ขอเชิญท่านที่มีความจงรักภักดีและเทิดทูนในสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

รับทราบและขอบคุณครับ

 

สมเด็จพระนเรศวรมหาราช แด่ลูกหลานเหลนไทย​

อันอังคารสังขาร ของกูนี้ บัดนี้ผ่านสี่ร้อยกว่าปี หามีไม่
ถึงกายกู ตัวกู จะจากไป วิญญาณไซร้ ยังอยู่คู่แผ่นดิน
ก็แผ่นดินผืนนี้หรือมิใช่ ที่กูสู้ กู้ไว้ ให้ลูกหลาน
บัดนี้หลานเหลนอยู่ สุขมานาน ถึงปราศปราณ ญาณยังอยู่ คู่พวกมึง
กู...สู้กู้แผ่นดินไว้ให้อิสระ นำคนไทย สู้ชัยชนะ มิรู้สิ้น
ถึงตัวตาย(ไป) รักษ์ไว้ซึ่งแผ่นดิน ปณิธาณนี้ มิเลือน ถึงสิ้นปราณ
แผ่นดินนี้ มีความศักดิ์สิทธิ์ แม้แม่นผู้ใดคิดมุ่งร้าย ต้องตายสิ้น
เหตุเพราะกู ผู้กอบกู้ กู้แผ่นดิน ยังดูแลตราบสิ้นชั่วกาลนาน
กรุงศรีฯเคยคลุกคลี ด้วยสีเลือด แผ่นดินเคยเดือด เลือดโลมไหล
แต่ไทยต้องคงนาม ความเป็นไทย ถึงไม่มีใคร วิญญาณกู จะสู้เอง

จากจารึกแผ่นหินอ่อน ณ เจดีย์อนุสรณ์สถานแห่งการสวรรคต เมืองงาย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่
​

 

ศตวรรษรำลึก "ปิยมหาราช"



<!-- main-content-block --><!--16 กันยายน 2553 - 00:00-->

• เปลว สีเงิน

16 กันยายน 2553 - 00:00


เห็นไร้สติ-ไร้สาระกันแต่วันที่ ๑๙ กันยา ผมก็อยากนำเรื่องที่ควร "ได้สติ-มีสาระ" มาบอกกันบ้าง คือวันที่ ๒๐ กันยาที่จะถึงนี้ เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพ "พระพุทธเจ้าหลวง" ครบรอบปีที่ ๑๕๗ ในโอกาสประเสริฐเวียนบรรจบ ใจภักดิ์จงพร้อม น้อมรำลึกถึงพระคุณ ธ ผู้ทรงต่อสู้หมู่ต่างชาติที่รุกราน "พระทัยนี้ทรงเจ็บ" แต่มิทรงยอมเป็นทาส กล้ำกลืนสละกิ่งฝอย เพื่อรักษาต้นรากใหญ่ "แผ่นดินสยาม" ให้พ้นจากรายนามประเทศอาณานิคมฝรั่งเศสและจักรวรรดิอังกฤษ สถิตความเป็น "ไท" อยู่ชาติเดียวในภูมิภาคนี้ ตราบ ณ วันนี้
"พระพุทธเจ้าหลวง" คือพระองค์ใด ต้องรีบขยายความก่อน อาจสงสัยกัน เพราะวัยรุ่น วัยกลางเก่า-กลางใหม่ กระทั่งวัยดึกหลายๆ คนก็อาจยังไม่รู้ หรือรู้แล้วเลือนๆ ไป เพราะไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก
"พระพุทธเจ้าหลวง" ก็คือ "สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพ มหามงกุฎ บุรุษรัตนราชวรวิวงศ์วรุฒมพงศบริพัตร สิริวัฒนราชกุมาร" พระโอรสองค์ที่ ๙ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ แห่งราชจักรีวงศ์ ประสูติเมื่อ ๒๐ กันยายน พ.ศ. ๒๓๙๖
และทรงขึ้นครองราชย์เป็นรัชกาลที่ ๕ หลังพระราชบิดาสวรรคตเมื่อ ๑ ตุลาคม ๒๔๑๑ ขณะนั้น ทรงพระชนมายุเพียง ๑๕ พรรษา และ ๔๒ ปีแห่งการเป็นพระมหากษัตริย์ไทย พระองค์ทรงสร้าง "ศตวรรษใหม่" เป็นเส้นทางให้ประเทศไทยได้เดินตราบ ณ วันนี้ และเสด็จสวรรคตเมื่อ ๒๓ ตุลาคม ๒๔๕๓ ด้วยพระชนมายุเพียง ๕๘ พรรษา
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ก็คือ ธ ผู้สร้าง ที่มวลพสกยกพระองค์เป็น "พระพุทธเจ้าหลวง" และ "สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า" ส่วนใหญ่ เราทั้งหลายรุ่นนี้มักขานพระนามพระองค์ว่า พระปิยมหาราชบ้าง เสด็จพ่อ ร.๕ บ้าง แต่ไม่มีใครได้พบว่าพระนามตามจารึกในพระสุบรรณบัฏมีว่าอย่างไร ฉะนั้น วันนี้ ควรทราบกันไว้
"พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพยมหามงกุฏ บุรุษรัตนราช รวิวงศ วรุตมพงศบริพัตร วรขัติยราชนิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิราชสังกาศ อุภโตสุชาติสังสุทธเคราะหณี จักรีบรมนาถ อดิศวรราชรามวรังกูร สุจริตมูลสุสาธิต อรรคอุกฤษฏไพบูลย์ บุรพาดูลย์กฤษฎาภินิหาร สุภาธิการรังสฤษดิ์ ธัญลักษณวิจิตรโสภาคยสรรพางค์ มหาชโนตมางคประณต บาทบงกชยุคล ประสิทธิสรรพศุภผลอุดมบรมสุขุมมาลย์ ทิพยเทพาวตารไพศาลเกียรติคุณอดุลยพิเศษ สรรพเทเวศรานุรักษ์ วิสิษฐศักดิ์สมญาพินิตประชานาถ เปรมกระมลขัติยราชประยูร มูลมุขมาตยาภิรมย์ อุดมเดชาธิการ บริบูรณ์คุณสารสยามาทินครวรุตเมกราชดิลก มหาปริวารนายกอนันต์ มหันตวรฤทธิเดช สรรวิเศษสิรินทร อเนกชนนิกรสโมสรสมมติ ประสิทธิ์วรยศมโหดมบรมราชสมบัติ นพปดลเศวตฉัตราดิฉัตร สิริรัตโนปลักษณมหาบรมราชาภิเษกาภิลิต สรรพทศทิศวิชิตชัย สกลมไหศวริยมหาสวามินทร์ มเหศวรมหินทรมหารามาธิราชวโรดม บรมนาถชาติอาชาวศรัย พุทธาทิไตรรัตนสรณารักษ์ อดุลยศักดิ์อรรคนเรศราธิบดี เมตตากรุณาสีตลหฤทัย อโนปมัยบุญการ สกลไพศาลมหารัษฎาธิบดินทร ปรมินทรธรรมิกหาราชาธิราช บรมนาถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว"
...........................

