ข้อเขียนที่เก็บไว้ส่วนตัว แต่อยากให้อ่านกัน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย tidti2005, 25 สิงหาคม 2011.

  1. noawarat

    noawarat Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    ดีมากๆเลยค่ะ เรื่องที่ไม่รู้ก็ได้รู้ ละเอียดและก็ตรงไปตรงมาดี สาระเพียบ จะคอยติดตามอ่านไปเรื่อยๆน่ะค่ะ ขอให้ คุณภควัณ เต ช่วยชี้แนะด้วย ข้าน้อยขอคาราวะ ที่อยากทราบก็คือ คุณภควัณ เต ได้ข้อมูลมาจากไหนเหรอค่ะ หรือจากการเรียนรู้เองที่อยากรู้ก็เพราะว่า ถ้าเป็นการเรียนรู้จาก สมาธิ ก็อาจจะทำให้ใครหลายๆคน หันมาตั้งใจปฏิบัติได้มากขึ้น ขออนุโมทนาสาธุ กับเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ
     
  2. mooo

    mooo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +366
    อนุโมทนาบุญกับสาระความรู้ที่ดีมากครับ โลกทิพย์ไม่ไกลเกินสำหรับนักปฎิบัติธรรมทุกๆท่านที่มีทาน ศีล ภาวนา พร้อม
     
  3. tidti2005

    tidti2005 ภควัณตัง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +631
    ออกตัวก่อนครับ........

    หายไป1-2วัน ไม่ได้เข้ามาดำเนินเรื่องต่อ และตอบเมล์ เพราะติดภาระกิจเรื่องบ้านครับ ก่อนจะต่อ.....ก็ขอตอบคำถามก่อนแล้วกันครับ

    เรื่องที่เล่านี้ไม่ได้อิงนิยายครับ เป็นประสพการณ์จริงครับ และเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นครับ เลยไม่สามารถเอารูปมาลงให้ได้ครับ และเรื่องความฝันนั้น คือว่า........เอากล้องถ่ายรูปไปไม่ได้อ่ะสิ ถ้าเอาไปได้ รับรองถ่ายสวยๆงามๆมาเพียบอ่านะ......ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ.ที่นี้อ่าครับ

    ภควัณตัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 สิงหาคม 2011
  4. tidti2005

    tidti2005 ภควัณตัง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +631
    ความฝัน......เราเองไม่สามารถไปกำหนดจิตได้อ่ะครับ ว่าต้องไปแบบนั้นแบบนี้ หรือต้องเห็นนั่นเห็นนี่ครับ ต่างจากการถอดจิตครับ ที่เราอาจจะกำหนดหรือกะเกณฑ์ว่าจะต้องไปที่นั่น ที่นี่ได้ ตามอำนาจของญาณ หรือตามบุญบารมีครับ
    แต่ทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมานั้น ไม่ใช่หนทางดับทุกข์ครับ เป็นกิเลศอย่างหนึ่ง หรือเป็นผลพลอยได้ จากการปฎิบัติครับ แต่ไม่ใช่ไปยึดเหนี่ยว บางคนเวลาปฎิบัติ ตั้งความหวังว่า ต้องอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องเห็นนั่นเห็นนี่ ต้องถอดกายละเอียดออกจากกายหยาบได้ ทำให้เกิดกิเลศ ทำให้การปฎิบัติธรรม ไม่ค่อยก้าวหน้าเท่าที่ควรครับ
    ผลสุดท้าย ทนความรบเร้าจากจิตไม่ไหว ก็ต้องเลิกลาไปอย่างน่าเสียดายครับ
    ของแบบนี้ ต้องค่อยเป็นค่อยไปครับ ในเมื่อใจยังมีความอยากสารพัด แล้วจะไปเอาอะไรดีเล่าครับ ต้องค่อยๆ ลด ละ เลิก กิเลศ ให้น้อยลงครับ ตัดความอยากไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ดีเองครับ

    ภควัณตัง
     
  5. tidti2005

    tidti2005 ภควัณตัง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +631
    เรื่องบางเรื่องที่บอกกล่าว ส่วนหนึ่งมาจากการนั่งสมาธิครับท่าน เมื่อก่อนๆนั่น ผมไม่ใช่เป็นคนที่เชื่อคนง่ายๆ เดินผ่านวัดทุกวัน ยังไม่เคยเข้าไปทำบุญเลยครับ เวลาถึงเทศกาลงานบุญ ก็ไปตั้งท่ารออยู่หน้าวัด เพื่อเวลาเพื่อนๆที่ไปทำบุญกลับออกมา จะได้ชวนกันไปเที่ยวต่อ เพราะสมัยก่อน มีบ้านอยู่เยื้องๆวัดพอดีครับ ทำไปทำมา ยัง งงๆกับตัวเองอยู่ว่า เข้ามาเกี่ยวพันกับวัดวาอาราม งานบุญงานกุศลได้อย่างไร ทั้งๆที่แต่แรก ไม่ได้มีความคิดเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้เลยครับ
    อาจจะเป็นด้วยการซึมซาบกับหลายๆเหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตครับ เลยทำให้มีใจในทางนี้ และประกอบกับ หลายเรื่องเป็นตัวโยงเข้าไปกับเหตุการณ์ครับ
    ยังมีอีกหลายๆเรื่องที่จะทะยอยลงให้ได้อ่านกันครับ ติดตามต่อได้เรื่อยๆครับ สุดท้ายจะบอกว่า ตาคนนี้แปลกจริง (แต่ไม่ได้บ้า หรือสติไม่ดีนะครับ ยังเต็มร้อย5555)

