คิดอย่างไรกับวัดธรรมกาย ?

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย My Generation X, 5 มิถุนายน 2009.

  1. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852

    ก็มีหนังสือที่แต่งไปในท่องนองศรัทธาใหม่

    คนก็เลยเกิดโกลาหลคิดว่าในที่สุดตนจะพบของแท้

    แต่ยังอีกไกลครับ จากปากลูกศิษย์ ว่าอาจารย์ตนเป็นพระศรีอาริย์ ที่นอสตราดามุสทำนายไว้

    คงยังจำได้ก็อีหรอบเดียวกับ ยันตระ “จิ้งเขียว” ที่ใช้เปรียบเปรย “พระสงฆ์” กับ “เพศหญิง”


    ในอดีตผมมักจะได้ยินคำว่า “จิ้งเขียว” ที่ใช้เปรียบเปรย “พระสงฆ์” กับ “เพศหญิง” หรือ สีกา หรือ อุบาสิกา

    หากมีพฤติกรรมอุบาทว์มั่วเพศและต่อมาถูกจับได้ สังคมก็จะประณามกันว่า “จิ้งเขียว” บางคนก็เรียกกันว่า จิ้งเหลือง-จิ้งขาว

    เช่น พระยันตระ พระนิกร พระพุทโธ พระอื้อฉาวมั่วสีกาจนถูกจับได้ กลายเป็น "จิ้งเขียว" เผ่นหนีออกนอกประเทศไป
    นั่นเป็นการกระทำตั้งแต่อดีตนานเกือบ 20 ปีมาแล้ว แม้ว่าในปัจจุบันจะมีปัญหาเรื่อง พระตุ๊ด เณรแต๋วที่ดูแล้วชวนหดหู่ใจก็ตาม

    ล้วนอ้างตนเป็นพระศรีอาริย์ทั้งสิ้น
    ทำให้ พระ พุทธบริบัท ๔ บอบช่ำทางจิตใจ
     
  2. theliger

    theliger เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +219
    ถ้าคุณเชื่อในหลักกามาลสูตรของพระพุทธองค์

    อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา
    อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำสืบๆ กันมา
    อย่าได้ยึดถือโดยตื่นข่าวว่า ได้ยินอย่างนี้
    อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา
    อย่าได้ยึดถือโดยเดาเอาเอง
    อย่าได้ยึดถือโดยคาดคะเน
    อย่าได้เชื่อถือโดยความตรึกตามอาการ
    อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่าต้องกันกับทิฐิของตัว
    อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะเชื่อได้
    อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา

    ขอให้มาสัมผัสอย่างลึกซึ้ง

    มิใช่มาเพียงแค่มา แต่ให้มาศึกษาให้ลึกซึ้ง

    จะได้รู้เลยว่าวัดนี้ดีไม่ดีอย่างไรบ้าง
     
  3. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852

    อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา

    คำนี้กินวงกว้างนะขอรับ รวมกระทั้งพระพุทธเจ้า พระอัครสาวก

    พระอรหันต์ ด้วยความจริงผมเข้าใจอย่างนี้
     
  4. theliger

    theliger เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +219
    ถูกต้องครับ

    ตอนพระพุทธองค์ท่านตรัสเสร็จก็ถามพระอานนท์ว่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธองค์กล่าวไว้หรือไม่

    พระอานนท์ก็ตอบไปว่าเชื่อ

    พระพุทธองค์ก็ถามต่อว่าเชื่อเพราะอะไร

    พระอานนท์ก็ตอบว่าไม่ได้เชื่อเพราะพระพุทธองค์เป็นครูของพระอานนท์แต่เชื่อเพราะพระอานนท์ได้ตรึกตรองดูอย่างรอบคอบแล้ว
     
  5. boontar

    boontar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,717
    ค่าพลัง:
    +5,514
    เกี่ยวกับเรื่อง "ฟังแล้วเชื่อหรือไม่เชื่อ"
    พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้เป็น ๒ นัย
    ---กาลามสูตร
    ---สังโยชน์ วิจิกิจฉา
     
  6. TKKH

    TKKH เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    146
    ค่าพลัง:
    +554
    เรียนรู้ทางให้ถูกก่อนแล้วค่อยเดิน เรียนรู้เทียบเคียงธรรมก่อนหรือหลังเข้าสำนัก ก็จะรู้ถูกผิด

    ผมยกตัวอย่างให้พอเข้าใจได้ง่าย เพราะผมเห็นว่าปัญหา สำนักธรรมกาย ไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ คือถ้าบอกว่าตัวเองเป็นนิกายใหม่ หรือสำนักตัวเองไม่ใช่พุทธศาสนาก็คงจะไม่มีใครว่า(เพราะคำสอนไม่ตรงกันกับนิกายใดๆในศาสนาพุทธเลย) แต่เมื่อคิดจะมาอ้างว่าเป็นศาสนาพุทธ แถมเป็นพุทธแบบเถรวาทด้วยแล้ว ก็ถือเป็นเรื่องใหญ่

    การให้นิยามของ "นิพพาน" คือจุดมุ่งหมายสูงสุดผิดเพี้ยนไป ก็ไม่ต่างอะไรกับการบอกทางผิด