คัดลอกมาจาก :http://www.thaipost.net/news/160910/27508

 

ศตวรรษรำลึก "ปิยมหาราช"

.....ส่วนใหญ่เราจะจำและเฉลิมฉลองวันราชสมภพ แต่สำหรับ "พระพุทธเจ้าหลวง" ปวงชาวไทยจำแน่น-จำนาน-จำได้ตลอดกาลเฉพาะแต่วันเสด็จสวรรคต คือวันที่ ๒๓ ตุลาคม และเป็นวันสำคัญประจำชาติเรียกว่า "วันปิยมหาราช"
ส่วนวันที่ ๒๐ กันยายน แทบไม่มีใครจำได้ว่าเป็นวันพระราชสมภพของ ร.๕ เราจัดงานเป็นการรำลึกถึงกันแต่วันเสด็จจากไปของพระองค์ ๒๓ ตุลา ด้วยความเศร้า อันที่จริง วันราชสมภพ หรือ "วันเกิด" น่าจะเป็นวันที่เราทั้งหลายได้เฉลิมฉลองรำลึกถึงพระองค์ "ด้วยความสุข" ด้วยเช่นกัน
เมื่อทราบเช่นนี้แล้ว ๑๙ กันยา ที่พี่ๆ น้องๆ คนไทยใส่เสื้อแดง นัดกันมาเคลื่อนไหวที่สี่แยกราชประสงค์ แสดงปฏิกิริยาถึงวันที่คณะทหารยึดอำนาจรัฐบาลทักษิณนั้น ผมว่าไม่เกิดประโยชน์และผลดีอะไรกับส่วนรวม ทั้งกับตัวท่าน ครอบครัวท่าน และพี่น้องคนไทยด้วยกันทุกคน
รวมใจกันไปน้อมสักการะ-รำลึกถึงวันราชสมภพของ "พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า จะสร้างสรรค์ และสิริมงคลบังเกิดกับชาติบ้านเมือง รวมถึงตัวเองมากกว่า ท่านคิดว่าอย่างนั้นไหม?
พระพุทธเจ้าหลวง คือชีพจรกำเนิดของประเทศไทย และคนไทยในศตวรรษนี้ กล่าวเฉพาะบางส่วน พระองค์ทรงปกป้องแผ่นดินไทยทุกวิถีทางจากการรุกรานของฝรั่งเศสและอังกฤษถึงขั้น "ตรอมพระทัย" ยาวนาน โดยเฉพาะเมื่อคราวเสียฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้ฝรั่งเศส เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๖ ยืดเยื้อเรื้อรังไปถึงจันทบุรี ปี ๒๔๔๙ แถมอังกฤษยังสมคบเข้ามาซ้ำเอาไทรบุรี ปะลิส กลันตัน ตรังกานู ไปอีก ในปี ๒๔๕๑
พระผ่านฟ้า พระผู้เป็นบิดาเหนือบิดาของปวงพสกไทย ทรงหมองหม่นในพระทัยถึงขั้นพระประชวร และมิมีใดจะถ่ายทอดทุกข์ที่ถมทับพอให้พระทัยระงับโศก จากวิโยคดินแดนอันฝรั่งเศส-อังกฤษใช้กำลังเหนือกว่าข่มเหงรังแก "แตกแผ่นดินไทย" เอาไปเป็นของเขาได้ ก็มีเพียงสมุดไทยให้จารึกฝากรอยเจ็บถึงลูกหลานผ่าน "พระราชนิพนธ์" โคลงสี่สุภาพ ดังโคลงหนึ่งความว่า
เจ็บนานหนักอกผู้ บริรักษ์ ปวงเฮย
คิดใคร่ลาลาญหัก ปลดเปลื้อง
ความเหนื่อยแห่งสูจัก พลันสร่าง
ตูจักสู่ภพเบื้อง หน้านั้นพลันเกษมฯ
ครับ....อ่านแล้วต้องซบ ด้วยน้ำตาซึม อุระพระองค์ร้าวดั่งจะแยกแตกเป็นเสี่ยง ด้วยมโนแห่งมนุษย์สวรรค์ "พระผู้เป็นเจ้าแห่งแผ่นดิน" นั้น มิทรงยินยอมเลย แต่ผู้รุกรานเขาหักหาญด้วยวิทยาการ อาวุธ และสันดานเล่ห์ร้าย อันไทยเราแม้ต่อกรจนชีวาหาไม่ ก็สุดเอาชนะได้ จำต้องเดินนโยบาย "สละอวัยวะรักษาชีพ"
ชีพ คือชาติอันเป็นไท แต่ความรู้สึกจากเบื้องลึกในอุระขององค์พระผู้เป็นปิ่นแห่งสยามนาม "พระพุทธเจ้าหลวง" ยามนั้น
"คิดใคร่ลาลาญหัก ปลดเปลื้อง........"!
