การเคลื่อนย้ายวัตถุทำได้ 3 แบบ

    ขอแจมด้วยครับ คำตอบง่ายฯ แต่ทำยาก  ก็ ปฏิบัติ ให้เข้าถึงญาน ๔ สิครับ

    คุณจะสามารถทำได้เกือบทุก อย่าง ที่คุณปราถนา

    ส่วนที่คุณ websnow เอ่ยมานั้นเรื่องเล็กครับ

 

เจอมาเยอะครับ ทุกวันนี้ก็ยังเจอ คือใช้อำนาจพลังจิตไปในการพิสูจน์สิ่งของ ก็ไม่ว่าอะไร มันก็แปลก แต่พวกเลวๆ ที่เอาไปควบคุมกาย จริต กล้ามเนื้อคนอื่น ทั้งวันทั้งคืน ด้วยอกุศลจิต ที่กระทำเป็นกลุ่มนี้เลวสุดๆครับ คือถ้าไม่เจอด้วยตนเองคงไม่รู้ว่าพวกนี้มันระยำจริงๆ

 

ผมใช้พลังได้เวลาโกรธจัด เช่น คิดเเล้วเหตุการณ์เกิด หรือทำให้เพื่อนล้มได้ครับ

 

สอนมั้งจิอยากทำเป็น เคลื่อนย้ายทำให้ตัวเองลอยได้ป่าวอ่ะครับ

 

ฟงครับ

คือว่าผมชื่อ ฟง ครับ อายุ 15 ปี สนใจเรื่องนี้มากๆเลยครับผมอยาก เคลื่อนย้ายวัตถุสิ่งของได้แบบไม่ใช้วิธีทางกายภาพอะครับ คุณ โอช่วย บอกเมลคุณให้ผมติดต่อทีได้ไหมครับ ผมอยากทราบว่า เคลื่อนย้ายสิ่งของ แบบไม่ใช่ทางกายภาพเนี่ย ของจริงปล่าวครับ คือผม อยากทำได้ครับ ช่วยทีครับ ใครก็ได้

 

ฟงครับ อายุ15ปี ผมอยากรู้ว่า มันเป็น ความจริง หรือ ปล่าวครับ
ผม อยากทำได้อะครับ แล้วลอยตัวได้ไหมครับ

 

เรื่องที่จะเล่าไปนี้ผมอยู่ฝั้งพระนคร เคยเห็นผ่านตาที่สามหลวงพี่ปี๊ดอยู่วัดลิงขบฝั้งธนธุรี แก่มีจิตอภิญญา
จากที่เห็นเวลาหลวงพี่แก่นอนบาตรของของพี่จะลอยได้
บาตรบังคับให้ลอยสูง ลอยต่ำ กลับมาตั้งตรงที่เก่า

ผมดูผ่านทางตาที่สาม ไม่ใช่ว่าเราอยากรู้อยากเห็นกำหนดดู
แต่มาปรากฏในสมาธิของเราเอง

ก็เลยรู้ว่า ผู้นี้ได้อภิญญาในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่เข้าขั้นวิปัสสนาญาณ

 

ไม่ไช่่ของยากสำหรับผู้ที่ได้ฌาน ๔  วิธี ที่ทำให้ตึกหรือภูเขาหาย 
เมื่อเข้าฌาน ๔ ระดับกลางหรือเรียกว่าเต็มกำลัง สติในชั้นนี้เป็นสติพละ
สติสัมโพชฌงค์ และสติสัมมาสติ ซึ่งเป็นองค์ของมรรค เข้าควบคุมจิตไว้อย่างกระชับที่สุดจึงมีกำลังที่จะสร้างทิพย์อำนาจได้ แล้วจึงอธิฐาน
ข้ามมิติแห่งกาลเวลา หรือจะใช้วีธีปรุงธาตุทั้ง๔ ก็ สามารถ เห็นผลเช่นกัน
เมื่ออธิฐานเสร็จ ก็ถอยระดับจิตกลับมาอยู่ที่ปฐมฌาน และกลับเข้าสู่
ฌาน ๔ อีกครั้งคราวนี้ให้อธิฐานย้ายตึก เข้าไปอยู่ในมิติแห่งกาลเวลา
เมื่ออธิฐานเสร็จ  คนธรรมดาจะมองเห็นว่า ตึกนั้นหายวับไปต่อหน้าต่อตา
ส่วนคนที่มีตาทิพย์หรือผู้ที่ได้อภิญญา จะมองเห็นว่าตึกนั้นยังอยู่ที่เดิมครับ
ไม่ได้เคลื่อนย้ายไปไหน

