 ของความจุอ่างฯ เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร มีปริมาณน้ำ 383 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 74 ของความจุอ่างฯ เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ มีปริมาณน้ำ 1,022 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 52 ของความจุอ่างฯ เขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา มีปริมาณน้ำ 311 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 99 ของความจุอ่างฯ เขื่อนลำนางรอง จ.บุรีรัมย์ มีปริมาณน้ำ 123 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 102 ของความจุอ่างฯ

ในพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก ที่ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำ 960 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 100 ของความจุอ่างฯ เขื่อนกระเสียว จ.สุพรรณบุรี มีปริมาณน้ำ 240 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 100 ของความจุอ่างฯ เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก มีปริมาณน้ำ 210 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 94 ของความจุอ่างฯ เขื่อนบางพระ จ.ชลบุรี มีปริมาณน้ำ 83 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 71 ของความจุอ่างฯ เขื่อนประแสร์ จ.ระยอง มีปริมาณน้ำ 254 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 102 ของความจุอ่างฯ และเขื่อนคลองสียัด จ.ฉะเชิงเทรา มีปริมาณน้ำ 427 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 102 ของความจุอ่างฯ

ในส่วนของพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งขณะนี้ได้เข้าสู่ฤดูฝนแล้ว เขื่อนขนาดใหญ่ที่สำคัญๆ มีสภาพน้ำ ดังนี้ เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มีปริมาณน้ำ 626 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 8 ของความจุอ่างฯ รับน้ำได้อีกกว่า 80 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีปริมาณน้ำ 299 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 86 ของความจุอ่างฯ รับน้ำได้อีกกว่า 40 ล้านลูกบาศก์เมตร เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี มีปริมาณน้ำ 4,723 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 84 ของความจุอ่างฯ รับน้ำได้อีกกว่า 900 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนบางลาง จ.ปัตตานี มีปริมาณน้ำ 724 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 50 ของความจุอ่างฯ รับน้ำได้อีกกว่า 700 ล้านลูกบาศก์เมตร

ทั้งนี้กรมชลประทาน ได้ให้ทุกโครงการชลประทาน ในพื้นที่ภาคใต้ให้เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมไปกับการเตรียมความพร้อมด้านกำลังคน เครื่องจักร เครื่องมือ และเครื่องสูบน้ำเคลื่อน ที่พร้อมจะเข้าไปสนับสนุนในพื้นที่ที่อาจจะเกิดน้ำท่วมได้อย่างทันท่วงที





ชี้แนวโน้มปริมาณน้ำลุ่มน้ำเพชรบุรีเพิ่มสูงขึ้น



ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำกรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำพื้นที่ลุ่มน้ำเพชรบุรีว่า ตามที่ได้เกิดหย่อมความกดอากาศต่ำเคลื่อนที่เข้าสู่ภาคใต้ตอนบน ส่งผลให้เกิดฝนตกอย่างต่อเนื่องในพื้นที่จังหวัดเพชรบุรี และทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนแก่งกระจาน อ่างเก็บน้ำห้วยผาก และอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ประจันต์ มีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นั้น

จากการติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเพชรบุรี คาดการณ์ว่าในระยะ 1 - 2 วันนี้ มีแนวโน้มที่ปริมาณน้ำในแม่น้ำเพชรบุรี จะเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำที่พร่องออกมาจากเขื่อนแก่งกระจาน อ่างเก็บน้ำห้วยผาก และอ่างเก็บน้ำห้วยแม่ประจันต์ รวมทั้งปริมาณน้ำท่าในพื้นที่ท้ายอ่างเก็บน้ำต่างๆ จะไหลลงมาสมทบด้วย ส่งผลให้มีปริมาณน้ำจำนวนมากไหลผ่านเขื่อนเพชร จนอาจทำให้เขื่อนเพชรต้องเปิดการระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเพชรบุรีในอัตราประมาณ 100 - 150 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตั้งแต่ในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ (9 พ.ย.) เป็นต้นไป ลักษณะดังกล่าวจะส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีด้านท้ายเขื่อนเพชร มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น และอาจจะล้นตลิ่งในที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำบางแห่งได้ ในเขตอำเภอท่ายาง บ้านลาด เมืองเพชรบุรี และบ้านแหลม ตามลำดับ