    ภควัณตัง
     
  6. tidti2005

    tidti2005 ภควัณตัง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +631
    ทาน ศีล ภาวนา แล้วก็ต้องปฎิบัติด้วยครับ ถ้าต้องการสิ่งที่แน่นอน ผู้เขียนกล้ายืนยัน นั่งยัน นอนยันเลยครับ ว่าท่านต้องพบเจอแน่นอน สำหรับ ผู้มีใจใฝ่ในธรรม และยึดมั่น ในองค์สมเด็จพระสัมมา ถ้าต้องการท้าพิสูจน์ ก็ต้องพยายามทำให้ได้ครับ วันละนิดละหน่อย ค่อยเป็นค่อยไป เดี๋ยวจิตก็จะชินไปเองครับ ไม่ต้องหักโหม เมื่อนั้นก็จะคิดถึงว่า ภควัณตัง พูดจริงครับท่าน
     
  7. tidti2005

    tidti2005 ภควัณตัง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +631
    …..........องค์พระธาตุเสด็จ

    เรื่องบางเรื่องหาข้อพิสูจน์ไม่ได้จริงๆ ตัวผู้เขียนเองก็ยังไม่สามารถพิสูจน์โดยการหาหลักฐานมาอ้างอิงได้ ว่าสิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้น เกิดขึ้นมาได้ยังไง แบบไหน และมาจากสาเหตุอะไร ดังเรื่องที่จะเล่าอ้างอิงต่อไปนี้...........................



    อะหัง วันทามิ สารีบุตร ธาตุโย
    อะหัง วันทามิ สารีบุตร สรรพโส
    อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธนาเมอิ
    อิเมนา พุทธตังโสอิ อิโสตัง
    พุทธะ ปิติอิ


    ปกติบ้านผู้เขียนจะมีหิ้งบูชาหลายหิ้ง ซึ่งบางทีคนที่ไม่คุ้นเคยเข้ามาภายในบ้านจะรู้สึกเสมือนบ้านนี้น่าจะมีการทรงเจ้า
    -เข้าทรงอะไรไปนั่นเลย เพราะมีหิ้งบูชาหลายหิ้ง มีสิ่งบูชาหลายองค์ ทั้งพระพุทธรูปแกะงาช้าง(องค์นี้ได้มาจากบรรพบุรุษ ตกทอดครับ)-เจ้าแม่กวนอิม-พระพิฆเณศ-เจ้าพ่อกวนอู-เจ้าพ่อเห้งเจีย(ใต้เซียฮุดโจ้ว)องค์จตุคามรามเทพ-ควายธนู-แม่ชีบุญเรือน


    จึงรู้สึกเหมือนยาวเป็นแผง ซึ่งเมื่อก่อนนั้นผู้เขียนเป็นคนที่ชอบเก็บ(สะสม)ผ้ายันต์ ซึ่งจะเก็บผ้ายันต์ไว้ค่อนข้างมาก(ชอบสีและลีลาการเขียนยันต์ของแต่ละวัด) ได้มาจากคนอื่นให้บ้าง ตามงานกฐิน-ผ้าป่าบ้าง ตามงานปิดทองฝังลูกนิมิตรบ้าง เช่าซื้อมาบ้างหากว่าดูแล้วสวยถูกใจ เก็บไปเก็บมาก็เยอะขึ้นๆประมาณ500-600ผืน(มากกว่าตามวัดบางวัดอีก)


    ผู้เขียนเห็นว่าบางผืนสวยดี จึงอาราธนาขึ้นติดผนังในบ้าน ทั้งในห้องนอนก็ไม่เว้น จนภรรยาให้เอาออก เพราะดูไปดูมาเหมือนไม่ใช่บ้าน จะกลายเป็นพิพิธภัณท์ไป


    เมื่อปี2552 ต้นปี เมื่อผู้เขียนนั่งสมาธิประจำวันเสร็จ ก็ได้เอนตัวหลับ(ครึ่งหลับครึ่งตื่น)อยู่ก็ได้ฝันไปว่ามีเสียงมากระซิบที่ข้างหูบอกว่า


    "จากที่เจ้าได้มีความอุตสาหะและปฏิบัติสมาธิสม่ำเสมอตลอดมา เราจะให้สิ่งที่เจ้าควรแก่การสักการะบูชา เพื่อเป็นศิริมงคลแก่่เจ้า ขอให้เจ้าเตรียมผะอบเจดีย์มาบูชาไว้ เราจะมอบของสิ่งหนึ่งแก่เจ้าไว้สักการะบูชา"

