กึ่งพุทธกาล..เปิดธรรมโลกุตระ! ไขความลับจักรวาล ไขขปริศนาแห่งธรรมจักร

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย jityim, 24 พฤษภาคม 2016.

  1. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ตามความเข้าใจของตัวเอง เราเกิดมาเป็นมนุษย์โลกกันทำไม เรามีสำนึกแห่งการรับรู้กันทำไม ในเมื่อแก่นแท้ที่เป็นอนัตตา ก็คือ ความบริสุทธิ์ที่หมดจดดีงามอยู่แล้ว ไร้ซึ่งการปรุงแต่งใด ๆ แต่ในเมื่อมีเหตุการสั่นสะเทือนเพื่อการรับรู้เกิดขึ้น ก็แสดงว่า....ต้องมีเหตุปัจจัยอะไรบางอย่างค่ะ

    ความรู้จากจิตจักรวาลค่ะ

    สรรพสิ่งที่เกิดขึ้นได้เอง ดับสลายเสื่อมคลายลงได้เอง มีอยู่เอง และมันเป็นของมันเช่นนั้นเอง มิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สัตว์ประจำโลก หรือรูป
    ธรรมใด ๆ เป็นผู้ปรุงแต่งขึ้น

    ถ้าจะให้นิยามความหมายของคำว่า "ธรรมชาติ" ให้ถูกต้องถ่องแท้แล้ว มนุษย์ต้องทำความเข้าใจให้กระจ่างกันต่อไป

    คำว่า "การเกิดขึ้นเอง การดำรงอยู่เอง การดับสลาย และ การต้องเป็นของมันเช่นนั้นเองของสรรพสิ่งใด ๆ " ดังกล่าวไว้ใ โดยเนื้อแท้แล้วมันมิได้หมายความว่าอย่างที่คิดกันแบบจิตมนุษย์ทั่วไป

    สิ่งใดที่นึกอยากจะเกิด สิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นมาได้เอง
    สิ่งใดที่นึกอยากจะดำรงอยู่ สิ่งนั้นก็ดำรงอยู่ได้เอง
    สิ่งใดที่นึกอยากจะดับสลาย สิ่งนั้นก็จะดับสลายลงไปเอง และ
    สิ่งใดที่นึกอยากจะเป็นเช่นไร สิ่งนั้นก็จะเป็นของมันเช่นนั้นเอง



    แท้ที่จริงแล้ว สรรพสิ่งเหล่านั้นย่อมมีเหตุแห่งการเกิด เหตุแห่งการดับ เหตุแห่งการดำรงอยู่ และเหตุแห่งการต้องเป็นของมันเช่นนั้นเสมอ


    เพราะในสนามพลังงานจักรวาลอันไพศาลนี้ ไม่มีสรรพสิ่งใดเรื่องราวใด ๆ ที่อยู่ภายใต้ "กฏแห่งความบังเอิญ" เลยสักสิ่งเดียว ทุกสรรพสิ่งย่อมมีที่มาที่เป็นด้วยกันทั้งนั้น

    มนุษย์ส่วนมากถ้าหากมีอะไรที่ตนอธิบายที่มาที่ไปไม่ได้ หรือ มีอะไรที่ตนหาเหตุผลมาสนับสนุนในสิ่งที่สัมผัสรู้ดูเห็นอยู่นั้นไม่ได้ มนุษย์ก็มักจะทึกทักเอาว่าเป็นเรื่อง "บังเอิญ"
    หรือ ไม่ก็ยกคำว่า เป็นเรื่องธรรมชาติ

    สำหรับเรื่องราวหรือสรรพสิ่งที่เป็นธรรมชาติทั้งหลายนั้น มนุษย์จะไม่สามารถสัมผัสรู้ดูเห็นเบื้องหลังของการเกิดเอง การดับเอง การดำรงอยู่เอง และการเป็นของมันเช่นนั้นเองได้เลย แต่....

    มนุษย์ก็ต้องยอมรับว่าทุกสิ่งที่เป็นธรรมชาตินั้น เป็นความจริงที่จริงแท้ที่ไม่มีผู้ใดจะเปลี่ยนแปลงมันได้ โดยมันจะต้องเป็นของมันเช่นนั้นเองเสมอ ซึ่งมนุษย์เรียกว่า "สัจธรรม" นั่นเอง
     
  2. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    เป็นความรู้ที่ได้อ่านมาจากการสื่อคลื่นความคิดจากจิตจักรวาล ของอ.ปริญญาค่ะ

    จนเกิดจากการหยั่งรู้..... เพราะตนเองได้พบประสบการณ์อันหลากหลายของโลกตระธรรมค่ะ จึงรู้และเข้าใจได้ค่ะ
     
  3. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    คือเราเห็นปลายทางแล้ว แต่ต้นทางไม่ได้เห็นได้ด้วยตนเอง มีการได้รับความรู้จากสื่อความคิดของจิตจักรวาล ที่ อ.ปริญญาเป็นผู้รับสื่อมา จึงทำให้เรารู้และเข้าใจได้ เพราะธรรมโลกุตระที่สัมผัสมานั้นเกิดที่ใจตนแล้ว จึงเกิดการหยั่งรู้ได้....

