ขอคำแนะนำการฝึกกสินลมคับ

พี่ปราบออกหล่อตลอดเลย. อิอิ

 

+++ มิตรภาพนั้น "มีคุณค่า" เมื่ออยู่ในหนทางของ "ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา" ตรงนี้ "หากทำตาม จะเป็น มงคล"

+++ มิตรภาพนั้น "จะเป็นความประมาททันที" เมื่ออยู่ในหนทางของ "อะเสวะนา จะ พาลานัง" ตรงนี้ "หากฝ่าฝืน จะเป็น อัปปมงคล"

+++ ในห้อง "อภิญญา - สมาธิ" นั้น ผู้ที่ "ไม่รู้จัก ต้นทาง" ของ อภิญญา-สมาธิ อย่างน้อยที่สุด "ไม่รู้จักอภิญญา แต่พอรู้จัก สมาธิ ก็ยังดี"

+++ เวปนี้เป็น "เวปพระพุทธศาสนา" ดังนั้น "สมาธิ ก็ต้องเป็น สัมมาสมาธิ (มรรค 8) ในพระพุทธศาสนา" ให้ตรงตามห้องของมัน

เมื่อสมเด็จฯเกี่ยว อุปเสโน กล่าวถึงมโนมยิทธิและสติปัฏฐาน 4

+++ จริง ๆ ตรงนี้ "ไอ้มารปัญญาอ่อน" Saber มันไป "ปี้-แปะ" มาจาก "พุทโธอวโลกิเตศวร" ซึ่งผมเคยถามมันว่า "ทีมธรรมทาน หรือ ทีมธรรมกลาย" นั่นแหละ

+++ ดังนั้น หาก "ทีมธรรมกลาย" แฝงตัวเข้ามาในเวปนี้ โดยที่ ทางเวป ไม่สะดุ้งสะเทือนอะไรเลย ต่อไป ก็จะเป็น "แหล่งแพร่พันธ์ ธรรมกลาย" ต่อไป

+++ ให้ดู "สายปฏิบัติของ ธรรมกลาย" ไว้ด้วย "คลอง 3 ปทุม เรื่องการฟอกเงิน" "วัดสระเกศ เรื่องเงินทอนวัด" "วัดปากน้ำก็ รถหรู" อาการโลภเงิน ทั้งหมดนี้ "มาจากการปฏิบัติ ในสายใด" ก็ให้ดูกันเอา


+++ เมื่อเป็นถึง "ระดับสมเด็จ" แต่ด้วยความเป็น "ธรรมกลาย" จึงพูดออกมาว่า "ทางสายสติปัฏฐานนี่ เรียกว่า สุขวิปัสสโก"

+++ นี่คือ "การบิดเบือนธรรมของพระพุทธเจ้า" ที่ออกมาจาก "ปากของพระผู้ใหญ่ ระดับสมเด็จ" ที่น่าอนาถอย่างยิ่ง

+++ ที่ผมโพสท์ไปว่า "สายการปฏิบัติใด" ที่บอกว่า "มหาสติปัฏฐาน 4 เป็น สุขะวิปัสสโก" นั้น

+++ "มันโกหก" หรือเปล่า หรือว่า "แม้กระทั่ง สติ มันก็ไม่เคยมี เอาเสียเลย" ในหน้า 2 โพสท์ที่ 38 นั้น

+++ มัน "ชัดเจน ภายในโพสท์นั้น ทั้งหมด อยู่แล้ว" ว่า "พวกมัน ต่อต้าน มรรคผลนิพพาน ในศาสนาพุทธ แบบตรง ๆ"

+++ เอก (เดี่ยว) + ยาน + มัค หรือ "เอกายนะมัคโค" ทางสายเดี่ยว และ สายเดียวเท่านั้น คือ "มหาสติปัฏฐาน 4"

+++ ยังดีที่มี "กระบี่ปราบมาร" เข้ามาจัดการกับพวก "ฝ่ายมาร" อยู่ด้วย ไม่งั้น "มารมันจะลำพอง" มากเกินไป