เจริญธรรมมาด้วยเมตตาจิต

 

ไม่ได้ว่า ว่าไม่เชื่อ นะค่ะ แต่ว่า พลังจิตคนเราถ้ามันสามารถทำได้ ถ้าอย่าง พระ แม่ชี ก้อ ต้องทำได้สิ เพราะท่านก้อถือศีลกันทั้งนั้น นั่งสมาธิ ฝึกการใช้สติ มากกว่าอารมณ์ ถ้ามันเคลื่อนได้จริง คนอื่นก็คงจะทำได้เช่นกันนะค่ะ หรือว่ามันอยู่ที่ บุญกรรม ความสามารถเฉพาะตัว ค่ะ

 

เดี๋ยวผมจะลองทำดู

 

เรียนสายวิทยาศาสตร์มา มีการทดลองหนึ่งเกี่ยวกับกระดาษและไม้บรรทัด
เริ่มโดยนำแผ่นกระดาษ A4 มาวางไว้บนโต๊ะ แล้วนำไม้บรรทัดพลาสติก
มาแนบกับรักแร้ (แถวบ้านผมเรียกจั๊กแร้) หุบแขนแล้วชักเข้าชักออกสัก
ห้าถึงสิบครั้ง แล้วนำมาวางบนกระดาษ ยังไม่ทันถูกตัวกระดาษเลย กระดาษ
ก็ลอยติดมาแล้ว เขาเรียกว่า 'ไฟฟ้าสถิตย์' ปัจจุบัน ผมจะสังเกตุว่าช่วงที่
บริเวณรอบๆตัวมีไฟฟ้าสถิตย์มาก ก็จะนำเศษกระตาษบางเบามาให้ปลายนิ้ว
ดูดได้ สนุกดีครับ แต่ในส่วนของพลังจิตนั้นผมยังไม่มีเทคนิคในการฝึกนักเลย
ยังทำไม่ได้ครับ

หมายเหตุ ในการทดลองนี้ ต้องใส่เสื้อมีแขนนะ ^^

 