กรมชลประทาน โดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี ได้แจ้งข้อมูลสถานการณ์น้ำดังกล่าว ไปยังจังหวัดเพชรบุรี เพื่อแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเพชรบุรี ให้เตรียมพร้อมรับมือกับระดับน้ำที่จะเพิ่มสูงขึ้น พร้อมทั้งให้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ซึ่งทางโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี จะรายงานสถานการณ์น้ำให้ทราบเป็นระยะๆ ต่อไป





'สุราษฎร์ธานี' เฝ้าระวังเรือข้ามฝาก



กรณีที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีอาจจะได้รับอิทธิพลดีเปรสชั่น ปกคลุมประเทศเวียดนาม อาจทำให้เกิดฝนตกหนักและคลื่นลมแรงนั้น ล่าสุด นายฉัตรป้อง ฉัตรภูติ ผวจ.สุราษฎร์ธานี ได้ประสานไปทางเจ้าท่าภูมิภาค สาขาสุราษฎร์ธานี ให้เฝ้าระวังเรือโดยสารข้ามฟากไปยังเกาะแก่งต่างๆ โดยก่อนหน้านี้ตรวจสอบสภาพเรือโดยสารข้ามฟากไปเกาะสมุย เกาะพะงันและเกาะเต่าไปครั้งหนึ่งแล้ว พร้อมเน้นย้ำเรื่องการบรรทุกผู้โดยสารและอุปกรณ์ชูชีพ ไม่พบสิ่งผิดปกติแต่อย่างใด สภาพเรือสมบูรณ์ อุปกรณ์ชูชีพอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน

นายประเวศน์ สุภาชัย ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเกาะสมุย กล่าวว่า สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเกาะสมุย ได้รับพยากรณ์อากาศประจำวันที่ 7 พฤศจิกายน 2556 จากกรมอุตุนิยมวิทยา ว่า พายุดีเปรสชันที่ปกคลุมบริเวณเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำแล้ว และจะเคลื่อนไปปกคลุมอ่าวไทยตอนบน ทำให้อ่าวไทย และภาคใต้มีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่งในระยะ 1-2 วันนี้

ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร จึงขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงนี้ด้วย สำหรับบริษัทเดินเรือข้ามฝากเกาะสมุย-ดอนสัก ทั้ง 2 บริษัทก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของบริษัทเดินเรือทั้ง 2 บริษัท เข้มงวดในเรื่องของความปลอดภัยของผู้โดยสารอย่างเคร่งครัด และให้ตรวจสอบสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างต่อเนื่องด้วย





อิทธิพลจากดีเปรสชั่นทำฝนตกหนักในเขต อ.หัวหิน



อิทธิพลจากจากพายุดีเปรสชั่นที่เคลื่อนจากประเทศกัมพูชา และภาคตะวันออกของไทย มาปกคลุมอ่าวไทยตอนบนและภาคใต้ตอนบน ส่งผลให้ภาคกลางตอนล่างมีฝนหนาแน่น และมีตกหนักมาก โดยที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ตลอดคืนที่ผ่านมา มีฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง และเขตเทศบาลเมืองหัวหิน อ.หัวหิน มีน้ำท่วมสูง 50 เซนติเมตร ถนนเพชรเกษมบางแห่ง น้ำท่วมสูงทั้งฝั่งขาล่อง และขาขึ้น

นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชนิด และได้สั่งการให้ทุกหน่วยงาน ทั้งเทศบาลเมืองหัวหิน , ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย เขต 4 ตลอดจนเจ้าหน้าที่ทหารจากศูนย์การทหารราบค่ายธนะรัชต์ นำกำลังทหารเข้าให้การช่วยเหลือประชาชนแล้ว

 

ผลงานมหาพายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน
(มหานี้ไม่ได้เปรียญนะครับ)