    เมื่อผู้เขียนตื่นขึ้นมาก็ได้เล่าความฝันนั้นกับภรรยา และก็ยังไม่ค่อยเชื่อในสิ่งที่ฝัน(ได้ยิน)สักเท่าไหร่ จนผ่านมาอีกหลายวัน พอดีประจวบกับธูปและกำยาน(ที่บ้านจะจุดกำยานที่หิ้งบูชาพระพิฆเณศด้วย)ที่บูชาหมด จึงได้ไปซื้อที่ร้านแถวๆข้างโรงพยาบาลระยอง ร้านนี้มีเครื่องสังฆภัณฑ์ค่อนข้างมาก(ไม่ได้ค่าสปอนเซอร์อ่านะ) ขณะรอเงินทอน ตาก็เหลือบไปเห็นผะอบแก้วพอดี ทำให้นึกถึงความฝันมาได้ ก็เลยลองถามราคาและซื้อมา(ไม่น่าเชื่อว่าจะแพงเอาการสำหรับผู้เขียน)


    กลับมาบ้านก็เอามาประกอบเสร็จ(ต้องประกอบเพราะแยกส่วนมา) ขึ้นวางไว้บนหิ้งพระ ทิ้งไว้จนลืมเรื่องนี้ไปเลย


    1 เดือนผ่านไป วันนั้นตรงกับวันพระพอดีขณะภรรยาผู้เขียนกำลังทำความสะอาดและเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันบนหิ้งพระเสียงภรรยาผู้เขียนเรียก


    เธอๆ มาดูบนหิ้งพระหน่อยซิ อะไรอยู่ในผะอบ(อ่านว่า พะอบ)ที่เธอซื้อมาก็ไม่รู้ ฝาปิดมันจะหล่นแล้ว

    ผู้เขียนเดินเข้าไปดู อะไรกันนั่น เป็นเม็ดๆ ลักษณะเหมือนไข่จิ้งจก อยู่เต็มผะอบจนฝาเปิดออกมาจนฝาเกือบจะหล่น ผู้เขียนหยิบออกมาพิจารณาดู ลักษณะเหมือนไข่จิ้งจก เล็กบ้างใหญ่บ้าง(ประมาณไข่จิ้งจก)ประมาณ10กว่าองค์

    ครั้งแรกนึกว่าจิ้งจกแอบเข้าไปไข่ไว้ แต่มาพิจารณาดูอีกที ไม่ใช่ไข่แน่ๆ เพราะลองเอากล้องดูพระส่องดู มีรูพรุนอยู่ทั่ว ลองเคาะๆดูก็ไม่แตก จึงนำออกใส่กล่องเล็กๆลองเอาไปให้เพื่อนที่ตลาดพระดู(เพื่อนมีอาชีพขาย(ให้เช่า)พระ

    หลังจากเพื่อนส่องๆดูแล้ว ก็ถามผู้เขียนว่าเอามาจากไหน ผู้เขียนก็บอกว่า เอามาจากบ้าน มาเองไม่ได้ไปเอามาจากที่ไหน

    เพื่อนบอกว่า นี่แหละเขาเรียกว่าพระธาตุ และเป็นพระธาตุที่เขาเรียกว่าพระธาตุสารีบุตร ดีทางด้านเมตตามหานิยม ใครได้ครอบครองถือว่าเป็นผู้มีบุญสูง ขณะนั้นผู้เขียนก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แย้งในตัวเองว่า ตัวเราเองจะมีบุญได้ไง ไม่ใช่เป็นคนฐานะดีสักหน่อย
    (ตามความคิดคือ คนมีบุญต้องมีฐานะดี) เก็บความระแวงสงสัยไปอีก 1 เดือนเต็ม



    มีอยู่วันหนึ่ง ผู้เขียนได้มีโอกาสไปนมัสการเจ้าอาวาสที่วัดหนึ่ง จึงหอบเอาพระธาตุนั้นไปให้ดูด้วย ว่าที่เพื่อนบอกมา จะใช่หรือเปล่า หรือเพื่อนมั่วเอาเอง ปรากฏว่า เจ้าอาวาสวัดนั้นบอกตรงกันกับที่เพื่อนบอก และได้ขอไว้บูชาอีกส่วนหนึ่งด้วย พร้อมทั้งได้อธิบายลักษณะพระธาตุแต่ละองค์ให้ได้ฟังว่า ลักษณะอย่างนี้ๆ เรียกว่าพระธาตุอะไรบ้าง มีดีในด้านใด พร้อมทั้งให้คาถาบูชาไว้ท่องสวดประจำ

    ปัจจุบัน องค์พระธาตุก็จะเสด็จมาเนืองๆมากบ้างน้อยบ้าง เล็กบ้างใหญ่บ้าง ตามแต่ผู้เขียนและครอบครัวจะมีเวลานั่งสมาธิและสวดอัญเชิญ ก็ได้อาราธนาแจกจ่ายให้กับญาติพี่น้อง
    -คนสนิท-คนรู้จัก-เพื่อนฝูง-ตามวัดทั่วระยองจนไปลามไปถึงจันทบุรี เพื่อแบ่งปันกันสักการะบูชาไม่ได้หวงเก็บไว้บูชาคนเดียว