+++ เรื่องหลวงปู่เสาร์ ลอยได้นั้น ก็เพราะ "ท่านฝึกสติ" ไม่มี มโน "ไปทั้งกายเนื้อ"

+++ เรื่องที่ จขกท ลอยได้ ที่ทำลิ้งค์ไว้ เพราะ "ฝึกสติ" อีกเช่นกัน

+++ ในกระทู้ "ลองฝึกกำหนด ลม เป็นอารมณ์ ปรากฎว่า" ตามลิ้งค์ข้างล่างนี้

https://palungjit.org/posts/6998833/

+++ เป็นกระทู้ในห้อง "ประสบการณ์อภิญญา" ซึ่ง เกิดขึ้นจริง มีอยู่จริง "ไม่มี มโนเอาเอง อย่างแท้จริง"

+++ เป็นการฝึก "ปรับธัมมารมณ์" เป็นการทำในบท "ธัมมะวิจัยยะ" ในระดับ "ปรับธาตุ (ธัมมารมณ์)"

+++ ซึ่งเป็นภาคของ "สัมโภชฌงค์ ในระดับเริ่มต้น เท่านั้น" และ ทั้งหมด มาจาก "มหาสติปัฏฐาน 4"

+++ การโพสท์ จาก อวิชชา ที่มาจาก "ไอ้มารปัญญาอ่อน Saber" นั้น มันฟ้องอยู่ในตัวมันเองอยู่แล้ว

+++ ว่าการกระทำของมันทั้งหมด เป็นอาการ "ไร้สติ" ไม่รู้จัก "อภิญญา - สมาธิ" ตามความเป็นจริง

+++ แต่การ "อยากสอนจนตัวสั่นไปหมด" ของมันเองนั่นแหละ ทำให้เกิด "กรรม/วิบาก ที่ขวาง มรรคผล"

+++ และที่ผมเคยบอกไปว่า "ตลอดทั้งชาตินี้ มันก็ "มีสติไม่ได้" อย่างแน่นอน" ตรงนี้ "ไม่ได้พูดเล่น"

+++ กรรม-วิบาก-กฏแห่งกรรม มีอยู่ "ตามความเป็นจริง"

+++ การโพสท์แบบ "ขวางมรรคผลผู้อื่น อย่างไร้สติ" ของมันนั่นแหละ จะเข้ามา "ตัดสิน วิถีจิต" ของมันเอง


+++ อาการ "เพ่งโทษ เป็นตัวนำ" ตามมาด้วย "อุบาย ด้วยการสรรค์หา คำพูดของผู้อื่น" เพื่อนำมาใช้ "ในการโจมตี"

+++ การ "เพ่งโทษ เป็น ทุคติ" การใช้ "อุบาย เป็น เลือดเย็น" ส่วนการ "โจมตี เป็น ก่อกรรม"

+++ ทั้งหมดสรุปเป็น "การทำ (กรรม) ทุคติ (นรก) แบบเลือดเย็น (โลกันตะ)" ตรงนี้ หนักกว่า "อเวจี" หลายเท่านัก

===========================================================
https://th.wikisource.org/wiki/พระไ...มหามกุฏราชวิทยาลัย/เล่มที่_๑๑_หน้าที่_๑๐๑-๑๕๐

ในปริยัติ ๓ ประเภทนั้น ปริยัติใด ที่บุคคลเรียนผิดทาง คือเรียนเพราะเหตุมีติเตียนผู้อื่นเป็นต้น ปริยัตินี้ ชื่อ อลคัททูปมา ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมุ่งหมายตรัสไว้ว่า (พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 103)

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษผู้ต้องการงู แสวงหางู เที่ยวค้นหางู เขาพึงพบงูใหญ่ พึงจับขนด หรือจับหางงูนั่นนั้น งูนั้นพึงเลี้ยวกลับมากัดมือหรือแขน หรืออวัยวะน้อยใหญ่ที่ใดที่หนึ่งของบุรุษนั้น บุรุษนั้นพึงถึงตายหรือทุกข์ปางตาย เพราะการถูกงูกัดนั้นเป็นเหตุ ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร ?