เว๊ป มาสเตอร์ ขอคำชีแนะหน่อย นานมาแล้วประมาณ ปี 2537 ไปบวชชีพราหม์ ที่วัดวัดหนึ่ง 3 วัน 3 วันนี้เคร่งมากตามที่เขาบอก สวดมนต์ เช้า เย็น นั่งสมาธิ นิ่ง ไม่พูดเพ้อเจอ เรื่อยเปื่อย ไม่หัวเราะ นิ่ง นั่งจนรู้ว่าไม่มีร่างกาย เขาให้นึกถึงลูกแก้ว ใจจดจ่ออยู่อย่างนั้น มันเบามาก และรู้สบายมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก พอวันสุดท้ัายจะไปเก็บผ้าขนหนูผืนเล็กกับผ้าถุงที่ตากไว้ ซึ่งมันตากอยู่ไกลและคนเยอะมาก เป็นแสนคน คงไม่ต้องบอกว่าวัดใหน จะลุกไปต้องจำว่าอยู่ตรงเสาต้นใหนที่เท่าไร่ เพราะศาลาใหญ่มาก ผ้าไปตากผ้าขนหนูเซ้ดหน้า กับผ้าถุง กับเพื่อนอีกหนึ่งคน พอวันที่ไปเก็บก็ไปตรงจุดที่ตากไว้ อยู่ใต้ถุนศาลา ผ้าขนหนูและผ้าถุงของเพื่อน อยู่ครบ แต่ของเราไม่มีผ้าขนหนู มีแต่ผ้าถุง จึงพูดเพื่อนว่าผ้าขนหนูหาย ก็ตากตรงนี้ด้วยกันคู่กัน แล้วเดินกลับขึ้นมาเก็บกระเป๋ากัน มีเป้คนละใบ แต่พอเปิดกระเป๋าเก็บของ ต้องตกใจเพราะผ้าขนหนูมันกลับมาอยู่ในกระเป๋าได้อย่างไร ไม่รู้ เป็นไปไม่ได้เลยถ้าจะมีใครนำมาใส่ไว้ให้ เพราะไปสองคนกับเพื่อน และไม่คุยกับใครเลย จะลุกไปใหนก็ไปกับเพื่อน ไม่เคยแยกกันเลย 3 วัน ไปห้องน้ำก็ไปพร้อมกัน กินข้าวก็พร้อมกัน และห้องน้ำก็อยู่ำไกลเดินไกลหน่อย ไปลำบากไม่ค่อยอยากลุกไปเลยถ้าำไม่จำเป็น พอวันหนึ่งเคยได้อ่านข้อความเกี่ยวกับการใช้พลังจิตเรียกสิ่งของได้ ถ้าอยู่ระดับณาน ในระดับหนึ่งจึงนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ก่อนไปเก็บผ้ากับเพื่อนก็คิดและนึกถึงว่าจะไปเก็บผ้ากัน จึงสงสัยว่าเป็นไปได้ใหม เพราะช่วงนั้นนั่งสมาธิปุ๊บไม่ถึงหนึ่งนาที ตัวเบาเหมือนไม่รู้ว่ามีร่างกาย เลย

 

ถามเพราะสงสัย

มีช่วงหนึ่งที่ผมสนใจเรื่องของพลังจิตแบบหมกมุ่นมาก เพราะผมได้ดูดการแสดงของวินมายาจิต แล้วผมเกิดสงสัยว่ามันเป็นไปได้อย่างไร ผมก็เลยลองเด็ดลูกลำใยแล้วใช้มือขวาจับเบาๆแล้วมันจะมีแรงตึงขึ้น ผมพยามแล้วพยามเล่าก็ทำไม่ได้ที่จะทำให้ลูกลำใยนั้นไหม้ได้ จนเพื่อนเห็นพฤติกรรมเเปลกๆของผม เขาก็เลยบอกว่า เฮ้ยพอเถอะเดียวมันจะเป็นบ้าเอา ถ้าทำได้ค่อยมาทำให้เขาเห็น แล้วหลังจากนั้นผมก็นิ่งอยู่พักหนึ่ง แล้วจับลูกลำใยไว้ที่มือเฉยๆแล้วหลังจากนั้นผมก็ลองทำอีกรอบ แต่ครั้งนี้ผมรู้สึกว่าลูกลำใยกำลังตึงตัวขึ้น แล้วความตึงนั้นก็รู้สึกเหมือนมีไฟซ๊อตอยู่ที่มือผม แล้วผมรู้สึกว่าไฟฟ้านั้นไหลผ่านจากมือไปยังนิ้วชี้กับนิ้วโป้งแล้วรู้สึกเหมือนไฟกังลังฉีดเข้าไปที่กลางลูกลำใยตอนนั้นผมรู้สึกว่าหน้าท้องเกร็งหมดเลย แล้วผมก็รู้สึกวูบแล้วมองเห็นเเสงเป็นเส้นตรงแล้วลูกลังใยก็สั่นสะเทือนแรงมากในความรู้สึก แล้วรอยไหม้ก็เกิดตามเส้นที่เห็นและไหม้เป็นจุด ผมดีใจมาก พอจะทำอีกก็ทำไม่ได้ พอตกตอนนอนเท่านั้นแหละรู้สึกหนาวร้อนๆนังไงก็ไม่รู้แล้วรู้สึกว่ามีพลังงานหมุนอยู่ตลอดเหมือนมันยุบเป็นรูปหมุนอยู่ที่กลางมือ ผมทรมานมากจนต้องหยุดสนใจเรื่องนี้ไป และมารู้ทีหลังว่า ธาตุไฟเข้าแทรกมันเป็นอย่างนี้นี่เอง!
และปัจุบันผมทำได้แค่สัมผัสแรงสั่นในอากาศได้และทำให้คนอื่นสัมผัสได้เช่นกัน แต่เคลื่อนย้ายวัตถุยังไม่ได้
ที่ถนัดคือจับช้อน ผมควบคุมทิศทางของคลื่นได้รู้สึกหนักๆหน่วงๆแต่ช้อนมันไม่งอให้ผมนะต้องทำไงอะคับ ผมยังขาดอะไร แล้วจะเพิ่มแรงจากภายนอกได้อย่างไร ที่แน่ๆลักษณะแรงสันของคลื่นมันเหมือนการลูบฆ้องให้เกิดเสียง! ผมบกพร่องตรงไหนอยู่หรอคับ
จะขอบคุณมากที่ให้คำตอบ