    และก็มีที่เก็บเอาไว้แขวนคอเอง บางคนเห็นแขวนคออยู่ก็ขอดูว่าอะไร ก็บอกว่าพระธาตุ ถามว่าได้มายังไง ก็บอกว่าท่านเสด็จมาเอง หมั่นสวดมนต์อัญเชิญ นั่งสมาธิ แล้วก็เสด็จมาเอง บางคนก็ไม่เชื่อ แถมหัวเราะใส่ บอกว่า หากสวดมนต์แล้วเสด็จมาเอง ป่านนี้คนที่สวดมนต์นั่งสมาธิ ก็คงมีเสด็จมาเองบ้างแล้วคงไม่ต้องไปกราบไหว้ตามวัดหรอก ก็เลยไม่รู้จะอธิบายยังไง สำหรับพวกบัวยังจมโคลนอยู่(พระพุทธเจ้าเปรียบเทียบคนเหมือนบัว 4 (เหล่า)จำพวก คือ พวกบัวที่ยังจมอยู่ในโคลน บัวที่โผล่พ้นโคลนแล้วแต่ยังไม่โผล่พ้นน้ำ บัวที่ระหว่างรอการขึ้นพ้นน้ำ กับบัวที่โผล่พ้นน้ำแล้ว )


    บางคนเมื่อทราบข่าวว่าบ้านผู้เขียนมีพระธาตุแจก ถึงขนาดมาเช้ามาเย็นเพื่อมาขอ ประจวบกับขณะนั้นผู้เขียนก็แจกหมดพอดี ก็กลายเป็นว่ามาทวงเช้าทวงเย็น แม้กระทั่งขณะผู้เขียนยังไม่ตื่นก็มาเคาะประตูเรียกก็มี(ทำไปได้)


    แต่ก็แปลกที่ตอนเช้าดูว่ามีองค์พระธาตุเสด็จมาแล้ว แต่เย็นเมื่อคนมาทวงถามจะไปหยิบมาให้ กลับกลายเป็นพะอบเปล่าๆ เล่นเอาผู้เขียน งง มาก หรือว่าไม่ต้องการไปอยู่กับคนๆนี้ก็ไม่ทราบได้ เล่นเอาผู้เขียนประสาทจะกินซ้ำไปอีก ต้องบอกว่า ไม่ต้องมาทวงหรอก เมื่อมีแล้วจะโทรไปบอกก็แล้วกัน ไม่ต้องถึงขนาดมาเช้า-เย็นก็ได้


    บางคนถึงขนาดมาถามว่า เมื่อไหร่จะเสด็จมาล่ะ เล่นเอาคนตอบไม่รู้ว่าจะตอบยังไง คิดในใจอยู่ว่า หากผลิตได้เอง คงไม่ต้องมาทวงหรอกหรือสามารถบอกวันเวลาได้ แต่นี้ไม่รู้จะบอกยังไงว่าเมื่อไหร่จะเสด็จมา แจกไปแจกมา จนงานเข้าเกิดเรื่องจนได้ (มาระยะหลังก่อนที่จะให้ไปบูชา จึงต้องพิจารณาเป็นรายๆไป)



    .......................
    ภควัณตัง.......................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 สิงหาคม 2011
  8. tidti2005

    tidti2005 ภควัณตัง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +631
    อภินิหารองค์พระธาตุ

    ช่วงระยะแรกๆที่แจกพระธาตุ มีดีเจจัดรายการสถานีวิทยุท่านหนึ่ง เมื่อได้ทราบข่าวจากเพื่อนฝูงว่าที่บ้านผู้เขียนมีพระธาตุแจกก็เดินทางมาขอ เพื่อจะนำไปบูชา ผู้เขียนก็เลือกองค์ใหญ่สุดเท่าที่มีแจกให้ไป

    ผ่านไป 1 เดือนเศษ ดีเจท่านนี้มาเคาะประตูห้องเรียกแต่เช้า ความว่า ขอนำพระธาตุมาคืน เพราะฝันติดต่อกัน3ครั้ง ว่าให้นำองค์พระธาตุมาคืน ในฝันมีเทวดาร่างหนึ่งมาบอกว่า ตัวเจ้าไม่คู่ควรที่จะเก็บรักษาพระธาตุไว้ ให้หาสิ่งอื่นมาแขวนแทน(ดีเจท่านนี้ นำองค์พระธาตุไปเลี่ยมทองแขวนคอ) แล้วให้นำพระธาตุไปคืนเจ้าของซะ เอามาจากใคร ก็ให้ไปคืน คนนั้น ไม่อย่างนั้นจะไม่รับรองในชีวิตเจ้า

    ตัวคนฝันเอง(ดีเจ)บอกว่า ฝันเหมือนกันทั้ง3ครั้ง ทุกวัน ครั้งแรกไม่เชื่อ ครั้งที่2ก็ไม่เชื่ออีก มาครั้งที่3 ขณะขับรถไปทำงาน รถยางหน้าแตกเสียหลักพลิกลงข้างทางหลายตลบ รถพังเสียหายจนไม่สามารถซ่อมได้ ตัวดีเจ(คนขับ)หน้าอกกระแทกพวงมาลัย ซี่โครงหัก2ซี่ ปอดช้ำ เศษกระจกบาดหน้าหลายแผล ต้องเข้าศัลยกรรม นอนโรงพยาบาลเกือบเดือน