พระองค์เหนื่อยยิ่งนักแล้ว มีแต่ความตายเท่านั้นที่จะทำให้พระองค์ทรงหายจากเหนื่อยนั้นได้ พระองค์ต้องการจากภพนี้ไปสู่ภพเบื้องหน้า เพราะสุดทนที่จะอยู่ในสภาพพระเจ้าแผ่นดินผู้ "เจ็บนานหนักอกผู้ บริรักษ์ ปวงเฮย" มีแต่ภพเบื้องหน้าเท้านั้นที่จะช่วยให้พระองค์สร่างโศกจากการสูญสู่เกษมได้
ล้ากายมิเป็นไร ล้าใจเยี่ยงนี้สิ ยากทน.....
๒๐ กันยายน ๒๕๕๓ คือวันพระราชสมภพของ "สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า" ครบรอบปีที่ ๑๕๗
แต่วันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๓ คือวัน "ครบ ๑๐๐ ปี" แห่งการเสด็จสวรรคตของ "สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า"
ผมจึงถือโอกาสนี้ "เตือน" ความทรงจำของพวกเราอันมีพระองค์สถิตอยู่กลางใจทุกคนได้ระลึกรู้ พสกนิกรผู้กตัญญูควรปฏิบัติอย่างไรในวันที่ ๒๐ กันยานี้ก็ดี ในวันครบ ๑๐๐ ปีแห่งการจากไปของพระองค์ก็ดี ขอได้มีสตินำไปใคร่ครวญ เพื่อการกตเวทิตาคุณร่วมกันในฐานะไทย-ลูกหลานเสด็จพ่อ ร.๕ ด้วยกันทุกคน
ถ้ายังตั้งต้นไม่ถูก ผมจะบอกให้ตาม "หมายงาน" ในมือผม คุณธิราช รุ่งเรืองกนกกุล ในนาม "กลุ่มศิลปินรักษ์แผ่นดิน" จะเปิดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ "ถ้วนศตวรรษรำลึก ปิยมหาราชา" ขึ้นที่อาคาร ไทยรักษ์แผ่นดิน วัดสุทธิวาตวราราม ท่าฉลอม สมุทรสาคร วันที่ ๑๙ กันยานี้
ใครใคร่ไป-ไปได้ทั้งวัน แต่ตอน ๑๕.๐๐ น. นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รมว.สำนักนายกฯ จะทำพิธีเปิดงาน อยากทราบรายละเอียดโทร.ไปที่เบอร์ ๐๘-๖๙๙๓-๙๒๙๐ ชมรมไทยรักษ์แผ่นดิน
พระคุณของพระพุทธเจ้าหลวงนั้นเรียกว่า "มากพ้น รำพัน" จริงๆ อย่าว่าแต่ในหมู่คนไทยเราเลย แม้แต่ชาวโลก-ยูเนสโกยกย่องให้เอกสารและจดหมายเหตุ รัชกาลที่ ๕ เป็นมรดกความทรงจำยิ่งใหญ่ของโลกประจำปี ๒๕๕๓ ผมเคยดูแวบๆ รายการ "กระจกหกด้าน" ทางช่อง ๗ สี เขาจัดทำเป็นสารคดีกระจกหกด้านชุด "ปิยมหาราชานุสรณ์ ร.ศ.๒๒๘" ร่วมเฉลิมฉลอง .......


ขอขอบคุณ : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ และคุณ เปลว สีเงิน

 

ฟังเพลงแหล่ประวัติศาสตร์ชาติไทยอีกครั้งในรายการหมุนตามวัน ของคุณฟองสนาน จามรจาร เป็นอีกแบบค่ะ ทางสายธาตุได้ส่งซองที่มีกันกระแทกเพื่อขอซีดีเพลงนี้แล้ว ถ้าได้มาจะมาทำเป็นเป็นไฟล์ให้ฟังกัน เอาของเก่าที่เคยฟังมาแสดงในลิงค์ข้างล่างนี้นะคะ

20 กันยายน นี้มีความหมายเพราะมีพระมหากษัตริย์อีกพระองค์หนึ่งที่ทรงพระราชสมภพในวันนี้คือรัชกาลที่ ๘ แห่งราชวงศ์จักรี ทางสายธาตุขออัญเชิญพระราชประวัติมาดังนี้

แหล่ประวัติศาสตร์ชาติไทย(เป็นคนไทยต้องฟัง) - Buddhism Audio

 

น้องอ๊อฟ ส่ง EMS ไปแล้วเมื่อสักครู่นี้ ใส่เป็นซองกันกระแทกของไปรษณีย์ เขาบอกว่าถึงพรุ่งนี้แต่จะถึงกี่โมงอันนี้แล้วแต่ไปรษณีย์ปลายทางจะมีรอบออกไปส่งยังไงก็ต้องตามนั้นค่ะ