 

พลังจิตมีจริงๆ มีทุกคน อยู่ที่ใครจะรู้จักนำมาใช้ให้เกิดผลมากกว่า ถ้าลักษณะที่น้องฝึกจะเป็นการใช้พลังงานของร่างกายไปควบคุมวัตถุ ไม่ได้ใช้พลังจิตโดยตรง ที่บอกว่าไม่ใช่โดยตรงเพราะร่างกายไม่ได้มีแค่องค์ประกอบของธาตุต่างๆ รวมกันเฉยๆ แต่เมื่อวัตถุธาตุมีการรวมตัวในลักษณะที่ธาตุพื้นฐานครบองค์พอดีของการมีชีวิต จะมีพลังงานส่วนนึงที่ไม่ใช่พลังงานทางกายภาพที่วัดค่าได้โดยทั่วไป อย่างพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าจะมีปล่อยออกมาจากสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ในรูปแบบคลื่นความถี่ซึ่งจริงๆ แล้วมันเป็นผลต่อเนื่อง ในการแสดงออกของกระแสพลังงาน อธิบายซะยาว

เอาง่ายๆ ว่าเขาเรียกว่าออร่า ปราณ หรือพลังอะไรก็แล้วแต่ แต่พลังงานรูปแบบนี้ต้องอาศัยจิตควบคุมอีกที หมายความว่า ถ้าน้องจะเคลื่อนที่วัตถุอื่นด้วยพลังงานพวกนี้ น้องต้องอาศัยจิต จินตนาการให้รู้สึกถึงให้เห็นเป็นพลังงานหรืออะไรก็แล้วแต่จะนึกได้ ที่ทำให้ "เชื่อมั่น" ว่าสามารถส่งไปผลัก กระแทก หรือควบคุมให้วัตถุนั้นๆ เคลื่อนที่ได้

ที่เน้นว่าเชื่อมั่น เพราะตัวนี้สำคัญกว่าการกำหนดจิตเป็นสมาธินิ่งเฉยๆ จนถึงฌาน เพราะถ้าฝึกตามสายอภิญญาจะไม่ได้ใช้การนึก แต่เป็นการใช้พลังจิตโดยตรง คนละประเภทกัน