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อนั้นเป็นเพราะเขาจับงู ผิดวิธี ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โมฆบุรุษบางพวกในศาสนานี้ ก็ฉันนั้น เหมือนกัน ย่อมเล่าเรียนธรรมคือ สุตตะ เคยยะ ฯ ล ฯ เวทัลละ

โมฆบุรุษเหล่านั้นครั้นเล่าเรียนธรรมนั้นแล้ว ไม่พิจารณาเนื้อความของธรรมเหล่านั้นด้วยปัญญา เมื่อโมฆบุรุษเหล่านั้นไม่พิจารณาเนื้อความด้วยปัญญา ธรรมเหล่านั้นย่อมไม่ทนต่อการเพ่งพินิจ

โมฆบุรุษเหล่านั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อติเตียนผู้อื่น และมีวัตถุประสงค์เพื่อเปลื้องตนจากการกล่าวร้ายนั้น ๆ จึงเล่าเรียนธรรม โมฆบุรุษเหล่านั้น เล่าเรียนธรรมเพื่อประโยชน์แห่งธรรมใด ย่อมไม่ได้ประโยชน์แห่งธรรมนั้น

ธรรมเหล่านั้น ที่โมฆบุรุษเหล่านั้นเรียนผิดทาง ย่อมเป็นไปเพื่ออันตรายอันไม่เกื้อกูล เพื่อความทุกข์ตลอดกาลนาน ข้อนั้นเป็นเพราะเหตุไร ?

ดูก่อนภิกษุทั้งหลายข้อนั้นเป็นเพราะธรรมทั้งหลายอันโมฆบุรุษเหล่านั้นเรียนผิดทาง ดังนี้.
===========================================================

+++ เรื่องของ "นรกเลือดเย็น หรือ นรกเย็น" คงจะ กูเกิ้ล กันเอาได้

+++ แต่ในที่นี้ จะชี้ไปที่เดียว ตรงนี้ "ธรรมเหล่านั้น ที่โมฆบุรุษเหล่านั้นเรียนผิดทาง ย่อมเป็นไปเพื่ออันตรายอันไม่เกื้อกูล เพื่อความทุกข์ตลอดกาลนาน"

+++ แค่นี้ก็คงทราบกันดีอยู่แล้วว่า "พระพุทธองค์ ท่านทรง ชี้ ไปที่ใด" นะครับ

 

ยุคนี้ใครได้ครูบาอาจารย์ที่ดี
เป็นสัปบุรุษสอนตรงมรรค8
โชคดีสุดๆนะครับ

 

ก็จริงคับ...

 

+++ ทั้งหมด ขึ้นกับ "นิสัย/วาสนา (สัมปยุตตาธัมมา) รวมถึง คำอธิษฐาน ที่มี สติ เป็นองค์ประกอบ ด้วยหรือไม่" ต่าง ๆ เหล่านี้ เป็นตัวชี้ นะครับ

 

ผมยอมเลียทุเรียนจนเป็นแตงโม....แต่จริงๆ..ไม่ใช่เลย...ผมรู้ดีว่าผมกำลังวันทากับใครหรือแนะนำอะไรไปรวมไปถึงกำลังถูกใครตักเตือนสั่งสอน...ทุกสิ่งล้วนมาจากสติ....คนมีหลายประเภทมักถามว่ามาจากไหน...กว่าจะมีได้ก็ผิดมานับไม่ถ้วน...เท่าที่เคยเห็นพระอริยะเจ้าจริงๆในภพนี้ท่านล้วนไม่พลาด...พิจารณายังไง...ก็เป็นไปไม่ไดเที่เขาจะพลาด...ผมเลยยอมและเชื่อสนิทใจว่า...พี่คงไม่ใช่ปกติธรรมดาผมคนธรรมดา...วันนึงพี่คงต้องสู่ล่มกาสาวพักษ์ผมจะไปจะกายเนื้อหรือกายไหนผมจะไปอนุโมทนาคับ

 

+++ ถ้า คุณ ปราบเทวดา กับ คุณ kenny2 ได้อ่าน ในกระทู้ที่ผม ทำลิ้งค์เอาไว้ ก็จะพบได้เองว่า