    แล้วที่นี้ ท่านวรณ์นิอาจจะถามว่า แล้วคนที่ไม่ได้พบธรรมโลกุตระนั้นล่ะ จะเข้าใจได้หรือ ตนเองก็มีลังเลสงสัยตรงนี้เช่นเดียวกัน แต่คิดว่า สิ่งที่ทำลงไปคงมีเหตุ และมีสิ่งดึงดูดให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องได้มาอ่าน ไม่ว่าจะรู้มาแล้ว หรือ จะรู้ได้ในอนาคต และอีกอย่างหนึ่ง การไขปริศนาธรรมจักร เมื่อตนเองได้ทำแล้วก็เกิดความรู้ยิ่ง ๆ ขึ้น และ ปราถนาให้คนอื่นรู้และเข้าใจเพื่อมาพิสูจน์ด้วยค่ะ หากแม้นวันนีัยังไม่รู้ แต่พอได้นำความรู้นี้ไปพิจารณากับศาสนาพุทธของเราอาจจะเกิดอะไรบางอย่างแก่ตัวเขาอย่างที่ตนเองเป็นก็ได้ค่ะ

    เพราะไขความลับของจักรวาล ก็ต้องไขกันที่แก่นแท้คือ อนัตตา ค่ะ

    เพราะยุคกึ่งพุทธกาล คือ ยุคที่เปิดธรรมโลกุตระค่ะ

    หลังกึ่งพุทธกาลไปจะเป็นยุคใหม่ ขออนุญาตใช้ว่า "ยุคธรรมบัวบาน" ของท่านดอกไม้ เพราะทุกคนต้องมีสัจจะ ลดละนิสัย มีความรัก มีความดีงาม ความถูกต้องที่กระทำต่อหน้าที่ เพื่อความหลุดพ้นคือ นิพพาน...ค่ะ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2016
  4. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ก็ยังตอบได้แบบ โง่ๆ..เหมือนเดิม...คงได้แค่นี้แหล่ะนะ
     
  5. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ก๊อแค่ อ่าน จำ คนอื่นเขามา....จำที่คนอื่น โม้มา แล้วก็เอามาโม้ต่อ

    เหมือนเดิม...ถามอย่างนึง มันก็ยังตอบไปอีกอย่างนึง

    ถามว่า จิตยิ้ม รู้มั้ย ว่า....เกิดรู้ ขึ้นมาได้ยังไง

    ถามว่า จิตยิ้ม..รู้ในคำตอบ หรือไม่รู้ในคำตอบ..มันก็..แถ...ไปตอบ อีกอย่างนึง

    นี่แหล่ะหนาคนเรา...จะยอมรับว่าตนเองโง่....ก็ไม่ได้
     
  6. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    อยากได้คำตอบที่ทำให้ตนเองฉลาดขึ้น จะไม่ตอบให้บ้างเลยหรือค่ะว่า โง่ ๆ แบบเดิม ๆ เพราะอะไร? เพื่อที่จะได้มีความรู้ทำให้ฉลาดขึ้นบางหรือค่ะ
     
  7. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ตอบให้หน่อยซิค่ะว่า ...เกิดรู้ ขึ้นมาได้อย่างไร..อยากรู้คำตอบบ้างค่ะ
     
  8. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    จิตยิ้ม..ก็ กลับมาอ่าน ที่ตนเอง โพส อีกทีสิ

    อะไรจะเกิด มันก็เกิด
    อะไรจะเป็นอะไร มันก็เป็นของมันเอง..

    ค้านกันกัน

    ไม่มีอะไร บังเอิญ....มีเหตุมีผลของมัน

    (แล้วแกพูดมาทำไม มันค้านกันเอง..แกมัน..จับปลาสองมือไง)
     
  9. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207

    ที่ว่ามันค้านกัน ต้องลองอ่านประโยคนี้ใหม่ค่ะ โดยเนื้อแท้แล้วมันมิได้หมายความว่าอย่างที่คิดกันแบบจิตมนุษย์ทั่วไป และจะเน้นที่ตรงว่า......