<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/E7AfhEattLk" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="420" height="315" src="//www.youtube.com/embed/XeL3xTOfO8A" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="560" height="315" src="//www.youtube.com/embed/ud1Lf4GY99g" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

อีสานเตรียมตัวรับมือด้วยนะครับ

 

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"พายุ ไห่เยี่ยน"
ฉบับที่ 2 ลงวันที่ 09 พฤศจิกายน 2556​

เมื่อเวลา 04.00 น. วันนี้ (9 พ.ย.56) พายุไต้ฝุ่น “ไห่เยี่ยน” (HAIYAN) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางทางด้านตะวันตกของประเทศฟิลิปปินส์หรือที่ละติจูด 12.4 องศาเหนือ ลองจิจูด 118.2 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 165 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 10-11 พฤศจิกายน 2556 ส่งผลทำให้ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมีฝนตกได้ และจะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีอากาศเย็นและแห้งจากประเทศจีนเคลื่อนเข้ามาปะทะ
ประกาศ ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 05.00 น.

(ลงชื่อ) วรพัฒน์ ทิวถนอม

(นายวรพัฒน์ ทิวถนอม)

อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา​

 

ฟิลิปปินส์พบศพเหยื่อ “มหาไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน” กว่า 100 ร่างนอนเกลื่อนถนน

ชาวบ้านฟิลิปปินส์เดินผ่านชายทะเลขณะเกิดคลื่นพายุซัดฝั่งที่เมือง Legaspi จังหวัด Albay ทางตอนใต้ของกรุงมะนิลา วานนี้(8)

เอเอฟพี – ทางการฟิลิปปินส์พบศพผู้เสียชีวิตกว่า 100 ร่างนอนเกลื่อนถนนในเมืองแห่งหนึ่งที่ถูกมหาไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน (Haiyan) ซัดถล่มวานนี้(8) ขณะที่ทหารเร่งลงพื้นที่เพื่อช่วยเหลือชุมชนผู้ประสบภัยแล้ว เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรายงานวันนี้(9)

ซูเปอร์ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนพัดขึ้นสู่เกาะเลย์เตและซามาร์ทางภาคตะวันออกของฟิลิปปินส์เมื่อวานนี้(8) ด้วยความเร็วลมสูงสุด 315 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ไห่เยี่ยนเป็นมหาไต้ฝุ่นที่รุนแรงที่สุดในโลกปีนี้ และยังเป็นไต้ฝุ่นทรงพลังที่สุดที่ทำให้เกิดฝนตกบนแผ่นดิน

กระแสไฟฟ้าและระบบโทรศัพท์ในเมืองต่างๆที่อยู่ในเส้นทางผ่านของพายุถูกตัดขาดทั้งหมด โดยรายงานความเสียหายที่เริ่มจะมีเข้ามาตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่วันนี้(9) ก็ทำให้เห็นได้ชัดถึงพลังทำลายล้างของมหาไต้ฝุ่นลูกนี้

ที่ Tacloban ซึ่งเป็นเมืองเอกของจังหวัดเลย์เต ผู้จัดการสนามบินท้องถิ่นรายงานว่า พบศพผู้เสียชีวิตกว่า 100 คนกระจัดกระจายอยู่บนถนนรอบๆ สนามบิน และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกไม่ต่ำกว่า 100 คน

“ตามข้อมูลจากผู้จัดการสถานี สนามบินเมืองเลย์เตเสียหายยับเยิน” จอห์น แอนดรูส์ รองผู้อำนวยการองค์การการบินพลเรือนฟิลิปปินส์ ให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ ABS-CBN

กองทัพฟิลิปปินส์ได้ส่งเครื่องบินลำเลียง C-130 นำสิ่งของบรรเทาทุกข์ไปยังเมือง Tacloban ซึ่งมีพลเมืองอาศัยอยู่ราว 220,000 คน เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวจากสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่น GMA ก็รายงานการพบศพเหยื่อพายุราว 20 ร่างอยู่ภายในโบสถ์เมืองปาโล ซึ่งเป็นเมืองชายทะเลที่อยู่ห่างจาก Tacloban ไปทางทิศใต้ราวๆ 10 กิโลเมตร