+++ การที่ จขกท จับลมพัดทั้งตัวนั้น "ณ ขณะนั้น ๆ อาการ รู้/รู้สึกทั้งตัว ย่อมมีมาเอง"

+++ และอาการ "รู้/รู้สึก ทั้งตัว" นี่แหละ ก็คือ "สติปัฏฐาน" จนเกิด "กายเบา/จิตเบา"

+++ อาการดังกล่าว คือ อาการที่ "ดำรงค์สติมั่น จนกลายเป็น สัมโพชฌงค์" ด้วยตัวมันเอง

+++ จากนั้นอาการ "รู้ธรรมเฉพาะหน้า (ตัวลอย)" ก็เกิดขึ้น แม้แต่ สภาวะที่ "เกิดก่อนตัวลอย" ก็ รู้ ชัดเจน

+++ อาการ "เหมือนไฟฟ้าช๊อต ก่อนที่จะลอย" นั้น หากจะใช้ภาษาทาง Si-Fi

+++ ก็คงต้องเทียบกับ "ยานอวกาศ" ที่เกิดอาการ Spark ประจุไฟฟ้า ก่อนที่จะ "ยกตัวลอยขึ้น" ประมาณนั้น


+++ อีกประการหนึ่ง ที่ผมระบุไว้ชัดเจน ในกระทู้นั้น คือ "ต้องใส่ใจ แต่ไม่ต้องลังเล และต้อง ควบคุมการรู้ทั้งตัวไว้ให้ได้ จึงสามารถรู้อาการในรายละเอียดได้"

+++ ตรงนี้ คืออาการของ "ใส่ใจ = จิตตะ (อิทธิบาท 4)"

+++ จึง "รู้อาการในรายละเอียดได้ = วิมังสา (อิทธิบาท 4)"

+++ ส่วน "ควบคุมการรู้ทั้งตัวไว้ให้ได้ = มหาสติปัฏฐาน 4"


+++ สรุป คือ "ดำรงค์สติมั่น จนกลายเป็น สัมโพชฌงค์" (สติ/สมาธิ) (ฉันทะ/วิริยะ)

+++ "รู้ธรรมเฉพาะหน้า" คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะตน

+++ จากนั้นจึงทำ "จิตตะ เอาใจใส่" จนกว่าจะ "รู้รอบ (วิมังสา)" ที่เกิดขึ้นนั้น ๆ


+++ ส่วนการ "ควบคุมการลอยตัว" ให้สลับไปมา ระหว่าง รู้ทั้งตัว กับ เบาทั้งตัว ตาม % ต่าง ๆ นั้น

+++ แท้จริง คือ "การเดินจิต สลับกับการทำ โอปนยิโก" ไปมา ระหว่าง สภาวะธรรม รู้ VS เบา นั่นเอง


+++ ซึ่งอาการตรงนี้ "ไอ้มารปัญญาอ่อน Saber" มันจะต้องบอกว่า "ไม่ต้องไปสนใจ" ตามสันดานของมันนั่นแหละ

+++ หากผู้ใด "หลงเชื่อ ทำตามที่มันบอก" ก็แน่นอน ก็ต้อง "โดนตัดมรรคผล" ไปตามระเบียบ


+++ ที่ผมบอกว่า มันเป็นมาร ก็เพราะ "มันชอบ ขวางมรรคผล ของผู้ปฏิบัติธรรม"

+++ เหตุเพราะ "มันอยากสอน ทั้ง ๆ ที่ตนเอง ไม่รู้ ไม่มีความสามารถตามความเป็นจริง"

+++ ที่เรียกว่า "ขาด/ไม่มี คุณสมบัติ" ในการสอน หรือ "ไม่ควรสอน" นั่นเอง

+++ ในอีก "สุดแสนมหากัปป" "หาก" มันพ้นจาก "อบาย" ออกมาเมื่อไร

+++ ในยุค "อนาคตอีกสุดแสนไกล" หากผู้ใดปฎิบัติธรรม แล้ว "เจอมาร ในสมาธิ"

+++ ก็ให้ รู้ ไว้คร่าว ๆ ว่า


+++ "กาลครั้งหนึ่ง นานมาแล้ว ในยุคนั้น ซึ่ง ปัจจุบัน คือ ยุคนี้"

