กึ่งพุทธกาล..เปิดธรรมโลกุตระ! ไขความลับจักรวาล ไขขปริศนาแห่งธรรมจักร

ตั้งใจ ทำ ในสิ่ง ที่ตนเอง คิดว่า ความรู้ที่ตนเองมีนั้น ช่วยคนได้จริงๆ
ส่วนเรื่องไร้สาระ..ไม่ต้อง เอามาพูด...

 

จะช่วยคนอื่น ให้ดูที่ปัญหาของเขา...ไม่ไช่มามัว นั่งโม้เรื่อง ไร้สาระของตนเอง
ยุคนี้....มันต้อง จริง ตรงจุด..และ...ช่วยเขาได้จริงๆ..ไอ้เรื่อง.ที่ ไร้สาระต่างๆ ...ไม่ต้อง

 

ไม่ต้อง วาดภาพ ไม่ต้อง ให้ดูดี ...ไม่ต้องลีลา
ไม่ต้องการผลตอบแทนใดใด....ไม่ต้องสร้างภาพด้วย

ช่วยคือ..ช่วย...ไม่ต้อง อารัมภบทใดใด

 

ช่วย...หมายถึง..ช่วยให้พวกเขาหมดปัญหา...ช่วยให้พวกเขาลุกยืนได้ด้วยตนเอง ช่วยให้พวกเขาเกิดปัญญาไม่สร้างปัญหาอีก..ช่วยแบบ..จบสิ้นปัญหาไปเลย...ช่วยให้จบ

 

ก็เคยบอกไง..ว่า เคย มีลูกมั้ย..ถ้าเลี้ยงลูกตนเองไม่เป็น ช่วยลูกตนเองให้ พึ่งพาตนเองไม่ได้...ก็..ไม่ต้องคิดจะไปช่วย คนอื่นเลย....โง่ชัดๆๆๆ

 

คน พ่อแม่..ที่ไม่มีปัญญา สร้างความสุข ให้เกิดแก่ ครอบครัวของตนเองได้.

ก็ไม่ต้อง..สะเออะ ไปทำการทำงาน..อะไรเลย...สมองหมาปัญญาควาย.ชัดๆคนเหล่านี้

นี่คือเรื่อง ที่ ..ต้อง ตระหนัก..ให้ทุกคนได้รู้ว่า...ความสำเร็จของครอบครัว เป็นตัววัด คนมีคุณภาพ หรือเปล่า นั่นเอง

 

คนที่(พ่อแม่ทุกตัว) ดูแลครอบครัว ตัวเอง ให้ดี ยังไม่ได้..ไม่ต้อง มาเป็น ข้าราชการ ไม่ต้องมาเป็น ครู เป็น ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน นายอำเภอ ผู้ว่า สส สว นายก

นี่คือ...ความเป็นจริง..วุฒิภาวะ...ไม่ได้...อย่ามาเป็น...ตัวอย่างให้กับ สังคม

 

กระทู้นี้เพียงแค่ช่วยกันพิสูจน์ความจริง...แค่นั้นเองค่ะ

ธรรมะ ... ธรรมชาติ

ธรรมโลกุตระ ...กระทำสัจจะ....ลดละนิสัย...ไขปริศนาแห่งธรรมจักร

 

จะพิสูจน์ ความจริง หาสากกะเบืออะไร
พิสูจน์แล้ว ได้อะไร
ปริศนาบ้าบออะไร...ปริศนาน่ะ ให้ หรัส เขาทำไป...ไม่ต้อง ไปทำเลียนแบบ คนอื่นหรอก โง่อย่างแก

 

หาผัวให้มันได้ก่อนมั้ย..ก่อนจะไปพิสูจน์...อะไรๆ

 

ไม่รู้ จะด่า แกยังไงแล้ว...ล่ะ

 

ขอโทษนะคะ ทุกคนมีชีวิตทางชีวิตของตนเอง ไม่สามารถเลียนแบบใครได้

ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเองนะคะ

เมื่อคิดว่าเป็นการเลียนแบบกัน...

ถ้าเลียนแบบกันทำในสิ่งที่ดี...ก็ยอมค่ะ

 

พิสูจน์กันดูก่อน ว่า..จิตจักรวาล...สื่อไว้ให้จริงไหม

ถ้าใครมีความจริงที่พิสูจน์ได้....ขอเชิญค่ะ

ร่วมกัน...ยุคนี้เป็นยุคเปิดธรรมโลกุตระ..ไม่ได้มีเกิดขึ้นบ่อยนัก..