ไม่ต้องไปกลัวครับ เวลาฝึกให้สร้างภาพให้ชัดเห็นเป็นก้อนพลังงานหรือแสงอะไรก็ได้ให้ชัดก่อน แล้วค่อยส่งออกไป ปัญหาคืออย่าใจร้อน ของแบบนี้ไม่ใช่จะทำไม่กี่ครั้งแล้วจะได้ผล ต้องฝึกกันเป็นแสนๆ ล้านๆ ครั้งครับ จิตถึงจะเรียนรู้และเอาพลังมาใช้งานได้

อย่าเพ่งบังคับ ให้รู้สึกเหมือนเราทำเล่นๆ สบายๆ ไม่ต้องไปตั้งความคิดอยู่ที่ว่าจะบังคับ แต่ให้รู้สึกถึงว่าพลังงานรวมตัวกันเป็นก้อนหรือเป็นเส้นสายส่งออกไปได้จริงๆ ความคิดอื่นตัดทิ้งครับ

สนับสนุนนะครับ ดีกว่าไปหมกหมุนอย่างอื่น ส่วนเรื่องการเรียนถึงไม่มีเรื่องนี้ ก็ใช่ว่าเด็กๆ จะสนใจเรื่องเรียน ก็เอาแค่เอาตัวรอดได้ก็พอครับ สำคัญว่าวัยนี้เป็นวัยกำลังเรียนรู้ ยิ่งได้ทดลองได้ฝึกเองมีประสบการณ์ วันข้างหน้าอาจจะเอาเรื่องพวกนี้มาประยุกต์รวมกับเทคโนโลยีในอนาคตก็ได้ใครจะรู้

 

ขอบคุณคับสำหรับคำตอบที่ดีที่สุด ผมจะพยามค้นหามันอย่างมีเหตุผลที่สุดคับ(kiss)

 

ยิ่งอยากยิ่งจะไม่มีครับ

 

ใช้คับ ทุกอย่างต้องเริ่มจากการหยุด บางครั้งหยุดเกิน555
สัญชาตญาณไม่ใช่สิ่งที่เข้าถึงง่ายๆ ทุกอยากเหมื่อนต้องการความอ่อนน้อมจากใจเราเสมอ เหมือนมันมีชีวิตยังไงยังงั้นเลย
ขอบคุณคับสำหรับข้อแนะนำ

 

การ์ตูนวันพีช เป็นการ์ตูนที่ผมชอบเหมือนกัน เพราะเนื้อหามันทำทาสอดคล้องกับความจริงมากๆตอนที่เขาใช้ฮาคิครั้งแรกต่อหน้าแฮนค็อก อภิญญาชัดๆโดยฉเพราะเรื่องของวิทยาศาสตร์ ทำออกมาได้สอดคล้องกันมากๆ ผมว่าความจริงกับนิยายมันก็มีจริงและไม่จริงปนกันอยู่

 

คุณคิดว่าอารมณ์แต่ละระดับมีผลต่อไฟฟ้าในร่างกายไหม!