+++ "มีมารปัญญาอ่อน อยู่ตัวหนึ่ง ชอบเข้ามาสอน การปฏิบัติธรรม ด้วยวิธีผิด ๆ"

+++ "ครั้นเมื่อสิ้นอายุไปแล้ว มารปัญญาอ่อนตนนั้น ก็ได้ ล่วงละลิ่วปลิวไปยัง มหาโลกันต์นรก ทันที"

+++ "มารนั้น ต้องวนเวียนอยู่ใน มหาโลกันต์ หมุนเวียน สลับขุม ไปมา ยาวนาน สุดหลายแสนมหากัปป"


+++ "เมื่อพ้นวิบาก แล้วขยับมาทีละขุม จนพ้นอบาย แต่ มารปัญญาอ่อนตนนั้น ก็หาได้ พ้นนิสัยไม่"

+++ "ด้วยสันดานแห่ง มโน/วจีกรรม ที่สั่งสอนผู้อื่นว่า "ไม่ต้องสนใจ" แม้ว่าจะเป็น "สภาวะธรรมเฉพาะหน้า" ก็ตาม"

+++ "ก็ตรงนี้แล จึงทำให้มัน "ไม่สามารถเห็นธรรม แต่ประการใดได้ แม้ว่าจะอยู่ต่อหน้า พระบรมศาสดา ในอนาคต" ก็ตาม"

+++ "และแล้ว ในยามที่ พุทธศาสนิกชน ในอนาคตอันสุดแสนไกลนั้น ได้เร่งเพียร จนพอได้ สมาธิ อยู่บ้าง"

+++ "ไอ้เจ้า มารปัญญาอ่อน ตนนี้ ก็จะเข้าไป "แฝงนิมิต/มโน" แสดงการ "ห้ามสนใจ" ในสภาวะธรรม อีกเช่นเคย"

+++ "วิบากกรรม ในอีกวงจรหนึ่ง ก็ได้กำเนิด วนรอบกลับมาอีก"

+++ "จักยาวนานอีก กี่อสงไขย ก็ตาม มันก็ "ไม่อาจจัก พ้น นิสัย/วาสนา (สันดาน/วิบาก)" ได้"

+++ เหตุทั้งหมดของ "มารปัญญาอ่อน ตนนี้" อยู่ที่ "ไม่รู้จัก" อาการของ "สัมมาสติ/สัมมาสมาธิ" นั่นแล...

+++ กาลเวลาก็ล่วงมานานแล้ว ก็จะขอยุติการ "วิสัชนา เรื่อง มารปัญญาอ่อน" ตนนี้ "ไว้ชั่วคราว" แต่เพียงนี้


+++ ขอให้ พุทธศาสนิกชน ทุกท่าน จงรอดพ้นจาก "การรังควาญ ของ มารปัญญาอ่อน ตนนี้" เทอญ

+++ หาก พุทธศาสนิกชน ท่านใด โดน "การรังควาญ ของ มารปัญญาอ่อน ตนนี้" ก็ให้รีบ ๆ ตั้งจิตถึง "กระบี่ปราบมาร" หรือ "กระบองทุบหัวควย" ทั้ง 2 จอมยุทธนี้ ได้ทันที รับประกันว่า ไม่ต้อง "เขียน ยันต์ ให้วุ่นวาย" เดี๋ยวเดียว "มารม้วย" แน่นอน นะครับ

 

เวลาของผมนั้นเมื่อถึงกาลเขาเหล่านั้นไม่มีสิทธิ์ผมมาที่นี่ตามความเป็นจริงผมรู้จักผู้คนนับรวมทั้งโลกยังไม่ถึงห้าพันเลย...ดังนั้นคงยากจริงๆ...ใครรับก็รับไปแต่ผมไม่รับ..เพราะเขาต้องกระทำตนและชดใช้กรรมอีกมากมาย...จริงๆ

 

+++ บอกตามตรงนะครับว่า "ผมได้ตั้งแต่ สมัยที่ผมยังเป็น พระป่า ในปี 2530 ก็ 30 กว่าปีมาแล้ว"