    เหมือนอย่างคุณต้องการจะไปตำบลกัมปา ในรัฐเบงกอลตะวันตกของอินเดีย คุณไม่รู้จักทางที่จะไป คุณรู้แต่ชื่อตำบล ไม่รู้ว่าอยู่ประเทศไหนและรัฐอะไร คุณก็เลยไปสอบถามบุคคลคนหนึ่งซึ่งไม่ได้เป็นญาติพี่น้องหรือรู้จักสนิทสนมกันมาก่อน แต่คุณได้ยินได้ฟังมาจากคนอื่น ว่าเขาเป็นคนน่าเชื่อถือ เขาเรียนมาสูง เขามีความรู้มาก เขาเป็นคนพูดจาดี แต่คุณไม่รู้ว่าเขาก็ไม่รู้จักตำบลกัมปาว่าอยู่รัฐไหนประเทศอะไรเช่นเดียวกันกับคุณ แต่ด้วยเพราะความอวดรู้ อวดเก่ง คิดคาดเดาเอาเองจากชื่อหรือจากความหมายของตำบลนั้น หรือด้วยเพราะเขาอาจต้องการผลตอบแทนจากการบอกทางให้คุณ หรือเพราะเขาเชื่ออย่างที่เขาคิดจริงๆ แทนที่บุคคลผู้นั้นจะบอกคุณว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน เขากลับอธิบายทางที่จะไปตำบลกัมปาว่า "อ๋อตำบลนี้มันอยู่ในประเทศกัมพูชานี่เอง นั่งเครื่องบินไปลงที่กัมพูชาก่อนแล้วถามคนที่นั่นดูก็รู้แล้ว" เมื่อคุณได้ฟังดังนั้น ด้วยว่าเขาเป็นคนน่าเชื่อถือ เขาเรียนมาสูง เขามีความรู้มาก เขาเป็นคนพูดจาดี คุณจึงเชื่อตามที่เขาบอกและทำตามที่เขาพูด แต่เมื่อคุณเสียเงินซื้อตั๋วเครื่องบินและบินไปถึงกัมพูชาแล้ว ปรากฏว่าคุณสอบถามหาตำบลกัมปาไม่พบ คุณจึงรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่บุคคลผู้นั้นบอก คุณจึงรู้สึกว่าคุณเสียเงิน เสียเวลาเปล่า คุณจึงพยายามคิดหาเหตุผลว่า เพราะเหตุใดเขาจึงแนะนำคุณอย่างนั้น ถ้าเขาไม่รู้เขาก็น่าจะบอกแต่แรกคุณก็ไม่ต้องเสียเงินเสียเวลา หรือเขาต้องการผลหรือผลตอบแทนบางอย่าง หรือเพราะเขาเข้าใจผิด หรือเพราะเขาเชื่ออย่างนั้นจริงๆ

    จากนั้นคุณได้สอบถามหาทางที่จะไปตำบลกัมปา จากเจ้าหน้าที่สายการบิน เขาจึงเข้าไปค้นหาในอินเตอร์เน็ต ก็พบว่า ตำบลกัมปา อยู่ในรัฐเบงกอลตะวันตก ของประเทศอินเดีย และเมื่อคุณเดินทางไปถึงก็รู้ชัดว่าใช่ตำบลกัมปาที่คุณต้องการจะไปจริงๆ

    ถึงตอนนี้คุณก็หวนคิดย้อนกลับไปว่า นี่ถ้าคุณศึกษา ค้นหา ด้วยตัวเองจากแหล่งที่น่าจะมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับตำบลกัมปา เสียก่อนที่คุณจะไปถามบุคคลผู้นั้น หรือคุณน่าจะตรวจสอบค้นหาข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่นค้นหาในแผนที่ ค้นหาในอินเตอร์เน็ต อีกสักหน่อย หลังจากที่บุคคลผู้นั้นบอกทางให้ คุณก็คงไม่ต้องเสียเงินเสียเวลาอย่างนี้

    ผมเคารพในสิทธิของแต่ละบุคคลที่จะเชื่อสิ่งใดๆก็ได้ จะเชื่อลัทธิ ศาสนาใดๆก็ได้ หรือไม่เชื่อลัทธิศาสนาใด นอกจากสิ่งที่วิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ได้ ก็เป็นสิทธิของแต่ละบุคคล อย่าว่าแต่ท่านที่มีความเชื่อถือในสำนักธรรมกาย เชื่อถือในธัมมชโย เลย ผู้ที่นับถือเชื่อถือในหลวงพ่อฤษีลิงดำก็มีมาก ผู้ที่นับถือเชื่อถือหลวงตามหาบัวก็มีมาก ผู้ที่นับถือเชื่อถือในพระพรหมคุณาภรณ์(ป.อ.ปยุตฺโต)ก็มีมาก ผู้ที่นับถือเชื่อถือในลัทธิฟาหลุนกงก็มีมาก ผู้ที่นับถือเชื่อถือในลัทธิเต๋า ขงจื้อ ก็มีมาก ผู้ที่นับถือเชื่อถือในศาสนาคริสต์ อิสลาม ยูดาย พราหมณ์(ฮินดู)และศาสนาความเชื่ออืนๆ ก็มีมาก