‪#‎ภาษาไทยคือเข็มทิศ‬
ไขระหัสลับ"ภาษาไทย"
ทำไมพ่อขุนราม ถึงเอาไก่มาไว้ที่กอ เอาขอมาวางไว้ข้างๆไข่ ความสมบูรณ์อาจแค่70%-80%เท่านั้นนะคับ อันนี้มันเข้ามาในหัวผมเอง เคยได้ยินคำว่า"น้ำเสียงสะกดอารมณ์ไหมคับ" ให้ดูสันดานของสัตว์ที่อยู่ในตัวอักษรและคุณสมบัติของวัตถุนั้นโดยเรียงจากหน้าไปหลังสระคืออารมเสริมโดยพยันชนะตัวท้ายคืออารมณ์ลึกสุด
ความหมายคำว่า"ภาษา"
ภ ษ = อารมณ์ของสมาธิ
ทำให้ผมเห็นได้ว่า อารมณ์แต่ละรูปแบบให้ผลสมาธิที่แตกต่างกันออกไป น้ำเสียงคือตัวสะกดอารมณ์ ที่อาจบ่งบอกบุคลิกโดยคำนวณระดับอารมณ์บุคคลนั้นจากชื่อ ว่านิสัยของบุคคลนั้นใกล้เคียงกับชื่อเขามากแค่ไหน โดยแบ่งออกเป็น44ลักษณะนิสัย
1.ก.ไก่ = ชอบขุดขุ้ย คิดค้น เขี่ยหา เอา จนราบ ไวต่อภัยคุกคาม ชอบทำอะไรง๊อกๆแง็กๆ
2.ข.ไข่ = ในธรรมชาติ ที่ไหนมีไข่ที่นั่นต้องมีแม่กก อาจหมายถึงอานาจผู้ใหญ่
3.ฃ.ขวด = (แปลยังไม่ได้)ญาติ ข.ไข่
4.ค.ควาย = อึด ทน หยาบ แข็ง
5.ฅ.คน= หัวหยักหากิน ถ้ากินกันเองจะเป็นเรื่องใหญ่ ก็เลยใช้ ค.ธรรมดาในการหากิน
6.ฆ.ระฆัง= ดังก้องกังวาล
7.ง.งู = ในความเป็นงูถ้าเราทำร้ายมันมันก็ทำร้ายเรา มีความฉกาจ
8.จ.จาน = ใส่กิน
9.ฉ.ฉิ่ง = เสียงฉะเพราะกลุ่ม
10.ช.ช้าง= ถ้าเปรียบคน ช้างน้อยมักขี้แย พอเป็นวัยรุ่นหน่อย(ข้าใหญ่) พุ่นเหลว!
11.ซ.โซ่= การผูกล่าม
12.ฌ.เฌอ= (แปลยังไม่ได้) เขาว่า"คู่กัน" แต่ผมยังไม่ได้ว่า
13.ญ.ผู้หญิง= เขาว่าสาโภหรือว่า"โสภา"อันนี้เขาว่า ผมก็ว่ากับเขาด้วย โย่ว!
14.ฎ.ชะฎา=เเหลมเชิงสร้างสรรค์
15.ฏ.ประฏัก= แหลมเชิงเสียบใจ
16.ฐ.ฐาน= พื้นฐานหรือมีรากฐาน
17.ฑ.นางมณโฑ=เกี่ยวกับความขาวๆอ่อนๆ
18.ฒ.ผู้เฒ่า= มีความอวุฒิโสในตัว
19.ณ.เณร= มีเมตตา
20.ด.เด็ก= จิตใจไร้เดียงสา หรือ บริสุทธิ
21.ต.เต่า= แข็งนอกอ่อนใน
22.ถ.ถุง= ถุงทุกวันนี้เปลี่ยนเป็นประเป๋าเป้แล้ว สามารถเอาสิ่งที่มีอยู่ใช้ประโยชน์แบกไปไหนมาไหนได้ แต่ ถ.ถุงใส้จุได้น้อยกว่าตัว ฤ.(รึ) เพราะตัว ฤ.(รึ) คือ ถุงหางยาว
23.ท.ทหาร= อดทนเชิงนิ่ง
24.ธ.ธง= สะบัดเชิดชูอย่างโดนเด่น
25.น.หนู= หากินเก่ง ได้กลิ่นไกล
26.บ.ใบไม้=สะบัดเชิดชูธรรมดา(กลางๆ)
27.ป.ปลา= ร้อนแต่ไม่รน เพราะปลาอยู่ในน้ำ
28.ผ.ผึ้ง= การสร้างหรือผู้สร้าง