+++ หลายท่าน ที่เป็นครูบาอาจารย์ ในยุคนี้ ก็เคย "แบ่งยาสูบร่วมกันมาแล้ว" แต่ไม่สมควรพูด

+++ แต่สิ่งที่ผมมักจะพูดก็คือ "ผมโพสท์ ในสิ่งที่ผมทำได้"

+++ อะไรที่ผม "ทำไม่ได้ จะไม่ เดาส่งเดช" "ไม่มีการ ปี้แปะ โดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ใด ๆ ทั้งสิ้น" เพราะมีจะเกิด "วิบาก" ตามมาภายหลังได้ เท่านั้น นะครับ

 

ไม่ใช่ไม่เมตตา...แต่กรรมและผลแห่งกรรมมันคือเรื่องใหญ่มาก...พระโพธิสัตว์ล้วนทนทุกข์ด้วยผลกรรมที่ตนสร้างไว้ในอดีตก่อนเสวยชาติเป็นนิยตะโพธิ์สัตว์เพื่อบำเพ็ญปรมัตถ์บารมี...กี่ชาติ...อย่าสงสัย...ถ้าไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรากฏอย่าคิดว่าจะรู้....จึงบอกว่าจงระลึกไว้ในทุกคำสอนและหาแก่นแท้ให้เจอ...พระอริยะเจ้าท่านพ้นแล้วจะลำดับไหนท่านก็พ้นแล้ว...เหลือแต่ปุถุชนคนธรรมดาอย่างพระโพธิกับมนุษย์นั่นแหละเวียนว่ายไปต่อ...เชื่อสิ...ไม่เคยหมดความศรัทธ่และเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยหรอก....จริงๆ

 

+++ คุณ ไปก่อนกาลเวลานั้น นะครับ

 

ไม่หรอกคับ...ยังชดใช้อีกหลายกัปล์

 

ขอให้พี่ซึ่งเห็นแล้วเป็นไปตามธรรม...ผมเคารพและศรัทธาในพระรัตนตรัยมากแม้จะบ้าๆบอๆ...แต่นั่นคือกรรมของผมครับ ...ถ้าถึงเถ้าถึงเวลาผมจะพบพี่ในขณะที่พี่ครองสังขารเป็นสมณะในสมเด็จพระสมณโคดม...ผมยินดีและรู้สึกว่า...เจอแน่ๆ...ตอนนี้พี่ครองฆราวาสธรรมก็ทำตามสมควรนะคับ

 

เอาเป็นว่าจะกล่าวอะไรถ้าเป็นธรรมที่พระศาสดาตรัสสอนแม้การสื่อภาษาอาจไม่ชัดเจนแต่เรานี่แหละคือผู้ฟังและพิจารณาว่าเขาสอนตามธรรมหรือไม่...ข้อนี้จะโทษอะไรก็ทำได้ถ้ามองไม่เห็น...แต่ผมอยู่ข้างพระศาสดาสมณโคดมแน่ๆ...ถ้าผมไม่แน่ใจผมจะถามครูบาอาจารย์ของผมเช่นกันครับ...ไม่เอ่ยท่านที่ยังทรงขันธ์ก็ชราภาพมากท่านที่อยู่คงต้องรวบรวมเรื่องราวและถามไถ่...ท่านไม่ว่าผมบ้าหรอก...ทำไมต้องจำเรื่องเหล่านี้มาถาม...เพราะท่านรู้ว่าทำไมถึงถาม...ที่จริงก็ที่จริงก็เป็นห่วงคนไทยนะมากมายที่ควรได้กลับไม่ได้...เลยถามเพราะเอาไว้เป็นอุทาหรณ์ครับ

 

"พุทโธอวโลกิเตศวร" ที่เป็นคนปกติ
รู้แต่ก่อนปรับปรุงเวบล่าสุดค่าพลัง
สองหมื่นกว่า ผ่านมาไม่กี่วัน
เพิ่มเป็น ห้าหมื่นกว่า
ได้อย่างน่าอัศจรรย์ ๕๕๕
สงสัยได้มาจากสติปัฎฐาน ๔ ตามแนววิชา
ธัมๆกลายๆ ที่ชอบล็อกกระทู้ตอบเองชงเอง
หลังๆเริ่มเอา ตามแนวหลวงพ่อที่อุทัยมาแระ
เพื่อคงภาพลักษณ์ตนเองต่อไป