เกว็นโดลีน ปัง ผู้อำนวยการสภากาชาดฟิลิปปินส์ ให้สัมภาษณ์ต่อเอฟเอฟพีเกี่ยวกับสถานการณ์ในภาพรวมว่า “เราได้รับรายงานอาคารพังถล่ม, บ้านเรือนถูกพายุพัดจนกลายเป็นเศษซาก, คลื่นพายุซัดฝั่ง และดินถล่มในหลายพื้นที่... แต่ยังไม่สามารถยืนยันชัดเจนได้ว่าความเสียหายมากน้อยเพียงใด”

ปัง ระบุด้วยว่า ยังไม่มีใครสามารถติดต่อหรือเข้าถึงเมือง Guiuan ซึ่งเป็นหมู่บ้านชาวประมงบนเกาะซามาร์ที่มีประชากรราว 40,000 คน และเป็นจุดแรกที่ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนพัดขึ้นฝั่ง นอกจากนี้ยังแสดงความเป็นห่วงชาวบ้านในจังหวัด Capiz ซึ่งอยู่ห่างจากเมือง Tacloban ไปทางตะวันตกราวๆ 200 กิโลเมตร เนื่องจากสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานได้รับความเสียหายรุนแรง

สภาจัดการภัยพิบัติแห่งชาติฟิลิปปินส์ยืนยันยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการเพียง 4 ราย แต่ก็ยอมรับว่า ยังไม่ทราบข้อมูลความเสียหายทั้งหมด

หมู่เกาะฟิลิปปินส์ต้องเผชิญกับพายุไต้ฝุ่นราวๆ 20 ลูกต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพายุที่มีความรุนแรงมาก









ที่มา ผู้จัดการออนไลน์

 

(Reuters) - One of the strongest typhoons ever to make landfall devastated the central Philippines, killing more than 1,000 people in one city alone and 200 in another province, the Red Cross estimated on Saturday, as reports of high casualties began to emerge.

A day after Typhoon Haiyan churned through the Philippine archipelago in a straight line from east to west, rescue teams struggled to reach far-flung regions, hampered by washed out roads, many choked with debris and fallen trees.

The death toll is expected to rise sharply from the fast-moving storm, whose circumference eclipsed the whole country and which late on Saturday was heading for Vietnam.

Among the hardest hit was coastal Tacloban in central Leyte province, where preliminary estimates suggest more than 1,000 people were killed, said Gwendolyn Pang, secretary general of the Philippine Red Cross, as water surges rushed through the city.

"An estimated more than 1,000 bodies were seen floating in Tacloban as reported by our Red Cross teams," she told Reuters. "In Samar, about 200 deaths. Validation is ongoing."

She expected a more exact number to emerge after a more precise counting of bodies on the ground in those regions.

Witnesses said bodies covered in plastic were lying on the streets. Television footage shows cars piled atop each other.

"The last time I saw something of this scale was in the aftermath of the Indian Ocean Tsunami," said Sebastian Rhodes Stampa, head of the U.N. Disaster Assessment Coordination Team sent to Tacloban, referring to the 2004 earthquake and tsunami.

"This is destruction on a massive scale. There are cars thrown like tumbleweed and the streets are strewn with debris."

The category 5 "super typhoon" weakened to a category 4 on Saturday, though forecasters said it could strengthen again over the South China Sea en route to Vietnam.

Authorities in 15 provinces in Vietnam have started to call back boats and prepare for possible landslides. Nearly 300,000 people were moved to safer areas in two provinces alone - Da Nang and Quang Nam - according to the government's website.

The Philippines has yet to restore communications with officials in Tacloban, a city of about 220,000. A government official estimated at least 100 were killed and more than 100 wounded, but conceded the toll would likely rise sharply.

The national disaster agency has yet to confirm the toll but broken power poles, trees, bent tin roofs and splintered houses littered the streets of the city about 580 km (360 miles) southeast of Manila.

"IT WAS LIKE A TSUNAMI"

The airport was nearly destroyed as raging seawaters swept through the city, shattering the glass of the airport tower, leveling the terminal and overturning nearby vehicles.