เมื่อวันอาทิตย์ไปวัดปราสาท อ.บางกร่าง จ.นนทบุรี เป็นอีกที่หนึ่งที่สว่างสดใสขึ้น เพราะมีการสร้างกำแพงแก้วใหม่ตามแนวกำแพงแก้วตั้งเดิมโบราณ ทำให้เกิดความถูกต้องตามลักษณะที่ควรเป็นก็อาจเป็นได้ ทำให้เกิดมีซินแซคนหนึ่งเดินทางมาจากชุมพร เป็นซินแซด้านดูฮวงจุ้ย มาปรับภูมิทัศน์ให้กับวัดทำให้วัดเปิด (สว่าง ลมพัดผ่านสะดวก สะอาด ร่มเย็น ... อธิบายตามความรู้สึกที่ทางสายธาตุไปสัมผัสมานะคะ) โยมและพระที่วัดนั้นชวนให้ไปสวดมนต์ร่วมกันวันศุกร์ที่ 24 กันยายนเพื่อเสริมบารมีตนเองและเปิดบารมีของสถานที่ด้วย มีรูปค่ะแต่ยังอยู่ในกล้อง ไว้จะโชว์ภาพให้ดูกันค่ะ

พระมหากษัตริย์ทรงบารมี ชาติไทยร่มเย็นมาได้ทุกวันนี้ เพราะมีพระมหากษัตริย์ผู้ทรงบารมี เสมือนทรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของคนในชาติ พระองค์จึงทรงประทับอยู่ที่จุดสำคัญที่สุดของประเทศ คือทรงประทับกลางดวงใจของคนทั้งชาติ

 

โบสถ์มหาอุด วัดปราสาท จ.นนทบุรี

​

ภาพเก่า กำแพงแก้วยังอยู่ชิดโบสถ์ ทำให้เจดีย์สององค์หน้าโบสถ์อยู่นอกกำแพงแก้ว ซึ่งคติโบราณเจดีย์สององค์ที่หน้าโบสถ์นั้น ผู้สร้างวัดจะสร้างอุทิศบุญให้กับบิดาและมารดา วัดนี้พระเจ้าปราสาททองทรงสร้าง คิดว่าเจดีย์สององค์นี้น่าจะทรงสร้างเพื่ออุทิศพระราชกุศล ถวายพระราชบิดาและพระราชมารดาของพระองค์ค่ะ​

<TABLE class=blog_center_data><TBODY><TR><TD>

​

รูปที่ ๑ พระอุโบสถของวัดปราสาท นนทบุรี สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. ๒๒๙๓ ขอให้สังเกตเส้นโค้งของหลังคาอันงดงามอ่อนช้อย อันแสดงถึงลักษณะสถาปัตยกรรมของสมัยอยุธยาตอนปลาย​

​

รูปที่ ๒ ลวดลายปูนปั้นของประตูกลางของพระอุโบสถวัดปราสาท​

​

รูปที่ ๓ ลวดลายปูนปั้นอันวิจิตรพิสดาร ตกแต่งประตูพระอุโบสถวัดปราสาทอันมั่งคั่งอลังการ​

​

รูปที่ ๔ ลายดอกไม้จำหลักไม้ทรงกลมอันงดงาม ภายใต้ทับหลังประตูกลางของพระอุโบสถวัดปราสาท ยังคงเหลืออยู่แต่ดอกใหญ่เพียงดอกเดียว แต่ก็พอที่จะให้เราเห็นว่าลวดลายจำหลักไม้นี้ มีความสวยงามมากเพียงใดได้​

​

รูปที่ ๕ ลวดลายจำหลักไม้อันงดงามจากช่องหนึ่ง ในจำนวนห้าช่องของเพดานพระอุโบสถวัดปราสาท​

ช่างเขียนของวัดปราสาทมีความสัมพันธ์กับสกุลเพชรบุรี ... ความเห็นของครูแผน ในบล็อคโอเคเนชั่นค่ะ

ดูแล้วช่างเขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังในสมัยพระเจ้าปราสาททองจะมาจากเพชรบุรี เพราะที่วัดชุมพลฯก็เขียนโดยตระกูลช่างเพชรบุรี ... ข้อสังเกตุของทางสายธาตุ

�Ҿ������������ͧ��Ѵ����ҷ​

​

​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

โบสถ์มหาอุต วัดปราสาท หลังจากขยายกำแพงแก้วออกไปแล้ว

​

โบสถ์มหาอุด วัดปราสาท ขยายกำแพงแก้วออกไปอยู่บนกำแพงแก้วโบราณ วันที่ไปเป็นหน้าฝนปีที่แล้ว ประมาณสิงหาคม ช่างกำลังก่อกำแพงใหม่ โดยเรียงอิฐบนกำแพงเก่าเดิม ช่างต้องขุดดินลงไปลึกสักครึ่งเมตรจากระดับหน้าดิน จึงจะเห็นแนวกำแพงแก้วโบราณทั้งแนวเลยค่ะ

​

เจดีย์เล็กๆสององค์จึงได้อยู่ภายในกำแพงแก้วเหมือนสมัยโบราณแล้ว

​

พระประธานในโบสถ์มหาอุด ที่จริงเขาห้ามถ่ายรูป แต่ดิฉันถ่ายรูปไปแล้วจึงเห็นป้ายห้าม ทางวัดเขากลัวแสงแฟลชจะไปทำให้รูปจิตรกรรมฝาผนังเสียหายค่ะ
​