    มันไม่ได้อยู่ที่คุณเชื่ออย่างไร แต่อยู่ที่ความจริงเป็นอย่างไรต่างหาก

    เหมือนอย่างที่ท่าน ว.วชิรเมธี ท่านว่า น้ำร้อนที่อยู่ในแก้ว มันยังร้อนอยู่ ถึงแม้ว่าคุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อว่ามันยังร้อนอยู่หรือไม่ก็ตาม เมื่อคุณเอามือไปจับแก้ว มือคุณก็ร้อนอยู่ดี

    ตอนเด็กๆผมเคยกลัวบาปกรรมที่ไปยิงนกกระจอกตาย ผมก็มีความคิดว่า นี่เราจะไปนับถือศาสนาคริสต์ดีกว่าไหม เขามีสารภาพบาป ล้างบาปได้ แต่มาฉุกคิดอีกทีว่า แล้วถ้าความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นล่ะ นี่ผมคิดแบบนี้ได้ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก

    เพราะฉะนั้นฝากท่านที่นับถือเชื่อถือความเชื่อใดๆอยู่ก็ตาม ขอให้ทวนคำถามนี้ให้บ่อยๆว่า "แล้วถ้าจริงๆมันไม่เป็นอย่างนั้นล่ะ"

    พระพุทธเจ้าท่านทรงตรัสถึงวิธีการตรวจสอบตรวจทานธรรมต่างๆที่มีผู้มาอ้างมาบอกกับเราไว้ว่า

    "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้พึงกล่าวอย่างนี้ว่า <O:p</O:p
    อาวุโสข้อนี้ข้าพเจ้าได้ฟังมา ได้รับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาค(๑)...อาวุโสข้อนี้ข้าพเจ้าได้ฟังมาได้รับมาเฉพาะหน้าสงฆ์พร้อมทั้งพระเถระ พร้อมทั้งปาโมกข์ อยู่ในอาวาสโน้น(๒)...อาวุโสข้อนี้ข้าพเจ้าได้ฟังมาได้รับมาเฉพาะหน้าภิกษุผู้เป็นเถระมาก(หลาย)รูปอยู่ในอาวาสโน้น เป็นพหูสูต มีอาคมอันมาถึงแล้ว เป็นผู้ทรงธรรมทรงวินัย ทรงมาติกา(๓)...อาวุโสข้อนี้ข้าพเจ้าได้ฟังมาได้รับมาเฉพาะหน้าภิกษุผู้เป็นเถระอยู่ในอาวาสโน้น เป็นพหูสูต มีอาคมอันมาถึงแล้ว เป็นผู้ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา(๔)...
    ...ข้าพเจ้าได้ฟังมา ได้รับมาเฉพาะหน้า...ว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสั่งสอนของพระศาสดา ดังนี้ พวกเธอไม่พึงชื่นชมไม่พึงคัดค้านคำกล่าวของภิกษุนั้น ครั้นแล้วพึงเรียนบทและพยัญชนะเหล่านั้นให้ดี แล้วสอบสวนในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัย ถ้าสอบสวนในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัยลงในพระสูตรไม่ได้ เทียบเคียงในพระวินัยไม่ได้ พึงถึงความตกลงในข้อนี้ว่านี้มิใช่คำของพระผู้มีพระภาคแน่นอน และภิกษุนี้จำมาผิดแล้ว ดังนั้น พวกเธอพึงทิ้งคำกล่าวนั้นเสีย ถ้าเมื่อสอบสวนในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัย ลงในพระสูตรได้ เทียบเคียงในพระวินัยได้ พึงถึงความตกลงในข้อนี้ว่า นี้เป็นคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคแน่นอน และภิกษุนี้จำมาถูกต้องแล้ว ดูกรภิกษุทั้งหลายพวกเธอพึงทรงจำมหาประเทศข้อที่(๑-๔)นี้ไว้ ฯ" (ความโดยย่อจากมหารินิพพานสูตร)<O:p

    ถ้าไม่มีมาในพระไตรปิฎกแต่เดิม หรือเทียบเคียงแล้วไม่ลงกันได้กับพระสูตรและพระวินัย ก็คงจะไม่ใช่ความจริงที่พระพุทธเจ้าท่านสอน นี่คือสิ่งที่อยากจะฝากไว้ให้พิจารณา