"Almost all houses were destroyed, many are totally damaged. Only a few are left standing," said Major Rey Balido, a spokesman for the national disaster agency.

Local television network ABS-CBN showed images of looting in one of the city's biggest malls, with residents carting away everything from appliances to suitcases and grocery items.

Airport manager Efren Nagrama, 47, said water levels rose up to four meters (13 ft) in the airport.

"It was like a tsunami. We escaped through the windows and I held on to a pole for about an hour as rain, seawater and wind swept through the airport. Some of my staff survived by clinging to trees. I prayed hard all throughout until the water subsided."

Across the country, about a million people took shelter in 37 provinces after President Benigno Aquino appealed to those in the typhoon's path to leave vulnerable areas.

"For casualties, we think it will be substantially more," Aquino told reporters.

Officials started evacuating residents from low-lying areas, coastlines and hilly villages as early as three days before the typhoon struck on Friday, officials said. But not all headed the call to evacuate.

"I saw those big waves and immediately told my neighbors to flee," said Floremil Mazo, a villager in southeastern Davao Oriental province.

Meteorologists said the impact may not be as strong as feared because the storm was moving so quickly, reducing the risk of flooding and landslides from torrential rain, the biggest causes of typhoon casualties in the Philippines.

Ferry services and airports in the central Philippines remained closed, hampering aid deliveries to Tacloban, although the military said three C-130 transport planes managed to land at its airport on Saturday.

At least two people were killed on the tourist destination island of Cebu, three in Iloilo province and another three in Coron town in southwestern Palawan province, radio reports said.

"I never thought the winds would be that strong that they could destroy my house," LynLyn Golfan of Cebu said in a television interview while sifting through the debris.

By Saturday afternoon, the typhoon was hovering 765 km west of San Jose in southwestern Occidental Mindoro province, packing winds of a maximum 185 kph, with gusts of up to 220 kph.

The storm lashed the islands of Leyte and Samar with 275-kph wind gusts and 5-6 meter (15-19 ft) waves on Friday before scouring the northern tip of Cebu province. It weakened slightly as it moved west-northwest near the tourist island of Boracay, later hitting Mindoro island.

Haiyan was the second category 5 typhoon to hit the Philippines this year after Typhoon Usagi in September. An average of 20 typhoons strike every year, and Haiyan was the 24th so far this year.

Last year, Typhoon Bopha flattened three towns in southern Mindanao, killing 1,100 people and causing damage of more than $1 billion.

(Additional reporting by Rosemarie Francisco, Manuel Mogato and Karen Lema in Manila and Nguyen Phuong Linh in Hanoi; Editing by Jason Szep and Nick Macfie)

อย่างไรก็ตาม มหาไต้ฝุ่นไหเยี่ยน
ยังไม่น่ากลัวเท่าอภิมหาพายุที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ
ซึ่งกำลังจะถล่มเมืองหลวงสารขัณฑ์ประเทศ
ในวันพรุ่งนี้

ความเร็วลมใกล้ศูนยฺ์กลางยังแรงขึ้นเรื่อยๆ
คงจะเจ็บตายกันเยอะ
หลังพายุผ่านไป...
อันนี้สิน่าสลดสังเวชกว่าที่ฟิลิปปินส์เยอะ

 

ณ เวลาที่เขียนบทความนี้ หนังสือพิมพ์
The Sydney Morning Harold รายงานว่า
ยอดตายอาจเพิ่มขึ้นถึง 10,000 คนแล้ว
คนตายพบเห็นอยู่ทั่วไปในอาคารบ้านพัก
ที่พังถล่ม ตามถนนหนทางที่ต้นไม้หักโค่น
ซากอาคารปลิวกระแทกตาย โดยเฉพาะ
ในเมือง Tacloban ชายฝั่งตอนกลางของ
หมู่เกาะฟิลิปปินส์

พายุความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางเฉียด
300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่มีอะไรจะ
หยุดหรือปกป้องได้ บ้านเรือนอาคารที่
ไม่มั่นคงแข็งแรง บ้านเล็กบ้านน้อย
ต้านแรงพายุไม่อยู่ ตัวอย่างในอดึต
มีให้เห็นอยู่มาก อาคารก่ออิฐถือปูนเสริมเหล็ก
อย่างดีเท่านั้นที่จะเอาอยู่ ห้องไต้ดินมั่นคง
แข็งแรง แบบที่คนอเมริกันใช้หลบทอร์นาโด
นั่นแหละจึงจะปลอดภัย

เข้าใจว่ารัฐบาลคงทำเต็มที่แล้วที่จะอพยพ
ประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยจากแนว
ชายหาดเข้าไปพักอยู่ในอาคารที่ห่างออกไป
แต่ก็ไม่รอด ในโบสถ์แห่งหนึ่งคนตายเพราะ
ถูกโบสถ์ถล่มทับหลายสิบคน
รวมทั้งตัวบาทหลวงเจ้าของโบสถ์

เราอยู่ประเทศไทย โชคดีกว่าเยอะครับ
เหนือ กลาง อีสาน อยู่ลึกเข้ามาจากแนวชายฝั่งมาก
เหลือแต่ภาคใต้ กับกรุงเทพ ก็ให้ดูไว้เป็นอุทาหรณ์
คำพยากรณ์พายุคำเตือนต่างๆ มีให้เห็นตลอด
และเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เรื่องงมงาย
ความเร็วลม ความรุนแรงสามารถรู้ได้ก่อนพายุ
จะพัดเข้าฝั่ง รู้แล้วต้องเตรียมการณ์รับมือตาม
ความรุนแรงของพายุ ผมไม่อยากให้ข่าวสารพายุ
รุนแรงครั้งนี้ผ่านไปโดยที่เราไม่ได้อะไรเลย

ขออธิษฐานให้ผู้จากไปเหล่านั้น
จงไปสู่สุคติภพด้วยเทอญ.....

 

ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
"พายุ ไห่เยี่ยน"
ฉบับที่ 7 ลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2556​

เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (10 พ.ย.56) พายุไต้ฝุ่น “ไห่เยี่ยน” (HAIYAN) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 190 กิโลเมตร ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 16.9 องศาเหนือ ลองจิจูด 109.6 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ขนานกับชายฝั่งประเทศเวียดนาม ด้วยความเร็วประมาณ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าพายุนี้จะเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ยในคืนวันนี้(10 พ.ย. 2556) ส่งผลทำให้ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนเพิ่มขึ้น ลมแรงและคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นในระยะ 1-2 วันนี้
อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในช่วงวันที่ 12-16 พ.ย. ทำให้บริเวณดังกล่าวจะมีฝนตกในระยะแรกหลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง

ประกาศ ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 11.00 น.

(ลงชื่อ) วรพัฒน์ ทิวถนอม
(นายวรพัฒน์ ทิวถนอม)​

 

คาดยอดเหยื่อผู้เสียชีวิตพุ่งสูงอย่างน้อย 10,000 ราย

คาดยอดเหยื่อผู้เสียชีวิตพุ่งสูงอย่างน้อย 10,000 ราย จาก “พายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยน” ถล่ม “ฟิลิปปินส์” - โอบามาอนุมัติเงินช่วยเหลือ 100,000 ดอลลาร์

รอยเตอร์ /เอพี/เอเจนซีส์- ในวันอาทิตย์(10) เจ้าหน้าที่ตำรวจฟิลิปปินส์คาดมีเหยื่อผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10,000ราย ในจังหวัดเลยเต ทางภาคกลางของประเทศ หลังจากพายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนขึ้นฝั่งฟิลิปปินส์ โดยส่วนมากเหยื่อพายุเสียชีวิตจากการจมน้ำและถูกตึกถล่มทับ โดยผู้ประสบภัยในท้องถิ่นเผยว่า คลื่นสตอร์มเสิร์จสูงเท่าต้นไม้ ด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯบารัค โอบามาได้อนุมัติเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 100,000 ดอลลาร์ผ่านUSAID ในวันเสาร์(9)ที่ผ่านมา