    ตัวเองสัณนิษฐานสาเหตุน่าจะมาจากความไม่เชื่อถือในความฝันแห่งองค์พระธาตุ จึงขอนำมาคืน

    ผู้เขียนได้ฟังก็รับพระธาตุคืนมาอย่าง งงๆ ไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ไปได้ ส่วนสาเหตุว่า ทำไมตัวดีเจถึงไม่คู่ควรกับพระธาตุนั้น ผู้เขียนก็ไม่สามารถเดาได้ เพราะก็ไม่ทราบรายละเอียดกับเจ้าตัวมากนักว่า นอกจากเป็นดีเจแล้ว ยังมีอาชีพอื่นใดอีกหรือทำอะไรบ้าง

    องค์พระธาตุถูกเลี่ยมทองมาอย่างดี หุ้มองค์พระธาตุเกือบมิด ผู้เขียนก็เลยถามว่า แล้วจะเอาไงดีกับสิ่งที่เลี่ยมมา ตัวดีเจบอกว่า ช่วยถอดออกให้ที ผู้เขียนพยายามแงะเพื่อเอาทองออก แต่จากการเลี่ยมที่เลี่ยมมาอย่างดีหุ้มเกือบมิดองค์ ทำให้ไม่สามารถเอาทองที่หุ้มองค์พระออกได้ มีทางเดียวคือต้องงัดออก

    แต่องค์พระธาตุก็อาจจะชำรุดเสียหาย ผู้เขียนเลยถามกลับไปว่าเลี่ยมมาเท่าไหร่ เอาแบบนี้แล้วกัน ขอซื้อต่อเลย เพราะหากงัดออกก็จะเสียองค์พระธาตุ อาจแตกหักหรือชำรุดได้

    ตกลงผู้เขียนต้องยอมจ่ายเงินค่าทองที่เลี่ยม2000กว่าบาท(ราคาทองในขณะนั้น) เพื่อรักษาองค์พระธาตุไว้ (ปัจจุบันภรรยาของผู้เขียนได้อาราธนาแขวนไว้ที่คอแทน)

    กลายเป็นว่า ให้ไปแล้วต้องรับภาระซื้อคืนอีก(กำ) มาระยะหลังจึงต้องพิจารณาคนที่จะให้ก่อน เพราะกลัวให้ไปแล้วมีปัญหาแล้วต้องมาแบกรับภาระเสียเงินซื้อคืนอีก

    ภควัณตัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 สิงหาคม 2011
  9. tidti2005

    tidti2005 ภควัณตัง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +631
    ปฏิบัติเหมือนกันแต่ไม่เหมือนกัน

    มีอีกคนหนึ่ง หลังจากได้พระธาตุไปแล้วต่อมาอีกไม่นาน กลับมาต่อว่าคนเขียน บอกว่า...................

    หลังจากได้พระธาตุไปบูชาแล้ว กลับไปก็ทำตามที่ผู้เขียนบอกทุกอย่างคือ ฝึกนั่งสมาธิ สวดมนต์อัญเชิญ ทุกเช้าเย็น ก็แล้ว ไม่เห็นจะมีพระธาตุเสด็จมาเพิ่มเลย หรือว่าทำผิดวิธี ให้ช่วยบอกวิธีให้ใหม่

    เล่นเอาผู้เขียน ไม่รู้ว่าจะตอบยังไงเหมือนกัน เพราะเท่าที่บอกไป ก็จำได้ว่าไม่ได้เคยบอกว่าให้ทำตามแล้วพระธาตุจะเสด็จมาเพิ่ม เข้าใจว่า คนที่ได้ไป ไปตีความหมายเอาเอง หรือสมมุติฐานเอาเองว่า เมื่อผู้เขียนทำได้ ตัวเค้าเองก็คงทำได้เหมือนๆกัน เพื่อให้เสด็จมา จะได้เอาไว้แจกญาติพี่น้องหรืออะไรก็ตามแต่

    ผู้เขียนได้แต่เคยบอกไปว่าให้หมั่นสวดมนต์ภาวนา และนั่งสมาธิ เพื่อความเป็นศิริมงคลเสริมสักการะบูชาเท่านั้น ไม่ได้บอกว่า เพื่อเชิญให้เสด็จมาเพิ่มสักหน่อย เข้าใจว่าผู้ได้ไป ไปตีความหมายเอาเอง ก็ได้อธิบายบอกไป

    การจะเพิ่มหรือไม่เพิ่มขององค์พระธาตุ ผู้เขียนก็สุดจะเดาหรืออธิบายรายละเอียดค่อนข้างยาก เพราะตัวเองก็ได้มาโดยไม่ทราบสาเหตุเหมือนกัน ดังนั้นจะให้เหมือนกันทุกอย่างคงจะเป็นไปไม่ได้ อยู่ที่กุศลผลบุญของแต่ละคน บุญบารมีของแต่ละคน อาจจะไม่เท่ากัน