    ส่วนเรื่องของการทำบุญนั้น มีหลักอยู่ ๔ ประการคือ

    ๑. ปัจจัยที่จะนำไปทำบุญนั้นได้มาด้วยความบริสุทธิ์ (ปัจจยสัมปทา : เปรียบเสมือนเมล็ดพืชที่ดี)
    ๒. มีเจตนา มีความตั้งใจ มีศรัทธาที่จะทำบุญ (เจตนาสัมปทา : ถึงพร้อมด้วยเจตนา เปรียบเสมือนความตั้งใจที่จะหว่านเมล็ดพืชไปทางใด หรือให้เกิดผลอย่างไร ถ้ามีเจตนาเพื่อสร้างกุศล คือ เป็นไปด้วยเมตตา กรุณา หรือเป็นไปเพื่อขจัดโลภะให้เบาบางลง ไม่หวังใน ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ซึ่งกอปรด้วย กามตัณหา ภวตัณหา และวิภวตัณหา ก็จะไม่ได้แค่บุญ ที่นำพาท่องเที่ยวไปในภพที่ดีบ้างเลวบ้าง แต่จะได้กุศล คือความฉลาด ในอันที่จะนำพาไปสู่หนทางแห่งความหลุดพ้น)
    ๓. ทำบุญกับผู้ที่ควรได้รับ เช่น ผู้ตกทุกข์ได้ยาก พระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ พระสงฆ์ที่ไม่ต้องปราชิกแล้วโดยที่เราไม่รู้ พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี เป็นต้น (วัตถุสัมปทา : เปรียบเสมือนดินที่ดี หรือเนื้อนาบุญ คือ เป็นผู้ที่เมื่อได้รับปัจจัยนั้นจากเราแล้วนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ไม่เกิดโทษ เป็นพืชที่เจริญงอกงามดี มีราก เปลือก ลำต้น กิ่ง ใบ ดอก ผลที่ไม่เป็นพิษ)
    ๔. ผู้รับมีคุณพิเศษยิ่ง ได้แก่พระอริยบุคคลที่ออกจากนิโรธสมาบัติใหม่ๆ (คุณาติเรกสัมปทา : เปรียบเสมือนดินดีมากๆที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุสารอาหาร ที่พืชต้องการ พร้อมสารเร่งดอก เร่งผล เร่งการเจริญเติบโต หรือสุดยอดเนื้อนาบุญ) ซึ่งการทำบุญกับผู้มีคุณพิเศษเหล่านี้เป็นได้สองทางคือ ถ้าผู้นั้นมีคุณพิเศษจริง ดอกผลแห่งผลบุญนั้นก็มาก แต่ถ้าผู้นั้นไม่มีคุณพิเศษจริง ก็ถือเป็นการอวดอุตริมนุสสธรรม ถ้าเป็นพระสงฆ์ก็ต้องอาบัติปราชิก ขาดจากการเป็นพระ เป็นคนลวงโลก เป็นโมฆบุรุษ ให้เราหว่านเมล็ดพืชที่ดีอย่างไร มีเจตนาดีอย่างไร ก็มีโอกาสที่จะไม่ขึ้น ไม่เจริญเติบโต ไม่ผลิดอกออกผล หรือถึงแม้ว่าจะเติบโตขึ้นมาได้ ก็เป็นพืช ที่มี ราก เปลือก ลำต้น กิ่ง ใบ ดอก ผลที่เป็นพิษ มีโทษมาก

    “...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่เห็นธรรมอื่นสักข้อหนึ่ง ที่มีโทษมาก เหมือนมิจฉาทิฏฐิ(ความเห็นผิด)นี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โทษทั้งหลาย มีมิจฉาทิฏฐิ(ความเห็นผิด) เป็นอย่างยิ่ง”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2009
  7. theliger

    theliger เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +219
    ผมอยากทราบครับว่า วัดพระธรรมกาย เป็นวัดในประเทศไทยก่อตั้งเมื่อ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2513 สังกัดมหานิกายแห่งคณะสงฆ์ไทย ตั้งอยู่ ณ ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี นั้นไม่เหมือนวัดในพระพุทธศาสนาตรงไหน

    ที่ว่า เพราะคำสอนไม่ตรงกันกับนิกายใดๆในศาสนาพุทธเลย ช่วยชี้แจงมาเป็นข้อ ๆ ทีเถิดครับ
    ด้วยความเคารพครับ
    แล้วที่ว่า การให้นิยามของ "นิพพาน" คือจุดมุ่งหมายสูงสุดผิดเพี้ยนไป
    คงจะหมายถึงนิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา

    จากหนังสือ หนังสือธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ 139 เดือนกันยายน 2535 ของ"วัดท่าซุง" เรื่อง ชวนเทวดา นางฟ้า พรหม ไปนิพพาน มีตอนท้าย ๆ ที่สมเด็จองค์ปฐมมาเทศน์โปรดเหล่า เทวดา นางฟ้า พรหม ในตอนท้ายกล่าวว่า "จงดูภาพพระนิพพาน ให้ชัดเจนแจ่มใสว่า ดินแดนพระนิพพาน ไม่มีที่สิ้นสุด..." แสดงว่านิพพานเป็นอะไรครับ

    ^_____^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2009
  8. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    พระอานนทก็ตอบไปว่าเชื่อ เพราะว่าท่านเองมีภูมิแค่พระโสดาบัน สมัยที่พระพุทธเจ้ายังดำรงค์สังขาร พระอานนทยังไม่ได้เป็นพระอรหันตขีณาสพ

    มีพระสูตรบทหนึ่ง พระพุทธเจ้าเทศน์จบแล้วหันมาถามพระสารีบุตรว่า เธอเชื่อสิ่งที่พระ<WBR>ตถาคตพูดหรือไม่ พระสารีบุตรกล่าวอย่างอาจหาญว่าท่านไม่เชื่อ และยังไม่ปฏิเสธ