และประเด็นสำคัญ..ไม่มีใครรักคนอื่นสมอตนไม่มี

เมื่อสิ่งที่เราอยากให้คนอื่นรู้...เรากลับยิ่งพอกพูนความรู้ยิ่งขึ้น

ให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวงค่ะ

 

ว่ากันแรง สงสัยเป็นคนรู้จักกัน :'(

 

ใช่ค่ะ นับถือท่านเป็นอาจารย์คนหนึ่ง

เคยขอเรียนรู้เรื่องกับท่านมาระยะหนึ่งค่ะ

ท่านเป็นคนแบบนี้..คุยโทรศัทพ์ ขึ้นมึงกูตลอด

แต่ท่านก็เป็นคนที่เปิดเผย และจริงใจ ความรู้ก็ดีมากค่ะ

 

ท่านแปลงร่างเป็นกระตร่ายป่า จ้องดูอยู่ ..2อิ

 

.
เขียน ๒๐.๐๑

เอ..นี่โดนผีวงกลมจุดเข้าสิงป่าวเนี่ย ลีลาคล้ายเชียว
อืม..แต่อาการปากคัน ก็ยังอยู่นะ หายไปพักนึงแล้วนี่ เนอะ
โอย..ตูล่ะเบื่อ จะพูดภาษาคนกันดีๆ ได้ไม๊วะ เสียของในหัวหมด


หมอมือเปล่า / แสงสว่างตราค้างคาว
.

 

เขียน ๒๐.๑๐

เฮ้อ..คิดๆ แล้ว เรานี่ช่างโชคดีจริงแฮะ
ที่ไม่ต้องปวดหัวเรื่องนี้แบบท่านจิตยิ้มแย้ม
สมัยโน้น ที่รู้เรื่องพวกนี้ ก็แค่รับเข้า และวิเคราะห์
แยกแยะ เชื่อมโยง หาเหตุผลที่เข้าใจได้มารองรับ สรุป
แล้วก็บันทึกข้อสรุปที่ได้ แยกไว้เป็นส่วนๆ รอข้อมูลเพิ่มเติม
ไม่ต้องสาธยายออกมา ให้ใครๆ มาปวดหัว งงงวย เงอะงะ ง็อกแง๊ง

กิจของท่าน อาจจะแค่รับรู้และเรียบเรียง เก็บไว้ก่อนรึป่าว
เก็บไว้ให้เป็นระบบ แบบมีระเบียบ เดี๋ยววันหลังมันจะงอกได้นะ
ถ้ามันงอกออกมา จากข้อสรุปของท่าน มันจะเป็นความรู้สไตล์ตัวเอง
แล้วต่อจากตรงนั้น ก็จะไปต่อได้เองอีก ล่ะมั้งนะ เดาเอา จากประสบการณ์
หรืออาจจะแค่รับรู้ ทำความเข้าใจ แล้วปล่อยผ่าน อาจเป็นแค่ทางผ่านที่จำเป็น


ทอดมัน ฟรอยด์ / น็อต ตรามนุษย์
.

 

ทำไมต้องสุญญตา....

มนุษย์โดยจิตหยาบจะต้องรู้ว่า ผู้มาเกิดเป็นตนเอง คือ จิตวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังงานแก่นแท้ที่เร้นอยู่ภายในร่างกายของมนุษย์ทุกคน ที่ข้ามมิติจากสนามพลังงานสากลนอกระบบเอกภพ เข้ามาสู่การเป็นมนุษย์ หรือ เป็นคน"สองมิติ" เพื่อทำหน้าที่ (ขอเรียก มรรค 8 สั้น ๆ ว่า"หน้าที่") ในสัจจะของจิตวิญญาณ

สาเหตุไม่สามารถบรรละหน้าที่ใน 6 ประการข้างต้น อันเป็นหน้าที่ทางจิตวิญญาณของตนเองได้ เป็นเพราะเหตุว่า...

มนุษย์โดยจิตหยาบในแต่ละคน หมุนธรรมจักรในตนองไม่เป็น และหมุนกันอย่างไม่ถูกต้องด้วย จึงทำให้ธรรมจักร กลายเป็น "กรรมจักร" ไปอย่างน่าเศร้าใจ..และที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้น ก็คือ มนุษย์โดยจิตหยาบนี่เองที่เป็นตัวการทำลายความบริสุทธิ์ของแก่นแท้ตนเองให้เสื่อมไปอย่างไร้สำนึก

สิ่งที่มนุษย์โดยจิตหยาบแต่ละคน ต้องรู้ก็คือจิตวิญญาณที่เป็นพลังงานแก่นแท้ ต่างล้วนมีคุณสมบัติเดิมเป็นอย่างเดียวกัน หรือ เหมือนกันทุกรูปธรรม คุณสมบัติที่ว่านั้น คือ

การเป็นผู้อิ่มเอิบอยู่ในความว่างอย่างยิ่งยวด

คำว่า "อิ่มเอิบอยู่ในความว่าง" หมายถึง...