    เปรียบเหมือนคนหนึ่งรวย แต่อีกคนอยากรวยเหมือนกัน แต่ก็ไม่สามารถรวยเหมือนได้ หรือดังคำสุภาษิตว่า เห็นช้างขี้ จะขี้ตามช้างนั่นเอง คนแต่ละคนย่อมต่างกัน ประกอบด้วยปัจจัย(เหตุ)หลายๆอย่าง จะให้เหมือนกันทุกอย่าง คงจะเป็นไปได้ยาก ก็เป็นดังนี้แหละ

    ภควัณตัง
     
  10. tidti2005

    tidti2005 ภควัณตัง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +631
    ตัวเจ้าของโดนซะเอง


    จากที่ได้เคยบอกไปว่าพระธาตุส่วนหนึ่งแจก อีกส่วนหนึ่งได้นำมาแขวนคอตนเองเพื่อเสริมความเป็นศิริมงคลและด้วยความศรัทธาที่มี บางคนอยากได้แต่ไม่รู้จะเอาไปใส่อะไรก็มี(ไม่มีที่ใส่)ก็เดือดร้อนถึงตัวผู้เขียนอีก ต้องออกไปหาซื้อผะอบมาใส่ให้

    หลายคนเข้าก็ไม่ไหวเหมือนกัน ระยะหลังจึงต้องตั้งกฏกติกาใหม่คือ ไม่ให้ไปฟรีๆเปล่าๆ แต่ให้ใส่พานทำบุญด้วย เพราะคิดว่า หากว่ามีปัญญาหรือตั้งใจจริงที่จะบูชา ย่อมต้องมีปัญญาซื้อผะอบมาใส่แน่ๆ

    เงินส่วนที่ทำบุญก็เอาไปถวายวัดในลำดับต่อไป แต่บางคนตั้งใจแต่ไม่มีเงินจริงๆ และพอจะทราบประวัติคนๆนั้น ก็จะให้ไปฟรีๆ ก็พิจารณาเป็นรายๆไป เพราะใจจริงไม่ได้ต้องการให้ใครเสียเงินเสียทองกับการนี้ หวังให้เอาไปบูชาจริงๆ

    ในครั้งที่พระธาตุเสด็จมาใหม่ๆ ผู้เขียนก็อาราธนาแขวนคอตลอดเวลาไปไหนมาไหนก็ตาม หรือเวลาเดินทาง มีอยู่คราวหนึ่ง ผู้เขียนไปเที่ยวบ้านพี่สาวที่บ้านฉาง ซึ่งก็จะไปประจำตลอดหากว่าช่วงวันหยุดไหนที่ไม่ได้มีธุระไปไหน

    พี่เขยก็จะชวนกินเหล้าหรือไม่ก็เบียร์เป็นประจำ ก็จะเป็นอย่างนี้เสมอๆถือเป็นเรื่องปกติ ครั้งนั้นผู้เขียนได้อาราธนาแขวนพระธาตุติดตัวไปด้วย ก็นั่งคุยนั่งดื่มเบียร์เป็นเรื่องปกติ กลับบ้านก็ประมาณ4-5ทุ่ม เหตุการณ์ระหว่างนั้นก็คงเป็นปกติดี

    มาไม่ปกติก็ตอนตื่นเช้าขึ้นมา เป็นไข้ลุกไม่ขึ้นเลย ขนาดจะลุกขึ้นนั่งเหมือนกับหน้ามืด จำเป็นต้องลงนอนต่อไปอีก จะเข้าห้องน้ำต้องให้ภรรยาผู้เขียนประคองเข้าไป เพราะกลายเป็นว่าอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปทั้งตัว นั่งตัวตรงก็ไม่ได้หน้าจะคว่ำลงกับพื้น จำเป็นต้องนอนอย่างเดียว

    ในใจขณะนั้นคิดเพียงว่าคงป่วยเหมือนเช่นปกติ แต่อาการอาจจะหนักหน่อยแค่นั้น บอกให้ภรรยาเอายาพารา ยาแก้แพ้มากิน คิดว่านอนพักสักครู่ก็คงจะดีขึ้น แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น อาการเหมือนจะหนักกว่าเก่าเพิ่มไปอีก ทีนี้ตัวร้อนทั้งตัวเลย ออกอาการหนาวจนสั่น ต้องเอาผ้าห่มมาห่มตัวไว้ ทั้งๆที่ช่วงสายแดดด้านนอกค่อนข้างร้อน

    จึงปรึกษากับภรรยาว่า ไปหาหมอดีกว่า เพราะยาคงเอาไม่อยู่แน่ๆ ภรรยาถอยรถออกพาผู้เขียนส่งโรงพยาบาลกรุงเทพระยอง เมื่อไปถึงหลังจากหมอวินิจฉัยโรคแล้วก็ส่งตัวผู้เขียนเข้าห้องไอซียูทันที เพราะรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ค่อยออกเพิ่มมาอีก

    สรุปคือโดนให้ทั้งอ๊อกซิเย่น ให้ทั้งน้ำเกลือ จากคนปกติจากเมื่อวาน เพียงชั่วข้ามคืน กลายเป็นแบบนี้ไปได้ หมอให้ยานอนหลับ หลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่โดยไม่รู้สึกตัว

