(((((( การเดินทางย้อนอดีตในจักรวาลคู่ขนาน )))))) Time Machine

ขอบคุณครับ

 

จะลองฝึกดูนะคะอยากทำได้อย่างคุณบ้าง

 

ต้องการคุยกับคุณวีระชัยเป็นการส่วนตัวเกี่ยวกับเรื่องการฝึกจิตนี้ไม่ทราบว่าจะติดต่อกับคุณวีระชัยได้ไหมครับผมเองก็สนใจเรื่องนี้อยู่มาก

 

เฮ้อ......

 

ยอดไปเลย อยากทำได้มั่งจัง

 

ขอบคุณครับ

 

เราเชื่อนะเรื่องจักรวาลคู่ขนาน

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD>จักวาลคู่ขนาน :
ตอนเป็นเด็กประมาณสัก3-4ขวบเห็นจะได้ค่ะ
ตอนนั้นเวลาเดินวนเสาจะต้องเดินวนกลับตามจำนวนเท่ากับที่เดินวนไปรอบแรก
เพราะเข้าใจว่าถ้าเราเดินวนเสาไปรอบนึงแล้วเนี่ยโลกของเราจะกลายเป็นอีกโลกนึงที่ไม่ได้มีพ่อ-แม่ พี่-น้อง ที่เป็นของเราจริงๆ
คล้ายๆว่าคนที่เหมือนเรานี่มันมีอยู่อีกในหลายๆโลก เลยต้องเดินวนกลับเพื่อกลับมายังโลกของเราจริงๆ

ตอนนั้นเชื่ออย่างจริงจังเลยว่ามันต้องมีโลกอีกหลายโลกแน่ๆและหากเราไม่วนกลับมาพ่อแม่ที่เราจะไปอยู่ด้วยจะไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริงของเราและ พ่อแม่ของเราจริงๆก็จะได้เด็กคนอื่นที่มาจากโลกอื่นมาอยู่ด้วย

แล้ววันนึงเราก็ได้เดินทางจากเชียงรายไปกรุงเทพ พอขากลับตอนนั่งจากกรุงเทพเพื่อกลับบ้านรถทัวร์พาเรากลับอีกทาง(ตามที่เข้าใจตอนนั้น)เราถามยายข้างบ้านที่มาด้วยกันว่าทำไมรถไม่พาเรากลับไปทางเดิมยายเค้าก็ยืนยันว่ารถขับกลับทางเดิมนะลูก


ตอนนั้นเราได้แต่ร้องไห้เพราะรู้สึกว่าการกลับบ้านครั้งนี้เราจะต้องไปในอีกที่นึงที่ไม่ใช่บ้านที่เราจากมา
และตั้งแต่นั้นมาเราก็รู้สึกว่าอยากหาทางกลับบ้านที่แท้จริงมาตลอด

จนเริ่มโตความรู้สึกมันก็ได้จางจางหายไป
กระทั่งเราได้มาอ่านเจอหลายๆบทความเกี่ยวกับเรื่องโลกคู่ขนานมันก็เลยทำให้เราเริ่มคิดถึงมันอีกครั้งและเชื่อว่าคนที่เชื่ออย่างเรานั้นยังมี

และความรู้สึกที่ว่าเราไม่ใช่คนในโลกนี้เราคือคนที่หลงมาอยู่ที่นี่แค่นั้นมันก็ยังผุดขึ้นมาเป็นครั้งคราว
มีใครเป็นอย่างที่เราเล่ามาบ้างมั๊ยคะเล่าให้กันฟังบ้างได้ไหม
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ที่แน่ๆ มีสูตรอธิบายทางฟิสิกส์ แต่ไม่มีเครื่องมือที่จะพิสูจน์ให้เห็นเป็นรูปธรรมเก่ี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะไม่มีเครื่องมือที่สามารถเร่งอนุภาคให้มีความเร็วมากกว่าแสงได้ และนี่อาจเป็นสิ่งที่ช่วยอธิบายเกี่ยวกับการเห็นอดีต และเห็นอนาคต ของคนเรา ซึ่งบางทีมันเกิดขึ้นกับเรา
แต่เราก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นกับเราได้ ว่ามันคืออะไรและ ไม่รู้ว่าจะเชื่อมันดีไหม

 

น่าสนใจมากเลย อยากทำได้มั่งจัง

 

ระวัง วิญญาณ fab !!!!!!!!!!!!!!!!