เพดานโบสถ์ กรอบเป็นย่อมุมไม้สิบสอง ศิลปะยุคพระเจ้าปราสาททอง



ถวายถังสังฆทาน
​

คนจีนจะนิยมมาไหว้พระเจ้าปราสาททอง โดยขอท่านให้การค้ารุ่งเรืองและทรัพย์สินมากมี จึงมีรูปหล่อพระเจ้าปราสาททองเป็นรูปพระสยามเทวาธิราชและคำอวยพรขอให้ผู้มากราบไว้ร่ำรวย มีสุขภาพแข็งแรง คำอวยพรเหล่านี้เขียนเป็นภาษาจีนค่ะ ที่ศาลพระเจ้าปราสาททองที่พระราชวังบางปะอินเช่นกัน ผู้คนจะมาขอท่านเรื่องการค้า พระองค์ท่านคงจะทรงเป็นนายวาณิชผู้เก่งกาจในระดับต้นๆคนหนึ่งของอาคเนย์ในสมัยของพระองค์ท่านนะคะ
​

 

เห็นวัดปราสาท แล้วหวนคิดถึงพระราชวังอโธยา ครับ ถ้าไม่ล่มไปเสียเมื่อครั้งกรุงแตก ก็อาจเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 1 ของโลก ครับ

 

เจดีย์คู่อีกคู่หนึ่ง ซึ่งประดิษฐาน ณ วัดวรเชษฐ์

​

นางแบบคือแม่พิชญ์ แต่ไม่โฟกัสที่นางแบบ(^_^ เคลียร์กับนางแบบได้ เคลียร์กันหลังวัด) ให้โฟกัสไปที่กองอิฐในเงาของต้นไม้ด้านหลังนางแบบ นั่นคือฐานของพระเจดีย์คู่หนึ่ง ซึ่งคาดคะเนว่าสมเด็จพระเอกาทศรถทรงสร้างขึ้นเพื่ออุทิศถวายพระราชกุศลถวายให้กับพระราชบิดา พระมหาธรรมราชา และพระราชมารดา พระนางวิสุทธิ์กษัตริย์​

เจดีย์คู่ที่หมายถึงของวัดวรเชษฐ์นั้นน่าจะคล้ายๆกับเจดีย์คู่ที่วัดสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จ.ตาก คือเจดีย์คู่ที่ตั้งอยู่บนฐานเดียวกัน ดังภาพข้างล่างนี้ค่ะ​

​

<TABLE border=0 cellSpacing=1 borderColor=#add3ee cellPadding=1 width=610 align=center><TBODY><TR><TD class=font_data height=89 vAlign=top width=600 align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=400><TBODY><TR vAlign=bottom><TD class=font_data height=20 width=50>ชื่อ</TD><TD class=font_data height=20 width=350 colSpan=2>เจดีย์คู่</TD></TR><TR vAlign=bottom><TD class=font_data height=20 width=50>ภาค</TD><TD class=font_data height=20 colSpan=2>ภาคเหนือ</TD></TR><TR vAlign=bottom><TD class=font_data height=20 width=50>จังหวัด</TD><TD class=font_data height=20 colSpan=2> ตาก</TD></TR></TBODY></TABLE>

สถานที่ตั้ง ตั้งอยู่ในบริเวณวัดสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตำบลแม่ท้อ อำเภอเมือง จังหวัดตาก​

ประวัติความเป็นมา
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพสันนิษฐานว่า เจดีย์คู่นี้สร้างไว้แต่ครั้งสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับสมเด็จพระเอกาทศรถ เมื่อคราวตีได้เมืองเชียงใหม่กลับคืนมาเป็นของไทย ทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ครั้งกระนั้น ต่อมาของเดิมคงจะชำรุดทรุดโทรมลง สมเด็จพระนารายณ์มหาราชจึงโปรดให้บูรณะขึ้นใหม่​

ลักษณะทั่วไป
เป็นเจดีย์คู่กัน ๒ องค์ ที่กำแพงและฐานเจดีย์ทำเป็นช่องสำหรับตามประทีปโดยรอบ

หลักฐานที่พบ
เจดีย์คู่ ๒ องค์นี้ เป็นฝีมือช่างอยุธยา ที่ฐานเจดีย์มีช่องสำหรับตามประทีปโดยรอบ เป็นหลักฐานว่าน่าจะเป็นของที่สร้างหรือปฏิสังขรณ์แต่ครั้งแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพราะช่องตามประทีปซึ่งทำไว้ตามกำแพงและฐานเจดีย์นั้นเป็นของที่นิยมสร้างในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช​

เส้นทางสู่เจดีย์คู่
ตั้งอยู่เชิงสะพานกิตติขจรฝั่งตะวันตก

แหล่งโบราณคดีภาคเหนือ - เจดีย์คู่ | OpenBase.in.th​

​

</TD><TD width=5></TD><TR><TD class=font_data height=10 vAlign=top align=left></TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

<TABLE class=tborder border=0 cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%"><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 18 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 16 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>ทางสายธาตุ*, misu </TD></TR></TBODY></TABLE>


วันนี้มีคนเข้าชมเยอะค่ะ ถ่ายรูปไว้

 

โบสถ์มหาอุดสร้างสมัยอยุธยา ต้องแอ่นท้องสำเภาแบบนี้ ไปถ่ายมาเมื่อตอนกำลังปรับปรุงค่ะ