    มันเหตุแห่งการเกิด มันมีเหตุแห่งการดับ มันมีเหตุแห่งการดำรงอยู่ และมีก็มีเหตุแห่งการดับสลาย

    ข้อความสีแดงก็ได้บ่งบอกไว้แล้วค่ะ...ว่าทุกอย่างมาจากเหตุ จะดับไปก็ด้วยเพราะเหตุค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤษภาคม 2016
  10. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ที่ถามไปยังไม่เห็นกล้าตอบมาเลย...ว่าตนเอง รู้จริง หรือ ไม่รู้จริง..ยังจะน่าด่าน..ถามอีก
     
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ก็นี่ไง..อันนึงไปจำเขาโม้มา.....อีกอันนึงจิตจักรวาลอุปทานพาไป

    เลยไม่มีอะไร..ที่ ตนเองรู้จริง เลยซักอัน..

    บอกให้อย่างนึงนะว่า....เหตุบางอย่าง..ไม่ต้องดับที่เหตุก็ได้ เพราะเหตุปัจจัยของมันหมดไปเองตามธรรมชาติ...

    ส่วน..ที่ต้องดับที่เหตุ..มีอยู่ ...รู้มั้ยล่ะ...หรือไม่รู้...หรือไม่กล้าตอบว่าตนเอง ไม่รู้..กลัว คนอื่น รู้ว่า..ตนเอง..โง่...ละสิ
     
  12. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    อนัตตาไม่ใช่ความว่างเปล่า

    อนัตตา เป็นลักษณะสุญญตา คือ ความมีที่เหมือนไม่มี

    นิพพานไม่ใช่การดับสูญ ดับสิ้นทุกอย่างไปเลย

    นิพพานัง ปรมัง สุขขัง นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง

    นิพพานสูตรที่ 1

    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิจจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้า พระจันทร์ พระอาทิตย์ ย่อมไม่มีอยู่ในอายตนะนั้น


    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราไม่กล่าวถึงอายตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการจุติ เป็นการอุปบัติ ซึ่งอายตนะนั้นหาที่ตั้งอยู่มิได้ มิได้มี มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้ นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์


    *****หาอารณ์มิได้ นั่นแลคือที่สุดแห่งทุกข์.....*****

    เป็นที่มาของการไขปริศนาแห่งธรรมจักร...กระทำสัจจะ ลดละนิสัย ค่ะ
     
  13. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    พลังงานที่จิตสร้างขึ้นมาแล้วทุกชนิด ที่เป็นพลังงานกรรม พลังงานใด ๆ ในจักรวาลนี้จะไม่สูญสลายหายไปแปรเปลี่ยนไป นอกจากมันจะเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติไปจากเดิม พลังงานกรรมที่ตนเองสร้างขึ้น ถือว่าตนได้สร้างเหตุการสร้างกรรมไว้แล้ว มันก็ยังเป็นคุณสมบัติของตนเองเอาไว้ ที่เรียกว่า รับผลวิบากกรรม หากการชดใช้ ยอมรับสำนึกผิด หรือ การกระทำที่ไม่เหมือเดิม เพื่อเปลี่ยนแปลงผลวิบากกรรมชั่วที่มีอยู่ ให้หมดไป โดยลดละนิสัยตนเองได้ เช่น อดทน อดกลั้น ขันติเป็นเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง ไม่กระทำแบบเดิมอีกแล้ว กรรมแห่งผลวิบากที่มีอยู่ก็จะเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติจากดำ ไปเป็นขาว หรือ เป็นกลาง อย่างนี้เป็นต้นค่ะ

    จึงเรียกว่า เหตุเกิดจากสิ่งใด ก็ดับที่สิ่งนั้น

    นิสัยที่ไม่ดี ๆ ที่ทำให้เราทุกข์ใจเพราะนิสัยนั้นซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า เราก็เลิกทำเสียจะไม่มีผลรับทุกข์

    มีปัญญาอบรมจิตให้รู้รอบ เป็นบุญญารมีสั่งสมความดี กระทำที่สัจจะไว้ในใจ

    นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ ลดละนิสัย ลดละอารมณ์

    ก็คือหาเหตุผล คลี่คลายอารมณ์ เหตุทุกข์นั้นเกิดจากใด เราก็ไม่สร้างเหตุ นั้นอีกต่อไป อย่างนี้เป็นต้น..

    เกิดที่เหตุ ก็ดับที่เหตุ ...