ในวันอาทิตย์(10) ผู้บัญชาการตำรวจภูมิภาค เอลเมอร์ โซเรีย เผยว่า โดมินิก เปติเลีย ผู้ว่าราชการจังหวัดเลยเต ทางภาคกลางของประเทศ ได้เปิดเผยยอดคาดการตัวเลขผู้เสียชีวิตเหยื่อพายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนในกลางดึกวันเสาร์(9)ว่ามีอย่างน้อย 10,000ราย โดยส่วนมากเสียชีวิตจากการจมน้ำ รวมไปถึงถูกตึกถล่มทับ โดยตัวเลขที่ทางเปติเลียได้นั้นมาจากการรายงานของเจ้าหน้าที่ประจำหมู่บ้านในบริเวณที่ไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนขึ้นในวันศุกร์(8)ที่ผ่านมา


ภาพพายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนเมื่อมองจากนอกโลก

ด้านผู้บริหารเมืองตาโกลบัน เท็คซัน ลิม กล่าวว่า ยอดตัวเลขผู้เสียชีวิตเฉพาะในเมืองนี้ “คาดว่าน่าจะสูงถึง 10,000 ราย” ซึ่งเมืองตาโกลบันนั้นเป็นเมืองศูนย์กลางของจังหวัดเลยเตที่มีประชากรอาศัยอยู่ราว 200,000 คน และถือว่าเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะเลยเต

นอกจากนี้ลิมยังกล่าวว่า มีการพบศพเยื่อพายุลูกนี้แล้วราว 300-400 ราย โดยกำหนดการงานศพเหยื่อพายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนจะจัดขึ้นในวันนี้(10)ที่เมืองปาโลใกล้กับเมืองตาโกลบัน



โดยไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนพัดเข้าถล่มเกาะทางภาคกลางของฟิลิปปินส์ 6 เกาะในวันศุกร์(8)ที่ผ่านมา พังบ้านเรือนที่อยู่ตามชายฝั่งพินาศด้วยความแรง 235 กม./ชม. และลมกรรโชก 275 กม/ชม. ซึ่งถือว่าไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนมีความแรงเท่าพายุเฮอร์ริเคนอันดับ 4 ในสหรัฐฯ โดยในวันอาทิตย์(10)ไต้ฝุ่นลูกนี้มีความเร็วที่ 163กม/ชม. มุ่งหน้าเข้าสุ่ทางตอนกลางและทางตอนเหนือของเวียดนาม ซึ่งทางการเวียดนามได้ประกาศอพยพคนก่อนหน้านี้แล้วราว 500,000 คน ไปอยู่ยังพื้นที่ปลอดภัยในพื้นที่ 2 จังหวัด คือ ดานังและกวงนัม



“ปฎิบัติช่วยเหลือยังดำเนินการต่อไป ทางการฟิลิปปินส์คาดยอดผู้เสียชีวิตจะมีตัวเลขสูงมากเท่าๆกับจำนวนตัวเลขผู้บาดเจ็บ” รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยของฟิลิปปินส์ มาร์ โรซาส กล่าว หลังจากเดินทางมาตรวจเยี่ยมเมืองตาโกลบันในวันเสาร์(9)ที่ผ่านมา “สาธารณูปโภคทุกระบบ ตลอดจนการสื่อสารและการคมนาคมย่อยยับ ไม่มีทางที่จะติดต่อกับผู้ประสบภัยได้ในช่วงนี้”



ในวันนี้(10) ได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฟิลิปปินส์จากท้องที่อื่นกว่า 100 นาย ลงพื้นที่เมืองตาโกลบันเพื่อทำการช่วยเหลือและบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัย “ทางที่จะไปสนามบิน เห็นร่างของผู้เสียชีวิตบนท้องถนนมีจำนวนมากกว่า 100 รายนอนเรียงรายอยู่ โดยร่างของเหยื่อพายุนั้นถูกคลุมด้วยอะไรก็ได้เท่าที่หาได้ไม่ว่าจะเป็น แผ่นลังกระดาษ แผ่นหลังคา หรืออื่นๆ” นักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียที่เกิดในฟิลิปปินส์เผยระหว่างรอเครื่องบินลำเลียงกองทัพฟิลิปินส์ช่วยเหลือบินกลับยังกรุงมะนิลาเผย โดยคาดว่ามียอดนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวท้องถิ่นที่ได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่นนี้ราว 6,000 คน ในเกาะตากอากาศชื่อดังของฟิลิปปินส์ "โบราเคย์"