ขุดลงไปในดิน เจอแนวกำแพงเก่า อิฐโบราณ ทางกรมศิลป์จึงเสริมด้วยเหล็กก่อนจะเทปูนเป็นฐานใหม่บนแนวของรากกำแพงแก้วเดิม



พระธรรมาสน์เทศ เก่าแก่ไม่ทราบยุคค่ะ ถ้าสร้างสมัยอยุธยาคงไม่น่าจะยืนมาถึงปัจจุบัน แต่ศิลปะการแกะสลักลายไม้เป็นตามแบบช่างสมัยกรุงศรีอยุธยา





ตอนที่ถ่ายไม่ได้ใช้เฟลชค่ะ ก่อนที่จะเคลื่อนกำแพงแก้วออกไป โบสถ์หลังนี้อับชื้นมาก และมืดมาก เทียบกับปัจจุบันที่ถ่ายรุปโดยไม่ใช้เฟลชเหมือนกัน แต่รูปปัจจุบันจับภาพได้ดีกว่าเพราะมีแสงเข้ามากกว่า ฮวงจุ้ยของโบสถ์เปิดแล้วกระมังคะ



พระบรมรูปเขียนสมเด็จพระนเรศวรมหาราชในโบสถ์มหาอุด วัดปราสาท นนทบุรี



รูปนี้ดูดีๆเสมือนทรงยิ้มนะคะ รูปเดียวกันกับข้างบนแต่ถ่ายคนละมุม



รูปถ่ายสมเด็จพระเจ้าทรงธรรมในวัด

​

 

http://audio.palungjit.org/attachment.php?attachmentid=57254​

เพลงบูชาพระโพธิสัตว์ กวนอิม ทำนอง เพลงม่านประเพณี The Butterfly Lovers​

ขอแปะไว้ฟังหนึ่งวันในกระทู้นะคะ ​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=yN91glCXeto&feature=related"]YouTube - Butterfly Lovers - Liang Zhue[/ame]​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=kZ6KfGQivYA&feature=related"]YouTube - Great Compassion Mantra-Da Bei Zhou[/ame]​

รูปใน youtube อันล่างนี้เหมือน avatar ของทางสายธาตุเป็น พระแม่กวนอิมพันมือ สวยงามมาก ​

 

โปรดใช้วิจารณญานในการอ่าน

เท่าที่รับทราบมาถึงปัจจุบันทั้งการสัมผัสจากการเห็นภาพ เรียนสอบถามพระมหาฤทธิชัย และตามหลักฐานเท่าที่จะหาได้ตามสัมผัสนั้นๆว่าตรงบ้างไหม ซึ่งก็เป็นไปได้ว่าจะจริงหรือไม่จริงก็ได้อยู่ เท่าที่ทราบสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงมีพระธิดา 2 พระองค์ พระโอรส 1 พระองค์

พระธิดาองค์แรกประสูติที่หงสาวดี ทรงมีมเหสีพระองค์แรกเป็นพระธิดาอันเกิดจากพระเจ้านันทบุเรงกับพระธิดาของพระราเมศวร พระนเรศวรทรงอภิเษกกับเจ้าหญิงองค์หนึ่งซึ่งเป็นหลานของพระราเมศวร เมื่อประสูติแล้วทรงได้รับพระนามว่า พระนันทวดี คงจะประสูติในราวๆปี พ.ศ. 2114 แรกประสูติสมเด็จฯทรงเสด็จหนีกลับอยุธยา พอพระองค์หญิงอายุได้สัก 5 ชันษา สมเด็จฯให้ทหารที่เป็นพระญาติกันไปเชิญพระองค์กลับพิษณุโลก รายละเอียดจะเรียนถามพระมหาฤทธิชัยอีกทีว่าท่านอนุญาตให้เล่าหรือไม่ค่ะ

พระราชธิดาองค์ที่สอง ประสูติแต่พระนางมณีจันทร์(เจ้าขรัวมณีจันทร์) คาดคะเนว่าทรงประสูติในปี พ.ศ. 2127 ปลายๆ น่าจะทรงพระนามว่า พระสุวรรณขวัญเมือง ภายหลังทรงได้อภิเษกกับพระเมงทุลอง ในบันทึกพม่าจึงบอกไว้ว่าพระราชธิดาของสมเด็จพระนเรศวรพระองค์หนึ่งอภิเษกสมรสกับพระเมงทุลอง(พระเจ้าดอยหลวง) ราชบุตรพระเจ้าเชียงใหม่ ภายหลังความเปลี่ยนแปลงในราชสำนักเกิดขึ้นหลังสมเด็จพระนเรศวรสวรรคต พระองค์ทรงกลับเข้ารับราชการในราชสำนักอีกครั้งในสมัยพระเจ้าปราสาททอง ทรงดำรงพระยศเป็นพระนมเอกในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ด้วยเพราะพระราชมารดาของสมเด็จพระนารายณ์ทรงสิ้นพระชนม์ตั้งแต่พระนารายณ์ทรงมีอายุได้เพียง 9 วัน จึงทรงรักสมเด็จป้ามากเทียบเท่าพระมารดาแท้ๆ ภายหลังทรงสถาปนาสมเด็จป้า เป็นกรมพระเทพามาตย์ เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ทรงขึ้นครองราชย์แล้ว กรมพระเทพามาตย์เป็นพระราชอิสริยยศที่พระมหากษัตริย์ทรงยกพระราชมารดาแท้ๆขึ้นทรงพระยศนี้คือตำแหน่งพระพันปีหลวงค่ะ