    จากการหลับไป ฝันว่าไปยืนอยู่ในที่ๆหนึ่งซึ่งเงียบสงบ บรรยากาศรอบๆตัวโล่งแจ้งแต่ไม่ร้อน เย็นสบายๆพอดี มองรอบข้างไม่มีคนอยู่เลย เป็นทุ่งกว้างมองไปจนสุดสายตา ที่แห่งนี้ไม่เคยเห็นมาก่อน ขณะกำลังเพลินอยู่นั้นแว่วเหมือนเสียงกระซิบเบาๆที่หูว่า

    ดูก่อน หนุ่มน้อย จงหมั่นรักษาศีล5ให้มั่นคง อย่าพยายามละเมิดซึ่งศีล เพราะศีลจะรักษาตัวเจ้า แม้ขณะหลับหรือตื่น จงหมั่นสวดมนต์ภาวนา รักษาศีล5ให้ครบดังเช่นชาติก่อนๆที่ปฏิบัติมา ต่อไปภายภาคหน้าก็จะดีขึ้นเอง

    สิ้นจากเสียงที่พูดก็ได้ยินเสียงเหมือนพระสวดมาแต่ไกลๆ จากแว่วๆก็กลายเป็นดังขึ้นๆจนได้ยินถนัด

    อทินนา ทานาเว ระมณี สิขา ปะทัง สัมมา ธิยามิ..........อทินนา ทานาเว ระมณี สิขา ปะทัง สัมมา ธิยามิ.......................อทินน.......”


    สวดอยู่ประโยคเดียวหรือบทเดียว แบบนี้ ซ้ำไปซ้ำมา แล้วค่อยๆจางลงๆไปเรื่อยๆ แต่ก็นานพอสมควร ไม่ต่ำกว่า10ครั้ง ครั้งนั้นผู้เขียนสดุ้งตกใจตื่น นอนสงบเรียกสติกลับคืนมา มองไปรอบๆห้องที่นอนรักษาตัวอยู่ ประเมินจากอาการตัวเองว่าน่าจะดีขึ้น หายใจคล่องปกติ แต่ยังมีอาการมึนๆหัวอยู่เหมือนคนเป็นไข้ปกติ พยักหน้าเรียกภรรยาให้บอกหมอถอดสายอ๊อกซิเย่นออก สอบถามว่าหลับไปนานเท่าไหร่ ภรรยาบอกว่าประมาณ4-5ชั่วโมง เมื่อน้ำเกลือหมดขวดก็บอกกับพยาบาลว่าไม่ต้องใส่ให้อีก นอนพักอีก1คืน เช้าจึงขอตัวกลับไปพักที่บ้านต่อ

    จากการประเมินเหตุการณ์ทั้งความฝันและอาการที่เป็น เล่าให้ภรรยาฟังทั้งหมด คงเกี่ยวเนื่องมาจากการที่ได้แขวนองค์พระธาตุไปนั่งกินเหล้านั่นเอง เพราะมองสิ่งอื่นที่จะเกี่ยวพันด้วยก็ไม่น่าจะมี สิ่งแรกที่ทำเมื่อไปถึงบ้านคือ จุดธูป เพื่อขอขมาแด่องค์พระธาตุ ที่ได้กระทำไปโดยที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาการเจ็บป่วยก็หายลงอย่างรวดเร็ว

    ปัจจุบันสิ่งแรกที่ต้องกระทำก่อนจะเข้าไปนั่งร่วมวง ไม่ว่าจะกินเหล้าหรือกินเบียร์หรือตามสถานอโคจรก็ตามคือ ขอขมาองค์พระธาตุ(หากแขวนไปด้วย) แล้วถอดออกจากคอเก็บไว้ที่รถก่อน ก่อนที่จะเข้าไปนั่งกิน เหตุการณ์ก็เป็นปกติเรื่อยมา

    ภควัณตัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 31 สิงหาคม 2011
  11. suthipongnuy

    suthipongnuy ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +1,428
    จขกท.อยู่หนใด โปรดมาอัพเดตเร็วๆ คนรออ่านเพียบ :cool:
     
  12. ยัย fame

    ยัย fame เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2011
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +104
    มาเล่าต่อซะดี ๆ กำลังสนุก อย่าทิ้งช่วงนานนะ (อยากได้พระธาตุบ้างจังเลย) รอติดตามตอนต่อไปอยู่
     
  13. suthipongnuy

    suthipongnuy ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    661
    ค่าพลัง:
    +1,428
    ผมมีเหตุการณ์แปลกๆมาเล่าให้ฟังครับ