 

รวมทั้งจิตเป็นตัวควบคุมให้กายทิพย์เคลื่อนที่ได้เร็วกว่าแสง
- จิตสามารถส่งสันญาณได้รวดเร็วกว่าแสง คิดถึงก็ไปถึง
- พลังจิต ที่ส่งสัญญานออกไป มีอำนาจในการทะลุทะลวงสิ่งกีดขวางได้ ทุลุไปมิติต่างๆได้ ส่งเป็นอนุภาคของคลื่นที่ไม่มีรูปลักษณ์ แต่ส่งได้ถึงทุกที่ถ้าจิตสะสมพลังฌานมากพอ จะเกิดการทะลุละลวง เส้นแบ่งเวลา
- จิตมีพลังงานที่ขนาดมหาศาล มีพลังงานเป็นอนันต์เข้ารวมจิตจักวาล มนุษย์ที่ผ่านการฝึกจิตอย่างเข้มข้นแล้ว จึงเชื่อมต่อกับระบบของพลังจักรวาลมาใช้ได้ไม่มีวันหมด,
จิตไม่มีการตาย ก็จะไม่มีผู้ใดสำเร็จเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เลย
บสรุปของผม จิตมีวันแตกดับจิตมีตาย

 

ผมไปมาแล้วคับ จากการฝึกวิปัสนากรรมฐานปลงกิเลสบ่อยๆ ให้จิตนิ่ง สะอาด และ เห็นสีให้ครบคับ ยกไตรลักษณ์ในการปลงสีไปเรื่อยๆ จนเห็นสีดำมีขอบขาว ปฐิฐานจิตลงไปเลยคับ ลงไปสุดภาพชาติก่อนจะรอเราอยู่ข้างล่างสุดของหลุม จะดูชาติไหนก็อฐิฐานลงไป ลืมบอกวางจิตดูอยู่เหนือสะดือขึ้นมาสองนิ้วศูนย์กลางกายเป็นตาของจิตคับ วางจิตไว้ที่หัวจะมึนหัวไปเลยเพราะจิตเราแรงคับ
หมายเหตุ : ควรจับและหมุน ญาณ ฌานเป็นก่อนลงไปจะชัวไม่เพี้ยนคับ ถ้าดูได้คล่องแล้วทีนี้ไปดู นรก สวรรค์ได้ หรือ ภพภูมิอื่น แม้แต่หวย แต่จิตต้องสะอาดบริสุทธิ์คับ ไม่งั้นเพี้ยนหมด กายดำจะมาครอบแทน เราต้องใช้ธรรมกายตัวขาวดูคับ ต่อเมื่อ โลภโกรธหลงไม่มีจะชัดและนิวรณ์5 อายตะ6เราตัดได้ก่อนช่วงน้ัน จิตตามที่พระไตรปิฏกบอกจะดีได้ชัดและชัวคับคือ ครั้นจิตตั้งมั่น บริสุทธิ์ผ่องใส ไม่มีกิเลส ปราศจากอุปกิเลส เป็นธรรมชาติอ่อนโยน ควรแก่การงาน ตั้งอยู่อย่างไม่หวั่นไหวเช่นนี้แล้ว เธอชักนำจิตไปเพื่อ ญาณทัศนะ จิงๆเลยคับลองมาแล้ว

 

จิตไม่มีวันตายคับ ตายแต่ตัวจิตยังวนอยู่ในวัฏฏะ พุทธองค์เลยให้เราฝึกจิตเพื่อที่จะออกจากวัฏฏะเวียนว่ายตายเกิด พระอรหันก็ยังมีจิตแต่ไม่มีกิเลสแล้ว ซึ่งอยู่นอกเหนือ วัฏฏะ เราตายจิตตายเราก็บรรลุกันหมดแล้วคับ

 