พระราชโอรสในสายพระโลหิตคือ สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง อันประสูติแต่พระนางมณีจันทร์(เจ้าขรัวมณีจันทร์) แรกประสูติได้รับพระราชทานพระนามว่า พระสุริยกุมาร พระองค์ทรงประสูติราวๆ พ.ศ. 2130 แต่ในพงศาวดารบันทึกว่าประสูต 2143 ซึ่งเรียบเรียงแล้วไม่น่าจะเป็นไปได้ที่จะทรงดำรงตำแหน่งพระมหาวรวงศ์ ตำแหน่งพระมหาอำมาตย์ในสมัยพระเจ้าทรงธรรม เป็นการดำรงตำแหน่งในขณะที่พระชนม์เพียง 12 ชันษาซึ่งเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าสัก 25 พรรษา(ประสูติ พ.ศ. 2130) ก็มีความเป็นไปได้มากกว่า ทรงปรากฏพระองค์ในเรือกระบวนพระราชพิธี พ.ศ. 2136 โดยเสด็จพระราชดำเนินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ในการพระราชพิธีถวายผ้าพระกฐิน โดยบาทหลวงระบุว่าทรงเป็นพระราชโอรสองค์ที่พระเยาว์ที่สุด (6 ชันษา) คาดว่าคงมีพระโอรสของพระองค์องค์อื่นๆอีกที่มิได้ระบุว่าเป็นพระโอรสของพระองค์แต่ระบุว่าเป็นพระโอรสของสมเด็จพระเอกาหรืออาจจะเป็นพระโอรศพระเอกาก็เป็นได้ เป็นพระโอรสอันเกิดจากพระสนม 4 ราชวงศ์ (ดิฉันให้น้ำหนักมาทางราชวงศ์ศรีธรรมโศกราชเพราะเป็นเชื้อสายของขุนอินทรเทพ ได้ทำความดีความชอบคราวปราบกบฏ ขุนวรวงศาและท้าวศรีสุดาจันทร์ ได้รับนางพระราชทานเป็นอัครชายาและไปครองที่นครศรีธรรมราช ภายหลังสมเด็จพระนเรศวรเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทรงให้ราชวงศ์นี้เข้ารับราชการในกรุงศรีฯ แล้วส่งทหารเอกไปปกครองนครศรีธรรมราชแทน ทรงต้องการบริหารแผ่นดินจากส่วนกลาง)

พระโอรสอันเกิดจากพระสนมอาทิเช่นพระเจ้าทรงธรรม ก่อนขึ้นครองราชย์ทรงผนวชนานมากจนได้เป็นพระพิมลธรรม พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่อาจจะเพื่อเลี่ยงปัญหาการครองราชย์ ก่อนผนวชทรงเป็นพระอินทรราชา ตำแหน่งพระเจ้าลูกเธอในตำแหน่งรองลงมาจากพระมหาธรรมราชาครองพิษณุโลก อันเป็นตำแหน่งพระเจ้าลูกเธอสูงสุดอันเกิดจากพระอัครมเหสี ซึ่งพระเจ้าปราสาททองทรงเคยดำรงพระอิสริยยศนี้ก่อนจะเกิดความเปลี่ยนแปลง อันเกิดขึ้นหลังจากการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชแล้ว


แปลกใจว่าโพสเรื่องนี้ ทำให้เวปชงักงันชั่วคราวเรื่อยเลย แต่ดีค่ะเวปไปล่ม

 

สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงจัดพระราชพิธีโสกันต์พระเจ้าลููกยาเธอ(พระราชบุตร) ทุกพระองค์ที่วัดชุมพลนิกายาราม ทั้งพระองค์อินทร์(สมเด็จเจ้าฟ้าไชย) เจ้าฟ้านรินทร์(สมเด็จพระนารายณ์มหาราช) และพระราชโอรสทุกๆพระองค์ที่วัดชุมพลฯ พระเจ้าปราสาทททองทรงผูกพันธ์กับวัดชุมพลฯแห่งนี้เป็นอย่างมาก เอกสารเรื่องพระราชพิธีโสกันต์พระองค์อิทร์และเจ้าฟ้านริทร์ หาได้ในพงศาวดารนะคะ ขอไม่หยิบยกขึ้นมาเพราะหาได้ไม่ยากค่ะ เกรงว่าหยิบมาวางแล้วจะดูเป็นวิชาการมากเกินไป จะทำให้ไม่อยากอ่านกันค่ะ

 

พระนางมณีจันทร์(เจ้าขรัวมณีจันทร์) ทรงเป็น La Reine หรือ Queen ของสมเด็จพระนเรศวรค่ะ

นำเสนออีกครั้ง เป็นสิ่งที่ทางสายธาตุตามหลักฐานต่างๆมาปีกว่าๆ จนได้ข้อมูลจากภาพที่เห็น

เขียนไว้ที่กระทู้ ให้ข้อมูลไว้หากมีคนต้องการขอขมาต่อพระนาง อาจจะไปวัดไชยวัฒนาราม หรือวัดชุมพลฯ หรือวัดวรเชษฐ์ คนโบราณคงแบ่งฝังพระอัฐิหลายๆที่ค่ะ ผู้ที่ฝังพระอัฐิของพระนางคือ สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง นั่นเอง

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0><TBODY><TR><TD><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" bgColor=#222244><TBODY><TR><TD>

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>
ขอขอบคุณภาพจากเวปไซด์พันทิพย์ค่ะ
</TD></TR></TBODY></TABLE>


http://palungjit.org/threads/มีใครท...-พระสนมเอกในสมเด็จพระนเรศวร-อยู่ที่ไหน.56315/