    ชอบแล้ว เป็นบัณฑิตผู้มีปัญญาต้องไม่เชื่ออะ ไรง่ายๆ" เพียงรับรู้ไว้ก่อนแล้วเอาไปพิจารณาค้นคว้าให้เห็นเหตุเห็น ผลด้วยตนเอง จึงจะเชื่อ ได้ยินได้ฟังอะไรต้องพิจารณา โดยรอบคอบ จน ประจักษ์ชัดแก่ใจแล้วจึงปลงใจเชื่อลงไป นี่คือ หลักความเชื่อในพระพุทธ ศาสนา
     
  9. intelinside

    intelinside Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +27
    ยิ่งคิดยิ่งไม่รู้ หยุดคิดถึงรู้

    อย่ามัวแต่หาเหตุผลมาสาธยายโจมตีกันเลย
    หมั่นรักษาศิล ปฏิบัติภาวนากันดีกว่า
    ยิ่งรู้มากยิ่งยึดติด ลำพองว่าตัวนี้เป็นผู้รู้
    แต่แท้จริงแล้วก็คือจำ(สัญญา)หรืออ่านตำรา
    แล้วมาตอบกัน มาเถียงกันนั่นเอง
     
  10. kai5665

    kai5665 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กันยายน 2006
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +95
    เห็นด้วยกับคุณ intelinside และอยากเพิ่มเติมดังนี้ค่ะ

    ไม่อยากให้กระทู้นี้มาเป็นที่ถกเถียงกันว่า นิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตาเลยค่ะ เพราะพระ และคนทั่วไปก็ต่างมีความคิดเห็นแตกแยก ไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนกันในเรื่องนี้ แล้วเราแต่ละคนที่เข้ามา post ถามจริงๆ ว่ามีใครบรรลุถึงขั้นที่จะยืนยันกันได้จะจะ กันไปเลยว่าเป็นอย่างไร หรือต่อให้มีคนใครสักคนยืนยัน เราก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีจนกว่าจะไปรู้ไปเห็นได้ด้วยตัวเอง

    เห็นด้วยกับคำพูดที่ว่าความเชื่อก็เป็นความเชื่อไม่อาจลบล้างความจริงไปได้ แต่จะมานั่งบอกว่าเรื่องนี้ผิด เรื่องนี้ถูกโดยที่ตัวเองก็ไม่สามารถพิสูจน์ พร้อมให้ผู้อื่นพิสูจน์ตามได้ด้วยนั้น ก็ดูเหมือนจะแปลกๆ นะคะ

    ความจริงฉันเองก็เป็นคนที่เชื่อในแบบของตัวเองด้วยเหมือนกันว่านิพพานเป็นอย่างไรตามตำราบ้าง รวบรวมจากความรู้ของคนอื่นบ้าง แต่ว่าเนื่องด้วยไม่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตนเอง พร้อมทำให้ผู้อื่นพิสูจน์ได้ตามด้วยแล้ว ฉันก็เลยไม่กล่าวหรือยกตำรามาตีความให้คนอื่นเข้าใจตามเรา เพราะมันเสี่ยงต่อการบิดเบือนพระธรรมคำสอนได้คะ และฉันก็เห็นว่าไม่ว่านิพพานจะเป็นอัตตาหรืออนัตตาก็ตาม นิพพานก็เป็นบรมสุข การที่จะไปถึงบรมสุขได้ก็คือมรรคมีองค์แปดเหมือนกัน ก็เลยไม่รู้จะเถียงกันไปใย ไปถึงก็รู้เองแหละ ท้ายที่สุดแล้วใครจะรู้ว่านิพพานอาจไม่ใช่ทั้งอัตตา ไม่ใช่ทั้งอนัตตา หรือเป็นทั้งอัตตาและอนัตตาไปพร้อมกันก็ได้นะ แหะๆ ยินดีที่ได้สนทนาธรรมกันคะ
     
  11. ผู้นอบน้อมสุดใจ

    ผู้นอบน้อมสุดใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +2,094
    มาเอาอุเบกขาค้าบ
     
  12. รอดมี

    รอดมี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +161
    <TABLE height=200 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=730 border=0><TBODY><TR><TD width=100 height=200>[​IMG]</TD><TD width=100 height=200>[​IMG]</TD><TD width=100 height=200>[​IMG]</TD><TD width=100 height=200>[​IMG]</TD><TD width=100 height=200>[​IMG]</TD><TD width=100 height=200>[​IMG]</TD><TD width=100 height=200>[​IMG]


    </TD><TD width=100 height=200>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
    วัดธรรมกาย เปิดรับสมัครอุปสมบทหมู่ สวรรค์ทางซ้าย
    นรกทางขวา ใครอยากไปทางไหนก็เชิญเลือกวิจารณ์กันเอง[​IMG]
     
  13. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852



    [​IMG]นรกทางขวาอยู่ตรงกลางคือนิพานสวรรค์ทางซ้าย[​IMG]
     
  14. ธัมมนัตา

    ธัมมนัตา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,515
    ค่าพลัง:
    +9,765
    หากสนใจในข้อธรรม ธรรมกาย ของหลวงพ่อสด ยังมีทางเลือกที่วัดปากน้ำภาษีเจริญ หรือ วัดหลวงพ่อสดธรรมกายารามที่ราชบุรีอีก