นอกจากนี้ ด้านความช่วยเหลือนานาชาติ ทั้งสหรัฐฯรวมถึงชาติอื่นๆและหน่วยงานสากลต่างระดมกำลังช่วยเหลือ “เพราะภัยที่ฟิลิปปินส์ประสบครั้งนี้ใหญ่หลวง” ประธานกาชาดฟิลิปปินส์ ริชาร์ด กอร์ดอน เผย ด้านประธานาธิบดีสหรัฐฯได้อนุมัติเงินช่วยเหลือเบื้องต้น 100,000 ดอลลาร์ผ่านองค์การUSAID ในวันเสาร์(9)ที่ผ่านมา เพื่อช่วยเหลือด้านการแพทย์ รวมไปถึงการจัดหาน้ำสะอาด และสุขอนามัยต่างๆ และตามที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ร้องขอ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ชัค ฮาเกล สั่งการให้ผู้บัญชาการทหารสหรัฐฯในเขตแปซิฟิกใช้เรือรบและเครื่องบินของกองทัพสหรัฐฯเพื่อสนับสนุนปฎิบัติค้นหาและกู้ภัย ตลอดจนลำเลียงความช่วยเหลือ อ้างจากแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ



ทางด้านนาวิกโยธินสหรัฐฯ พันเอกไมค์ วีลี ประจำฐานทัพสหรัฐฯในฟิลิปปินส์ ได้สำรวจความเสียหายในเมืองตาโกลบัน เพื่อให้ความช่วยเหลือต่อไป โดยเขากล่าวว่า “ระดับสตอร์มเสิร์จนั้นสูงมาก และมีสิ่งปลูกสร้างได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงต้นไม้ที่ล้มลง”



นอกจากนี้ประธานสหภาพยุโรป โฮเซ มานูเอล ดูเรา บาร์โรโซ กล่าวในสารถึงประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เบนิโญ อากีโน ว่า ทางอียูได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือฟิลิปปินส์และ “สหภาพยุโรปนั้นพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือการบรรเทาทุกข์ยามเร่งด่วนและให้การสนับสนุนด้านต่างๆกับฟิลิปปินส์”



และทางยูนิเซฟ คาดว่ามีจำนวนเด็กฟิลิปปินส์ราว 1.7 ล้านคนที่อาศัยในเขตที่พายุไต้ฝุ่นไต้เยี่ยนขึ้นฝั่งได้รับผลกระทบ โดยทางยูนิเซฟได้ส่งความช่วยเหลือด้านเครื่องอุปโภคบรรเทาทุกข์จำนวนกว่า 60 เมตริกตันจากกรุงโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก ส่งตรงมายังฟิลิปปินส์



ทั้งนี้ พายุไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนถือเป็นพายุไต้ฝุ่นระดับ 5 ลูกที่ 2 ที่พัดเข้าถล่มฟิลิปปินส์ในปีนี้ ต่อจากไต้ฝุ่น “อูซางิ” เมื่อเดือนกันยายน โดยไต้ฝุ่นไห่เยี่ยนถือเป็นพายุลูกที่ 24 ในปีนี้ที่พัดถล่มแดนตากาล็อก ขณะที่ในปีที่แล้ว ไต้ฝุ่นบุบผาที่พัดถล่มเกาะมินดาเนาทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ได้สร้างความเสียหายมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ และทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 1,100 ราย















ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์

 

ไห่เยี่ยนจากไป พร้อมศพข้างหลังเป็นหมื่น


น้ำตายังไม่ทันเหือดหาย จะต้องผจญกรรมกันอีกแล้วหรือนี่