สภาวะจิตที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขและความสงบโดยไม่มีคุณสมบัติอื่นใด เคลือบแฝงปนเปือนอยู่ในนั้นเลย

อาจกล่าวได้ว่า จิตวิญญาณซึ่งเป็นตัวตนแก่นแท้ในมนุษย์แต่ละคน เป็นรูปธรรมทางพลังงานที่มีความสมดุลอยู่ในตนเอง โดยจะมีการสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่ด้านบ้านสูงสุดอยุ่ภายในตนเองอย่างต่อเนื่องและมั่นคงอยู่มิติเดียว คลื่นความถี่สูงสุดนี้ คือ "ความสุขสงบ" นั้นเอง

สรุป คุณสมบัติเดิมแท้ของจิตวิญญาณทุกรูปธรรมคือ [COLOR="Red"[B][U]]"ความสุขสงบ"[/U][/B] [/COLOR]ซึ่ง หมายถึง [COLOR="red"]"จิตที่อิ่มเอิบอยู่กับความว่าง"[/COLOR]

จิตที่อิ่มเอิบอยู่กับความว่าง หมายถึง จิตที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสุขและความสงบอยู่ในตนเอง โดยไม่มีสิ่งใด เรื่องใด เป็นสิ่งเร้าทำให้สั่นไหวได้เลย

นอกจากนั้นยังหมายถึง....

จิตที่มีแต่ความสุขสงบ หรือ จิตที่มีความอิ่มเอิบแต่เพียงอย่างเดียว โดยว่างไปจากอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด หรือ ว่างไปจากการสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่ทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดในมิติอื่น ๆ ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ที่ต่ำกว่าอย่างสิ้นเชิง

ถ้าจะตีความว่าความอิ่มเอิบ หรือ ความสุขสงบนี้เป็นอาการหรืออารมณ์รู้สึกนึกคิดตามธรรมชาติอย่างเดียวของจิต การสั่นสะเทือนด้านบวกสูงสุดแล้ว ย่อมแสดงว่าจิตวิญญาณทุกรูปธรรมต่างล้วนมีคุณสมบัติ อารมณ์รู้สึกนึกคิดเฉพาะตัวเช่นว่านี้เหมือนกันหมด เป็นอย่างเดียวกันหมดทั้งจักรวาล

มีความอิ่มเอิบอยู่กับความว่าง หรือ มีความสุขสงบเป็นคุณสมบัติธรรมชาติแห่งตน ซึ่งเป็นคลื่นความถี่ของการสั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดสูงสุดในด้านบวกนัั่นเอง

มนุษย์ทุกคน ต้องข้ามพ้นจากการคิดแบบจิตมนุษย์ก็ด้วยเหตุนี้...

คุณสมบัติอันเป็นธรรมชาติของตนเอง 3 ประการ

1.เป็นผู้มีพื้นฐานทางอารมณ์รู้สึกสูงสุดในด้านบวกเท่านั้น

2.เป็นผู้มีพื้นฐานการนึกคิดของจิตสูงสุดในด้านบวกเท่านั้น

3.เป็นผู้มีพื้นฐานทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านบวกในสองประการนั้นอย่างมั่นคง

อารมณ์สูงสุดด้านบวก....ความสุขอันเกิดจากความสงบแห่งจิต หรือ การอิ่มเอิบอยู่กับความว่างไป..จากอารมณ์รู้สึกอื่นใดของจิตเองอย่างสิ้นเชิง.. คงมีแต่ความสุขอันเกิดจากความสงบแหงจิตของตนเองอยู่เท่านั้น

การนึกคิดสูงสุดด้านบวก....คือ สภาวะจิตที่มีความสามารถรู้สึกรู้คิดทุกสิ่งทุกเรื่องราวได้ด้วยจิตเอง โดยตั้ังมันอยู่กับ "การให้" การนึกคิดที่จะให้ ก็คือ การนึกคิดด้านบวก ซึ่งตรงกันข้ามกับการนึกคิดที่จะ "เอา"ซึ่งเป็นการนึกคิดด้านลบโดยแท้

การมีอารมณ์รู้สึกนึกคิดสูงสุดด้านบวกอย่างมั่นคงเสมอ..คือ การที่สภาวะจิตที่สั่นสะเทือนอารมณ์รู้สึกคิดคิดด้านบวกสูงสุดได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคง ไม่หวั่นไหวไปกับสิ่งเร้าภายในอกภายในใด ๆ ในอันที่จะทำให้ สภาวะจิตที่กำลังสั่นสะเทือนเป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิดสูงสุดด้านบวกสูงสุดอยู่นั้น ถูกลดทอนลง หรือ แปรเปลี่ยนไปจากคุณสมบัติเดิม....

คือ..ต้องรู้ว่า..สภาวะจิตที่เป็นธรรมชาติของจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของตนเองที่เรียกว่า "ธรรมจักร" นั้น มันจะสั่นสะเทือนอยู่อย่างนี้ มั่นคงเช่นว่านี้เสมอ

เดี๋ยวมาไขปริศนาคำว่า "คน" หรือ มนุษย์ กันต่อค่ะ

 

มนุษย์นี่กลายพันธ์มาจากต้นไม้จริงเหรอ อ่านเจอของใครแว่บๆ
ตามคำทำนายด้วย ป่าอำมหิดเพราะคนไปทำลายป่าเยอะ เสียสมดุล
เลยกำเนิดคนเพี้ยนๆ ขึ้นเยอะแยะ ใครจะทำลายคำสาปนี้ได้เนี่ย
น่าจะติดตามลีเจนออฟมานานะ คุยกับตัวแทนป่าคือพวกภูติต่างๆ ว่าเขาจะเอาไง