    จากการสัมผัสด้วยตนเองขอให้ความเห็นว่า

    วัดพระธรรมกายยังพระศาสนาให้แพร่หลายไปในวงกว้างขวาง
    เชื่อมโยงนำสื่อมาใช้ให้เป็นประโยชน์ รวมถึงระบบการตลาดสมัยใหม่ได้ดีมาก

    มีแนวทางและกลยุทธ์และพันธมิตรที่ชัดเจน (แต่ยังมีข้อสงสัยนิดหน่อยว่าทำไมไม่รวมกลุ่มพันธมิตรในบรรดาศิษย์ของหลวงพ่อสดด้วยกันเอง เช่น กับวัดปากน้ำและวัดหลวงพ่อสด เพื่อให้เข้มแข็งเป็นเอกภาพมากขึ้น)

    มุ่งเน้นในเรื่องทานกุศลโดยเฉพาะวัตถุทาน วิหารทานมากหลายโครงการ
    คนที่มีปิติเพราะทานกุศลนี้จะชื่นชอบบุญแบบนี้เป็นพิเศษ

    เน้นการรื้อขนสัตว์จำนวนมาก ๆ ในคราวเดียว คล้ายแนวคิดแบบมหายาน
    ที่นี่เน้นให้ไปรอพักที่สวรรค์ก่อนโดยเฉพาะดุสิตบุรี เพื่อลงมาพร้อมกับพระโพธิสัตว์ที่จะมาตรัสรู้ในพุทธันดรหน้า สังเกตุจากคำอธิษฐานในงานบุญใหญ่ทุกครั้ง

    ส่วนการปฏิบัติภาวนาเน้นที่สมาธิแบบโลกกสินแสงสว่าง
    เท่าที่ไปวัดมายังไม่เคยฟังคำสอน(เฉพาะที่วัดพระธรรมกาย)ที่เชื่อมโยงถึงการสอนแนวสติปัฏฐาน4 คือพิจารณากาย จิต เวทนาและธรรม

    โดยส่วนตัวแล้วใครที่พึงใจไปสวรรค์เป็นที่พักระหว่างทางก็ไปได้ เพราะ เน้นการรักษาศีล ทำทาน และการภาวนา(สมถ)เป็นพาหนะนำตนไปสวรรค์ได้อยู่แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย

    ส่วนใครที่ต้องการละสังโยชน์เด็ดขาด ตามแนวครูบาอาจารย์สายวัดป่าทั้งหลายยังเป็นแนวทางเลือกเดินได้

    การเดินทางผู้คนอาจมีเป้าหมาย ไม่เหมือนกัน จริตไม่เหมือนกัน พละกำลังความเข้มแข็งแห่งจิตใจไม่เท่ากัน บางคนต้องการการกระตุ้นจากคนอื่น
    บางคนพอใจในทาน บางคนพอใจที่ได้ไปสวรรค์ แต่คนที่ต้องการบรรลุธรรม ถึงที่สุดแห่งธรรม ท้ายสุดต้องปฏิบัติด้วยตนเองเท่านั้น

    ไม่ต้องเถียงกัน ไม่ต้องแก่งแย่งกัน ไม่ต้องคัดค้านกัน ให้เสียเวลา
    ทำดีก็ทำต่อไป

    ต่างคนก็ต่างทำ ผลที่ได้ก็ได้ต่างกันตามเหตุที่ตนสร้างนั่นเอง

    อนุโมทนาในภารกิจของวัดที่ทำอยู่

    จริตในระยะหลังจึงเดินทางมาทางสายวัดป่ามากกว่า
    ไม่อยากส่งจิตออกนอก เน้นที่ตัวเรา จึงขอย้ำคำสอนของหลวงปู่่มั่นว่า

    การปฏิบัติเท่านั้นที่จะยังให้พระสัทธรรมคงอยู่

    เอวัง
     
  15. ธิดารัตน์

    ธิดารัตน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1,939
    ค่าพลัง:
    +4,568
    วัดนี้รู้สึกเค้าจะทำเป็นระบบดีค่ะ

    อยากลองเริ่มปฏิบัติแบบเค้าดูแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง

    เลยนับถือแบบวัดบ้านๆเราไปก่อน อิอิ ไม่มีโอกาส

    คุณยายก็ยังไม่รู้จักไม่รู้จะเริ่มไงค่ะ

    แต่ก็ชาวพุทธด้วยกันสาธุ อนุโมทนาหมดค่ะ
     
  16. theliger

    theliger เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +219
    วัดปากน้ำก็รวมกันอยู่นะครับ รูปหล่อพระมงคลเทพมุณี(หลวงพ่อสด)ทองคำหนัก 1 ตันก็กำลังอัญเชิญไปวัดปากน้ำ
    กิจกรรมต่าง ๆ รวมถึงโครงการหลาย ๆ โครงการก็ได้รับการสนับสนุนจาก
    เจ้าพระคุณสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ( ช่วง วรปุญโญ ป.ธ. 9)
    เจ้าอาวาสวัดปากน้ำรูปปัจจุบัน
    เช่นชมรมพุทธศาสตร์สากลในพระอุปถัมป์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์เป็นต้น

    ส่วนวัดหลวงพ่อสดธรรมกายารามเวลามีงานบุญต่าง ๆ ก็มาร่วมงานตลอด แล้ววัดหลวงพ่อสดธรรมกายารามก็ contact กับวัดปากน้ำภาษีเจริญอยู่แล้วนี่ครับ
     