คุณกำลังติดอยู่ในโลกที่ "จิตปรุงแต่ง" ขึ้น รีบออกมาแล้วก้าวขึ้นไปอีกขั้นได้แล้วครับ...
...สิ่งที่เกิดกับคุณทั้งหมดเกิดจากการที่จิตของคุณเข้าสู่ขั้น "ญาณสมาธิขั้นต้น" หรือการมองเห็นจิตของตน ซึ้งฝรั่งเรียกว่า Lucid Dreaming สภาวะนี้จะเกิดเป็นความฝันที่เหมือนกับความจริงมากๆ เมื่อเราอยู่ในสภาวะฝันแบบนี้เราจะสามารถรับรู้สัมผัสจากประสาทสัมผัสทั้งหมดได้เหมือนกับตอนที่อยู่ในโลกความจริง เรื่องราวที่เกิดขึ้นในฝันก็จะมาจากจิตใต้สำนึกของตัวเราในขณะนั้นมันจึงไม่ใช้เรื่องแปลกที่คุณจะสามารถเห็นอะไรก็ได้ที่คุณอยากเห็น ทำให้เราสามารถสร้างโลกเสมือนจริงขึ้นมาจากความฝันชนิดนี้ได้
.....ส่วนเรื่องอดีตและอนาคตนั้นไม่มีอยู่จริงอย่างแน่นอนครับไม่ต้องไปสืบหาให้เสียเวลา การที่มีคนสามารถมองเห็นอนาคตได้นั้นความจริงเขาไม่ได้เห็นอนาคตหรอกครับแต่ตัวเขาเองนั้นแหละที่เป็นคนกำหนดอนาคตขึ้นมาเอง กล่าวง่ายๆก็คือทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมาในจักรวาลนั้นเกิดมาจากการปรุงแต่งของจิตทั้งหมดครับ ซึ่งจิตที่ว่าหมายถึงจิตทั้งหมดในจักรวาล แต่ก็มีบางครั้งที่จะมีใครบางคนที่มีสภาวะจิตโดด(โดยมากเกิดมาจากความเชื่ออย่างบริสุทธิใจหรือศรัทธาขั้นสูง)จนจิตของเขาสามารถเอาชนะจิตทั้งหมดได้ เหตุการณ์เหนือธรรมชาติหรือสิ่งมหัศจรรย์ก็จะเกิดขึ้นได้นั้นเอง และสภาวะฝันเหมือนจริง หรือ Lucid Dreaming คือสาเหตุหลักๆที่ทำให้เกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นบนโลกเพราะคนที่เข้าสู้สภาวะนี้โดยไม่รู้จริงก็จะจบลงด้วยการคิดว่าเรื่องที่เกิดในฝันเป็นเรื่องจริง เชื่อจนถึงขั้นศรัทธา และในที่สุด...รู้แล้วใช้ใหมครับว่าความเชือแปลกๆมากมายเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
......แม้ว่าอดีตและอนาคตจะไม่มีจริงแต่จักรวาลคู่ขนานมีจริงอย่างแน่นอนครับและก็มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับจักรวาลของเราด้วย กล่าวคือจักรวาลคู่ขนานก็เกิดมาจากจักรวาลของเรา และในทางเดียวกันจักรวาลของเราก็เกิดมาจากจักรวาลอื่นอีกทีเช่นเดียวกัน ถ้าไม่เข้าใจให้นึกถึงการแบ่งตัวของสิ่งมีชีวิตเชลล์เดียวเป็นตัวอย่าง ซึ่งจักรวาลก็มีลักษณะเป็นเช่นนั้นคือมีการแบ่งตัวไปเรื่องๆ โดยแต่ละจักรวาลแม้ว่าในตอนแบ่งตัวครั้งแรกจะมีลักษณะทุกอย่างเหมือนกันแต่หลังจากแบ่งตัวแล้วแต่ละจักรวาลก็จะมีวิวัฒนาการของตัวเองจึงทำให้จะต้องมีจักรวาลที่ล้าหลังกว่าเราและล้ำหน้ากว่าเราหรือมีสภาพแตกต่างกันมากมาย ซึ้งนั้นก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเราโดยตรง แต่ก็มีความเชื่อมโยงกันอยู่นั้นก็คือแต่ละจักรวาลก็จะมีการส่งข้อมูลถึงกันและกันเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตเชลล์เดียว เมือข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้จึงทำให้เรารู้ได้ว่าจักรวาลแต่ละจักรวาลนั้นไม่ได้กว้างใหญ่อย่างที่เราคิด เพราะถ้าจักรวาลอื่นมีการส่งข้อมูลถึงจักรวาลของเราจริง สิ่งเดียวที่เราเห็นได้ในจักรวาลที่น่าจะเป็นตัวส่งข้อมูลระหว่างจักรวาลก็คือ "ดาวหาง" นั้นเอง ที่คิดว่าเป็นดาวหางเพราะดาวหางมีส่วนประกอบของ "น้ำ" ซึ่งเป็นมูลฐานของชีวิตและจิตวิญญาณ ดาวหางเดินทางมาจากที่ๆไกลแสนไกลใช้เวลาหลายสิบหลายร้อยปี แต่ถ้าข้อมูลนี้เป็นเรื่องจริงแล้วละก็ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันมนุษย์เราสามารถเดินทางได้เร็วกว่าดาวหางมากดังนั้นเราจึงจะสามารถเดินทางไปยังจักรวาลอื่นได้โดยใช้เวลาอาจจะไม่ถึงสิบปี
......ส่วนที่มีการเชื่อกันว่าจักวาลคู่ขนานอยู่ใน "มิติ" อื่นหรือ "ภพ" อื่นนั้นไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน โลกในมิติอื่นหรือภพอื่นนั้นเป็นโลกของ "จิต" ในแต่ละ "ถูมิ" ซึ้งก็มีความเชื่อมโยงกับโลกของเราโดยตรง เรื่องนี้และอีกหลายๆเรื่องที่เป็นเรื่องที่ทุกคนอยากรู้แต่ยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจนท่านผู้อ่านสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ถึงเวลาที่ทุกความฝันจะกลายเป็นจริง

 

น่าสนใจมากครับ อยากให้ช่วยแนะวิธี ถอดจิตสำหรับมือใม่ด้วยครับ

 

อยากกลับอดีตตอนเป็นเด็กๆ ได้ ถ้ากลับไปแล้วทำอะไรต่อมิอะไรได้จริงๆ จะกลับไปตั้งใจเรียนใหม่ แล้วเลือกเรียนสายวิทย์ (ช่วงมัธยมต้นเนี่ยสำคัญนะ เพราะเป็นพื้นฐานเลยว่าเราจะเลือกเรียนอะไรต่อในระดับมัธยมปลายและมหาวิทยาลัย) เราจะเน้นวิชาวิทยาศาสตร์กับภาษาอังกฤษให้มากๆ ง่าา...ตอนนี้เราอยากไปทำงานที่นาซ่าอ่ะค่ะ

ไว้จะลองไปฝึกวิชานี้ดู...คงจะตื่นเต้น สนุกสนานดีนะคะ

 

อยากไปลองทำดูละ