 

สุดแต่เหตุที่เทพเบื้องบนท่านจะให้ทราบ ทางสายธาตุอาจเคยตามมาจากกรุงจีนแล้วมาอยู่เมืองไทยด้วยกับพระนาง หรืออาจจะเคยทำงานรับใช้อยู่บนเกาะบ้านเลนก็ได้ จึงเป็นเหตุและปัจจัยให้ต้องเป็นผู้ถ่ายทอดเรื่องราว เรื่องราวเป็นอย่างนี้แต่ผู้จะนำเรื่องราวไปต่อเพื่อการแห่งแผ่นดินอย่างไรก็คงเป็นกิจของเขา ทางสายธาตุยังไม่ทราบหน้าที่ที่แน่ชัด ตอนนี้ที่ทำก็คือไปยังสถานที่ที่ควรจะไป ไปสวดมนต์ ไปทำบุญให้กับสถานที่นั้นๆ

ตอนนี้ความรู้สึกลึกๆบอกว่า ต้องสร้างเจดีย์สององค์หน้าวัดวรเชษฐ์ เจดีย์คู่บนฐานเดียวกันที่เอ่ยไว้ในความเห็นข้างบน เพื่อถวายพระเกียรติสมเด็จพระมหาธรรมราชาและพระนางวิสุทธิ์กษัตรีย์ เพื่อให้องค์ประกอบวัดสมบูรณ์แล้ววัดวรเชษฐ์จะเปิดแล้ว.... ความเห็นส่วนตัวอย่าเพิ่งเชื่อนะคะ เป็นความรู้สึกลึกๆในใจบอกกล่าวออกมาเป็นตัวอักษร

การที่ทางสายธาตุวนเวียนพูดเรื่องพระอัครมเหสีไม่ใช่ไปไม่พ้นเรื่องนี้ แต่คิดว่าหากทุกอย่างถูกต้องไปตามประวัติศาสตร์เดิมแล้วทุกอย่างจะลงตัว บ้านเมืองจะไปได้ด้วยดี แม้แต่วัดป่าแก้ว(วัดวรเชษฐ์)ก็อยู่เป็นหนึ่งสิ่งที่ทางสายธาตุจะพยายามรณรงค์จนกว่าวัดจะเปิดได้ เพื่อให้ลูกหลานไทยมากราบมาไหว้บรรพบุรุษ ระลึกถึงพระคุณของสมเด็จฯ พระมหาธรรมราชา พระนางวิสุทธิ์กษัตริย์ พระเอกาทศรถ พระพี่นางสุพรรณกัลยา พระนางมณีจันทร์ พระนางเจ้าสวัสดี(พระอัครมเหสีของพระเอกาทศรถ) พระเจ้าปราสาททอง เจ้าแม่วัดดุสิต เจ้าฟ้าสุทัศน์ เจ้าฟ้าศรีเสาวภาคย์ ขุนทหาร ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินที่เคยเสียสละเพื่อชาติเพื่อแผ่นดินผืนนี้ และอื่นๆ ล้วนทรงเคยเสด็จไปและเคยไป กราบพระ เจริญพระราชกุศล ทำบุญ เจริญวิปัสสนา สนทนาธรรมที่วัดแห่งนี้มาแล้วทุกพระองค์

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย หากวัดวรเชษฐ์ได้รับการสถาปนาเป็นราชวรมหาวิหารเมื่อใด เมื่อนั้นทางสายธาตุก็จะลาหน้าบอร์ดไปเหมือนกันค่ะ ในใจรู้สึกว่าอีกไม่นานแล้วค่ะ ทุกอย่างจะเรียบร้อย อาจจะได้ยินคำว่า วัดวรเชษฐ์วรารามราชวรมหาวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรมหาวิหาร พูดเองขนลุกเองค่ะ

คงอีกไม่นานค่ะ แผ่นดินจะได้ร่มเย็นเป็นสุข สาธุ สาธุ สาธุ

 

ภาพเพชรพญานาค รูปหัวใจ พี่แขกส่งมาให้ดูค่ะ เดี๋ยวจะหาเรื่องสีแต่สีหมายถึงอะไรบ้างให้อ่านดูนะคะ

 

<DD>การแบ่งสีสันของเพชรนาคานั้น สามารถที่จะแบ่งออกได้ 3 ประเภทก็คือ

<DD>1. สีอ่อนแต่ใส
<DD>2. สีเข้ม
<DD>3. สีเข้มออกโทนเทาดำ

<DD>จะมีอานุภาพพลังที่แตกต่างกันไป ตามสีสันและตามขนาดสัณฐานด้วย ยิ่งออกเป็นสีในประเภทที่ 3 ยิ่งมีพลังลึกลับอาถรรพ์เพิ่มมากขึ้น

<DD>การแบ่งตามวรรณะตามโทนสีของ "เพชรนาคา" สามารถแบ่งออกได้คือ

1. สีน้ำเงิน วรรณะกษัตริย์
2. สีฟ้าน้ำทะเล วรรณะเชื้อพระวงศ์
3. สีเขียว วรรณะนักบวช, ผู้ทรงศีล
4. สีแดง วรรณะนักรบ,ขุนพล
5. สีม่วง วรรณะขุนนาง
6. สีขาว วรรณะ กลาง
7. สีเหลือง,สีส้ม,สีชมพู วรรณะทั่วไป
</DD>

 

พี่ทางสายธาตุครับ อ็อฟได้รับ VCD แล้วนะครับ ขอบพระคุณมากครับ