  17. Komodo

    Komodo หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    11,610
    กระทู้เรื่องเด่น:
    145
    ค่าพลัง:
    +104,605
    ถ้าไม่มีโอกาสพิสูจน์ด้วยตนเอง ก็ควรเลี่ยงที่จะตอบดีกว่า

    ตอบเยอะ ผิดเยอะ บาปเยอะ

    โมทนาครับ
     
  18. _จิ้งจก_

    _จิ้งจก_ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +8
    มีคนออกความเห็นมากมาย บางคนก็มั่ว บงคนก็ใช้ มาตอบกันร้อยแปด ผมอ่านแล้วผมก็เข้าไปหาข้อมูล ดูตามเว็บของวัดทีมี พอดีเป็นพวกที่ไม่ชอบ จำขี้ปากคนอื่นมาพูด เพราะกลัวจะผิด พูดไปแบบผิดๆ ผมก็เลยไปหาข้อมูลด้วยตัวเอง

    บอกตามตรงเลยครับ พี่น้อง ว่า ไม่เห็นจะมีคำสอนอะไร ที่ผิดแปลก อย่าง ที่มาด่ากันเลย เค้าก็สอนดีนิครับ และอีกอย่างเกิดมาชาตินี้ เพิ่งเห็นวัดในประเทศไทย บวชพระเยอะที่สุดในโลกก็ที่นี่ รวมพระทั้งประเทศได้ก็ที่วัดนี้ แถมเอาเด็กมานั้งสมาธิสวดมนต์ไห้วพระมากที่สุดในโลกก็ที่วัดนี้ ยังไม่เห็นในบันทึกว่าจะมีวัดไหน หรือที่ไหนทำได้ขนาดนี้ คิดไปคิดมา ถ้าไม่ดีจริงคงทำแบบนี้ไม่ได้แน่นอน ไม่ได้เข้าข้างนะก็มันเห็นแบบนั้นมา จะให้มาพูด แบบคนโกหก หรือ ฟังคนอื่นมาคงจะไม่ได้ เห็นแต่ละคน ยืนยันก็หยังกับไปรู้เห็นอยู่กินที่วัดโน้นมา อันที่ดีก็มีเห็น อันที่ไม่ดี ก็เคยได้ยินแต่เค้าเล่าให้ฟัง แต่ผมเชื่อในสิ่งที่ผมเห็นกับตา รู้กับตัว ไม่ชอบแสดงความ..... ออกมาให้เห็น แบบไม่รู้แล้วมาพูด อายคนที่เค้ารู้เค้าเห็น รู้ไม่จริงก็เงียบๆกันเหอะ ครับ ข่าวมันเก่า มันนานไปแล้ว จริงไม่จริงก็ไมรู้ เพราะไม่ได้อยู่ในวัดตอนมีเรื่อง

    แต่ที่แน่ๆ ผมเคยบวชในป่ามาสองพรรษา ( ภาคอีสาน ) ได้ยินเรื่องพวกนอกศาสหนา จะลมล้างพุท และแผนการให้คนเกลีดวัด โดยการสร้างข่าว สร้างกระแส หลอกให้คนพุทหลงชื่อและทำลาย ชาวพุท ด้วยคนพุทกันเอง

    ไปคิดเองแล้วกันนะครับ ว่า คนที่กำลังด่าว่าวัดอยู่ กำลังถูกหลอก จากพวกศาสหนาอื่นหรือเปร่า ผมเองไปดูที่เว็บเค้าแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรผิด หรือไม่ดีนะครับ พรุ้งนี้ วันอาทิตย์ ว่างพอดี ผมว่าจะลองไป ดูให้เห็นกับตา ว่ามัน มีอะไรไม่ดีอย่างที่ว่ากันหรือเปร่า ผมได้ยินจากพระ และผู้ทรงอภิญามานะครับว่า พระนิกร พระยันตระ ไม่ได้ผิดอย่างที่เป็นข่าว แถมท่านยังบอกอีกว่า มันเป็นกรมเก่าที่ต้องรับ และเป็นการกระทำของพวก ศาสหนาอื่น แถมพระที่ติดคุกทุกวั้นนี้ สถานที่บนดอย ที่เป็นสถานที่เผยแผ่ธรรมะของพระพทธเจ้า ที่มีเป็นร้อย ตอนนี้เป็นของศาสหนาอื่นไปหมดแล้ว

    ไม่รู้ว่าคนที่มาด่าว่า เป็นพวกศาสหนาอื่นปลอมาหรือเปร่า สิ อย่างที่มาหลอกให้เข้าครอส สมธิ ครอสละ ห้าร้อย ถึงหลักพัน ฝึกไปฝึกมา ตายละหว่า บอกว่าเป็นของพระเจ้า ตู แถมจะหนีไม่ทัน เดียวนี้ มาเนียนๆ หลอกกันแบบไม่เปิดเผยตัว พอครอสสุดท้ายมาให้นับถือพระเจ้า เวงกำตู เสียดายเงินมั้ยนั้น
     