แอบขำเล็กน้อยถึงปานกลาง
คนอะไร ขนาดค่าพลัง
ยังลวงได้ทั้งตนเองและชาวโลก
ตลกไปอีกแบบ

คนละแบบ กับ ผู้สำเร็จวิชา
ปี๊แปะสญานนะครับ

 

+++ เป็นคนของ "ธรรมกลาย" แน่นอน ลองดูในโพสท์ข้างล่างนี้ก็ "ชัดเจน" ทันที

https://palungjit.org/threads/พระโพธิสัตว์ท่านใด-ที่สามารถโปรดคนที่ตกโลกันตนรกได้บ้างครับ.642744/

+++ ลัทธิ "ธรรมกลาย" นี้มี "พระพุทธเจ้า ฝ่ายดำ รบกับ พระพุทธเจ้า ฝ่ายขาว" ซะอีกด้วย

+++ นี่มัน "ศาสนาอะไร แฝงตัวเข้ามาใน เวปพระพุทธศาสนา" แห่งนี้

+++ ไม่รู้ว่า คุณ Websnow จะ "หนักใจ" บ้างหรือป่าว นะ

 

ถ้าถามผม...ทำไมต้องลงไปหาเขาในนรก...ถ้าความจำเป็นคือส่วนใหญ่ตกนรกอาจลงไปแต่...เป็นไปไม่ได้ที่จะรื้อทุกสิ่ง...มันมีเงื่อนไขของมัน...นรกคือภูมิของการชดใช้แบบที่สุด...หนักมาก...คนที่ต้องตกนรกเพราะทำกรรมไว้หนักมาก...ยากต่อการแก้ไข....แต่ให้คิดว่าไปเห็นไปโปรด...ก็ อาจทำได้แต่ไม่ค่อย...ไม่รู้สิคิดแบบมโนเต็มรูปแบบคือ...คนที่เห็นตรงหน้ากลับไม่นึกถึงแต่นึกถึงคนในอดีตที่พลาดผิด.,.สิ่งเดียวที่จะทำได้คือเอาความพลาดผิดมาใช้สอนใจเราและให้เราและใครไม่ทำตาม...ลงไปในนรกคงไม่ช่วยอะไรทำได้เพียงผ่อนคลายทุเลาลงในช่วงระยะเวลานึงเท่านั้น....

 

ผมเคยคิดว่าถ้าอยากให้มนุษย์เห็นโทษของบาปเวรก็ยกนรกขึ้นมาให้เห็นเพื่อเห็นแล้วจะได้รู้ซึ้งถึงนรกที่เป็นแค่จินตนาการที่เล่าเรียนตามกันมา...ผมเคยว่าถ้าเป็นได้จริงคนและสัตว์ทั้งหลายต้อวกลัวและไม่อยากสร้างบาป...แต่คงเป็นไปไม่ได้....เพราะว่าโลกนี้มีทั้งสิ่งดีงามและสิ่งเลวทรามเกิดขึ้นเสมอ...ผมคงคิดไปเองถ้าเห็นทุกข์จะทำให้ลดละการทำชั่วหรือการเบียดเบียนทั้งปวง

 

อนุโมทนาเจ้าของกระทู้ที่มีความตั้งใจจริงครับ ความพยายามอยู่ที่ใหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น

 

ขออนุญาติแชร์ประสบการณ์ครับ เพ่งลมต้องรู้ธรรมชาติของลมก่อนนะครับ สังเกตุลมกระทบตัวเองจะง่ายกว่าลมกระทบใบไม้หรือสิ่งอื่นๆเพราะลมมันมองไม่เห็นจึงจับภาพไม่ได้จับได้แต่อาการและผลของลมครับ ขอให้สำเร็จไวๆนะครับ..ขอเอาใจช่วย