    คือมีอยู่คืนวันหนึ่ง ขณะที่กำลังจะหลับ ได้ยินเสียงดังเปรี๊ยะ เหมือนกับเสียงกระจกหรือแก้วแตก
    อยู่แถวๆบริเวณหิ้งพระ ที่แขวนอยู่เหนือเตียงนอน เสียงนั้นชัดเจนมาก จนผมต้องลืมตา
    เพื่อมองหาต้นเสียง แต่ก็ไม่พบว่ามีอะไรแตกหักเสียหายในบริเวณรอบๆนั้น
    ก็เลยล้มตัวลงนอนต่อ ต่อมาขณะเคลิ้มๆ ได้กลิ่นหอมมาเป็นระยะๆ ก็ไม่ค่อยสงสัยอะไร
    เพราะบางทีถ้าทำสมาธิก่อนนอนได้ดี ผมมักจะได้กลิ่นหอมๆอยู่แล้ว จากนั้นก็หลับไป
    ตื่นเช้ามา ยังสงสัยไม่หาย เลยสำรวจหิ้งพระใหม่ว่ามีอะไรแตกหรือไม่ ก็พบว่าไม่มี
    จนมาทำงาน เก็บความสงสัยเอาไว้ไม่ไหว เลยต้องค้นหาในอินเทอร์เน็ต เทียบเคียงกัน
    พอจะอนุมานได้ว่า พระธาตุเสด็จ ตกเย็นเลยไปค้นหาบนหิ้งพระ แต่ก็ไม่พบอะไรเลย
    ที่พอจะดูว่าเป็นพระธาตุ ก็ผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้กังวลอะไร

    ก็ไม่มีอะไรมากครับ อ่านกระทู้นี้ เลยเอาประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนกัน :cool:
     
  14. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    มีประสบการณ์แปลกๆตอนสวดมนต์เหมือนกันค่ะ เคยได้ยินเสียงหัวเราะฮิๆๆๆ อ่ะ ตอนสวดคาถาชินบัญชรผิดๆถูกๆ555+ ตอนหลังเลยสวดแบบย่อแทน อิอิ
    สงสัยมาหัวเราะเยาะเราที่สมองน้อย555+

    ขอตั้งข้อสังเกตุนิดนึงค่ะ คุณเจ้าของกระทู้ อทินนา ทานาฯ นี่มันศีลข้อ๒ห้ามลักทรัพย์ไม่ใช่เหรอ... ทำไมเจ้าของกระทู้ตีความว่าเป็นศีลข้อ๕ ห้ามดื่มสุราเมรัยหล่ะคะ......... งงนะ
     
  15. รักโพธิญาณ

    รักโพธิญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    67
    ค่าพลัง:
    +224
    อ่านแล้วได้สาระดีมากเลยนะครับ แต่เรื่องของภาษาไทยยังตกเป็นบางคำที่เขียนผิดไปไม่กี่คำหรอกนะ เราขออนุโมทนาสาธุในบุญกุศลที่ท่านนำมาเสนอผู้ที่สนในในธรรมของท่านที่เผยแพร่นะครับ
     
  16. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    ขอตอบแทนเจ้าของกระทู้ ที่ให้ความรู้ ...พระคาถามีดปราบไพรี หลวงพ่อเดิม
    แปลมาจากภาษาขอม ลายมือของหลวงพ่อเดิม ......

    สักกัสสะ วชิราวุธัง เวสสุวัณณัสสะ คธาวุธัง ยะมะนัสสะ นัยยะนาวุธัง อะฬะวะกัสสะ ทุสาวุธัง นารายยัสสะ จักราวุธัง ปัญจะอาวุธานัง เอเตสัง อานุภาเวนะ ปัญจะอาวุธา ภัคคะ ภัคขา วิจุณณัง วิจุณณาโลมัง มาเมนะ ผุสติ คัจฉะอะมุมหิ โอกาเส ติฎฐาหิ.

    ตรง ผุสติ แปลว่า ถูกต้อง ผมก็ใช้คำนี้มาตลอด บางที่ใช้ พุทธะสันติ แต่ไม่มีคำแปล ในภาษาบาลี และในลายมือของหลวงพ่อเป็นตัวภาษาขอม หัวม้วนเข้า เป็นตัว ผ.หากจะเอาหลักฐานจริง ๆ ต้องไปค้นหา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มกราคม 2012
  17. kengjingjung

    kengjingjung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,366
    ค่าพลัง:
    +1,494
    สาธุๆๆๆ ขอบคุณที่นำมาลงให้อ่านครับ เนื้อเรื่องน่าสนใจ เขียนแล้วอ่านเข้าใจง่ายดี
    แต่เนื้อเรื่องอันไหนที่ยาวๆ น่าจะพิมพ์ใส่ word แล้วให้โหลดเอานะครับ จะได้อ่านง่ายกว่านี้

    ขอบคุณครับ
     
  18. Jibby

    Jibby เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +130
    ขอบคุณที่แบ่งปันครับ
     
  19. udorn

    udorn สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +19
    คุณภควัณเตครับผมหากระทู้มาให้ต่อครับ...ช่วยเล่าเรื่องต่อด้วยครับ...ชอบฟังครับ
     
  20. tidti2005

    tidti2005 ภควัณตัง

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2008
    โพสต์:
    124
    ค่าพลัง:
    +631
    ต้องขอขอบคุณแฟนพันธุ์แท้อย่างมากครับ ที่อุตส่าห์หาขุดกระทู้เก่ามาให้ต่อครับ อย่างนี้สิ ถึงจะเป็นญาติธรรมกันจริงๆครับ เนื้อเรื่องต่อไปก็จะเริ่มทยอยนำลงมาให้อ่านแบบต่อเนื่องในโอกาศต่อไปครับผม

    ภควัณตัง
     

แชร์หน้านี้

Loading...