    เกิดที่ใจ ก็ดับลงที่ใจ....นะคะ
     
  14. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    แล้ว...โง่ ถาวร อย่างจิตยิ้มเนี่ย...ดับโง่ได้ที่ไหน
     
  15. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,076
    ค่าพลัง:
    +3,024
    มันจะมีอยู่พวกนึง....มันจะกระทำตน ว่า ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่มีโกรธ ไม่มีโลภ....มันจะอ้างว่าตนเอง ก้าวข้าม อารมณ์...เป็นระดับ..สูง....(แต่ตนเองยังมี หิว มีเหนื่อย มีเจ็บ มีป่วย .แต่ทำเป็นไม่สนใจใยดี..คิดว่าตนเอง...อยู่เหนือมัน)

    คนพวกนี้ เรียกว่า พวก มี โมหะ..หลงตัวเอง..คิดเอาเอง...แล้วก็ ยัง มีหน้ามา แพร่ สิ่งที่ตนรู้ (แพร่เชื้อความหลง)..ให้กับคนอื่น หน้าตาเฉย(หน้าด้านๆ)

    ถามอะไร ก็ตอบไม่ได้..ถามอย่างนึง มันก็ตอบไปอย่างนึง...เอาเข้าจริงๆ มันก็อ้างว่า ไม่ไช่ของมัน เป็นของคนอื่น แล้วเอามาเล่า อ้าง อีกที...เผื่อดีจะได้อ้างว่า ตนเองรู้เอง

    เท่าที่เห็นมา ก็มี....นิวรณ์ สีอายะ5 แล้วก็ จิตยิ้ม

    ...
    ถามว่า..ที่ตนเองรู้เองได้จริง มีอะไร...ตอบไม่ได้..ตอบแต่ อ้างตำรา อ้างครูอาจารย์ ..ว่าไปเรื่อย

    คุยแล้ว..สรุป..จบ...ไม่ได้...
     
  16. SegaMegaHyperSuperCyberNeptune

    SegaMegaHyperSuperCyberNeptune "โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านกระทู้ผม"

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2011
    โพสต์:
    4,087
    ค่าพลัง:
    +3,394
    เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือดารายังมีธรรมจักร
     
  17. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    ก่อนจะเปิดความลับเหนือฟ้ายังมีฟ้า มีอะไรมาให้ดูกันก่อนค่ะ

    ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ได้ฮือฮากันเป็นอย่างมากในเรื่องคลื่นแรงโน้มถ่วง ที่หลุมดำสองหลุมมาชนกัน แล้วเกิดปรากฎการณ์....

    ไขปริศนาคำว่า "คน" หรือ มนุษย์

    ไขปริศนา "หลุมดำ"

    ไขความลับ "คลื่นความโน้มถ่วง"
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  18. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    รูปภาพมหัศจรรย์ของจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ เราจะเห็นได้ทุกภาพจะมีศูนย์กลางคือแสงสว่างเสมอ

    จุดศูนย์ของกลางของเอกภพ คือ แสงสว่าง และความร้อนสูง

    จุดศูนย์กลางของจักรวาล คือ แสงสว่าง และความร้อนสูง

    จุดศูนย์กลางของทุกสรรพสิ่ง คือ แสงสว่าง

    ดวงอาทิตย์เป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล


    แสงสว่างตรงจุดศูนย์กลาง คือ อะไร ?

    แสงสว่าง...ทำไม? จึงมีความสำคัญต่อจิตวิญญาณ และ ทุกสรรพสิ่ง...
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  19. jityim

    jityim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    3,427
    ค่าพลัง:
    +3,207
    เรื่องความรู้จากจิตจักรวาล ที่ว่ามีการสั่นสะทือนสำนึกแรกรู้ อุบัติเป็นรูปธรรมพลังงานครั้งแรก...ได้อย่างไร?

    ลองนึกภาพพร้อมจินตานาการตามนะคะ...

    ให้แก้วน้ำพร้อมกับดินละเอียดที่ล้างสะอาดแล้ว ใส่น้ำลงไปในแก้ว 1-2 ช้อนชา ตักดินละเอียดที่ล้างแล้วลงไปในแก้วแล้วใช้ช้อนคนให้เข้ากัน คนไปเรื่อย ๆ จนสังเกตุเห็นว่า น้ำในแก้วใบนั้นจะเกิดการหมุนวนเป็นวงกลม โดยโมเลกุลของน้ำที่อยู่รอบนอกบริเวณใกล้ ๆ ขอบแก้วจะหมุนวนเป็นเกลียวแล้วม้วนตัวเข้าหาจุดศูนย์กลาง (นึกถึงภาพการคนกาแฟก็ได้ค่ะ) ขณะที่โมเลกุลของน้ำบริเวณจุดศูนย์กลาง ก็จะหมุนวนออกมาสู่ภายนอก กระทบกับขอบแก้ว แล้วค่อย ๆ หมุนวนกลับเข้าจุดศูนย์กลางใหม่ เป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ

    ในขณะที่โมเลกุลของน้ำในแก้วถูกทำให้ไหลวนเข้าสู่จุดศูนย์กลาง มันก็จะนำพาเอามวลเล็ก ๆ ของดินละเอียด ซึ่งเป็นสิ่งที่ลอยแขวนอยู่กับโมเลกุลของน้ำหมุนวนเข้าไปรวมตัวกันอยู่ตรงบริเวณจุดศูนย์กลางการหมุนวนในแก้วน้ำเช่นเดียวกัน อัตราความเร็วของการไหลวนของน้ำและแรงเหวี่ยงหมุนกลับเข้าจุดศูนย์กลางของน้ำ หลังกระทบกับแก้วอย่างต่อเนื่อง มันจะทำให้มวลเล็กละเอียดของดินที่แขวนลอยอยู่กับโมเลกุลของน้ำ ถูกเหวี่ยงให้หมุนให้ไปรวมตัวกันอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของการหมุนวนในแก้วน้ำทั้งหมดทั้งสิ้น

    ในสนามพลังงานสากลอันเป็นสถานที่อุบัติขึ้นของแก่นแท้พลังงานรูปธรรมแรก มันจะมีแก่นแท้ของสรรพสิ่งที่เป็นอนัตตาซึ่งมีความละเอียดยิ่งยวดอยู่ทั่วไปหมด ไม่ต่างไปจากมวลหยาบ ๆ ที่เล็กละเอียดของเม็ดทรายที่แขวนลอยอยู่กับโมเลกุลของน้ำในแก้ว หรือ ฝุ่นผงที่ลอยอยู่ในอากาศนั่นเอง เพียงแต่ว่าขอบเขตสนามพลังงานมันกว้างใหญ่ไพศาล จนอาจหยั่งถึงได้ ทั้งที่มันมีขอบเขตอันเป็นที่สุดของมัน

    สนามพลังงานสากลที่เป็นแก่นแท้อนัตตานี้ จะมีคลื่นความถี่อันเกิดจากอนุภาคของคลื่นที่เล็กละเอียดยิ่งกว่าคลื่นความถี่ทางพลังงานใด ๆ ในเอกภพมากมายนับไม่ถ้วน โดยต่างลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันอยู่เคลื่นไหลตามกันไปในทิศทางเดียวกัน โดยพากันหมุนวนเข้าจุดศูนย์กลางของสนามพลังงานนี้นานเท่าไรมิรู้ได้ ผลลัพธ์จากการหมุนวนของคลื่นพลังงาน เข้าหาจุดศูนย์กลางมันได้นำพาเอาแก่นแท้ของสรรพสิ่งที่เป็นอนัตตาติดไปกับคลื่นความถี่ต่าง ๆ ด้วย ซึ่งทยอยนำมารวมตัวกันที่จุดศูนย์กลาง ในการหมุนวนของสนามพลังงานสากลดังกล่าวนี้ ในลักษณะการสั่งสมเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ คล้ายการตกผลึกหรือตกตะกอนนั่นเอง จนเมื่อถึงจุดหนึ่งที่เกิดการรวมตัวกันอย่างเหมาะสมของแก่นเท้ของสรรพสิ่งที่เป็นอนัตตาทั้งหมดทั้งสิ้นแล้ว การสร้างความมีอัตตาตัวตน เกิดเป็นรูปธรรมทางพลังงานที่สมดุลก็อุบัติขึ้นมา

    สนามพลังงานที่ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยความว่าง คือ สนามพลังงานที่ละเอียดอ่อนมาก เป็นดั่งความความมีที่เหมือนไม่มี เมื่อมีการอุบัติขึ้นและดำรงอยู่ มันจะต้องมีสรรพสิ่งยิ่งกว่าอนัตตาซึ่งอยู่ในมิติที่สูงกว่าดำรงอยู่แน่นอน และสิ่งที่อุบัติขึ้นมานั้นก็พบว่าความจริงนั้นคือ "แก่นแท้ของสรรพสิ่งที่เป็นอนัตตา" นั่นเอง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. ธรรมดาบส

    ธรรมดาบส สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 พฤษภาคม 2016
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +23
    ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตแสดงเหตุและความดับไปของธรรมเหล่านั้น.
     

แชร์หน้านี้

Loading...