  19. _จิ้งจก_

    _จิ้งจก_ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +8
    อ้อ เห็นแต่ละงาน งานใหญ่เชิญมาที แต่ละวัดก็ใหญ่ๆโตๆทั้งนั้น ผมว่าพวกคุณที่มาออความคิดเห็นกันนะ คนนอกทั้งนั้นละครับ ไม่ใช้กลุ่มในมาหาเถระสมาคม ซักหน่อย ผมว่า ทางมาหาเถระสมาคมท่านคงรู้ดว่าอะไรผิดอะไรถูก อะไรดี ไม่ดี หาก แย่จริง งานแต่ละงาน ทางมหาเถระสมาคม ทั้งประเทศคงไม่มาร่วมงานแน่นอน ไปคิดดูละกันครับ

    ถ้ามถามผมว่าเอาข้อมูลจากไหน ผมก็จะบอกว่าผมไป หาข้อมูล วีดีโอ ในเว็บมาละครับเห็นกับตา แน่นอนกว่าฟังเค้ามาพูดให้ฟัง

    เกิดเป็นคน ทำบุญแถบตาย สุดท้ายไม่เหลือ เพราะไปด่าว่าคนดีที่ไม่ผิด เพียงเพราะความโง่เพียงเล็กน้อย ที่ดูไม่ออกมองไม่เห็น จากความหลงผิด คิดเชื่ออะไรง่ายๆ อย่างขาดสติ และขาดความยุติธรรม ทำให้เกิดอคติ จิตใจขุ่นมัว เศร้าหมอง ตกอบายในที่สุด

    รู้มาว่าวัดนี้มี พระเป็นพัน มีเณรเป็นพัน แถมสอบเปรียญธรรมได้ก็เยอะ นาคหลวงก็มาก ผมคงไม่กล้าไป ด่าว่ามั่วๆแน่นอน ผมเลยต้องไปหาข้อมูลก่อนที่จะแสดงความคิดเห็น

    คิด ดู คิด ดู ให้ดีนะ

    หากข้าพเจ้าเคยล้วงเกิด ด้วยกาย วาจา ใจ ต่อวัดพระธรรมกาย พระเณร ที่วัดนั้น ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมด้วยเถิด ( อาจจะเคยมีความสงสัยตอนข่าวดังๆ แต่ตอนนี้ไปเห็นมาแล้ว คงจะไม่สงสัย และไม่มีมีอคติแน่นอน ) กลัวบาป กลัวกรรมก็ หยุดๆกันเหอะครับ ยิ่งมาโพสก็ ยิ่งมีบาป ด้วยความปราถหนาดีจากจิ้งจก ( ร้องทักแล้ว นะ เชื่อมั่งสิ )
     
  20. _จิ้งจก_

    _จิ้งจก_ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +8
    พระ40รูป-6เณรเจ๋ง สอบผ่านเปรียญธรรม9ได้

    เมื่อวันที่ 16 มีนาคม ที่วัดสามพระยา เขตพระนคร กรุงเทพฯ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) ในฐานะแม่กองบาลีสนามหลวง เป็นประธานตรวจผลสอบประโยคบาลีสนามหลวงประจำปี พ.ศ.2552 ระดับเปรียญธรรม (ป.ธ.) 1-2 ถึง ป.ธ.9 และประกาศผลสอบประโยคบาลีสนามหลวงอย่างเป็นทางการ ผลสอบปรากฏว่า พระภิกษุ และสามเณร เข้าสอบ ป.ธ.1-2 ถึง ป.ธ.9 จำนวน 31,845 รูป มีผู้สอบผ่าน ดังนี้ ป.ธ.9 สอบได้ 40 รูป, ป.ธ.8 สอบได้ 100 รูป, ป.ธ.7 สอบได้ 160 รูป, ป.ธ.6 สอบได้ 290 รูป, ป.ธ.5 สอบได้ 167 รูป, ป.ธ.4 สอบได้ 389 รูป, ป.ธ.3 สอบได้ 553 รูป และ ป.ธ.1-2 สอบได้ 1,521 รูป




    สำหรับปีนี้มีสามเณรสอบ ป.ธ.9 จำนวน 6 รูป ส่วนวัด หรือสำนักที่มีพระภิกษุ และสามเณรสอบได้ ป.ธ.9 มากที่สุด 9 วัด วัดละ 2 รูป ได้แก่ วัดเทพลีลา วัดสร้อยทอง วัดสุทัศนเทพวราราม วัดชลประทานรังสฤษฏ์ กทม. วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี วัดคลองโพธิ์ จ.อุตรดิตถ์ วัดจองคำ จ.ลำปาง วัดชัยมงคล จ.ชลบุรี และวัดหาดใหญ่สิตาราม จ.สงขลา สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ กล่าวว่า ปีนี้ผลออกมาเป็นที่น่าพอใจ แม้ผู้สอบได้ ป.ธ.9 ใน 2 ปีที่ผ่านมีผู้สอบได้ไม่ถึง 50 รูปต่อปี แต่ไม่ได้หมายความว่าปีนี้คุณภาพด้อยลงไป สาเหตุมาจากผู้เข้าสอบเก็งข้อสอบมากเกินไป ทั้งๆ ที่ข้อสอบปีนี้ออกมาค่อนข้างง่าย

    ไปหามาจาก google มา
     

แชร์หน้านี้

Loading...