29.ฝ.ฝา=เกี่ยวกับการปิด
30.พ.พาน=ความอ่อนน้อม
31.ฟ.ฟัน=กัดกิน
32.ภ.สำเภา=กางใบไปตามลม(ตามอารมณ์)
33.ม.ม้า=คึกคัก(ห้าว)
34.ย.ยักษ์=เกี่ยวกับอำนวจใหญ่ ยักษ์ตนนี้จะมีอำนาจยิ่งใหญ่สูงส่งได้ ก็ต่อเมื่อยักษ์ตนนี้ไม่กินคนแม้แต่ทำให้ใครเสียความรู้สึกก็ตาม ขอฝากไปถึงผู้รักษากฏหมาย ถ้าทำอะไรที่มี่เหตุผล เขาจะ
เห็นความเป็นยักษ์ในตัวของผู้การรักษากฏหมาย แต่ถ้าทำทรามประชนจะไม่เห็นความเป็นยักษ์ในตัวคุณ (ลบ ย.ยักษ์ออก)
35.ร.เรือ= ประเภทไหลไปตามน้ำ
36.ล.ลิง=ขี้ดือ
37.ว.แหวน=เกี่ยวกับความแวววาว
38.ศ.ศาลา=ให้ร่มเงาพักพิง
39.ษ.ฤาษี=ประเภทสมาธิ
40.ส.เสือ=ดาวคะนอง(ดาวร้าย)
41.ห.หีบ= การหาสมบัติ
42.ฬ.จุฬา=(แปลยังไม่ได้)
43.อ.อ่าง=การรองรับหรือที่ว่าง ตัว อ.อ่าง จะสังเกตุได้ว่าจะอยู่กับสระเป็นที่ว่าง
44.ฮ.นกฮูก=เกี่ยวกับความมืด
สระคือคุณสมบัติเสริม
1. ั .ไม่หันอากาศ=รอบอากาศหมุนระดับ1
2. -ะ .สระอะ=ไม้หันอากาศ2ตัวรอบอากาศหมุนระดับ2
3. -า .สระอา= รอบอากาศหมุนระดับพายุ (ระดับ3คือระดับสูงสุด)ไร้การควบคุม
4. ิ .สระอิ= ตายิ้ม
5. ี .สระอี= หางตาชู
6. ึ .สระอึ=น้ำตาเริ่มซึม สังเกตุได้ว่าเวลาคนกำลังจะร้องไห้ จะเห็นได้ว่าเสียงสระอึเริ่มมา
7. ื .สระอือ=ร้องไห้แล้วเห็นมั๊ย! อีกความหมายอาจเป็นการ แผ่ความรู้สึก
8. ุ .สระอุ= เกี่ยวกับใต้ๆ
9. ู .สระอู= เกี่ยวกับใต้ๆเหมือนกันแต่สามารถขึ้นมาได้(เข้าได้ออกได้)
10. เ- .สระเอ= กำแพง1ชั้น
11. แ- .สระแอ=กำแพง2ชั้น
12. โ- .สระโอ=เกี่ยวกับการโอ้(โม้ก็ว่าได้)
13. -ำ .สระอำ=น้ำค้างพรมห์ลมเย็นเมื่อยามดึก
14. ใ- .สระใอไม้ม้วน=แรงดึงดูด(ขั้วลบ)
15. ไ- .สระไอไม้มลาย=แรงผลักไส(ขั้วบวก)
16. ฤ .รึ=ถุงหางยาว
17. ฤา .รือ=ถุงหางยาวที่มีอากาศระดับ3อยู่ภายใต้
18. ฦ .ลึ=อารมณ์หางยาว
19. ฦา .ลือ=อารมณ์หางยาวที่มีอากาศระดับ3อยู่ภายใต้อีก(ปาติโธ้)
ตัว ฦ และ ฦา ปัจจุบันเลิกใช้แล้ว คงไม่ต้องถามหรอกว่าทำไม! ส่วนวรรณยุกต์ผมยังไม่แน่ชัดกับความหมายเหมือนกัน ทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยความละเอียด
ตีเหมือนหวยนี่แหละคับ555
ถูกใจแชร์ให้ทั่วโลกนี่คือความยิ่งใหญ่ของภาษาไทย
Wittawat p.

 

โลกเละเเทะ นะผมว่า